คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ศิษย์
ในห้องที่มืดสลัวของกระท่อมแห่งหนึ่ง แสงแดดยามเช้าส่องเข้ามาทางหน้าต่างทำให้ห้องมือสลัวนี้เริ่มสว่างขึ้น แสงแดดส่องลงมายังใบหน้าของเด็กหนุ่มผู้นอนอยู่บนเตียง ผมสีแดงเป็นประกายเมื่อต้องแสงแดด เปลือกตาที่ปิดสนิทเริ่มกระพริบ เขาดึงมือซ้ายออกจากผ้าห่มผืนหนาแล้วนำขึ้นมาทาบหน้าผากเพื่อบังแสงแดดเขาพยายามใช้มือขวาดันตัวขึ้น
“อุ๊บ ” เซริกส์ร้องขึ้นทันทีด้วยความเจ็บปวด
เขาพยายามฝืนพยุงตัวเองขึ้นนั่งบนเตียง เขาพักหายใจสักพักพลางกวาดสายตามองไปรอบๆ สายลมที่พัดเข้ามาจากหน้าต่างทำให้อากาศเย็นสบาย บรรยากาศรอบๆห้องดูเรียบๆ เขามองไปยังส่วนต่างๆของห้องตู้เก็บของเก่าๆ เก้าอี้ไม้ เขาสะดุดตากับชั้นวางของซึ่งบนนั้นมีแท่งแก้วที่ภายในบรรจุโซลไว้เม็ดหนึ่งโซลเม็ดหนึ่งสีของมันเป็นสีน้ำเงินเข้มราวกับสีของทะเลลึก ยิ่งจ้องมองก็ยิ่งเหมือนกับถูกดึงดูด เขาจ้องมองมันอยู่นานโดยไม่รู้ตัว
“นั่นเป็นของๆเจ้า ” เสียงของใครบางคนดังขึ้น
เขารีบหันไปมองเจ้าของเสียงในทันที ชายวัยกลางคนอายุราวๆ 50 เขาสวมเสื้อยืดสีดำกางเกงขายาว ผมยาวสีดำสนิทถูกมัดรวบไว้อย่างเป็นระเบียบ หนวดเคราขึ้นพอประมาณทำให้ใบหน้าของชายวัยกลางคนผู้นี้ดูน่าเกรงขาม นัยน์ตาสีดำ แม้จะดูมีอายุแต่ร่างกายกลับดูราวกับคนหนุ่มกล้ามเนื้อเป็นมัดเห็นได้อย่างชัดเจน ตามแขนของเขาปรากฏแผลเป็นมากมายบ่งบอกถึงประสบการณ์การรบอย่างโชกโชน
“หึ หึ แผลของเจ้ายังไม่หายดี เจ้าควรจะนอนพักให้หายดีเสียก่อน ”
ชายวัยกลางคนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงน่าเกรงขามพร้อมกับจ้องไปที่หน้าของเซริกส์
“ท่านเป็นใคร ?”เซริกส์เอ่ยถามขึ้นทันที
“หึหึ ข้ายังไม่ได้แนะนำตัวสินะ ข้าคือ ไกอา ผู้ที่บัดนี้ไปจะเป็นอาจารย์ของเจ้า”เขาพูดขึ้นอย่างมั่นใจ
“ข้าขอบคุณท่านมาก ที่ท่านช่วยชีวิตข้า แต่ทำไมถึง...?”เซริกส์เอ่ย ถามน้ำเสียงของเขาเจือความยำเกรงและความสงสัยต่อชายวัยกลางคนผู้นี้
“หึ หึ เพราะอะไรนะหรือ ? แล้วเจ้าจะรู้เองเด็กน้อย อีกอย่างเจ้าเป็นหนี้ชีวิตข้า พึงระลึกไว้เสียด้วยว่าชีวิตของเจ้าในตอนนี้ไม่ใช่ของเจ้าอีกต่อไป ” ไกอาผู้น่าเกรงขามตอบ เสียงหัวเราะของเขามีพลังกดดันมหาศาลทำให้เซริกส์ถึงกับเหงื่อแตก
“ใช่สิ ” ไกอาพูดขึ้นพร้อมกับมองไปยังแท่งแก้วซึ่งบรรจุโซลสีน้ำเงินเข้มที่วางไว้บนชั้นวางของ
“นั่นเป็นของๆเจ้า ” ทันทีที่พูดจบ เขาก็เดินออกจากห้องไป
“นี่คงเป็นชะตากรรมสินะ ในเมื่อฟ้าลิขิตมา ข้าก็ไม่อาจจะฝืนอะไรมันได้ ” เซริกส์บ่นพึมพำกับตัวเอง
สายตาจ้องมองไปยังนอกหน้าต่าง นัยน์ตาสีกำมะถันจ้องไปยังท้องฟ้าที่กว้างไกลด้วยความเด็ดเดี่ยว แน่วแน่
“หึ ไม่ว่าชะตากรรมจะเป็นอย่างไร ข้าก็จะขอสู้กับมันจนถึงที่สุด ” ใบหน้าของเขาเผยรอยยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง รอยยิ้มที่บ่งบอกถึงความสนุกในความท้าทายของชะตากรรม
----------------------------------------------------------------------------------------------------
ผ่านไปราว 3 ปี
“เช้ง !!! เคร้ง !!!” เสียงของมีคมปะทะกันอย่างดุเดือด ดังติดต่อกันอย่างไม่ว่างเว้น เป็นเสียงของยอดฝีมือสองคนที่กำลังปะทะกันอย่างเมามัน รอบๆตัวพวกเขาปรากฏรอยดาบมากมาย ต้นไม้ใหญ่ โขดหินขนาดใหญ่ แม้แต่ลำธารที่อยู่ห่างออกไปก็ยังปรากฏร่องรอยแห่งการต่อสู้ ทันใดนั้นเสียงของหนึ่งในสองยอดฝีมือที่ปะทะกันก็ดังขึ้น
“ฮ่าฮ่าฮ่า มีปัญญาแค่นี้หรือไงเจ้าหนู ฮ่า ฮ่า แค่นี้ก็เหนื่อยหอบแล้วหรือไง” เป็นเสียงของไกอานั่นเอง
แม้การต่อสู้จะดูดุเดือดรุนแรง แต่น้ำเสียงของเขาบ่งบอกถึงความสนุกสนาน คำว่าเจ้าหนูที่เขาพูดขึ้นทำให้เดาได้ไม่ยากว่ายอดฝีมืออีกคนที่กำลังต่อสู้อยู่กับเขาคือใคร
“แฮ่ก ๆ ” เสียงหอบด้วยความเหน็ดเหนื่อยดังออกมาจากเขาผู้นั้น
“แฮ่ก ๆ ถ้าอย่างนั้นท่านก็...แฮ่กๆ... รับมือ !!! ” เป็นเซริกส์นั่นเอง แม้จะเหนื่อยล้า แต่ใบหน้าของเขากับปรากฏรอยยิ้ม ราวกับสัตว์ป่าที่สนุกกับการต่อสู้เขาพุ่งทะยานเข้าใส่ไกอาอย่างบ้าคลั่ง ดาบขนาดยักษ์ในมือของเซริกส์มีลักษณะเช่นเดียวกับของไกอามันถูกง้างเตรียมที่จะเข้าปะทะอย่างบ้าคลั่งดุเดือดอีกครั้ง
“เคร้งงงงงง !!!”เสียงดาบปะทะกันหลายครั้งในหนึ่งวินาทีเร็วจนแทบจะฟังเป็นเสียงเดียวตามมาด้วยเสียงตะโกนอย่างบ้าคลั่ง
“ย๊ากกกก !!!” เซริกส์ตะโกนพร้อมกับพุ่งตัวเข้าหาไกอาอย่างเต็มกำลัง
ดาบขนาดใหญ่ลักษณะเหมือนของไกอาถูกกำแน่นด้วยมือทั้งสองข้าง มันถูกใช้ฟาดฟันอย่างดุดัน ฟาดฟันแต่ละครั้งเกิดประกายไฟสีส้มเข้ม ตัวดาบถูกคลุมด้วยออร่าสีแดงบางๆเพื่อเพิ่มความทนทานและพลังโจมตี แต่ไม่ว่าเซริกส์จะโจมตีรุนแรงสักเท่าไหร่ ไกอาผู้แข็งแกร่งก็ปัดป้องการโจมตีของเขาได้อย่างง่ายดาย ขณะที่การต่อสู้ดำเนินไปถึงจุดหนึ่ง ไกอาถีบตัวถอยไปตั้งหลักอย่างรวดเร็ว ด้านเซริกส์ก็พุ่งตัวเข้าหาโดยไม่ให้ไกอาผู้เป็นอาจารย์ได้ตั้งตัวแต่มันก็เปล่าประโยชน์
“เคร้ง !!” เสียงดังขึ้นพร้อมกับดาบเล่มใหญ่ของคนใดคนหนึ่งในหมู่พวกเขากระเด็นลอยลิ่วขึ้นไปบนท้องฟ้า แล้วมันก็ตกลงมาเสียบพื้น “ฉึก” เป็นดาบของเซริกส์นั่นเองมันถูกแรงปะทะที่รุนแรงจากดาบของไกอาผู้เป็นอาจารย์จนหลุดออกจากมือ เซริกนั่งทรุดกับพื้นพร้อมกับเสียงหอบและเหงื่อที่เปียกโชกทั่วตัว
“ฮ่าๆ ประมาทข้าเกินไปแล้วเจ้าหนู ”ไกอาพูดขึ้น
“แฮ่กๆ” เซริกส์ไม่ได้พูดจาอะไร เขาได้แต่หอบด้วยความเหนื่อย สายตามองไปยังผู้เป็นอาจารย์ด้วยความเคารพ รอยยิ้มยังคงปรากฏอยู่บนใบหน้าแม้เขาจะพ่ายแพ้
ไกอามองไปยังศิษย์ของตนด้วยความพอใจแล้วเอ่ยปากขึ้น “เอาหละ วันนี้พอแค่นี้เจ้ากลับไปพักผ่อนซะ พรุ่งนี้เจ้าต้องเดินทางแต่เช้า”
“แฮ่กๆ ...เดินทาง ?” แม้เซริกส์จะเหน็ดเหนื่อยจนไม่อยากพูดจา แต่คำพูดของไกอาทำให้เขาประหลาดใจจนต้องฝืนเหนื่อยเอ่ยปากถาม
“ใช่แล้ว จากนี้ไปเจ้าต้องฝึกฝนด้วยตัวเอง” ไกอาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังแววตาจ้องไปยังเซริกส์
“นับจากพรุ่งนี้เป็นต้นไปข้ามีเรื่องที่จะต้องทำ” น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนไป บ่งบอกถึงความไม่สบายใจนิดๆ น้ำเสียงที่เจือความไม่สบายใจนี้ทำให้เซริกส์ผู้เป็นศิษย์สงสัย ไกอาหันกลับมามองศิษย์ของเขาอีกครั้งแล้วยิ้ม
“หึ หึ เจ้าไม่ต้องห่วงไปหรอกข้าเตรียมการทุกอย่างให้เจ้าแล้ว ”
หลังจากที่พูดจบเขาก็เดินจากไปโดยไม่หันหลังกลับมามองผู้เป็นศิษย์…
เวลาล่วงเลยไปดวงอาทิตย์ที่ลอยเด่นอยู่ในยามเช้าบัดนี้ถูกแทนที่ด้วยพระจันทร์ ในกระท่อมกลางป่าของไกอา เซริกส์ผู้เป็นศิษย์กำลังพักผ่อนอยู่ในห้องของเขา ห้องที่มืดมิดมีเพียงแสงจันทร์เท่านั้น นัยน์ตาสีกำมะถันจ้องมองไปยังพระจันทร์บนท้องฟ้า ในมือกำของบางอย่างอย่างทะนุถนอมมันคือ โซลเม็ดสีฟ้าที่เต็มไปด้วยความหลังนั่นเองบัดนี้มันถูกทำเป็นสร้อยเพื่อให้พกพาได้สะดวก เขานั่งเหม่อลอยบนเตียงพลางนึกถึงเรื่องเมื่อครั้งอดีต เวลาผ่านไปความอ่อนล้าและความง่วงทำให้เขาหลับไปในที่สุด
เมื่อรุ่งเช้ามาเยือน กระท่อมหนังนี้ก็ไร้ซึ่งผู้คนภายใน ไกอาผู้เป็นเจ้าของได้ออกจากที่นี่ไปตั้งแต่เช้ามืด เวลานี้บริเวณรอบๆมีเพียงเซริกส์ซึ่งจ้องมองกระท่อมหลังนี้จากจุดที่ไกลออกไป ชุดคลุมสีดำพร้อมกับดาบขนาดใหญ่ที่ถูกสะพายกลางหลัง ทำให้คนผู้นี้ดูน่าเกรงขามขึ้นกว่าแต่ก่อนหลายเท่าตัว เส้นผมสีแดงลอดออกมาจากหมวกของชุดคลุม
“ลาก่อน บ้านของข้า” เขาพรึมพรำขึ้น
ใบหน้าใต้ชุดคลุมปรากฏรอยยิ้มขึ้น เขาหันหลังให้กับสถานที่ที่เขาเรียกว่าบ้านนี้ และเริ่มเดินห่างออกไปโดยไม่หันกลับมามอง . . .
ความคิดเห็น