คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ : จุดเริ่มต้นแห่งชะตากรรม
ท่ามกลางความมืดมิดในยามค่ำคืน มีเพียงแสงสว่างจากดวงจันทร์สีแดงฉานที่เจิดจรัสบนฟากฟ้า ณ เมืองแห่งหนึ่งซึ่งเคยเป็นเมืองใหญ่ที่เจริญรุ่งเรือง ในตอนนี้หลงเหลือไว้เพียงแค่เศษซากของเมือง เป็นเพียงโบราณสถานเก่าๆ บรรยากาศอันน่าหวาดกลัวแผ่ขยายไปทั่วบริเวณ ชายหนุ่มในชุดคลุมสีดำปรากฏตัวบนซากหอคอยสูงราวๆ4เมตรเขาจ้องมองลงมายังพื้นเบื้องล่างซึ่งมีเหล่า "อสูร" ราวๆ 20 ตัวกำลังจ้องมองมาทางเขา พวกมันคือ กูล อสูรระดับต่ำสุดรูปร่างเหมือนกับสัตว์สี่เท้า ทำให้มันมีความปราดเปรียว ด้วยขนาดตัวใหญ่ทำให้พวกมันมีพละกำลังมาก ตามร่างกายมีกระดูกโผล่ออกมาเป็นจุดๆใช้เป็นอาวุธสำหรับสังหารแข็งแกร่งเทียบเท่าเหล็กกล้าชั้นดี ตาสีแดงดุจทับทิมส่องแสงแวววับในความมืดมิด แต่ชายหนุ่มผู้นี้หาได้เกรงกลัวแต่อย่างใดเขาแสยะยิ้มขึ้นนัยน์ตาสีกำมะถัน แผ่ไอสังหารออกมาทำให้บรรยากาศรอบๆหนักอึ้ง เขาสอดมือเข้าไปในชุดคลุม
"หึ น่าสนุกดีนี่ ดูซิว่านี่จะพอช่วยฆ่าเวลาได้ซักเท่าไหร่" ชายหนุ่มปริศนาพูดขึ้น ซึ่งก็ดูเหมือนมันจะได้ผลอย่างมาก
"กรี๊ชชช"
เสียงร้องของเหล่า กูล ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ พร้อมกันนั้นพวกมันกระโจนเข้าหาหมายเอาชีวิตเสี้ยววินาทีนั้น เขาดึงมือออกจากชุดคลุมอย่างรวดเร็วพลันปรากฏดาบสั้นสองเล่มอยู่ในมือทั้งซ้ายและขวาเขาพุ่งตัวเข้าปะทะกับอสูรแม้ว่าเหล่า กูล จะว่องไวกว่ามากมายแค่ไหนก็ตาม แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าชายหนุ่มผู้นี้กลับไม่ต่างภาพช้า ชายหนุ่มหลบอย่างคล่องแคล่ว สวนกลับอย่างว่องไวไม่นานทุกอย่างก็กลับสู่ความเงียบสงบ กูล จำนวนมากไม่อาจจะทำอะไรคนผู้นี้ได้แม้แต่รอยขีดข่วน เขายืนเด่นอยู่กลางบรรดาซากศพของเหล่าอสูร มือที่กำดาบแน่นสะบัดดาบที่อยู่ในมือเพื่อสลัดคราบเลือดที่ติดอยู่หลุดออกไป
"หึ แม้แต่ฆ่าเวลายังไม่ได้เลย "
เขาเก็บดาบสั้นไว้ใต้ชุดคลุมตามเดิม ซักพัก ซากศพ ของเหล่าอสูรก็เริ่มสลายไปแล้วปรากฏอัญมณีสีฟ้าเม็ดเล็กๆอยู่แทนที่ อัญมณีเหล่านี้คือ โซล(วิญญาณ) เป็นสิ่งที่เกิดจากร่างกายของอสูรเหล่านี้ยิ่งพวกมันมี
ระดับที่สูงกว่า มีความแข็งแกร่งมากกว่าเพียงใด โซลจะยิ่งสวยงามและมีค่ามากขึ้นเท่านั้น เด็กหนุ่มเก็บรวมรวม
โซลของอสูรที่เขาสังหาร ขณะที่กำลังจะเก็บชิ้นสุดท้าย บริเวณที่นั้นก็เริ่มสั่นสะเทือน
"ตึง !!"
มันเริ่มสะเทือนถี่ขึ้น เสียงถี่ขึ้นและดังขึ้นเรื่อยๆ คล้ายกับบางสิ่งบางอย่างกำลังเคลื่อนที่เข้ามาใกล้แต่ซักพักเสียงมันก็เงียบไป เด็กหนุ่มเริ่มแสดงท่าทีระแวดระวังรอบๆตัวมากขึ้น เขาถอดชุดคลุมออกไปอย่างรวดเร็ว ผมสีแดงเข้มรับกับแสงจากพระจันทร์ที่เป็นสีแดงประกายวาววับเจิดจรัส ดวงตาสีกำมะถันมองไปรอบอย่างระมัดระวัง
"ตึง!!!"
เสียงดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้สะเทือนได้แรงกว่าทุกทีและเสียงเองก็ชัดเจนดังกว่าทุกๆครั้ง ทำให้เด็กหนุ่มหันมองไปทางต้นเสียงแต่กลับไม่พบสิ่งใดเลยแม้แต่น้อย เขารีบหันกลับมา พลันเหลือบไปเห็นเงาขนาดยักษ์อยู่บนพื้น แววตาคมกริบถันตวัดมองขึ้นไปที่ตำแหน่งเหนือศีรษะอย่างตกใจเขาเห็นอะไรบางอย่าง
ขนาดมหึมา ลอยอยู่บนฟ้าและกำลังจะตกมาทางเขาพอดีภายในเสี้ยววินาที เขาพุ่งตัวหลบออกจากตรงนั้นอย่างหวุดหวิด
"ตึ้งงงงง"
เสียงดังสนั่นเกิดจากของบางอย่างนี้กระแทกกับพื้นอย่างแรง ฝุ่นควันคละคลุ้งเต็มไปทั่วบริเวณ
"อุ๊บ"
เขาร้องขึ้น ตาสีกำมะถันจ้องมองไปยังไหล่ขวาซึ่งเป็นแผลคล้ายถูกของมีคมกรีดลึกเป็นทางยาว เลือดสีแดงไหลออกมาจากปากแผล เขาฝืนความเจ็บปวดลุกขึ้นในมือจับอาวุธแน่นจนเส้นเลือดและกล้ามเนื้อปูดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่แล้วต้องตะลึงกับสิ่งที่เห็น
"บ้าน่า นี่มันบ้าอะไรกัน !!"
อสูรขนาดยักษ์รูปร่างคล้ายแมงมุม มีเกราะแข็งหุ้มทั่วตัว ขาทั้ง 8 แม้จะใหญ่โต แต่กลับคมกริบ มันวาวจนสังเกตได้แม้ในคำคืน ตาสีน้ำเงินม่วง ทั้ง 8 ดวงจับจ้องมาที่เป้าหมายอย่างไม่กระพริบ ทันใดนั้นไอสังหารและแรงกดดันมากมายถูกปล่อยออกมาทำเอาบรรยากาศรอบๆหนักอึ้ง มันเริ่มตั้งท่าราวกับจะเริ่มทำการโจมตีอีกครั้ง
"ฮูมมมมมม"
อสูรตนนี้คำรามออกมา บ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของมัน เพียงแค่เสียงร้องกลับทำให้ ซากปรักหักพังรอบๆเกิดรอยร้าวขึ้นสิ่งก่อสร้างบางอย่างถึงกับพังทลายไปเลยก็มี เด็กหนุ่มได้แต่เอามือขึ้นมาป้องไม่ให้ลมและเศษฝุ่นที่เกิดจากเสียงคำรามเข้าปะทะกับใบหน้า แต่แม้จะยืนเกร็งสุดชีวิตโดนเสียงคำรามนี้เข้าไปเล่นเอาตัวเขาถอยออกจากจุดเดิม แล้วมันก็จู่โจมโดยที่ไม่ให้โอกาสเป้าหมายตั้งตัว
“ บ้าเอ้ยยย นี่มันตัวบ้าอะไรกัน ” เขาสบถออกมาด้วยความตกใจพร้อมกับตั้งท่าเตรียมรับการจู่โจม
อสูรตนนี้ก็พุ่งตรงเข้ามา รวดเร็วปานสายฟ้า เด็กหนุ่มเพ่งสมาธิทั้งหมดในการจับทิศทางการโจมตีและหลบการโจมตีของอสูรแม้จะพยายามสุดความสามารถแล้วแต่ก็ยังได้รอยแผลนับสิบในการหลบการโจมตีชุดนี้ เขาใช้เท้าดีดตัวไปด้านหลังเพื่อตั้งหลักพลางคิดในใจว่า
"บัดซบ !! ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ช้าต้องจบเห่แน่ "
"กรอด" เขากัดฟันแน่น แล้วดึงดาบทั้งสองเล่มที่ถูกเหน็บไว้ที่เอวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
"ชิ... คงมีแต่ต้องสู้เท่านั้น"
มือทั้งสองจับดาบจนแน่น พริบตานั้นเขาระเบิดพลังออกสุดชีวิตเพื่อหมายจะสังหารอสูรตนนี้
"ปลดปล่อยขีดจำกัด !! ย๊ากกกก !! " เสียงตะโกนอย่างบ้าคลั่งดังขึ้นพร้อมๆกับการเปลี่ยนแปลงของเขา
ออร่าสีแดงฉานกระจายออกมาจากรอบตัวเขา นัยน์ตาสีกำมะถันกลับกลายเป็นสีแดง ผมสีแดงกลายเป็นดำทมิฬมืดมิดยิ่งกว่าความมืดในยามค่ำคืน ดาบทั้งสองในมือถูกหลอมรวมกันกลายเป็นเคียวขนาดยักษ์สีแดงฉาน ฝ่ายอสูรเองได้รับแรงกดดันมหาศาลแทบจะใกล้เคียงกับตัวมันเอง ทำให้มันเกิดอาการฉุนเฉียวอย่างที่สุด เกราะรอบๆตัวของมันเกิดรอยสีน้ำเงินเป็นทางไปคล้ายอักขระโบราณ
ต่างฝ่ายต่างจ้องมองฝ่ายตรงข้ามไม่ละสายตา แรงกดดันมหาศาลปะทะกันทำให้เกิดลมพัดอย่างแรงทำเอาซากปรักหักพังบางส่วนที่อยู่รอบๆพังทลายลง ใดนั้นเด็กหนุ่มควงเคียวยักษ์ขึ้นพร้อมกระโจนเข้าใส่อสูรทันที ทางอสูรเองก็พุ่งเข้าหาเขาเช่นกัน
“ย๊ากกกกส์”
" เช้งงง!! เช้งงง!!"
เสียงคมเคียวปะทะกับขาของสัตว์ประหลาด เขาใช้สมาธิในการต่อสู้อย่างเต็มเปรี่ยม ขาของสัตว์ประหลาดถูกตัดขาดไปแล้วสองข้างจากการจู่โจมระลอกแรก แต่เขาหนุ่มเองก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน แม้จะโดนแค่ถากๆแต่นั่นอาจทำให้ถึงตายได้เพราะเสียเลือดมากเกินไป เขาตัดสินใจถอนการโจมตี ดีดตัวกลับไปด้านหลัง พร้อมกับใบหน้าที่แสยะยิ้ม
"ยังมีโอกาส รอบนี้ต้องโจมตีเข้าจุดตายมันให้ได้ ต้องล้มมันก่อนที่เราจะบาดเจ็บมากกว่านี้"
แต่แล้วก็มีบางอย่างทำให้เด็กหนุ่มต้องชะงัก
"บ้าน่า !!" เด็กหนุ่มอุทานออกมาด้วยความตกใจ
อสูรที่บาดเจ็บจากการต่อสู้ตนนี้ สามารถงอกขาที่ถูกเด็กหนุ่มตัดออกไปอย่างยากลำบากขึ้นมาใหม่ ยังไม่ใช่แค่นั้น บาดแผลทั้งหมดกลับคืนสภาพไปในทันที ราวกับว่าปิศาจตนนั้นกำลังแสยะยิ้ม ดวงตาทั้ง8จ้องมองมาทางเขา อีกครั้งมันคำรามเพื่อบ่งบอกความยิ่งใหญ่ของตัวมันเอง
"ฮูมมมมม"
ยังไม่ทันที่เสียงคำรามจะหยุดก้อง มันก็พรุ่งพรวดเข้ามาโจมตีเด็กหนุ่มอีกครั้ง ชายหนุ่มไม่ได้ตั้งตัวถูกโจมตีจนถอยร่นไป ขณะเดียวกันเคียวยักษ์ในมือเขาถูกใช้ป้องกันตัวมากกว่าใช้เพื่อสังหาร
"บัดซบ นี่ข้าไม่สามารถทำอะไรมันได้เลยหรือไง โธ่เว้ย "
พริบตานั้นเขาปล่อยมือทั้งสองจากเคียว ทิ้งมันให้ถูกกระแทกจนลอยไปไกล เขาบีบอักพลังที่มีทั้งหมดไว้ที่กำปั้น แล้วชกเข้าปะทะหน้าของอสูรเต็มๆ
"ตูม"
อสูรยักษ์กระเด็นออกจากจุดนั้นแต่ไม่อาจทำให้มันระคายเคืองได้ เขาใช้พลังกระชากเคียวที่กระเด็นไปปักพื้นให้กลับมาอยู่ในมืออีกครั้ง เขาพุ่งตัวเข้าไปหาอสูรอย่างไม่เกรงกลัว มือทั้งสองกำเคียวแน่น ในใจปราศจากความลังเล พลังทั้งหมดถูกบีบอัดที่เคียว การบีบอัดพลังไปไว้ที่อาวุธทั้งหมด นั่นแปลว่าเขาตัดสินใจจะสังหารมันภายในการฟันครั้งเดียว
"นี่คือวาระสุดท้ายในชีวิตข้างั้นหรือ บัดซบข้าต้องชนะเท่านั้น!!" เขาคิดในใจ
"เจ้าอสูรร้าย ข้าขอแลกชีวิตกับเจ้า !!" เขาตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง
"ย้ากกกก"
เด็กหนุ่มวิ่งไปแล้วควงเคียวขนาดยักษ์เพื่อเพิ่มแรงปะทะ เคียวคมกริบอัดพลังเต็มเปี่ยม หนทางที่คมเคียววาดผ่านปรากฏรอยเหมือนว่าบริเวณนั้นถูกเคียวเล่มนี้ฟัน แน่นอนว่าหากโดนเต็มๆพลังที่ร้อนแรงดุจเพลิงนรกพร้อมจะส่งใครก็ตามที่โดนพลังนั้นไปยังนรกทันที ฝ่ายปิศาจเอง ก็บีบอัดพลังทั้งหมดของมันไปยังขาข้างหนึ่งทำให้ขาที่เหมือนเคียวขนาดมหึมานี้เกิดออร่าสีน้ำเงินเข้มเกาะอยู่บริเวณคมเคียว มันง้างขาอย่างเต็มที่เพื่อปะทะกับเคียวของศัตรู ทันใดนั้นการปะทะก็เกิดขึ้น
"เปรี้ยงงง!!"เสียงดังราวกับฟ้าผ่าดังสนั่นไปทั่วบริเวณ
"เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ" เคียวเล่มใหญ่ของชายหนุ่มเริ่มมีรอยร้าวทั่วทั้งตัวเคียว
"เพล้งงงง !!!"
เคียวอันแข็งแกร่งและทรงพลัง แตกหักเป็นเสี่ยงๆแล้วสลายลงกลายเป็นเศษธุลี ลอยไปในอากาศ ตาของชายหนุ่มยังคงมองจ้องไปที่อสูรตนนั้น แล้วสิ่งที่เขารอคอยก็ปรากฏ
"ฉั๊วะ !"
เสียงดังขึ้นมาพร้อมทั้งเลือดสีแดงฉานของอสูรพุ่งกระฉูดไปทั่วบริเวณ พลังนั้นรุนแรงมากก็จริง แต่ยังไม่เพียงพอ เพราะปิศาจตนนี้กลับไม่ได้ถูกสังหาร แม้จะบาดเจ็บหนักเหมือนกัน แต่มันยังคงมีชีวิตอยู่
"ฮูมมมม"
เสียงคำรามดังกึกก้องสั่นสะท้านไปทั่วทั้งบริเวณเสียงคำรามนี้ปะทะร่างเด็กหนุ่มไร้ซึ่งเรี่ยวแรงแม้แต่จะยืน เขากระเด็นไปชนกับซากปรักหักพังอย่างจัง อยู่ในสภาพนั่งพิงกับซากปรักหักพังที่เขากระเด็นไปชน เลือดเริ่มไหลออกจากมุมปากด้านขวาและไหลออกจากบาดแผลที่อยู่ตามตัวของเขานัยน์ตาสีแดงฉานกลับคืนสภาพเป็นสีกำมะถันอย่างเดิม เช่นเดียวกันผมสีดำสนิทเองก็กลับกลายเป็นสีแดง แววตาที่แสดงถึงความสิ้นหวัง
"บัดซบ นี่ข้า..ต้องมาจบชีวิตลงแบบนี้หรือนี่?"
เด็กหนุ่มเอ่ยในใจ ต่อหน้ายมทูตที่พร้อมจะง้างเคียวแห่งความตายรับวิญญาณไปจากเขา ด้วยร่างกายที่ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ปราศจากซึ่งพลัง ความอ่อนล้าถาโถมเข้ามาอย่างเต็มที่ สติเริ่มเลือนราง สายตาเริ่มพร่ามัว เขาได้แต่เพียงปล่อยให้มันเป็นไปตามชะตากรรม
ทางด้านอสูรเอง เมื่อมันฟื้นคืนสภาพจนแทบเรียกได้ว่าอยู่ในสภาพสมบูรณ์อีกครั้งแล้ว มันก็เริ่มคืบคลานเข้าหาเด็กหนุ่ม ขาทั้ง8ปะทะกับพื้นเสียงดัง ตึง ตึง ดวงตาทั้ง8จ้องมายังศัตรูที่อยู่เบื้องหน้าผู้ที่บัดนี้ไร้ซึ่งพลังและเรี่ยวแรงที่จะสู้ มันเดินเข้าไปหาเขาแล้วก็หยุดลงเบื้องหน้า ปากของมันอ้าจนกว้าง ฟันแหลมคมเรียงร้อยเต็มปากพร้อมที่จะบดเคี้ยวร่างของเหยื่อผู้นี้อย่างเมามัน น้ำลายไหลย้อยลงมาตามร่องฟัน มันเริ่มเอนตัวไปด้านหลังพร้อมที่จะพุ่งหน้าเข้ามากัดชายหนุ่ม แล้วมันก็พุ่งเข้าไปหาเขาอย่างเต็มที่ !!!
"ตูมมม"
เสียงของอะไรบางอย่าง ปะทะเข้ากับพื้นที่เป็นพื้นของเมืองโบราณแห่งนี้ ฝุ่นควันกระจายไปทั่วบริเวณ แล้วบางอย่างก็ปรากฏท่ามกลางควันที่ฟุ้งกระจายร่างของชายวัยกลางคนผู้ใช้ดาบขนาดยักษ์รับการจู่โจมของอสูรตนนี้ไว้ เท้าของเขาถูกแรงกระแทกอย่างหนักจนจมพื้นของโบราณสถานไปลึก พื้นรอบๆเกิดรอยแตกร้าวเป็นวงกว้าง เป็นสาเหตุให้ฝุ่นและควันคละคลุ้งเต็มไปทั่วบริเวณ
"หึหึ เป็นเด็กหนุ่มที่ไฟแรงเสียจริง กล้ามาในที่แบบนี้คนเดียวเสียด้วย" ชายวัยกลางเอ่ยขึ้น
"...."
แต่ก็ไร้ซึ่งเสียงตอบรับจากเด็กหนุ่ม เขาได้แต่มองไปยังชายชราด้วยสติที่กำลังจะเลือนราง ชายชราสะบัดคู่ดาบคู่กายเล่มยักษ์อย่างรวดเร็ว พรึ่บ ! ราวกับอสูรขนาดใหญ่ตนนี้เป็นเพียงแค่เศษผ้า มันลอยขึ้นไปบนอากาศสูงนับ
"จงดูให้ดี นี่คือความแข็งแกร่งที่แท้จริง ฮ่าฮ่าฮ่า"
ชายวัยกลางคนพูดพร้อมหัวเราะ เขาง้างดาบลงแตะพื้นแล้วตวัดมันขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ดาบที่ทั้งใหญ่ หนา และหนัก ถูกใช้ฟาดฟันนับสิบครั้งในเวลาเสี้ยววินาทีและแน่นอนชายชราไม่ได้ใช้การปลดปล่อยหรือเวทย์เพิ่มความสามารถแต่อย่างใด นั่นทำให้ชายหนุ่มตกตะลึงอย่างสุดๆ
"หึ หึ หึ สำหรับข้าแล้วมันก็แค่เรื่องง่ายๆ"ชายวัยกลางคนผู้นี้พูดขึ้น
"เอาล่ะเจ้าหนุ่ม บอกข้าซิว่าเจ้าชื่อว่าอะไร"
ชายหนุ่มใกล้จะสิ้นสติเต็มทีแล้ว อีกครั้งที่สายตาเขาเริ่มพล่ามัว แต่เขาก็กัดฟันตอบ
"..ข้า...เซริกส์"
"เซริกส์ ฮ่าฮ่าฮ่า เป็นชื่อที่ดี นับแต่นี้ไปเจ้าคือศิษย์คนเดียวของข้า "
"ศิษย์...ของ...ท่าน....ทำ...ทำไม ? ..ข้า “
"จงเตรียมใจให้พร้อม ชะตากรรมนี้ เจ้าไม่อาจปฏิเสธมันได้ ฮ่าฮ่าฮ่า"
แล้วสติของเขาก็เลือนรางไป นับจากนี้เป็นต้นไปเขาต้องเผชิญกับชะตากรรมที่ลึกล้ำสุดจะหยั่งถึง....
ความคิดเห็น