ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF 2PM] :: Back 2U :: Taec x Khun x Woo

    ลำดับตอนที่ #1 : :: 1 :: Eyes on you

    • อัปเดตล่าสุด 22 มี.ค. 53


    ........
     
     
     
     
    L
     
    O
     
    V
     
    E
     
     
     
     
    ENTER
     
     
    ....
     
     
    ลัฟว
     
    n.
     
    ความรัก
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
    ผมมองผลที่ปรากฏบนหน้าจอหลังจากเคาะนิ้วลงไปบนแป้นพิมพ์หนึ่งครั้ง
     
     ปุ่มดูเล็กเมื่อเทียบกับขนาดนิ้วของเขา
     
     โปรแกรมทำงานได้ดี มันยังคงบอกความหมายของคำที่พิมพ์ได้อย่างชัดเจน ผมนั่งนิ่งมองอักษรไม่กี่ตัวที่เรียงกันอยู่บนหน้าจอขนาดเล็ก เรียนหนังสือ ผมเรียนหนังสือและอ่านหนังสืออก แต่ข้อความข้างหน้าเหล่านี้ไม่ได้ซึมซับเข้าไปในหัวของผมเลยแม้แต่น้อย
     
     ผมรู้.. ว่าโปรแกรมของเจ้าเครื่องแปลภาษาเครื่องเล็กนี่ยังคงทำงานได้ยอดเยี่ยมแม้ว่าจะผ่านการใช้งานมานานนับหลายปีแล้วก็ตาม
     
    ผมรู้ .. ว่ามันคงบอกความหมายของคำที่ผมพิมพ์ลงไปได้อย่างถูกต้องเหมือนเคย
     
     สายตาของผมว่างเปล่าแม้นัยน์ตาจะสะท้อนภาพตรงหน้า
     
     
    ผมไม่รับรู้
     
     
     ความหมายที่ปรากฏตรงหน้า ผมไม่เข้าใจ
     
    ถึงจะอ่านกลับไปกลับมา แต่สมองของผมก็ไม่รับรู้
     
    คงเป็นเพราะ..
     
     
    คำนี้มันตายไปจากชีวิตของผมนานเกินไปแล้วก็ได้
     
     
     
     
     
     
     
     
     
    .
    .
    .
     
     
     
     
    “แทคยอน”
     
     
     ชายหนุ่มร่างสูงพับทอล์กกิ้งดิคขนาดพกพาก่อนจะโยนมันลวกๆลงไปบนโซฟาตัวเดียวกับที่นั่งอยู่ ใบหน้าที่หันไปมองผู้เยือนแสดงให้เห็นว่าคนที่นั่งหันหลังอยู่แต่แรกมีผิวคมคร้ามและหน้าตาดี ดูเหมือนว่าผู้ที่เดินเข้ามาจะมีอิทธิพลต่อชายหนุ่มไม่น้อย แทคยอนหรืออกแทคยอนถ้าจะเรียกเต็มๆลุกขึ้นยืนก่อนจะโค้งเล็กน้อย
     
    “คืนนี้.. นายคงไม่ลืมใช่ไหม”
     
    “ผมไม่ลืมแน่นอน”
     
     คนฟังหัวเราะ
     
    “ดี หวังว่าพรุ่งนั้นคงเห็นหน้านายนะ”
     
    คนตัวใหญ่กว่าแต่อาจมีศักดิ์ต่ำกว่ายกยิ้มราวกับไม่ได้ใส่ใจความหมายแฝงในประโยคนั้นสักเท่าไหร่นัก
     
    “ผมขอภาวนาให้ท่านสมหวังครับ”
     
     
    คำพูดคำจายอกย้อนที่ฉลาดสมตัวไม่เคยทำให้ผู้ที่รับฟังผิดหวัง เสียงหัวเราะถูกใจดังขึ้นทั่วห้อง แต่ชายหนุ่มกลับไม่แสดงสีหน้าอะไรไปมากกว่าการฉาบรอยยิ้มเจือจางไว้บนใบหน้าเหมือนเดิมกับเมื่อตั้งแต่ประโยคแรกของบทสนทนาเริ่มขึ้น
     
     
     
     
    อกแทคยอน
     
     
       บอร์ดี้การ์ดหรือ
     
    บางทีนั่นก็เป็นแค่ชื่อเรียกเล่นให้รู้สึกว่าตัวเองห่างไกลจากความตายของคนอื่นขึ้นมาอีกนิดหนึ่งเมื่ออารมณ์สามัญของมนุษย์แล่นวูบขึ้นมาจะได้ไม่ต้องรู้สึกผิดเท่าที่ควรจะเป็น
     
    แต่นั่นก็เป็นเพียงชื่อทำให้หัวเราะกับคำโกหกเมื่อเรียกมัน
     
    ปืนสีดำเงาวับที่เล็งไปอย่างไม่ลังเล ลั่นไกโดยไม่มีแม้แต่น้ำตา
     
     
     
       จะเป็นนักฆ่าได้
     
    ก็ต่อเมื่อไร้หัวใจ
     
     
     
    อกแทคยอน     หัวใจของอกแทคยอน
     
     
     ตายไปทั้งๆที่ยังไม่มีแม้แต่เลือดสักหยดที่หลั่งออกมา
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
    .
    .
     
     
     
    ความจริงของมนุษย์ก็คือ
     
    เราทุกคนต่างมีลมหายใจเพื่อรอใครสักคน
     
     
    ใครสักคนที่ว่าเราอาจจะรู้จักหรือไม่รู้จัก อาจจะมีตัวตนหรือไม่มี
     
    หน้าที่ของเราทำได้เพียงแค่รอ
     
     
    แต่กับแทคยอน ไม่มีความจำเป็นจะต้องรอ
     
    แม้จะไม่อยากหายใจ แต่ก็ไม่อาจตาย เพียงแต่อยู่ โดยไม่ต้องรอ
     
     
     
     
     รถจากัวร์คันสดท้ายแล่นตามมาจอดที่หน้าผับหรูแห่งหนึ่ง สถานที่ชั้นต่ำระดับสูงเอาไว้เป็นแหล่งเริงรมย์สำหรับพวกคนรวยไร้ค่า แต่เขาไม่ได้มีหน้าที่มาใส่ใจกับเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว แค่เงินมา ดีเลวก็ไม่มีความหมาย
     
     
    เมื่อขาแตะพื้น แทคยอนก็ถอดแว่นกันแดดที่ไร้ความจำเป็นในยามค่ำคืนออก เครื่องแบบคือเสื้อสูทเรียบราคาแพงระยับเข้ากับสีรถและบรรยากาศรอบข้างขับให้รูปร่างสูงใหญ่ดูโดดเด่นมากกว่าผู้คนรอบข้าง แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เจ้าตัวสนใจ
     
     
    “สี่คน”
     
     
    สัญญาณกระซิบบอกข้างหูให้ได้ยิน แทคยอนกระชับสูทเพื่อเป็นการเช็คความเรียบร้อยของอุปกรณ์ที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน
     
    ปกติหน้าที่ของเขาคือคุ้มกันภัย แต่วันนี้เป็นวันพิเศษ
     
     
     
    เข้าทางประตูพิเศษด้านหลังไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคำว่ามีอิทธิพล
     
    แอร์เย็นฉ่ำปะทะหน้าทันทีที่เข้าไปถึงภายในบริเวณด้านใน  แฝงตัวเข้ามาในความมืดจะได้ไม่เป็นจุดสนใจ
     
     
     
    แทคยอนกวาดสายตาไปรอบๆก่อนจะสะดุดอยู่ที่โต๊ะชั้นวีไอพีโต๊ะหนึ่ง
     
       มากันสี่คนตามที่ได้รับข้อมูลมา..
     
     
    ใบหน้านิ่งไม่ไหวติงแต่ปลายแขนกระทบกับวัตถุภายใต้เสื้อสูทชั้นดี ก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งบนโซฟาบุกำมะหยี่ รอให้เวลาเดินไป
     
     
    ..
     
     
     
    .
    .
    .
    .
     
     
     
     
     “มาสายอีกแล้วนะจางอูยอง!”
     
     
    เสียงผู้จัดการร้านแหวขึ้นทันทีที่เขาสาวเท้าวิ่งไปหยุดยืนหอบอยู่หน้าล็อกเกอร์ คนมาสายทำหน้าแหย
     
     “ขอโทษครับผู้จัดการ ผมจะไม่มาสายอีกครับ”
     
    “นายนี่นะ”
     
     ใบหน้าจริงใจที่ดูรู้สึกผิดนั้นทำให้ด่าว่าต่อไปจากนี้ไม่ลง เสียงถอนหายใจพร้อมกับบ่นพึมพำค่อยๆลอยหายไปพร้อมๆกับแผ่นหลังของคนพูด เมื่อห้องว่างเปล่าอูยองก็รีบเปลี่ยนจากชุดเสื้อยืดกางเกงธรรมดาเป็นเครื่องแบบสำหรับบาร์เทนเดอร์ของร้าน
     
     
    หลังจากช่วยฟ้าขายของเสร็จเด็กหนุ่มก็ต้องวิ่งรอกเข้ามาทำงานที่นี่ เงินเลี้ยงปากท้องคือปัจจัยง่ายๆที่ไม่ต้องคิดอะไรมาก แค่ใช้ความสามารถผ่าฟันเข้ามาทำงานที่นี่ได้ก็ถือว่าบุญโขแล้ว อายุที่ยังไม่ถึงยี่สิบดีไม่ใช่ปัญหาถ้าเจ้าของร้านไม่ได้ใส่ใจ
     
     
     ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อสวมชุดพร้อมทำงานพร้อมทำงานเรียบร้อยแล้ว
     
     
     
     
     
     
     
    .
    .
     
     
     
    สามทุ่ม
     
     
     อีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็จะถึงเวลา ผับนี้เพิ่งเปิดใหม่มาได้ไม่นานจึงไม่มีใครระมัดระวังตัวมากนัก เหมาะเจาะกับสิ่งที่ต้องทำในคืนนี้
     
     
    ตาคมเหลือบมองนาฬิกาบนผนัง .. นับถอยหลังในใจช้าๆ
     
       เข็มวินาทีเดินไปเรื่อยๆในขณะที่มือเลื่อนเข้าไปในเสื้อจับวัตถุที่ซ่อนไว้ข้างใน
     
     
     
     
     
    “เฮ้ย คุณ มาได้ไงวะเนี่ย”
     
       เสียงทักทายดังขึ้นจากโต๊ะเป้าหมาย ชายหนุ่มผิวขาวเดินเข้ามาเป็นผู้ร่วมโต๊ะคนใหม่ เจ้าของเส้นผมสีน้ำตาลเป็นประกายสะท้อนแสงไฟกับดวงกลมโตมีทีท่าเย็นชาจนน่าใจหาย
     
    “ทำไมมาไม่บอก”
     
    นิชคุณต่อว่าพี่ชายที่กำลังชนแก้วกับเพื่อนร่วมโต๊ะ 
     
    “ฉันเป็นพี่แกนะเว่ย ทำไมต้องบอกด้วยวะ” ตอบกลับพร้อมปิดท้ายด้วยเสียงหัวเราะ จนคนถามชักเริ่มหัวเสีย
     
     เพราะพี่ชายของเขาเพิ่งกลับมาจากอเมริกา จึงไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับสถานะของครอบครัวตอนนี้ การไปไหนมาไหนคนเดียวในที่สาธารณะแบบนี้มันอันตรายแค่ไหน
     
     
    อันตราย..
     
     
     
     
    แทคยอนได้ยินเสียงพูดคุยเหมือนคนมาใหม่จากทางด้านหลัง ใบหน้าคมคร้ามหันตามเสียง
     
     
     
     
     
     
    อันตราย ....
     
     
     
     
    เหมือนอะไรบางอย่างดึงดูดนิชคุณให้หันไปมองทางด้านซ้าย
     
     
        ดวงตาคมสบกับดวงตาสีน้ำตาล ...
     
     
     
     
    แทคยอนสบตากับคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น
     
    นิชคุณสบตากับคนที่หันหน้ามา
     
     
     
     
     
       เหมือนทุกสิ่งหยุดเคลื่อนไหวไปชั่วขณะ นาฬิกาเดินถอยหลังวินาทีต่อวินาที มือใหญ่ที่จับปืนสีดำมันวาวเอาไว้มั่นชักมันออกมาจ่อตรงไปที่เป้าหมายที่ยังคงไม่รู้เรื่องรู้ราวต่อหน้าน้องชายที่เห็นทุกการเคลื่อนไหว
     
     
    อันตราย..
     
    ตายังคงสบตา..
     
     
    “พี่! ระวัง!!!!!!!”
     
     
     
     
    ปัง!
     
     
       เสียงกรี๊ดดังขึ้นทันทีที่ปืนลั่นไก เหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวาย การ์ดสองคนรีบกันตัวทายาทคนโตที่บาดเจ็บจากกระสุนปืนออกไปจากสถานที่ ขณะที่อีกสองคนพยายามจะพาทายาทคนรองให้ตามออกไป ใบหน้าขาวสะบัดมากลับมามอง ดวงตาสองคู่สบกันหากแต่คราวนี้ประกายในแววตาแข็งกร้าวขึ้นมาจนน่ากลัว
     
     
       “คุณชาย!!”
     
     
    บอร์ดี้การ์ดร่างใหญ่รีบมาดันตัวทายาทคนรองให้ออกไปสู่ความปลอดภัย สายตายังคงประสานกันอย่างโกรธแค้นเป็นครั้งสุดท้าย แสงไฟสลัวแบบนี้ไม่มีใครมองเห็นใครชัดจึงไม่ได้มีการยิงปะทะกัน ความปลอดภัยอันดับแรกคือต้องพาทุกคนออกจากที่นี่โดยด่วน
     
     
    ถึงจะมองเห็นหน้ากันไม่ชัด แต่แทคยอนมองเห็นคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นชัดเจนราวกับเปิดไฟสว่าง
     
     สายตาที่มองมาเป็นสิ่งสุดท้ายยังคงติดแน่นอยู่ในหัว
     
     
     
     เขาทำงานพลาด แม้จะถูกตัวเป้าหมาย
     
    แต่ไม่รู้ว่าตายหรือรอด
     
     
    ตราบใดที่ไม่รู้ นั่นคือความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่
     
     
     
     
    เพราะคนคนเดียวที่ทำให้เขาพลาดงานสำคัญ
     
    เพราะคนคนเดียว
     
     
     
     
     
     
     
    .
    .
     
     
     
     
     เหมือนไฟร้อนที่สุมอยู่ในใจ คนที่หันหน้ามา คนที่สบตาด้วย เป็นคนเดียวกับที่ยิงพี่ชายของเขา
     
     
    อก แทค ยอน
     
     
     
    ตอนนี้พี่ชายถูกพาส่งโรงพยาบาลไปแล้ว รถกำลังรีบแล่นออกจากลานจอดมารับคุณชายอีกคนกลับบ้าน เหตุการณ์ชุลมุนแต่เจ้านายก็ถูกคุ้มกันอย่างปลอดภัยด้วยการ์ดนับสิบคน นิชคุณเก็บกดความรู้สึกทุกอย่างเอาไว้จนแทบจะระเบิด เสียงกุกกักข้างๆทำให้ต้องรีบหันไปมอง การ์ดขยับปราดเข้ามาทันทีเพื่อระวังภัย
     
     
     “ใคร”
     
     นิชคุณถามเสียงแข็ง ร่างหนึ่งนั่งคุดคู้อยู่ตรงมุมเสา
     
    “ใคร!”
     
     
    “ผะ..ผม...
     
     
    “นั่งอยู่แบบนั้นอยากตายรึไงฮะ!!??”
     
     
    เมื่อเห็นว่าเป็นเพียงคนเดียวเล็กๆคนหนึ่งในชุดเครื่องแบบบาร์เทนเดอร์ไม่มีพิษมีภัย นิชคุณจึงกระชากแขนขึ้นมา ดูท่าทางคงจะตกใจไม่น้อย
     
     
    ใบหน้าใสสะอาดนี่คงไปกระแทกเข้ากับอะไรสักอย่างตอนวิ่งออกมาทำให้มีรอยแตกตรงใกล้ๆมุมปาก เลือดไหลลงมาเป็นทาง
     
     
    “คุณชายครับ รถมาแล้ว รีบขึ้นรถครับ”
     
     
    ดวงตาใสสั่นระริกอย่างตื่นตระหนกเมื่อถูกจับข้อแขนเอาไว้แน่น
     
     “คุณชายครับ!!”
     
    การ์ดรีบร้องท้วงเมื่อเห็นว่าเจ้านายกำลังจะเอาคนแปลกหน้าขึ้นรถไปด้วย แต่พอนิชคุณตวัดสายตาไปมองก็ต้องถอยกลับไปเงียบตามเดิม
     
    หันไปมองคนที่ยืนตัวแข็ง
     
    ขืนปล่อยไว้แบบนี้คงได้ยืนสติหลุดอยู่อย่างนี้ทั้งคืน
     
     
    “ขึ้นรถ”
     
     
     “ขึ้นรถ!!”
     
    ตวาดใส่เมื่ออีกฝ่ายขืนตัว บาร์เทนเดอร์ตัวเล็กถูกโยนเข้าไปในรถคันหรูที่ทั้งชาตินี้ก็คงทำงานได้เงินไม่ถึงเศษเสี้ยวของมัน
     
     
     
    แอร์เย็นเฉียบ บรรยากาศในรถก็เย็นเยียบจนจางอูยองตัวลีบ ปืนที่ติดอยู่ตรงกระเป๋ากางเกงของผู้ชายชุดดำสองคนตรงเบาะหน้าก็ทำให้แทบไม่กล้ากระดุกกระดิกตัวไปไหน
     
       ดวงตาน่ารักเหลือบมองคนข้างๆที่นั่งนิ่งอย่างหวาดๆก่อนจะสะดุ้งเมื่ออีกฝ่ายหันหน้ามาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
     
     
     
    “บ้านอยู่ไหน”
     
     
    ถามเหมือนจะฆ่ากันให้ตาย
     
    “ถาม ได้ยินมั้ย”
     
    “คุณ.. คุณจะทำไม” ถามไปแบบกล้าๆกลัวๆ แต่พอตั้งสติได้อูยองก็ต้องรีบป้องกันตัวองเอาไว้ก่อนแม้ว่ามันจะไม่มีประโยชน์อะไรเลยก็เถอะ
     
     “ยะ..อยู่ อีกสองซอยถัดไป”
     
    แต่สุดท้ายก็ต้องบอกตะกุกตะกักออกไปเพราะสายตาของอีกฝ่ายที่มองมา
     
     
    “จอดรถ”
     
     
    “คุณชาย..”
     
    “จอดรถ”
     
     
     
    ล้อรถหยุดเคลื่อนก่อจะนิ่งสนิทตรงข้างทาง
     
     
    “เอากล่องยามา”
     
    ทันที่เอ่ยปากของก็ถูกส่งให้ถึงมือ อูยองแทบรับไว้ไม่ทันเมื่อจู่ๆคนข้าวตัวก็โยนกล่องยามาใส่แบบไม่บอกกล่าว โยนมาแล้วก็นั่งไขว่ห้างหันไปมองนอกหน้าต่างเล่นเอาคนรับนั่งเอ๋อทำอะไรไม่ถูก
     
    เมื่อเห็นว่าสิ่งมีชีวิตข้างๆตัวเองยังคงนั่งนิ่งอยู่ไม่ไหวติง นิชคุณก็เริ่มจะหงุดหงิด
     
     
    “ทำแผลของนายแล้วกลับบ้านไป”
     
    “............................”
     
     
    “ที่บ้านจะได้ไม่ตกใจตาย”
     
     
     
     
     อูยองนั่งกระพริบตาปริบๆ แต่พอคนข้างๆหันมามองอีกทีก็รีบเปิดฝากล่องยา จัดแจงทำแผลท่ามกลางความเงียบกริบที่ไม่แม้แต่จะมีเสียงเครื่องปรับอากาศในรถเล็ดรอดมาให้ได้ยิน
     
     
     จางอูยองลอบมองใบหน้าด้านข้างที่แสนจะดูดีกว่าคนธรรมดาทั่วไปก่อนจะรีบหลบตาเมื่อรถจอดลงหน้าบ้านของเขาตามที่จำเป็นต้องเอ่ยปากบอกไปหลังจากทำแผลให้ตัวเองเสร็จเรียบร้อย
     
     
     
     
    “ขะ..ขอบคุณ”
     
     
     อุตส่าห์กลั้นใจเอ่ยคำนั้นออกมาแต่แววตาอีกคนกลับไม่บ่งบอกอะไรนอกจากความเฉยเมย เขาเปิดประตูลงจากรถมาเหลียวมองรถที่ยังไม่เคลื่อนตัวออกไปไหนก่อนจะไขกุญแจเปิดประตูบ้านเข้าไป
     
     
     
    พอหันกลับไปอีกที ก็เห็นแต่เพียงหลังคันรถที่เคลื่อนออกไปแล้ว
     
     
     
     
     
     
     
     
    .
    .
     
     
     
     
     
     แทคยอนก้มหน้านิ่ง
     
     
    “คำภาวนาของฉันเป็นจริงจริงมั้ย ?”
     
     
     “แต่นายกลับมาให้ฉันเห็นหน้าในเวลาที่ฉันไม่อยากเห็นเลยจริงๆ” ปลายเสียงกลั้วหัวเราะแต่มันเป็นเสียงหัวเราะที่ไม่น่าพิสมัยเอาซะเลย
     
     
    “ช่างเถอะ ถึงครั้งนี้มันจะยังไม่ตาย แต่ก็คงเจ็บหนักไปอีกนาน”
     
    “ต้องขอบคุณลูกกระสุนของนายนะแทคยอน”
     
     คนพูดยกยิ้มมุมปาก
     
     
    “ตอนนี้มันคงคุ้มกันทุกอย่างอย่างแน่นหนา..”
     
       ชายหนุ่มร่างใหญ่ก้มหน้ามองพื้น
     
     
    “งานใหม่ของนาย..”
     
     
     “หวังว่าคงไม่ทำให้ฉันผิดหวังเหมือนวันนี้นะ”
     
     
    ซองสีน้ำตาลถูกโยนมาวางไว้ลนโต๊ะ ร่างสูงเอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมาก่อนจะเปิดออก
     
    เหมือนหัวใจจะกระตุกไปวูบหนึ่ง
     
     
     
     
        ใบหน้าขาวจัดกับดวงตาสีน้ำตาลเย็นชา
     
    หากแต่คนในรูปกำลังส่งยิ้มสดใสมาให้เขา
     
     
     
     
     
     
     
     
    “จัดการซะ อกแทคยอน”
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     :: TBC::
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×