ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Snape The last prince สเนป เจ้าชายองค์สุดท้าย

    ลำดับตอนที่ #15 : 12 (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.02K
      130
      12 เม.ย. 62

    ก่อนปิดเทอมฤดูร้อน
    “ปีนี้นายโชคดีจังเลย แฮร์รี่” รอนว่า “ในที่สุดนายก็ไม่ต้องไปอยู่กับพวกเดอร์สลีย์”
    “ใช่” แฮร์รี่พูดพลางเอาเบคอนเข้าปาก “ไม่คิดเลยว่าจะโชคดีขนาดนี้”
    “แฮร์รี่ฮะ” คอลินเรียก “ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์บอกว่าให้คุณไปหาที่ห้องทำงานหลังกินอาหารเช้าเสร็จฮะ เขาฝากบอกว่าเขาชอบปากกาขนนกน้ำตาลปั่นฮะ”
    “แล้วเขาจะบอกนายทำไมว่าเขาชอบอะไร” รอนพูดอย่างงงๆ
    “โธ่! รอน นั่นเป็นรหัสผ่านเข้าห้องเขาต่างหาก” เฮอร์ไมโอนี่พูดพลางส่ายหน้า “สงสัยจริงว่าเขาเรียกนายไปทำไม”
    แฮร์รี่ก็สงสัยเหมือนกัน เขารีบกินอาหารเช้าและไปที่ห้องทำงานของดัมเบิลดอร์
    **
    หน้าห้องทำงานของดัมเบิลดอร์
    “คุณหมายความว่ายังไง” เสียงของซิเรียสโวยวาย
    “ใจเย็นๆก่อนซิเรียส” เสียงของดัมเบิลดอร์พยายามปลอบ
    แฮร์รี่ตัดสินใจเคาะประตู
    “เข้ามาได้เลย” เสียงของดัมเบิลดอร์พูด
    แฮร์รี่เปิดประตูเข้าไป ซิเรียสดูท่าทางกราดเกรี้ยว ส่วนดัมเบิลดอร์มีท่าทางสงบ
    “เกิดอะไรขึ้นครับ” แฮร์รี่ถาม เขาสังหรณ์ใจไม่ค่อยดีเสียแล้ว
    “แฮร์รี่” อาจารย์ใหญ่พูดอย่างมีเมตตา “เราจะมาหารือเรื่องปิดเทอมฤดูร้อนของเธอ”
    “ผมก็ไปอยู่กับซิเรียสไงครับ” แฮร์รี่ว่า
    ซิเรียสส่ายหน้า ก่อนจะพูดด้วยเสียงเครือ “ไม่ได้หรอกแฮร์รี่ ฉันไม่มีสิทธิ์เป็นผู้ปกครองเธอ”
    “หมายความว่ายังไง” แฮร์รี่หันขวับไปมองอย่างตกใจ “คุณเป็นพ่อทูนหัวของผม แล้วคุณก็พ้นข้อกล่าวหาแล้วด้วย”
    “มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น แฮร์รี่” ดัมเบิลดอร์พูดด้วยเสียงเคร่งขรึม “ซิเรียสติดคุกอัซคาบันมาหลายปี สภาพจิตใจของเขา..”
    “ซิเรียสไม่ได้บ้า” แฮร์รี่พูดอย่างกราดเกรี้ยว “เขาปกติดีทุกอย่าง”
    “ฉันไม่ได้ว่าเขาบ้า แฮร์รี่” ดัมเบิลดอร์ปลอบ “และเขาจะได้เป็นผู้ปกครองเธอเมื่อถึงเวลา” เขายื่นจดหมายให้แฮร์รี่
    เรียนมิสเตอร์ ซิเรียส แบล็ค
    ทางเราได้รับคำร้องที่คุณขอเป็นผู้ปกครองของมิสเตอร์แฮร์รี่ พอตเตอร์แล้ว ทางเราต้องขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งที่เราไม่อาจอนุญาตได้ เนื่องจากคุณติดคุกอัซคาบันเป็นเวลาหลายปี จึงต้องมีการเข้าบำบัดสภาพจิตใจจนกว่าจะฟื้นฟูกลับมาเป็นสภาพปกติ ระหว่างนี้มิสเตอร์แฮร์รี่ พอตเตอร์จะอยู่กับผู้ปกครองที่เขาอาศัยอยู่ด้วยในทุกปิดเทอมฤดูร้อน คุณจะได้รับสิทธิ์การเป็นผู้ปกครองเมื่อได้รับหนังสือรับรองจากผู้บำบัดใจว่ามีสภาพจิตใจและอารมณ์คงที่พอจะเป็นผู้ปกครองได้
    ขอแสดงความนับถือ
    องค์กรพิทักษ์เด็กที่มีเวทย์มนตร์
    แฮร์รี่อ่านมันด้วยความรู้สึกสับสน เขาจะไม่ได้ไปอยู่กับซิเรียส เขาต้องไปอยู่กับพวกเดอร์สลีย์ มีอะไรที่แย่กว่านี้ไหม
    “ฉันจะหาโอกาสไปเยี่ยมเธอบ่อยๆ” ซิเรียสปลอบ “อาจจะไปทุกอาทิตย์เลย ฉันจะได้คุยกับลุงกับป้าเธอด้วย”
    แต่แฮร์รี่ส่ายหน้า ไม่มีประโยชน์อะไรที่ซิเรียสจะไปเยี่ยมเขาหรือคุยกับพวกเดอร์สลีย์ ถ้าซิเรียสพ้นจากบ้านไป พวกเดอร์สลีย์ต้องจัดการเขาแน่

    31 กค 1996

    ผ่านไปเดือนหนึ่งแล้วที่เขาต้องมาอยู่กับญาติน่ารังเกียจของเขา วันนี้เป็นวันเกิดของเขา แต่พวกนั้นไม่ได้ใส่ใจเลย เขายังคงต้องทำงานเหมือนเดิม

    แฮร์รี่กำลังจัดการทำความสะอาดบ้าน เขาทำงานหนักแต่แทบไม่ได้กินอะไรเลย ทำไมต้องเป็นอย่างนี้ด้วย ทำไมเขาถึงไม่ได้อยู่กับซิเรียส
    ฝนตกแล้ว แฮร์รี่รีบวิ่งไปเก็บผ้า แต่เขาก็สะดุดล้ม ซ้ำร้ายกว่านั้น เขาทำชุดสูทราคาแพงของลุงเวอร์นอนเปื้อน
    “แกทำอะไรของแก” เสียงของลุงดังขึ้นเหมือนฟ้าผ่า “ชุดดีๆของฉันเปื้อนหมด ออกไปให้พ้นจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้” เขาไม่พูดเปล่ายังจับตัวแฮร์รี่โยนออกไปจากรั้วบ้าน ตามด้วยข้าวของต่างๆของเขา “เอาของประหลาดๆของแกไปด้วย และไปให้พ้นหน้าพ้นตาฉันซะ”
    แฮร์รี่ยืนอึ้ง ฝนกำลังตกหนักและเขาก็ไม่มีเงินมักเกิ้ลหรือเงินในโลกเวทย์มนตร์สักนิด เขาจะไปไหนได้ เขาเดินไปตามทางอย่างหมดหวังจนมาถึงถนนใหญ่
    “เอี๊ยดด!” เสียงรถยนต์เบรคดึงแฮร์รี่ให้ตื่นจากภวังค์ เขารีบกระโดดหลบ และล้มลงกับพื้น
    “ตายล่ะ เจเดน นายขับรถชนคน” เบนจามินผู้ซึ่งนั่งมาในรถด้วยพูดกับแฟนหนุ่ม
    “ฝนตกแบบนี้ฉันมองไม่ค่อยเห็นอะไรเลย” เจเดนบ่น “เดี๋ยวฉันจะลงไปดูหน่อยว่าเขาเป็นไงบ้าง” เขาจอดรถเข้าข้างทางและเปิดประตูลงไป
    “หนูเป็นยังไงบ้าง” เขาถาม ขณะที่แฮร์รี่ยันตัวลุกขึ้นนั่ง เขายื่นมือไปประคองให้แฮร์รี่ยืน
    “โอ๊ย!” แฮร์รี่ร้อง “น่าจะข้อเท้าแพลงครับ”
    “ขึ้นรถไปกับฉันเลย” เจเดนพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ฉันจะพาเธอไปที่บ้าน จะได้ดูแลเรื่องข้อเท้าเธอ” ท้องของแฮร์รี่ร้องครวญคราง “และเรื่องอาหาร” เขาเสริมยิ้มๆ
    แฮร์รี่คิดสะระตะอยู่ชั่วครู่ และคิดว่าเขาคงไม่มีทางเลือก ถ้าเขานั่งอยู่อย่างนี้ต่อไปอาจต้องเจอกับตำรวจมักเกิ้ลก็ได้ เขาพยักหน้า เจเดนขนหีบของแฮร์รี่ใส่ที่เก็บของหลังรถประคองเขาขึ้นรถ
    “ฉันชื่อเจเดน โฮเวลล์” เจเดนแนะนำตัว หลังจากที่พวกเขาขึ้นมาบนรถแล้ว “ส่วนคนที่นั่งข้างๆฉัน เป็นแฟนฉันเอง เขาชื่อเบนจามิน สเนป”
    แฮร์รี่อ้าปากค้าง ก่อนจะเผลอพูดไปโดยไม่รู้ตัว “ไม่จริงน่า เป็นไปไม่ได้”
    “อะไรที่เป็นไปไม่ได้หรือ” เจเดนถาม “ความรักมันไร้พรมแดนนะ ว่าแต่เธอชื่ออะไร”
    “แฮร์รี่ครับ แฮร์รี่ พอตเตอร์” เด็กหนุ่มตอบ ยังคงสับสนกับข้อมูลใหม่ เบนจามิน สเนป เป็นอะไรกับเซเวอร์รัส สเนปกันแน่นะ
    Talk ขอแสดงความเสียใจ กับคนที่คิดว่าแฮร์รี่จะได้อยู่กับซิเรียสในช่วงปิดเทอมฤดูร้อนด้วยค่ะ

    ต่อ

    “ในที่สุดฝนก็หยุดตกเสียที” เจเดนพูดอย่างพึงใจ “ใกล้จะถึงบ้านแล้ว”

    และเขาก็เลี้ยวเข้าบ้านและจอด

    “นายจะเข้าบ้านฉันหรือจะไปบ้านนาย” เบนจามินถาม

    “ทำอย่างกับบ้านเราอยู่ไกลกันมาก” เจเดนพูดเสียงกลั้วหัวเราะ “ถัดไปแค่2หลัง ลงรถเถอะ จะได้ทักทายพ่อแม่นาย และเตรียมตัวไปงานแต่งของลูคัสกับแอบบิเกล”

    ทั้ง3คนลงจากรถและกดกริ่งหน้าประตู

    ผู้หญิงวัยกลางคนที่หน้าตายังคงดูดีมาเปิดประตู “เบนจามิน เจเดน” เธอทักทาย และหันมาหาแฮร์รี่ “แล้วพ่อหนุ่มรูปหล่อคนนี้คือ..”

    “แฮร์รี่ พอตเตอร์ครับ และคุณคือ..” แฮร์รี่ว่า

    “เกรซ สเนปจ้ะ” เธอพูด “เรียกเกรซก็ได้”

    “ครับ คุณเกรซ” แฮร์รี่ตอบ

    “เขาบาดเจ็บครับแม่” เบนจามินว่า “เผอิญเจเดนขับรถเฉี่ยวเขา”

    “ไม่ได้ทำสักหน่อย” เจเดนบ่นพึมพำ

    “ไม่ต้องเลยนะนาย” เบนจามินหันไปดุ

    “เอาล่ะจ้ะ ไม่ต้องทะเลาะกัน” คุณเกรซรีบห้าม “เข้าบ้านกันก่อนเถอะจ้ะ ทั้ง3คนเลย”

    “พ่อเป็นยังไงบ้างครับ” เบนจามินถาม ขณะที่ทั้งหมดเดินเข้าไปในบ้าน“ดีขึ้นหรือยังครับ”

    “ดีเหมือนใหม่เลยจ้ะ” เกรซตอบ “ยาสมุนไพรที่พี่ชายของลูกหามาให้น่ะดีจริงๆ เขาน่ะเก่งเหมือนเป็นพ่อมดเลย”

    เบนจามินหัวเราะ “พ่อมดมีจริงที่ไหนล่ะครับแม่ เซเวอร์รัสเป็นแค่คนธรรมดาที่เก่งเรื่องสมุนไพรเท่านั้นเอง”

    แฮร์รี่ชะงัก เซเวอร์รัสงั้นหรือ เขาสะกิดเบนจามินให้หยุด ขณะที่เกรซกับเจเดนเดินเข้าไปในครัว

    “คุณสเนปครับ ผมมีเรื่องอะไรจะถามหน่อยครับ”

    “เรียกฉันเบนจามินเถอะ” เบนจามินตอบ “ว่าแต่มีเรื่องอะไร”

    “คุณรู้จักกับเซเวอร์รัส สเนปด้วยหรือครับ” แฮร์รี่ถาม ดูยังไงเขาก็เป็นมักเกิ้ลธรรมดา

    “รู้จักสิ” เบนจามินพูดอย่างภูมิใจ “เขาเป็นพี่ชายฉันเอง”

    แฮร์รี่อ้าปากค้าง เบนจามินลดเสียงลงเป็นเสียงกระซิบ “นายรู้จักเขา แสดงว่านายเป็นเหมือนเขาใช่ไหม”

    แฮร์รี่ไม่ตอบ “ช่างเถอะ” เบนจามินพูด “รีบเข้าไปในครัว จะได้กินอาหารและจัดการข้อเท้านาย”

    ทั้งคู่เดินเข้าไปในครัว ในห้องนั้นนอกจากเจเดนกับเกรซแล้วยังมีชายวัยกลางคนอีกคนหนึ่งนั่งอยู่ เขาเป็นชายจมูกตะขอ ผมสีแดงและตาสีเขียว

    แฮร์รี่จำเขาได้ทันที ผู้ชายที่ตะโกนใส่ผู้หญิงที่กำลังงอตัวด้วยความกลัว มีเด็กเล็กๆร้องไห้อยู่มุมห้องในความทรงจำสเนปนั่นเอง

    “มาแล้วรึ เบนจามิน” ชายคนนั้นทักทาย

    “ครับพ่อ” เบนจามินว่า “ผมเจอเด็กหนุ่มคนนี้ระหว่างทางเลยพามาด้วย เขาข้อเท้าแพลง” เขาพูดพลางเดินไปที่ตู้ปฐมพยาบาล “อ๊ะ! นี่ไง ยานวด”

    เบนจามินนวดเท้าให้แฮร์รี่ “ขอบคุณมากครับ” แฮร์รี่พูด

    “ไม่เป็นไร” เบนจามินว่า “ก็แฟนฉันขับรถชนนายนี่”

    โทไบอัสลุกขึ้นยืนอย่างกราดเกรี้ยว “นี่ยังไม่เลิกคบกันอีกรึ” เขาร้องเสียงดังเหมือนฟ้าผ่า “พ่อบอกแล้วไงว่าลูกจะคบกับเจเดนไม่ได้ พวกลูกเป็นผู้ชายทั้งคู่นะ คุณหมอโฮเวลล์จะคิดยังไง”

    “เรากับครอบครัวโฮเวลล์สนิทกันดีฮะพ่อ” เบนจามินว่า “ไม่มีปัญหาแน่นอน ผมเองก็โตพอจะรับผิดชอบตัวเองได้แล้ว อีกอย่างเราก็จะได้เป็นญาติกันจริงๆด้วย”

    “ถ้าลูกอยากเป็นญาติกับคุณหมอเขา แต่งงานกับแอบบิเกลยังดีกว่าเลย ยังไงเธอก็เป็นหลานของคุณหมอ” โทไบอัสยังคงหงุดหงิด

    “ทำยังงั้นได้ไงคะคุณ” เกรซว่า “ก็ในเมื่อแอบบี้จะแต่งงานกับหลานชายเรา ลูคัสไงคะ จัดงานแต่งวันนี้ด้วย ต้องรีบไปแต่งตัว” เธอหันมาทางลูกชาย “ว่าแต่เซเวอร์รัสจะมาบ้านเราก่อนหรือจะไปเจอกันที่งานจ๊ะ”

    “ไอ้ตัวประหลาดนั่นจะเข้ามาเหยียบที่นี่ไม่ได้เด็ดขาด” โทไบอัสตะเบ็งเสียงกึกก้อง เขาหันไปทางลูกชาย “เพราะลูกไปคบกับมัน ความคิดของลูกถึงวิปริตไปหมด มันต้องเสกมนตร์อะไรใส่ลูกแน่ๆ”

    “เซเวอร์รัสไม่ได้ทำยังงั้นหรอกครับพ่อ” เบนจามินพูดอย่างเบื่อหน่าย

    “ไม่งั้นลูกก็ติดเชื้อตัวประหลาดจากมัน” พ่อของเขายังไม่ยอมแพ้

    “เลิกไร้สาระสักทีเถอะค่ะ” เกรซว่า “รีบแต่งตัวและไปกันได้แล้ว”

    “เอ่อ..” แฮร์รี่ผู้ซึ่งคิดว่าตัวเองจะถูกทิ้งพูดขัดขึ้น “แล้วผมล่ะครับ”

    “นายก็ไปกับเราด้วยน่ะสิ” เบนจามินพูดอย่างร่าเริง เขาเอาศอกถองเจเดน “คนยิ่งเยอะก็ยิ่งสนุก ฉันมันพวกชอบปาร์ตี้อยู่แล้ว”

    เจเดนส่ายหน้า แฟนเขาช่างเป็นคนมองโลกในแง่ดีเหลือเกิน และทั้งหมดก็ไปแต่งตัวและขึ้นรถ

    Talk1 เบนจามินกับเซเวอร์รัสเหมือนคู่ตรงข้ามกันค่ะ คนหนึ่งก็ไว้ใจคนไปทั่ว อีกคนก็ไม่เคยไว้ใจใครเลย

    Talk 2 พ่อมดเป็นคำสแลงภาษาอังกฤษ แปลว่าคนที่เชี่ยวชาญในเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากๆค่ะ

    ต่อ

    ไม่นานพวกเขาก็มาถึงงานแต่งงาน เป็นงานเล็กๆที่แขกเหรื่อไม่มากนัก

    “เราเชิญเฉพาะคนสนิท” เจเดนบอก “เป็นงานครอบครัว เข้าไปในงานกันเถอะ”

    แฮร์รี่ไม่เคยมางานแต่งงานมาก่อน พวกเดอร์สลีย์ไม่เคยพาเขาออกงานสังคมใดๆทั้งสิ้น

    “เจ้าบ่าวเจ้าสาวเป็นใครครับ” แฮร์รี่ถาม

    เบนจามินหันมาตอบ “เจ้าบ่าวคือลูคัส ซิลเวอร์ เป็นลูกพี่ลูกน้องของฉัน ส่วนเจ้าสาวคือแอบบิเกล บรูค เป็นลูกพี่ลูกน้องของเจเดน”

    “ครอบครัวเรารู้จักกันมาตั้งนานแล้ว” เสียงชายวัยกลางคนคนหนึ่งพูดขึ้น พวกเขาหันขวับไปมอง.

    “พ่อ” เจเดนร้องอย่างยินดี

    “ว่าไงไอ้ลูกชาย” คุณหมอโฮเวลล์พูดก่อนหันมาหาแฮร์รี่ “พ่อหนุ่มคนนี้ชื่ออะไรล่ะ ไม่เคยเห็นหน้าเลย”

    “แฮร์รี่ พอตเตอร์ครับ ขอโทษที่มารบกวนครับ” แฮร์รี่พูดอย่างสุภาพ

    “ฉันเจฟเฟอร์รีย์ โฮเวลล์ เป็นพ่อของเจเดน” เขาแนะนำตัวตอบ “และก็ไม่ได้รบกวนอะไรเลย แฮร์รี่”

    “คุณอาเจเนตอยู่ไหนครับพ่อ” เจเดนถามแทรก “ผมไม่ได้เจออาตั้งนานแล้ว คิดถึงจะแย่”

    “อยู่ข้างในๆ” คุณหมอตอบลูกชาย “อโดนิสก็อยู่ด้วย”

    “แล้วอาโฮปล่ะครับ” เจเดนถามอีก “เกิดมาผมไม่เคยเห็นหน้า เคยได้ยินแต่พ่อเล่า เธอจะมาหรือเปล่าครับ”

    เจฟเฟอร์รีย์ส่ายหน้า “พ่อไม่ได้ติดต่อกับเธอเป็นปีๆแล้ว จดหมายฉบับสุดท้ายที่พ่อได้รับจากเธอ คือเธอแต่งงานกับไลอัล ลูปิน และมีลูกชายชื่อรีมัส คิดดูสิ พ่อไม่เคยเห็นน้องเขยหรือหลานชายตัวเองด้วยซ้ำ”

    แฮร์รี่หันขวับไปมองเมื่อได้ยินชื่อรีมัส “ผมรู้จักเขา” แฮร์รี่พูด ก่อนจะห้ามตัวเองไว้ได้ทัน “รีมัสน่ะครับ เขาเป็นเพื่อนสนิทของพ่อผม เป็นอาจารย์คนโปรดของผมด้วย”

    “จริงรึ” คุณหมอหันมาพูดอย่างยินดี “แสดงว่าเขาเติบโตมาดีสินะ เป็นถึงครูบาอาจารย์ น่าภูมิใจจริงๆ ฉันอยากเห็นเขาสักครั้งจัง”

    แฮร์รี่ยังไม่ทันตอบ เสียงโวยวายก็ดังขึ้น “แกมาทำอะไรที่นี่”

    เสียงของโทไบอัสนั่นเอง ทุกคนหันไปมองและหัวใจของแฮร์รี่ก็สั่นด้วยความกลัว

    เซเวอร์รัส สเนปยืนอยู่ตรงนั้น

    “ก็มางานแต่งงานไงครับคุณพ่อ” เขาพูดด้วยเสียงนุ่มดุจใยไหม และหันไปทางเบนจามิน “ถ้านายจะแต่งเมื่อไหร่ เชิญฉันด้วยนะ”

    “แน่นอน” เบนจามินพูด “เออ นี่ เซเวอร์รัส นายรู้จักแฮร์รี่หรือเปล่า เขาทำท่าเหมือนรู้จักนาย”

    อาจารย์วิชาปรุงยามองผ่านจมูกที่คดงอมาทางแฮร์รี่ “รู้จักสิ” เขาพูดเสียงนุ่ม “เป็นนักเรียนของฉันเอง”

    “ลูกรัก” โทไบอัสกัดฟันพูด เขาไม่สามารถอาละวาดตอนนี้ได้ ภรรยาของเขา รวมถึงญาติๆทั้งฝ่ายเจ้าสาวเจ้าบ่าวอยู่กันเต็มไปหมด “ไปคุยกับพ่อตรงที่เงียบๆหน่อยได้ไหม ไม่ได้เจอกันนาน พ่อคิดถึงลูกจะแย่'

    “ได้สิครับคุณพ่อ” เซเวอร์รัสตอบ ด้วยท่าทีเสแสร้งพอๆกัน “ผมก็คิดถึงคุณพ่อ’ ทั้งคู่เดินจากไป

    “ผมขอตัวก่อนนะครับ” แฮร์รี่ขออนุญาต แต่เขาไม่รอฟังคำตอบ เดินปลีกตัวออกมาทันที จนมาถึงที่ที่สเนปพ่อลูกคุยกัน เขาหยุดกึกเพื่อแอบฟัง

    “แกมาทำอะไรที่นี่” เสียงของสเนปคนพ่อโวยวาย “มาสมน้ำหน้าฉันรึ”

    “ผมจะสมน้ำหน้าคุณเรื่องอะไร” เซเวอร์รัสถามเสียงเรียบ “หลานชายคุณกำลังแต่งงาน เป็นเรื่องน่ายินดีสิไม่ว่า”

    “ก็สมน้ำหน้าที่เจ้าบ่าวในงานไม่ใช่เบนจามินน่ะสิ” โทไบอัสพูดอย่างกราดเกรี้ยว “แกคงดีใจสินะที่แกแพร่เชื้อประหลาดใส่ลูกฉันได้”

    “ผมไม่ได้แพร่เชื้ออะไรใส่เขา” เซเวอร์รัสพูดอย่างหนักแน่น “ และเขาก็ปกติดีทุกอย่าง”

    “ชอบผู้ชายด้วยกันน่ะรึ ปกติ” โทไบอัสพูดอย่างดูถูก “ แกต้องแก้ไขเรื่องนี้”

    “ จะให้ผมทำอะไร” เซเวอร์รัสถามด้วยน้ำเสียงออกจะเบื่อ

    “ปรุงยาเสน่ห์ให้เบนจามินกับแอบบิเกลรักกันซะ” โทไบอัสสั่ง “ ถึงเวลาที่แกจะใช้เวทมนตร์ตัวประหลาดของแกให้เป็นประโยชน์แล้ว”

    “ผมไม่ทำ” เซเวอร์รัสพูดอย่างรังเกียจ “เป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัวน่ารังเกียจที่สุด ผมเกลียดยาเสน่ห์มากกว่ายาพิษเสียอีก”

    “แกต้องทำ” พ่อของเขาว่า “ ไอ้ตัวประหลาดอย่างแกก็มีประโยชน์อยู่แค่นี้แหละ"

    แฮร์รี่ทนฟังไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว แม้เขาจะเกลียดสเนปมาก แต่การที่พ่อคนหนึ่งจะเรียกลูกตัวเองว่าเป็นตัวประหลาดนั้นออกจะเกินไปหน่อย มันทำให้แฮร์รี่คิดถึงลุงเวอร์นอน

    “เขาไม่ใช่ตัวประหลาด” แฮร์รี่โผล่จากที่ซ่อน พร้อมตะโกน “เขาแค่มีความสามารถพิเศษที่คุณไม่มี”

    “แกก็เป็นแบบเดียวกันสินะ" สเนปคนพ่อพูดอย่างดูถูก “ถึงปกป้องกัน ไอ้ตัวประหลาด”

    แฮร์รี่ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เขาหยิบไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาขู่ “ระวังตัวให้ดี ผมจะแสดงให้เห็นว่าตัวประหลาดอย่างเราทำอะไรได้บ้าง"

    “หยุดเดี๋ยวนี้ พอตเตอร์” เซเวอร์รัสสั่ง “ห้ามทำร้ายเขา” เขาจับแขนแฮร์รี่ไว้แน่น

    “เขาดูถูกอาจารย์” แฮร์รี่พูดอย่างไม่อยากเชื่อ เขาแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าตัวเองกำลังปกป้องสเนปอยู่

    “เขาเป็นพ่อฉัน” เซเวอร์รัสว่า “เขาเลี้ยงฉันมาจนโต ไปกันเถอะ” เขาลากแฮร์รี่ออกไป

    “พวกเรากลับก่อนนะ” เซเวอร์รัสบอกกับทุกคน

    “ตามสบาย” เจเดนพูด เขาไม่อยากขัดใจพี่เมียเท่าไหร่ “ข้าวของของแฮร์รี่อยู่ในรถนะ ยังไม่ได้เอาลง เดี๋ยวฉันเอากุญแจให้”

    “ไม่ต้อง” เซเวอร์รัสปฎิเสธ “ฉันจัดการเองได้”

    และเขาก็จูงมือแฮร์รี่มาที่รถ ใช้ไม้กายสิทธิ์เปิดช่องเก็บของหลังรถ และนำของทั้งหมดของแฮร์รี่ลงมา เซเวอร์รัสใช้คาถาเสกย่อหีบของแฮร์รี่ให้เล็กลง เขายื่นมันให้แฮร์รี่และพูดว่า

    “เธอเคยหายตัวหรือเปล่า พอตเตอร์”

    “ไม่เคยครับ ผมยังไม่บรรลุนิติภาวะ” แฮร์รี่ตอบ

    “งั้นจับแขนฉันไว้แน่นๆ” สเนปสั่ง

    แฮร์รี่ทำตาม และทั้งคู่ก็เหมือนกับถูกดูดไปในท่อขนาดยักษ์

    Talk 1 เซเวอร์รัสรังเกียจการใช้ยาเสน่ห์ค่ะ ไรท์ก็รังเกียจ ดูเป็นการกระทำที่ขี้ขลาดและเห็นแก่ตัวมากๆ ผูกมัดคนที่ไม่รักเราด้วยน้ำยา

    Talk 2 รีมัส ลูปิน เป็นลูกของไลอัล ลูปิน และโฮป โฮเวลล์จริงค่ะ มีปรากฏในpottermore ระบุว่าไลอัลเป็นพ่อมดและโฮปเป็นมักเกิ้ล

    ต่อ

    พวกเขามาถึงริมแม่น้ำคดเคี้ยวที่สกปรก ส่งกลิ่นเหม็นคลุ้ง สองฝั่งรกไปด้วยพุ่มไม้และเศษขยะ ปล่องไฟมหึมา อนุสรณ์ของโรงงานทอผ้าที่เลิกราไปแล้วตั้งตระหง่านดูน่ากลัว

    “ยินดีต้อนรับ” สเนปพูด “สู่บ้านเกิดของฉัน ตรอกช่างปั่นฝ้าย เราต้องเดินอีกหน่อย ไปกันเถอะ” เขาออกเดินนำหน้า แฮร์รี่เดินตามไปอย่างเชื่อฟัง

    พวกเขาเดินเลาะไปตามตรอกต่างๆ แต่ละตรอกดูสกปรก ไฟข้างถนนบางดวงแตก แฮร์รี่คิดว่ามันไม่เหมาะสมกับเป็นที่อยู่อาศัยเลย แต่ก็ไม่กล้าวิจารณ์ ตรอกซอกซอยคดเคี้ยวมากจนมีโอกาสหลงทางได้ง่ายๆ แต่สเนปดูจะรู้จักที่นี่ดี เขาเดินดุ่มๆไปโดยไม่หยุดเลย แฮร์รี่ต้องก้าวเท้าตามให้ทัน

    และทั้งคู่ก็มาอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่ง สเนปหยิบไม้กายสิทธิ์แตะที่รูกุญแจและเปิดประตู

    “ยินดีต้อนรับสู่บ้านของฉัน” สเนปพูด

    ทั้งคู่เดินเข้าไปในบ้าน บ้านหลังนั้นมีบรรยากาศของการถูกทอดทิ้ง ห้องนั่งเล่นเหมือนห้องขังบุนวมมืดๆ ผนังทุกด้านปกคลุมด้วยหนังสือ เก้าอี้โซฟาเก่าจนสึก เก้าอี้เท้าแขนเก่าๆ และโต๊ะโยกเยกตั้งรวมกันในแสงไฟสลัว

    “บ้านของอาจารย์หรือครับ” แฮร์รี่อดพูดไม่ได้ เขาคิดถึงเดรโก มัลฟอยที่มักจะอวดรวยอยู่เสมอ เขาคิดว่าบ้านสลิธีรินทุกคนมีฐานะดี

    “ไม่ใช่หรอก” สเนปตอบ “ความจริงแล้วทางกฎหมาย มันเป็นของพ่อฉัน ฉันไม่มีบ้านของตัวเองหรอก”

    แฮร์รี่นิ่ง ก่อนจะพูดว่า “ผมคิดว่าเด็กบ้านสลิธีรินส่วนใหญ่มาจากตระกูลเลือดบริสุทธิ์ที่ร่ำรวย”

    สเนปก้มลงมองแฮร์รี่ “ฉันเป็นส่วนน้อย” เขาตอบเสียงเรียบ “ฉันเป็นเลือดผสม” และเขาก็ผายมือไปรอบๆ “และอย่างที่เห็น ฉันไม่ได้ร่ำรวย”

    “แล้วทำไมอาจารย์ไม่ซื้อบ้านหลังใหม่ล่ะครับ” แฮร์รี่ถาม “เงินเดือนอาจารย์น่าจะพอซื้อได้”

    “สิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ” สเนปว่า “ฉันไม่ค่อยอยู่บ้าน มีอย่างอื่นที่สำคัญกว่าต้องซื้อ”

    “ อะไรหรือครับ” แฮร์รี่อดถามไม่ได้

    “หนังสือและอุปกรณ์การเรียนให้เด็กสลิธีรินของฉัน” สเนปตอบ

    แฮร์รี่อ้าปากค้าง “ไม่ใช่ทุกคนที่อยู่บ้านสลิธีรินแล้วจะร่ำรวย พอตเตอร์ ตอนฉันเด็กๆ ฉันใช้หนังสือเก่าๆ ใส่เสื้อผ้าเก่าๆ และก็โดนคนอื่นล้อ ฉันไม่อยากให้เด็กคนอื่นเป็นแบบฉัน ฉันเจียดเงินส่วนหนึ่งไปซื้อของให้พวกเขา” สเนปอธิบาย

    “แต่นั่นเป็นหน้าที่ของพ่อแม่” แฮร์รี่พูดอย่างไม่อยากเชื่อ “ที่ต้องจัดการไม่ใช่หรือครับ”

    สเนปทำเสียงดูถูก “ไม่ใช่พ่อแม่ทุกคนที่มีความรับผิดชอบ พอตเตอร์ เราประเมินคุณค่าของพวกเขาสูงเกินไป เธออาจจะเจอแต่พ่อแม่ดีๆ พ่อแม่เธอที่ตายเพื่อปกป้องเธอ พ่อแม่ของวีสลีย์ที่ทำงานหนักเพื่อลูก หรือแม้แต่พ่อแม่ของเดรโกที่ทำทุกอย่างเพื่อลูก แต่ไม่ใช่พ่อแม่ทุกคนจะเป็นอย่างนั้น มีพ่อแม่บางคนที่เห็นลูกเป็นตัวถ่วงในชีวิต ไม่งั้นเด็กกำพร้าจะมีอยู่เต็มไปหมดหรือ ฉันบอกให้นะ บางคนก็ไม่ได้กำพร้าจริงๆหรอก แต่หญิงชายที่ให้กำเนิดเขามาไม่ยอมรับเขาเป็นลูก”

    แฮร์รี่นิ่งเงียบ เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย

    “แล้วทำไมเธอถึงหนีออกจากบ้าน พอตเตอร์” สเนปถาม “ปีกกล้าขาแข็งแล้วหรือไง ไม่กลัวอดตายเลยใช่ไหม บ้านเธออยู่ไหน ฉันจะไปส่ง”

    แฮร์รี่เงยหน้ามองอย่างหวาดกลัว “ไม่นะครับ” เขาพูด “ อย่าส่งผมไปอยู่กับพวกเดอร์สลีย์ ให้ผมอยู่ที่นี่ ผมช่วยอาจารย์ทำความสะอาดบ้านได้นะครับ”

    “ไม่ได้” สเนปพูดเสียงเฉียบขาด “ บางครั้งฉันก็มีพรรคพวกผู้เสพความตายมาเยี่ยมถึงบ้าน มันอันตรายเกินไป ฉันจะส่งเธอไปที่ฮอกวอตส์ละกัน ดัมเบิลดอร์รู้เสมอว่าต้องทำอะไร”

    สเนปพาแฮร์รี่ไปที่เตาผิง หยิบผงฟลูโยนเข้าไป ไฟกลายเป็นสีเขียวสว่างวาบและสเนปก็พูดว่า “มานี่หน่อย ดัมเบิลดอร์ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”

    อัลบัส ดัมเบิลดอร์โผล่ออกมาจากเตาผิง เขามองสเนปกับแฮร์รี่

    “แฮร์รี่ เธอมาทำอะไรที่นี่” เขาถามอย่างประหลาดใจ

    “ไม่สำคัญหรอกว่าเขามาทำอะไร” สเนปรีบแทรก “แต่เขาอยู่ที่นี่ไม่ได้ คุณพาเขาไปที่ฮอกวอตส์ได้ไหม”

    ดัมเบิลดอร์ส่ายหน้า “คงจะไม่ได้ เซเวอร์รัส” เขาพูดเสียงเศร้า ก่อนจะพูดต่อด้วยเสียงร่าเริงขึ้น “ แต่เขาไปอยู่ที่บ้านตากอากาศของซิเรียสได้ ยาที่เธอปรุงเยี่ยมยอดจริงๆ ผู้บำบัดบอกว่าสภาพจิตใจของซิเรียสดีขึ้นมาก ดีขึ้นพอจะเป็นผู้ปกครองของแฮร์รี่ได้แล้ว”

    “จริงหรือครับ” แฮร์รี่ร้องอย่างยินดี “ เป็นของขวัญวันเกิดที่ดีที่สุดของผมเลย”

    ดัมเบิลดอร์ยิ้มให้ “ใช่แล้ว แฮร์รี่ ไปที่ฮอกวอตส์เถอะ ซิเรียสกับรีมัสรอเธออยู่ที่นั่น”

    “ผมมีเรื่องจะเล่าให้รีมัส เอ๊ย ศาสตราจารย์ลูปินฟังด้วยครับ” แฮร์รี่พูดอย่างตื่นเต้น

    “เรียกว่ารีมัสก็ได้ แฮร์รี่” ดัมเบิลดอร์พูดอย่างเมตตา “เขาลาออกแล้ว”

    “ทำไมล่ะครับ” ทั้งแฮร์รี่และสเนปถามพร้อมกัน แต่ด้วยน้ำเสียงที่ต่างกัน น้ำเสียงของแฮร์รี่ฟังขุ่นเคืองขณะที่ของสเนปฟังมีความหวัง

    “เขาอยากทุ่มเทกับภาคีมากกว่านี้” ดัมเบิลดอร์อธิบายเรียบๆ “ และก็ต้องคอยดูแลซิเรียสด้วย” เขาส่ายหน้า “ รีมัสพูดว่าซิเรียสเหมือนเด็กตัวโต ไม่อยู่คุมไม่ได้หรอก”

    “แล้วตำแหน่งอาจารย์ป้องกันตัวจากศาสตร์มืด” สเนปถามอย่างมีความหวัง

    “ไม่ได้หรอก เซเวอร์รัส” ดัมเบิลดอร์พูดด้วยเสียงเคร่งขรึม “ฉันหาคนมาแทนได้แล้ว เขาชื่อธันเดอร์ สกาย เป็นคนดีมีฝีมือทีเดียว” เขาหันมาชวนแฮร์รี่ “ไปกันเถอะ” และทั้งคู่ก็หายไปในแสงไฟสีเขียว

    Talk ธันเดอร์ สกายจะมีบทบาทเล็กๆ ที่สำคัญมาก ลองทายกันดูซิว่าเขาเป็นใคร

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×