คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : 7
โทไบอัสเป็นนักพฤกษศาสตร์ที่เก่งกาจ อาจจะกล่าวได้ว่าไม่มีต้นไม้ใดในโลกที่เขาไม่รู้จัก แต่เขาก็ยังมีความฝันอยู่อย่างหนึ่ง เป็นความฝันที่ฟังดูเพ้อเจ้อ เขาต้องการหาต้นไม้ที่พูดได้หรือมีลักษณะบางอย่างเหมือนมนุษย์ มีตำนานเล่าขานมากมายเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทั้งต้นแมนเดรกที่มีรากเป็นรูปคนหรือต้นนารีผลที่มีรูปร่างหน้าตาสวยงาม แต่แน่นอนว่าโทไบอัสไม่ได้เพ้อฝันแบบนั้น เขาไม่ได้ตั้งใจจะไปหาต้นไม้ในตำนาน เขาตั้งใจจะสร้างมันขึ้นมาด้วยการตัดต่อทางพันธุกรรม ใส่พันธุกรรมเขาเข้าไปกับต้นไม้ แต่แน่ล่ะด้วยเทคโนโลยีในตอนนั้นคงไม่อาจจะทำสำเร็จได้ แต่สวรรค์ยังเข้าข้างเขา เมื่อเขาพบกับไอลีน เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่สวยน่ารัก แต่ก็เป็นคนฉลาด เธอรู้เรื่องต้นไม้ต่างๆเป็นอย่างดี ความรักที่มีต่อต้นไม้ดึงดูดให้ทั้งคู่เข้าหากัน เขาสารภาพถึงความฝันที่แอบซ่อนไว้ของเขา ไอลีนไม่หัวเราะเขาเหมือนคนอื่นๆ เธอสารภาพเรื่องที่ตัวเองเป็นแม่มด เธอแนะนำให้เขารู้จักต้นแมนเดรกซึ่งทำให้เขาผิดหวังมาก โทไบอัสต้องการต้นไม้ที่มีลักษณะเหมือนมนุษย์จริงๆกล่าวคือต้องมีสติปัญญา ไม่ใช่เอาแต่กรีดร้องไม่หยุดหย่อน เขาเกลี้ยกล่อมให้ไอลีนใช้เวทมนตร์ช่วยเขา ด้วยเวทมนตร์ของไอลีนและเทคโนโลยีของเขา ในที่สุดพวกเขาก็สามารถตัดต่อพันธุกรรมเขาเข้ากับต้นเฮลลิบอร์ได้สำเร็จ หากมองจากภายนอกแล้วไม่มีใครดูออกเลยว่าเด็กคนนี้เป็นต้นไม้ โทไบอัสตั้งใจจะเรียกเขาผลการทดลองหมายเลขหนึ่ง แต่ไอลีนคัดค้านอย่างหนัก บอกว่าไม่มีใครตั้งชื่อลูกแบบนั้นหรอก และเธอก็ตั้งชื่อให้เขาว่าเซเวอร์รัส โทไบอัสยอมเธอและก็ตั้งชื่อกลางให้ว่าเรย์ตามนามสกุลของจอห์น เรย์บิดาของพฤกษศาสตร์ เมื่อเซเวอร์รัสโตขึ้นก็มีลักษณะบางอย่างที่ต่างไปจากเด็กปกติ กล่าวคือเขากินข้าวน้อยมากเมื่อเทียบกับเด็กวัยเดียวกันคือกินเพียงแค่หนึ่งในสามเท่านั้น แต่นั้นไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเพราะเขามียีนต้นไม้อยู่ในตัวจึงสามารถสร้างอาหารเองได้ ขอเพียงมีน้ำ แสงแดดและปุ๋ยอีกนิดหน่อยเท่านั้น ปัญหาจริงๆของเซเวอร์รัสเกิดขึ้นเมื่อตอนอาบน้ำสระผม เพราะหลังจากที่เขาอาบน้ำสระผมแล้วก็จะไม่สบายไปหลายวัน แต่ถ้าล้างตัวเฉยๆโดยไม่ฟอกสบู่หรือใส่น้ำยาสระผมก็จะไม่มีปัญหาอะไร โทไบอัสสรุปว่าเป็นเพราะยีนต้นไม้ เพราะถ้าเราเอาน้ำยาไปรดน้ำต้นไม้มันก็เน่าเท่านั้นเอง แต่เซเวอร์รัสไม่เคยมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ออกจากตัวซึ่งนับว่าเป็นโชคดี แต่โชคร้ายคือหัวเขาจะมันเมือกอยู่ตลอดเวลา ความจริงแล้วเซเวอร์รัสเป็นทุกอย่างที่พ่อของเขาต้องการ (โทไบอัสคิดว่าในเมื่อเด็กคนนี้มีพันธุกรรมของเขาอยู่ เขาจึงควรเป็นพ่อ) แต่เซเวอร์รัสก็ไม่เคยออกดอกเสียทีซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้โทไบอัสหงุดหงิดมาก เขาอยากจะสร้างมนุษย์ต้นไม้อีกสักคน แต่ไอลีนคัดค้าน ไม่ยอม พวกเขาจึงมักทะเลาะกันอยู่บ่อยๆ โทไบอัสมักจะใช้วิธีต่างๆเพื่อทดลองว่าลูกชายของเขาเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์หรือเปล่าหรือต่างจากมนุษย์ปกติแค่ไหน เป็นต้นว่าเปิดหนังน่ากลัวให้ดูเพื่อทดสอบปฏิกิริยา บางครั้งโทไบอัสก็โหดร้ายกับลูกชายมาก เขามีความเชื่อว่าต้นไม้จะออกดอกออกผลได้ดี ถ้ามันคิดว่าตัวเองกำลังจะตาย เขาเฆี่ยนตีเซเวอร์รัสอย่างทารุณ แต่ถึงกระนั้นเซเวอร์รัสก็ยังรักเขามากเปรียบประดุจสุนัขที่จะรักเจ้านายของตน เซเวอร์รัสไม่เคยได้ออกไปนอกบ้าน เขาเป็นเด็กฉลาด อ่านหนังสือออก เขียนหนังสือได้ เขารู้จักโลกผ่านหนังสือและโทรทัศน์และจากพ่อแม่ของเขา เขาเชื่อทุกอย่างที่พ่อแม่พูด ก็อย่างที่ว่าถ้าคุณโกหกเรื่องหนึ่งนานพอ ทุกคนก็จะเชื่อไปเองว่ามันเป็นเรื่องจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไม่มีข้อมูลอื่นๆมาคัดค้านเลย แต่ถึงกระนั้นพ่อแม่ก็ไม่ได้สอนแต่เรื่องเลวร้าย พ่อของเขาสอนให้เขารักต้นไม้เพราะว่าต้นไม้เป็นพี่น้องของเขาและทุกคนก็รู้ดีว่าความคิดนี้มีความสำคัญแค่ไหนในโลกปัจจุบัน
เมื่อโทไบอัสเล่าจบก็บังเกิดความเงียบขึ้นทันที พวกเขาล้วนตกตะลึงจนไม่อาจพูดอะไรออกมาได้ เป็นเรื่องที่โหดร้ายเหลือเกินที่เลี้ยงเด็กคนหนึ่งเหมือนหนูทดลอง ซิเรียสเริ่มมีความรู้สึกบางอย่างที่เขาไม่เคยมีให้เซเวอร์รัสมาก่อน ความสงสารและความรู้สึกเป็นพวกเดียวกัน พ่อแม่ของเขาก็มักจะขีดเส้นทางให้เขาเดินตามแต่ก็ยังไม่โหดร้ายถึงเพียงนี้ เขายังมีโอกาสได้ออกไปเจองานสังคมบ้าง แม้ว่าจะเป็นงานที่น่าเบื่อมากก็ตาม เขาไม่เคยถูกเฆี่ยน อย่างมากที่สุดที่พ่อแม่ทำก็คือบ่นว่าเขาไม่หยุดหย่อน เขาเงยหน้าขึ้นและได้มองเซเวอร์รัสตรงๆเป็นครั้งแรก ไม่ได้มองผ่านอคติที่คิดว่าบ้านสลิธีรินทุกคนต้องเป็นคนชั่ว เขาเห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังหลงทางและปณิธานอันแน่วแน่ก็เกิดขึ้นในใจของซิเรียส เขาเป็นคนทำร้ายเซเวอร์รัส เป็นคนผลักเขาให้เข้าสู่ศาสตร์มืด ดังนั้นซิเรียสจึงต้องเป็นคนช่วยเขาขึ้นมา
“ เอาเป็นว่าเรื่องนี้พอแค่นี้ก็แล้วกัน” ดัมเบิลดอร์ว่า เป็นครั้งแรกที่เขาไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ เขาบอกให้เอลฟ์พาสามีภรรยากลับไปแล้วหันมาทางซิเรียสกับเซเวอร์รัส
“ พวกเธอสองคน..” เขาเริ่ม
แต่ซิเรียสขัดขึ้นก่อน “ ไม่มีวันหลุดจากปากผมแน่นอนครับ”
ดัมเบิลดอร์พยักหน้าอย่างพอใจ เด็กหนุ่มทั้งคู่เดินออกจากห้อง และเมื่อมาถึงชานบันได ซิเรียสก็พูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า ขอโทษ และถ้าเซเวอร์รัสได้ยิน เขาก็ไม่ได้แสดงออกมาเลยแม้แต่น้อย
Talk hbd เซเวอร์รัส สเนป ตอนนี้เป็นตอนที่เกี่ยวกับตอนที่เขาเกิดพอดีเลย
Talk 2 จอห์น เรย์เป็นบิดาพฤกษศาสตร์จริง
ความคิดเห็น