ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Snape The last prince สเนป เจ้าชายองค์สุดท้าย

    ลำดับตอนที่ #18 : 13 (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 12 เม.ย. 62


    เปิดเทอมปี1996แล้ว และเซไวลินก็ได้รับการคัดสรรให้อยู่สลิธีริน เซเวอร์รัสไม่แปลกใจเลยในเมื่อความเป็นงูของลูกชายเขาชัดเจนขนาดนี้ เขาไม่อนุญาตให้ลูกเรียกเขาว่าพ่อที่โรงเรียน เซไวลินต้องเรียกเขาว่าอาจารย์หรือศาสตราจารย์เท่านั้น แต่การที่เซไวลินใช้นามสกุลของเขาก็ทำให้ทั้งนักเรียนและอาจารย์ทุกคนรู้ว่าเซไวลินมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับเขา เซเวอร์รัสหวังว่าจะไม่มีใครเอาเรื่องที่เขาเป็นอาจารย์ที่ไม่ยุติธรรมนักมาระบายอารมณ์ใส่เซไวลิน เขาหวังว่านักเรียนจะเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเขา เขาตั้งใจจะปรับปรุงตัว จะไม่เอาเรื่องสมัยเป็นนักเรียนมาระบายอารมณ์ใส่นักเรียนอีก โดยเฉพาะกับเด็กพอตเตอร์ แต่เขาจะทำได้ไหมหนอ บางทีนิสัยของเขาฝังรากลึกไปเสียแล้ว แต่เขาจะพยายามมากกว่านี้ละกัน หวังว่าปีนี้คงจะมีแต่เรื่องดีๆนะ และขอให้อาจารย์ป้องกันตัวจากศาสตร์มืดคนใหม่อยู่ห่างจากเขาให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เขาไม่ค่อยไว้ใจสกายเลย เจ้านั่นมองหน้าเขาและเลียริมฝีปากอยู่เรื่อย ทำให้เขาคิดถึงมู้ดดี้ตัวปลอมอยู่หน่อยๆ เขารู้สึกไม่ค่อยปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้ๆหมอนั่น เซเวอร์รัสไม่รู้ว่าทำไม ทั้งๆที่สกายก็ไม่ได้ทำอะไรให้เขาเสียหน่อย ออกจะเป็นสุภาพบุรุษเสียด้วยซ้ำ
    เซไวลินอยู่ที่ห้องสมุด เขากำลังจะทำรายงานวิชาปรุงยาที่จะต้องส่งสัปดาห์หน้า การที่เขาเป็นลูกของพ่อไม่ได้ทำให้เขาสามารถทำงานได้แบบขอไปที เขาต้องทำงานให้สมบูรณ์แบบที่สุดเพื่อไม่ให้พ่อผิดหวัง
    เขาขนหนังสือหลายเล่มมาและกำลังเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงาน แต่เขาสะดุดล้มเสียก่อน
    “เดินยังไงอะ สเนป ไม่มีตาเหรอ” เสียงเยาะเย้ยดังขึ้น
    เซไวลินเงยหน้าขึ้น พบเด็กกริฟฟินดอร์ปี3 นั่งรวมกันอยู่ คนหนึ่งยื่นขามาขัดขาเขา
    “แหม จะไปมีได้ไงล่ะ ก็เขาเป็นค้างคาวนี่ ก็ต้องตาบอดเป็นธรรมดา” เสียงอีกคนเสริม
    “ฉันไม่ใช่ค้างคาว” เซไวลินเถียง ขณะที่ยันตัวลุกขึ้นและเก็บหนังสือที่หล่นพื้น
    “เป็นสิ” รุ่นพี่เยาะเย้ย “ก็พ่อแกเป็นค้างคาวเนี่ย แม่แกเป็นหรือเปล่าวะ”
    “แหม เขาไม่มีแม่หรอก ใครจะทนอุ้มท้องลูกของสเนปได้” เพื่อนอีกคนเยาะเย้ย
    เซไวลินชักจะโมโหเสียแล้ว เขาชักไม้กายสิทธิ์ออกมา พร้อมๆกับที่พวกนั้นก็ชักไม้กายสิทธิ์ออกมาเช่นกัน
    “แกคิดจะสู้กับเราคนเดียวหรือ ไอ้ค้างคาว จะมีปัญญาเหรอ ฉันหมั่นไส้พ่อแกมานานแล้ว ชอบหักคะแนนพวกเราดีนัก”
    “ต่อให้นายไม่ชอบศาสตราจารย์สเนป นายก็ไม่ควรระบายอารมณ์ใส่เด็กปี1นะ” เสียงๆหนึ่งดังขึ้น ทุกหัวหันไปมอง พบกับเด็กหนุ่มปี3 บ้านเรเวนคลอ ผมสีทอง ตาสีฟ้ายืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีสง่างาม
    “แล้วแกยุ่งอะไรด้วยล่ะ อักเคอร์ลีย์” เด็กหนุ่มบ้านกริฟฟินดอร๋คนหนึ่งพูด
    “ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน เดี๋ยวก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็นอักลี่หรอก” เด็กหนุ่มอีกคนเสริม
    “ฉันก็ไม่อยากยุ่งด้วยหรอก” อักเคอร์ลีย์ว่า “แต่พวกนายกำลังรังแกเด็กปี1 ไม่ว่าพ่อเขาจะทำอะไรกับพวกนาย เขาก็ไม่เกี่ยวข้องด้วยเสียหน่อย หัดเป็นผู้ใหญ่เถอะ”
    “และถ้าเราไม่ทำ นายจะมีปัญญาทำอะไรพวกเราได้”
    “ฉันไม่มีปัญญาหรอก” อักเคอร์ลีย์ยอมรับ “แต่ถ้าฉันเอาไอ้นี่ไปให้ศาสตราจารย์สเนปฟัง บ้านกริฟฟินดอร์คงคะแนนติดลบแหงๆ” เขาล้วงเอาเครื่องอัดเสียงเวทย์มนตร์ออกมาจากกระเป๋าเสื้อคลุม ด้วยความที่เขาไม่ค่อยเก่งด้านคาถานักจึงต้องหาวิธีป้องกันตัวด้วยวิธีอื่น เขาโบกมันไปมา “หรือจะให้บอกศาสตราจารย์มักกอนนากัลดีล่ะ”
    “ฝากไว้ก่อนเถอะ” พวกเขาพูดพร้อมกัน และค่อยๆลุกเดินออกไปทีละคน
    “ไปเถอะ สเนป” เขาหันมาพูดกับเซไวลิน
    “เรียกฉันว่าเซไวลินก็ได้” เซไวลินบอก”ขอบคุณนะอักเคอร์ลีย์”
    “งั้นนายก็เรียกฉันว่าสจ็วตละกัน และก็ด้วยความยินดี เห็นคนเดือดร้อนก็ต้องช่วยเป็นเรื่องธรรมดา” สจ็วตตอบ
    “งั้นก็ขอบคุณนะสจ็วต” เซไวลินพูด เขายกหนังสือเสียจนตัวโยน มันเยอะเกินไปจริงๆ แต่ทุกเล่มก็มีเนื้อหาสำคัญหมด จนเขาตัดใจทิ้งไม่ได้
    “มา ฉันช่วย” สจ็วตว่า ก่อนจะหยิบหนังสือหลายเล่มไปช่วยถือ
    “ขอบใจอีกรอบ” เซไวลินว่า “หนังสือพวกนี้สำคัญหมดเลย ฉันต้องใช้ทำรายงานน้ำยาแก้ฝีอย่างง่าย”
    “ให้ฉันช่วยไหม” สจ็วตเสนอตัว “ฉันได้คะแนนรายงานตั้ง6เต็ม10เชียวนะ และใครๆก็รู้ว่าคะแนนขนาดนั้น สำหรับเด็กที่ไม่ใช่บ้านสลิธีรินในวิชาปรุงยาน่ะ มีค่าเท่ากับคะแนนเต็มเลย”
    เซไวลินหัวเราะ “ไม่ถึงขนาดนั้นสักหน่อย แต่มีคนช่วยก็ดีเหมือนกัน ไปหามุมเงียบๆทำรายงานกันเถอะ”
    และทั้งคู่ก็เดินไปพร้อมกัน โดยมีดวงตาสีดำจับจ้องไม่วางตา
    ‘ทำไมดูสนิทกันอย่างนี้ เพิ่งเจอกันครั้งแรกก็เสนอตัวช่วยทำรายงาน และยังมีช่วยถือขง ถือของ ลูกฉันเพิ่งอายุ11ปีนะคิดจะล่อลวงลูกฉันหรือไง'เซเวอร์รัสคิดอย่างไม่ค่อยพอใจนัก แต่เขาก็ต้องยอมรับแบบไม่ค่อยเต็มใจนักว่าอักเคอร์ลีย์ช่วยลูกของเขาไว้ 'ขอล่ะ เมอร์ลิน ขอให้คิดเป็นแค่เพื่อนหรือพี่น้องกันเถอะ อย่าเกินเลยไปมากกว่านี้เลย ฉันยังไม่พร้อมเสียลูกของฉันไปให้ใคร'
    Talk เปิดตัวพระเอกค่ะ สจ็วต อักเคอร์ลีย์ เด็กหนุ่มบ้านเรเวนคลอ ปรากฏชื่อในแฮร์รี่ พอตเตอร์กับถ้วยอัคนี เปิดตัวมาได้เท่ดีมั้ย
    และตอนหน้าเราจะได้ดูฤทธิ์ความหวงลูกของเซเวอร์รัสกัน  พวกงูน่ะมันขี้หวงนะ




    พระเอกของเรา สจ็วต อักเคอร์ลีย์

    ต่อ

    วันเสาร์ สัปดาห์แรกของการเรียน

    “อาทิตย์นี้เป็นยังไงบ้าง เซไวลิน” เซเวอร์รัสทักทายลูกชาย ตั้งแต่เปิดเทอม เขาไม่ค่อยได้คุยกับลูกชายมากนัก จึงต้องมานัดคุยนอกรอบอย่างนี

    “ก็ดีครับพ่อ เอ๊ย ศาสตราจารย์สเนป” เซไวลินตอบ

    “เรียกพ่อก็ได้” เซเวอร์รัสพูดสบายๆ “ในนี้ไม่มีใครแล้ว มีแค่เรา'

    “ครับพ่อ” เซไวลินตอบ “อาทิตย์นี้เยี่ยมยอดมากเลยครับ ผมได้รู้เรื่องอะไรใหม่ๆเยอะแยะเลย พวกมนุษย์เนี่ยก็ฉลาดเหมือนกันนะครับ”

    “แล้วนอกจากเรื่องเรียนล่ะ” เซเวอร์รัสถาม “มีเพื่อนเยอะไหม มีใครมารังแกลูกหรือเปล่า” เซเวอร์รัสรู้อยู่แล้วว่าลูกเขาโดนรังแก ก็เขาเห็นกับตานี่ แต่ก็อยากฟังรายละเอียดจากลูกมากกว่า

    “ ก็มีพวกเด็กปี3 บ้านกริฟฟินดอร์น่ะฮะ กลุ่มเดียวกับที่โดนพ่อกักบริเวณทั้งอาทิตย์นั้นแหละ” เซไวลินว่า “ ว่าแต่พวกนั้นโดนลงโทษเรื่องอะไรเหรอครับ”

    พ่อของเขากระแอม “ ไม่ต้องไปยุ่งหรอกลูก ว่าแต่พวกนั้นมันแกล้งลูกยังไง”

    “ ก็ยื่นขามาขัด แล้วก็พูดเยาะเย้ยน่ะครับ” เซไวลินยักไหล่ “ แต่ผมก็ไม่สนหรอกครับ”

    “แล้วเขาทำอะไรลูกอีกหรือเปล่า” เซเวอร์รัสซัก

    “ ก็เกือบไปน่ะครับ” เซไวลินตอบ “ แต่เผอิญสจ็วตเข้ามาช่วยผมไว้”

    “สจ็วต อักเคอร์ลีย์ เด็กปี3 บ้านเรเวนคลอน่ะหรือ” เซเวอร์รัสถาม

    “ใช่ครับ” เซไวลินพูดอย่างกระตือรือร้น “ สจ็วตเขาฉลาดมากนะครับพ่อ ช่วยทำรายงานให้ผมได้ด้วย เขายังบอกอีกด้วยว่าถ้าวันหยุดฮอกส์มี้ดมาถึงเมื่อไหร่ เขาจะซื้อขนมมาฝากผมเยอะแยะเลยด้วย”

    “ ลูกเพิ่งรู้จักเขาเองนะ” เซเวอร์รัสพูดอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง “ ยังไม่ถึงอาทิตย์นึงเลย มีซื้อขนมฝากกันแล้วเหรอ”

    “ โธ่ พ่อฮะ พ่อก็น่าจะรู้ว่านาคอย่างเราน่ะ ถูกใจใครก็รุกเลย ไม่รีๆรอๆเหมือนมนุษย์หรอกครับ”

    เซเวอร์รัสอ้าปากค้าง “ลูกจะบอกว่าลูกถูกใจ เด็กอักลี่นั่นเหรอ”

    “เขานามสกุลอักเคอร์ลีย์ครับพ่อ” เซไวลินแก้ “ แล้วก็ใช่ครับ ผมชอบคนฉลาดๆ และออร์ล่า เควิร์ก เพื่อนสนิทสจ็วตก็เข้ากับผมได้ดีด้วยครับ เธอก็ช่วยผมทำรายงานด้วย”

    “ ลูกไม่เห็นจำเป็นต้องให้ใครช่วยทำรายงานเลย ถ้าลูกมีปัญหา พ่อก็อยู่นี่ตลอด ไม่เห็นต้องไปรบกวนอักเคอร์ลีย์กับเควิร์กเลย” เซเวอร์รัสพูดด้วยเสียงที่เรียบที่สุด เขาพยายามสะกดกลั้นความหวงไว้

    เซไวลินของเขาเพิ่งอายุ11ปีเองนะ จะถูกพรากไปจากอกเขาเร็วปานนี้เชียวหรือ และยังจะมีเควิร์กอีก เขาไม่แน่ใจว่าลูกเขาจะชอบผู้หญิงหรือผู้ชาย ดังนั้นพวกนั้นไว้ใจไม่ได้ทั้งคู่ เขาต้องกำราบพวกนั้นเสียบ้าง กล้ามาล้วงคองูเห่า เอ๊ย นาคอย่างเขา พวกนั้นจะฉลาดแค่ไหนเชียว ลูกของเขาไม่เคยชมใครออกนอกหน้าขนาดนี้เลย

    “ พ่อคิดอะไรอยู่ครับ” เสียงของเซไวลินปลุกเขาให้ตื่นจากภวังค์

    “ อ๋อ! พ่อกำลังคิดถึงบทเรียนที่พ่อต้องเตรียมสอนน่ะ เดี๋ยววันจันทร์พ่อมีสอนเด็กปี3 บ้านฮัฟเฟิลพัฟกับเรเวนคลอ พ่อจะสอนน้ำยาหดตัว พ่อหวังว่าอักเคอร์ลีย์กับเควิร์กจะทำน้ำยานี้ได้สมบูรณ์แบบนะ” เซเวอร์รัสพูด เขาอดประชดประชันตามนิสัยเก่าไม่ได้

    “ พ่อขี้หวง” เซไวลินล้อ “ ยังไงผมก็ไม่รักใครมากกว่าพ่อหรอกน่า” เขาเอาหัวซุกอกผู้เป็นพ่อ

    เซเวอร์รัสลูบหัวลูกชาย เซไวลินของเขาจะเป็นลูกงูน้อยในอ้อมอกเขานานแค่ไหนกันหนอ

    วันจันทร์ คาบปรุงยา ปี3 ฮัฟเฟิลพัฟกับเรเวนคลอ

    “ นี่เป็นสัปดาห์ที่2 ของการเรียนแล้ว” เซเวอร์รัสพูดเสียงนุ่ม “ ฉันจะให้พวกเธอปรุงน้ำยาหดตัว ฉันคาดหวังน้ำยาที่สมบูรณ์แบบจากพวกเธอทุกคน” เขากวาดสายตามองไปรอบห้องและไปหยุดที่สจ็วตกับออร์ล่านานเป็นพิเศษ “ และสำหรับคนที่นำสัตว์เลี้ยงมา ก็ยิ่งต้องทำให้เต็มที่ที่สุด เพราะฉันจะใช้สัตว์เลี้ยงพวกเธอในการทดลองยา” เขาเสริม เมื่อเห็นพิกมี่พัฟของออร์ล่า เขาไม่ได้ตั้งใจจะวางยาพิษสัตว์เลี้ยงของนักเรียนจริงๆหรอก ยอดนักปรุงยาอย่างเขาแค่มองและดมกลิ่นก็รู้แล้วว่ายาใช้ได้หรือไม่ ถ้ายานั่นเป็นอันตรายถึงชีวิต เขาไม่ทดลองกับสิ่งมีชีวิตหรอก แต่ถ้าแค่ทำให้ป่วยนิดหน่อย ก็ต้องทดลอง เด็กพวกนี้จะได้ตั้งใจทำงานกัน ถ้ารู้ว่ามีอะไรรออยู่ ถ้าพวกเขาไม่ตั้งใจ พ่อของเขาก็ใช้วิธีนี้กับเขา ฟาดเขาด้วยเข็มขัดทุกครั้งที่เขาอ่านข้อความในพระคัมภีร์ผิดพลาด เขาอ่านพระคัมภีร์ได้ตั้งแต่5ขวบด้วยซ้ำ เพราะเขารู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นถ้าเขาทำไม่ได้

    **

    เซเวอร์รัสปล่อยให้พวกนักเรียนปรุงยา เขานั่งอยู่ที่โต๊ะ ครุ่นคิดถึงบทสนทนาของเขากับเซไวลิน ลูกชายเขาชมพวกเด็กเรเวนคลอจนออกนอกหน้า เขาก็อยากรู้นักว่าจะเก่งสักแค่ไหน

    “ ฉันจะเดินตรวจแล้ว” เซเวอร์รัสประกาศขึ้น เมื่ออีก5นาทีจะหมดเวลา

    เขาลุกขึ้น เดินตรวจหม้อยาทีละหม้อและวิจารณ์ด้วยถ้อยคำเจ็บแสบ ขอโทษทีเถอะ นิสัยปากร้ายเนี่ย แก้ยังไงก็ไม่หาย แต่เขาก็ยังไม่ทดลองยากับสัตว์เลี้ยงตัวไหนเลย เพราะแค่มองปราดดูก็รู้ว่าพวกนักเรียนปรุงยาผิดพลาดจนกลายเป็นยาพิษไปแล้ว อาจารย์ปรุงยามาหยุดอยู่ที่หน้าหม้อปรุงยาของออร์ล่า ถ้าเทียบกับน้ำยาของคนอื่นๆแล้ว นับว่าเควิร์กทำได้ดีทีเดียว ' อย่างน้อยๆก็ไม่กลายเป็นยาพิษแหละ ถ้าฉันทดลองยานี่กับเจ้าตัวขนปุยน่าเกลียด มันก็คงแค่ขนร่วงนิดหน่อยเท่านั้น ฉันมีน้ำยาปลูกขนอยู่แล้ว '

    “ นี่คือน้ำยาของเธอหรือ เควิร์ก” สเนปพูดเสียงนุ่มนวล “ ฉันจะบอกให้เลยนะว่าฉันสอนมาตั้ง10กว่าปี ยังไม่เคยเห็นน้ำยาที่ห่วยแตกขนาดนี้มาก่อนเลย” นั่นไม่เป็นความจริง อย่างน้อยๆน้ำยาของลองบัตท่อมก็แย่กว่านี้หลายเท่า

    “ น้ำยาของเธอไม่ได้แย่ขนาดนั้นเสียหน่อย” อักเคอร์ลีย์ออกตัวปกป้องเพื่อน “ เพราะอาจารย์ทำนิสัยอย่างนี้ไงครับ นักเรียนคนอื่นถึงระบายอารมณ์เอากับเซไวลิน”

    “ หักคะแนนเรเวนคลอ20คะแนน” สเนปพูดอย่างไม่พอใจ “ และลูกของฉัน ฉันดูแลเองได้ ขอบใจมาก อักเคอร์ลีย์”

    สจ็วตเงียบทันที เขาไม่หาเรื่องให้ถูกหักคะแนนเพิ่มหรอก

    “ และสำหรับเธอ เควิร์ก” สเนปหันไปพูดกับออร์ล่า “ ฉันจะทดลองยานี่กับพิกมี่พัฟของเธอ สวดภาวนาเถอะว่าไม่ให้ยาห่วยๆของเธอกลายเป็นยาพิษ” เขาขู่ตอนท้าย

    “ อย่าเลยนะคะ ศาสตราจารย์” ออร์ล่าอ้อนวอน “ หนูทำรายงานเพิ่มก็ได้ แต่อย่าทำอะไรเจ้าลอร่าเลยนะคะ”

    แต่เซเวอร์รัสไม่ฟังเลย เขาหยิบน้ำยาออกมาและกรอกใส่ปากเจ้าพิกมี่พัฟ จริงอย่างที่เขาคิดไว้ ขนของมันร่วงลงมา มันกลายเป็นลูกบอลน่าเกลียด และมันก็หลับตาลง มันไม่เป็นอะไรหรอก พิกมี่พัฟเป็นสัตว์ขี้เกียจอยู่แล้ว มันนอนได้ทั้งวันแหละ แต่ดูเหมือนเควิร์กจะไม่รู้เรื่องนี้

    “ลอร่า” เธอกรีดร้อง “ อาจารย์ทำอะไรมัน ทำไมต้องทำขนาดนี้ด้วย”

    “ เลิกชั้นได้แล้ว” สเนปพูด เขาไม่สนใจเควิร์กเลยแม้แต่น้อย “ ออกไปให้หมด”

    เด็กนักเรียนเกือบทุกคนออกไป ยกเว้นสจ็วตกับออร์ล่า

    “ เธอก็ด้วย เควิร์ก ทิ้งไอ้เจ้าลูกบอลน่าเกลียดของเธอไว้ที่นี่ เผื่อมันตาย ฉันจะได้ผ่ามันออกมาดู” เขาพูดอย่างใจร้าย

    ออร์ล่าทนไม่ไหวแล้ว เธอวิ่งร้องไห้จากไป สจ็วตหันมาหาสเนป

    “ ผมไม่รู้หรอกนะครับว่าทำไมอาจารย์ถึงทำอย่างนั้นกับออร์ล่า แต่ถ้าเป็นเพราะเรื่องผมกับเซไวลิน อาจารย์ก็ควรมาจัดการกับผม ไม่ใช่ไประบายอารมณ์ใส่สัตว์ที่ไร้ทางสู้”

    สเนปนิ่งเงียบ เขาไม่ตอบโต้ เพราะในใจลึกๆเขาก็รู้ว่าเขาทำเกินไปหน่อย

    สจ็วตเดินจากไป เขาต้องรีบไปปลอบเพื่อนสนิทของเขาเสียหน่อย

    talk บางทีเซเวอร์รัสก็ทำตัวเหมือนเด็กเอาแต่ใจ เป็นพวกตีวัวกระทบคราด เขาไม่ใช่นาคดีสมบูรณ์แบบหรอก

    ต่อ

    “ เขาใจร้ายจริงๆ” ออร์ล่าสะอื้นกับลูน่า “ หนูรู้ว่ายาหนูไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่เขาไม่ควรทำอย่างนั้นกับลอร่าที่น่าสงสาร”

    “ และเขาจะผ่ามันออกมาดู” สจ็วตพูดอย่างโกรธจัด “ เราทำอะไรได้บ้างไหมครับ ลูน่า”

    “ ของของเธอจะกลับมาหาเธอ เมื่อถึงเวลา” ลูน่าปลอบ “ แต่ถ้าเป็นฉัน ฉันจะลองไปบอกศาสตราจารย์ฟลิตวิก เผื่อเขาจะช่วยเธอได้”

    “ค่ะ” ออร์ล่าตอบ “ หนูจะลองดู”

    เธอลุกขึ้นจากโต๊ะเรเวนคลอ ตั้งใจจะไปหาศาสตราจารย์ฟลิตวิก แต่เธอก็เดินชนกับเด็กหนุ่มผมดำเข้า

    “ ขอโทษค่ะ” เธอพึมพำ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมอง “ คุณแฮร์รี่”

    “ ไม่เป็นไร” แฮร์รี่ตอบ “ ว่าแต่เธอรีบร้อนไปไหน”

    “ หนูจะไปหาศาสตราจารย์ฟลิตวิกค่ะ หนูจะขอร้องให้เขาช่วยพูดกับสเนปให้คืนพิกมี่พัฟของหนู” เธอพูดรัวเร็ว “ หนูต้องรีบไปแล้วค่ะ” เธอตั้งท่าจะเดินจากไป แต่แฮร์รี่จับแขนเธอไว้

    “ ไม่มีประโยชน์ที่จะบอกศาสตราจารย์ฟลิตวิก” แฮร์รี่พูดอย่างมีเหตุผล “ ถ้ามีใครสั่งให้สเนปทำอะไรได้ ก็มีแค่ดัมเบิลดอร์คนเดียว”

    ออร์ล่าตะลึงมอง “ แต่อาจารย์ใหญ่จะมายุ่งเรื่องเล็กๆอย่างนี้เหรอคะ”

    “ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ตอนนี้เขาอยู่ที่โต๊ะอาจารย์ เธอลองไปดูเลย” แฮร์รี่กระตุ้น

    ออร์ล่าขาสั่น การที่ต้องเดินไปหาศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ต่อหน้านักเรียนและอาจารย์หลายคนเป็นเรื่องน่าหวาดหวั่น โชคยังดีที่สเนปไม่ได้อยู่ที่โต๊ะอาจารย์ด้วย ไม่งั้นคงน่ากลัวกว่านี้หลายเท่า แต่เธอห่วงลอร่ามาก ถ้ามันตาย อย่างน้อยเธอก็ต้องเอามันมาฝัง เธอไม่ยอมให้มันเป็นส่วนผสมเครื่องปรุงยาของสเนปหรอก เด็กหญิงเดินตรงไปที่โต๊ะอาจารย์

    “ ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์คะ” เธอพูดเสียงสั่นๆ “ หนูมีเรื่องจะขอร้องอาจารย์หน่อยค่ะ”

    ดัมเบิลดอร์มองเธอด้วยสายตาสีฟ้าอ่อนโยน “ มีอะไรรึ ออร์ล่า” เขาถาม

    “ ถ้าเธอมีเรื่องเดือดร้อน ประตูฉันก็เปิดอยู่ตลอดนะ” อาจารย์ร่างเล็กพูด เขารู้สึกเสียหน้าอยู่หน่อยๆ ที่นกอินทรีของเขา ไม่มาหาเขาตอนที่เดือดร้อน

    “ ขอโทษค่ะ ศาสตราจารย์ฟลิตวิก” ออร์ล่าพูด “ แต่เรื่องนี้มีแต่อาจารย์ใหญ่จะช่วยหนูได้ คือยังงี้ค่ะ มันเกี่ยวกับสเนป”

    “ ศาสตราจารย์สเนป” ดัมเบิลดอร์แก้เสียงอ่อนโยน “ และมีเรื่องอะไรเหรอ ออร์ล่า”

    เด็กหญิงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง “ หนูรู้ว่าหนูทำผิด เขาจะทำโทษหนูก็ได้ แต่ไม่ควรยุ่งกับลอร่าที่น่าสงสาร” เธอสะอื้น

    “ เขาช่างใจร้ายจริงๆ” ฟลิตวิกกรีดร้องเสียงแหลม

    “ มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทำแบบนี้ด้วย” อาจารย์วิชาสมุนไพรพูด “ เขาเคยทดลองยากับคางคกของเนวิลล์ เด็กที่น่าสงสารนั่นเล่าให้ฉันฟัง เขาขวัญเสียมาก”

    “ แย่จริงๆ” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลเห็นด้วย เธอหันมาทางดัมเบิลดอร์ “ คุณต้องจัดการเรื่องนี้นะ อัลบัส ฉันรู้ว่าชีวิตเขาน่าสงสาร และอะไรหลายๆอย่าง แต่คุณต้องให้เขาหยุดพฤติกรรมแบบนี้ ระบายอารมณ์ใส่เด็กนักเรียน”

    ดัมเบิลดอร์ลูบเคราสีเงินของเขา “ ได้” เขาพูดในที่สุด “ ผมจะจัดการเรื่องนี้เอง ผมเห็นด้วยกับพวกคุณ ครั้งนี้เซเวอร์รัสทำเกินไปหน่อย ผมต้องอบรมเขาสักหน่อย” เขาลุกขึ้นยืนอย่างสง่างาม ก่อนจะหมุนตัวเดินไปที่ห้องใต้ดิน

    ต่อ

    เซเวอร์รัสหยอดยาใส่เจ้าขนปุยแล้ว และขนของมันก็งอกขึ้นเป็นปกติ ตอนนี้มันดูร่าเริงมาก กระโดดไปมา เขาต้องจับมันยัดไว้ในกรง ตอนนี้เขามานั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน พยายามรวบรวมสมาธิทำงาน แต่คำพูดของเด็กอักเคอร์ลีย์ก็สะท้อนไปมาในหัวของเขาจนไม่มีสมาธิ เขาทำเกินไปหน่อยหรือเปล่านะ การที่เขาเอาวิธีของพ่อมาใช้กับนักเรียน ตอนเด็กๆเขาก็ไม่ชอบวิธีนี้ไม่ใช่หรือ มันเป็นวิธีที่โหดร้ายและทำร้ายจิตใจคนอื่น ความคิดของเขาถูกขัดขึ้นด้วยเสียงเคาะประตู

    “ เข้ามา” เขาพูดเสียงเรียบ

    ดัมเบิลดอร์เดินเข้ามา ชายชรามีสีหน้าจริงจัง

    “ อาจารย์ใหญ่” เซเวอร์รัสพูด “ ลมอะไรหอบคุณมาถึงนี่” ปกติแล้วดัมเบิลดอร์จะไม่มาหาเขาที่ห้องทำงาน แต่มักจะเรียกเขาไปพบมากกว่า

    ดัมเบิลดอร์ไม่ตอบ เขาเดินไปที่กรงที่ใส่พิกมี่พัฟไว้ แหย่นิ้วเข้าไปในกรงและลูบหัวมันเล่น เขาหันมาทางอาจารย์ปรุงยา

    “ ฉันไม่ยักรู้ว่าเธอเลี้ยงพิกมี่พัฟด้วย” ดัมเบิลดอร์พูดกับสเนปด้วยน้ำเสียงสบายๆ

    แต่เซเวอร์รัสรู้ดีกว่านั้น นั่นไม่ใช่ประโยคตั้งข้อสังเกตธรรมดา ดัมเบิลดอร์กำลังสงสัยเขา เขาคิดว่าทางออกที่ดีที่สุดในตอนนี้คือต้องพูดความจริง

    “ มันไม่ใช่ของผม” เขายอมรับ “ มันเป็นของมิสเควิร์ก ผมยึดมันมา”

    “ หลังจากที่เธอทดลองยากับมัน” ดัมเบิลดอร์พูดด้วยเสียงเคร่งขรึม

    เซเวอร์รัสไม่กล้าสบตาเจ้านาย “ ใช่ครับ” เขายอมรับ

    “ และมันก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอทำแบบนี้” ดัมเบิลดอร์รุกต่อไป “ เธอมักจะทดลองยาที่นักเรียนทำผิดพลาดกับสัตว์เลี้ยงของพวกเขาเสมอใช่ไหม”

    “ ใช่ครับ” สเนปตอบ

    “ เธอไม่คิดบ้างหรือว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับสัตว์ที่น่าสงสารพวกนั้น มันอาจจะโดนยาพิษก็ได้” ดัมเบิลดอร์พูด

    “ ไม่มีทางหรอกครับ” อาจารย์ปรุงยาเถียง “ ผมแค่ดูก็รู้ว่ายาไหนมีอันตรายถึงชีวิตหรือเปล่า ถ้ามันอันตรายขนาดนั้น ผมไม่ทดลองหรอกครับ ผมรู้ว่าไม่เป็นไรถึงกล้า”

    “ แต่พวกเด็กๆไม่ได้รู้กับเธอด้วย” ดัมเบิลดอร์พูดเสียงเคร่งขรึม “ และสิ่งที่เธอทำก็ใจร้ายมากจริงๆ เธอทำร้ายจิตใจของเด็กนักเรียน เธอจะหวังว่าพวกเขาจะเรียนได้ดีได้ยังไง ในเมื่อพวกเขารู้สึกไม่ปลอดภัยในชั้นเรียนของเธอ”

    “ แต่มีเด็กบางคนที่เรียนได้ดีด้วยวิธีนี้” เซเวอร์รัสเถียง “ เขาเรียนได้เร็วมาก เพราะรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเขา ถ้าเขาทำไม่ได้”

    “ ใครกัน” ดัมเบิลดอร์ถามอย่างอยากรู้

    “ ผมเอง” สเนปตอบ “ พ่อบังคับให้ผมอ่านพระคัมภีร์ให้ฟัง ถ้าผมอ่านผิดหรือตะกุกตะกัก เขาก็จะฟาดผมด้วยเข็มขัด ผมก็เลยอ่านหนังสือคล่องตั้งแต่ยังเล็กๆ ประมาณ5ขวบ เห็นจะได้”

    ดัมเบิลดอร์ตะลึง เขารู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเซเวอร์รัสกับพ่อไม่ดีนัก แต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่าสเนปคนพ่อจะฟาดลูกชายวัย5ขวบด้วยเข็มขัด ไม่แปลกอะไรเลยที่เซเวอร์รัสจะมีท่าทางและกิริยาวาจาที่หยาบกระด้าง

    “ สิ่งที่พ่อของเธอทำมันผิด เซเวอร์รัส” ดัมเบิลดอร์พูดอย่างจริงจัง “ มีวิธีอื่นอีกมากที่จะช่วยให้นักเรียนเรียนรู้ได้ไวขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องทำร้ายร่างกายหรือจิตใจของพวกเขา สัญญากับฉันได้ไหมว่าเธอจะไม่ใช้วิธีนี้กระตุ้นเด็กนักเรียนอีก ฉันต้องขอบอกเธอตรงๆนะว่าวันนี้ฉันผิดหวังในตัวเธอมาก” ดวงตาสีฟ้าสบกับดวงตาสีดำ ราวกับพยายามมองทะลุไปถึงก้นบึ้งของหัวใจ

    เซเวอร์รัสก้มหลบสายตา “ ผมจะพยายาม” เขาพูดในที่สุด “ มันยากมากสำหรับผม การเป็นครูที่ดี เอาใจใส่นักเรียนและไม่พูดประชดประชัน หรือลงโทษเด็กด้วยวิธีการ.. โหดร้าย”

    “ เธอทำได้” ดัมเบิลดอร์ตบไหล่เขา “ ปีนี้เธอเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากแล้ว เธอวางความแค้นของเธอไว้ในอดีต ช่วยซิเรียสออกจากอัซคาบันและช่วยรีมัสให้พ้นจากการเจ็บป่วยที่ทุกข์ทรมาน แค่เรื่องนี้เรื่องเดียว เซเวอร์รัสที่เธอต้องปรับปรุง และเธอจะเป็นคน เอ่อ ฉันหมายถึงงูที่ดีสมบูรณ์แบบเลย”

    “ ครับ” สเนปพูด เขาเดินไปหยิบกรงส่งให้ดัมเบิลดอร์ “ รบกวนคุณเอาไปคืนมิสเควิร์กให้ผมหน่อย” เขากระแอม “ และก็ฝากบอกเธอด้วยว่าผมขอโทษ”

    “ ทำไมเธอไม่เอาไปคืนเองล่ะ เซเวอร์รัส” ดัมเบิลดอร์ถาม แต่ก็ยอมรับกรงมาถือไว้ในมือ

    “ ผมไม่กล้า” เซเวอร์รัสยอมรับ “ ผมไม่เคยขอโทษใคร แล้วได้รับการให้อภัยเลย มันเจ็บปวดมากจริงๆ ตอนที่เราขอโทษและคนที่เราขอโทษไม่ยอมให้อภัยเรา ผมไม่อยากเจ็บแบบนั้นอีก”

    ดัมเบิลดอร์มองลูกน้องของเขาอย่างนึกสงสาร เซเวอร์รัสเก็บความทุกข์มากมายไว้ในใจเกินกว่าที่เขาคาดไว้เสียอีก เขาคิดว่าไม่ควรบังคับให้เซเวอร์รัสทำอะไรที่เขายังไม่พร้อม

    “ ก็ได้ เซเวอร์รัส ฉันจะจัดการเรื่องนี้เอง” ดัมเบิลดอร์พูด เขาหันหลังจะเดินออกจากห้อง และเขาก็หมุนตัวกลับมาอีกครั้งและพูดว่า “ คือ ธันเดอร์อยากชวนเธอไปดื่มน้ำชาวันเสาร์นี้น่ะ เขาบอกว่าพยายามจะชวนเธอเองหลายครั้งแล้ว แต่เธอก็ดูเหมือนจะหลบหน้าเขาทุกที เขาเริ่มคิดแล้วว่าเธอรังเกียจเขา”

    “ ผมไม่ได้รังเกียจเขา” เซเวอร์รัสพูดอย่างซื่อสัตย์ ใช่แล้ว อารมณ์ความรู้สึกที่เขามีต่อสกายไม่ใช่รังเกียจ แต่เป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ ถ้าจะให้ใกล้เคียงที่สุดคือความกลัว แต่ทำไมเขาต้องกลัวสกาย หมอนั่นไม่เคยคุกคามเขาเสียหน่อย แต่เซเวอร์รัสกลับรู้สึกไม่ปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้เขามากกว่าที่เคยรู้สึกเมื่ออยู่ใกล้พ่อ เพื่อนบ้านสลิธีรินที่ข่มเหงรังแกเขา พวกตัวกวน หรือแม้กระทั่ง น่าประหลาดใจที่สุด จอมมาร

    “ งั้นแสดงว่าเธอจะยอมรับคำเชิญใช่ไหม” เสียงร่าเริงของดัมเบิลดอร์ขัดความคิดของเขา “ ดีเลย ฉันจะได้ไปบอกธันเดอร์” เขาเดินจากไปก่อนที่เซเวอร์รัสจะค้านได้ทัน

    Talk ทำไมเซเวอร์รัสต้องกลัวสกายขนาดนั้น ตัวจริงของสกายเป็นใครกันแน่ เดี๋ยวตอนหน้าจะเฉลยแล้ว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×