คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : 3 (100%)
“นายไปทำอะไรมาเนี่ย” รอนถามเพื่อนรักอย่างสงสัย ในมือของเขาถือจดหมายฉบับหนึ่งอยู่
แฮร์รี่ไม่ตอบ
รอนเองก็ไม่ได้เซ้าซี้ เขายื่นจดหมายให้แฮร์รี่ “มีจดหมายจ่าหน้าซองถึงนายแน่ะ”
แฮร์รี่รับมาและฉีกซองเปิดอ่าน ใบหน้าของเขาซีดลงเรื่อยๆ ก่อนจะอุทานคำหยาบออกมา.
“เกิดอะไรขึ้น” รอนถาม
แฮร์รี่ยื่นจดหมายให้แทนคำตอบ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้นวม เขารู้สึกเหมือนจะเป็นลมเอาเสียให้ได้
รอนก้มลงอ่านจดหมาย
ถึงพอตเตอร์
ตอนนี้แม่ของแกอยู่ในกำมือเราแล้ว ถ้าแกไม่อยากให้แม่แกตาย ให้มาหาเราที่xxx อย่าบอกพวกภาคีเป็นอันขาด
อัศวินมืด
ปล เราส่งลูกตาของแม่แกมาให้ดูด้วยเผื่อแกคิดว่าเป็นการหลอกลวง
ในซองจดหมายนั้น มีลูกตาสีเขียวที่รอนจำได้ทันทีว่าเป็นของคุณนายพอตเตอร์
“ฉันจะทำยังไงดี” แฮร์รี่พูดซ้ำไปซ้ำมาราวกับคนเสียสติ “พวกเขาจับแม่ไป”
“นายไปบอกพ่อของนายก่อนดีกว่าไหม” รอนเสนอ
“ไม่ ไม่มีทางทันแน่ๆ ฉันจะไปช่วยแม่เอง” แฮร์รี่พูดอย่างมุ่งมั่น แววตาเป็นประกายกล้า
“งั้นฉันจะไปด้วย” รอนว่า “เฮอร์ไมโอนี่ก็ด้วย พวกเราจะไปกับนาย”
แฮร์รี่พยักหน้า พวกเขาจะไปด้วยกัน
ตอนแรกที่กะจะไปด้วยกันแค่ 3 คน แต่เผอิญจินนี่มาได้ยินบทสนทนาเสียก่อน เธอก็เลยขอไปด้วย แล้วก็ตามมาด้วยเนวิลล์และลูน่า ตอนนี้พวกเขากำลังถกเถียงกันอยู่ว่าจะไปช่วยลิลี่ด้วยวิธีไหนดี
“เธอควรบอกพวกผู้ใหญ่นะ” เฮอร์ไมโอนี่ว่า
“จะบอกใครล่ะ” แฮร์รี่ว่าอย่างอารมณ์เสีย “ไม่มีใครเชื่อเราหรอก” เขาคิดไปถึงเมื่อตอนปี1ที่เขาคิดว่าจะมีคนขโมยศิลาอาถรรพ์ แต่เมื่อเขาแสดงความไม่ไว้วางใจให้ศาสตราจารย์มักกอนนากัล เธอกลับปฏิเสธว่าเป็นเรื่องไร้สาระ แฮร์รี่กับเพื่อนๆจึงลงไปปกป้องศิลาอาถรรพ์ด้วยตนเอง
เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจ เธอรู้ว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะเกลี้ยกล่อมแฮร์รี่
“แล้วเราจะไปยังไงกันดีล่ะ” เนวิลล์ตั้งคำถามที่ดูเหมือนจะเร่งด่วนกว่าออกมาบ้าง “เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไอ้นั่นมันอยู่ที่ไหน”
“เราจะบินไปกัน” ลูน่าตอบด้วยน้ำเสียงฝันๆตามแบบฉบับของเธอ
“ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีไม้กวาดนะ” เฮอร์ไมโอนี่แหว
“พวกเราจะไม่ได้ใช้ไม้กวาดบินไปเสียหน่อย” ลูน่าอธิบาย “พวกเราจะใช้เธสตรอลต่างหาก แฮกริดบอกว่ามันมีสัญชาตญาณเรื่องทิศทางดีเยี่ยม”
คนที่เหลือมองหน้ากัน ก่อนที่เนวิลล์จะพูดออกมาอย่างขลาดๆว่า
“งั้นเราก็ต้องเข้าไปในป่าต้องห้ามน่ะสิ”
ลูน่าพยักหน้าก่อนจะเดินนำไปอย่างกล้าหาญ
แฮร์รี่รู้จักเธสตรอลมานานแล้ว แต่เพิ่งมาเห็นมันเมื่อต้นปี หลังจากที่คุณยายของเขาเสียชีวิต รูปร่างของมันเหมือนม้ามีปีก แต่ไม่ใช่ปีกนกเหมือนเพกาซัส กลับเป็นปีกค้างคาว หน้าตาของมันน่าเกลียดน่ากลัวมาก
พวกเขาเข้ามาถึงชายแดนป่าต้องห้าม ลูน่าก็หยิบอะไรบางอย่างออกมา เฮอร์ไมโอนี่ย่นจมูกด้วยความรังเกียจ มันคือเนื้อสดๆนั่นเอง
หลังจากนั้นไม่นาน ฝูงเธสตรอลก็เข้ามาหาพวกเขา มารุมกินเนื้อที่ลูน่าโยนให้
แฮร์รี่ลูบหัวเธสตรอลที่อยู่ใกล้เขามากที่สุด ก่อนที่จะกระซิบสถานที่ที่จะให้มันพาไป
แฮร์รี่กับเพื่อนๆเกือบจะบินกันอยู่แล้ว แต่เสียงของคนที่แฮร์รี่ไม่อยากให้มาเห็นที่สุดก็ดังขึ้น
“พวกเธอคิดอะไรกัน” สเนปพูด “ลงมาจากหลังเธสตรอลเดี๋ยวนี้”
แฮร์รี่ไม่ฟัง เขาจะต้องไปให้ได้ เขาพยายามกระตุ้นให้ตัวที่เขาขี่อยู่บินขึ้นฟ้า คนอื่นๆก็ทำแบบเดียวกัน
“ลง” สเนปพูดเสียงหนักแน่น เมื่อเห็นว่าไม่มีใครฟังคำสั่งเขา เขาก็พูดอีกว่า “ข้า ในฐานะว่าที่จ่าฝูง ขอสั่งให้พวกเจ้าห้ามพาเด็กพวกนี้ไปไหนทั้งนั้น”
หลังจากนั้นพวกเธสตรอลก็เหมือนกับเป็นบ้า พวกนั้นสะบัดเด็กๆลงมาข้างล่าง ต่างฟกช้ำดำเขียวไปตามๆกัน
“บ้าอะไรเนี่ย” รอนร้อง “ไหนว่ามันเชื่องไง”
เธสตรอลตัวใหม่ปรากฏตัวขึ้น เทเนบรัส ตัวโปรดของแฮกริดนั่นเอง มันก้าวมาช้าๆอย่างสง่างาม ก่อนใจจะหยุดอยู่ตรงหน้าสเนป
“เกิดอะไรขึ้น”
พวกเด็กๆมองหน้ากันไปมา ต่างคนต่างคิดว่าตัวเองหูฝาดแล้วแน่ๆ ม้าคงพูดไม่ได้หรอกใช่ไหม
“พวกเขา” สเนปชี้ไปที่ฝูงเธสตรอลที่เหลือ “จะพานักเรียนออกนอกเขต”
เทเนบรัสหันมาทางฝูงเธสตรอลที่เหลือ ก่อนจะส่งเสียงคำรามฮึดฮัดอย่างไม่พอใจ
“ข้าจัดการให้เจ้าแล้ว” มันหันมาทางสเนป “พูดก็พูดเถอะ เดี๋ยวนี้เจ้าไม่มาเยี่ยมพ่อของเจ้าเลยนะ”
สเนปมีท่าทีละอายใจ “ขอโทษครับท่านพ่อ”
พวกเด็กๆอ้าปากค้าง
“พ่อเหรอ” รอนอุทาน “ตายล่ะ ไปทำยังไงถึงท้องได้วะ” ในหัวของเขาจินตนาการถึงอะไรๆที่ไม่ควรคิดทั้งนั้น ตอนที่รู้ว่าแฮกริดเป็นลูกครึ่งยักษ์ก็ตกใจพอแล้ว
“แม่ของฉันดื่มน้ำในรอยเท้าของพ่อก็เลยท้องขึ้นมา” สเนปอธิบายเสียงเรียบ “แม่ฉันไม่ได้มีรสนิยมแปลกๆ แบบรักสัตว์หรืออยากมีอะไรกับสัตว์หรอก”
“ข้ามีเรื่องจะต้องดุเจ้าหน่อย” จ่าฝูงว่า “เจ้าก็รู้กติกาของเผ่าเรา ถ้าเจ้ามีคู่ครองหรือลูก ก็ต้องพามาให้พวกเรารู้จัก”
“ข้าไม่เคยมีคู่ครองหรือลูกเลย ท่านพ่อ” สเนปทำท่าเหมือนเจ็บปวด
“ยังมีหน้ามาโกหกอีก” พ่อของเขาตำหนิ “เด็กผู้ชายตาเขียวนั่น ข้าดมปราดเดียวก็รู้ ว่ามีสายเลือดของเจ้ากับข้าอยู่ในตัว”
เซเวอร์รัสอ้าปากค้าง พ่อของเขาไม่เคยโกหก แต่ถ้าแฮร์รี่มีเลือดของเขาอยู่ในตัว มันจะหมายความว่าอย่างไรกันล่ะ มีความคิดบ้าๆผุดขึ้นมาในหัวของเขา มันบ้าเสียจนเขาไม่อยากจะยอมรับมัน เขาตัดสินใจวิ่งไปหาคนเดียวที่น่าจะสามารถให้คำตอบแก่เขาได้ ดัมเบิลดอร์
พวกเด็กๆมองหน้ากันไปมาอย่างสับสน พวกเขาไม่สามารถไปช่วยลิลี่ได้แล้ว เพราะม้าพวกนี้ไม่ยอมให้ความร่วมมือ เฮอร์ไมโอนี่จึงชักชวนพวกเขาให้ออกมาจากป่าต้องห้าม คนที่เหลือเดินตามเธอไปอย่างหงอยๆ
แต่เมื่อพวกเขาพ้นชายแดนป่าต้องห้าม ลิลี่ก็เข้ามากอดแฮร์รี่ไว้แน่น ก่อนจะตีก้นเขา
แฮร์รี่อุทานออกมาด้วยความอายมากกว่าเจ็บ
“แม่” แฮร์รี่ล่ะล่ำล่ะลัก “แม่จริงๆใช่ไหม ไม่ใช่ตัวปลอมนะ”
“เธอมีตุ๊กตารูปกระต่ายน้อยสีชมพูที่ไม่ยอมให้ใครเอาไปซัก” ลิลี่ว่า
แฮร์รี่หน้าแดงก่ำ เขารู้แล้วว่าแม่เป็นตัวจริงแน่นอน
“ผมคิดว่าแม่โดนจับไปแล้ว” แฮร์รี่ว่า “ผมได้จดหมายจากอัศวินมืด”
“แม่ก็ได้เหมือนกัน” ลิลี่ว่า “แต่แม่ตัดสินใจมาเช็คดูที่ฮอกวอตส์ก่อน โชคดีที่ระหว่างทางแม่เจอเซเวอร์รัส เขาดูรีบมากเหมือนเสียสติ แต่ก็ยังอุตส่าห์บอกแม่ว่าพวกลูกอยู่ในป่าต้องห้าม ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ”เธอดุ ก่อนจะตีก้นแฮร์รี่อีก 1 ที
ต่อ
เซเวอร์รัสมาถึงห้องทำงานของอาจารย์ใหญ่จนได้ เขาบอกรหัสผ่านและขึ้นบันไดเวียน เมื่อหยุดอยู่ตรงหน้าประตู เขาเคาะประตูอย่างแรง
“เข้ามาได้”
เซเวอร์รัสเปิดประตูผาง เดินกระทืบเท้าเข้าไปในห้องและกระแทกประตูปิดอย่างแรง
“อธิบายมาซิ” เขาคำรามใส่ดัมเบิลดอร์
ดัมเบิลดอร์ยังมีสีหน้าสงบ “เธอพูดเรื่องอะไร”
“แฮร์รี่” เสียงของเซเวอร์รัสโหยหวน ราวกับว่าเขาไม่ใช่มนุษย์ ราวกับเขาเป็นสัตว์ร้ายที่ถูกทรมานมาเป็นร้อยปี
ดัมเบิลดอร์มีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้น “ใครบอกเธอกัน”
“ท่านพ่อ” เซเวอร์รัสตอบ “ทำไมคุณต้องปิดบังผม ทำไม” เขาไม่อาจควบคุมโทสะและความเสียใจไว้ได้ มือของเขาสั่นระริก เสียงของเขาสูง ดวงตาเขาเป็นประกายกล้า
“เจมส์อยากเป็นคนบอกเรื่องนี้กับเธอเอง” ดัมเบิลดอร์ตอบ “เขาบังคับให้ฉันสาบานว่าจะไม่บอกเธอ”
“เจมส์ แฮร์รี่” เซเวอร์รัสยกมือขึ้นปิดหน้า เขาทำร้ายคนที่เขารัก แล้วเขาก็เงยหน้าขึ้นอีกครั้งแล้วพูดว่า “ผมต้องการรู้ความจริงทั้งหมด” คำพูดนั้นเต็มไปด้วยการอ้อนวอน “คุณช่วยเล่าให้ผมฟังได้ไหม”
“ฉันเล่าให้เธอฟังไม่ได้” ดัมเบิลดอร์เริ่ม แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะประท้วง ดัมเบิลดอร์ก็ยกมือห้าม “แต่ฉันจะแสดงให้เธอเห็น”
เซเวอร์รัสมายืนอยู่ตรงข้างเตียงและมองร่างของตนเองที่อยู่บนเตียง เจมส์กับลิลี่ก็ยืนอยู่ด้วย พร้อมกับผู้บำบัดที่มีสีหน้าเคร่งขรึม
“คุณจะต้องเลือก” ผู้บำบัดว่า “คุณจะเอาชีวิตภรรยาหรือลูก”
เจมส์หน้าซีด “ผมเลือกไม่ได้ ผมสูญเสียพวกเขาคนใดคนหนึ่งไปไม่ได้”
ผู้บำบัดถอนหายใจ “ร่างกายของผู้ชายไม่ได้เตรียมไว้สำหรับการตั้งท้อง ถึงแม้จะมีน้ำยาตั้งครรภ์ผลิตออกมาขายแล้วก็ตาม โอกาสเสี่ยงนั้นมีอยู่มาก ส่วนใหญ่จึงใช้วิธีการอุ้มบุญแทน”
“ไม่มีทางช่วยภรรยาและลูกของผมเลยหรือครับ” เจมส์ถาม “ผมมีทองมากมายสำหรับงานนี้ คุณจะเท่าไหร่ล่ะครับ”
ผู้บำบัดถอนหายใจ “มีเพียงทางเดียวที่พอจะช่วยได้ คือผ่าเด็กคนนี้ออกมาและให้คนอื่นอุ้มท้องแทน แต่เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องอันตรายมาก บางทีทั้งเด็กและคนที่อุ้มท้องก็อาจจะตายได้และแม้ว่าผู้หญิงจะรอดมาได้ก็ไม่อาจจะมีลูกได้อีกต่อไป”
เจมส์หน้าซีดขึ้นกว่าเดิม เขายกมือขึ้นปิดหน้าอย่างหมดหวัง จะมีใครที่ยอมเสี่ยงเพื่อคนอื่นถึงเพียงนี้ ไม่เพียงจะต้องเสี่ยงชีวิต แต่จะไม่สามารถทำเรื่องที่ผู้หญิงบางคนใฝ่ฝัน การอุ้มท้องให้กับคนที่ตนรัก
“ฉันทำเอง” ลิลี่พูดอย่างแน่วแน่
“อย่า” เจมส์ค้าน “ฉันปล่อยให้เธอทำแบบนั้นไม่ได้”
“พวกเธอเป็นเพื่อนฉัน” ลิลี่พูดอย่างจริงจัง “ลูกของพวกเธอก็เป็นหลานของฉัน ฉันปล่อยให้หลานของฉันตายไม่ได้”
“แต่เธออาจจะตายได้” เจมส์ว่า
“ฉันเป็นผู้หญิงแกร่งกว่าที่เธอคิดไว้” ลิลี่พูดอย่างสดใส
“แต่เธอจะไม่มีวันท้องลูกของตัวเองได้อีกเลยนะ” เจมส์พยายามเกลี้ยกล่อม
“ลูกของเธอกับเซเวอร์รัสก็เหมือนลูกของฉัน” ลิลี่ว่า “ฉันไม่ต้องการมีลูกคนอื่นอีกหรอก ที่สำคัญคุณค่าของผู้หญิงไม่ได้วัดแค่ความสามารถที่จะตั้งครรภ์และมีลูก ฉันเป็นผู้หญิงที่มีคุณค่าได้ในตัวของฉันเอง”
“ขอบใจ” เจมส์ว่า น้ำตาของเขาไหลริน “ฉันจะไม่ลืมเรื่องที่เธอช่วยเราเลย ลิลี่”
ฉากในห้องพยาบาลหายไป เซเวอร์รัสกลับมาอยู่ในห้องทำงานของอาจารย์ใหญ่อีกครั้งหนึ่ง เขาได้รับความจริงทั้งหมดแล้ว ความรู้สึกผิดกัดกินใจเขา เขามันโง่เอง เขามีคนรัก มีเพื่อน มีลูกชายที่ดีแสนดี แต่เขากลับทำร้ายพวกเขา เพราะความโง่ ทิฐิและอคติ เขาคิดถึงแฮร์รี่ เด็กชายที่เขาจงใจกลั่นแกล้งรังแกมาตลอด เด็กชายที่เกลียดเขาสุดหัวใจและเขาก็ยอมรับว่าแฮร์รี่มีเหตุผลดีเพียงพอที่จะเกลียดเขา เขารังแกลูกชายของตัวเอง รังแกเด็กคนหนึ่งซึ่งไม่มีทางสู้เพียงเพราะว่าเป็นตัวแทนของความรักที่ล้มเหลวและผิดพลาด เมอร์ลิน เขาทำไปได้อย่างไรกัน เขาตกอยู่ในภวังค์นานแสนนานจนกระทั่งสัมผัสที่บ่าทำให้เขากลับมามีสติอีกครั้ง
“เขาเกลียดผม” เซเวอร์รัสว่า “ลูกชายของผมเกลียดผม ผมจะทำยังไงดี”
ดัมเบิลดอร์ถอนหายใจ “ฉันพยายามเตือนเธอแล้วเรื่องของแฮร์รี่..” เขาเริ่ม แต่เมื่อเห็นสีหน้าทุกข์ทรมานแสนสาหัสของชายตรงหน้าก็เลยเปลี่ยนคำพูด “ฉันว่าเธอต้องเริ่มจากคำขอโทษก่อน แฮร์รี่ไม่ได้เกลียดเธอหรอก เขาเป็นเด็กที่มีจิตใจดีงามเกินกว่าจะเกลียดใครได้”
เซเวอร์รัสส่ายหน้า “ผมทำเรื่องเลวร้ายกับเขา ผมไม่ว่าเลยที่เขาจะเกลียดผม เขาควรจะเกลียดผม”
“แล้วเธอจะเอายังไงเรื่องของเจมส์” ดัมเบิลดอร์ตั้งใจเปลี่ยนเรื่องพูดเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ “เธอจะกลับไปคืนดีกับเขาไหม”
“เขาสมควรจะเจอคนที่ดีกว่าผม” เซเวอร์รัสว่า “ผมมันไม่มีอะไรเลย ผมไม่มีแม้แต่ความไว้ใจให้เขาด้วยซ้ำ ผมไม่ฟังอะไร ผมไม่ควรจะมีคนรักอีกต่อไปแล้ว ผมควรจะอยู่คนเดียว”
“แต่เจมส์ต้องการเธอ” ดัมเบิลดอร์พูดอย่างหนักแน่น “เธอพูดถูกว่ามีคนที่ดีกว่าเธอ ทั้งหน้าตา นิสัยฐานะและความสามารถ แต่ความรักไม่ได้ถูกออกแบบมาว่าใครเหมาะสมกับใคร เจมส์รักเธอและฉันก็กล้าพูดได้ว่าเธอรักเจมส์ กลับไปหาเขา เอาความผิดพลาดครั้งนี้เป็นบทเรียน ครั้งต่อไปก็ฟังคนที่รักให้มากๆเชื่อใจเขาให้มากๆ”
เซเวอร์รัสยังคงก้มหน้า “ถ้าผมกลับไปคืนดีกับเขา แฮร์รี่ก็จะต้องไม่สบายใจ แย่พออยู่แล้วที่เจอไอ้ยอดยี้งี่เง่าอย่างผมที่โรงเรียน ผมไม่อยากทำลายวันหยุดของลูก”
“งั้นเธอก็ต้องเริ่มจากการคืนดีกับแฮร์รี่ให้ได้ก่อนเลย” ดัมเบิลดอร์พูดอย่างร่าเริง ก่อนจะตบบ่าเซเวอร์รัสเบาๆเป็นการให้กำลังใจ “เธอทำได้อยู่แล้ว”
เซเวอร์รัสถอนหายใจ เขาอยากจะเชื่อคำพูดนั้นเหลือเกิน
Talk ขอโทษค่ะ หายไปนานเลย มีคนรออยู่บ้างไหมคะ ขอเสียงหน่อย
ความคิดเห็น