ตอนที่ 14 : Suspect
Episode 14
“จริงๆ หยุดพักก่อนสักสองสามวันก็ได้ครับ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันไม่ได้เป็นอะไรมาก อีกอย่าง ฉันก็อยากรู้จุดประสงค์ของพวกมันด้วย”
ผู้หมวดคิมในเสื้อเชิ้ตสีขาวสวมทับด้วยสูทสีเข้มพร้อมผมสีใหม่ตอบรับสารวัตรยุนโฮ ทั้งๆที่บาดแผลที่ศีรษะยังไม่ค่อยหายดีสักเท่าไหร่ ผ้าพันแผลสีขาวที่ยังถูกพันไว้รอบศีรษะทำให้สารวัตรเป็นกังวลอยู่ ผู้หมวดคิมยืนยันว่าเธอไม่เป็นไร และก็ยืนยันว่าจะมาทำงานต่อทั้งๆที่ผู้หมวดตัวเล็กก็สั่งห้ามไม่ให้มา
“คุณคิดว่านี่ไม่ใช่การลอบทำร้ายธรรมดาใช่ไหมครับ”
“ฉันคิดว่าอย่างนั้นนะคะ บริเวณนั้นไม่ใช่สถานที่ที่จะมีที่ซ่อนตัว ฉันว่าพวกมันอาจจะตามฉันมา แต่จะทำไปเพื่ออะไรกัน”
ผู้หมวดผมสีน้ำตาลเข้มพูดอย่างครุ่นคิด เธอคิดว่านี่ไม่ใช่การลอบทำร้ายธรรมดาๆแน่ๆ แต่จุดประสงค์ของพวกมันคืออะไรกัน ขู่ให้กลัวเพราะเหตุบางอย่าง แต่ใครกันจะรู้การเคลื่อนไหวของเธอในวันนั้น หรือนี่เป็นการสุ่มทำร้ายตำรวจไม่เลือกหน้าเพราะความแค้นส่วนตัวเท่านั้น จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่มีเบาะแสเพิ่มเติม
“ตอนนี้กำลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียง อาจจะได้อะไรเพิ่มเติมในไม่ช้านี้ ยังไงตอนนี้ก็ระวังตัวด้วยนะครับ”
“รับทราบค่ะ”
โบนาขานรับก่อนจะหันไปเห็นผู้หมวดตัวเล็กที่เดินเข้ามาในห้องพอดี ลูดาในชุดสูทสีดำมองค้อนไปที่ผู้หมวดผมสีเข้มเล็กน้อยก่อนจะเดินหลบไปที่โต๊ะของเธอ เมื่อคืนทำเป็นอ้อนเธอแทบตาย อ้างว่าตนเจ็บอยู่อย่างนู้นอย่างนี้ ถ้ารู้ว่าจะไม่เชื่อฟังกันแบบนี้ล่ะก็ เธอจะไม่ตามใจเขาเลย
“เดี๋ยวฉันมานะ”
“จะไปไหนก็ไปสิ ไม่เห็นต้องมาบอกฉันเลย” คนตัวเล็กทำหันหน้าหนีคนที่มาหยุดยืนอยู่ที่หน้าโต๊ะของเธอ ทำเสียงที่ใครก็รู้ว่าโกรธอยู่แน่ๆ
“โกรธอยู่เหรอ” ผู้หมวดคิมทำแกล้งถาม
“ไม่เลยสักนิด”
“แต่ฉันเจ็บอยู่นะ”
“เจ็บแล้วใครให้มาล่ะ !” ผู้หมวดตัวเล็กลุกขึ้นก่อนจะหันกลับมาจ้องหน้าคนตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง ก่อนที่คนทั้งสองจะถูกเบนความสนใจไปยังเสียงเคาะประตูของแผนกที่ถูกเปิดไว้อยู่แล้ว ผู้หมวดหมวดมิกิเคาะประตูเบาๆเป็นการขออนุญาต ก่อนจะเดินเข้ามาอย่างคุ้นชิน
“ลูดา..ไปกินข้าวกันเถอะ ฉันมีเรื่องจะเล่าให้เธอฟังเยอะแยะเลยนะ”
ผู้หมวดผมสีดำขลับเอ่ยเรียกผู้หมวดตัวเล็กที่แววตาสดใสขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นว่าใครมาหาเธอ ตั้งแต่ที่เจอกันวันนั้นพวกเธอก็ยังไม่ได้คุยอะไรกันมาก เธอก็มีเรื่องจะคุยกับมิกิเยอะแยะเหมือนกัน
“กำลังรออยู่พอดีเลย แปปนึงนะมิกิ”
คนตัวเล็กหยิบเก็บเอกสารที่เธอทำอยู่เข้าที่ก่อนจะหยิบของใช้ส่วนตัวที่จำเป็นออกมาโดยมีผู้หมวดผ้าพันแผลมองตามการกระทำของเธออย่างอยากรู้อยากเห็น
“ไปกินข้าวก่อนนะ !”
ผู้หมวดลูดาหันไปพูดเสียงแข็งใส่คนตรงหน้า เน้นย้ำทีละคำแบบคนไม่ได้โกรธเลยสักนิด
“แล้วฉันล่ะ..” คนตัวสูงกว่าทำถามเสียงอ่อน
“ก็ไปหากินเองสิ..”
เก่งนักก็ไปหากินเอาเอง คนตัวเล็กเดินผ่านไปสมทบกับมิกิก่อนจะพากันเดินออกไปโดนทิ้งผู้หมวดผ้าพันแผลให้ยืนเหวออยู่คนเดียว คนถูกเมินขมวดคิ้วนิดหน่อยอย่างคนถูกขัดใจก่อนจะปรับสีหน้าเป็นดังเดิมเมื่อนึกเรื่องที่จะกำลังจะไปทำ
.................................................................
ดวงตาสวยทอดมองออกไปนอกกระจกรถ เรียวคิ้วขมวดลงอย่างคนใช้ความคิดอะไรบางอย่าง สายตรวจอึนซอเคาะปากกาลงกับสมุดพกของเธออย่างใจลอยระหว่างที่รถกำลังติดอยู่บนท้องถนน ก่อนจะหันไปขอความคิดเห็นจากคนข้างๆที่ทำหน้าที่ขับรถในวันนี้
“ยอรึม !”
“หื้อ?”
น้องสาวผมสีบลอนด์ของเธอหันมาอย่างสงสัย ก็อยู่ดีๆพี่สาวของเธอก็เรียกชื่อของเธอขึ้นมาซะเสียงดัง
“เธอว่า...คุณซองโซน่ะ คิดอะไรกับฉันหรือเปล่า”
นึกว่าเรื่องอะไร..
“ห๊ะ.. ยังต้องถามอีกหรือไงอ่ะ”
ยอรึมหันไปตอบเสียงหน่ายๆ ถามอะไรที่มันยากกว่านี้ได้หรือเปล่า อยู่ดีๆพี่สาวของเธอก็เกิดซื้อบื้อขึ้นมาหรือไง จริงๆแล้วเธอก็ไม่เคยเห็นอึนซอชอบใครได้นานขนาดนี้ เพราะออกจะเจ้าชู้อยู่หน่อยๆบางทีก็ออกจะขี้เบื่อ แต่กับคุณซองโซแล้ว พี่สาวของเธอบางครั้งก็ดูขี้อายและขาดความมั่นใจขึ้นมาเสียดื้อๆ
“ก็ฉันไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองนี่หน่า”
มีอะไรให้ต้องคิดอีกด้วยหรือไง เพียงแต่ตัวสายตรวจเองกลัวว่าถ้าพูดความต้องการของตัวเองกับเธอไปแล้วจะดูเป็นการเร่งรัดและทึกทักเอาเองมากกว่า กับคนที่ชอบแล้วเราก็มักจะคิดเยอะอยู่เสมอ
“มัวแต่ชักช้า เดี๋ยวจะโดนหมาคาบไป ฉันไม่รู้ด้วยนะ”
ยอรึมหันกลับไปมองถนนก่อนจะเหยียบคันเร่งออกไปเมื่อเห็นว่ารถคันข้างหน้าเคลื่อนตัวแล้ว พี่สาวของเธอจะคิดอะไรให้มันมากความ แค่นี้ก็ดูไม่ออกหรือไงว่าสาวเขามีใจน่ะ หากแต่ว่าอึนซอเองแค่อยากเก็บช่วงเวลาดีๆเอาไว้ ห้วงเวลาที่ได้ตกหลุมรักใครซักคน มักจะทำให้รู้สึกดีเสมอ การที่ค่อยๆปล่อยให้ความรู้สึกเริ่มก่อตัว เหมือนกำลังเฝ้ามองดอกไม้ที่ผลิบาน เธอแค่กลัวว่าความรู้สึกนั้นจะหายไปถ้าหากซองโซไม่ได้คิดแบบเดียวกันกับเธอ
สายตรวจหน้าใสอยู่ดีๆก็ยิ้มขึ้นมาเมื่อนึกถึงตอนที่ตัวเองจูบเธอในคืนนั้น หน้าอายจริงๆที่ขัดเขิลต่อหน้าเธอ แต่ก็ต้องขมวดคิ้วลงเมื่อนึกได้ว่าเธอให้ไปคิดคำพูดมาใหม่ ยากชะมัด เพราะอยากให้เธอประทับใจ ตอนนี้ก็เลยคิดไม่ตกเลยน่ะสิว่าจะพูดอะไรกับเธอ หมายถึงหลังจากจูบกันเขาต้องพูดอะไรด้วยอย่างนั้นเหรอ
“ฉันต้องพูดอะไรอย่างนั้นเหรอ..”
“พูดอะไรของพี่” ยอรึมหันมาอย่างงงๆ ไม่รู้ว่าพี่สาวของเธอกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่
อึนซอขมวดคิ้วลงอย่างใช้ความคิด แต่ที่ซองโซหมายถึงก็คือถ้าหากเขาจะขอเธอเป็นแฟนอะไรทำนองนั้นต่างหาก ถ้าไม่รีบพูดล่ะก็ หมดโอกาสไม่รู้จริงๆด้วย มัวแต่คิดไปเรื่องไหนๆแล้วก็ไม่รู้ของเขา
..............................................................
โบนาปิดแฟ้มคดีลงหลังจากที่พยายามเรียบเรียงเหตุการณ์ทั้งหมดเกี่ยวกับคดีนั้น ขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิด คดีมีผู้เกี่ยวข้องที่ดูมากเกินไป ทั้งรายชื่อของกลุ่มค้ายาและกลุ่มตำรวจที่เกี่ยวข้องที่มีพฤติกรรมน่าสงสัยในความคิดของเธออีก และจากปากต่อปาก เรื่องราวที่เธอได้ยินมา มีความไม่ชอบมาพากลในกลุ่มตำรวจพวกนี้ เธอยังเชื่อว่าถ้าหากไขปริศนาการตายของนายตำรวจคนสำคัญได้ ก็จะพาพวกของเธอไปสู่เป้าหมายได้เร็วยิ่งขึ้น
“ดูคุณจริงจังกับคดีนี้จังเลยนะคะ”
ซอลอาหนึ่งในผู้ดูแลรับผิดชอบแฟ้มคดีต่างๆ คนที่เธอขอความช่วยเหลือที่ดูจะเต็มใจให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีเดินเข้ามาสมทบ ข้อมูลต่างๆที่เธอขอให้อีกคนช่วยถูกนำไปเก็บก่อนที่ซอลอาจะหันกลับมาเลิกคิ้วเป็นเชิงสงสัยอีกครั้ง
“เพราะอยากจะเอาใจเธอหรือเปล่า..”
เธอแค่ถามเพียงขบขัน โบนาหันมาก่อนจะยิ้มบางๆเป็นคำตอบ
“มันก็มีส่วนทำให้ฉันหันมาสนใจคดีนี้นะคะ แต่ฉันน่ะเป็นคนหนึ่งที่เกลียดยาเสพติดเข้าไส้เลยน่ะค่ะ ครอบครัวของฉันน่ะคอยไล่จับแก๊งค์พวกนี้มาตั้งแต่ฉันจำความได้ จนวันนี้ก็ยังไม่หมดไปเสียที”
ผู้หมวดคิมกำลังพูดถึงพ่อและแม่ของเธอที่เป็นตำรวจเหมือนกัน เพราะเรื่องพวกนี้ที่วนเวียนอยู่รอบตัวเธอมาตั้งแต่เด็กจึงซึมซับและเรียนรู้จากครอบครัวจนกลายเป็นแรงบันดาลใจของเธอมาถึงทุกวันนี้
มือบางยกขึ้นจับที่บาดแผลเมื่ออยู่ดีๆก็ปวดหนึบๆขึ้นมา
“แต่ฉันว่าตอนนี้พอก่อนเถอะค่ะ แผลก็ยังไม่หายดีไม่ใช่เหรอคะ”
ซอลอาเดินเข้าไปยื้อข้อมือที่ดูเหมือนพยายามจะขยี้บาดแผลของตัวเองซะอย่างนั้นออก ผู้หมวดนี่ไม่รู้หรือยังไงว่าอย่าเอามือไปจับบ่อยๆน่ะ
“ไปกินข้าวกันก่อนเถอะค่ะ..จียอน แล้วเดี๋ยวถ้าคุณอยากดูอะไร ก็ไว้ให้แผลหายก่อน”
ผู้หมวดคิมเห็นด้วยเพราะตอนนี้ก็ชักจะหิวขึ้นมาแล้วเหมือนกัน เขาเดินนำออกไปก่อนเมื่อซอลอายังต้องจัดเก็บเอกสารให้เรียบร้อย เดินออกมารอก่อนและบังเอิญสวนกับนายตำรวจคนหนึ่งในแผนกเดียวกัน จริงๆแล้วเธอก็ไม่ค่อยจะได้เจอหน้าเขาเท่าไหร่
“ตำรวจหน้าใหม่อย่างคุณมาทำอะไรที่นี่เหรอครับ..”
“สารวัตรปาร์ค..” ผู้หมวดคิมโค้งให้สารวัตรปาร์ค ยูชอน ถึงแม้จะอยู่ในแผนกดียวกันแต่เขาก็ไม่ค่อยจะปรากฎตัวสักเท่าไหร่
“ฉันก็แค่เดินสำรวจนิดหน่อยน่ะค่ะ”
“อย่างนั้นเหรอครับ ยังไงก็อย่าทำอะไรที่มันเกินหน้าที่ดีกว่า มันจะไม่ดีต่อตัวคุณเอง ขอให้แผลหายไวๆนะครับ”
ผู้หมวดคิมโค้งให้เขาอีกครั้งก่อนจะมองตามไปจนสุดทาง ราวกับว่าเขาเพียงแค่เดินมาทางนี้เพื่อพูดกับเธอ สารวัตรปาร์คอยู่ในชื่อของคนที่เธอคิดว่าน่าสงสัย และคำพูดที่ดูเหมือนกับสั่งไม่ให้เธอรู้มากไปเมื่อกี้ ดูไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย
...........................................................
เสียงคนพูดคุยกันเจื้อยแจ้วในห้องอาหารของกรมตำรวจในเวลาช่วงเที่ยวงของวัน มีทั้งเรื่องงานบ้าง เรื่องข่าวสารบ้านเมืองบ้าง เรื่องส่วนตัวบ้าง ร่างบางของเจ้าหน้าที่ตำรวจสาวสวยสองคนเรียกความสนใจจากเจ้าหน้าที่คนอื่นที่นั่งอยู่ก่อนได้ทั้งคนหนุ่มและคนสาว รวมถึงผู้หมวดสาวตัวเล็กที่นั่งกินข้าวอยู่ก่อนแล้ว ภาพข้างหน้าของคนทั้งสองที่ดูสนิทสนมกันมากขึ้นดูเหมือนจะสะกิดต่อมบางอย่างของเธอให้ทำงาน
“มานี่เถอะมิกิ”
คนตัวเล็กลุกขึ้นพาถาดข้าวของตัวเองไปแล้วไปนั่งลงข้างคนผู้มาใหม่ทั้งสองคน
“ขอนั่งด้วยนะคะ ผู้หมวดคิม จียอน..” ผู้หมวดตัวเล็กเน้นย้ำที่ชื่อของเขาก่อนจะนั่งลงข้างๆอีกฝ่ายพร้อมกับผู้หมวดมิกิที่แทบจะย้ายตามเธอมาไม่ทัน ผู้หมวดมิกิค้อมศีรษะให้เจ้าของโต๊ะทั้งสองก่อนจะนั่งลงตรงข้ามกับผู้หมวดลูดา
“นี่..ผู้หมวดมิกิ แผนกสืบสวนอาชญากกรรม 2 ที่ฉันเคยเล่าให้ฟังไงคะ ส่วนนี่ก็ผู้หมวดจียอน แผนกเดียวกับฉัน เพิ่งจะย้ายมาใหม่ได้ไม่นาน” ผู้หมวดตัวเล็กแนะนำคนทั้งสองให้รู้จักกันพอเป็นพิธี ไม่ใช่เขาไม่รู้สักหน่อยว่าคนตรงหน้าเป็นใคร
“สวัสดีค่ะ/สวัสดีค่ะ” ทั้งสองยิ้มให้กัน
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ ผู้หมวดมิกิ คดีที่ปูซานเป็นยังไงบ้างคะ” เป็นซอลอาบ้างที่เอ่ยทักขึ้นมา
“กว่าจะคลี่คลายได้ก็กินเวลาเกือบปีเลยล่ะค่ะ ฉันก็ช่วยอะไรทางนู้นได้ไม่มากเท่าไหร่”
“ถ่อมตัวเหมือนเดิมเลยนะคะ”
“ไม่หรอกค่ะ” เธอยิ้มบางๆให้อีกฝ่าย
“อ่ะ..มิกิ กินนี่สิ เนื้อของป้าร้านนี้ อร่อยมากเลยนะ” อยู่ดีๆคนตัวเล็กก็แทรกขึ้นมา แถบยังคีบเนื้อในถาดของตัวเองไปให้ตนตรงหน้า ทั้งๆที่มันก็เป็นเนื้อร้านเดียวกัน ผู้หมวดคนข้างๆได้แต่มองตามมือของคนตัวเล็กที่เอาแต่คีบนู่นคีบนี่ให้กับคนตรงหน้าเหมือนกับตั้งใจจะแกล้งกันอย่างนั้นแหละ
“ซอลอา..กินนี่ไหมคะ เนื้อของฉันก็อร่อยเหมือนกัน” ผู้หมวดผ้าพันแผลดูจะไม่ยอมน้อยหน้า คีบเนื้อในถาดตัวเองให้คนตรงหน้าเหมือนกัน ทั้งๆที่มันก็เป็นของร้านเดียวกันทั้งหมดนั่นแหละ ซอลอาถึงกับหลุดขำอาการของคนตรงหน้าออกมาเล็กน้อย ผู้หมวดคนเก่งดูจะกลายเป็นเด็กขี้อิจฉาขึ้นมาซะอย่างนั้น
“นี่..อย่ามาเลียนแบบฉันนะ” คนตัวเล็กหันมาจิ๊ปากใส่คนข้างๆ ถึงเธอจะไม่ได้ตักเนื้อให้เขา แต่เขาก็ห้ามตักเนื้อให้คนอื่น..
เอ้า.. แบบนี้ก็ได้เหรอยังไง
“ฉันไม่ได้เลียนแบบเธอสักหน่อย ..อ่ะ ซอลอา กินอีกนะคะ” เขาหันมาย่นจมูกใส่เธอ ก่อนจะคีบเนื้ออีกชิ้นให้กับคนข้างหน้า
ลองดีซะแล้วแบบนี้..
“จียอน..คือแผลของคุณมัน..” ซอลอาเอ่ยทักเมื่อรู้สึกเหมือนว่าผ้าพันแผลของเขาดูจะมีเลือดซึมออกมาเล็กน้อย ผู้หมวดคิมยกมือขึ้นจะจับเมื่อเริ่มรู้สึกปวดตุบๆขึ้นมาอีกครั้ง แต่มือของคนข้างๆกลับรั้งไว้ก่อน จับใบหน้าของเขาให้หันมาเพื่อจะได้ดูแผลได้ถนัด
“เลือดออกจริงๆด้วย”
คนตัวเล็กพูดเสียงนิ่งพร้อมเลื่อนสายตาขึ้นมองหน้าเขา ทำท่าจะฉุดแขนเขาให้ลุกขึ้นเพื่อไปทำแผล แต่ผู้หมวดมิกิกลับลุกขึ้นเดินมาหาเธอก่อน
“ให้ฉันดูให้เถอะ”
“จะดีเหรอ”
“เธอก็รู้นี่ว่าฉันถนัดเรื่องพวกนี้”
เธอพยักหน้าก่อนจะปล่อยให้ผู้หมวดมิกิพาคนเจ็บไปทำแผล เพื่อนของเธอถนัดเรื่องพวกนี้เพราะแม่ของเขาเป็นพยาบาลน่ะสิ ผู้หมวดมิกิก็เลยเก่งเรื่องทำนองนี้ไปด้วย ตอนนี้ก็เหลือแค่เธอกับซอลอาบนโต๊ะอาหาร และเป็นซอลอาที่เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบแปลกๆระหว่างทั้งสอง เธอหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะเป็นฝ่ายพูดขึ้นมา
“คุณน่ะ น่าอิจฉามากๆเลยนะคะ รู้ตัวหรือเปล่า ผู้หมวดลูดา..” เธอเท้าคางมองคนตัวเล็กตรงหน้า
“คุณหมายถึงอะไรอย่างนั้นเหรอคะ”
“เขาน่ะ รักคุณมากๆเลยนะคะ ไม่มีที่สำหรับฉันหรอกค่ะ”
“....”
คนตัวเล็กดูเหมือนจะสงสัยคำพูดที่ดูจริงจังนั่น และน้ำเสียงที่ดูตัดพ้อของคนตรงหน้า แต่เธอไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ซอลอาลุกขึ้นก่อนจะเดินเข้ามากระซิบข้างๆหูของเธอ
“อย่าปล่อยให้หลุดมือขึ้นมาล่ะ ฉันไม่ยอมปล่อยมือจากเขาเป็นรอบที่สองหรอกนะคะ” เธอเงยขึ้นมาก่อนที่คนตัวเล็กจะหันมามองหน้าเธออย่างติดจะไม่พอใจ เธอยิ้มให้ผู้หมวดตัวเล็ก
“พูดเล่นน่ะค่ะ ฉันน่ะไม่ได้คิดอะไรกับเขาแล้ว ขี้หึงแบบนี้ ระวังเขาจะเบื่อเอานะคะ..” ซอลอาว่าก่อนจะถือโอกาสหยิกแก้มใสของผู้หมวดตัวเล็กเบาๆแล้วเดินจากไป ทิ้งให้เธอได้แต่คิดถึงคำพูดที่ว่าเธอน่าอิจฉานั่นขึ้นมา...
-
“ฉันได้ยินมาว่าคุณน่ะสนิทกับลูดามากเลยเหรอคะ”
ผู้หมวดมิกิถามขึ้นมาขณะที่กำลังจัดการผ้าพันแผลให้คนเจ็บอยู่
“ค่ะ ทำไมเหรอคะ..”
“เธอมีแฟนหรือยังคะ”
“ถามทำไมคะ..” ผู้หมวดมิกิก็แค่แกล้งถาม แต่ดูเหมือนคนตรงหน้าจะขมวดคิ้วเป็นปมแล้วจ้องหน้าอย่างกับจะกินเธอ
“ก็เธอเคยบอกว่าไม่มีนี่คะ” เธอยังคนพูดแหย่คนตรงหน้า
ก็ใช่.. แต่ไม่มีก็เหมือนมีนั่นแหละ ยังไม่หยุดถามอีก
“เธอน่ะ เอาแต่พูดถึงคุณนะคะรู้หรือเปล่า.. พูดอยู่ได้ทุกวัน”
พูดเสร็จก็แปะเทปสำหรับทำแผลลงไปบนผ้าพันแผลอันใหม่อย่างเบามือ คนตรงหน้ายังขมวดคิ้ว ทำหน้าดุใส่จนเธอหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะหันไปเก็บอุปกรณ์ต่างๆให้เรียบร้อย
“มีอะไรตลกอย่างนั้นเหรอคะ..” เขาจะต่อยเธอหรือเปล่าน่ะ แต่ว่านะ
“เอาเป็นว่าอย่างนี้แล้วกัน ถ้าคุณทิ้งเธอไปอีกครั้งล่ะก็.. ฉันไม่ปล่อยคุณไว้แน่”
ผู้หมวดมิกิเดินเอากล่องปฐมพยาบาลไปเก็บก่อนจะหันกลับมาพูดกับเขา คนเจ็บคลายปมที่คิ้วได้ก็ส่ายหน้าก่อนจะพูดกลับไป
“ไม่มีวันหรอกค่ะ ไว้ใจฉันเถอะ เอ่อ.. ขอบคุณนะคะสำหรับแผลนี่” ผู้หมวดคิมยิ้มบางๆให้อีกฝ่ายก่อนจะใช้นิ้วชี้ไปที่แผลของตน อย่างน้อยก็ไม่ได้ดูเหมือนจะต่อยเธออยู่ในทีแรก ทั้งสองคนเดินออกมาด้วยกันแต่กลับเจอคนตัวเล็กที่เดินตามมาดูก่อน เธอจิกสายตามองผู้หมวดผ้าพันแผลของเธอของก่อนจะคว้าข้อมือเขาให้เดินไปด้วยกัน และไม่ลืมจะหันไปบอกลามิกิก่อน
“สารวัตรเรียกน่ะ ไว้เจอกันนะมิกิ”
เธอหันไปโบกมือให้มิกิก่อนจะลากตัวอีกคนออกมาแล้วพาไปที่รถ จริงๆสารวัตรไม่ได้เรียกหรอกแต่เธอบอกสารวัตรไว้แล้วว่าอาการของคนตรงหน้าดูจะยังไม่ดีขึ้นอย่างที่เจ้าตัวยืนยัน และสารวัตรก็เห็นด้วย ขืนปล่อยให้ทำงานต่ออยู่อีก จะเที่ยวทำนู่นทำนี่จนอาการปวดหัวกำเริบขึ้นมาอีก
“สารวัตรให้ไปไหนอย่างนั้นเหรอ” คนเจ็บถามขึ้นอย่างสงสัยเมื่ออีกคนไม่ได้พาเธอไปหาสารวัตรอย่างที่พูด คิดว่าคงมีคดีล่ะมั้ง
“กลับบ้าน..” คนตัวเล็กกอดอกยืนอยู่ข้างรถ พูดเสียงเย็น เธอยังโกรธที่เขาดื้อรั้นมาทำงานเสียจนได้แบบนี้อยู่
“ต..แต่ว่า”
“ขึ้นรถ..”
“แต่..”
“โบนา..”
เสียงเขียวขนาดนี้ แล้วจะทำอะไรได้ล่ะ ก็เธอสั่ง.. TT
..................................................................
จะตบกันแล้วค่ะ ใครจะตบกับใครก็ไม่รู้ 555555555
ผู้หมวดลูดาน่ากลัวจังเลยค่ะ ตามไปทุกที่เลย T__T
สายตรวจก็เป็นอะไรนักหนา ตอนแรกก็วางตัวให้ดูขี้รุกอยู่นะคะ
ไหงทำไมกลายเป็นงี้ คืออยากให้เขาเป็นคนละเอียดอ่อนด้วยอ่ะค่ะ เล่นตัวซะเอง 5555
ผู้หมวดคิมก็กลับมากากเหมือนเดิมค่ะ 55555
น้ำแห้งๆนะคะ แห้งกว่าเส้นมาม่าที่อืดอยู่ในคัพอีก เรืออยู่ไหนแล้วคะ มองไม่เห็น TT
แต่เป็นปลื้มผู้หมวดคิมในชุดตำรวจมากค่ะ หัวใจจะวาย ><
คนน้องใส่แล้วดูน่ารักอ่ะค่ะ ดูเป็นตำรวจปลอมๆ/โดนตบ 55555555
ขอบคุณที่ยังติดตามชมกันนะคะ ><
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ผู้หมวดทั้งสองเข้าใจกันง่ายดี ไม่ยืดเยื้อ น่ารักสุดๆ
ต่างคนต่างหึงหวงกันงี้ นอนด้วยกันแล้วแต่ยังไม่ได้เป็นแฟนกันเนี่ยนะคะ 5555
ส่วนคุณสายตรวจคะ อย่าซึนค่ะ รีบๆขอนักกายภาพเป็นแฟนซะ
ปล.เห็นไร้ท์หายไปนาน นี่รออ่านอยู่นะคะ
เค้าโอเคค