คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : Day 13: Fri 01/04/11
Day 13: Fri 01/04/11
...วันแรกแห่งการเริ่มต้นเดือนใหม่...
...พร้อมด้วยเทศกาลแห่งการ “หลอกลวง”...
ฉันกับพิกกี้ไม่ได้รีบร้อนกลับบ้านกันนัก เนื่องจากวันนี้แนนบอกว่าจะพาเด็กๆ ทั้งสองไปที่ไหนซักที่ก่อนแล้วจะถึงบ้านประมาณสี่โมง เราที่เลิกตั้งแต่สามโมงนิดๆ เลยเดินเอื่อยเฉื่อยรับลมฤดูใบไม้ร่วงกันไป เดินซักพักก็ต้องตกใจเมื่อพบลูกแพร์ เพื่อนห้องเดียวกันที่ได้เรียนคนละโรงเรียน
เด็กที่มาคราวนี้มีประมาณ 31 คน ครึ่งนึงจะเรียนที่โรงเรียน Waimea เหมือนฉัน ส่วนอีกครึ่งจะเรียนที่ Garin (ชื่อน่าเรียนเหลือเกิน ฉันที่คลั่งนิยายและการ์ตูนเรื่อง “การิน” ร่ำๆ อยากไปใจจะขาด) โชคร้ายที่ฉันกับแพร์ไม่ได้อยู่โรงเรียนเดียวกัน แม้จะไม่ได้สนิทอะไรมากมาย แต่อย่างน้อยก็สนิทในระดับนึงล่ะนะ
เธอถือแอปเปิ้ลคู่กับลูกแพร์ที่เหมือนกับชื่อเธอเด๊ะ ถามไปถามมาก็จับใจความได้ว่าเดินผ่านบ้านอาจารย์แล้วอาจารย์ให้มา ฉันกับพิกกี้ก็พาลนึกไปว่าคงเป็นอาจารย์ฝรั่งที่โรงเรียนการิน แต่ไหงเลยพอซักมากๆ เข้าก็เป็นอาจารย์นวล อาจารย์คนไทยที่ตามมาดูแลพวกเรานี่เอง
ไม่รอช้า... เพื่อให้ไม่เป็นการได้เปรียบเสียเปรียบ เราจึงขอร้องแพร์ (แกมบังคับ) ให้พาไปบ้านอาจารย์ให้หน่อย อาจารย์พักอยู่กับพี่โอ๋ ผู้คอยประสานงานกับบริษัทที่ Co กับทางโรงเรียน พวกเขาทั้งสองพักอยู่ยังบ้านโฮสต์หลังหนึ่ง มองจากข้างนอกไม่ได้กว้างขวางใหญ่โตอะไรมาก แต่สีสันและดีไซน์ของมันก็สวยไม่หยอก เป็นบ้านสไตล์ฝรั่งอย่างแท้จริง
แพร์หันกลับมาถามว่าไม่แน่ใจว่าใช่บ้านนี้รึเปล่า ฉันกับพิกกี้ก็เกิดอาการอยากยันเธอกระแทกประตูซะเหลือเกิน สุดท้ายเลยยุให้กดออดแล้วลองถามดู ถ้าไม่ใช่ก็แสดงว่ามาผิดบ้าน ไม่เห็นมีอะไรจะเสีย
...ขออายนิดหน่อย... มันก็... แค่นั้นล่ะ T^T...
แต่เพราะโชคช่วยหรือความจำแพร์ดีก็ไม่อาจทราบ สุดท้ายนี่ก็เป็นบ้านที่พี่โอ๋และอาจารย์อยู่จริงๆ โฮสต์ต้อนรับพวกเราอย่างใจดี ก้าวเท้าเข้าไปในบ้านก็สัมผัสได้ถึงอากาศที่อุ่นขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องใช้ฮีตเตอร์ช่วยแต่อย่างใด ฉันยิ้มให้เจ้าหมาที่เดินมาคลอเคลียขา ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้แมวที่นั่งอยู่บนโต๊ะ หนำซ้ำยังโดนมันเมินใส่อีกต่างหาก
เมื่อโกรธแมวเลยหันไปคุยกับอาจารย์และพี่โอ๋แทน พวกเราคนไทยต่างขุดเรื่องมาคุยไม่มีหยุด พร้อมบอกจุดประสงค์ไปตามตรงว่าลงทุนเดินมาถึงนี่เพราะอยากกินผลไม้ (หน้าด้านได้อีก) ซึ่งอาจารย์ก็แสนใจดี๊ใจดี ปอกให้เราเสร็จสรรพ หนำซ้ำยังเอาข้าวผัดที่เหลือนิดหน่อยมาให้พวกเรากินด้วย
มีหรือว่าจะถือ... ของฟรีและของอร่อยซักอย่าง เหลือไม่เหลือก็กินหมดล่ะน่า!!
กินกันอย่างเอร็ดอร่อยลืมเกรงใจไปเสียสนิท ซักพักอาจารย์ก็พาเราไปหลังบ้าน มีต้นแอปเปิ้ลใหญ่อยู่ต้นนึง บ้านข้างๆ เขาปลูก แต่กิ่งบางส่วนยื่นล้ำเข้ามาในบ้านเรา ซึ่งนิวซีแลนด์ประเทศเขามักจะไม่มีรั้วบ้านกันด้านหน้าด้านหลังอะไรหรอก เขาจะกั้นเพียงแค่ด้านข้างให้รู้ว่าบ้านใครเป็นบ้านใครเท่านั้น
...ประเทศเรานี่สิ... กั้นรอบบ้าน โรยเศษแก้วบนกำแพง ของยังหายได้เลย!!...
สิ่งใดที่อยู่ในรั้วเรา นั่นคือของของเรา... ดังนั้นแอปเปิ้ลส่วนที่ล้ำเข้ามาก็เป็นของเราเช่นกัน ฉันนึกแซวพิกกี้ว่าถ้ามีล้ำเข้ามาอย่างนี้ในบ้านเธอคงไม่มีเหลือคาต้นหรอก ตัวกินแอปเปิ้ลอย่างนี้... ขี้คร้านจะปีนเก็บทั้งต้นเลยเสียมากกว่า
ที่นี่จะไม่มีการฉีดยาฆ่าแมลง ทุกอย่างคือธรรมชาติ พิกกี้เลยเด็ดมาลูกนึงอย่างสบายใจ เช็ดๆ นิดหน่อยแล้วก็งับเข้าไปเต็มคำ เธอบอกว่ามันก็กรอบๆ อร่อยดี ติดจะเปรี้ยวไปนิดแต่นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่แต่อย่างใด เธอยังคงกินจนแทบไม่เหลือซากไว้ให้แบคทีเรียดูต่างหน้าอยู่ดี
เมื่อค่อนข้างเย็นมากแล้วพี่โอ๋จึงเชิญ (บวกไล่) ให้เรากลับ เกรงว่าโฮสต์จะเป็นห่วง ฉันกับพิกกี้ก็เกือบลืมไปเสียสนิทว่ามันนี้ต้องโชว์เสน่ห์ปลายจวักให้แนนชิมนี่หน่า (เป็นเสน่ห์ที่อยู่ปลายเสียจนแทบมองไม่เห็น =o=)
กลับถึงบ้านก็ห้าโมงเข้าไปแล้ว แต่แนนกลับพาเราและเด็กๆ ไปร้านเช่าวิดีโอก่อน ตอนแรกฉันก็ว่าจะไม่เช่าหรอกนะเพราะราคาไม่ได้ถูกเท่าไหร่ แต่ไปๆ มาๆ ก็อดใจไม่ไหว เลยไปดูหมวดครอบครัวกับการ์ตูนเก่าๆ ที่ค่าเช่าจะแผ่นละ 1 ดอลล่าร์ต่ออาทิตย์ คิดแล้วก็แผ่นละประมาณยี่สิบกว่าบ้าน คงไม่เสียหายอะไร
สุดท้ายฉันกับพิกกี้เลยหอบหนังมารวมกันร่วมสี่เรื่อง (แม้จะอยู่ที่บ้านนี้อีกไม่ได้นานก็เถอะ) หลังจากเสร็จภารกิจโกบกอยหนัง ฉันและภรรยาจอมปลอมก็ได้เวลาโชว์เสน่ห์ปลายจวักเสียที
อ่อ... เครดิตต้องยกให้เธอล่ะ เพราะเธอเป็นคนทำเยอะสุดอยู่แล้ว แต่คุณเคยดูรายการทำอาหารกันรึเปล่า???
ทุกอย่างต้องเตรียมพร้อมวางเรียงให้หยิบใช้ได้พอดีเป๊ะ... แน่นอนว่า...
“บุง หยิบน้ำตาลให้กูหน่อย.. น้ำพริกด้วยนะมึง อ่อ!! บลาๆๆๆ”
ฉันเลยกลายเป็นหนูติดจั่นวิ่งรอบครัว เตรียมของให้เธอ ทว่าไม่อาจปฏิเสธได้หรอก ฝีมือระดับนี้ยังไงเสียก็เป็นได้แค่ลูกมือคนอื่นเท่านั้นล่ะ ลองลงมือทำเองเกรงว่าจะอร่อยจนได้ไปกินต่อในโรงพยาบาล - -“
หน้าตาออกมาดูดีกว่าที่คิด แถมรสชาติก็เป็นแกงเขียวหวานอย่างไม่ผิดเพี้ยน พาลเอาเราสองคนซึ้งจนแทบน้ำตาไหล ด้วยเคยกังวลฝ่าทำออกมาแล้วรสชาติมันอาจจะไปเหมือนไข่พะโล้ก็ใช่ที่ แบบนั้นคงสนุกสนานไปกันใหญ่
แนนดูจะเอ็นจอยมื้ออาหารที่เราทำเป็นอย่างมาก งานนี้พวกเราเลยได้แต่ยิ้มหน้าบ้านกันไม่หุบ
...กลับบ้านไป จะลองทำอาหารดูบ้างดีมั้ยน้า...
...เอ่อ! ไปหัดหั่นกล้วยก่อนดีกว่า T^T...
ความคิดเห็น