ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Te Aroha! ...NZ...

    ลำดับตอนที่ #11 : Day 11: Wed 30/03/11

    • อัปเดตล่าสุด 31 มี.ค. 54


                Day 11: Wed 30/03/11

     

                เพราะเหตุที่ว่า... อยากทำอาหารไทยให้แนนผู้ใจดีได้ลองทานบ้าง ฉันกับพิกกี้เลยพากันมาเดินมึนงงอยู่ในซุปเปอร์มาเก็ต Pick’n Save อีกครั้งจนได้...

                    เมนูที่พวกเราพร้อมใจกันเลือกก็คือแกงเขียวหวานไก่ เนื่องจากว่าจะให้ทำพะแนงไก่ก็เกรงจะซ้ำของเดิมที่เคยทำตอนอยู่บ้านเคย์ไปแล้ว ส่วนฉันเองก็ไม่ค่อยเดือดร้อนหรอกว่าจะทำอะไร เพราะยังไงเสีย...คนที่ทำก็คือพิกกี้อยู่ดี ฉันเป็นได้แค่ลูกมือเธอเท่านั้นล่ะ (เหตุผลทุกคนก็รู้กันดี)

                    เลือกวัตถุดิบเพียงเล็กน้อยก็คือเครื่องแกงสำเร็จรูปกับน้ำกระทิ เนื่องด้วยที่บ้านแนนมีของครบไม่แล้ว ถ้าไม่ครบเห็นทีคงต้องไปตายเอาดาบหน้า - -“

                    ฉันเป็นคนถือตะกร้าเอง พร้อมบอกเธอว่าอยากกินขนมอะไรให้หยิบแล้วเดี๋ยวหารทั้งตะกร้า คงเพราะไม่อยากเห็นสายตาออดอ้อนตอนที่เธอบอกให้ช่วยหารขนมที่ซื้อสองชิ้นแล้วราคาจะถูกลงอะไรเทือกนั้น ส่วนพอเธอได้ยินคำตอบที่ดูจะถูกใจเลยลัลล้าเลือกของตามสบายมีฉันเดินถือตะกร้าตามต้อยๆ

                    ...เหมือนเป็นพ่อบ้านมานั่งดูแม่บ้านเลือกของเข้าบ้านยังไงไม่รู้ =o=...

                    “เฮ้ย! บุง... กูว่าเหมือนคู่สามีภรรยากันเลยว่ะ”

                    ...กูคิดตั้งนานแล้ว มึงจะอัลเลิร์ทซื้อของไปถึงไหน!...

                    “มึงเป็นสามีนะ... เดี๋ยวกูเป็นภรรยา” นั่น...เลือกตำแหน่งเสร็จสรรพ “สามีขา~ เราไปด้านนู้นดีกว่านะคะ”

                    แล้วก็เพราะอย่างนั้นแหละ สุดท้ายฉันเลยได้กลายเป็นสามีไปจริงๆ - -“ ก็ไม่ได้แมนขนาดเป็นทอมนะ อันนี้จริงฉันก็หญิง (เกือบ) แท้อยู่หรอก แต่คงเพราะเวลาอยู่กับเพื่อนแล้วเพื่อนมักจะหญิงกว่าเลยรู้สึกอยากเทคแคร์ดูแลล่ะมั้ง (ถึงจะดูแลตัวเองไม่ค่อยรอดในบางครั้งก็ตาม)

                    ซื้อของไปซักพัก ภรรยา (จอมปลอม) ของฉันก็ยังคงสนุกสนานกับการซื้อของต่อไป แม้ฉันจะเร่งแล้วเร่งอีกก็ตาม จนมองนาฬิกามันเกือบห้าโมงสี่สิบห้าเข้าไปทุกที ฉันเลยบังคับให้เธอส่งแมสเซสไปบอกแนนว่าให้เธอกับน้องๆ กินข้าวก่อนได้เลยไม่ต้องรอ

                    แล้วคำตอบของเธอก็ทำเอาเราช็อคกันกลางซุปเปอร์...

                    ลืมไปเลยว่าเธอมีเล่นสควอชทุกวันพุธ พอพวกเรากลับช้า แล้วลูกเธอเองก็กินอะไรง่ายๆ อยู่แล้ว ส่วนตัวเธอก็กินข้างนอกหลังเล่นเสร็จทำให้เธอไม่ต้องเตรียมอาหารเย็นอะไรมากมาย

                    ...หวยเลยออกว่าวันนี้เราต้องหาข้าวเย็นกินกันเองซะแล้ว...

                    คุณภรรยาที่ได้รับข่าวก็ยังคงอัลเลิร์ทต่อไป อาจเพราะเราไม่ต้องรีบกลับบ้านมาก งานนี้เลยเดินนวยนาดถ่ายรูปกันได้เต็มที่ แน่นอนว่าฉันก็ยังคงต้องทำหน้าที่สามีที่ดีถ่ายรูปภรรยาสุดสวยเป็นนางแบบ โดยมีฉากหลังเป็นภูมิประเทศสวยๆ อยู่เช่นเคย (เราต่างก็มีค่าเท่ากัน เธอเลือกช่างภาพฝีมือดีกว่านี้ไม่ได้ ส่วนฉันก็เลือกนางแบบไม่ได้ด้วย ฮ่าๆ)

                    ระหว่างเดินเข้าทางลัด ด้านในจะมีทางแยกอยู่สองทาง เราเคยเสี่ยงไปทางซ้ายแล้วกลับถึงบ้านได้ มารอบนี้ไหนๆ ก็สายแล้วเลยขอเต็มเหนี่ยวฉันกับพิกกี้เลยลองเสี่ยงไปทางขวาดู (เอิ่ม... ก็ไม่ได้แคร์ว่าไม่ได้อยู่บ้านเมืองตัวเองเลย ณ จุดๆ นี้) จนกระทั่งเกรงๆ ว่าจะหลงนั่นแหละ เลยไปสวนเข้ากับฝรั่งที่เดินผ่านมาพอดี

                    เป็นผู้หญิงวัยกลางคน ชื่อเธอฟังไม่ถนัดนัก มากับหมาตัวนึงอายุประมาณ 9 ปี เธอเลยถามว่าเราจะไปไหน พออธิบายคร่าวๆ เธอก็บอกว่าจะเดินไปส่งเพราะต้องไปทางเดียวกันอยู่แล้ว (แน่นอนว่าเธอก็เข้าทางลัดแล้วเลี้ยวซ้ายเหมือนเราคราวก่อนเด๊ะ งานนี้เราเลยต้องแอ๊บเนียนเด็กหลงต่อไป)

                    ระหว่างทางเราสามคนก็คุยกันไปเรื่อย รู้สึกถูกอกถูกใจนิสัยคนนิวซีแลนด์ที่เข้ากับคนง่ายเหลือเกิน แถมยังเป็นมิตรอีกต่างหาก เราเดินกันจนไม่รู้ตัวกระทั่งมาถึงซอยที่ใกล้กับบ้านของแนนแล้วจึงโบกมือแยกทางกัน ระหว่างนั้นฉันก็เหลือบไปเห็นต้นไม้ใหญ่ที่สีสวยงามอยู่ข้างทาง จนอดไม่ได้ที่จะเรียกพิกกี้มาอยู่ในเฟรม

                    ช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วงอาจยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติได้เด่นชัดนัก แต่ต้นนี้เริ่มผลัดสีใบเป็นเหลืองอร่ามทั้งต้น พอกระทบกับแสงอาทิตย์ในยามหกโมงกว่า (ที่ไม่ต่างอะไรกับสี่โมงห้าโมง) ก็ทำให้ดูสวยงามจนแทบละสายตาไปไม่ได้

                    ...ต้นไม้มองดูปราดเดียวความอบอุ่นก็แล่นไปทั่วทั้งใจ...

                    ...เหมือนกับความอบอุ่นของคนนิวซีแลนด์ที่เราคงไม่มีวันลืม...

                    นอกจากคนที่นี่จะมีนิสัยเป็นกันเอง เข้ากับคนง่ายแล้ว สิ่งหนึ่งก็คือไม่มีนิสัยอยากได้ของที่ไม่ใช่ของตน ดังนั้นประเทศนี้จึงมีข่าวเรื่องของหายน้อยมาก... แถมพวกเขาก็ดูจะไว้ใจกันเหลือเกิน อย่างบางบ้านถ้าไม่อยู่บ้านหลายวันก็เอากุญแจบ้านไปฝากไว้กับเพื่อนบ้านเอาง่ายๆ หรือแม้กระทั่งเปิดประตูหลังบ้านโดยไม่แยแส ทั้งที่เป็นประเทศเราอาจโดนยกเค้าตั้งแต่สามนาทีแรก

                    อันนี้ฉันเจอมาด้วยตนเองคือตอนไปว่ายน้ำเมื่อวาน ฉันวางกล้องสีเด่นไว้ข้างสระพลางโดดลงไปว่ายน้ำอยู่นานของนาน ไม่มีใครมายุ่งกับกล้องฉันเลยแม้แต่นิดเดียว เขาคิดว่าอะไรที่ไม่ใช่ของเขา เขาก็จะไม่เข้ามายุ่งวุ่นวาย

                    อย่าว่าแต่กล้องไม่หายเลย... อย่างในห้องก็เหมือนกัน แนนกับมาร์กจะไม่มีทางเข้ามายุ่มย่ามในห้องฉันหากฉันไม่อนุญาต (ต่อให้มันจะเป็นบ้านเธอก็ตาม) หรือถ้าเข้าก็เข้ามาเพื่อเปิดหน้าต่างระบายอากาศเท่านั้น ซึ่งวันไหนถ้าฉันเปิดเองเธอก็จะไม่ย่างกรายเข้ามา หรือแม้กระทั่งของที่วางเกลื่อนกลาด มันก็ยังไม่เคลื่อนแม้แต่เซ็นต์เดียว

                    ...คนที่นี่เคารพสิทธิส่วนบุคคลสูงมาก...

                    อากาศดีอย่างไม่ร้อนเกินไปไม่หนาวเกินไป ภาพวิวทิวทัศน์สวยๆ ที่เห็นกี่ทีก็ยังคงเพ้อฝัน กับผู้คนที่นิสัยน่ารัก ทำให้ฉันกับพิกกี้บ่นอยู่หลายครั้งหลายคราว่าไม่อยากกลับไทยเลยจริงๆ

                    ไม่มีที่ไหนสุขใจเท่าบ้านเรา... แต่คงไม่ผิดนักถ้าฉันจะเลื่อนให้ประเทศนี้เป็นประเทศในอันดับต้นๆ ที่ฉันอยากจะมาเยือนอีกในอนาคตข้างหน้า

                    ...เอาล่ะ ก่อนจะคิดไปถึงวันกลับ เราสองคนควรเอาตัวรอดจากมื้อเย็นให้ได้เสียก่อน...

                    ...ไม่ต้องทายให้วุ่นวายหรอก... อาหารที่เราทานกันก็คืออาหารที่แสนอร่อยเหลือหลาย...

                    ...มาม่าต้มยำกุ้งเจ้าเก่านั่นแหละ T^T...            

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×