[ONE-SHOT:SNSD] So sorry, My love (Yuri) - [ONE-SHOT:SNSD] So sorry, My love (Yuri) นิยาย [ONE-SHOT:SNSD] So sorry, My love (Yuri) : Dek-D.com - Writer

    [ONE-SHOT:SNSD] So sorry, My love (Yuri)

    เหตุเกิดเพราะแทยอนโดนลากกลางเวที งานนี้ทิฟฟานี่จะว่ายังไงบ้าง [TaeNy] - "บางที... ถ้าแทไปรักกับซัน อาจจะดีกว่ามารักกับฉันก็ได้ อย่างน้อยซันก็ดูแลแท ปกป้องแทได้" [The end]

    ผู้เข้าชมรวม

    10,307

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    17

    ผู้เข้าชมรวม


    10.3K

    ความคิดเห็น


    84

    คนติดตาม


    33
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  20 เม.ย. 54 / 21:43 น.

    แท็กนิยาย

    TaeNy Taeyeon Tiffany SNSD



    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้


    ตกใจสุดขีดเมื่อเจอข่าวพี่แทจอมเก๊กโดนลาก =[]=

    คาดว่าแฟนคลับหลายคนคงเห็นข่าวแล้วเช่นเดียวกัน

    อ่านแล้วรู้สึกขึ้นมาก ไม่รู้จะอธิบายยังไงเลยแต่งวันช็อตซะ

    ยังไงก็ฝากติดตามกันด้วยนะคะ คาดว่าจะลงเต็มๆ วันนี้แหละ ^^

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

    [ข่าว+คลิป]

    (กด ctrl ก่อนคลิกนะคะ เดี๋ยวมันจะเปลี่ยนหน้า)

    [News] แทยอน (Tae Yeon) ถูกชายหนุ่มบุกขึ้นลากตัวลงเวที ในระหว่างโชว์ 'Run Devil Run'

    [News] สาเหตุที่แทๆ โดนลาก จากเว็บ soshifanclub

    [Fancam] Run Devil Run - SNSD [Taeyeon grabbed by mysterious man]

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


     

    คิม แทยอน

     

    หญิงสาวผู้เคราะห์ร้าย

    ที่งานนี้ดัน หล่อ (โดน) ลาก ขึ้นมาจริงๆ

     

    ฉันก็ไม่เคยหวังให้ฟานี่ต้องมาดูแลฉันเสียหน่อย

     


    ฮวัง ทิฟฟานี่

     

    หญิงสาวอ่อนไหวผู้คิดมาก

    ที่อยู่ๆ ก็มาเห็นคนรักโดนลากไปต่อหน้าต่อตา

     

    บางที...ถ้าแทไปรักกับซัน อาจจะดีกว่ามารักกับฉันก็ได้

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ



       

       

      [One-Shot:SNSD] So sorry, My love [TaeNy]

       

                 

       

                  ...อีกแล้ว... เป็นอย่างนี้อีกแล้ว...

                 

                  ...ทำไมรู้สึกใจวูบโหวงแปลกๆ...

                 

       

                      ฉันพยายามส่ายหน้าเพื่อไล่ความคิดประหลาดออกไป ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หากตั้งแต่ตื่นนอนวันนี้ตามันก็กระตุกไม่หยุด แถมยังมีสังหรณ์ไม่ค่อยดีคอยก่อกวนเป็นระยะ ไหนอยู่ๆ สร้อยคู่ของฉันกับแทยอนจะตกบ้างล่ะ ไหนจะสะดุดเก้าอี้บ้างล่ะ ฉันไม่อาจสาธยายให้ฟังหมดได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ตอนที่ฉันรู้สึกไม่ค่อยดีอย่างนี้เมื่อครั้งสุดท้ายมันก็นานมากแล้ว

                     

                     

                      ...และมันก็เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นจริงๆ...

                     

       

                      ถอนหายใจลอบที่ร้อยพัน ใจเย็นไว้สิ ฮวัง มิยอง! ตอนนี้ทุกอย่างก็ปกติดีไม่ใช่หรือ ฉันกับแทยอนเป็นคนรักกัน...นั่นคือเรื่องที่ทุกคนในวงต่างรู้กันดี แถมช่วงหลังมานี่เธอก็ไม่ได้มีท่าทีแคร์สื่อให้ฉันต้องเก็บไปนอนร้องไห้หวั่นใจเหมือนช่วงสองปีก่อนด้วย ซ้ำร้ายกว่านั้นยังออกตัวแรงจนแม่ยกหัวใจจะวายไปหลายรอบ

                     

                      เมื่อวันก่อนครอบครัวแทยอนยังมาหาเราที่หออยู่เลย ฉันกับเธอซึ่งเคยเป็นเพื่อนสนิทเลื่อนมาเป็นแฟนก็ยังคงคุยสัพเพเหระกันได้ไม่หยุด

                     

                     

                      ...ทุกอย่างมันปกติ... เธอคิดมากไปเองล่ะ ยัยหมีอ้วน!...

                     

       

                      “กินน้ำหน่อยมั้ย ดูสีหน้าไม่ค่อยดี ไม่ชินกับสีผมหรอ” น้ำเสียงอ่อนโยนดังมาจากทางด้านหลังทำเอาสะดุ้งโหยง หันกลับไปยิ้มแห้งๆ ให้กับคนที่ยื่นขวดน้ำเย็นมาให้ จิบไปเพียงเล็กน้อยเมื่อไม่ได้รู้สึกกระหายมากเท่าไหร่ ก่อนจะนึกได้ว่าท้ายประโยคเธอเอาแต่เอ่ยแซวเรื่องสีผมฉันไม่หยุด จึงค้อนควับไปเสียวงใหญ่

                     

                      “ฮ่าๆ... ผมสีดำก็สวยนะ”

                     

                     

                      ...ดูคุณแฟนเตี้ยนี่สิ... ยังหัวเราะได้อีก!...

                     

       

                      เมื่อตอนช่วงเพลง Hoot ฉันจำเป็นต้องย้อมผมสีบลอนด์ นั่นทำเอาฉันร้องไห้ไปหลายคืนเพราะไม่ชินกับสีผมใหม่ๆ อย่างมากก็มีแค่น้ำตาลกับดำเท่านั้น มาครานี้ฉันย้อมสีผมกลับเป็นสีดำ แทยอนเลยแซวว่าไม่ร้องไห้แล้วหรอ อย่างนั้นอย่างนี้

                     

       

                      ...ความจริง... เธอเคยบอกฉันว่าเธอชอบคนผมสีเข้ม...

                     

                      ...พอจะย้อมผมสีบลอนด์มันก็เลยหวั่นใจกลัวเธอไม่รักน่ะสิ...

                     

                      ...แน่นอนว่ามันก็เป็นแค่การคิดมากไปเองของฉัน เพราะแทยยอนยังรักฉันดีเหมือนเคย...

                     

       

                      ...ครานี้ฉันก็คงแค่คิดมากไปเองเช่นเดิมนั่นแหละมั้ง?...

                     

       

                  “ฉันรักแทนะ”

                     

                     

                      “หา...อ่า... เอ่อ... อะไรของเธอเนี่ย” แทยอนยกมือเกาท้ายทอยแก้เก้อเมื่อได้ยินคำบอกรักอย่างไม่ทันตั้งตัวของฉัน ซึ่งฉันก็ไม่ได้สนใจในอาการของเธอมากไปกว่าเสียงหัวใจของตนเองที่มันกำลังส่งสัญญาณร้ายให้ได้รับรู้เป็นระยะ นึกเกลียดเหลือเกินกับการไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แถมฉันดันพวกสังหรณ์แม่นเสียด้วย

                     

                      เมื่อคิดมากอารมณ์อ่อนไหวก็แล่นเข้ามาจนอึดอัดไปหมด สุดท้ายทางเดียวที่จะระบายได้คงเป็นการบอกความในใจด้วยดวงตาที่จริงจังพลางดึงร่างเธอมากอดไว้แน่น “รักแล้วก็ห่วงเธอมากจริงๆ”

                     

                      “เฮ้อ” คนตัวเล็กดันร่างฉันออกเบาๆ มือเกลี่ยไปมาตามพวงแก้มเพื่อไล่ปอยผมที่ปรกอยู่ไปไว้หลังใบหู “ฉันไม่รู้หรอกนะว่าฟานี่มีเรื่องคิดมากอะไร แต่สบายใจเถอะ มีฉันอยู่เธอไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น”

                     

                     

                      ...เธอรู้ดี... มีเธออยู่ฉันไม่เคยกลัวสิ่งใดหรอก...

                     

                      ...สิ่งเดียวที่ฉันกลัว... คือการไม่มีเธอเคียงข้างนั่นแหละ...

                     

       

                      “ฟานี่ แท... ไม่ใช่เวลาสวีทหวานนะ แสตนด์บายได้แล้ว” เสียงยูริดังขึ้นขัดจังหวะ ทำให้ฉันต้องลอบยิ้มเขิน ขณะที่แทยอนได้แต่ส่งใบหน้าบอกบุญไม่รับไปให้เพื่อนตัวสูง สงสัยว่ายูริอิจฉาฉันกับแทยอนล่ะมั้ง ช่วงนี้เธอไม่ได้หวานกับเจสสิก้าเท่าไหร่ เลยชอบมาขัดจังหวะเราเหลือเกิน

                     

                      “ฟานี่เชื่อใจฉันแล้วกัน... มันจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น”

                     

                      ประโยคของเธอ ไม่ได้ทำให้ฉันอุ่นใจมากไปกว่าฝ่ามือที่กอบกุมมาอย่างอ่อนโยน

                     

       

                      ...เพียงแค่เราสองกุมมือกัน... เรื่องเลวร้ายคงจะไม่เกิดขึ้นใช่มั้ย?...

       

                     

       

       

       

       

                      งาน Angel Price Music Festival ที่ลานไอซ์สเก็ต LOTTE กำลังดำเนินไปอย่างราบรื่นจนถึงช่วงที่สอง เป็นเพลง Run devil run ที่แทยอนเคยบอกฉันว่าถูกใจนักหนาเนื่องจากไม่ใช่คอนเซปต์น่ารักๆ เหมือนเคย ระหว่างที่โชว์การแสดงไปทุกอย่างมันก็ยังปกติ... มีเพียงเสียงไมค์ที่ดูจะขาดหายไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้หนักหนาอะไรนัก

                     

                      ยิ่งปกติฉันก็ยิ่งนึกกลัว

                     

       

                      ...อะไรบางอย่างในใจมันร่ำร้องทรมานขึ้นทุกที...

                     

       

                      ร้องไปจนถึงท่อนใกล้จบ ซอฮยอนเดินขึ้นมาร้องท่อนของเธอหน้าเวที ขณะที่ฉันกับคนที่เหลือก็เริ่มเรียงแถวกันตามฟอร์มเดิม ฉันต่อหลังเจสสิก้าที่อยู่หน้าสุดจึงไม่อาจเห็นได้ว่าด้านหลังเกิดอะไรขึ้นบ้าง หากฉันคิดว่ามันก็คงเป็นเหมือนเดิม สุดท้ายพวกเราคงปิดการแสดงนี้ได้อย่างสวยงาม

                     

                     

                      ...แต่แล้ว... เรื่องที่ไม่อยากให้เกิดมันก็เกิดขึ้นจริงๆ...

                     

       

                      “กรี๊ดด กรี๊ดดด” แรกเริ่มเดิมทีมันคงเป็นเพียงเสียงกรี๊ดของพวกแฟนคลับ ทว่าฟังดูแปร่งหูเกินกว่าจะกรี๊ดเพราะชื่นชอบในตัวศิลปินได้ กว่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรก็เมื่อตอนต้องหมุนตัวแล้วเห็นหลังซันนี่เดินไปด้านข้างเวที!

                     

                      ซันนี่เดินออกจากแถวนับเป็นเรื่องที่แปลกแล้ว แต่ที่ทำให้หัวใจฉันเกือบหยุดเต้นก็คือเหตุผลที่เธอเดินไปน่ะสิ

                     

                      ผู้ชายใส่แว่นคนนึงพยายามฉุดแขนแทยอนอย่างไม่ปรานี ถึงแม้ว่านิสัยเธอจะเข้มแข็งจัดเรียกได้ว่า แมนขนาดไหน ความจริงเธอก็เป็นผู้หญิงตัวเล็กที่ไม่อาจสู้แรงผู้ชายได้ แล้วใครคนนั้นก็ดูท่าทางไม่น่าไว้วางใจเสียด้วย รวมถึงไม่ได้ประสงค์ดีแน่ๆ ที่ลากแทยอนไปไกลขนาดนั้น

                     

                      เคราะห์ดีที่ MC ในช่วงที่สองอย่างโอ จองแท อยู่แถวนั้น เขาช่วยดึงมือของผู้ชายที่ฉันอยากจะเข้าไปตบหน้าแรงๆ คนนั้นออก ประกอบจังหวะเดียวกับที่ซันนี่เข้าไปยื้อแขนแทยอนเอาไว้ได้ทัน

                     

                      เหตุการณ์มันเกิดขึ้นเร็วมาก... ฉันตกใจจนตั้งตัวไม่ถูก ร่างกายมันทำเพียงขยับไปตามจังหวะเพลงที่ซ้อมมาเหมือนเป็นเพียงความเคยชิน หากสติและหัวใจของฉันในตอนนี้ไม่ได้อยู่กับตัวอีกแล้ว

                     

                     

                      ...นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!!...

       

                     

       

       

       

       

                      เสร็จสิ้นงานหลังแสดงไปได้ 3 เพลงจากเดิมที่ต้องแสดง 4 เพลง พวกเราก็ได้กลับมารวมตัวกันอยู่ในห้องนั่งเล่นใหญ่ของหอพัก จึงเพิ่งมีโอกาสได้คุยเรื่องที่เกิดขึ้น โดยไร้เงาพี่ผู้จัดการเนื่องจากต้องไปให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์ชั่ววูบนั่น ส่วนพวกเราเองก็ได้แต่มองหน้าซันนี่กับแทยอนสลับกันไปมา เพราะนอกจากสองคนนั้นแล้วแทบไม่มีใครรู้รายละเอียดของเรื่องจริงๆ เลยซักคน

                     

       

                      ...แม้แต่ฉันเองก็ยังคงสับสนอยู่เลย...

                     

       

                      “ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยได้มั้ยซัน” ฉันเอ่ยขึ้นมาก่อนด้วยเสียงพร่า ไม่อยากจะถามจากคนรักเนื่องด้วยแม้ว่าเธอจะทำหน้านิ่งควบคุมสติตัวเองได้เป็นอย่างดีเหมือนที่เคยทำ หากฉันรู้ว่าเบื้องลึกเธอกำลังขวัญเสียและตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากแค่ไหน

                     

                     

                      ...อยู่ๆ โดนผู้ชายที่ไหนไม่รู้มาลากลงจากเวที ใครไม่ตกใจก็บ้าแล้ว...

                     

                      ...ที่บ้ายิ่งกว่าก็คือฉันนี่แหละ เป็นคนรักเธอแท้ๆ ยังดูแลเธอ ปกป้องเธอไม่ได้เลย...

                     

       

                      ...ถ้าไม่มีซันนี่ ไม่มีคุณ โอ จองแท... เธอจะเป็นอย่างไรบ้าง...

                     

       

                      “ฉันก็ไม่ค่อยรู้อะไรเหมือนกัน อยู่ๆ ผู้ชายคนนั้นก็เดินเข้ามาฉุดแขนแท ฉันก็เลยวิ่งตามไปดึงไว้ เหมือนตอนนี้พวกการ์ดกำลังคุมตัวอยู่นะ” ซันนี่บอกด้วยสีหน้าโกรธแค้น ตั้งแต่รู้จักกันมา นับครั้งได้เลยที่สาวร่าเริง Energy สูงอย่างเธอจะโกรธใคร แต่จากที่เห็นเธอคงหมดความอดทนแล้วจริงๆ

                     

                      ฉันนึกสมเพชตัวเอง... ถ้าเพียงแต่ฉันจะอยู่ใกล้แทยอนมากกว่านี้...

                     

       

                      ...ถ้าเพียงแต่ฉันจะคอยยื้อเขาไว้...

                     

                      ...ถ้าเพียงแต่ฉันจะควบคุมสติได้ครึ่งนึงของซันนี่ก็ยังดี...

                     

       

                      “แล้วตอนที่เกิดเหตุการ์ดมัวนั่งเล่นหมากรุกอยู่รึไง ปล่อยให้ไอ้บ้าที่ไหนขึ้นมาบนเวที!!” เจสสิก้ากล่าวอย่างหัวเสีย เธอหงุดหงิดมาตั้งแต่อยู่ในงานแล้ว หน้าเธอเหมือนจะฆ่าใครให้ตายคามือได้ ส่วนคนที่เธออยากฆ่าคงหนีไม่พ้นผู้ชายโรคจิตที่บังอาจทำร้ายแทยอนลีดเดอร์ของพวกเรา

                     

                      ท้ายประโยคเหมือนเธอจะงึมงำสบทเป็นภาษาอังกฤษเบาๆ อยู่คนเดียว โดยมียูริคอยลูบหลังเชิงปลอบประโลม

                     

                      “ซอลองไปถามแล้วค่ะ เขาบอกว่าตอนนั้นเครื่องเสียงไม่ค่อยดี เขาคิดกันว่าเป็นทีมงานขึ้นไปเปลี่ยนไมค์ของพี่แท” น้องเล็กอธิบายอย่างฉะฉาน แต่ดวงตาเธอก็ยังคงลอบมองแทยอนที่นั่งเงียบอยู่อย่างเป็นห่วง

                     

                      “ประสาทสิ!! ทีมงานที่ไหนมันจะขึ้นไปเปลี่ยนไมค์ตอนเพลงยังไม่จบแบบนั้น ถ้าช่วงต้นเพลงจะไม่ว่าเลย นี่จะจบอยู่แล้ว จะเปลี่ยนทำเพื่อ!” ยุนอาลุกขึ้นโวยวายอย่างควบคุมอารมณ์ไม่ได้ จนฮโยยอนที่อยู่ใกล้ต้องฉุดไหล่เด็กตัวสูงให้นั่งลงบนเตียงเหมือนเดิม

                     

                      “โทษการ์ดอย่างเดียวไม่ได้หรอก ต้องโทษฉันด้วย... อยู่ใกล้แทแค่เอื้อม ยังช่วยอะไรไม่ได้เลย” เธอคงรู้สึกผิดล่ะมั้ง ก็อีกคนที่อยู่ใกล้แทยอนคือฮโยยอนที่เต้นอยู่ด้านหลังนั่นแหละ แต่ช่วยไม่ได้หรอก ฮโยยอนไม่ได้เข้มแข็งเหมือนซันนี่ เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น เป็นใครก็ตั้งตัวไม่ติดกันทั้งนั้น

                     

                      “แต่มันก็น่าโกรธการ์ดจริงๆ เหมือนกันแหละ นึกดูสิว่าถ้าเป็นแอนตี้แฟน หรือประสงค์ร้ายกับแทยอน เขาถือมีดขึ้นมาแทงแททีเดียวก็เรียบร้อยแล้ว ใครจะรับผิดชอบชีวิตแทได้บ้าง” ยูริเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบอย่างพยายามควบคุมอารมณ์ ทว่ามือกลับบีบแน่นจนขึ้นรอยเส้นเลือด

                     

                      เป็นอย่างที่เธอพูด... ถ้าใครคนนั้นอยากทำร้ายแท ถ้าเขามีอาวุธ แทยอนคงไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้

                     

       

                      ...การ์ดมีหน้าที่ปกป้องพวกเราไม่ใช่หรือ มัวแต่ทำอะไรอยู่...

                     

                      ...แล้วฉัน... เป็นคนรักของเธอไม่ใช่หรือ มัวแต่ทำอะไรอยู่...

                     

       

                      “เอาเป็นว่าหมารั่วมันปลอดภัยก็ดีแล้วล่ะ ถือว่าฟาดเคราะห์เนาะ” เสาไฟฟ้าตบบ่าแทยอนสองสามที คนผิวขาวหันมายิ้มให้ก่อนจะกวาดรอยยิ้มไปรอบวง มันเป็นรอยยิ้มที่ฉันรู้ดีว่าเธอกำลังฝืน เพียงแค่ไม่อยากให้คนอื่นเป็นห่วง

                     

                      “ฉันไม่เป็นไรแล้ว แต่เพลียๆ นิดหน่อย ขอไปพักก่อนนะ” ฉันมองแผ่นหลังของคนรักที่หายลับเข้าไปในห้อง สลับกับเพื่อนในวงอย่างอธิบายไม่ถูก ถอนหายใจออกมาอีกระลอก เมื่อรู้สึกอึดอัดที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้ดีไปกว่าการนั่งเฉยๆ เห็นได้ชัดเลยว่าฉันไม่เหมาะจะเป็นคนรักของแทยอนจริงๆ

                     

                      ทุกครั้งที่เธอไม่สบาย... ฉันทำอะไรไม่ได้นอกจากบอกให้กินยา

                     

                      ทุกครั้งที่เธอร้องไห้... ฉันทำอะไรไม่ได้นอกจากจับมือเธอไว้

                     

                      แม้แต่ครั้งนี้ที่เธอตกอยู่ในอันตราย... ฉันทำอะไรไม่ได้นอกจากยืนมอง

                     

       

                      ...ยิ่งเห็นเธอโดนทำร้ายก็ยิ่งเจ็บ แต่ที่เจ็บยิ่งกว่าคือเจ็บใจตัวเอง...

                     

       

                      “ไม่ตามแทไปเหรอ” ซันนี่ที่คอยเป็นที่ปรึกษาให้ระหว่างฉันและแทยอนเอ่ยขึ้นอย่างสงสัยเมื่อเห็นว่าฉันยังนั่งอยู่ที่เดิม ถึงแม้ในความเป็นจริงรูมเมทของแทยอนจะคือเพื่อนสาวตัวเล็ก ทว่าบ่อยครั้งที่ฉันกับซันนี่แลกห้องกันประจำ

                     

                      “คิดมากอยู่รึไง”

                     

                      “ก็...”

                     

                      “ฉันรู้ว่าฟานี่รู้สึกยังไงนะ” ยังไม่ทันได้พูดอะไร ฮโยยอนก็กล่าวขึ้นมา ดวงตาเธอแดงก่ำเล็กน้อยเหมือนจะร้องไห้ แต่กลับไม่มีน้ำตาซักหยดคลอเอ่อให้เห็น “ถ้าฟานี่จะโทษตัวเอง ก็โทษฉันด้วย... เพราะตอนนั้นฟานี่เป็นคนที่อยู่ไกลจากแทเกือบจะมากที่สุด เธอช่วยแทไม่ได้ก็ไม่แปลก แต่ฉัน...เป็นคนที่อยู่ใกล้แทมากที่สุด แค่รั้งแขนแทฉันยังทำไม่ได้เลย” น้ำเสียงเศร้าทำเอาฉันเถียงไม่ออก สมาชิกในวงพยายามปลอบไม่ให้แดนซิ่งควีนต้องคิดมาก ขณะที่ฉันได้แต่มองประตูห้องของเธอด้วยความเป็นห่วง

                     

       

                      ...ถ้าฉันเป็นคนรักที่ดีของเธอได้... มันก็คงดี...

       

                     

       

       

       

       

                      “แทแท... เจ็บมากมั้ย” เปิดประตูเข้าไปในห้องก็เห็นเธอนั่งก้มหน้าอยู่ปลายเตียง ทรุดกายนั่งลงข้างเธอ ก่อนจะดึงมือขวาของเธอที่ถูกกระชากขึ้นมาดู... อาจเพราะผิวที่ขาวเนียนราวกับสีน้ำนมของเธอทำให้เกิดรอยช้ำได้ง่ายกว่าปกติ แล้วยิ่งโดนผู้ชายถึงด้วยแรงมากขนาดนั้น ประกอบกับแรงฝืนต้านของเธอทำให้ผิวขาวมีรอยแดงเป็นจ้ำๆ อยู่โดยรอบ

                     

       

                      ...เจ็บมากสินะ...

                     

       

                      “ไม่เท่าไหร่หรอกน่า คิดมากไปได้” แทยอนว่าพลางโคลงหัวฉันหยอกล้อเล่นเหมือนเด็กๆ

                     

                      “แต่มันแดงช้ำนะแท”

                     

                      “ฉันขาว... โดนอะไรนิดอะไรหน่อยก็แดงแล้ว ไม่เห็นต้องทำหน้าอย่างนั้นเลย”

                     

                      “...” ฉันไม่ตอบประโยคนั้น ทว่าป้ายตัวยาเย็นชืดไปบนแขนเธอแทน แทยอนสะดุ้งเล็กน้อยเหมือนไม่ทันตั้งตัว หากก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร ปล่อยให้ฉันค่อยๆ นวดตัวยาลงบนแขนของคนรักอย่างทะนุถนอม

                     

                     

                      ...จำได้ว่าแขนข้างนี้ เคยช่วยพยุงตอนฉันล้มลง...

                     

                      ...จำได้ว่ามือข้างนี้ เคยช่วยเกลี่ยซับน้ำตาตอนฉันร้องไห้...

                     

       

                      ...จำได้ว่ามือข้างนี้ เคยกอบกุมฉันไว้อย่างอ่อนโยน ตอนฉันเหงาใจ...

                     

       

                      ฉันรู้สึกไม่ดีเลยจริงๆ ที่อยู่ๆ ก็มีใครหน้าไหนไม่รู้มากระชากเธอจนเป็นรอยแดงขนาดนี้!

                     

       

                      “ทำหน้าเป็นหมีอดกินน้ำผึ้งอีกแล้ว ฉันขวัญเสียอยู่นะ จะปลอบซักนิดก็ไม่มี มัวแต่ก้มหน้านิ่งอยู่ได้” ที่ก้มหน้าเธอคงไม่รู้หรอกว่าฉันพยายามไม่ให้เธอเห็นถึงหยาดน้ำตาที่กำลังคลอเอ่อเต็มสองหน่วย ความรู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้นถาโถมเข้ามาจนตั้งกายไม่อยู่ เพียงแค่คิดว่าถ้าใครคนนั้นประสงค์ร้าย และเข้ามาเพื่อทำร้ายแทยอนจริงๆ ฉันคงไม่ได้มานั่งข้างเธอเหมือนอย่างในตอนนี้ แต่ถึงกระนั้น...แค่ช่วยฉุดแขนเธอเหมือนอย่างที่ซันนี่ทำ ฉันยังทำไม่ได้เลย

                     

       

                      ...นั่นสิ... แล้วก็แค่ปลอบเธอ... ฉันยังทำไม่ได้เลย...

                     

                      ...ฮวัง มิยอง... เธอเป็นคนรักที่แย่มากๆ รู้มั้ย...

                     

       

                      “ฉันขอโทษ...” เอ่ยเสียงแผ่ว หากแล้วก็ต้องสัมผัสได้ถึงมือนุ่มที่เชยปลายคางให้สบสายตาฉงนของอีกคน

                     

                      “เรื่อง?”

                     

                      “เรื่องที่ฉันเข้าไปช่วยเธอไม่ทัน”

                     

                      “ขอโทษทำไม มันผ่านไปแล้วน่า”

                     

                      “ฉันมันแย่มากๆ เลยใช่มั้ย ฮึก” และแล้วความอ่อนแอที่เพียรกักเก็บไว้ในใจก็พังทลายลงมาราวกับเขื่อนแตก แก้มใสรับรู้ได้ถึงหยดน้ำเย็นๆ ที่เคลื่อนตัวผ่านลงมา พร้อมกับก้อนสะอื้นที่จุกอยู่ยังลำคอ “แค่ช่วยคนที่ฉันรักที่สุดยังทำไม่ได้เลย ปล่อยให้เธอโดนทำร้าย ปล่อยให้เธอต้องเจ็บ... แต่ฉันกลับทำได้แค่มอง”

                     

                      “...”

                     

                      “แค่ปลอบเธอฉันก็ยังทำไม่ได้เลย”

                     

                      “...”

                     

                      “ฉันเป็นแฟนที่แย่มากจริงๆ...” พูดไปคนเจ็บก็คนพูดนี่แหละ ไม่รู้ว่าเพราะความอ่อนไหวหรือเปล่า ทำให้ฉันหลุดคำพูดที่ทำร้ายใจตัวเองไปเสียได้ “บางที... ถ้าแทไปรักกับซัน อาจจะดีกว่ามารักกับฉันก็ได้ อย่างน้อยซันก็ดูแลแท ปกป้องแทได้... ไม่เหมือนกับฉัน”

                     

                      ว่าแล้วก็สะอื้นฮัก สองมือยกขึ้นปาดน้ำตาป้อยๆ ที่ดูทีท่าว่าจะไหลไม่หยุดเสียที ไม่รู้ว่าคนข้างกายรำคาญ สมเพช หรือเป็นห่วง แต่อย่างน้อยเพียงแค่ปลายนิ้วละมุนสัมผัสยังเปลือกตาก็ทำเอาหัวใจอ่อนแอได้เวลาอ่อนไหว ฉันหลับตานิ่งปล่อยให้เธอซับหยาดน้ำใสให้แต่โดยดี รู้ตัวอีกทีก็เมื่อโดนดึงไปกอดไว้หลวมๆ แล้วนั่นแหละ

                     

                      “อยากให้ไปจริงๆ น่ะเหรอ”

                     

                      “...”

                     

                      “มองตาฉัน แล้วบอกกับฉันสิ ว่าอยากให้ฉันไปรักกับคนอื่นน่ะ”

                     

       

                      ...อย่าเล่นมุขนี้กับฉันสิ คิม แทยอน...

                     

                      ...เธอก็รู้... ว่าฉันไม่อาจปิดบังความจริงได้ เมื่อสบสายตากับเธอ...

                     

       

                      “...”

                     

                      “คิดมากตลอดเลยนะเธอเนี่ย” อบอุ่น... เคยบอกรึยังคะ... ว่าอ้อมกอดของแทยอนอบอุ่นมากที่สุด จากที่พูดไล่ให้เธอไปรักกับซันนี่ กลายเป็นใจง่ายยอมโอนอ่อนตามอย่างไม่ขัดขืน หนำซ้ำยังโอบกอดเธอตอบแนบแน่นด้วยเสียอีก ก็รู้ทั้งรู้ว่ารักมากมายขนาดนี้ ถึงจะรู้สึกผิด โทษตัวเองสารพัดขนาดไหน

                     

       

                      ...แต่ลึกๆ ฉันก็รู้ดี... ฉันให้เธอไปรักคนอื่นอย่างที่พูดไม่ได้...

                     

       

                      “ฉันกับซันเราเป็นเพื่อนกัน ไม่แปลกที่ซันจะทำอย่างนั้น ฉันเชื่อว่าถ้าคนที่อยู่ใกล้ฉันเป็นเธอ...ไม่ใช่ซัน เธอก็คงทำแบบเดียวกัน”

                     

                     

                      ...มั่นใจอะไรในตัวฉันคนนี้งั้นหรือ... ขนาดฉันยังไม่อาจมั่นใจตัวเองได้เลย...

                     

                     

                      “แต่... ฉันดีใจนะที่ฉันเป็นคนโดนลากไป แล้วก็ดีใจด้วยที่เธอไม่ได้อยู่ใกล้ฉัน”

                     

                      “...” เงยหน้ามองเธอเล็กน้อยเป็นเชิงถาม ริมฝีปากอ่อนขยับพึมพำแทบไม่มีเสียง ก่อนจะยิ้มหวานเมื่อเห็นใบหน้าที่ขึ้นสีแดงเรื่อของเธอ แม้จะไม่ได้มากมาย...แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้คนรักอย่างฉันใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ร้อยวันพันปีเคยเห็นคนขี้เก๊กอย่างแทยอนเขินขึ้นมาแบบนี้เสียเมื่อไหร่ หรือถ้าเขินเขาก็ไม่ค่อยแสดงให้ใครรู้หรอก

                     

                      “ยังต้องถามอีกเหรอ” มือข้างที่ว่างจากการโอบประคองฉันเลื่อนมาลูบปอยผมยาวสีดำอย่างอ่อนโยน “ฉันไม่ค่อยพูดอะไรแบบนี้...เพราะฉะนั้นตั้งใจฟังดีๆ ล่ะ”

                                     

                      “...”

                     

                      “ฉันไม่อยากให้เธออยู่ใกล้ฉัน เพราะฉันกลัวว่าเธอจะได้รับอันตรายไปด้วย”

                     

                      “...”

                     

                      “ฉันดีใจที่ฉันถูกลากไป เพราะถ้าเป็นเธอ... ฉันคงทนไม่ได้แน่ๆ”

                     

                      “...”

                     

                 

                  “เหตุผลทั้งหมด มันก็เพราะฉันเป็นห่วงเธอ”

                 

                     

                      จะหาคนรักที่ไหนแสนดีได้ขนาดนี้อีกบ้างมั้ยเนี่ย... ขอบตาร้อนผ่าวขึ้นมาอีกระลอกเมื่อถ้อยคำหนักแน่นของแทยอนตราลึกลงในโสตประสาท ว่ากันว่าการกระทำสำคัญกว่าคำพูด... แน่นอนว่าที่ผ่านมาแทยอนเองก็แสดงให้เห็นมากมายแล้วว่าเขาทั้งรักและเป็นห่วงฉันมากขนาดไหน หากน้อยเหลือเกินที่จะเอ่ยอะไรหวานๆ ให้ได้ยิน

                     

       

                      ...แต่ถามว่าไม่พูดหวานแล้วรักมั้ย...

                     

                      ...ถ้าไม่รักคงไม่เป็นห่วงแล้วก็คิดมากอย่างนี้...

                 

       

                  “ฉันรักแทนะ” คำพูดเดียวกับเมื่อช่วงเย็น โดยที่ฉันก็ไม่รู้หรอกว่าเธอเบื่อที่จะฟังมันหรือเปล่า ในเมื่อฉันเองก็เป็นตัวฉันแบบนี้มาตั้งนานแล้ว คิดอยากทำอะไรก็ทำ คิดอยากพูดอะไรก็พูด

                     

                     

                      ...รักเธอตั้งมากมาย... ขอให้ได้พูดในสิ่งที่อยู่ในใจบ้างมันผิดหรือ...

                     

                      ...อาจพูดบ่อย แต่ถ้อยความหมายมันก็ยังเหมือนเดิมนี่หน่า...

                     

       

                      “ถ้ารักก็เลิกคิดมากได้แล้ว ฉันไม่เคยหวังให้ฟานี่ต้องมาดูแลฉันเสียหน่อย”

                     

                      “...” ยังไม่ทันได้เฝ้าพร่ำน้อยใจไปว่าเธอเห็นฉันเป็นคนรักที่แย่ขั้นไม่กล้าหวังให้มาดูแล ประโยคที่ตามมาก็ทำเอาฉันยิ้มทั้งน้ำตา

                     

                      “ตั้งแต่วันแรกที่ฉันรู้ตัวว่าฉันรักเธอ... ฉันก็สัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าฉันจะดูแลเธอ จะปกป้องเธอให้ดีที่สุด”

                     

                      “...”

                 

                  “ไม่ต้องมาคอยห่วงว่าเธอต้องปกป้องฉัน... เพราะนั่นคือหน้าที่ของฉัน ที่จะใช้หัวใจเพื่อปกป้องเธอ”

                 

                      “...เสี่ยว...” พึมพำเบาๆ ขณะที่อีกคนหัวเราะร่าพลางแนบปลายนิ้วอุ่นลงมาเพื่อไล่น้ำตาที่ไหลรินออกมาเพราะความปลาบปลื้มใจเกินพิกัดของฉัน

                     

                      “ผู้หญิงนี่น้า... พอไม่พูดหวานก็คิดมาก หาว่าไม่รักงู้นงี้... พอพูดหวานด้วยก็หาว่าเสี่ยวซะงั้น”

                     

                      “ก็มัน...”

                     

                      “ยาวๆ แล้วหาว่าเสี่ยว... งั้นสั้นๆ เลยแล้วกัน”

                     

                      “...”

                     

                      “ฉันรักเธอ... แค่นี้พอมั้ย?”

                     

                      แทนคำตอบ ฉันก็ลืมเขินอายเสียสนิท รู้อีกทีก็เมื่อรับรู้สึกความอ่อนละมุนยังเรียวปากที่ทำให้ต้องหลับตาพริ้ม รสจุมพิตของเธอยังทำให้หัวใจฉันเตลิดเปิดเปิงได้เหมือนเคย ถึงแม้จะเป็นคนเริ่มจูบก่อนก็ตามที

                     

                      ถึงอาจจะดูแย่ที่คนรักทั้งคนฉันยังดูแลไม่ได้... แต่แค่มีเธออยู่เคียงข้าง คอยเข้าใจผู้หญิงอ่อนไหวคนนี้

                     

       

                      ...แค่นั้นมันก็มากพอจะทำให้ฉันก้าวข้ามผ่านความกลัวเหล่านั้นไปได้...

                     

                     

       

                      คิม แทยอน... ขอโทษนะที่รัก... ที่ฉันคงไม่สัญญาว่าฉันจะดูแลเธอ แล้วก็ปกป้องเธอได้เหมือนที่เธอทำ

                     

                      ...แต่ขอสัญญาเพียงอย่างเดียว... ว่าทุกวินาทีต่อจากนี้...

                     

                      ...ฉันจะรักเธอทั้งหมด... ด้วยหัวใจของฉัน...

       

                 

       

       

       

       

                  [Special]

                 

                      “ก็ถ้าพี่แทจะ เสี่ยวได้ขนาดนี้!” หนึ่งในสมาชิกผู้ร่วมแอบฟังบทสนทนามาม่าอืดผสมเย็นตาโฟสีหวานอย่างยุนอาทำเป็นโก่งคออาเจียน ขณะที่มีซูยองฟาดฝ่ามืออรหันต์ใส่แผ่นหลังเป็นเชิงเตือนสติ เนื่องด้วยเสียงที่ใช้ดูจะดังมากเกินความจำเป็นไปหน่อย ดีไม่ดีเดี๋ยวได้ตายยกวง โทษฐานแอบฟังพี่ใหญ่งอนง้อกับคนรัก

                     

                      “อี๋... ทีวันนั้นตอบยูเอฟโอว่า ดูแลปกป้องโซนยอชิแดเป็นอย่างดี... ที่ไหนได้ ทุ่มใจปกป้องยัยหมีขาวคนเดียวสิไม่ว่า” เจสสิก้าบ่นกระปอดกระแปดเชิงหยอกล้อหน่อยๆ นานทีจะเห็นลีดเดอร์จอมเก๊กพูดอะไรอย่างนี้ มันเลยพาลขนลุกวาบไปทั้งตัว ถ้าเลือกได้ให้เป็นแทยอนคนเดิมที่พูดไม่หวานดีกว่า

                     

                     

                      ...แบบนี้มัน... บรึ๋ยยย~...

                     

       

                      “ปกป้องอะไร ตัวเองยังเกือบไม่รอด” ซันนี่เอ่ยขึ้นมาบ้าง

                     

                      “แต่วันนี้พี่เป็นฮีโร่เลยนะคะ ทุกคนกำลังอึ้งกันอยู่ แต่พี่ควบคุมสติได้ดีมาก ฉันชื่นชมพี่มากๆ เลยค่ะ” ซอฮยอนกล่าวพร้อมแววตาเป็นประกาย ทำเอาคนถูกชมหน้าเห่อร้อนขึ้นมาแปลกๆ

                     

                     

                      ...อยู่ๆ กลายเป็นฮีโร่ประจำวันซะงั้น...

                     

       

                      “พี่ไม่ได้อยากเป็นฮีโร่หรอก พี่ก็แค่อยากปกป้องเพื่อนของพี่เท่านั้น”

                     

                      “โห... นอกจากการกระทำจะแมนแล้ว วันนี้ใจเธอยังหล่อมากอีกนะเนี่ย!!

                     

                      “เงียบไปเลยนะ! ชเว ซูยอง!!

       

                     

       

       

                      ...ความรัก หรือ มิตรภาพ... บางทีก็ไม่ได้กำหนดหรอกว่าใครเป็นฝ่ายต้องปกป้องใคร...

                     

                      ...เพราะลึกๆ แล้ว... คนเราก็ย่อมอยากดูแลคนที่เรารักให้ดีที่สุด...

                     

                      ...มันก็แค่นั้นเอง...

       

       

       

      The end

                     

       

       

       

       

      ตอนอ่านข่าวครั้งแรกรู้สึกของขึ้นมาก

      โกรธทั้งผู้ชายคนนั้น โกรธทั้งการ์ดด้วย

      รู้สึกต้องทบทวนเกี่ยวกับระบบรักษาความปลอดภัยหน่อย

      ถ้าแทยอนเป็นอะไรไปขึ้นมา ใครจะรับผิดชอบได้?

       

      เอาล่ะค่ะ พักเรื่องดราม่ามาเข้าฟิคเรากันดีกว่า

      เพราะเหตุที่โกรธจนอารมณ์ฉุดไม่อยู่

      เลยหาที่ระบายด้วยการจิ้นเองซะเลย ฮ่าๆ

      ต่อให้ซันบันจะมาดแมนขี่ม้าขาวมาช่วยแท

      แม่ยกแทนี่ก็ยังมีหนทางจิ้นของตัวเองต่อไป

       

      จะเมนต์อะไรก็พอควรพองามนะคะ

      ไม่อยากให้ดราม่ากันยาวนะเออ ^^”

       

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×