[[One Shot-SNSD]] False Cupid ... กามเทพจอมลวง (Yuri) - [[One Shot-SNSD]] False Cupid ... กามเทพจอมลวง (Yuri) นิยาย [[One Shot-SNSD]] False Cupid ... กามเทพจอมลวง (Yuri) : Dek-D.com - Writer

    [[One Shot-SNSD]] False Cupid ... กามเทพจอมลวง (Yuri)

    รักนี้จะลงเอยเช่นไร เมื่อกามเทพกลายเป็นมือที่สามซะเอง! [TaengSic TifSica YoonTae] "ถ้าให้เป็นได้แค่เพื่อนกับแท เราอย่าเป็นอะไรกันเลยดีกว่า..." [100%] | จบแล้วค่ะ ยาวได้อีก T^T

    ผู้เข้าชมรวม

    9,520

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    13

    ผู้เข้าชมรวม


    9.52K

    ความคิดเห็น


    109

    คนติดตาม


    14
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  5 ก.ค. 53 / 22:15 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้


    หวัดดีค่ะ รีดเดอร์ทุกท่าน ><

    ช่วงนี้สถานการณ์ไม่ค่อยดี บุงเค้นความหวานไม่ออกเลย

    ดังนั้นจึงขอดันวันช็อตปวดตับเรื่องนี้ออกมาก่อนนะคะ TT

    หลายคนเห็นคู่แล้วอาจแปลกใจ แต่รับรองว่าไม่ได้เข้าผิดค่ะ

    เรื่องนี้คนแต่งคือมะบุง แม่ยกคู่รอยัลจริงๆ ฮ่าๆ

     

    อาจเคยเห็นพี่ชิคแหวกแนวยุนแทในเรื่องสั้นรัมเรซิ่นไปแล้ว

    งานนี้บุงเลยขอแหวกคู่ใหม่ๆ ออกมาดูบ้าง ทั้งแทงสิก ทิฟสิก้า ยุนแท ฯลฯ

    แต่ขอยืนยันนอนยันค่ะ ว่าบุงยังเป็นแม่ยกคู่รอยัลในสายเลือดอยู่ ^^v

     

    เรื่องนี้ได้โครงเรื่องมาจากคนรู้จักของบุงเอง

    พอฟังดูแล้วน่าจะดราม่าเลยอยากเอามาแต่งบ้าง

    จากแนวคิดสั้นๆ ที่ว่าเมื่อกามเทพที่ทำให้คนสองคนรักกัน

    ต้องกลายมาเป็นมือที่สามคอยแทงข้างหลังซะเอง

    ถ้าพร้อมแล้วก็ไปสนุกกับวันช็อตเรื่องนี้ได้เลยค่ะ >///<

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

    TeangSic

    แทผิด.... ผิดที่ให้สิก้ารู้จักกับเค้า ผิดที่รู้อีกทีก็เสียใจเวลาเห็นสิก้ากับเขารักกัน...

    สิก้ารักแทแท แต่แทแทเข้าใจมั้ยว่าตอนนี้ สิก้าเลิกกับฟานี่ไม่ได้

     

    TifSica

    สิก้ารู้มั้ย... ฟานี่รักสิก้ามานานแค่ไหน

    ถ้าไม่เป็นเพราะเขา... เราคงไม่มีทางได้คบกัน

     

    YoonTae

    งั้นยุนก็ผิดเองที่เผลอมารักพี่แททั้งๆ ที่มีเขาอยู่ทั้งคน

    พี่ก็แค่คนมาทีหลัง ไม่สิ... พี่ไม่ควรเข้ามาหายุนตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ...

     

     

    (ลงทุนทำโปสเตอร์ประกอบวันช็อตกันเลยทีเดียว หุหุ
    อยากบอกว่ารูปหายากมาก! หรือเพราะบุงมีแต่รูปรอยัลก็ไม่รู้ TT)

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ


       

       

      False Cupid … กามเทพจอมลวง (TaengSic Feat. TifSica YoonTae)

       

       

      ว่ากันว่า “กามเทพ” มีหน้าที่ทำให้คนรักกัน

      แล้วถ้าหากศรรักนั้นเล่นตลก

      ให้กามเทพกลายเป็น “มือที่สาม” แทนล่ะ...

       

       

      - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

       

                     

                      “แทแท... ป้อนสิก้าหน่อยสิคะ” เสียงเรียกหวานใสอย่างออดอ้อนดังขึ้นมาข้างหูให้ฉันที่กำลังนั่งกินป๊อกกี้อยู่ถึงกับสะดุ้ง รีบหันหน้าไปตามต้นเสียงโดยวัยด้วยความตกใจ หากดูท่าทางว่าคงจะรีบเกินไปหน่อยล่ะมั้ง จนลืมนึกไปว่าใครอีกคนเข้ามาใกล้แทบกระซิบ นั่นทำให้ปลายจมูกฉันเฉียดผ่านแก้มเธอไปโดยไม่ทันตั้งตัว

                     

                      ความร้อนผ่าวไล้ไปตามผิวกายอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าฉัน คิม แทยอน คงไม่อาจเห็นใบหน้าของตนเองได้ ทว่าเท่าที่เห็น จอง เจสสิก้า เพื่อนสนิทยิ้มร่าเหมือนพอใจเสียเต็มประดานั่น จึงให้คำตอบเป็นอย่างดีว่าฉันกำลังเขินอายมากแค่ไหน

                     

                      ลองมามีเพื่อนเป็นถึงระดับดาวมหาลัยคนสวยดูสิ... แล้วจะได้รู้ความรู้สึกของฉัน เวลาหวั่นไหวเมื่ออยู่ใกล้เธอ!

                     

                      “แทแทขี้อายจัง” เจสสิก้ายิ้มกว้าง ใบหน้าที่สวยเชิ่ดจนแลดูหยิ่งของเธอ ยามที่แย้มปากบางๆ นั่นออกก็ทำเอาโลกของฉันหยุดหมุน ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเพื่อนสนิทคนนี้ถึงมีอิทธิพลต่อหัวใจฉันมากเหลือเกิน ไม่อยากคิดว่าตนเองจะเป็นเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อหรอกนะ เพราะการกระทำของเราสองคนในหลายๆ อย่างมันเกินเลยคำๆ นั้นไปไกลแล้ว...

                     

                      “สิก้ามาไม่ทันตั้งตัวนี่หน่า...” บ่นอุบอิบ พยายามจะก้มหน้าหลบตาเธอ หากทำไมสาวสวยกลับประคองหน้าของฉันไว้ซะนี่ ตอนนี้ปลายจมูกของเราเลยห่างกันเพียงไม่ถึงคืบ ลมหายใจอุ่นๆ รินรดใบหน้า ทำให้แก้มขาวของฉันคงต้องแดงก่ำไปแล้วแน่ๆ ทว่านั่นยังไม่เท่ากับเสียงหัวใจที่เหมือนมีคนตีกลองชุดอยู่ภายใน

                     

                      “ขวัญอ่อนนะ” ว่าไม่ทันขาดคำ นิ้วเรียวก็บีบจมูกของฉันเบาๆ เชิงหยอกล้อ ขณะที่เพื่อนร่วมห้องหลายคนซึ่งกำลังมองมาทางนี้กลับพากันแอบลอบยิ้ม ผู้ชายบางคนคงอิจฉาฉันไม่น้อย เนื่องจากเป็นคนเดียวที่เจสสิก้ายอมให้เข้าใกล้มากขนาดนี้ แถมเธอยังเป็นเจ้าหญิงของคนทั้งมหาลัยอีกต่างหาก

                     

       

                      ...คนธรรมดาอย่างฉัน แทบไม่มีสิทธิ์ได้ยืนข้างเธอเลย...

                     

                      ...ถ้าเธอไม่เป็นฝ่ายก้าวเข้ามาหาคนต่ำต้อยคนนี้เอง...

                     

       

                      “กินคนเดียวไม่แบ่งสิก้าเลยนะ” ร่างบางนั่งลงยังที่นั่งข้างกายฉัน ดูจากสายตาแล้วท่าทางเธอคงหมายถึงกล่องป๊อกกี้รสช็อคโกแล็ตที่วางไว้บนโต๊ะเป็นแน่ ฉันเลยยื่นมันให้เธอทั้งกล่อง แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่าเจสสิก้าส่ายหน้ารัวๆ มือเธอชี้ที่กล่องกระดาษสลับกับริมฝีปากบางของตนเอง

                     

                      “ทำไมหรอ?” คำถามอย่างฉงนพาให้เธอขมวดคิ้วย่น

                     

                      “ป้อนหน่อยสิคะ คนดี...” ขี้อ้อนเป็นที่หนึ่ง นี่แหละ จอง เจสสิก้า... ในสายตาคนอื่น อาจเห็นว่าเธอเหมือนกับเจ้าหญิงจอมหยิ่งยะโส ไม่แยแสใคร หากสำหรับฉัน เธอกลับเหมือนเด็กขี้อ้อนคนนึง ที่ฉันมักใจอ่อนยอมให้เธออ้อนตามสบายเสียด้วยสิ

                     

                      มือหยิบป๊อกกี้ป้อนให้เธออย่างอ่อนโยน สาวเจ้ารับไปกินอย่างมีความสุข ทว่าคงยังไม่สมใจเธอมากพอ มือเรียวเลยกระตุกปลายเสื้อนักเรียนฉันถี่ๆ ดวงตาใสปิ๊งราวกับมีหยดน้ำเกลือกกลิ้งอยู่ภายในจ้องมองฉันอย่างมีความนัย ทำเอาคนที่กำลังเขินอยู่แล้ว แทบอยากจะปล่อยให้หัวใจเด้งออกมาเต้นข้างนอก

                     

                      “ใช้ปากป้อนสิคะ” ป๊าด........ แม่คุณช่างกล้าขอ เธอไม่แคร์สื่อฉันไม่ว่าหรอกนะ แต่ช่วยแคร์หลายสิบสายตาที่จ้องมองมาทางเราบ้างได้มั้ยเนี่ย...

                     

       

                      ...จ้างให้พันนึง มีเพื่อนแบบนี้ คุณยังจะควบคุมตนเองได้ไหวหรอ?...

                     

       

                      เสียงโห่แซวที่ดังขึ้นรอบด้าน ไม่ได้เข้าถึงโสตประสาทของฉันเลยแม้แต่น้อย ปากคาบปลายป๊อกกี้เอาไว้แล้วยื่นหน้าไปให้อีกคนทั้งที่จังหวะการเต้นของหัวใจไหวหวั่นแทบควบคุมไม่ได้ ยิ่งมองดวงตาที่น่าหลงใหลของเธอยิ่งพาตนเองให้ตกหลุมกับมนต์เสน่ห์นั่นอย่างไม่อาจถอนตัวได้

                     

                      เจสสิก้ายื่นหน้ามาใกล้ ทว่าเป้าหมายไม่ใช่ป๊อกกี้รสหวาน หากแต่เป็นริมฝีปากบางๆ ของฉันแทน

                     

                      แม้จะแค่ชั่วูบนึงที่ความนุ่มละมุนได้สัมผัสกัน แต่ช่างตราตรึงในหัวใจของฉันอย่างไม่อาจรางเลือน มือยกขึ้นปิดปากตนเองแล้วเบนหน้าหลบเพราะไม่อยากให้เธอเห็นความสั่นไหวที่ปิดไม่มิด ทว่าน้ำเสียงใสที่ดังมาจากคนข้างกายนั่นกลับทำเอาฉันไหวสั่นไปมากกว่าเดิม

                     

                  “เพราะแทแทน่ารักอย่างนี้ไงคะ... สิก้าถึงได้รักแท...”

       

       

                 

       

       

       

       

       

                      “สิก้า... แทกลับก่อนนะ” พูดขึ้นเมื่อเราพากันเดินมาจนเกือบใกล้ถึงประตูมหาวิทยาลัย เนื่องจากบ้านของเราทั้งคู่อยู่คนละทาง เราจึงมักแยกกันตรงนี้เสมอๆ หากพอฉันกำลังจะหันกลับไปยังทิศทางที่ควรจะไป ก็รู้สึกถึงแรงดึงอุ่นๆ ยังข้อมือ รั้งพาร่างเล็กให้เข้าไปใกล้ชิด

                     

                      “ยังไม่ได้ Kiss ลาเลย” เจสสิก้ายิ้มเหมือนเด็กๆ ทำเอาใบหน้าขึ้นสีแดงเรื่อไปถึงไหนต่อไหน เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ปีหนึ่งยันปีสาม ไม่รู้ทำไมฉันถึงไม่เคยชินกับการกระทำของเธอเลยซักครั้ง นับวันยิ่งจะใจเต้นแปลกๆ กับเพื่อนสนิทคนนี้มากขึ้นทุกที

                     

                      อาจไม่มีใครเคยพูดคำนั้นมาให้ทำลายความสัมพันธ์ แต่ลึกๆ ไปแล้ว ฉันกลับคิดว่าความรู้สึกอันซ่อนเร้นภายในหัวใจคงไม่แตกต่างกันเท่าไหร่

                     

                      ร่างบางใช้นิ้วชี้แตะกับริมฝีปากสวยของตนเอง ก่อนจะย้ายมาทาบลงบนริมฝีปากของฉันเบาๆ ทั้งร่างถึงกับแข็งทื่ออย่างบอกไม่ถูก เมื่อรู้สึกว่าเหมือนโดนเธอกำลังจูบทางอ้อมอย่างไรชอบกล คนกระทำนั้นก็ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย เอาแต่หัวเราะเบาๆ เชิงหยอกล้อ ก่อนจะโบกมือแล้ววิ่งหนีหายไปจนลับสายตา

                     

                      ถ้าให้เดาคือเธอเองก็คงอายเหมือนกันแหละที่ทำอย่างนั้น ทว่ารอให้ฉันเป็นฝ่ายทำ สงสัยคงต้องชาติหน้าตอนเราไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นเพื่อนกันล่ะมั้ง

                     

                      “ปี๊นๆ...” เสียงบีบแตรรถที่ดังมาจากทางด้านหลังทำเอาฉันสะดุ้ง ก่อนจะหันไปเห็นรถมินิคูเปอร์สีชมพูขาวคันคุ้นตาของพี่สาวร่วมสายเลือด เดินเก้ๆ กังๆ อย่างตั้งตัวไปถูกขึ้นไปนั่งที่นั่งข้างคนขับด้วยอาการเก้อเขินเล็กน้อย เนื่องจากไม่รู้ว่าเธอมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แถมไม่รู้ว่าเห็นช็อตที่แสนสะท้านใจไปด้วยรึเปล่า...

                     

                      “เป็นไงบ้างหืม... ไอ้น้องชาย” คิม ทิฟฟานี่ เอ่ยทักทายด้วยคำค่อนขอดเช่นนั้นประจำ ฉันเองก็ไม่ได้จะโกรธหรือว่าอะไรพี่คนนี้ นอกเสียจากเรียกเธอว่า พี่ชายแทนด้วยเช่นกัน ก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ พอดีว่าบ้านนี้ลูกสาวแมนแตก เมะแหลกกันทั้งคู่

                     

                      “ก็โอเคดีค่ะ”

                     

                      “ว่าแต่...” เสียงเกริ่นดังมาจากเข้าของผมซอยสั้นสีน้ำตาลระต้นคอ ขลับใบหน้าหวานให้ดูเข้มแบบหวานๆ จนน่ามอง น้ำเสียงนุ่มๆ ที่ลากยาวนั้นพาให้ฉันรู้สึกหวั่นๆ ในใจอย่างบอกไม่ถูก หันไปทางเธอ หากดวงตากลับหลุบต่ำลงเหมือนไม่กล้าสบกับนัยน์ตาคู่สวย ทว่าช่างเฉียบคมนั่น

                     

                      “ทำไมหรอ...คะ”

                     

                      “รู้จักกับสิก้าด้วยหรอ” คำถามฟังดูแล้วแทบสะอึก ความจริงมันควรเป็นฉันไม่ใช่หรือที่เป็นคนถามคำถามนั้น เนื่องจากฉันไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าพี่สาวที่จบมหาลัยไปแล้วเกือบปี จะมารู้จักกับสาวสวยมหาลัยผู้เป็น เพื่อนสนิทของฉันได้ เงยหน้ามองเธอด้วยสายตาสงสัยระคนไม่เข้าใจ หากสิ่งที่ได้คืนมากลับเป็นรอยยิ้มบางๆ ยังมุมปาก

                     

                      “รู้จักสิคะ... สิก้าเป็นเพื่อนสนิทของแทนี่หน่า” กลั้นใจตอบไป ทั้งที่กว่าจะเค้นคำว่าเพื่อนออกมานอกลำคอได้ก็ช่างยากเย็นเหลือเกิน

                     

                      “พูดจริงรึเปล่า... งั้นก็ดีเลย!!” ทิฟฟานี่ยิ้มอย่างมีความสุขที่สุดแบบฉันแทบไม่มีโอกาสเคยเห็นมาก่อน เสือยิ้มยากในสายตาสาวๆ หลายคนที่พยายามจีบพี่สาวฉัน บัดนี้กลับฉีกรอยยิ้มเกือบถึงหู ฉันเลยยิ่งมึนงงเข้าไปใหญ่ว่าคุณเธอจะดีใจอะไรขนาดนั้น กับเรื่องที่ฉันเป็นเพื่อนของสาวสวย

                     

                      “ทำไมล่ะคะ...”

                     

                      “ตอนแรกพี่นึกว่าแทกับเขาเป็นแฟนกัน แต่ถ้าเป็นเพื่อนกันก็ดีสิ พี่จะได้มีสิทธิ์” แม้จะมองถนนด้านหน้าอยู่ หากฉันก็สังเกตเห็นได้เป็นอย่างดีถึงดวงตาที่เปล่งประกายวิบวับของพี่สาวตนเอง

                     

                      “มีสิทธิ์?”

                     

                      “พี่แอบรักเจสสิก้ามานานแล้ว... ตั้งแต่เขาอยู่ปีหนึ่ง แต่ไม่กล้าเข้าไปทำความรู้จัก... แทช่วยทำให้พี่กับเขารู้จักกันหน่อยได้มั้ย รับรองว่าพี่ชายของแทคนนี้จะไม่ทำให้เพื่อนของแทต้องเสียใจ...” คำสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะในประโยคหลัง ไม่ได้ซึมซาบเข้าโสตประสาทของฉันเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากหัวใจมันหยุดเต้นไปตั้งแต่ได้ยินคำที่เธอบอกว่ารักเจสสิก้าเพื่อนของฉันมานาน

                     

                      ใช่สิ... ฉันเป็นแค่เพื่อนเธอ เราไม่ได้เป็นอะไรกัน ฉันไม่มีสิทธิ์หึง หรือจะหวงห้ามไม่ให้ใครเข้าใกล้เธอทั้งนั้น ยิ่งคนที่รักเธอเป็นถึงพี่สาวเพียงคนเดียวของฉัน ยิ่งไม่ได้ไปกันใหญ่

                     

                      “พี่เชื่อว่าแทจะทำให้เราสองคนใจตรงกันได้”

                     

                      ไม่ใช่ไม่ยินยอมอยากจะเป็นกามเทพสื่อรักให้พี่สาว กับเพื่อนรักที่จะได้ตกลงปลงใจกับใครบางคนเสียทีหรอกนะ หากแต่ทำไมภายในใจมันช่างปวดหนึบจนด้านชาเช่นนี้

                     

       

                      ...กามเทพมีหน้าที่แผลงศรให้คนรักกัน แต่ใครจะรู้บ้างว่าปลายศรอันคมกริบนั่น...

                     

                      ...ได้เฉือนก้อนเนื้อบางๆ ที่เรียกว่าหัวใจ ให้กามเทพไร้ปีกต้องเจ็บปวดทรมานไปแล้วทั้งดวง...

       

                     

       

       

       

       

                      “วันนี้ก็...ช็อคโกแลตหรอ?...” ฉันพึมพำพลางพลิกกล่องช็อคโกแลตที่ดูมีราคาในมือไปมา มันก็เป็นปกติดังเช่นทุกวัน ที่อยู่ๆ ฉันจะได้ของบางอย่างจากคนแปลกหน้าที่ฉันไม่เคยรู้จักอยู่เสมอ ทั้งขนม และตุ๊กตา หรืออีกสารพัดอย่างเพื่อสื่อให้รู้ว่าใครคนนั้นเขาชอบฉัน

                     

                      บางทีของที่ฉันได้รับ และแสดงท่าทีออกมาว่าปลาบปลื้มหลงใหลกับมันเพียงใดนั้น อาจเป็นต้นเหตุที่ทำให้เจสสิก้าไม่กล้าจะขอฉันเป็นแฟน หรือขยับสถานะใดของเราให้ก้าวหน้าขึ้นก็ได้ล่ะมั้ง

                     

                      จะว่าไป...หลังจากวันนั้นก็ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์แล้ว ฉันได้แนะนำพี่สาวฉันให้รู้จักกับเจสสิก้าจริงๆ ดูท่าทางทิฟฟานี่จะเขินอายเหมือนเด็กริเริ่มหัดมีความรักก็ไม่ปาน ในขณะที่เจสสิก้ากลับรู้สึกเหมือนร่างบางเป็นได้แค่พี่สาวคนนึงเสียมากกว่า หากพี่ฉันก็ไม่ละความตั้งใจ เขาพยายามพาเธอไปกินข้าว ดูหนัง หรือทำอะไรร่วมๆ กันอีกหลายๆ อย่าง จนฉันกับเจสสิก้าเริ่มห่างกันมากยิ่งขึ้นอย่างคาดไม่ถึง

                     

                      เจอหน้ากันก็ได้แค่ในห้องเรียน จากนั้นก็แยกย้ายกันไปตามเส้นทางที่ควรจะเดิน...

                     

                      อดคิดไม่ได้ว่าฉันบ้าไปแล้วหรือเปล่า ที่ให้เธอกับทิฟฟานี่ได้รู้จักกัน เพราะนับวันมันยิ่งจะสร้างความเจ็บปวดในใจฉันมากขึ้นทุกที จะเรียกว่าฉันรู้ตัวช้าก็ไม่ผิดนัก ในเมื่อความเป็นจริงแล้วฉันไม่เคยคิดกับสาวสวยคนนั้นได้แค่คำว่าเพื่อนได้เลยซักครั้ง หากอยู่ๆ ความต้องการอยากจะเป็นน้องที่ดี หรือไม่เช่นนั้นก็คิดว่าเธอควรจะเจอคนที่เหมาะสมคู่ควรกับเธอมากกว่าฉันล่ะมั้ง เลยผลักดันเธอไปหาพี่สาวตนเองเสียอย่างนั้น

                     

                      เจ็บ... แล้วทำอะไรได้ล่ะ... ก็ทนไปเถอะ ในเมื่อฉันมันโง่เองนี่หน่า...

                     

                      รู้อะไรมั้ย... หลังจากที่เจสสิก้ารู้จักกับทิฟฟานี่ เธอทำท่าทางมึนตึงใส่ฉันมาโดยตลอด ไม่ว่าฉันพยายามจะเข้าใกล้ซักเท่าไหร่มันก็ไร้ค่า เธอทั้งหลบหน้า ไม่พูดจาด้วย ไม่รู้ว่าโกรธหรือเพื่อนคนนี้ไม่มีประโยชน์สำหรับเธอแล้วกันแน่

                     

                      คิดแล้วก็ต้องถอนหายใจ จนลืมไปว่าคนข้างๆ นั้นอาจจะได้ยิน

                     

                      “เป็นบ้าอะไร... รู้มั้ยว่าน่ารำคาญ ถอนหายใจอยู่ได้” น้ำเสียงเย็นชาอย่างที่ไม่เคยฟังมาก่อน ราวกับเอาน้ำเย็นๆ มาสาดหัวใจให้ด้านชาจนเจ็บแปลบ ฉันมองเธอด้วยสายตาตัดพ้อ ทว่าสิ่งที่ได้รับคืนมาก็คือแววตาเฉยเมย กับท่าทีห่างเหินที่บ่งบอกให้รู้ว่าเธอไม่ใช่เจ้าหญิงคนเดิมของฉันอีกต่อไป

                     

                      “แค่คิดว่าเจ้าของช็อคโกแลตนี่เขาเป็นใครกัน ทำไมถึงดีกับฉันอย่างนี้...” บ้าจริง!! แกกำลังพูดอะไรออกไปน่ะคิม แทยอน ทั้งที่อยากจะขอโทษ ถึงไม่รู้ว่าฉันไปทำให้เธอโกรธเมื่อไหร่ก็ตาม หากอยู่ๆ กลับพาดพิงไปถึงเจ้าของช็อคโกแลตเอาซะดื้อๆ แล้วก็เป็นอย่างที่คาด เธอมีหน้าหน้ามึนตึงอย่างเห็นได้ชัด เจ้าตัวสะบัดหน้าหนีโดยเร็ว เหมือนกับใบหน้าของฉันก็ยังไม่มีค่าพอจะให้สายตาคู่สวยของเธอหันมามอง

                     

                      “เขาเขียนที่นัดไว้ด้วย... ฉันควรจะไปเจอเขาใช่มั้ย” เอาอีกแล้ว!!! ฉันต้องการอะไรกันแน่ อยากให้เธอหึงฉันบ้างอะไรอย่างนั้นหรือ?... รู้ทั้งรู้ว่าไม่มีทาง ในเมื่อเธอเองก็มีคนที่รักเธอมากมายอยู่ตั้งคนนึง แถมใครคนนั้นก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหน ทว่าเป็นถึงพี่สาวร่วมสายเลือดของฉันเอง ทิฟฟานี่แสนดีกับเธอขนาดนั้น เธอคงไม่มีวันหันกลับมาหึงหวงคนที่แสนไร้ค่าอย่างฉันหรอกน่า

                     

                      ทำให้เขาสองคนรู้จักกันเอง... แล้วฉันมานั่งหวังลมๆ แล้งๆ อะไรอยู่...

                     

                      “มันก็เรื่องของเธอนี่หน่า... โทษทีนะ พอดีวันนี้ฉันมีนัดกับฟานี่”

                     

       

                      ...คำก็ฟานี่ สองคำก็ฟานี่ สามคำก็มีแต่ชื่อเขาเต็มไปหมด...

                     

                      ...เมื่อไหร่ฉันจะเลิกรู้สึกทรมานแบบแปลกๆ อย่างนี้ซะที...

       

                     

       

       

       

       

       

                      “ดีใจจัง... ที่วันนี้พี่แทยอมออกมาพบยุน...” คำเรียกสนิทสนมนั่นทำเอาฉันกระตุกยิ้มเล็กน้อย เหมือนว่าเธอจะไม่ถามความเห็นอะไรฉันเลยซักนิด ถึงได้ถือตัวมาสนิทด้วยถึงเพียงนี้ ใช่ว่าฉันจะเย่อหยิ่งอะไรนักหรอกนะ เพียงแต่ไม่คิดบ้างหรือว่ามันดูจะเกินเลยไปหน่อยสำหรับคนเพิ่งพบกันครั้งแรก

                     

                  อิม ยุนอา... นักศึกษาปีสอง ไม่เคยคิดมาก่อนเลยจริงๆ ว่าคนที่พยายามทำท่าเหมือนจะจีบฉันจะกลายเป็นรุ่นน้องร่างสูงคนตรงหน้าไปเสียได้ ในเมื่อรู้กันดีว่าเจ้าตัวเป็นเพลย์เกิร์ลประจำมหาวิทยาลัย แทบไม่เคยจริงจังกับใครนานๆ นอกเสียจากแฟนสาวของเธอที่อยู่เมืองนอก ซึ่งไม่รู้ว่าใครคนนั้นเคยรับรู้บ้างมั้ยว่ายุนอามีกิ๊กติดตรึมมากแค่ไหน ถึงเขาจะแสดงออกว่าแฟนที่อยู่ในใจของเขาคือเบอร์หนึ่งเสมอก็ตามที

                     

                      จะรู้สึกดีได้ยังไงกัน เมื่อรู้ว่าคนที่จีบฉันมานานหลายเดือนเป็นคนที่มีเจ้าของแล้ว ถึงแม้ในใจของฉันจะว่างเปล่า ไม่มีเงาของเพื่อนสนิทตนเองอยู่ภายใน ก็คงไม่อาจก้าวพลาดไปตกหลุมพรางของคนเจ้าชู้อย่างเธอได้หรอก เล่นหยอดเขาไปทั่วมหาลัยจนโด่งดังปานนี้

                     

                      “ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะ” พูดสั้นๆ คงแทนความรู้สึกทั้งหมดได้เป็นอย่างดี ว่าฉันไม่ได้พิศวาสอยากสานสัมพันธ์อะไรกับเธอเลย ในเมื่อคนอย่างฉันเกลียดเรื่องการผิดศีลธรรมมากที่สุด แล้วจะให้มาเป็นมือที่สามคอยแย่งแฟนชาวบ้านอย่างนั้นยิ่งฝันไปกันใหญ่ ฉันไม่เอาตัวเองเข้าไปผูกพันให้ต้องเป็นความรักหลายเส้าแน่ๆ

                     

                      “ไม่ลองทำความรู้จักกับยุนหน่อยหรอคะ” ยิ้มหวานตามนิสัยที่ถนัด หากทำไมฉันกลับรู้สึกว่ามันไม่ได้ตราตรึงใจฉันได้เท่ากับรอยยิ้มสวยๆ ของใครบางคนเลยแม้แต่น้อย

                     

                      “อิม ยุนอา... ผู้ที่หักอกสาวในมหาลัยมานับไม่ถ้วนเพราะตนเองมีแฟนแล้ว แต่ก็ยังเจ้าชู้ ควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า” เปรยเสียงเรียบ ทว่าไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าเธอจะหัวเราะร่วนกับคำตอบของฉันเช่นนั้น

                     

                      “โห... ชื่อเสียงยุนดังใช่น้อยเลยคะเนี่ย” เจ้าตัวคงภูมิใจเสียเต็มประดาล่ะมั้งนั่นกับคำด่าของฉัน สร้างความหงุดหงิดในหัวใจเหลือเกิน ไม่รู้ว่าแฟนคนนั้นของเธอ คบกับเธอมาได้ยังไงตั้งนานสองนาน ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะไม่รู้เรื่องที่ยุนอามีใครคนอื่นหลายๆ คนไปพร้อมๆ กัน...

                     

                      “ต้องการอะไรจากพี่กันแน่” ถามด้วยความไม่เข้าใจ ปรายตามองอีกคนอบ่างหวาดๆ ทำไมจะไม่รู้ว่ารอยยิ้มสวยราวเคลือบยาพิษนั่นสลายหัวใจใครมานักต่อนักแล้ว สุดท้ายฉันเลยได้แต่ยืนมองเธอนิ่งๆ เว้นระยะห่างให้เหมาะสมอย่างที่คนเพิ่งเจอกันครั้งแรกจะเป็นได้

                     

                      “ไม่เชื่อว่าพี่แทจะซื่อจนไม่รู้จัดประสงค์ของยุนหรอกนะคะ” คนกล่าวหัวเราะน้อยๆ แล้วดึงมือฉันไปกอบกุมไว้อย่างถือวิสาสะ “ยุนแอบชอบพี่แทอยู่... ไม่เคยรู้หรอ ไม่งั้นจะตามจีบอย่างนี้ทำไมล่ะ”

                     

                      ...ชอบ กับคำว่า รัก... มันไม่เหมือนกัน ฉันเข้าใจดี... แล้วก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่ฉันต้องไหวหวั่นไปกับคำพูดหวานๆ นั่น ในเมื่อหัวสมองและหัวใจของฉันตอนนี้มีเพียงคนคนเดียว...

                     

       

                      ...คนที่คอยขี้อ้อน หยอกนู่นเย้านี่ให้ฉันต้องหน้าแดงบ่อยๆ...

                     

                      ...คนที่พี่สาวของฉันแอบรักเขามาเสียเนิ่นนาน...

                     

       

                      “แต่พี่มีคนที่พี่รักอยู่แล้ว...”

                     

                      “คนที่รัก ไม่ใช่แฟนนี่คะ ทำไมยุนจะจีบไม่ได้ล่ะ” ว่าพลางทำหน้าทะเล้น ท่าทางขี้เล่นทำให้ฉันอดยิ้มบางๆ ตามไม่ได้ ถึงแม้ภายในจะยังเจ็บปวดเกี่ยวกับเรื่องของเจสสิก้าอยู่ก็ตามที

                     

                      “แล้วจะจีบพี่ไปทำไม แฟนยุนก็มีแล้ว”

                     

                      “ก็เพราะยุนชอบพี่ไง...” พูดจบก็ยื่นหน้ามาขโมยหอมแก้มฉันอย่างรวดเร็วจนแทบตั้งตัวไม่ติด มือยกขึ้นสัมผัสแก้มใสซึ่งยังอุ่นๆ ด้วยสัมผัสของอีกคนซึ่งวิ่งหนีหายไปแล้ว หลากความรู้สึกตีปนกันจนมั่วไปหมด ทั้งเจ็บปวด ทั้งเจ็บใจ ทั้งสงสัย และอะไรอีกหลายๆ อย่างจนไม่อาจกรองออกมาเป็นคำพูดได้ หากสิ่งที่สำคัญที่สุด...

                     

                      ...ฉันแค่กลัวว่ามันจะทับรอยของเธอ...

       

                     

       

       

       

       

       

                      เจสสิก้าสาวเท้ายาวๆ เดินไปตามอาคาร หญิงสาวพยายามปั้นหน้ายิ้มแย้มมากกว่าจะเป็นสีหน้าบึ้งตึงหลังจากหนีแทยอนออกมาจากห้องเสียดื้อๆ ก่อนที่ดวงตาคู่สวยจะเริ่มหม่นหมองลงจนคลอไปด้วยหยาดน้ำ เจ้าตัวถึงเปลี่ยนเป็นค่อยๆ เดินทีละย่างก้าวแทน

                     

                      เธอรักแทยอน... มันคือเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่ยังไม่รู้จักกับอีกคนด้วยซ้ำ เธอหลงรักในรอยยิ้มน่ารักๆ ท่าทีรั่วๆ ทว่าก็สุขุมในตัวของอีกคน รวมถึงความขี้อายไม่เป็นรองใคร อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ไหนจะเหตุผลอีกมากมายให้เธอไม่สามารถเขียนออกมาได้ เนื่องจากเธอเองก็ไม่แน่ใจว่าข้อไหนที่ทำให้เธอเผลอหลงรักคนตัวเล็กคนนั้นเข้าจริงๆ

                     

                      รู้แต่ว่ารัก... รู้แต่ว่าอยากอยู่ใกล้ ไม่อยากให้เขาไปเป็นของใคร... เธอแอบรักแทยอนอยู่ห่างๆ ตั้งแต่ตอนร่วมกิจกรรมรับน้อง ใครคนนั้นคงจำไม่ได้ ว่าตอนที่เธอร่วมกิจกรรมแล้วได้แผลถลอกมาที่หัวเข่า ไม่มีใครสังเกตเห็น นอกจากเขาที่เข้ามาซับเลือดให้ ถามอย่างเป็นห่วงว่าเธอเป็นอะไรรึเปล่า ตอนนั้นเธอไม่ได้ตอบเขาซักคำ จนเขาค่อนข้างเสียหน้ายิ้มเก้อๆ กลับไป

                     

                      ที่ไม่ได้ตอบ นั่นเพราะเธอกำลังเขินอายแล้วก็ซาบซึ้งต่างหาก บาดแผลมันไม่ได้เจ็บมากมายหรอก ทว่าการกระทำของเขากลับตราตรึงในหัวใจของเธออย่างไม่อาจลบเลือนได้

                     

                      แทยอนจะรู้บ้างมั้ยว่าเธอพยายามแค่ไหน กว่าจะเข้าไปทำความรู้จักกับเขา กว่าจะสนิทกันจนเรียกว่าเพื่อนที่เป็นเหมือนเงาตามตัว แล้วเขาจะรู้บ้างหรือเปล่าว่าสิ่งที่เธอทำมันมากกว่าเพื่อนแค่ไหน ทั้งที่เธอพยายามแสดงออกแทบตาย ถ้าไม่เอาแต่อายตามนิสัย เขาก็ทำเพียงเฉยๆ จนเธอเดาไม่ออกเลย

                     

                      ไหนยังจะมีเจ้าของของขวัญสารพัดชิ้นนั่นอีก แทยอนดูจะปลื้มใครคนนั้นเอามากๆ จนบางครั้งเธอเองก็เริ่มท้อที่จะรัก หากแน่นอนล่ะว่าถ้าการตัดใจทำได้ง่ายๆ เหมือนการตัดกระดาษ เธอคงไม่บ้ารักเพื่อนตนเองมาตั้งเนิ่นนาน

                     

                      ถ้าแทยอนไม่รักเธอเลย... เจสสิก้าเองคงไม่ได้เจ็บปวดอะไร กับแค่ความเจ็บปวดที่ไม่นานคงหายดี ทว่านี่อีกคนทำเหมือนๆ จะมีใจ ให้ความหวังเธอ แต่แล้วอยู่ๆ วันวันนั้น เขากลับลากเธอไปให้รู้จักกับพี่สาวที่ชื่อทิฟฟานี่ของเขา พี่ที่แสดงออกโจ่งแจ้งว่ารักเธอมากเพียงใด แถมกามเทพตัวดียังช่วยเชียร์ไม่หยุดหย่อน พูดว่าพี่ฟานี่ดีอย่างนู้นอย่างนี้ วันหยุด เธอชวนเขาไปดูหนังกันสองคน กลับส่งพี่สาวมาแทนเอาซะดื้อๆ

                     

                      หากเธอไม่รักฉัน ฉันไม่เคยคิดโกรธเคืองเลยซักนิด... แต่ขอร้องเถอะ... อย่าผลักไสฉันไปให้คนอื่น...

                     

                      ทิฟฟานี่แสนดีไม่แพ้แทยอน อาจจะดีกว่าด้วยซ้ำ เพราะมีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่า เนื่องจากอายุมากกว่าเธอถึงสองปี ทว่าหัวใจเธอไม่เคยจะคิดรักใครนอกจากแทยอนเลย ที่เธอสนิทกับทิฟฟานี่ทั้งหมด มันก็เพราะความต้องการของแทยอนเองทั้งนั้น ที่ยัดเยียดเธอให้ใครต่อใคร เหมือนสิ่งของไม่มีค่า

                     

                     

                      ...คำว่าเจ็บยิ่งกว่าทรมาน เธอเพิ่งเข้าใจในวันนี้เอง...

                     

                     

                      “สิก้า... ขอโทษนะ...รอฟานี่นานมั้ยคะ” เสียงเรียกจากร่างสูงของคนที่เพิ่งวิ่งเข้ามาทำให้เจสสิก้าสะดุ้งจากภวังค์ เธอยิ้มแหยๆ ตอบเจ้าของรอยยิ้มอันได้ชื่อว่าอายสไมล์

                     

                      “ไม่นานค่ะ สิก้าเพิ่งเลิก” พูดอย่างเป็นกันเอง มากกว่าจะเรียก พี่นั่นเป็นเพราะทิฟฟานี่เป็นคนขอร้องเธอมาเองว่าไม่อยากเป็นพี่แต่อยากเป็นอย่างอื่น ตามด้วยความเห็นดีเห็นงามจากแทยอน ทำให้เธอสนองความต้องการนั้นอย่างไม่ลังเล

                     

                      “ฟานี่คิดถึงสิก้าจัง” คำนั้นก็เหมือนสายลมที่ลอยผ่านไปไม่ได้รับรู้ในโสตประสาท เพราะเจสสิก้ากำลังอึ้งกับภาพที่เห็นเบื้องหลังทิฟฟานี่ ภาพของแทยอนที่ยืนเคียงข้างใครบางคน...

                     

                      นี่หรือคือเหตุผลอันแท้จริง... เขาไม่เคยรักเธอเลยแม้แต่นิด คนที่เขารักคือผู้ที่คอยตามจีบเขาอยู่ห่างๆ แถมท่าทางสนิทสนมจนเกินควรนั่นไม่ต่างอะไรกับเอาเหล็กแหลมมาทิ่มแทงหัวใจดวงนี้ของเธอ

                     

                      ความรู้สึกที่ทุ่มเทไปให้แทบตาย ไม่เคยได้รับการตอบสนอง เนื่องจากแทยอนไม่เคยคิดเลยใช่มั้ยว่าเพื่อนคนนี้กำลังรักเขา และเจ็บปวดเจียนตายเพราะเขามากเพียงใด

                     

                      เจสสิก้าไม่เชื่อหรอกนะว่าแทยอนจะไม่รู้ว่าเธอกำลังยืนอยู่ตรงนี้ ในเมื่อมันไม่ได้ห่างกันมากมายอะไรเลย หรือเขาจงใจให้เธอพบเห็นภาพบาดตานั่นด้วยตนเองกันแน่ หญิงสาวไม่อาจตอบได้ หากที่รู้คือหัวใจกำลังบีบรัดแน่นจนร้าวรานไปทั้งร่าง มือเรียวเผลอวางบนหน้าอกข้างซ้ายแผ่วเบาเหมือนจะระงับอาการดังกล่าวได้

                     

                      แทยอนเป็นคนหวงตัว เพราะเจ้าตัวขี้อายมาก กว่าเธอจะได้จับมืออันแสนอบอุ่นคู่นั้นก็ใช้เวลาทำความสนิทเสียเนิ่นนาน ทว่าทำไมคนที่กำลังยืนอยู่กับเขาถึงทำมันได้ง่ายๆ เช่นนี้ มือของเขาที่เธอเคยคิดอยากให้มันกุมมือเธอไว้เพียงคนเดียว กลับกลายเป็นของคนอื่น...

                     

                     

                      ...มือของฉันไม่อุ่นเท่าเขาหรอ คิม แทยอน...

                     

                     

                      “สิก้า ถึงเราจะเพิ่งรู้จักกัน แต่ฟานี่รักสิก้ามากเลยนะ... ไว้ใจฟานี่ให้ดูแลสิก้าได้มั้ย...” เสียงทุ้มนุ่มๆ ข้างใบหูเหมือนลอยมาจากที่แสนไกลจนไม่อาจสัมผัส ในเมื่อภาพที่เห็นเต็มสองตามันชัดเจนมากกว่านั้น ภาพคนที่เจสสิก้าแอบรักมาหลายปีถูกคนที่เธอไม่รู้จักหอมแก้ม

                     

                     

                      ...กี่ครั้งที่ฉันเคยหอมแก้มเธอ เธอจะซาบซึ้งกับมันบ้างมั้ย...

                     

                     

                      “เป็นแฟนกับฟานี่นะคะ...”

                     

                      “ค่ะ...” ตอบรับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เจสสิก้าเองก็ไม่รู้ตัวเหมือนกัน ราวกับว่าหัวใจของเธอแตกสลายไปตั้งแต่เห็นแทยอนยืนกับใครคนอื่นแล้ว

                                     

       

                      ...อยากตะโกนว่ารักเธอนับร้อยพันครั้ง... แต่เธอคงไม่เคยอยากรับรู้...

                     

                      ...ต้องทำยังไง เธอถึงจะหันกลับมารักฉันคนนี้บ้าง...

                     

       

                      ร่างบางยืนนิ่ง หยาดน้ำตาคลอเอ่อก่อนจะค่อยๆ กลิ้งผ่านพวงแก้มใสลงมาเชื่องช้า ทิฟฟานี่คงคิดว่าคนที่ตนเองเพิ่งขอเป็นแฟนกำลังปลาบปลื้มใจล่ะมั้ง เลยดึงอีกคนไปกอดแนบแน่นราวกับอยากให้รับรู้ถึงความรักอันเปี่ยมล้น ที่เพิ่งเคยได้รับการตอบสนองกลับเมื่อครู่

                     

       

                      ...ความรัก มันมักเล่นตลกกับหัวใจให้เราต้องทุรนทุรายอยู่เสมอ...

       

       

                     

       

       

       

       

                      “สิก้า... รอด้วยสิ” ร้องเรียกคนที่กำลังย่ำเท้าเร็วๆ เหมือนจะหนีฉัน ทั้งที่เราก็ต้องเดินไปเรียนอาคารเดียวกันอยู่ดี แถมแน่นอนว่าคงต้องเป็นที่นั่งติดกันอีกด้วย และแม้จะไม่ค่อยเข้าใจการกระทำของเธอในช่วงหลังมานี่เท่าไหร่นัก หากอย่างน้อยฉันเองก็ยังมีคำถามที่อยากถามเธออีกตั้งมากมาย

                     

                      เมื่อเรียกแล้วไม่รอ แถมขาฉันก็ใช่จะยาวอย่างทิฟฟานี่ สุดท้ายเลยเอื้อมมือไปจับต้นแขนของเธอเอาไว้แทน ส่งผลให้ร่างบางหยุดชะงักลง ทว่าเจสสิก้าก็ไม่แม้แต่จะคิดหันมามองหน้าฉันเลยซักนิด อดคิดน้อยใจตัดพ้อไปเสียมากมายไม่ได้ว่าทำไมกับทิฟฟานี่ เธอถึงเข้ากับเขาได้ดีนัก แล้วทีกับฉัน อย่าว่าแต่พูดคุยเลย เจ้าหล่อนคงไม่อยากแม้แต่จะปรายหางตามันฉันเลยล่ะมั้ง

                     

                      “มีอะไร...” ตอบรับซะห้วนสั้นจนใจสั่น ฉันเลยได้แต่กลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงลำคออย่างยากลำบาก

                     

                      “เธอคบกับพี่ฟานี่แล้วหรอ...” เหมือนจะเห็นร่องรอยไหววูบในดวงตาของอีกคนเพียงเสี้ยวนาที ก่อนจะกลับมาปั้นหน้าเฉยชาไร้ซึ่งความรู้สึกตามเดิม มือของเธอเอื้อมมากุมมือฉันไว้หลวมๆ ก่อเกิดความอบอุ่นที่โหยหาขึ้นภายในเบื้องลึกของหัวใจอย่างไม่อาจพรรณนาได้ ทว่าเมื่อเจสสิก้าแกะมือของฉันออกนั้น ราวกับมีคลื่นความหนาวเหน็บแผ่ซ่านไปทั่วร่าง ให้ได้เหน็บหนาวไปถึงขั้วหัวใจ

                     

                      ความเงียบเข้าปกคลุมสองเรา เธอไม่ยอมเอ่ยเอื้อนคำใดออกมา นอกจากจะยิ้มให้ฉันบางๆ อันเป็นรอยยิ้มที่แฝงด้วยความเศร้าเสียเต็มประดา

                     

       

                      ...คนเพิ่งอินเลิฟ มีแฟนได้ไม่กี่วัน คงไม่ยิ้มแบบนี้ใช่มั้ย...

                     

                     

                      “ก็เพราะแทแทเองนั่นแหละ” เสียงเรียกชื่อ แทแทที่หายไปนาน ย้อนกลับมาให้ได้ยินวันนี้ กลับสร้างความเจ็บปวดให้ฉันเหลือเกิน คำเรียกที่เมื่อก่อนเธอเคยใช้ออดอ้อนฉันเป็นประจำ มาจนวันนี้ เธอมีใครอีกคนให้อ้อน ให้เรียกเสียงหวานๆ อย่างนั้นแทนฉันแล้วใช่รึเปล่า แถมที่สำคัญ... เขายังเป็นพี่สาวร่วมสายเลือดกับฉันอีกต่างหาก

                     

                      “ทำไมเพราะฉันล่ะ” ถามไปอย่างลืมตัว กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็เมื่อโดนเธอผลักเบาๆ เสียแล้ว

                     

                      “เพราะแททำให้สิก้าได้รู้จักเขาไม่ใช่หรอ...”

                     

                      “อืม...นั่นสิ...” หัวเราะอย่างขมขื่นภายในใจ จะเพราะความโง่เง่าหรือเปล่านะ ที่แนะนำเธอให้รู้จักกับเขา ทำให้ทั้งสองได้เป็นแฟนกัน สำเร็จหน้าที่ของกามเทพดีแล้วนี่หน่า หากทำไมฉันถึงต้องมานอนจมน้ำตาตนเองทุกวันอยู่ได้ ซึ่งแน่นอนว่าฉันไม่เคยบอกเรื่องนี้ให้ทิฟฟานี่รู้ มันก็แค่ความรู้สึกอันเบาบางของหัวใจ ไม่นานคงหายดีใช่มั้ย...

                     

                      ยิ้มให้กับเธอด้วยรอยยิ้มเท่าที่จะปั้นได้ น้ำเสียงลอดผ่านลำคอไปราวกับกลั่นกรองมาด้วยเวลาอันแสนยาวนาน

                 

                  “ดีใจด้วยนะ...” น่าสมเพชจัง... ปากก็พูดอย่าง แต่ในหัวใจช่างเลวร้ายเกินรับได้ มันเฝ้าแต่คิดว่าถ้าฉันได้เป็นคนคนนั้นของเจสสิก้าแทน ฉันจะมีความสุขมากแค่ไหนกันเชียว

                     

       

                      ...ถ้าได้กลับไปร่วมใช้คืนและวันด้วยกันเหมือนเดิม...

                     

                      ...หัวใจดวงนี้คงกลับมาเต้นไหวได้อีกครั้ง...

                     

       

                      “หึ... ดีใจงั้นหรอ...” หญิงสาวแค่นเสียงหัวเราะ หยาดน้ำตาคลอรื้นบนลูกแก้วใสสีน้ำตาลทั้งสองข้าง เธอพยายามหลบสายตาของฉัน ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่เบาหวิว จนแทบกลืนหายไปกับสายลม

                     

                      “รู้อะไรมั้ย...คิม แทยอน... เมื่อก่อนฉันเคยคิดว่าเธอจะรักฉัน เหมือนที่ฉันรักเธอซะอีก!...”

                     

                      เธอเดินจากไปแล้ว... จากไปพร้อมๆ กับของเหลวอุ่นๆ ที่ไหลรินลงมาตามแก้มของฉันเชื่องช้า ตอกย้ำความรู้สึกที่มันด้านชาให้ตอบสนองคืนมาจนเจ็บปวด

                     

                     

                      เป็นไงบ้างล่ะ... กี่ครั้งที่เธอบอกรักฉัน แล้วฉันไม่เคยสนใจ

                    

                      ...ก็แค่คิดว่าเธออาจพูดตามประสาเพื่อนสนิท...

                     

                      กี่ครั้งที่เธอแสดงท่าทีออกมากมาย แต่ฉันกลับไม่เคยรับรู้

                     

                      ...ก็แค่ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง ว่าคนอย่างเธอจะมารักฉัน...

                     

                      แล้วกี่ครั้งที่ฉันทำเธอเสียน้ำตา เพราะการตัดสินใจบ้าๆ โดยไม่ถามความเห็น

                     

                      ...ก็แค่คิดว่าเขาอาจจะดูแลเธอได้ดีกว่าฉัน...

       

                     

       

                      เธอรักฉัน... คำคำนี้ขอฉันจดจำมันใส่ในหัวใจไปจนวันตายได้มั้ย คำที่ทำให้ปลาบปลื้มแม้ร่างจะสั่นสะท้านด้วยแรงสะอื้นเพียงใดก็ตาม มือยกขึ้นปิดปากราวกับจะปกปิดความอ่อนแอที่เอ่อล้นจนพาให้อยากทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้น หากฉันก็เหนื่อยอ่อนเกินกว่าจะขยับร่างกายได้

                     

                      เธอไม่ได้แค่คิดหรอกนะว่าฉันจะรักเธอ... ในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างมันคือเรื่องจริง

                     

       

                      ...เรื่องจริงที่ฉันเพิ่งรู้ และมองเห็นมันในวันที่สายเกินไป...

       

                     

       

       

       

       

       

                  2 weeks later

                 

                      สายลมหนาวที่พัดผ่านมาทำเอาให้ฉันต้องกอดตนเองเพื่อคลายความหนาวเย็นรอบกาย ห่อไหล่ก่อนจะแทรกร่างเล็กๆ เข้าไปในเสื้อโค้ทตัวยาวให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ มือยกขึ้นป้องปากเพื่อเป่าลมสร้างความอบอุ่นให้กับร่างกาย ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อคิดถึงเหตุผลที่ฉันต้องมายืนขาสั่นท้าความหนาวอยู่ตรงนี้

                     

                      ไม่มีอะไรมากหรอก... ก็แค่หน้าคอนโดเล็กๆ ที่เธออาศัยอยู่เท่านั้นเอง...

                     

                      หลังจากประโยคสุดท้ายที่เธอพูดมาในวันนั้น ก็ทำให้หัวใจฉันบงการเหนือคำสั่งหัวใจ อยากดูแลเธอ ทั้งที่ไม่กล้าพูดกับเธอแม้แต่คำเดียว สุดท้ายเลยได้แต่แอบตามมาดูห่างๆ ถึงคอนโด แม้รู้ดีว่าคนที่ขับรถมาส่งเธอจะเป็นพี่สาวของฉันเอง พี่ที่ฉันทรยศเขาอย่างเลือดเย็นด้วยการบอกว่าช่วงนี้มีรายงาน ทำให้ต้องกลับบ้านดึก ทั้งที่ความจริงก็แอบมายืนมองคอนโดของแฟนเขานั่นแหละ!

                     

                      คิดถึงเธอจนแทบบ้า ต่อให้จะเจอหน้าฉันทุกวัน ในเมื่อเราไม่ได้พูดอะไรกันเลย ไม่คุยเล่น ไม่สนิทเหมือนเมื่อก่อน เพื่อนหลายคนคงสงสัยในเรื่องระหว่างเรา หากแน่นอนว่าฉันทำอะไรไม่ได้ นอกจากนั่งเศร้าอยู่คนเดียว ในเมื่อเป็นคนผลักไสเจสสิก้าไปให้คนอื่น แถมคนอื่นที่ว่าก็ไม่ใช่คนไกลที่ไหนเสียด้วย

                     

                      เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ ฉันหยิบมันออกมารับอย่างรวดเร็วโดยไม่คิดจะมองเบอร์ที่โทรเข้า ด้วยนึกว่าเป็นทิฟฟานี่ที่โทรมาถามว่าจะกลับบ้านกี่โมง

                     

                      “ฮัลโหล” น่าแปลกที่อีกฝ่ายช่างเงียบเหลือเกิน ฉันตอกย้ำคำเดิมลงไปอีกครั้ง ซึ่งก็ไม่มีเสียงใดตอบกลับมานอกจากความเงียบพาให้ต้องอารมณ์เสีย

                     

                      หยิบเครื่องมือสื่อสารสีดำมาดูหน้าจอให้ชัดๆ แล้วก็ต้องตกใจจนมือไม้สั่น เมื่อรู้ว่าปลายสายคือคนที่อยู่เหนือฉันขึ้นไปเพียงแค่สามชั้นเท่านั้น

                     

                      “สิก้า...”

                     

                      (“.........”) ความเงียบ ทำให้ฉันปวดใจได้ไม่เท่ากับเสียงสะอื้นแผ่วๆ นั่นเลย

                     

                      “สิก้าเป็นอะไร!! ร้องไห้ทำไม! บอกฉันมาสิ!!” ร้อนรน... ยอมรับคำว่าร้อนรนแทบบ้า ฉันกรอกเสียงลงไปจนฟังแทบไม่ได้ศัพท์ เพราะคำพูดมันเรียงสลับกันมั่วไปหมด แค่ได้ยินเสียงเธอร้องไห้ ก็เหมือนเฉือนหัวใจฉันให้ขาดไปทั้งดวง

                     

                      (“สิก้าปวดหัว... สิก้าอยากเจอแท... มาหาหน่อยได้มั้ย”) น้ำเสียงอ้อนวอนนั่น เธอจะรู้มั้ยว่าฉันยอมเธอตั้งแต่ประโยคแรกที่เธอบอกว่าปวดหัวแล้วล่ะที่รัก...

                     

                      “...” ที่ไม่ตอบ ก็เพราะว่าพูดไม่ออกต่างหาก ความรู้สึกหลากหลายถาโถมเข้ามาจนทรงตัวลำบาก ฉันยกมือกุมหน้าอกข้างซ้ายที่สั่นไหวรุนแรงจนแทบจะหลุดออกมาอยู่ข้างนอก

                     

                      (“ขอร้อง...สิก้าคิดถึงแท...”)

                     

                      ไม่ต้องเสียเวลาคิดเลย... ในเมื่อตอนนี้ขาของฉันวิ่งเข้าไปภายในคอนโดซะแล้ว...

       

                     

       

       

       

       

                      “กินโจ๊กนะ... จะได้กินยา” กล่าวด้วยความเป็นห่วงเมื่อวางถาดโจ๊กอุ่นๆ ยังข้างเตียง หลังมือเอื้อมไปสัมผัสกับหน้าผากของคนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนก่อนจะโล่งอกเมื่อรู้สึกว่าเธอไม่ได้มีไข้ขึ้นสูงอะไรอย่างที่ฉันคิดไว้ตั้งแต่ทีแรก อาจแค่รุมๆ ประกอบกับอาการพักผ่อนน้อย และเครียดหลายๆ เรื่องของเธอล่ะมั้ง เลยปวดหัวขึ้นมา

                     

                      “กินเองไหวมั้ย”

                     

                      “...” ไม่มีคำถามจากคนป่วย ยกเว้นสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย เธอคงงุนงงไม่น้อยที่อยู่ๆ ฉันก็ถามอะไรอย่างนี้ขึ้นมา ดูจากสถานการณ์ คาดว่าเธอไม่ได้ป่วยขั้นช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หากมันคงไม่ใช่เรื่องสำหรับ เพื่อนสนิทผู้มาดูแล แล้วกลับบอกให้เธอกินโจ๊กเอง

                     

                      “ไม่กล้าป้อน เดี๋ยวแฟนเธอจะมาหึงเอา” เหตุผลข้างๆ คูๆ ทำให้สาวเจ้าหันหน้าหนี มือเรียวยกขึ้นมาดันชามที่ฉันยื่นให้ออก

                     

                      “งั้นสิก้าไม่กินแล้ว...”

                     

                      “ไม่กินได้ไง เดี๋ยวก็กินยาไม่ได้ ไม่อยากหายหรอ” ถามเสียงเข้มกึ่งดุเล็กน้อยเหมือนทุกที

                     

                      “สิก้าหายแล้ว”

                     

                      “เด็กดื้อ!” ย่นจมูกใส่เธออย่างขัดใจ ถึงไข้จะไม่ได้ขึ้นสูง หากถ้าไม่กินยาดักไว้ เดี๋ยวจะอาการหนักขึ้นมาก็แย่กันพอดี แล้วทำไมเธอก็ช่างดื้อเหลือเกิน...

                     

                      “ก็ทำไมล่ะ สิก้าไม่กินแล้วไง”

                     

                      “ฉันป้อนก็ได้... แต่ไม่กลัวแฟนเธอหึงหรอ” ขยันจังเลยนะ พูดทำร้ายหัวใจตัวเองน่ะ คิม แทยอน! เพราะปากไม่ดีอย่างนี้ใช่มั้ย เลยเสียเธอไปให้คนอื่น แถมยังทำร้ายหัวใจเธอมาซ้ำๆ นับไม่ถ้วน แล้วฉันจะมีหน้าอะไรไปบอกรักเธอ บอกว่ารักเธอมานานแล้ว ก่อนเขาจะเข้ามา...

                     

                      ไม่อยากสร้างปัญหาให้เธอมากไปกว่านี้ ถ้าเธอต้องผิดใจกับทิฟฟานี่เพราะฉัน ฉันเองคงต้องรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตเป็นแน่

                     

                      “ไม่เป็นไร... สิก้าไม่ปวดหัวแล้ว”

                     

                      “ปวดหัวไม่ใช่สายลมนะ จะได้หายไปง่ายๆ” ฉันเอ่ยแซวอย่างหนักใจพอสมควร รู้ดีว่าการจะยุเธอให้กินโจ๊กมันยากเหลือเกิน ไหนจะยาอีก มันคือสิ่งที่เจสสิก้าเกลียดเป็นอันดับต้นๆ รองจากแตงกวาเลยก็ว่าได้ ซึ่งเพื่อนสนิทอย่างฉันก็รู้ดีในข้อนี้ ในเมื่อฉันเป็นคนดูแลเธอในยามที่เธอไม่สบายมาโดยตลอดนี่หน่า

                     

                     

                      ...นี่คงเป็นเหตุผลที่เธอไม่โทรหาเขา ผู้ที่เป็นแฟนเธอใช่มั้ย...

                     

       

                      “ก็การปวดหัวของสิก้ามันเป็นลมนี่ มันก็เลยหายไปแล้ว” คนป่วยยังคงดื้อแพ่งเถียงต่อไป สาวเจ้าเบือนหน้าหนีทันทีที่ฉันโน้มหน้าลงไปใกล้จนสัมผัสของเราแตะกัน ราวกับอยากวัดไข้ ทว่ามันเป็นแค่เหตุผลแอบแฝงของฉันเองต่างหาก

                     

       

                      ...ก็แค่อยากเข้าใกล้เธอให้มากกว่านี้ อยากสัมผัสได้ถึงลมหายใจของเธอ... อยากให้เป็นเหมือนเมื่อก่อนตอนที่เรายังคงรักกัน...

                     

                     

                      ฉันมองดวงตาอันแสนวูบไหวของเธอ ด้วยหวังจะเห็นเงาของตนเองอยู่ภายในนั้น อย่างน้อยก็ช่วยหล่อเลี้ยงหัวใจที่ใกล้แตกสลายดวงนี้ของฉันให้เต้นไหวขึ้นมาได้ ลมหายใจอุ่นๆ รินรดให้ได้สัมผัส กลิ่นกายหอมอ่อนๆ ลอยโชยแตะปลายจมูกให้ฉันต้องหลงใหล

                     

                     

                      ...เธอเคยรักฉันใช่มั้ย จอง เจสสิก้า...

                     

                      ...มันก็แค่เคยรัก ไม่เช่นนั้นตอนนี้เธอคงไม่คบกับเขา...

                     

       

                      “เหมือนความรักรึเปล่า” ถามเสียงเบาหวิวจนเธอมองหน้าอย่างไม่เข้าใจ ริมฝีปากบางละล่ำละลักถามเสียงสั่น

                     

                      “อ...อะไร?”

                     

                      “เหมือนความรักของสิก้ามั้ย ที่หายไปง่ายๆ เหมือนสายลมน่ะ...” ถ้าความรักเธอมันเป็นดั่งสายลมที่พัดเข้ามาหาฉันในห้วงความรู้สึกหนึ่งแล้วผ่านไป ฉันเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าสายลมสายนั้นจะพัดกลับมาบ้างได้มั้ย ช่วยกลับมาหาคนโง่คนนึงที่รู้ตัวช้าเกินไปเสียที...

                     

                     

                      ...พอรู้ตัว เธอก็มีเขาอยู่เต็มหัวใจแล้วสินะ...

                     

       

                      “ทำไมแทพูดกับสิก้าแบบนี้...” น้ำเสียงตัดพ้อพาให้หัวใจสั่น เธอพลิกกายหนีฉันที่กำลังงุนงงก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปงเหมือนอยากหนีความจริงอะไรบางอย่าง แม้จะอยู่ภายใต้ผ้าห่ม ทว่าฉันกลับได้ยินเสียงสะอื้นๆ แผ่วๆ นั้นได้อย่างชัดเจน จึงทำได้เพียงโอบกอดเธอจากทางด้านหลังผ่านผ้าผืนใหญ่หลวมๆ เชิงปลอบประโลม

                     

                      “ขอโทษ... ฉันก็แค่อยากรู้ว่าคำว่ารักที่สิก้าให้ฉันไว้ มันกลายเป็นแค่ เคยแล้วใช่มั้ย แล้วตอนนี้สิก้ารักเขามากใช่มั้ย... เท่านั้นเอง” ว่าแล้วก็ต้องแอบปาดหยาดน้ำตาที่เริ่มคลอเอ่อขึ้นมาเต็มสองหน่วย เธอดึงผ้าห่มออกก่อนจะดึงฉันเข้าไปกอดแน่น ร่างบางสั่นสะท้านจนตัวโยน ก่อนจะกระซิบแผ่วข้างใบหู ทว่าหนักแน่นในหัวใจ

                     

                      “ถ้าแทแทไม่แนะนำสิก้ากับฟานี่... มันก็คงไม่แค่ เคย

                     

                      “แล้วจะให้ทำยังไง....... ก็แค่พี่ชายที่ฉันรัก เขาอยากรู้จักกับ เจสสิก้า... ฉันไม่รู้นี่ว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้... ถ้าเลือกได้... ฉันก็คงไม่แนะนำให้สิก้ากับเขารู้จักกันหรอก แต่ฉันเลือกไม่ได้แล้ว” ความอึดอัดใจทั้งหมด ถูกระบายออกมาอย่างอดกลั้น มือบีบไหล่เธอแน่นเหมือนจะตอกย้ำว่าความใกล้ชิดเพียงแค่นี้ มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรกับเรื่องความรักระหว่างเราเลย

                     

                      “แล้วสิก้าได้เลือกอะไรบ้าง...” เธอดันฉันออกเบาๆ หยาดน้ำตาไหลรินลงมาไม่ขาดสายผ่านแก้มใส เจสสิก้าปัดมือฉันที่พยายามซับน้ำตาให้ออก “ก่อนหน้าวันที่แทแทแนะนำสิก้าให้ฟานี่วันนึง สิก้าเพิ่งบอกรักแท ซึ่งแทก็ไม่ตอบรับอะไรเลย นอกจากคิดว่าเป็นแค่การล้อเล่นของ 'เพื่อน' แล้วอยู่ๆ พี่สาวแทก็มาจากไหนไม่รู้ มาบอกว่ารักสิก้า... แทแทรู้มั้ยว่าพอสิก้ามารู้ความจริงทีหลังว่า แทแทแนะนำสิก้าให้กับฟานี่.... สิก้าเสียใจ” เรื่องที่ฉันไม่เคยรู้ ทำให้เจ็บปวดมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม กับความจริงที่เป็น

                     

                      มันถูกอย่างที่เธอพูด เจสสิก้าเคยบอกรักฉันแล้ว... ด้วยความที่ไม่อยากคิดไปเอง ฉันเลยตีความว่ามันเป็นแค่คำพูดที่เพื่อนมีให้กัน ไม่คิดเลย... ไม่คิดจริงๆ ว่าความรู้สึกของเธอจะเหมือนกับฉัน ไม่เช่นนั้น ฉันคงบอกทิฟฟานี่ไปแล้วล่ะ ว่าฉันรักเจสสิก้ามากแค่ไหน

                     

                      “ฉันก็แค่ไม่คิดว่าสิก้าจะรักเขา ไม่คิดว่าคนที่ เคยรักฉัน... จะคบกับเขา”

                     

                      “พอแล้ว!! หยุดพูดซะที” เจสสิก้าผลักฉันให้พ้นจากเธอ ก่อนที่ร่างบางจะลงไปยืนสะอื้นฮักอยู่ข้างเตียง ดวงตาจ้องมองฉันด้วยประกายน้อยใจ ตัดพ้อ รวมถึงความรักอันเปี่ยมล้น... ที่ฉันเพิ่งได้สังเกตเห็นถึงมัน... ในวันที่สายเกิน

                     

                      สิก้ารักแท! ได้ยินชัดพอมั้ย... สิก้ารักแท รักมาโดยตลอด รักแทมาก่อนที่เราจะเป็นเพื่อนกัน แทรู้บ้างมั้ยว่าสิก้าต้องข่มใจแค่ไหน ที่ไม่อาจเผยความในใจไปได้ เพราะกลัวจะเสียความเป็นเพื่อน แล้วอยู่ๆ แทก็ทำเหมือนยัดเยียดสิก้าให้คนอื่น จะให้สิก้าทำยังไง... สิก้าต้องทำยังไงถึงจะหายเจ็บล่ะแท...”  

                     

                      “แทขอโทษ... แทขอโทษทุกเรื่องนะคะ” ใช้ชื่อแทนตนเองก่อนจะเดินเข้าไปกอดอีกคนแน่นจากทางด้านหลัง “แทผิดเองแหละ... ผิดที่ไม่ยอมมองคนใกล้ตัว ผิดที่รู้ตัวช้าไป ผิดที่ให้สิก้ารู้จักกับเขา ผิดที่รู้อีกทีก็เสียใจเวลาเห็นสิก้ากับเขารักกัน...” ความผิดทั้งหมด ชดใช้ด้วยความเจ็บปวดของเราสองคนอาจยังไม่เพียงพอ สุดท้ายเลยต้องลากคนที่สามเข้ามาเจ็บด้วยอย่างทิฟฟานี่ เขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลย ฉันสิที่เลวเกินทานทน มาแอบพรอดกับกับแฟนของพี่สาว...

                     

                      ขณะกำลังข่มกอดสะอื้นในหัวใจ อยู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนถูกคนตรงหน้าดึงไปจูบบางเบา รสจูบที่สัมผัสได้เพียงความอ่อนนุ่มของริมฝีปากแดงเรื่อ ก่อนที่เจ้าตัวจะดันฉันออกแล้วไปยืนริมระเบียงแทน

                     

                      “ส...สิก้า...จูบแทหรอ...” ถามเหมือนเด็กประถมขณะเดินไปใกล้เธอ แก้มขึ้นสีแดงเรื่อฉาบจางๆ ด้วยอาการเขินอาย ส่วนคนจูบกลับไม่หันมามองหน้าฉันเลยซักนิด

                     

                      “อื้ม...”

                     

                      “จูบ?... จูบทำไม...” คางเกยไหล่มน ลมหายใจระเรื่อยอยู่ยังใบหู พยายามหันหน้าไปมองคนข้างๆ ก่อนจะยิ้มด้วยรอยยิ้มอันแสนเศร้า

                     

                      “เพราะรักไง... สิก้ารักแท...”

                     

                      “ทำไมเวลาที่ฟังสิก้าบอกรัก แทถึงได้เจ็บขนาดนี้นะ...” เลื่อนมือของเธอมากุมหน้าอกด้านซ้ายไว้ทั้งที่หยาดน้ำตาเริ่มขึ้นมาคลอเอ่อ “ข้างในมันเจ็บมากๆ... จนเหมือนจะแตกสลายได้อยู่แล้ว”

                     

                      “พอเถอะแท... อย่าพูดอะไรที่มันทำร้ายพวกเราเลย”

                     

                      “นั่นสิเนอะ...” พลิกร่างของเธอให้หันกลับมา ก้มต่ำลงจนปลายจมูกคลอเคลียกับแก้มใส ฉันประคองใบหน้าของเธอเอาไว้ ก่อนจะค่อยๆ จรดริมฝีปากลงไปบนนั้น ปลายลิ้นไล้ตามเรียวปากบาง ซึ่งเจสสิก้าเองก็ยอมให้ฉันเข้าไปสำรวจความหอมหวานภายในได้เป็นอย่างดี ยิ่งลิ้มรสมากเท่าไหร่ ก็เหมือนกับยิ่งตกอยู่ในห้วงแห่งความหลงใหลจนยากจะถอนตัวได้ รู้อีกทีฉันก็ค่อยๆ ดันร่างของเธอลงบนโซฟาตัวยาวเสียแล้ว

                     

                      มือลูบไล้เปะปะไปทั่วร่างสวยอย่างต้องการทำความรู้จัก ทุกอย่างดำเนินไปอย่างที่ฉันแทบไม่รู้สึกตัว ขณะที่เธอนั้นก็ตอบสนองฉันโดยไม่ขัดขืน ไม่ต่างอะไรกับเวลาไฟและน้ำมันเข้าใกล้กัน

                     

                  “ปล่อยตัวปล่อยใจไว้อย่างนี้... แอบเค้าอย่างนี้... คงไม่ดีเท่าไหร่~” เสียงริงโทนของเธอดังขึ้นทำให้ฉันต้องรีบผละออกโดยเร็ว เพื่อนสนิทมองหน้าฉันอย่างตัดพ้อแล้วเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มาดู หากดวงตาที่เศร้าหมองลงของเธอนั้น ทำให้ฉันรู้ดีว่าใครเป็นคนโทรมา

                     

                      “อันยองค่ะ...ฟานี่”

                     

                      “แทกลับก่อนนะ...” ไม่ต้องรอให้เธอตอบรับหรือบอกลา ฉันก็รีบวิ่งเพื่อพาตนเองออกมาจากจุดนั้นโดยเร็ว ไม่อาจทนฝืนหน้าด้านมองดูเธอคุยโทรศัพท์กับคนที่ได้ชื่อว่าแฟนของเธอต่อไปได้ ยิ่งรู้ว่าเขาคนนั้นคือพี่สาวที่แสนดีของฉัน มันก็ยิ่งทรมานปางตาย

                     

       

                      ...หยาดน้ำตาที่มี ไม่อาจลบเลือนแม้ซักครึ่งของความเจ็บปวดในใจ...

       

                     

       

       

       

       

                      ถนนยามค่ำคืนเงียบสนิท นานๆ จะมีรถแล่นผ่านไปมาซักคัน หากฉันกลับแทบไม่รู้เรื่องราวภายนอกเลย อาการปวดร้าวที่เกิดขึ้น มันพาให้ฉันอยากจะหนีจากตรงนี้ไปเสียดื้อๆ หนีไปให้ไกล ไม่ต้องพบเจอหน้าเธอ ไม่ต้องมารับรู้ว่าถึงแม้เราจะรักกันมากแค่ไหน สุดท้ายรักมันก็ได้แค่รัก ไม่มีสิทธิ์คบกันหรือไม่มีสิทธิ์ฝันถึงกัน

                     

                      แค่รักมันก็ผิดแล้วล่ะ... สุดท้ายเลยมานอนกอดน้ำตาตัวเองอยู่นี่ไง

                     

                      “พี่แท!” เสียงเรียกที่ดังมาจากเบื้องหลังทำให้ฉันชะงักฝีเท้า หันกลับไปทั้งที่ยังก้มหน้าก้มตาอยู่เพื่อไม่อยากให้ยุนอาต้องเห็นน้ำตาที่อาบใบหน้าใส ทว่าก็ไม่ได้ผลเมื่อมือเรียวเชยคางของฉันขึ้นให้สบกับดวงตาสีเข้มของเธอ ไม่รู้ว่ายุนอามายืนอยู่ตรงนี้ได้ไง หากฉันกลับรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก เมื่อในวินาทีที่ฉันคิดว่าไม่เหลือใคร กลับมีเด็กที่คอยตามจีบฉันทั้งที่เธอเองก็มีแฟนอยู่แล้ว

                     

                      “พี่แทร้องไห้ทำไมคะ” ร่างสูงถามด้วยความเป็นห่วง พยุงฉันให้ไปนั่งในรถของตนเองที่จอดทิ้งไว้ด้วยมองเห็นชัดว่าคงปล่อยให้ฉันเดินอย่างรู้จุดหมายไปเฉยๆ อย่างนี้ไม่ได้ นิ้วเรียวไล้ไปตามพวงแก้มเพื่อเกลี่ยซับน้ำใสที่อาบใบหน้า ก่อนจะกดจูบตามมาบนหน้าผากมนเชิงปลอบประโลม

                     

                      “ใครทำพี่แทร้องไห้”

                     

                      “พี่ทำตัวเอง... ฮึก...” สะอื้นอย่างไม่อาย ดึงคนตัวสูงมากอดไว้ มือขยำปกเสื้อเชิ้ตสีขาวจนยับยู่ยี่เพื่อระบายความในใจที่คั่งค้าง “ได้ยินมั้ย...พี่มันบ้าเองแหละ พี่มันบ้าที่พี่รักเขา...”

                     

                      “พี่แท...” ยุนอาเรียกชื่อฉันเสียงแหบพร่า เธอรู้สึกอึดอัดใจที่ไม่อาจช่วยอะไรฉันได้นอกจากมองฉันที่กำลังร้องไห้ฟูมฟายเหมือนกับคนสิ้นหวังในทุกอย่าง ทั้งที่ฉันควรจะดีใจไม่ใช่หรือ ในเมื่อเพื่อนสนิทที่ฉันแอบรักเธอเองก็คิดตรงกันเหมือนกับฉัน มันคงเป็นวันที่ฉันมีความสุขที่สุด ถ้าไม่เป็นเพราะฉันคือคนที่ปล่อยมือเธอไปให้เขาเอง

                     

                     

                      ...ถ้ารู้ว่าเรื่องมันต้องเป็นอย่างนี้ สู้ไม่ให้เธอรักฉันเลยมันคงเจ็บน้อยกว่า...

                     

                      ...ยิ่งรู้ว่าเรารักกันมากเท่าไหร่ ยิ่งกรีดหัวใจฉันให้เป็นแผลบาดลึกมากขึ้นทุกที...

                     

       

                      “พี่อยากลืมเขา... พี่ไม่อยากรักเขา ไม่อยากทำผิดต่อพี่ชายพี่แล้ว...” ฉันยังคงพร่ำเพ้อต่อไป

                     

                      “พี่...ดื่มมาหรอ?” ยุนอาถามเมื่อได้กลิ่นแอลกอฮอล์บางๆ ที่มาจากตัวฉัน ถูกของเธอ...ฉันเพิ่งไปนั่งดื่มในผับแถวๆ นี้มา ความร้อนผ่าวตีตื้นไปทั่วผิวกาย สมองเริ่มมึนเบลอจับต้นชนปลายไม่ถูก มีเพียงอย่างเดียวที่ฉันรับรู้ได้คือเสียงหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะอันแสนทรมานนี่เท่านั้น

                     

                      “แค่อยากเมา...จะได้ลืมเขาซะที”

                     

                      “ยุนจะช่วยทำให้พี่ลืมเขาเอง!” ร่างสูงว่าแล้วดึงฉันเข้าไปประกบริมฝีปากแน่นอย่างไม่ทันให้ฉันตั้งตัว ยิ่งในนาทีที่สติไม่สมบูรณ์ครบก้วน ประกอบกับเบียร์ที่เพิ่งดื่มไปทำให้ร่างกายร้อนวูบวาบอย่างบอกไม่ถูก ดวงตาพร่าเลือนจนไม่อยากเพ่งสิ่งใดอีก มันหลับตาพริ้มเมื่อรับรู้ถึงรสจูบที่ปรนเปรออยู่ยังริมฝีปาก

                     

                     

                      ...มันอาจไม่หอมหวานเหมือนจูบของใครบางคน...

                     

                      ...แต่มันก็ทำให้ฉันพอจะลืมเรื่องราวรอบกายไปได้...

                     

       

                      ยุนอาทำทุกอย่างด้วยความเชื่องช้า เธอย้ายจากที่คนขับมาอยู่เบาะเดียวกับฉันแทนทั้งที่ยังไม่ยอมคลายริมฝีปากออกจากกัน มือเอื้อมไปกดปรับเบาะให้เอนลง แล้วดันร่างฉันให้นอนลงไปช้าๆ ปลายนิ้วไล้ไปตามเรือนร่างอย่างซุกซนส่วนฉันกลับเอนอ่อนยอมเธออย่างง่ายๆ

                     

                     

                      ...อยากลืม... อยากลืมเรื่องวันนี้ให้หมด...

                     

                      ...ฉันไม่อยากรักเธออย่างนี้อีกแล้ว... เจสสิก้า...

                     

       

                      “อย่าร้องไห้อีกเลยนะคะ...” น้ำเสียงอันแสนอ่อนโยน ตามมาด้วยความรู้สึกว่างเปล่าและวาบหวิวที่ลามไปทั่วสรรพางค์กายทำให้ฉันไม่รู้สึกตัวอะไรอีกต่อไป

                     

                     

                      ...รู้เพียงแค่ การกระทำนี้ มันคงช่วยให้ลืมความเจ็บปวดไปเพียงชั่วครู่ได้ล่ะมั้ง...

       

                     

       

       

       

       

       

                      ผ่านไปราวๆ สามอาทิตย์ได้ วงเวียนหัวใจของฉันก็ยังคงสับสนเช่นเคย ไม่มีวันไหนที่ฉันจะเลิกรักเจสสิก้าได้จริงๆ เสียทีอย่างที่เคยตั้งความหวังเอาไว้ หากทุกครั้งที่ฉันเจ็บเวลาเห็นเธอกับพี่สาวของฉันคุยกันเมื่อไหร่ ฉันก็จะไปหายุนอาให้คอยปลอบใจอยู่เสมอๆ

                     

                      รู้ว่ามันเหมือนกับเป็นคนเลวที่ให้ความหวังและโลเลไปทั่ว ทว่าใจของฉันไม่เคยอยู่ที่ยุนอาเลยแม้แต่น้อย เรื่องนั้นรุ่นน้องก็ทราบดี เธอรู้ตัวดีว่าสำหรับเธอแล้ว... คงเป็นได้แค่รุ่นน้องที่แสนดี หรือไม่งั้นก็คนที่คอยฟังฉันระบายเรื่องราวอันน่าเจ็บปวดหัวใจ... หากฉันผิดหรอที่ต้องการใครซักคนมาอยู่เคียงข้าง ในเมื่อฉันเองก็มีหัวใจเพียงแค่ดวงเดียว มันเจ็บมาซ้ำๆ จนยับเยิน ไม่เหลือให้นั่งประกอบใหม่แล้ว

                     

                      ยุนอามีแฟนแล้ว... เธอเองก็ไม่เคยรู้สึกกับฉันข้ามไปขั้นรัก นอกจากแค่ชอบหรือปลื้มหลงใหลอย่างที่เจ้าตัวเคยลั่นปาก ความสัมพันธ์ของเราสองคนจึงกระท่อนกระแท่นไป ไม่ได้คบกันจริงๆ ขั้นจะเรียกแฟน แต่ก็สนิทเกินกว่าคนทั่วไปเขาจะเป็นกัน

                     

                      จะว่าไป... ฉันเหมือนเป็นคนเลวที่เลวซ้ำซ้อนเหลือเกิน...

                     

                      แอบรักแฟนพี่สาวตัวเองยังไม่พอ ยังมามีหน้ามีสัมพันธ์เกินเลยกับแฟนของชาวบ้านอย่างยุนอาอีกต่างหาก ไหนๆ จะเลวแล้ว ฉันเองก็อยากเลวให้สุดๆ เหมือนกัน... เลวด้วยการแย่งเธอให้กลับคืนมาเป็นของฉันเหมือนเดิม

                     

       

                      ...เฮ้อ... สุดท้ายฉันก็ยังคงไม่กล้าเหมือนเคย แล้วดีใจด้วยที่ตนเองไม่กล้า...

                     

                      ...การแย่งเจสสิก้ามาจากทิฟฟานี่ มันคงเป็นทางเลือกสุดท้ายที่ฉันจะทำ...

                     

       

                      “แท... อยู่กับสิก้าทั้งทีนะ คิดเรื่องอะไรอยู่หรอ...” น้ำเสียงกระเง้ากระงอดปลุกฉันให้ตื่นจากภวังค์ จากที่เคยนอนเอกเขนกอยู่บนโซฟาใหญ่กลางห้องเธอเลยต้องหันมายิ้มแหยๆ ให้กับร่างบางที่มากระเง้ากระงอดเกาะเกี่ยวแขน เจสสิก้าดึงหูฟังข้างนึงไปจากฉันแล้วโน้มหน้ามาเป่าลมเบาๆ ใส่หูทำให้ต้องขนลุกซู่...

                     

                      “อื้อ... สิก้าเล่นอะไรน่ะ” บ่ายเบี่ยงเมื่อเห็นว่าไม่ค่อยเหมาะสม ในเมื่อเธอยังคบกับพี่ฉันอยู่ ความจริงมันคงไม่เหมาะตั้งแต่ฉันมานั่งอยู่ในห้องเธอดึกๆ ดื่นๆ เช่นนี้แล้วล่ะ หากถ้าไม่เป็นเพราะรายงานเล็กน้อยที่เราต้องทำร่วมกัน ประกอบกับแรงอ้อนวอนขอที่เธอเหนี่ยวรั้งฉันไว้ให้นอนที่นี่

                     

                     

                      ...เคยขัดอะไรเธอได้บ้างล่ะ?... พอแพ้ใจตัวเองก็มานั่งรู้สึกผิดทุกที!...

                     

       

                      “แทแทไม่สนใจสิก้าเลย”

                     

                      “เฮ้อ...” ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วลูบผมบลอนด์ของคนที่มานอนเกยบนตัวฉันเบาๆ

                     

                      “คิดมากอีกแล้วนะแท...”

                     

                      “สิก้าคิดว่าแทควรตัดใจจากสิก้ารึเปล่า” ถามไปก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ถึงเธอจะตอบว่าควรทำ แต่เป็นฉันเองนี่แหละที่ก็ไม่แน่ใจว่าจะตัดใจ ตัดขาดจากเธอได้จริงๆ มั้ย ได้แต่ปล่อยให้เรื่องมันคาราคาซังอยู่แบบนี้ เอาตรงๆ คือถึงแม้ไม่อยากแย่งแฟนของพี่สาวร่วมสายเลือด หากสิ่งที่ฉันทำอยู่ มันแทบไม่ต่างจากกิ๊ก หรือชู้ หรืออะไรก็ตามที่คนอื่นเขาตราหน้าว่ามือที่สามเลยแม้แต่น้อย

                     

                      ความรักเป็นเรื่องของคนสองคน ทว่าถ้าเจสสิก้าต้องการจับมือฉันเอาไว้ ในขณะที่มือเธอยังกุมมือเขาอยู่ แล้วเราสามคน...ใครควรจะปล่อยมือไปดีล่ะ...

                     

                     

                      ...มันต้องเป็นฉันใช่มั้ย ในเมื่อฉันมันโง่เองที่ให้เธอเดินไปกับเขาตั้งแต่แรก...

                     

       

                      “ถึงแทจะไม่รักสิก้า... ยังไงสิก้าก็ยังรักแทอยู่ แล้วสิก้าก็จะไม่ตัดใจจากแทด้วย!

                     

                      “สิก้าพูดอะไรน่ะ... ตกลงสิก้ารักแทหรือรักเขากันแน่”

                     

                      “แล้วแทจะให้สิก้าพูดอีกกี่ครั้ง!... สิก้ารักแท... รักมากได้ยินมั้ย... สิก้ารักแทแท แต่แทแทเข้าใจมั้ยว่าตอนนี้สิก้ายังเลิกกับฟานี่ไม่ได้...” ต่อให้เลิกได้...ฉันก็ไม่อยากให้เธอเลิกกับทิฟฟานี่เลยซักนิด ในเมื่อฉันไม่ต้องการเห็นพี่สาวของฉันเสียใจเพราะความรัก หรือต้องมานั่งเจ็บปวดเหมือนฉันอีก...

                     

                      “ช่างเถอะ... เป็นเพื่อนกันน่ะดีแล้ว” ปลอบตัวเองทั้งที่แทบจะร้องไห้ แล้วกดเปิดไปพอดเพื่อเล่นเพลงคลอไปเบาๆ ขณะที่เธอยังทำหน้าเศร้าแล้วสวมหูฟังเพราะอยากรู้ว่าเพลงอะไรที่ฉันกำลังกดเล่นมันซ้ำๆ อย่างไม่มีเบื่อ

                     

                      “แท... แทรอสิก้าได้มั้ยคะ” น้ำเสียงหวานดังขึ้นระหว่างที่อินโทรอันยืดเยื้อของเพลงยังดำเนินอยู่ ฉันเงยหน้ามองคนในอ้อมกอดด้วยความไม่เข้าใจ ก่อนที่เจ้าตัวจะเฉลยด้วยเสียงสั่นเครือ

                     

                      “รอสิก้า... รอวันที่สิก้าเลิกกับเขา...”

                     

                      “อื้ม....... แทจะรอค่ะ...” สัญญาไปแล้ว... หากความเป็นจริงนั่นเล่า ฉันจะยอมให้พวกเขาเลิกกันได้จริงๆ น่ะหรือ จะยอมรับคำกล่าวหาอันโหดร้ายว่าแย่งแฟนพี่ตัวเองได้จริงๆ หรอ?...

                     

                     

                      ...ไม่รู้เลย... ไม่รู้อะไรเลย...

                     

       

                  [เจ็บและจริงๆ ก็พร้อมจะไป แต่วันนี้เธอเป็นคนที่ขอให้รอ อีกครั้งที่จะยอมเธอแม้ใจมันจะท้อ กับการต้องรอให้เธอนั้นเคลียร์เรื่องเขา]

                     

                      เสียงเพลงโปรดระยะทำใจดังขึ้นในโสตประสาท ทำให้ฉันต้องหลับตาพริ้มเพื่อไม่อยากให้น้ำใสที่เริ่มคลอเอ่อยู่ต้องไหลรินออกมา ไม่รู้ว่าเธอจะเข้าใจความหมายของเพลงๆ นี้มั้ย ทว่าระยะทำใจของเธอมันยาวนานแค่ไหนกัน การรอคอยอย่างไร้ความหวังของฉันมันจะมีจุดสิ้นสุดอยู่ลง ณ ปลายทางใด...

                 

                  [หลบอยู่ลำพังเพ้อหวังลมๆ กับเหตุผลเธอเป็นคนพูดให้ดีใจ กับเขาที่คบทุกวันมันเหมือนทนกันไป อยู่ในระยะทำใจในการเลิกรา]

                 

                      “แท... ฮึก... สิก้าไม่ได้รักฟานี่... แต่สิก้าเลิกกับฟานี่ไม่ได้...” น้ำเสียงใสคร่ำครวญ เธอซบลงกับหน้าอกฉันเพื่อใช้เสื้อยืดที่ฉันใส่อยู่เป็นที่ซับน้ำตา แต่เจ้าตัวจะรู้บ้างมั้ยว่าในใจของฉันมันร้องไห้จนความเจ็บปวดไหลเอ่อท่วมไปทั้งใจแล้ว

                     

                  [อีกนานไหมเธอจะทำใจได้หรือเปล่า หากว่ามันยืดยาว แล้วฉันต้องทำเช่นไร]

                 

                      “อย่าโทษตัวเองเลยสิก้า... แทคงได้แค่รอจริงๆ...”

                     

                  [ที่มันท้อไม่ใช่ต้องรอเท่าไหร่ แต่กลัวเธอไม่ตัดใจ สุดท้ายคนรอไม่เหลืออะไร ยิ่งซ้ำเติมความเสียใจให้ คนที่มันรักเธอ]

                 

                      “พอแล้วแท... แทจะฟังให้มันได้อะไรขึ้นมา” เจสสิก้าดึงหูฟังออกจากหูของฉัน ก่อนจะแย่งไอพอดไปวางไว้ยังโต๊ะรับแขก เธอดันฉันให้นอนลงกับโซฟาท่ามกลางความตกใจของฉัน หากยังไม่ทันตั้งตัวก็ต้องตกใจระลอกสอง เมื่อร่างบางบดจูบลงมายังเรียวปาก... รสจูบรุนแรงเต็มไปด้วยความเร่าร้อนอย่างที่ฉันไม่เคยรู้สึกมาก่อน

                     

                      “ส...สิก้าจะทำอะไรน่ะ”

                     

                      “สิก้าอยากเป็นของแท... ของแทคนเดียว” ไม่พูดเปล่า เธอยังถอดเสื้อยืดของฉันออกไปได้อย่างง่ายดาย ริมฝีปากซุกซนไล้ลงมาตามลำคอก่อนจะขบเม้มแน่นเพื่อฝากรอยแดงแสดงความเป็นเจ้าของพาให้ฉันรู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งใจ กายร้อนผ่าวขึ้นมาเมื่อโดนปลุกความรู้สึกปรารถนาเบื้องลึกให้ครุกรุ่น

                     

                      “สิก้า...พอเถอะ อย่าทำแบบนี้”

                     

                      “ทำไมคะ... หรือแทแทรังเกียจสิก้า” คนถามน้ำตาคลอเอ่อ ทำเอาฉันทั้งใจสั่นและหวั่นไหว นึกอยากจะห้ามปรามการกระทำไม่ให้เกินเลยกว่านี้ หากทั้งหัวใจและร่างกายมันร่ำร้องหาคนตรงหน้าจนแทบบ้า เมื่อว่ายิ่งถ้าปล่อยนานกว่านี้ ไฟรักจะแผดเผาใจให้ต้องมอดไหม้

                     

                      “แทไม่ได้รังเกียจสิก้า... แค่มันไม่เหมาะ” ตอบเสียงอ้อมแอ้ม พยายามหลบสายตาของเธอที่จ้องมองมา มือดันร่างบางที่คร่อมตัวอยู่ออก ทว่าอีกคนกลับก้มลงมากอดฉันเอาไว้แน่นแทน

                     

                      “แทรังเกียจสิก้าจริงๆ ด้วย” เจสสิก้าสะอื้นฮัก ยิ่งเธอตัดพ้อมากเท่าไหร่ก็ไม่ต่างอะไรกับการตัดหัวใจของฉันจนไม่เหลือเป็นดวง มือยกขึ้นไล้ไปตามแก้มใสเพื่อเกลี่ยซับหยาดน้ำตา ก่อนจะพลิกเธอให้ลงไปอยู่ภายใต้แทน ปลายจมูกไล้เวียนไปทั่วใบหน้าของเธอ

                     

                      “แทจะรังเกียจคนที่แทรักได้ยังไงล่ะ...” สิ้นคำ แฟนพี่สาวก็เอื้อมมือมาลูบไล้แผ่นหลังไปทั่ว ทำเอาความรู้สึกร้อนผ่าวแล่นเข้ามาให้ต้องสั่นไหว ฟันขบริมฝีปากตนเองแน่นอย่างสะกดกลั้นอารมณ์

                     

                      “สิก้า... อย่าทำอย่างนี้สิ... เดี๋ยวฉันก็หยุดไม่ได้พอดี... อื้ม...” ไม่ทันจะได้ร้องห้าม เจสสิก้าก็โน้มหน้าฉันลงไปเพื่อมอบรอยจูบอันแสนเร่าร้อนให้ แล้วสุดท้าย แม้ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีจะตราตรึงอยู่ในใจมากแค่ไหน หากสัมผัสของคนที่ฉันรักอยู่มันกำลังทำให้ฉันแทบคลั่งตาย ร่างกายเหมือนไม่ฟังคำสั่งสมอง เมื่อหัวใจมันลอยละลิ่วไปไกลจนเกินหวนกลับ ฉันค่อยๆ ตอบสนองเธอด้วยความรักใคร่อันล้นปรี่

                     

                     

                      ...ใจสองดวงที่ตรงกัน ถูกขั้นด้วยกำแพงหนาใหญ่ของคำว่าเพื่อนมาเนิ่นนาน...

                     

                      ...แม้ความสัมพันธ์เราจะเกินเลย แต่เหตุใดกลับเหมือนว่าเราไม่เคยก้าวข้ามกำแพงนั้นได้เสียที...

       

                     

       

       

       

       

                      “น้องชาย” เสียงเรียกอันคุ้นเคยดังมาจากทางเบื้องหลัง ทำให้ฉันที่กำลังนอนเล่นโน๊ตบุ๊คเครื่องโปรดอยู่บนเตียงถึงกับสะดุ้ง หันไปยิ้มแหยๆ ให้ทิฟฟานี่ด้วยความแปลกใจ เมื่อร้อยวันพันปี ไม่เคยเห็นเธอเดินเข้ามาในห้องนี้เลยซักครั้ง อาจตั้งแต่ที่เมื่อเราสองคนต่างเติบโตขึ้น เธอเลยเริ่มให้อิสระ รวมถึงโลกส่วนตัวของฉันที่เธอจะไม่เข้ามาก้าวก่าย

                     

                      “คะ?...พี่ชาย” ตอบกลับด้วยสรรพนามอันคุ้นเคยที่เราสองคนมักเรียกกันเล่นๆ ประจำอย่างหยอกล้อ ทว่าก็ไม่ได้ทำให้สีหน้าของทิฟฟานี่ดีขึ้นเลยซักนิด

                     

                      “พี่คบกับสิก้ามาเดือนกว่าแล้ว...”

                     

                      “อื้ม ทำไมหรอ” ทำไมฉันจะไม่รู้ล่ะว่าพวกเธอคบกันนานแค่ไหน ในเมื่อทิฟฟานี่เล่นกาปฏิทินกลางบ้านนับวันที่เธอคบกับเจสสิก้าขนาดนั้น ฉันเลยมีสิทธิ์แค่นับวันแห่งความเจ็บปวดไปเรื่อยๆ แรกๆ มันก็อาจทรมานเจียนตาย หากนานวันไปหัวใจดวงนี้ก็เริ่มด้านช้า

                     

                      แต่ฉันไม่เข้าใจเลยว่า... อยู่ๆ เธอมาพูดเรื่องนี้ทำไม...

                     

                      “พี่แค่รู้สึกเหมือนกับเขาไม่มีเวลาให้พี่เลย... เวลาพี่โทรไปสายก็ไม่ค่อยว่าง หรือไม่เขาก็กดสายทิ้ง พี่จะไปหา...เขาก็บ่ายเบี่ยงไม่ให้ไปอยู่เสมอ... ที่สำคัญ... เค้าไม่เคยทำเหมือนว่าเขารักพี่เลยซักครั้ง” ทิฟฟานี่ว่าพลางถอนหายใจก่อนจะนั่งลงเคียงข้างฉันให้ต้องรู้สึกสะดุ้ง แม้ประโยคของเธอจะไม่ได้ชวนหาเรื่อง ทว่าคนมีความผิดติดตัว มันอดเสียววาบในใจไม่ได้

                     

                      “คิดมากน่า... เขาอาจจะไม่ว่างจริงๆ ก็ได้มั้งคะ”

                     

                      “พี่รักสิก้า... รักมากจริงๆ... รักมากจนไม่เคยคิดว่าถ้าวันนึงที่พี่ต้องเสียเขาไป พี่จะทำยังไงดี” เธอยกมือเรียวขึ้นปิดใบหน้า เมื่อจะกลั้นหยาดน้ำตาที่เริ่มคลอเอ่อ ทำเอาฉันโอบกอดเธอจากทางด้านหลังไว้อย่างหลวมๆ ปรายหางตามองโน๊ตบุ๊คที่มีเสียงเบาๆ ของโปรแกรมสนทนาเอ็มเอสเอ็นดังให้ได้ยิน ก่อนจะกดพับหน้าจอลง เนื่องจากไม่อยากให้ทิฟฟานี่ต้องเห็น...

                     

                     

                      ...คนที่เธอพร่ำเพ้อว่าเธอรักนักหนา กำลังคุยเอ็มกับฉันอยู่โดยไม่รู้เรื่องเลยซักนิด...

                     

                     

                      “สิก้าก็รักพี่เหมือนกันแหละค่ะ ไม่งั้นเขาคงไม่เลือกพี่”

                     

                      “พี่คงคิดมากไปเองงั้นสินะ” ทิฟฟานี่หัวเราะแผ่วเบา แล้วยิ้มให้ฉันด้วยรอยยิ้มอันเบาบาง “พี่ไม่รบกวนแล้วล่ะ ฝันดีนะน้องชายที่รัก”

                     

                      “ค่ะ...”

                 

                 

                  ...น้องชายที่รัก... งั้นหรอ... คนอย่างฉันมันไม่สมควรกับคำๆ นั้นหรอกค่ะพี่ทิฟฟานี่... คนที่เป็นได้เพียงแค่กามเทพจอมปลอม ทำให้พี่กับเพื่อนของฉันรักกัน หากสุดท้ายทนความเจ็บปวดไม่ไหว ต้องฝืนชะตาเส้นทางเดินที่ตนเองสร้างขึ้น ด้วยการกลายเป็นมือที่สามคอยแทงข้างหลังซะเอง

                     

       

                      ถ้าพี่รู้ความจริง... จะเกลียดฉันคนนี้มากแค่ไหนกันนะ?...

                     

       

                      เสียงเขย่าหน้าจอยังดังให้ได้ยินอย่างต่อเนื่อง ทำเอาฉันต้องหันมาให้ความสนใจกับโน๊ตบุ๊คเครื่องโปรดตามเดิม เป็นอย่างที่คิด... เมื่อใดที่ฉันตอบช้า เจสสิก้าก็มักจะกระวนกระวายอย่างนี้เสมอ

                     

                     

                      Jessica: แทแท...หายไปไหนอ่ะ ไม่อยากคุยกับสิก้าแล้วหรอคะ

                     

                  Kim Tae: สิก้า... แทขอโทษนะ

                     

       

                      มือสั่นเทาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ถอนหายใจเฮือกใหญ่เพื่อเรียกความมั่นใจให้กลับคืนมา...

                     

       

                      ...เรื่องมันควรเป็นอย่างนี้แต่แรกอยู่แล้ว ที่ฉันทำทุกอย่างมันผิดมาโดยตลอด... คราวนี้ก็ถึงวันที่ควรทำมันให้ถูกต้องเสียที...

                     

                      ...ความรัก ไม่ใช่ทุกอย่างบนโลกนี้ ฉันควรจะนึกถึงคำๆ นั้นได้ตั้งนานแล้ว...

                     

       

                      Jessica: หืม?... เรื่องอะไรคะ??

                     

                  Kim Tae: กลับไปหาเขาเถอะ ยิ่งเห็นเขารักสิก้ามากแค่ไหน แล้วแทยิ่งรู้สึกแย่... แทไม่อยากทำตัวเป็นคนเลว แทไม่อยากรออย่างไร้ความหวังต่อไปเรื่อยๆ อย่างนี้

                     

                Jessica: ………………

                     

                  Kim Tae: รักเขาให้มากๆ นะ... รักเขาในส่วนของแทด้วย นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่แทพูดคำนี้...

                     

                  Kim Tae: แทรักสิก้าค่ะ... เรากลับไปเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเหมือนเดิมนะ...

                     

       

                      อาจเหมือนง่าย ทว่าทำไมทุกครั้งที่จดแป้นพิมพ์มันช่างยากเย็นเหลือเกิน... ฉันหัดกลายเป็นคนหลอกลวงไปตั้งแต่เมื่อไหร่?... คำว่าเพื่อนที่ดีน่ะหรอที่ฉันจะให้เธอได้ ในเมื่อฉันคนนี้รักเธอมามากมายจนแทบไม่อาจตัดได้ขาดแล้ว หากก็ยังจะดันทุรังให้เรื่องมันดำเนินต่อไปในรูปแบบนี้

                     

       

                      ...ทิฟฟานี่รักเธอมาก ฉันเชื่อว่าเขาต้องดูแลเธอได้ดีกว่าฉัน...

                     

                      ...อย่างน้อยๆ แม้ฉันจะเป็นคนรักที่แย่และโง่ ทว่าขอเป็นน้องสาวที่ดีบ้างได้มั้ย...

                     

       

                      Jessica: สิก้าจะบอกเรื่องทุกอย่างกับฟานี่

                     

                  Kim Tae: ฟานี่เขารักสิก้ามากนะ... เรื่องระหว่างเรามันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว

                     

                Jessica: ถ้าแทแทไม่รักสิก้า... สิก้าจะไม่เจ็บเท่ากับการที่แทแทผลักไสสิก้าไปให้เขาเลย

                     

                  Kim Tae: เป็นเพื่อนกันน่ะดีที่สุดแล้วล่ะสิก้า...

                     

                Jessica: ต่อจากนี้เราคงไม่ได้รักกันแล้วใช่มั้ย... ถ้างั้นสิก้าจะไปจากที่นี่...

                     

                  Kim Tae: สิก้าจะไปไหน... อย่าไปนะ! นึกถึงเขาบ้างสิ เขาที่รักสิก้า แล้วแทล่ะ...ถึงเราจะรักกันไม่ได้ แต่เราก็ยังเป็นเพื่อนกันได้นะ สัญญาสิว่าเราจะเป็นเพื่อนกัน...สัญญากับแท

               

                Jessica: ขอโทษนะ... สิก้าให้สัญญาไม่ได้ ให้สิก้าเลิกรักแทแท สิก้าทำไม่ได้หรอก สิก้าเป็นเพื่อนกับแทแทไม่ได้จริงๆ...

                     

       

                      หลังจากนั้นเจสสิก้าก็ออฟไลน์ไปอย่างไม่ทันให้ฉันตั้งตัว มือรัวคีย์บอร์ดอย่างบ้าคลั่ง ทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่กลับมาตอบฉันอีกแล้ว หยาดน้ำตามาจากไหนไม่รู้ หากมันค่อยๆ ไหลอาบใบหน้าเต็มไปหมด ทั้งเจ็บปวด...ทั้งเสียใจ ทั้งอึดอัด ทรมานกับความรู้สึกที่ไม่อาจบรรยายเป็นคำพูดได้

                     

       

                      ...หวังว่าเธอจะไม่ไปไหน... หวังว่าเธอจะอยู่เพื่อคนที่รักเธอ...

                     

                      ...ใครอีกคนที่ไม่ใช่ฉัน...

       

                     

       

       

       

       

                      “แคว่ก!” เสียงกระดาษขาดดังขึ้นขณะที่ฉันกำลังก้าวลงบันได แล้วก็ต้องตกใจไม่น้อยเมื่อพบว่าที่มาของต้นเสียงคือปฏิทินแผ่นใหญ่กลางบ้านที่ถูกทิฟฟานี่ฉีกออกอย่างไม่มีชิ้นดี พี่สาวฉันคุกเข่านั่งลงกับพื้น แผ่นหลังบางที่สั่นสะท้าน พร้อมๆ กับเสียงสะอื้น มันทำให้ฉันรู้ได้เป็นอย่างดีว่าเธอกำลังร้องไห้

                     

                     

                      ...มันคงไม่ใช่เรื่องที่ฉันคิดหรอกนะ...

                     

       

                      “เกิดอะไรขึ้นคะ”

                     

                      “นี่สิก้าไม่ได้บอกอะไรแทเลยรึไง!” ทิฟฟานี่หันกลับมาตวาดเสียงดัง ดวงตาของเธอแดงก่ำราวกับผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักทำเอาฉันถึงกับขวัญเสีย เมื่อไม่เคยเห็นพี่สาวที่เข้มแข็งต้องอ่อนแอเหมือนครั้งนี้มาก่อน

                     

                      “บอก?... เปล่านี่”

                     

                  “อะไรกัน... ทำไมเขาไม่บอกแท... เขากำลังจะไปเรียนต่อที่เมกา คงไม่กลับมาแล้ว” แม้น้ำเสียงนั่นจะสั่นเครือจนฟังแทบไม่ได้ศัพท์ ทว่าฉันกลับชัดเจนทุกคำพูดที่กรีดแทงหัวใจ ดวงตามองหน้าเธอด้วยความคาดไม่ถึง ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเจสสิก้าจะตัดสินใจหนีปัญหาทุกอย่างไปแบบนี้ ในเมื่อฉันคิดว่ามันเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเราสามคนแล้ว ความรักของคนสองคนที่ฉันไม่ควรเข้ามายุ่งตั้งแต่แรก

                     

                      “พี่ฟานี่... แทขอโทษ”

                     

                      “ไม่ต้องขอโทษหรอก แทไม่ผิดซะหน่อย”

                     

                      “แทผิดเอง... แททำให้สิก้าต้องไป”

                     

                      “สิก้าบอกความจริงทุกอย่างกับพี่หมดแล้ว...” เธอเดินเข้ามาใกล้ฉัน มือวางบนไหล่ที่กำลังเริ่มสั่นเทา ขณะที่โน้มหน้าต่ำลงมาใกล้ แววตาคู่สวยสั่นริก ทว่ามันยังคงอ่อนโยนต่อน้องสาวคนนี้เสมอ “ทำไม...ไม่บอกให้เร็วกว่านี้ ว่าเธอสองคนรักกัน... พี่จะได้เป็นฝ่ายถอยออกมาเอง”

                     

                      “แทไม่กล้าหรอก... พี่รักสิก้ามาก อีกอย่างแททำให้พี่กับสิก้ารักกัน แทจะมีหน้าอะไรไปบอกพี่ว่าแทรักเขา

                     

                      “เด็กโง่!” แม้จะร้องไห้อยู่ หากเธอก็พยายามอย่างยิ่งที่จะยิ้มให้ฉัน “รักเขาก็ไปบอกเขา... ไม่ต้องสนใจพี่หรอก มันก็แค่เจ็บ พี่ยังไม่ตายซะหน่อย” ทิฟฟานี่โยนกุญแจรถมินิคูเปอร์คันโปรดของเธอให้ตรงหน้าฉัน มือรับมันมาด้วยความงุนงง จนร่างบางต้องผลักฉันให้ออกพ้นประตูบ้าน

                     

                      “ถ้าไม่อยากให้เขาไป... ก็ตามเขากลับมาซะ...”

       

                     

       

       

       

       

                      “เที่ยวบินที่ XX XXX กำลังจะออกเดินทางจากสนามบิน ณ ขณะนี้” เสียงประกาศพาให้ฉันหัวใจเต้นแรง เท้าเรียวพยายามวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ไปตามทางของสนามบิน ผู้คนขวักไขว่เดินกันจนทั่วอย่างวุ่นวาย ทว่าฉันไม่มีเวลามาสนใจคนเหล่านั้นมากนัก

                     

                      เจสสิก้า... เธอจะไปจากที่นี่จริงๆ น่ะหรอ...

                     

                      ฉันกำลังทำอะไรอยู่กันแน่?... ในเมื่อฉันเป็นคนผลักไสเธอไปให้คนอื่นเองหลายต่อหลายครั้ง แล้วมานั่งบ้าบอวิ่งดฝ้าตามหาเธอเพื่อเหนี่ยวรั้งให้เธออยู่ข้างๆ ฉันอย่างนี้เนี่ยนะ!

                     

                      ยิ่งคิดก็ยิ่งสับสน ก่อนจะต้องสะดุ้งเมื่อเสียงเตือนข้อความเข้าของโทรศัพท์มือถือดังขึ้น นิ้วเรียวเปิดมันอ่านอย่างเร่งรีบเมื่อพบว่าใครเป็นคนส่งมา

                 

                 

                  From: Sica

                  ถ้าให้เป็นได้แค่เพื่อนกับแท เราอย่าเป็นอะไรกันเลยดีกว่า...

                 

       

                      ตัวหนังสือสั้นๆ ไม่กี่ตัว ก็ทำให้ฉันรู้สึกปวดแปลบในหัวใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก พยายามจะติดต่อหาเธอ ทว่าร่างบางกลับปิดเครื่องหนีไปแล้ว ฉันเลยยิ่งต้องเร่งฝีเท้าให้เร็วยิ่งขึ้นทั้งที่กำลังเหนื่อยจนแทบขาดใจ

                     

                      หน้าต่างบานใหญ่ ภายนอกกระจกใสเห็นเครื่องบินเรียงรายกันอยู่หลายลำ คำภาวนาของฉันไม่เคยถึงพระผู้เป็นเจ้าเลยหรืออย่างไร ในเมื่อเครื่องบินลำที่เธอนั่งกำลังเริ่มเคลื่อนที่ออกจากรันเวย์อย่างเชื่องช้า มันเร่งระดับไปตามความเหมาะสมขณะที่ฉันทำได้เพียงแค่วิ่งตามมัน ทั้งที่ความหวังไม่เหลืออยู่แล้วก็ตาม

                     

                      นกเหล็กขนาดยักษ์โบยบินขึ้นสู่ท้องฟ้า ทิ้งให้ฉันต้องทรุดตัวลงกับพื้นอย่างหมดแรง... ความรักที่พังสลายไปตรงหน้า ทำเอาฉันรู้สึกอยากตายไปให้พ้นๆ กับความปวดร้าวที่เกินจะรับไหว

                     

                     

                      ...หรือฉันกับเธอ เกิดมาเพื่อเป็นได้แค่เพื่อนกันจริงๆ...

       

                     

       

       

       

       

                      “พี่แท... พี่มาทำอะไรตรงนี้” เสียงเรียกอันคุ้นเคย ของผู้ที่ปลอบใจฉันมาโดยตลอด ทำเอาร่างซึ่งกำลังเดินอย่างไร้ความหวังโผเข้ากอดเธออย่างแนบแน่น โดยไม่แยแสต่อหลายสายตาที่จ้องมองมา แผ่นหลังสั่นสะท้านอย่างยากเกินควบคุม ขณะที่ยุนอาทำได้เพียงลูบหลังฉันเบาๆ อย่างปลอบโยน

                     

                      เขาไปแล้ว...”

                     

                      “ไม่เป็นไรนะพี่แท... พี่ทำดีที่สุดแล้ว... พี่ยังมียุนนะคะ” ยุนอาประคองฉันให้นั่งกับเก้าอี้แทนที่จะยืนกอดกันท่ามกลางสายตาของคนอื่นอยู่เช่นเดิม เธอปล่อยให้ฉันร้องไห้จนพอใจ ไม่เอ่ยถาม ไม่พูดอะไรปลอบโยน นอกจากจับมือฉันไว้ แล้วให้หยาดน้ำตาของฉัน ระบายความรู้สึกที่อัดแน่นภายในของมันออกมาเอง

                     

                      ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน... จนเมื่อน้ำตาหยดสุดท้ายไหลรินผ่านแก้มลงไป หรืออาจเป็นเพราะ มันไม่เหลือน้ำตาจะให้ไหลแล้วล่ะมั้ง... ฉันถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายุนอาไม่ควรจะมาอยู่ตรงนี้

                     

                      “ยุน... มาทำไมหรอ” สิ้นคำถาม ผู้ตอบก็ดูจะกระอักกระอ่วนใจเล็กน้อย ร่างสูงดึงมือฉันไปกุมไว้แนบแก้มเธอ ดวงตาทอดมองมาอย่างหวานซึ้ง ทั้งที่มันฉายประกายอันเศร้าสร้อยอยู่ภายใน

                     

                      “มารับ...เอ่อ... มารับเขาน่ะค่ะ วันนี้เขากลับมา” ไม่ต้องระบุ ฉันก็รู้ได้ในทันทีว่าเขาของยุนอาคือใคร... ก็แฟนสาวที่เธอบอกว่ารักนักรักหนาไม่แพ้ใคร ต่อให้จะทำตัวเป็นเพลย์บอยจีบผู้หญิงอื่นไปวันๆ ก็ตามที ทว่าเธอก็ไม่เคยลึกซึ้งเกินเลยกับใครไปมากกว่าคำว่าชอบหรือปลื้มให้คนรักต้องเสียใจ

                     

                      “งั้นพี่ไปก่อนดีกว่า...” กำลังจะหันหลังให้เธอ หากมือเรียวกลับถูกอีกคนคว้าเอาไว้ได้ทัน

                     

                      “พี่แท... ยุนก็ไม่รู้ว่าควรพูดมันไปดีมั้ย... แต่ยุนคิดว่าถ้าไม่พูดวันนี้ ยุนคงไม่มีสิทธิ์พูดอีกแล้ว”

                     

                      “อะไรล่ะ...”

                     

                      “พี่แทยังมียุนอยู่เสมอนะคะ ยุนยังอยู่ข้างๆ พี่แท” น้ำเสียงอ่อนโยนคงพาให้ฉันสั่นไหวได้ไม่น้อย ถ้าเพียงแต่หัวใจดวงนี้ของฉัน จะไม่ยกให้กับใครอีกคนที่เพิ่งบินข้ามทวีปไปเมื่อเช้าเสียแล้ว

                     

                      “อื้ม... ขอบคุณมากนะ แต่จากนี้ยุนก็ไปดูแลเขาเถอะ... ดูแลคนที่ยุนรัก”

                     

                  “แล้วถ้าเขาอยู่ตรงหน้ายุนตรงนี้ล่ะคะ” มองหน้าเธออย่างไม่เชื่อหู ไม่คิดว่าประโยคนั้นจะหลุดออกมาจากริมฝีปากของยุนอา ผู้ที่เจ้าชู้แต่ยังไม่เคยบอกรักใครนอกจากแฟนของตนเอง เธอดึงมือตนเองออกมาขณะที่พยายามจับผิดดวงตาอันเปล่งประกายอบอุ่น

                     

                      “ไปบอกเขาดีกว่า เรื่องของเราให้มันจบลงตรงนี้เถอะ...”

                     

                      “มันคงจบได้ง่ายๆ ถ้าความรู้สึกของยุนมันไม่ข้ามขั้นกับพี่แทไปจนถึงคำว่ารักแล้ว”

                     

                      “พี่ขอโทษ... แต่ปล่อยให้พี่ไปตามทางของพี่เถอะ พี่มันก็แค่คนที่มาทีหลัง... ไม่สิ...พี่ไม่ควรเข้ามาหายุนแต่แรกแล้วด้วยซ้ำ” ยิ้มให้ยุนอาเศร้าๆ ตลอดเวลาฉันมีเธอเป็นที่ปรึกษา ระบายความปวดร้าวในหัวใจ หากตอนนี้กำลังจะเป็นฉันเองแล้วใช่มั้ย ที่ทำร้ายใจดวงนั้นของเธอจนไม่เหลือชิ้นดี

                     

       

                      ...กี่คนแล้ว ที่ต้องมาเจ็บปวดเพราะฉันคนนี้...

                     

       

                      งั้นยุนก็ผิดเองที่เผลอมารักพี่แททั้งๆ ที่มีเขาอยู่ทั้งคน

                     

       

                      ...เราก็ผิดกันทั้งคู่แหละยุนอา... เธอผิดที่เผลอคิดเกินเลยกับฉัน ทั้งที่เขากำลังจะกลับมา...

                     

                      ...ส่วนฉันเองก็ผิดที่เป็นมือที่สาม แย่งชิงคนรักของคนอื่นมาอย่างหน้าด้านๆ...

                     

       

                      ...คนอย่างฉัน... มันไม่คู่ควรกับคำว่ารักหรอก อย่าเอามันมามอบให้ฉันเลย...

       

                 

       

       

       

       

                      [[Taeyeon’s Diary]]

                     

                  กี่เดือนแล้วนะ... ที่สิก้าจากแทไป... มันนานจนแทไม่อยากจะนับแล้วล่ะ สิก้ายังมีความสุขดีอยู่รึเปล่าคะ ^^ อากาศที่นู่นท่าทางจะหนาวกว่าทางนี้เยอะ ไม่รู้ว่าสิก้าจะดูแลตัวเองดีรึเปล่า แต่อย่าให้ป่วยบ่อยๆ แล้วกัน สิก้ายิ่งเป็นเด็กดื้อไม่ค่อยชอบกินยาอยู่

                 

                  ทุกอย่างมันกลับไปเป็นเหมือนเดิมตามทางที่ควรจะเป็นแล้วล่ะ... ยุนอากลับไปหาแฟนของเขา ดูทั้งสองก็รักกันดีเหมือนเดิมนี่หน่า ความรู้สึกที่เขาเคยมีให้ฉัน มันคงเลือนหายไปตามกาลเวลาแล้ว มันก็แค่ชั่ววูบนึงของความเหงาและหวั่นไหว ที่พาให้เราสองคนต่างเกินเลยกรอบของความถูกผิด

                 

                  พี่ฟานี่ดีขึ้นเยอะแล้วนะ... ดูเหมือนว่าตอนนี้พี่เขาจะมีสาวๆ ในบริษัทมาแจกขนมจีบเยอะพอควรเลย แทก็ได้แต่หวังว่าพี่สาวของแทคงจะมีความสุขกับเขาจริงๆ เสียที

                 

                  ส่วนตัวแทเองน่ะหรอ?... แทยังไม่มีใครมาจีบหรอก ตอนนี้แทบ้าเรียนจะตาย ^^~ เพราะว่าหัวใจของแท... แทยกให้สิก้าไปหมดแล้ว... ยกให้คนที่แทบอกว่าแทจะพยายามกลับไปเป็นเพื่อนเขาเหมือนเดิมให้ได้ คนที่แทบอกว่าระหว่างเราคงเป็นได้เพียงเพื่อนที่ดีต่อกัน

                 

                  แทไม่รู้ว่าสิก้ารักใครแล้วรึเปล่า แต่แทอยากบอกว่า... แทรักคนอื่นไม่ได้แล้วจริงๆ

                 

                  รักสิก้านะคะ... รักมาก... รักที่สุด... อยากบอกว่ารักสิก้าวันละหลายๆ รอบเลย... ทดแทนช่วงเวลาที่แทเคยเสียไป แต่ก็ไม่รู้ว่าสิก้าจะรับรู้ถึงมันมั้ย

                 

                  ...แทรักสิก้าจริงๆ นะคะ...

       

                     

       

       

       

       

                      แทยอนปิดไดอารี่ลงอย่างเหนื่อยอ่อน เธอหลับตาปล่อยให้เรื่องราวทั้งหมดในหัวสมองได้ผ่อนคลาย ทุกสิ่งทุกอย่างเข้ามาในชีวิตอย่างรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ติด แล้วก็หายไปอย่างเร็วไม่ต่างกัน ราวกับพายุที่พาความเสียใจมาโหมกระหน่ำจนแทบฝืนรับไม่ไหว แล้วก็เลือนหายเหมือนมันไม่เคยเกิดขึ้น

                     

                      หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อได้ยินเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ มือเรียวเอื้อมไปหยิบมันมาแนบข้างหู ก่อนจะกดรับโดยไม่คิดที่จะดูชื่อของผู้โทรเข้าเลย

                     

                      “อันยองค่ะ...”

                     

                      (“...แทแท...”) น้ำเสียงอันคุ้นเคยมีหรือที่จะลืมมันได้ ดวงตาเรียวเล็กเบิกกว้าง คนตัวเล็กผุดลุกขึ้นนั่งทันทีด้วยความอารามตกใจก่อนจะกรอกน้ำเสียงกลับไปอย่างสั่นสะท้านตามความคิดถึงที่มีจนอัดแน่น

                     

                  “สิก้า!??

       

       

       

      The end

       

       

       

       

      ถ้ายาวขนาดนี้... ทำไมมะบุงไม่แบ่งเป็น 4-Shots แต่แรกนะ TT

      ในเมื่อมันตั้งยี่สิบหน้าเอสี่แน่ะ ทำลายสถิติตัวเองไปเรื่อยๆ เลย

      (สงสารคนที่รออ่านรวดเดียวจบจัง คงปวดตาตาย)

       

      ที่ยาวคงสงสัยว่าเพราะบุงแต่งคู่แปลกครั้งแรกล่ะมั้ง

      แถมพล็อตนี้ก็เป็นพล็อตที่บุงชอบด้วย เลยแต่งมันส์มือไปหน่อย T__T

       

      เรื่องนี้แอบอิงเรื่องจริงของคนรู้จักบุงที่เล่นยูเอฟโออ่ะค่ะ

      บุงฟังเรื่องราวเขาแล้วฟังดูน่าปวดหัวดีเลยขอเอามาแต่ง

      ดังนั้นนี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมคู่ในเรื่องถึงแปลกจากคู่รอยัลที่บุงชอบ ^^

       

      และแล้วสุดท้ายกามเทพแทแทก็ไม่เหลือใคร

      แลดูเรื่องนี้คู่ที่พรีเซนต์ทั้งแทงสิก ทิฟสิก้า แล้วก็ยุนแทง

      จะไม่สมหวังกันซักคู่ยังไงไม่รู้ =o=

       

      ถามว่าจบแล้วหรอแค่นี้? ก็คงตอบได้แค่ว่าจบแล้วจริงๆ ค่ะ

      ถ้าให้ต่ออีก บุงคงเอาไปทำมหากาพย์ได้แล้วล่ะ ฮ่าๆ

      ตอนแรกจบแค่ไดอารี่ แต่เห็นแล้วสงสารรีดเดอร์ เลยขมวดปมต่อให้นิดหน่อย

      ใครอยากปวดตับ ใครอยากสุขสันต์ก็ไปจิ้นกันต่อเอาเองตามสะดวกนะคะ ><

       

      ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และกำลังใจที่ให้กันค่ะ

      แล้วก็ขอโทษที่อัพช้าไปหน่อย แต่บุงก็พยายามทำให้ดีที่สุดแล้ว... ^^”

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×