[[SF-SNSD]] :+:The reason:+: (Yuri) - [[SF-SNSD]] :+:The reason:+: (Yuri) นิยาย [[SF-SNSD]] :+:The reason:+: (Yuri) : Dek-D.com - Writer

    [[SF-SNSD]] :+:The reason:+: (Yuri)

    คนหนึ่งยินยอมเดินจากไป ส่วนอีกคนอยากรั้งให้อยู่ จะแปลกมั้ยหากคนทั้งคู่มีเหตุผลเดียวกัน [YoonSeo] (Complete)

    ผู้เข้าชมรวม

    6,203

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    6.2K

    ความคิดเห็น


    73

    คนติดตาม


    12
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  11 พ.ย. 52 / 20:44 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้



    วันช็อตนี้เกิดขึ้นเพราะคำว่า "ความรักทำให้คนตาบอด"
    ตอนแรกคิดพล็อตไว้อยากได้
    คนเลวๆ กับคนโง่ๆ มาสร้างความปวดตับ
    เป็นพล็อตสั้นๆ คงไม่ยาวมาก
    แต่ที่ไหนได้ แต่งไปแต่งมากลายเป็น..
    "วันช็อตที่ยาวที่สุดในชีวิต" ToT
    หนำซ้ำพล็อตยังเปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อยด้วย
    เลยขอมาเปลี่ยนโปรยนิดนึง ฮ่าๆ

    ยังไงฝากติดตามด้วยนะคะ


    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    "ฉัน...ตาบอด เพราะมัวแต่ปิดกั้นตัวเอง
    จากการหลอกลวงทั้งมวล
    จนมองข้ามความรักบริสุทธิ์ของเธอ"


    "ฉัน...ตาบอด เพราะยอมทุ่มเทหัวใจ
    มองข้ามการหลอกลวงทั้งมวล
    ทุกสิ่งทุกอย่างฉันจะทำเพื่อเธอเท่านั้น..."

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

       


      :+:The reason:+: (YoonSeo)

       

       

      เคยมีใครถามฉันว่าทำไมฉันต้องทุ่มเทเพื่อใครซักคนขนาดนี้

      ทำไมฉันต้องทำทุกอย่างเพื่อคนที่ไม่แคร์ฉันเลย

      เหตุผลง่ายๆ มันก็มีเพียงแค่ข้อเดียวเท่านั้น...

       

      - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

       

       

                      แสงแดดอ่อนๆ สาดทอเข้ามาทางหน้าต่าง ร่างของใครบางคนเริ่มขยับกายขึ้นจากเตียงช้าๆ ดวงตาคู่สวยเปิดออก หากไร้เงาสะท้อนในแววตานั้น... สำหรับเธอแล้ว การที่ไม่ว่าจะหลับหรือตื่นมันก็ไม่ต่างกันเช่นนี้ กรีดแผลในหัวใจมากขึ้นไปทุกวัน ทว่าเธอไม่เคยเสียใจเลยซักนิดกับการตัดสินใจของตนเอง

                     

                      เธอรู้ดีว่าที่เป็นอยู่มันทรมานขนาดไหน มันปวดร้าวแทบขาดใจ... และเธอคงยอมไม่ได้ หากต้องปล่อยให้คนที่เธอรัก ตกอยู่ในสภาพเดียวกันกับเธอ...

                     

                      สู้แบกรับความเจ็บปวดพวกนั้นไว้กับตนเองดีกว่า!

       

                     

       

       

       

       

                  [จุดเริ่มต้นเรื่องราว]

                 

                      “เมื่อไหร่จะเลิกมองยัยรุ่นพี่นั่นซะทีห๊ะ ซอ” สาวผมสั้นใบหน้าหวานตะโกนใส่หูของซอ จูฮยอนที่กำลังนั่งเหม่ออยู่ ความจริงเรียกว่าเหม่อคงไม่ได้หรอก... นั่นเป็นเพราะฉันกำลังมองใครบางคน

                     

                      ร่างสูงที่ยืนท่ามกลางผู้คนมากมาย รอยยิ้มหวานโปรยปรายไปทั่ว ไม่ได้มอบให้ใครพิเศษ ทว่าก็ทำให้สาวๆ แถวนั้นพากันกรี๊ดได้ไม่น้อย รวมถึงฉันที่กำลังหัวใจเต้นแรงจนเกินควบคุม แค่เพียงได้เห็นหน้าคนที่ตนเองแอบรักมาโดยตลอดสองปีตั้งแต่ขึ้นปีหนึ่งก็พอใจแล้วล่ะ

                     

                      “จนกว่าฉันจะตัดใจจากพี่เค้าได้ล่ะมั้งนิโคล” ฉันหันมาตอบนิโคลเพื่อนสนิทที่ได้แต่ส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย กับความรักครั้งนี้ของฉัน ยามแรกเธอคงคิดว่ามันเป็นเพียง Puppy love รักๆ หลงๆ แป๊บเดียวคงจางหาย หากฉันรู้ดีว่ามันเป็นรักแท้ฝังรากลึกลงในหัวใจ แม้เธอจะเตือนฉันอยู่ตลอดเวลาก็ตามว่าอิม ยุนอา... รุ่นพี่คนนั้นเป็นคนเจ้าชู้ เพลย์เกิร์ล คบใครไม่เคยเกินหนึ่งเดือน บางทีก็แค่คืนเดียวด้วยซ้ำ

                     

                      ใช่...ฉันรู้ดี เบื้องนอกเหมือนไฮโซหรู ทว่าข้างในก็ไม่ต่างอะไรกับซาตานดีๆ นี่เอง แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อจะให้ฉันถอนตัวตอนนี้ก็ไม่ขึ้นแล้วล่ะ...

                     

                      “ทำไมเธอถึงรักเค้าล่ะ” นิโคลยังคงถามไม่หยุด ใบหน้าเศร้าลงของเพื่อน ไม่ต้องเดาฉันก็รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ทว่าฉันไม่พูดมันออกไปให้ทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเราเท่านั้นเอง

                     

                      เธอรักฉันเกินเพื่อน...อันนี้ฉันก็รู้ ทว่าฉันแค่ตอบรับความรู้สึกของเธอไม่ได้

                     

                      “เพราะเค้าคือคนที่ทำให้หัวใจฉันเต้นเวลาเดินผ่าน เค้าทำให้ทุกๆ วันของฉันมีความหมาย ทำให้ฉันมีกำลังใจเรียนในทุกๆ วัน แม้ได้รับเพียงเศษเสี้ยวของรอยยิ้มจากเค้า” เหตุผลมันมากมายจนฉันตอบไม่หมดจริงๆ ในเมื่อความรักมักไม่มีเหตุผล ถ้าคนเราจะรักใครซักคนโดยอาศัยเหตุผล มันก็ไม่เรียกว่ารักหรอก อีกอย่างหนึ่งก็คือ ฉันรักเธอก็เพราะฉันรักเท่านั้นเอง เหตุผลง่ายๆ ที่ไม่มีใครเข้าใจ นอกจากหัวใจของฉัน

                     

                      “แล้วแอบรักอย่างนี้ เมื่อไหร่จะสมหวังล่ะ”

                     

                      “แค่ได้มองพี่ยุนอาอยู่ห่างๆ ฉันก็พอใจแล้วนิโคล...” ตอบเสียงเบา ความหวังอันเลือนรางของคนแอบรักมันไม่มีหรอก เพราะฉันไม่เคยหวังอะไรมากกว่านี้เลย

       

       

                 

       

       

       

                  ยังคงเป็นอีกวันหนึ่งที่ฉันแอบมองพี่ยุนอามาตลอดสองปี แม้ตอนนี้กำลังอยู่ปีสาม และเธอจะอยู่ปีสี่ก็ตาม แต่เธอไม่เคยรู้จักฉัน ซึ่งนั่นมันไม่สำคัญหรอก ฉันบอกแล้วว่าฉันยินดีมองเธอจากมุมไกลๆ อย่างนี้ ยอมทำทุกอย่างเพื่อเธอโดยไม่มีสิ่งใดตอบแทน นอกจากรอยยิ้ม ที่เธอมอบมันให้ผู้หญิงคนอื่นทั่วไป

                     

                     

                      ...โปรดอย่าสงสัย หากวันใดฝนตก แล้วพบร่มในกระเป๋าเธอ...

                     

                      ...ถึงแม้วันนั้นฉันอาจเป็นฝ่ายเปียกปอนก็ตาม...

                     

                     

                      ...โปรดอย่าถาม หากวันใดที่เธออยากมอบดอกไม้ให้ใคร แล้วก็พบมันอยู่ข้างกาย...

                     

                      ...ช่างเถอะนะ ถึงมันอาจแลกมาด้วยบาดแผลถลอกจากความพยายามของฉัน...

                     

       

                      ...โปรดอย่ารู้เลย หากวันใดที่เธอเศร้า และได้ยินเสียงบรรเลงเปียโนปลอบใจ

                     

                      ...แม้มันอาจทำให้ฉันพลาดรถเที่ยวสุดท้าย จนต้องเดินกลับบ้านเท่านั้นเอง...

       

                     

                      การช่วยเหลือคนอื่น นั่นต้องไม่ทำให้ตัวเองลำบาก เคยมีคนบอกฉันไว้อย่างนั้น หากฉันว่าที่ฉันเป็นอยู่ตอนนี้ฉันก็ไม่ได้ลำบากเลย ไม่ว่าการจะแอบเอาสมุดที่เธอเผลอลืมไว้ตามที่ต่างๆ ไปคืน ไม่ใช่เพราะเธอเลินเล่อ ทว่ามันเกิดขึ้นเวลาเธอเดินเข้าไปทำความรู้จักกับผู้หญิงที่เธอสนใจจนเผลอหลงลืม

                     

                      ไม่เป็นไร...มีความสุขกับเขาไปเถอะ เดี๋ยวฉันจะเก็บของๆ เธอไว้ให้ ดูแลรักษามันอย่างดียิ่งกว่าชีวิต...

                     

                      เหมือนเคย ฉันแอบมองดูเธอ เห็นยุนอากำลังยืนยิ้ม ด้วยรอยยิ้มในแบบฉบับของเธอ ถึงใครบอกว่าเจ้าเล่ห์ ทว่าฉันของมงาย คิดว่ามันจริงใจ และสวยงามที่สุดสำหรับฉัน...

                     

                      “ยุนอา...ฟานี่รักยุนนะ” ผู้หญิงที่ชื่อฟานี่บอกรักเธอ ก่อนจะยื่นจดหมายสีชมพูให้ ใบหน้าสวยๆ แดงเรื่อ เธอไม่ตอบอะไรนอกจากรับจดหมายไปอ่าน พลางคลี่รอยยิ้มบางๆ ร่างสูงดึงคนที่กำลังเขินอายมากอดหลวมๆ เสียงแผ่วกระซิบข้างใบหู แม้ฉันจะอยู่ไกล แต่ก็ได้ยินมันชัดเจน

                     

                      “เย็นนี้ไปเดตกันนะ”

                     

                      “ต...ตกลง”

                     

                      เห็นมั้ย... เธอมีความสุขฉันก็ยินดีด้วย มีคนที่รักเธอเหมือนฉันอยู่ดูแลเธอ ฉันเองก็ยังยิ้มได้ เมื่อเห็นรอยยิ้มจากยุนอา ส่วนน้ำตาที่มันกำลังไหลอยู่นี่ก็ช่างมันเถอะ เดี๋ยวฉันจะปาดมันเอง...

       

                     

       

       

       

       

                      ฉันวักน้ำใสขึ้นล้างหน้า เพื่อกลบเกลื่อนรอยคราบน้ำตา... ผ่านไปสามวันยุนอาก็เลิกกับใครคนนั้น แล้วก็ยังคงมองหาผู้หญิงคนอื่นอยู่เรื่อยไป อย่างที่บอก เธอไม่เคยจริงใจ ไม่รักใครจริง ทำไมฉันต้องมารักเธอ ทำไมฉันต้องมาทนเฝ้าดูเธอว่าวันนี้เธอจะรักจะเลิกกับใคร หรือเปลี่ยนคู่ควงไปกี่คน

                     

                      ทั้งที่คิดว่าจะไม่หวังแล้วนะ แต่มันไม่เคยห้ามน้ำตาได้เสียที...

                     

                      ยิ่งคิดยิ่งไม่เข้าใจ สุดท้ายเมื่อปิดก็อกเสร็จ กำลังจะเดินออกจากห้องน้ำแล้ว ทว่าต้องสะดุ้งเมื่อเห็นร่างสูงปรากฏกายขึ้นตรงหน้า!

                     

                      ยุนอาเดินเข้ามาใกล้ฉัน มือเอื้อมไปปิดประตูห้องน้ำ ขณะที่ดวงตาจ้องมองมาอย่างอ่อนโยน ฉันหลงใหลในดวงตาคู่นี้เหลือเกิน หลงใหลจนไม่อยากให้มองใครอื่นนอกจากฉัน ทั้งที่มันคือเรื่องอันเป็นไปไม่ได้ก็ตามที

                     

                      “เธอชื่อซอฮยอนรึเปล่า” เสียงหวานใสถาม หัวใจเหมือนหยุดเต้น เมื่อเธอโน้มใบหน้าก้มต่ำลงมาจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่รินรด ยิ่งมองอย่างนี้ ยิ่งรู้สึกว่าสั่นไหวมากขึ้นทุกที เธอไม่รอให้ฉันตอบ หากดันร่างบางที่กำลังสั่นสะท้านเข้าไปในห้องน้ำแคบๆ อันใกล้

                     

                      ในพื้นที่อันจำกัดอย่างนี้ เธอคงได้ยินเสียงหัวใจของฉันชัดเจนเลยสินะ...

                     

                      “ฉันถามทำไมไม่ตอบ”

                     

                      “ช...ใช่ค่ะ รุ่นพี่มีอะไรกับซอหรอคะ”

                     

                      “เรียกฉันว่าพี่ยุนก็พอ มันฟังดูห่างเหินไปหน่อย” เดาใจไม่ถูกเลยว่าเธอต้องการอะไรจากคนๆ นี้ แต่ฉันรู้เพียงอย่างเดียวว่ากำลังรู้สึกดีอย่างพูดไม่ถูก เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ใกล้ชิดเธอ มากกว่าจะมองตามด้วยสายตาอาลัยอารวรณ์ หรือแอบเฝ้ามองทำตัวเป็นแม่พระคอยช่วยเหลือเธอ

                     

                      ...ใกล้จนเหมือนโลกนี้มีเพียงแค่เรา...

                     

                      “พ...พี่ยุน” เรียกเสียงสั่น เมื่อเธอโน้มกายต่ำลงมาเรื่อยๆ ริมฝีปากบางห่างจากเรียวปากของฉันเพียงไม่ถึงเซนต์ มันค่อยๆ ขยับเอื้อนเอ่ยแผ่วเบา

                     

                      “ซอรักพี่หรอ...” คำถามนั้นทำเอาฉันสะดุ้ง ไม่กล้าพูด จึงได้แต่ก้มหน้างุดด้วยความเขินอาย ทว่าเธอก็เหลือเกิน มืออุ่นๆ ประคองใบหน้าของฉันเอาไว้ให้ต้องสบกับดวงตาอันเต็มไปด้วยเสน่ห์ของเธอ...

                     

                      “พูดสิคะคนดี” ยุนอายังคงคาดคั้น ฉันจึงได้แต่พยักหน้าหงึกๆ

                     

                      “น่ารักชะมัดเลย...” เธอลูบหัวของฉันด้วยความอ่อนโยน คำพูดนั่นทำให้หัวใจแทบลิงโลดออกมาเต้นภายนอก เป็นครั้งแรกที่ฉันได้สัมผัสตัวตนในด้านนี้ของเธอ

                     

                      ...ไม่สงสัยแล้วว่าทำไมผู้หญิงหลายคนจึงยอมคบกับเธอ แม้อาจจะแค่ชั่วข้ามคืนก็ตามที ในเมื่อรู้ทั้งรู้ว่าไม่ต่างอะไรกับการเล่นกับไฟ หากฉันก็ยินดีเสี่ยง กระโจนเข้าไปในกองไฟนั้นเอง...

                     

                      “คบกับพี่ได้มั้ย...”

                     

                     

                      ...ไม่จริง... ฉันฝันไปใช่มั้ย...

                     

                      ...เธอรักฉัน...

                     

                      ...เธอขอคบกับฉัน...จริงๆ น่ะหรือ...

                     

                      ...ต่อให้เป็นได้แค่ของเล่นชิ้นหนึ่งของเธอ...

                     

                      ...แต่ฉันว่ามันยังดีกว่าไม่ได้เป็นอะไรสำหรับเธอเลย...

                     

                      ...ซอ จูฮยอนจะเป็นของอิม ยุนอาเพียงคนเดียว...

       

                     

       

       

       

       

                      ฉันไม่ลังเลเลยซักนิด ที่จะตกลง และหลังจากวันนั้นพวกเราก็คบกัน... น่าแปลกที่เธอคบกับฉันได้เกินหนึ่งอาทิตย์ โดยไม่มีใครคนอื่นเลย หนำซ้ำยังดูแลฉันเป็นอย่างดีราวกับเจ้าหญิงของเธอ ไม่ต้องให้พรรณนาใช่มั้ย ว่าฉันคนนี้กำลังรู้สึกดีแค่ไหน

                     

                      ถึงแม้ฉันต้องเจอกับสายตาอาฆาตจากผู้หญิงทั้งรุ่นพี่และรุ่นน้องหลายต่อหลายคู่ แต่ฉันก็ไม่แยแส อย่างน้อยแค่ฉันได้ใกล้ชิดเธอก็เพียงพอ

                     

                      “เย็นนี้ซอไม่ไปกินข้าวกับพี่ยุนหรอ” นิโคลถามขึ้นเสียจนฉันรู้สึกผิด ทุกวันนี้ฉันตัวติดกับยุนอามากๆ มากขนาดที่ว่าแทบหลงลืมเพื่อนแสนดีคนนี้ไปเลยด้วยซ้ำ ทว่าเธอก็ไม่เคยโกรธฉันและเข้าใจ ฉันอยากขอโทษเธอนับพันๆ ครั้ง ที่หลายต่อหลายคราเห็นเรื่องของยุนอาสำคัญกว่าเธอ อยากขอโทษที่เมื่อฉันพูดเรื่องเขาแล้วทำให้ดวงตาคู่นั้นของเธอเศร้าหมองลง... แต่เธอเข้าใจฉันใช่มั้ย เธอไม่อาจเลิกรักฉันได้ยังไง ฉันก็ไม่อาจเลิกรักยุนอาได้อย่างนั้น

                     

                      “คงไม่ล่ะ...วันนี้พี่ยุนมีนัดทำรายงาน” ฉันพูดพลางยิ้ม ข้าวเย็นแค่มื้อเดียว ไม่ได้กินด้วยกันซักวันคงไม่เป็นไรหรอก อีกอย่างดูท่าทางนิโคลเองคงจะพอใจคำตอบนั้นของฉันไม่น้อย สุดท้ายเราสองคนก็เลยมานั่งกินร้านอาหารข้างๆ มหาวิทยาลัย

                     

                      กว่าจะเลิกคาบสุดท้ายก็ค่ำมากแล้ว ตอนนี้ท้องฟ้าภายนอกจึงเริ่มมืดครึ้ม ทว่าแสงสีเสียงยามกลางคืน ยังให้ความรู้สึกเหมือนเมืองที่ไม่เคยหลับใหล

                     

                      “คิดถึงนะ” อยู่ๆ นิโคลก็พูดขึ้นลอยๆ ใบหน้าเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างใส ขณะที่ฉันได้แต่นิ่งอึ้ง เหมือนไม่รู้ว่าเธอกำลังพูดกับฉันอยู่รึเปล่า

                     

                      “ก็อยู่ด้วยกันทุกวัน...”

                     

                      “แน่ใจหรอ? อยู่ด้วยกันทุกวัน แต่ซอก็เอาแต่มองพี่ยุน อยู่ด้วยกันทุกเวลา ซอก็คิดถึงพี่ยุน รู้ตัวมั้ย ทิ้งให้ฉันอยู่คนเดียวมานานแค่ไหนแล้ว”

                     

                      คำกล่าวด้วยความทรมานขอเธอทำเอาฉันรู้สึกผิด แต่จะให้ทำยังไงล่ะ... ให้ฉันคิดถึงนิโคลแทนยุนอาก็ทำไม่ได้

                     

                      มีเพียงความเงียบปกคลุมเราสองคน เธอเองก็เหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าเผลอพูดอะไรออกมา จึงเอาแต่หลบหน้าฉัน ด้วยกลัวว่าฉันจะเห็นร่องรอยวูบไหวภายในนั้น มันไม่ต่างอะไรกับที่ฉันใช้มองยุนอาเลย...

                     

                      “ฉันไปห้องน้ำก่อนนะ” กลบเกลื่อนบรรยากาศอันน่าอึดอัด เลยพาร่างบางเดินไปทางห้องน้ำของร้านทันที ทว่าเท้าก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงอันคุ้นหู

                     

                      ...เสียงของคนที่บอกว่าทำรายงาน...

                     

                      “เมื่อไหร่เจสจะตอบรับรักยุนซะทีล่ะคะ” เสียงเรียกออดอ้อนดังมาจากริมฝีปากของเธอ ทำเอาฉันต้องซ่อนกายหลบเข้าไปยังซอกแคบๆ ข้างกันนั้น จากมุมนี้ทำให้มองไม่เห็นใบหน้าของคนที่เธอคุยด้วย หากชื่อ เจสดาวโรงเรียนคนสวยนี่ก็ให้คำตอบชัดเจนมากพอแล้ว

                     

                      “เราตกลงกันว่าไงล่ะ...” ตกลงกันหรอ... ตกลงอะไรกันแน่

                     

                      “ก็ถ้ายุนทนคบยัยหน้าจืดนั่นได้เกินหนึ่งอาทิตย์ เจสจะยอม...ไงคะ” ถ้อยคำหลังแผ่วเบา ก่อนที่ฉันจะได้ยินเสียงหัวเราะกระซิกมาจากมุมอับของห้องน้ำ

                     

                      ขอโทษนะที่ฉันมันหน้าจืด...ขอโทษนะ ที่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาระหว่างเรามันมีเพียงคำว่า ทนคบไปวันๆ

                     

                      “อ้าว...เจสพูดไว้แบบนั้นหรอ”

                     

                      “แล้วใครจะพูดล่ะคะ ถ้าไม่ใช่เพราะเจสขอ ยุนคงไม่หน้ามืดไปตกหลุมรักยัยนั่นหรอกนะ”

                     

                      ไม่เจ็บเท่าไหร่หรอก...กับความหน้ามืดของเธอ อย่างน้อยมันก็ทำให้ฉันมีความสุข แม้จะเป็นระยะเวลาสั้นๆ หากมันยังดีกว่ารออย่างไร้ความหวังไปวันๆ

                     

                      ขอบคุณนะ...ที่น่ามืดมาตกหลุมรักฉัน แม้จะเป็นเพราะคำขอของใครก็ตาม

                     

                      “ทำไมเจสถึงอยากให้ยุนคบยัยนั่นได้เกินหนึ่งอาทิตย์ล่ะ”

                     

                      “เจสแค่อยากพิสูจน์ว่ายุนจริงใจพอทำอะไรเพื่อเจสได้มั้ย แล้วก็อยากรู้ว่ายุนจะทนคบกับผู้หญิงที่ไม่มีอะไรน่าสนใจอย่างนั้นได้นานรึเปล่า”

                     

                      โง่มั้ย...ถ้าจะบอกว่าฉันเต็มใจเหลือเกิน กับการได้เป็นแบบทดสอบความรักของเธอกับใครอีกคน... อย่างน้อยเธอก็ได้มีโอกาสพิสูจน์ตัวเองว่าแม้แต่ผู้หญิงที่ไม่น่าสนใจอย่างฉัน ก็ยัง ทน คบได้เกินหนึ่งอาทิตย์ ในขณะที่ดาวโรงเรียนอย่างเจสสิก้านั้นมีหรือที่เธอจะต้องใช้คำว่า ทน

                     

                      “ทำไมต้องเป็นยัยนั่นด้วยล่ะ...”

                     

                      แม้แต่ชื่อของฉันเธอยังไม่คิดจะเรียกเลย...ค่าของแบบทดสอบใบหนึ่งมันก็มีแค่นี้แหละซอ จูฮยอน หัดเจียมตัวเจียมใจซะบ้างว่าเป็นได้แค่ไหน

                     

                      “ยัยนั่นมันชอบยุนอยู่นานแล้วล่ะ คณะของฉันเค้าพูดกัน อีกอย่างฉันก็แค่หมั่นไส้ เลยอยากเห็นยัยนั่นเจ็บเล่นๆ” สิ้นคำพวกเธอทั้งสองก็หัวเราะกันอย่างมีความสุข...

                     

                      อืม...ควรจะมีความสุขสินะ ฉันก็แค่ใครบางคนที่ไม่เคยอยู่ในสายตาของเธออยู่แล้ว เหมือนฝุ่นผง แม้ยิ่งเข้าใกล้เท่าไหร่ยิ่งทำให้ระคาย เธอจึงปัดมันออกได้อย่างไม่ใยดี

                     

                      “ยุนทำตามสัญญาแล้ว ทีนี้เจสทำตามสัญญาบ้างนะ”

                     

                      “อุ๊ย...ตรงนี้เลยหรอ”

                     

                      เสียงที่ดังขึ้นในโสตประสาททำเอาฉันต้องหลับตาแน่น พวกเธอคงปรนเปรอรอยจูบอันหอมหวานให้กันและกัน เสียงครางแผ่วที่ดังเล็ดลอดออกมาบ่งบอกถึงความสุขอันล้นเหลือนั่นได้เป็นอย่างดี

                     

                      ฉันค่อยๆ เปิดตาขึ้น ภาพที่เห็นเบื้องหน้า ไม่ต่างอะไรกับมีดทิ่มแทงใจให้ขาดวิ่น ไม่ใช่แทงธรรมดา ทว่ามันเชือดเฉือนลงมาอย่างไม่ยั้งมือ

                     

                      ใบหน้าสวยที่ฉันเคยหลงรักของยุนอา ซุกไซร้อยู่ยังลำคอระหงของเจสสิก้า ลิ้นเรียวกระหวัดเกี่ยวลิ้มรสราวกับเป็นของหวานชั้นยอด เรื่องราวดำเนินไปตามทางอย่างที่มันควรจะเป็น แต่แล้วสุดท้ายเจสสิก้าเป็นคนผลักร่างสูงออก เมื่ออีกฝ่ายกำลังจะถอดเสื้อเชิ๊ตสีขาวของเธอ

                     

                      “อื้ม...ไปต่อที่อื่นเหอะ”

                     

                      “ตามใจเจสค่ะ” ว่าแล้วพวกเธอก็พากันเดินออกจากห้องน้ำไป ทว่าเรือนร่างทั้งสองยังคงบดเบียดกันแนบชิดราวกับเป็นคนๆ เดียวกัน

                     

                      ความรู้สึกทั้งหลายถาโถมเข้ามาจนชาวูบไปทั้งกาย ขาทรุดลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง มือกุมหัวใจไว้ก่อนจะบีบมันแน่น เสมือนจะบังคับหัวใจซึ่งเต้นช้าลง แผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยินนั้นให้กลับมาเป็นปกติ หากไม่มีผลอะไรเลย เมื่อมันยังคงหายใจรวยริน ราวกับพร้อมหยุดลงได้ทุกเมื่อ

                     

                      ไม่เป็นไร...ถ้าเธอใช้ฉันเพื่ออยากคบกับเขา

                     

                      ไม่เป็นไรหรอกนะ...ถ้าสุดท้ายฉันก็ต้องเป็นฝ่ายถูกเธอทิ้งอย่างไม่ใยดี

                     

                      แต่ขอได้มั้ย...จนกว่าเธอจะบอกเลิกฉันด้วยปากของเธอเอง

                     

                      ฉันก็จะขอคิดว่าเธอยังรักฉัน เธอขอคบเพื่ออยากให้มีคำว่าเราในความสัมพันธ์ ฉันขอคิดว่าเธอไม่ได้มองใครคนอื่นอีก เธอยังมีแค่ฉันเพียงคนเดียว...

                     

                      ไม่หวังอะไรทั้งนั้น แค่ได้ใกล้ชิด ได้ยืนอยู่เคียงข้างเธอก็พอ... ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ฉันจะถือว่าฉันไม่เคยเห็น ไม่เคยรับรู้การกระทำระหว่างเธอและเขาคนนั้น

                     

                  ...ต่อให้มันทำให้ฉันเจ็บเจียนตายจนแทบหายใจไม่ไหวเช่นนี้ก็ตามที...   

       

                 

       

       

       

       

                      ภายในรถยนต์คันหรูซึ่งเปิดเครื่องปรับอากาศเย็นเฉียบ ก็ไม่อาจดับความร้อนรุ่มที่กำลังเกิดขึ้นระหว่างคนสองคนได้เลย ยุนอาพยายามขับรถให้เร็วที่สุด เป้าหมายคือคอนโดของเธอ...

                     

                      หากเจสสิก้านี่สิ กำลังจะทำให้เธอตบะแตกเอาเสียให้ได้ น้ำเสียงยั่วยวนออดอ้อน กระซิบถ้อยคำรำพันข้างใบหู ลมหายใจอุ่นที่รินรด พากายให้ร้อนจนอยากระบายออกมา เธอหันไปสบตากับดวงตาหวานเชื่อมคู่นั้น ...นี่คิดจะยั่วกันใช่มั้ย เจสสิก้า จอง!!

                     

                      “ตัวเจสจะหอมหวานขนาดไหนกันนะ” เพลย์เกิร์ลสาวพูดขึ้น ยุนอาเคยพบเจอผู้หญิงหลายคนที่เวียนเข้ามาในชีวิต แต่ก็ไม่มีคนไหนทำให้หัวใจของเธอปรารถนาได้มากเท่าเจสสิก้ามาก่อน มันอาจไม่เรียกว่าความรัก ทว่าความใคร่ ความลุ่มหลง เจสสิก้าได้ครอบครองมันไปอย่างเต็มเปี่ยม

                     

                      “กำลังรอคนแถวนี้มาชิมอยู่ค่ะ” น้ำเสียงแหบพร่า พร้อมมือเรียวที่วางทาบทับลงบนมือของร่างสูง นิ้วเรียวสะกิดเบาๆ เสมือนมีความนัยทางภาษากายที่รู้กันอยู่สองคน นิ้วซนลากวนเวียนไปทั่วทั้งฝ่ามือ ปลุกเร้าอารมณ์ของยุนอาให้เตลิดขึ้นทีละนิด และดูท่าทางเจสสิก้าจะทำสำเร็จเสียด้วย

                     

                      “อยากชิมตอนนี้แล้วสิ...” ยุนอาว่าด้วยเสียงแทบไม่ต่างกัน เธอย้ายมือไปวางลงบนต้นขาเนียนสวย ที่กระโปรงสั้นของมันเลื่อนขึ้นมาจนเปิดเผยความงดงามได้กระจ่างชัด มือสำรวจลูบไล้ไปทั่วด้วยความอยากรู้อยากเห็น จนเจสสิก้าห้ามตนเองไม่ได้ที่จะครางออกมาเบาๆ เมื่อนิ้วเรียวของยุนอาจงใจลากเฉียดผ่านลำธารชุ่มกึ่งกลางลำตัวครั้งแล้วครั้งเล่า

                     

                      ระหว่างปล่อยตัวปล่อยใจกันไป... ใครอาจคิดว่าพวกเธอเลว ทว่าผิดตรงไหน กับการที่ใครซักคนอยากเลือกคนที่ดีที่สุด สำหรับยุนอาแล้วการเปลี่ยนผู้หญิงบ่อยๆ ไม่ใช่เรื่องน่ารังเกียจ ในเมื่อคบกันไปนานวันแล้วมันรู้สึกว่าไม่ใช่ จะให้ฝืนคบต่อไปมันก็กระไรอยู่

                     

                      ความรักแท้บนโลกนี้มันหายากยิ่ง ไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไพศาล ต่อให้ใช้เวลาทั้งชีวิต ก็ไม่รู้ว่าผู้คนสามารถก้าวไปถึงคำๆ นั้นได้กี่ครั้งกัน

                     

                      ดังนั้นอะไรที่ทำแล้วหัวใจมีความสุข ยุนอาเองก็เลือกมันเพื่อตนเอง

                     

                      เธอยอมเป็นคนเลวในสายตาของคนอื่น หากอย่างน้อยมันก็ยังทำให้เธอพบผู้คนหลากหลาย ผู้หญิงที่เข้าหาเธอ มีบ้างมั้ยล่ะที่จริงใจ ส่วนใหญ่ถ้าไม่หวังเรื่องอย่างว่า ก็เพราะหน้าตาของเธอ ฐานะทางบ้าน รถหรูๆ ที่ขับ แล้วอย่างนี้จะให้เธอตกลงปักใจกับใครซักคนได้...

                     

                      อย่างเจสสิก้าเองก็เช่นกัน หลังจากพายุเพลิงเสน่หาที่พัดเข้ามา อีกไม่นานมันคงพัดผ่านไป และความสัมพันธ์ฉาบฉวยคงไม่มีการสานต่อ เจสสิก้าคงเข้าใจในจุดนี้ดี ในเมื่อทั้งคู่ก็มีความคิดไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก

                     

                      พวกเธอคงไม่รับรู้ว่าเพราะเกมสนุกๆ มันกำลังทำร้ายหัวใจของใครบางคนให้ตกอยู่ในสภาพเหมือนตายทั้งเป็น ส่วนหนึ่งนั้นอาจเป็นเพราะยุนอาไม่เคยคิดว่ามีใครจริงใจกับคนที่จัดได้ว่าเลวระดับหนึ่งอย่างเธอ จึงคอยปิดกั้นตัวเองให้รอดพ้นจากความเจ็บปวดทั้งมวลด้วยการไม่รักใคร เห็นความรักเป็นแค่ของเล่น พอเบื่อก็เปลี่ยนชิ้น

                     

                      ซอฮยอนก็เป็นเพียงหนึ่งในของเล่นเหล่านั้น...

                     

                      “คิดอะไรอยู่หรอคะยุน” เจสสิก้าเรียกเมื่อฝ่ามือที่กำลังลูบไล้เรือนร่างระหงอยู่นั้นหยุดลงเอาเสียดื้อ ยุนอาได้แต่มองออกไปนอกพื้นถนนอย่างเหม่อลอย ก็จะเลี้ยวเข้าซอยขนาดกว้างพอสมควร เนื่องจากเป็นที่ตั้งของคอนโดหรูย่านใจกลางเมือง

                     

                      “เอ่อ...คิดว่าจะกินเจสยังไงดี” ยุนอาไล่ความคิดทุกอย่างออกจากหัว หันมาสนใจ ของเล่นชิ้นใหม่แทน เธอยิ้มกรุ้มกริ่มกับเจสสิก้า ทว่าทั้งสองก็ต้องสะดุ้งเมื่อเห็นแสงสว่างวูบมาจากทางด้านหน้ารถ!

                     

                  เอี๊ยดดด!! โครม!!!!!!!!

       

                 

       

       

       

       

                      ฉันวิ่งมาโรงพยาบาลด้วยใจอันร้อนรน หลังได้รับโทรศัพท์จากตำรวจว่ารถที่เธอและเจสสิก้านั่งประสบอุบัติเหตุรุนแรง ชนกับรถสปอร์ตที่ขับสวนทางมาด้วยความเร็วไม่แพ้กัน

                     

                      ฉันรู้เพียงแค่ว่าเจสสิก้าโดนเศษกระจกบาดตามแขนเล็กน้อย รวมถึงรอยช้ำบ้างในบางจุด ตอนนี้พ้นขีดอันตราย กำลังนอนพักอยู่ในห้อง แต่สำหรับเธอ... เศษกระจกด้านคนขับแตกละเอียดไม่มีชิ้นดี ฉันไม่อยากจะนึกสภาพเลยว่าตอนนี้คนที่ฉันรักกำลังเจ็บหนักแค่ไหน หลังจากเข้าห้องผ่าตัดไปนานหลายชั่วโมงแล้ว

                     

                      นั่งลงบนเก้าอี้อย่างหมดแรง หมดสิ้นทุกอย่าง...

                     

                      ถึงที่ผ่านมาเธอจะหลอกลวงฉัน ไม่เคยมีความจริงใจให้ ทว่านั่นก็เป็นความต้องการของฉันเอง ฉันยินดีแบกรับความเจ็บปวดไว้เอง เพราะฉะนั้นฉันไม่เคยโกรธเลย กับการที่เธอจะไปมีใครคนอื่น ในเมื่อฉันเลือกจะรักเธออยู่อย่างนี้เอง

                     

                      หลังจากการรอคอยอย่างไร้ที่สิ้นสุดมาถึงจุดจบของมัน ไฟหน้าห้องผ่าตัดดับวูบลง เจ้าของชุดกราวน์สีขาวเดินออกมาด้วยใบหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก แม้ใจหายแค่ไหน ฉันก็พยายามหลอกตัวเอง เธอยังคงอยู่กับฉัน อยู่ท่ามกลางผู้คนที่รายล้อมรอบเธอ เป็นสาวป็อบที่มีแต่คนให้ความสนใจ...

                     

                      “คุณอิม ยุนอาเป็นยังไงบ้างคะหมอ”

                     

                      “คุณยุนอาปลอดภัยดีครับ... เพียงแต่ว่า...” หมออึดอัดใจเหลือเกินที่จะพูด ด้วยความที่ร้อนรนฉันจึงเผลอเขย่าร่างสูงโปร่งของเขา หยาดน้ำตาพากันไหลรินไม่ขาดสาย เสียงสะอึกสะอื้น หากมันดังไปถึงสรวงสวรรค์ได้ ฉันอยากภาวนาให้เธอปลอดภัย... กลับมาเป็นเธอคนเดิมได้มั้ย

                     

                      “เพียงแต่ว่าอะไรคะ”

                     

                      “เศษกระจกบาดดวงตาของผู้ป่วยรุนแรงมาก หมอไม่สามารถช่วยได้...เสียใจด้วยนะครับ” เขาพยายามแล้วที่จะปลอบโยนฉัน กล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มละมุน แต่ถ้อยคำโหดร้ายเหล่านั้น ต่อให้พูดเบาเพียงแค่ไหน มันก็เจ็บปวดทรมานไม่ต่างกัน

                     

       

                      ...จะไม่มีให้เห็นอีกแล้วหรือ แววตาอันอ่อนโยนคู่นั้นของเธอที่ฉันเคยหลงใหล...

       

                      ...จะไม่มีให้เห็นอีกแล้วหรือ เงาสะท้อนของฉันภายในลูกแก้วกลมใสเปล่งประกายจนน่ามอง...

                     

                     

                      “ไม่มีทางรักษาได้เลยหรอคะ”

                     

                      “ทางเดียวคือต้องเปลี่ยนดวงตาใหม่ให้เร็วที่สุด เพราะถ้าปล่อยให้นานกว่านี้ บาดแผลจะยิ่งอักเสบ ทำให้ไม่ยอมรับดวงตาใหม่ สุดท้ายคนไข้ก็จะมองอะไรไม่เห็น” หมอพยายามอธิบายอย่างใจเย็น ทว่าพูดอย่างนี้เอามีดมาแทงกันเลยทีกว่ามั้ย... ถ้ายุนอามองไม่เห็น เธอจะใช้ชีวิตอยู่ได้ยังไง นักเรียนที่ปลาบปลื้มเธอ หนำซ้ำหลังจากเรียนจบ เธออยากเดบิวต์เป็นนักร้องดัง... นั่นคือความฝันของเธอไม่ใช่หรอ

                     

                      ทำไมความฝันเธอต้องมาพังลงเพราะอุบัติเหตุเพียงเสี้ยววินาทีเช่นนี้...

                     

                      “แล้วโรงบาลไม่มีผู้บริจาคดวงตาเลยหรอคะ”

                      “หายากนะครับ อีกอย่างตอนนี้ก็ยังไม่มีด้วย ถึงมีใช่ว่าจะเข้ากับผู้ป่วยได้ง่ายๆ หมอเสียใจด้วยจริงๆ นะครับ”

                     

                      มันต้องมีหนทางสิ... ความฝันของเธอ... ทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้องการ...มันก็ต้องเป็นของเธอ... ฉันไม่ยอมให้เรื่องมันจบลงแบบนี้ เธอเป็นดวงดาว เป็นแสงสว่าง เป็นแรงบันดาลใจให้กับทุกๆ คน จะให้ฉันยอมได้ยังไง ถ้าพระเจ้าจะพรากเอาสิ่งเหล่านั้นไปจากเธอ... เมื่อฉันเป็นเพียงแค่คนธรรมดา ขัดขวางทางเลือกของพระเจ้าไม่ได้ ฉันเองนี่แหละ จะเป็นผู้เปลี่ยนชะตาของทุกอย่างเอง แม้มันแลกมาด้วยความทรมานของฉันก็ตาม....

                     

                      ในเมื่อฉันเองคงไม่มีอะไรให้เจ็บมากไปกว่านี้ หลายคนอาจพูดว่าฉันโง่ ที่เป็นคนบูชาความรัก ทว่าฉันไม่แคร์ ในเมื่อความรักของฉันคือการให้... ให้ทุกอย่างที่จะให้ได้ ไม่จำเป็นต้องสนหรอกว่าตัวฉันเป็นยังไง ความสุขของฉันขึ้นอยู่กับเธอ ถ้าเธอยิ้ม...ฉันเองก็อยากยิ้มด้วย

                     

                      ...อยากรักษารอยยิ้มนั้นตลอดไป...

                     

                      “หมอคะ... ฉันอยาก...” นั่นเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ และสำคัญที่สุดในชีวิตฉัน

                     

                      ...จากนี้ฉันคงไม่มีโอกาสได้เห็นอิม ยุนอา คนที่ฉันรักคนเดิมอีกแล้ว...

                     

                      ...โลกอันเต็มไปด้วยความสวยงามแห่งนี้ วอนช่วยเฝ้ามองดูเธอ แล้วพาสายลมมากระซิบข้างหูฉันทีนะ...

                     

                      ...ทำทุกสิ่งทุกอย่างแทนฉันด้วย...

       

                     

       

       

       

       

                  [หนึ่งปีต่อมา]

                 

                      ร่างบางยกมือขึ้นสัมผัสกับดวงตาของตนเอง เธอหลับตาลงช้าๆ เพราะไม่ว่าจะพยายามทำเท่าไหร่ ทว่าหญิงสาวก็ยังคงตกอยู่ในห้วงแห่งความมืดนานชั่วกัลป์ อย่างไม่มีโอกาสดึงแสงสว่างเหล่านั้นกลับคืนมาได้...

                     

                      มือเรียวควานหาไม้เท้าข้างกาย เธอเดินอย่างระมัดระวัง ทั้งที่อยู่หอนี้มาเนิ่นนานนับปีแล้ว ทว่าความเคยชินมันไม่ได้มากตามไปด้วยเลยซักนิด คนที่เคยมองโลกอันสวยงามได้ กลับตกจมอยู่กับความมืด มองไม่เห็นใคร ไม่รับรู้ความสวยงาม มีเพียงความว่างเปล่า และอ้างว้างรายรอบกาย

                     

                      ...ทรมานจนกลั่นกรองออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เชียวล่ะ...

                     

                      หากถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ร่างบางเองก็ยังคงยืนยันการติดสินใจเช่นนี้ เธอยอมเจ็บมากกว่าจะให้คนที่เธอรักเจ็บ เธอยอมอยู่ในห้วงรัตติกาลตลอดชีวิต แลกมาด้วยความฝันของคนที่เธอรัก

                     

                      โง่มั้ย... จะว่าเธอโง่ก็ได้ หากใครไม่เป็นเธอย่อมไม่อาจเข้าใจ เวลาเรารักใครซักคน เราพร้อมทำทุกอย่างเพื่อเขา ต่อให้เขาไม่แคร์ ไม่แยแส ไม่สนใจ ทว่าหัวใจเรากลับยังสั่งให้ทำซ้ำๆ อย่างนั้นอยู่ร่ำไป

                     

                      ถามว่าทำไมเธอต้องทุ่มเททำทุกอย่างเพื่อคนที่ไม่เห็นค่าน่ะหรือ... เหตุผลง่ายๆ สั้นๆ มีแค่ข้อเดียวคือ เพราะรักนั่นแหละ คำตอบของทุกสิ่ง

                     

                      หลายคนยอมทำทุกอย่างได้เพราะความรัก หลายคนยอมตายได้เพราะความรัก

                     

                      มันช่างเป็นคำสั้นๆ ที่ให้ความหมายมากมายได้อย่างน่าอัศจรรย์ ดังนั้นคนที่ยอมตาย หรือยอมทุ่มเททุกอย่างเพื่อความรักไม่ใช่คนโง่ ไม่ใช่พวกเขารักตัวเองไม่เป็น แต่เขาคิดว่าการที่เขาจะเป็นยังไงนั้นไม่สำคัญเท่ากับชีวิตของคนที่เขารักเลยแม้แต่น้อย

                     

                      จริงอยู่ว่าตอนเกิดมาก็ตัวคนเดียว จะอยู่ต่อไปคนเดียวมันไม่น่าเดือดร้อน หากถ้าเราพบเจอคนที่เราอยากใช้ชีวิตอยู่เพื่อเขา เราจะเข้าใจว่าที่พระเจ้าสร้างเราให้เกิดมาคนเดียว ก็เพื่อให้เราใช้ชีวิตกับคนที่เกิดมาคนเดียวเหมือนกัน และเป็นส่วนเติมเต็มให้กันและกัน

                     

                  ...รักผู้อื่นเหมือนรักตนเอง...

                     

                      นั่นคือคำที่พระเจ้าสั่งสอนไว้มิใช่หรือ แล้วถ้าร่างบางจะทำตามคำกล่าวนั้นมันเสียหายตรงไหน

                     

                      ไม้เท้ากระแทกข้าวของภายในบ้านไปเรื่อยๆ อย่างคลำหาเส้นทาง ทว่าหญิงสาวก็พลาดเหยียบเศษกระดาษซึ่งปลิวลงมาอยู่กับพื้น เธอลื่นล้มลง พร้อมๆ กับไม้เท้าที่พลัดหลุดมือไป

                     

                      ความมืด...ช่างน่าหวาดกลัวนัก...

                     

                      “ซอ! เธอเป็นอะไรรึเปล่า” เสียงเรียกของคนที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามาทำให้ซอฮยอนรู้สึกตัว เธอพยายามจะมองหาเจ้าของเสียงซึ่งเป็นรูมเมทตนเอง แต่แน่นอนว่ามันไร้ซึ้งประโยชน์โดยสิ้นเชิง

                     

                      จนเมื่ออ้อมกอดอันและคุ้นเคยที่เข้ามาประคองไว้ ความหวาดกลัวจึงเลือนหายไป มีเพียงความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วหัวใจ ด้วยความรักล้นเปี่ยมที่ได้รับจากเพื่อนสนิทอย่างนิโคล

                     

                      “ฉันแค่ล้มน่ะ ไม่เป็นอะไรหรอก” เธอตอบพร้อมๆ กับที่คนผมสั้นพยุงเธอให้ลุกขึ้นยืน

                     

                      “แล้วเธอเดินมาทำไม รอฉันอีกแป๊บเดียวก็ได้ ซอก็รู้ว่าฉันกำลังจะกลับ”

                     

                      “ก็ฉัน...” ซอฮยอนพยายามหาข้อแก้ตัว หากดูเหมือนนิโคลจะรู้ทัน เธอพาเพื่อนที่เรียกได้ว่า ตาบอดของตนเองนั่งลงบนโซฟาแทน ความรักทำให้คนตาบอด มันไม่จริงหรอก อย่างน้อยๆ คนเราก็ยอมตาบอดเพื่อความรักเอง นิโคลไม่โกรธการตัดสินใจของซอฮยอน ที่อีกฝ่ายบริจาคดวงตาให้ยุนอาแทน ถึงแม้ตนเองจะเจ็บมากแค่ไหนก็ตาม ทว่าเธอเข้าใจดี ถ้าซอฮยอนตาบอด... เธออาจจะตัดสินใจแบบเดียวกันกับคนที่เธอแอบรักก็ได้

                     

                      “ฉันแค่เป็นห่วงเธอน่ะซอ” นิโคลว่าพลางหลบหน้า กลบเกลื่อนร่องรอยหวั่นไหวเหมือนที่แล้วมา ทั้งที่มันไม่มีประโยชน์ และซอฮยอนคงไม่มีโอกาสได้เห็น

                     

                      เพราะเส้นทางเลือกของซอฮยอน ทำให้หญิงสาวต้องลาออกจากโรงเรียน ในขณะที่ตอนนี้นิโคลอยู่ปีสี่ใกล้จบแล้ว หากเพื่อนก็ไม่ยอมทิ้งร่างบางไปไหน คอยดูแลเป็นอย่างดีทุกอย่างเท่าที่เธอจะทำได้ รวมถึงทำงานพิเศษเล็กๆ น้อยๆ เพื่อความเป็นอยู่ของตนเองและซอฮยอน

                     

                      “กี่โมงแล้วหรอนิโคล”

                     

                      “บ่ายสองแล้วล่ะ...”

                     

                      “เปิดทีวีให้ฉันหน่อยได้มั้ย”

                     

                      สิ้นคำขอ เธอคงไม่สังเกตเห็นน้ำตาหยาดใสที่เริ่มไหลรินมาจากดวงตาของนิโคล ทว่าสาวผมสั้นก็ยอมทำตามโดยดี เธอรู้ว่าซอฮยอนปรารถนาจะดูช่องไหน...

                     

                      ตารางโปรแกรมโทรทัศน์เปิดกางอยู่บนโต๊ะ เวลาบ่ายสองโมง เป็นรายการเกี่ยวกับดารานักร้อง วงการบันเทิง ซึ่ง...วันนี้แขกรับเชิญก็คืออิม ยุนอา นักร้องวัยรุ่นชื่อดัง หลังจากเดบิวต์ได้ไม่ถึงครึ่งปี แต่กลับมาแรงแซงโค้งนักร้องหน้าใหม่หลายต่อหลายคน ด้วยความฝันอันมุ่งมั่น

                     

                      (“หวัดดีค่ะ คุณอิมยุนอา”) เสียงพิธีกรดังลอดมาจากจอโทรทัศน์ ทำให้ซอฮยอนเริ่มให้ความสนใจมากเป็นพิเศษ นิโคลเดินเลี่ยงออกมา ด้วยไม่อาจทำใจได้ กับท่าทีเหล่านั้นของคนที่เธอรัก... เวลาผ่านไปหนึ่งปี ไม่เคยช่วยทำอะไรให้มันคือขึ้นเลย เธอเองก็ยังคงทุ่มเททำอะไรเพื่อคนที่ไม่เห็นค่าอย่างซอฮยอน

                     

                      ...เหตุผลก็แค่คำว่ารักสั้นๆ เท่านั้นเอง...

                     

                      (“ทำไมคุณยุนอาถึงฝันอยากเป็นนักร้องล่ะคะ”)

                     

                      (“มันคือความฝันของฉันตั้งแต่เด็กแล้วค่ะ อยากร้องเพลง อยากสร้างความสุขให้ผู้อื่น ได้อยู่ท่ามกลางผู้คน ฉันว่ามันเป็นอะไรที่อัศจรรย์มากเลย”)

                     

                      เสียงนั้นยังเหมือนเดิม... ยังอบอุ่น ยังอ่อนโยน ยังน่าฟังเสมอสำหรับคนตาบอดไร้ค่าคนนี้...

                     

                      (“ทราบข่าวว่าก่อนที่คุณยุนอาจะจบปีสี่ คุณประสบอุบัติเหตุร้ายแรงจนเกือบตาบอดเลยหรอคะ”)

                     

                      (“ใช่ค่ะ”) ทันทีที่ยุนอาตอบรับ เสียงฮือฮาก็ดังขึ้นภายในห้องส่ง เนื่องจากเป็นเรื่องที่นักร้องดังไม่เคยพูดถึงมาก่อน และมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้เปิดข่าวนี้ให้คนอื่นรู้

                     

                      (“วันนั้นฉันยังเด็ก ขับรถไม่ระวัง ผลก็คือรถชน กระจกหน้าต่างรถบาดดวงตารุนแรงมาก ฉันคงจะตาบอดไปแล้วล่ะ...”) ท้ายประโยคเสียงใสๆ เริ่มสั่นเครือ ยุนอายกมือขึ้นปาดน้ำตาใสของตนเอง ภาพเบื้องหน้าพร่ามัวเนื่องจากหยาดน้ำ ทว่าอย่างน้อยเธอก็ยังมองเห็น ยังมีโอกาสได้ทำตามความฝัน...

                     

                      (“หมอบอกว่าความจริงฉันควรจะตาบอด เพราะตอนนั้นไม่มีดวงตาบริจาคเลย แล้วฉันเองก็ต้องรับการผ่าตัดให้เร็วที่สุด ในขณะที่กำลังหมดหวังอยู่... ก็มีคนๆ หนึ่ง ทำเรื่องบริจาคดวงตาของเธอให้ฉัน”) เสียงซุบซิบในจอดังหนักขึ้น ขณะที่นักร้องสาวเริ่มสะอื้น จนทั้งห้องส่งเริ่มน้ำตาคลอตาม

                     

                      (“หมอไม่ยอมเพราะผิดจรรยาบรรณแพทย์ เนื่องจากไม่สามารถผ่าตัดเปลี่ยนดวงตาจากคนที่มีชีวิตอยู่ได้... จนกระทั่งใครคนนั้นบอกหมอว่าเธอจะยอมเป็นคนไร้ลมหายใจ ถ้ามันทำให้ฉันสามารถมองเห็นโลกนี้ได้อีกครั้ง สุดท้ายหมอทนการขอร้องจากเธอคนนั้นไม่ไหว... ฉันเลยได้ดวงตาคู่นี้มา เพื่อทำตามความฝันของตัวเอง”) ซอฮยอนได้ยินเสียงสะอื้นปานจะขาดใจของยุนอา เธอจึงได้แต่สั่นสะท้านตาม แม้ดวงตาจะไร้แวว ไม่สามารถมองเห็นได้ ทว่าหยาดน้ำตาที่พากันหลั่งรินอยู่ตอนนี้มันมาจากไหนกันนะ

                     

                      ...หรือกลั่นมาจากหัวใจ...

                     

                      (“เธอคนนั้น? หมายความว่าเขาเป็นผู้หญิงหรอคะ”) คำถามของพิธีกรกระตุกหัวใจทุกคน ขณะที่ยุนอาได้แต่ยิ้มบางๆ ทั้งน้ำตาแทนคำตอบ

                     

                      (“ค่ะ...เธอเป็นคนที่ทำให้ฉันรู้จักความรักที่จริงใจเป็นครั้งแรก... ถ้าได้เจอเธออีกครั้ง ฉันก็อยากจะขอโทษ อยากแก้ตัว... ที่เคยทำตัวเลวๆ เคยทำเรื่องไม่ดีกับเธอ ทั้งที่ฉันไม่เคยมีความจริงใจให้เธอเลย แต่เธอกลับ...เธอกลับรักคนอย่างฉัน เธอยอมสละดวงตาคู่นี้ของเธอ...เพียงเพื่อให้ฉันใช้ชีวิตอยู่ต่อไปได้ แล้วเธอล่ะ...ฉันยังไม่รู้เลยว่าตอนนี้เธออยู่ไหน เธอจะใช้ชีวิตยังไง โลกมืดๆ ใบนั้นน่ากลัวกับเธอมากมั้ย”) ดูเหมือนการที่ยุนอาสารภาพเรื่องราวทั้งหมด เป็นการยอมรับกลายๆ ว่าเธอชอบเพศเดียวกัน ทั้งที่มันอาจทำให้เธอเรตติ้งตก หรือไม่เป็นที่ยอมรับอีก หากหญิงสาวกลับยิ้มรับได้อย่างมุ่งมั่น ความรักเป็นเรื่องใสสะอาดและบริสุทธิ์ ผิดด้วยหรือการที่จะรักใครซักคน

                     

                      เธอเริ่มเปลี่ยนมุมมองความคิดเกี่ยวกับความรัก... ตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุครั้งนั้น เธอหันมาสนใจเรียน มากกว่าจะเที่ยมเตร่ เหล่สาว ทว่าทุกครั้งที่เธอส่องกระจก เธอกลับเห็นเงาของซอฮยอนสะท้อนอยู่ในแววตาสวยคู่นี้ เห็นความรัก ความจริงใจ ทุกอย่างที่เธอเคยมองข้าม

                     

                      หัวใจที่เคยปิดตาย โลดแล่นออกมาสั่นไหว และรู้จักเต้นเพื่อใครได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ยุนอาเองก็ไม่รู้ หากเธอรู้แค่ว่าเธอคิดถึงซอฮยอนมากเหลือเกิน ถ้ามีโอกาสก็อยากจะย้อนเวลากลับไป... ดูแลรุ่นน้องที่รักเธอ และคอยช่วยเหลือเธอทุกอย่างโดยที่เธอไม่แยแส

                     

                      (“เธอรักคุณมากเลยสินะคะ”)

                     

                      (“มากค่ะ...มากจนฉันเองยังละอาย คนดีๆ อย่างเธอไม่น่ามารักคนอย่างฉันเลย... ฉันขอพูดอะไรกับเธอหน่อยได้มั้ยคะ”) ยุนอาหันไปขออนุญาตพิธีกร ซึ่งพอได้รับคำตอบเป็นการหยักหน้า นักร้องสาวก็สูดลมหายใจเฮือกใหญ่ เธอพยายามกลั้นเสียงสะอื้นเต็มที่ หากไม่เป็นผล เมื่อมันยังคงสั่นเครืออยู่อย่างนั้น

                     

                      (“ซอฮยอน... พี่ไม่รู้ว่าเธอจะฟังพี่อยู่รึเปล่านะ...”)

                     

                      ...ฟังสิคะ... ถึงซอจะไม่เห็นหน้าพี่ ไม่รู้ว่าพี่เป็นยังไง แต่ซอยังคงได้ยินเสียงของพี่... ทุกคำที่พี่พูด ไม่มีคำไหนที่ซอ จูฮยอนจะลืมเลือนมันได้เลย...

                     

                      (“ตั้งแต่วันนั้น ไม่มีวันไหนเลยที่พี่ไม่คิดถึงซอ... พี่เพิ่งรู้ตัวว่าพี่เองก็รักเธอ... ซอไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นที่พี่เคยเจอ ซอไม่ได้เสแสร้ง ซอทำให้พี่รู้ว่าความรักของเธอมีค่าแค่ไหน... ไม่ใช่แค่ดวงตาที่ทำให้พี่มองเห็น...แต่หัวใจของพี่ ก็มีชีวิตอยู่ได้ด้วยความรักจากซอ...”)

                     

                      ...ขอบคุณนะคะพี่ยุน... ที่ความรักจากคนไร้ค่าคนนี้ เป็นแสงส่องใจให้พี่ต่อไปได้...

                     

                      (“ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง... ซักวันถ้าพี่เจอซอ พี่จะบอกคำนั้นกับซอเอง...”)

                     

                      ...ซอจะรอฟังคำนั้นของพี่นะคะ...

       

                     

       

       

       

       

                      ลมเย็นๆ ที่พัดผ่าน ทำให้ซอฮยอนยิ้มออกบางๆ สวนสาธารณะอันกว้าง หากเธอไม่มีโอกาสได้เห็นความสวยงามของมันเลย... ดอกไม้พากันผลิบานสวยงาม แสงแดดยามเย็นเลียบลัดขอบฟ้า น่าเสียดายแทนเหลือเกิน แต่ถึงแม้หญิงสาวไม่อาจรับรู้ความสวยงามของบรรยากาศรอบกายได้ ทว่าความสวยงามไม่ได้อยู่ที่คำจำกัดความภายนอก หากมันอยู่ที่จินตนาการอันไร้ที่สิ้นสุด...

                     

                      เด็กผู้ชายกลุ่มหนึ่งพากันเตะฟุตบอลอย่างสนุกสนาน จนหลงลืมมองรอบข้าง พวกเขาวิ่งผ่านซอฮยอนด้วยความไม่ทันระวัง ส่งผลให้คนที่ไม่อาจมองเห็นได้ถึงกับเซอย่างทรงตัวไม่อยู่ เกือบจะล้มลงเสียแล้ว ถ้าไม่มีอ้อมแขนของใครเข้ามาประคองไว้พอดี

                     

                      ...ไม่ใช่นิโคล...

                     

                      ความอบอุ่นไม่เหมือนกัน หนำซ้ำจังหวะในหัวใจเธอก็ไม่เหมือน... แล้วใครกันนะ

                     

                      “เอ่อ...ขอบคุณนะคะ” เธอเอ่ยขอบคุณไว้ก่อน โค้งคำนับทั้งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครคนนั้นยืนอยู่ทางด้านไหน แต่อย่างน้อยเขาก็คงสัมผัสได้ถึงความจริงใจที่อยากจะขอบคุณจริงๆ ของเธอล่ะมั้ง

                     

                      “ถ้าไม่ได้คุณฉันคงแย่ ขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ” ซอฮยอนยังคงขอบคุณไม่หยุด ทว่าที่ได้รับมามีเพียงแต่ความเงียบรอบด้าน สายลมยังคงพัดผ่านให้หัวใจเหน็บหนาว เหล่าใบไม้พลิ้วไหวหยอกล้อตามแรงลม นำพามาซึ่งบรรยากาศอ้างว้างเดียวดาย หนำซ้ำการตกอยู่ในความมืดมิด ก็เหมือนกำลังถูกดึงลงสู่ห้วงแห่งความว่างเปล่าอย่างไร้ที่สิ้นสุด

                     

                      “อ้าว...ไปแล้วหรอ” เธอเอ่ยออกมาด้วยความเศร้าหมอง ยังไม่มีโอกาสได้ถามชื่อคนใจดีคนนั้นเลย สงสัยว่าเขาคงจะช่วยอย่างไม่ได้คิดอะไรล่ะมั้ง เมื่อเห็นเธอทรงตัวได้จึงเดินจากไป

                     

                      หญิงสาวเคาะไม้เท้าไปรอบๆ ด้าน แล้วค่อยๆ เดินด้วยความไม่คุ้นชิน ความจริงเธอไม่น่าดื้อ ขอนิโคลออกมาเดินเล่นคนเดียวอย่างนี้เลย แต่ก็นั่นแหละ... ร่างบางไม่อยากเอาแต่พึ่งเพื่อน แค่อาศัยอยู่ด้วยทุกวันนี้เธอเองก็เกรงใจอีกฝ่ายมากพออยู่แล้ว

                     

                      ทว่าซอฮยอนคิดผิด ยังไม่ทันเดินได้สามก้าวดีเธอต้องชะงัก เมื่อพบกับร่างสูงของใครคนหนึ่งยืนขวางทางอยู่ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หากเธอกลับตกอยู่ในอ้อมแขนของคนตรงหน้าไปแล้ว

                     

                      ...ความอบอุ่นอย่างนี้... คนที่ช่วยเธอเมื่อครู่นี่...

                     

                      แผ่นหลังของคนที่กอดเธออยู่สั่นสะท้าน เสียงสะอื้นดังลอดให้ได้ยินไม่ขาดสาย จนซอฮยอนเองได้แต่ลูบแผ่นหลังนั้นเบาๆ เชิงปลอบประโลม ความเศร้า ความเสียใจทั้งหลายจงมาอยู่กับเธอเถอะ อย่าให้ใครต้องตกอยู่ในห้วงอารมณ์นั้นอย่างที่เธอเคยผ่านมาแล้วเลย...มันทรมานสิ้นดี

                     

                      “ถึงฉันจะไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร...แต่ถ้าคุณสบายใจก็ร้องออกมาเถอะ ฉันจะอยู่ปลอบโยนคุณเอง” ซอฮยอนกล่าวพลางยิ้มหวาน เธอดันอ้อมกอดออกช้าๆ มือเรียวเลื่อนขึ้นไปสูง ก่อนจะทาบลงบนแก้มเนียนของอีกฝ่าย รอยคราบน้ำตาถูกนิ้วเรียวค่อยๆ เกลี่ยซับมันช้าๆ หากมันยังคงรินไหลต่อเนื่องไม่หยุด

                     

                      ...เพราะอะไร คนใจดีถึงเสียใจมากขนาดนี้นะ...

                     

                      “อย่าร้องสิ... เดี๋ยวไม่สวยนะคะ” จากอ้อมกอดเมื่อครู่ ซอฮยอนจึงพอรู้ว่าคนที่ร้องไห้อยู่นั้นเป็นผู้หญิง เสียงสะอื้นดูเหมือนคนตรงหน้าจะพยายามอย่างยิ่งที่กลั้นมันเพื่อไม่ได้เธอได้ยิน หญิงสาวสะดุ้งเมื่อมืออุ่นๆ รวบมือของเธอที่พยายามจะเช็ดน้ำตาเอาไว้แน่น

                     

                      สัมผัสคุ้นเคยเมื่อในอดีต เริ่มชัดเจนขึ้นในความทรงจำ...

                     

                      “ซอ...” ร่างสูงเรียกเสียงแผ่วเบา ทำเอาซอฮยอนถึงกับทำอะไรไม่ถูก เมื่อมันเป็นเสียงของคนที่เธอไม่เคยลืม เสียงเจ้าของเพลงยอดฮิตที่เปิดทั่วบ้านทั่วเมือง เดินไปไหนก็ได้ยิน

                     

                  ...อิม ยุนอา...

                 

                      “พี่คิดถึงซอ...”

                     

                      “พี่ขอโทษ...” ยุนอาละลักละล่ำกล่าวขอโทษไม่หยุด เมื่อเห็นสิ่งที่ซอฮยอนต้องเผชิญตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา คงทรมานมากเลยใช่มั้ย ทรมานเพื่อคนเลวๆ คนนี้... ยุนอาเพิ่งรู้เมื่อจะสายนี่เองว่าหัวใจของเธอเรียกร้องหาคนตรงหน้ามากมายแค่ไหน ความรักบริสุทธิ์ที่เธอเฝ้าตามหา เธอได้รับมันมาแล้วโดยไม่รู้ตัวเอง

                     

                     

                      ...กว่าจะรู้ตัวก็วันที่จากกัน...

                     

                      ...กว่าจะรู้ตัวก็ต่อเมื่อได้ใช้ดวงตาของซอฮยอนมองโลกแทนอีกคน...

       

       

                      “ดีใจด้วยนะคะ พี่ทำตามความฝันสำเร็จแล้ว” เธอคลายมือของยุนอาออก ก่อนจะหันหลังให้ เปล่าเลย... ร่างบางไม่ได้โกรธ เพียงแต่เธอไม่อยากอยู่ที่นี่นานกว่านี้ เธอกลัวหัวใจอันหวั่นไหวของตนเอง เธอกลัวว่ายุนอาจะเสียชื่อเสียง ถ้าต้องมาอยู่กับผู้หญิงตาบอดเช่นเธอ... พอเถอะ เธอเป็นคนมอบโอกาสให้ยุนอาได้เริ่มต้นใหม่ เธอก็ไม่ควรเข้าไปทำลายชีวิตของคนที่เธอรักอย่างนี้

                     

                      “ซอจะไปไหน...” ยุนอาคว้าข้อมือเรียวไว้ด้วยความงุนงง ดวงตาแดงก่ำคลอไปด้วยหยาดน้ำตา

                     

                      “พี่เองก็มีทางของพี่... ซอเองก็มีทางที่ซอสมควรไปเหมือนกันค่ะ”

                     

                      “ซอ...ขอร้อง อย่าจากพี่ไป อย่าทิ้งให้พี่อยู่แต่กับเงาของเธอที่สะท้อนในแววตา...”

                     

                      “พี่เป็นคนของทุกคน... ไม่เหมาะที่พี่จะมายืนคุยกับคนตาบอดไม่เหลืออะไรอย่างซอหรอกค่ะ พี่ยุนมีชีวิตที่สวยงามตามแบบของพี่... ใช้ชีวิตตามความฝันของพี่...เพื่อซอนะคะ” ซอฮยอนโน้มใบหน้าของยุนอาลงมา ก่อนจะทาบเรียวปากบางลงไปเบาๆ

                     

                      ...จูบแรก...และจูบสุดท้ายระหว่างพวกเธอ...

                     

                      “ไม่! ความฝันของพี่คือการมีซอ ขอร้อง...ให้โอกาสพี่ได้แก้ตัวทุกสิ่งที่ทำไว้กับเธอได้มั้ย พี่รักซอนะ” ยุนอาอ้อนวอนเสียงเครือ ความรักของเธอ... ความรักบริสุทธิ์ รักจริงใจที่มีแต่การให้ ชีวิตนี้เธอคงไขว่คว้าหาไม่ได้อีกแล้ว... คนที่สอนให้เธอรู้จักความรักที่แท้จริง แล้วจะทิ้งเธอไปได้อย่างไรกัน...

                     

                      “ซอก็รักพี่ค่ะ... แต่ระหว่างเราให้มันเป็นแบบนี้น่ะดีแล้ว คนตาบอดอย่างซอไม่คู่ควรกับพี่เลย... ชีวิตพี่ยังมีโอกาสได้เจอคนดีๆ อีกตั้งเยอะ... เริ่มต้นใหม่นะคะ ฝากดูแลดวงตาคู่นั้นของซอด้วย... ดวงตาของซอมอบให้พี่เพราะความรัก แล้วหัวใจของซอก็มอบให้พี่เพราะความรัก... เหตุผลที่ซอต้องไปจากพี่ มันก็เพราะคำว่ารักเพียงคำเดียวค่ะ...”

                     

                      ร่างบางเดินจากไปแล้ว... ทิ้งให้ยุนอาได้แต่มองภาพทุกอย่างผ่านม่านน้ำตา... ซอ จูฮยอน เธอสอนให้พี่รู้จักความรัก แล้วก็จากพี่ไปง่ายๆ อย่างนี้น่ะหรอ... ทั้งที่เธอทำทุกอย่างเพื่อพี่ เพราะความรักที่เธอมีให้พี่ แล้วเมื่อไหร่กันที่พี่จะได้ทุ่มเท ทำทุกอย่างเพื่อเธอ เพราะความรักที่พี่มีให้เธอบ้าง...

                     

                      ...เหตุผลสั้นๆ ของเธอเพียงแค่คำเดียว กำลังฆ่าพี่ให้จมอยู่กับความรักให้เหมือนต้องตายทั้งเป็น...

                     

                      ...กี่หมื่นล้านเหตุผลที่เธอเลือกจากพี่ไป...

                     

                      ...ขอเพียงแค่เหตุผลเดียวดึงเธอกลับมาได้มั้ย...

                     

                      ...พี่รักเธอ...

       

       

      เธออาจมีร้อยเหตุผล ที่เธอจะไป

      แต่ฉันมีเพียงเหตุผลเดียวจะให้เธออยู่

      ฟังเสียงหัวใจของฉัน...แล้วก็อาจจะรู้

      เหตุผลเดียวมีอยู่ก็คือ...รักเธอ

                     

       

      The end

       

       

       

       

       

      ตอนแรกคิดจะแต่งเล่นๆ พล็อตไม่ยาวมากค่ะ

      ไปๆ มาๆ กลายเป็นวันช็อตที่ยาวที่สุดในชีวิต T^T

      คิดว่ายุนจะเลวสุดขั้วๆ ก็กลับไม่เลวเท่าไหร่

      อาจเป็นเพราะบุงวางพื้นฐานของตัวละครด้วยค่ะ ทุกการกระทำมีเหตุมีผล

      กะจะให้เรื่องนี้เลวในสายเลือด กลับทำไม่ได้ซะอย่างนั้น T___T

       

      แถมยังแต่งขัดบุคลิกความคิดตัวเองอีกต่างหาก

      เนื่องจากบุงเป็นพวกคิดว่าถ้ารักตัวเองไม่เป็นก็อย่ารักคนอื่น

      แต่พล็อตเรื่องนี้ บีบความคิดและการกระทำของตัวละครในเรื่องมาอย่างนั้น

      เลยต้องพยายามสะท้อนมุมมองว่ารักคือการให้ออกมาให้ได้

      ไม่รู้จะออกมาดีรึเปล่า ยังไงอ่านแล้วก็ช่วยติชม คอมเมนต์ให้กำลังใจกันด้วยนะคะ >/|\<

       

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×