[[SF-SNSD]] :+:Miracle:+: (Yuri)
เขาว่ากันว่า ถ้าเพียงแต่เรามีความเชื่อ ปาฏิหาริย์ก็จะเกิด แล้วระหว่างฉันกับเธอล่ะ ปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้นได้มั้ย (แททิฟ) (ลงใหม่ค่ะ)
ผู้เข้าชมรวม
7,017
ผู้เข้าชมเดือนนี้
6
ผู้เข้าชมรวม
จากที่เคยสัญญาไว้ว่า
จะเป็นโปรเจ็คต์ซอสิกก่อน
ขอเปลี่ยนแผนเล็กน้อยนะคะ
เนื่องจากเรื่องนั้นอยากลงวันเกิดซอ
แต่พอดีเรื่องนี้แต่งเสร็จแล้ว
เลยอยากให้คนอ่านได้อ่านดูก่อนค่ะ
รับประกันความซึ้งแน่นอนค่ะ ^^b
If... - Tae Yeon(SNSD)
คำแปล
"ถ้า "
ถ้าฉันจะไป ฉันจะไปอยู่ใกล้ๆเธอดีไหม
แล้วเธอจะคิดยังไงนะ แค่นี้ฉันก็หัวใจฉันก็สลายแล้ว
ถ้าเธอจะทิ้ง เธอจะเลือกทิ้งฉันไหม
ฉันจะยอมให้เธอจากไปได้อย่างไร ฉันเฝ้าแต่ครุ่นคิดอยู่เรื่อยมา
เหตุผลคือ ฉันมันโง่ ที่เฝ้าแต่คอยมองดูเธอจากที่ไกลๆ
เป็นเพราะบางทีฉันกังวลว่าหัวใจคุณจะเปลี่ยนความรู้สึกของฉันไป และ
กลายมาเป็นความบาดหมางระหว่างเรา
เหตุผลคือ ฉันนั้นโง่ จริงๆ ที่ไม่สามารถพูดว่า "ฉันรักเธอ"
เป็นเพราะบางทีฉันกลัวที่จะเจ็บปวดและความเศร้าจากวันที่ผิดหวังหลังจากการสูญเสีย
ถ้าเธอจะมา เธอจะเลือกมาหาฉันไหม
ฉันควรทำอย่างไร ฉันคิดไม่ออกเลยจริงๆ
เหตุผลคือ ฉันนั้นโง่ที่ไม่สามารถพูดว่า "ฉันรักเธอ"
เป็นเพราะบางทีฉันกลัวความเจ็บปวดและความเศร้าจากวันที่ผิดหวังหลังจากการสูญเสีย
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
[[SF-SNSD]] :+:Miracle:+: (Yuri)
Do you believe in miracle?
I do
“...เขาว่ากันว่า ถ้าเพียงแต่เรามีความเชื่อ ปาฏิหาริย์ก็จะเกิด
แล้วระหว่างฉันกับเธอล่ะ ปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้นได้มั้ย...”
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
“เพียะ!!” เสียงฝ่ามือกระทบเนื้อดังก้อง ใบหน้าหันไปตามแรงตบทันที หากนั่นคงยังไม่สาแก่ใจของคนกระทำเลยซักนิด ตอนนี้ความโกรธของฉันพุ่งขึ้นถึงขีดสุดแล้ว มันกลั่นออกมาเป็นหยาดน้ำตาอาบใบหน้า จนฉันเห็นร่างเล็กที่จ้องมองฉันอย่างตัดพ้อพร่าเลือนไปหมด ทำไมฉันต้องทนเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าล่ะคิม แทยอน
“ตบฉันอีกสิฟานี่ ถ้ามันทำให้เธอพอใจ!” เธอพูดอย่างท้าทายฉัน ทั้งที่ใบหน้าของเธอนั้นขึ้นรอยแดงเรื่อ ด้วยฝ่ามือของคนที่รักเธอที่สุด อย่างทิฟฟานี่คนนี้...
“อย่าท้าฉันนะแทแท” ฉันย้อนกลับ มือกำหมัดแน่นอย่างข่มอารมณ์ ฉันมันแย่ ฉันมันแย่ที่สุด... ทำไมฉันถึงได้รักเธออย่างนี้ล่ะ ทำไมฉันถึงรักเธอมาก เพราะอะไรกันแทยอน ตอบฉันมาได้มั้ย ทั้งๆ ที่เธอก็ทำฉันเจ็บมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว ทำไมฉันต้องรักคนอย่างเธอด้วย!
“ก็ถ้ามันจะทำให้เธอพอใจ ก็ตบฉันเลยฟานี่ เอาให้สมกับสิ่งที่ฉันทำกับเธอ” เธอยังคงท้าทายฉัน ทั้งที่ดวงตาคู่นั้นก็เริ่มแดงก่ำ คลอไปด้วยหยาดน้ำ... บ้าจริง! ฉันจะใจอ่อนเพราะน้ำตาของเธออีกแล้วหรือ ก็แทยอนเป็นคนที่เก็บอารมณ์เก่งมาก และไม่ร้องไห้ให้ใครเห็นได้บ่อยนัก หากยามนี้มันกลับกำลังจะไหลออกมาง่ายๆ เธอมาเสียใจอะไรตอนนี้ล่ะคิม แทยอน ทีตอนเธอทำฉันเจ็บ ฉันเสียใจมามากมายเท่าไหร่แล้ว... ความรักของเรา ที่มันผ่านเวลามาหลายปี มันไม่มีค่าต่อหัวใจเธอเลยหรือไง หรือรักเรามันเก่าไป เธอจึงเฉยชากับมัน
“ฮึก...มันไม่สมกันหรอกแทแท” ฉันกล่าวด้วยเสียงสั่นเครืออย่างเกินห้ามได้ “เธอทำร้ายฉันมามากเท่าไหร่นะแทยอน แต่ทำไมกัน ฉันถึงทำร้ายเธอไม่ลง... ฉันด่าเธอฉันก็เจ็บ ฉันตบเธอฉันก็เจ็บ ฉันควรจะทำยังไงดี” ฉันเริ่มฟูมฟายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่น่าเชื่อว่าคนที่ฉันรักมากมาย จะตอบแทนฉันได้เจ็บแสบขนาดนี้
เธอเดินเข้ามาดึงมือฉันไปกุมไว้ ส่วนอีกมือก็ค่อยๆ ปาดน้ำใสที่อาบแก้มของฉันอยู่อย่างอ่อนโยน เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วนะที่ฉันใจอ่อนกับเธอ พอกันทีเถอะ... ยิ่งปล่อยไปอย่างนี้ คนเจ็บ คนทรมานมันก็คือฉันไม่ใช่หรอ! เมื่อนึกขึ้นได้ ฉันก็ปัดมือของแทยอนออกเต็มแรง
“เราเลิกกันเถอะแท” ฉันพูดคำต้องห้ามที่ทำร้ายหัวใจตัวเองเสียจนขาดวิ่น
“อย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่เลยฟานี่ ฟังฉันหน่อยสิ” แทยอนพยายามจะอธิบาย หากสิ่งที่ฉันเห็น ฉันชัดเจนมามากพอดูแล้ว ฉันส่ายหน้าช้าๆ ก่อนจะรีบหันหลังวิ่งหนี ขณะที่ร่างเล็กได้แต่วิ่งตาม
“ฟานี่ได้ยินมั้ยว่าฉันรักเธอ ฉันรักเธอคนเดียว! เชื่อใจฉันหน่อยสิ ฉันไม่ได้มีใครหรอก ฟานี่ หยุดวิ่ง !!” เธอตะโกนร้องเรียกฉันที่เอาแต่วิ่งไปข้างหน้าจนแทบไม่มองทาง รักฉัน... ปากบอกว่ารักฉัน แล้วผู้หญิงคนนั้นคือใครกันล่ะ จะให้ฉันเชื่อใจเธอได้อีกหรอแทยอน พอกันทีกับความรักที่เต็มไปด้วยความเจ็บช้ำ ที่ฉันต้องทนฝืนรับมันไว้อยู่คนเดียว
เท้าเรียวพาร่างของฉันวิ่งข้ามทางม้าลายอย่างเร็ว ขณะที่คนรักของฉันได้แต่วิ่งตาม... แต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นแสงสว่างวาบขึ้นจากทางด้านหลัง และเสียงที่ทำให้หัวใจของฉันแทบแหลกสลาย
เอี๊ยด! โครม!!
“แทยอน!!”
เหตุการณ์ก่อนหน้านั้น...
แทยอนเดินเข้าไปในผับแห่งหนึ่ง แสงไฟสลัวๆ ขณะที่ผู้คนในนั้นต่างลุกขึ้นเต้นตามจังหวะเพลงเร็วที่เร้าใจ เธอทรุดนั่งยังเก้าอี้มุมโต๊ะ ที่มีผู้คนบางตาสุด สายตามองกวาดไปรอบๆ อย่างสนเท่ ร่างเล็กถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน วันนี้ทิฟฟานี่คนรักของเธอ ไปเที่ยวกับเพื่อนสนิท ทำให้เธอต้องมาเปล่าเปลี่ยว จะให้อยู่ในห้องคนเดียว เธอก็ทนเหงาอยู่ไม่ได้หรอก มองไปทางไหนก็เห็นแต่ภาพของพวกเธอทั้งนั้น แล้วจะให้เธอทนได้ยังไงกัน
ระหว่างที่เธอกำลังนั่งทอดอารมณ์ ปล่อยกายสบายๆ อยู่ ใครบางคนก็เดินตรงเข้ามาใกล้ เธอรู้สึกคุ้นหน้าอย่างบอกไม่ถูก แต่แล้วก็ต้องร้องอ๋อเมื่อคนนั้นแนะนำตัว
‘พี่แทแทรึเปล่าคะ ซันนี่นะ จำซันได้มั้ย’ ซันนี่... เป็นน้องสาวข้างบ้านของเธอเมื่อก่อน แล้วก็เป็นคนที่เพื่อนเธอสัญญาอะไรแปลกๆ เอาไว้เสียด้วยสิ โตขึ้นแล้วจำแทบไม่ได้เลยนะเนี่ย เพราะตั้งแต่เธอเป็นแฟนกับทิฟฟานี่เมื่อแปดปีที่แล้ว แทยอนก็ย้ายมาอยู่คอนโดกับคนรักสองคน ไม่ได้กลับไปบ้านนานพอดู นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าซันนี่จะโตเร็วขนาดนี้ ตอนนั้นยังเป็นเด็กตัวเล็กๆ อยู่เลย
‘อื้อ...จำได้ สบายดีมั้ย’ แทยอนถามกลับเป็นมารยาท ทั้งที่ตอนนี้เธออยากจะอยู่คนเดียวเสียมากกว่า
‘ก็สบายดีค่ะ คิดถึงพี่สาวจัง ได้แฟนแล้วลืมน้องนุ่ง’ ซันนี่ว่าพลางทำแก้มป่องๆ ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้แทยอนอย่างหยอกล้อ เสมือนที่เคยทำมาเมื่อก่อน แต่แล้วก็ต้องตกใจ เมื่อถูกแรงผลักจากคนที่เต้นอยู่ด้านหลัง ทำให้เธอเซถลาไปด้านหน้าทันที และนั่นทำให้แทยอนซึ่งนั่งอยู่รับร่างของเธอไว้ได้พอดี... เรียวปากเฉียดกันอย่างไม่ได้ตั้งใจ หนำซ้ำซันนี่ยังนั่งอยู่บนตักของแทยอนซะด้วย
ก่อนที่ใครจะทันได้คาดคิดอะไร ร่างของใครบางคนเธอเดินเข้ามายังโต๊ะนั้น... ดวงตาเต็มไปด้วยรอยคราบน้ำตาเมื่อความเข้าใจผิดครอบงำ ฉันแทบไม่อยากเชื่อสายตาของตัวเองที่เห็นเลย สาวสวยคนหนึ่งนั่งอยู่บนตักของคนรักของฉัน ทั้งที่มันควรจะเป็นที่ของฉันเพียงคนเดียว ฉันพูดไม่ออก มันเจ็บแปลบไปทั้งใจ นี่น่ะหรือที่ว่ารักกัน ลมปากคนอย่างนั้นสินะ... ทั้งโอบกอด แล้วไหนจะเมื่อกี้จูบกันอย่างดูดดื่มอีก แทยอนทำลงไปได้ยังไง ทำไมเธอทำร้ายฉันได้ขนาดนี้ แค่ห่างกันไม่กี่ชั่วโมง เธอจะมีใครแทนที่ฉันแล้วอย่างนั้นหรือ
‘ฟานี่...เธอกำลังเข้าใจฉันผิดนะ’ แทยอนละลักละล่ำแก้ตัว เธอแทบจะผลักคนบนตักลง แต่ใครคนนั้นก็เหมือนจะรู้ตัวดี เลยรีบเดินหนีจากไปก่อนที่ระเบิดจะลง จึงเหลือเพียงฉันและแทยอนสองคนเท่านั้น
‘เข้าใจผิด... แล้วที่ฉันเห็นล่ะมันคืออะไรหรอแทยอน ฉันเชื่อในสิ่งที่ฉันเห็น’ ฉันพูดใส่หน้าเธอด้วยแรงอารมณ์ ก่อนจะกระชากร่างของเธอที่นั่งอยู่ในลุกขึ้นมา
‘ซันนี่เป็นคนรู้จักของฉัน เค้าเป็นรุ่นน้องแถวบ้าน แล้วเมื่อกี้เราก็ทักกันตามประสาคนรู้จัก’ หึ...ฉันนึกสมเพชในใจ คนรู้จักหรือคนรู้ใจกันแน่!
‘เพิ่งรู้นะคะ ว่าแทแททักทายคนแถวบ้านด้วยท่าทางนัวเนียขนาดนั้น!!’ ฉันประชดกลับ ขณะที่เธอได้แต่นิ่งอึ้งอย่างไม่มีอะไรจะเถียง หรือไม่งั้นก็...เถียงไม่ออกล่ะมั้ง
‘เชื่อใจฉันบ้างสิฟานี่ ฉันไม่เคยมีใครอื่นนอกจากเธอ เธอก็รู้’
‘แล้วที่ฉันเห็นเมื่อกี้มันคืออะไร!’ ฉันขึ้นเสียงด้วยเกินจะควบคุมอารมณ์ได้อีก และไม่ทันที่ใครจะคาดคิดนั้น ฝ่ามือของฉันก็สะบัดลงบนใบหน้าของคนที่ฉันรักที่สุดเสียแล้ว...
‘เพียะ!!’
โรงพยาบาล
“ฮึก...” เสียงสะอื้นของฉันดังลอดออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ฉันได้แต่ยกมือขึ้นปิดหน้า เพื่อกลบเกลื่อนรอยน้ำตาที่ไหลรินไม่ขาดสาย แทยอนเข้าไปในห้องผ่าตัดนั่นมาตั้งแปดชั่วโมงแล้ว หากก็ไม่มีหมอออกมาเสียที ฉันได้แต่กระวนกระวาย และเฝ้าภาวนาว่าแทยอนจะปลอดภัย
เสื้อยืดสีอ่อนของฉัน เปรอะเปื้อนไปด้วยสีแดงข้น ฉันแทบจะหมดสติเมื่อเห็นสภาพของเธอ... รถยนต์คันที่ชนนั้นขับมาด้วยความเร็วที่ค่อนข้างสูง เพราะเป็นช่วงดึกมากแล้ว ทำให้ถนนโล่งพอสมควร และยังเธอที่วิ่งออกมาอย่างไม่มองทางนั่นอีก... เธอถูกรถชนเพราะฉัน! ฉันได้แต่เฝ้าพร่ำโทษตัวเองอยู่อย่างนั้น
เลือดอาบทั่วร่างเล็กของเธอเต็มไปหมด วินาทีนั้นฉันทำอะไรไม่ถูกแล้ว ความรักและห่วงใยที่ล้นปรี่ มันลบเลือนความโกรธที่มีจนหมดสิ้น ลืมว่านั่นคือคนที่ฉันเพิ่งจะบอกเลิก ลืมว่าฉันควรจะโกรธและเกลียดเธอ แต่สุดท้ายแล้วฉันเป็นเป็นห่วงเธอมากเหลือเกิน ทำอย่างไรก็ได้... ขอเพียงแค่พระเจ้าคืนเธอให้ฉันได้มั้ย
มือชื้นเหงื่อของฉันกุมกันแน่นอย่างตั้งใจภาวนา ฉันก้มหน้าลง ขณะที่เสียงเอ่ยอย่างสั่นเครือ “ขอให้แทยอนรอดปลอดภัยด้วยค่ะ... ให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไปด้วย หากเขาหมดอายุขัยลงแค่นี้ ช่วยเอาลมหายใจที่มีอยู่ทั้งหมดของฉัน ต่อชีวิตให้เขาที” ฉันวอนขออย่างคนที่ไม่มีอะไรจะเสียอีกต่อไป ฉันรักแทยอนมาก และฉันจะไม่ยอมให้เธอต้องจากฉันไปเด็ดขาด ถ้าแลกชีวิตของฉันให้เธอได้ ฉันจะยอมสละมันอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่นิดเดียว!
และสิ้นคำพูดของฉัน เสียงฟ้าผ่าก็ดังขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทั้งที่นี่มันเพิ่งจะแปดโมงเช้าเท่านั้น และชายในชุดกราวน์ก็เดินออกมาจากห้องผ่าตัดด้วยแววตาเคร่งเครียด ฉันแทบจะปรี่ไปหาเขาในทันที
“คุณคิม แทยอนเป็นยังไงบ้างคะ”
“คนไข้...ผ่าตัดเสร็จแล้วครับ เพียงแต่ว่า...”
“แต่ว่า...” ฉันรอฟังข่าวจากหมออย่างใจจดจ่อ หวังเพียงแค่มันไม่ใช่ข่าวร้ายเท่านั้น
‘นี่ฉันอยู่ที่ไหนกันเนี่ย’ แทยอนคิดในใจ เธอปรายตามองไปรอบๆ ก็พบกับเหล่าเมฆขาวสะอาดตา น่าแปลกที่เธอสามารถก้าวเดินบนพวกมันได้ รู้สึกว่าตัวเธอเบาหวิวเสียเหลือเกิน แทบไม่ต่างอะไรกับขนนกเลย หญิงสาวพยายามทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ แล้วก็ต้องแทบใจสลาย... ทิฟฟานี่บอกเลิกเธอ เธอพยายามจะวิ่งตามคนที่เธอรัก และเธอก็เห็นแสงไฟสว่างวาบ เท่านั้นสติทั้งมวลก็ดับวูบลง
อย่าบอกนะว่าที่นี่คือสวรรค์!? เธอตายแล้วอย่างนั้นหรือ!!??
“ความจริง เจ้าน่ะควรจะตายไปแล้ว” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยดังก้องให้แทยอนต้องหันไปมองอย่างตกใจ ราวกับคนพูดรับรู้ความคิดของเธอ แทยอนเห็นชายแก่ท่าทางใจดีผู้หนึ่ง เขาอยู่ในชุดสีขาวสะอาดตา เธอเพิ่งสังเกตว่าเธอก็อยู่ในชุดที่ไม่ต่างจากกันเท่าไหร่ ก่อนจะจ้องมองเขาอย่างแปลกใจในคำพูดนั้น ‘ควรจะตาย...งั้นก็แสดงว่ายังไม่ตายสิ’
“ฉันยังไม่ตาย?” เธอทวนคำ ทั้งๆ ที่ร่างของเธอนั้นเป็นร่างโปร่งแสง ชายในชุดขาวไม่ตอบ หากชี้ลงไปยังเบื้องล่างแทน แทยอนมองตามปลายนิ้วฝ่ากลุ่มเมฆลงไป เธอเห็นร่างของตัวเองนอนหายใจรวยริน ปากมีเครื่องช่วยหายใจอยู่ ขณะที่ข้างๆ กันนั้นก็เป็นคนรักที่นั่งกุมมือเธอร้องไห้สะอึกสะอื้น... เธอกุมหัวใจของตัวเองแน่นด้วยความเจ็บแปลบอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน นึกว่าพอตายแล้วความรู้สึกทั้งหลายจะเสียไปซะอีก หากนี่เธอกลับยิ่งทรมานยามมองภาพนั้น
“คนรักของเจ้า ภาวนาให้เจ้ามีชีวิตรอด ข้าเลยขอแลกกับอายุขัยครึ่งหนึ่งของนาง เดิมทีอายุขัยของนางคือแปดสิบปี ยามนี้เหลือเพียงแค่สี่สิบปีเท่านั้น แต่ว่ามันพอเพียงที่จะหล่อเลี้ยงชีวิตเจ้าต่อไป หากเจ้าต้องการเป็นเจ้าหญิงนิทรา” คำพูดของเขา ไม่ต่างอะไรกับศรทิ่มแทงใจเธอเลยซักนิด ทิฟฟานี่ต้องสละชีวิตครึ่งชีวิตของตนเอง เพื่อยื้อคนที่กำลังจะตายแบบเธอเอาไว้อย่างนั้นหรือ แทยอนขบริมฝีปากแน่น... ทิฟฟานี่จะทำอย่างนี้ทำไม มันไม่มีประโยชน์เลยซักนิด แทยอนพยายามจะกลับเข้าร่างของตัวเอง หากก็อยู่ไกลจนเกินเอื้อมได้ เธอได้แต่มองร่างที่ไม่ตอบสนองของตัวเอง และคนรักที่ร้องไห้ราวจะขาดใจอย่างไม่สามารถทำอะไรได้ หยาดน้ำตาที่ยากนักจะให้ใครได้เห็น บัดนี้มันหลั่งรินออกมาอย่างเจ้าตัวไม่สามารถอดกลั้นได้อีก เจ็บปวดและทรมานเหลือเกิน...ความรู้สึกเหมือนกำลังจะตายทั้งเป็น!
“คุณไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้นก็ได้ มันไม่มีประโยชน์เลย ถ้าจะยื้อฉันเอาไว้ ในร่างของคนที่ไม่ต่างอะไรกับคนตายเช่นนั้น ฉันไม่สามารถกอดเธอได้ ไม่สามารถจูบเธอ หรือมอบความรักให้เธอได้ ถ้าฉันต้องอยู่ในสภาพอย่างนี้ ให้ฉันตายไปเลยดีกว่า!!”
“นั่นแสดงว่าเจ้าอยากกอดนาง อยากสัมผัสนางเป็นครั้งสุดท้าย อยากร่ำลากันด้วยความรักใช่หรือไม่”
“ใช่”
“สิบปี...” เขาพูดให้เธอต้องงุนงงก่อนจะอธิบายต่อ “อายุขัยของนางจะลดลงอีกสิบปี เพื่อให้เจ้าฟื้นขึ้นมาห้าปี” ยามนี้พวกเธออายุยี่สิบห้าแล้ว ถ้าทิฟฟานี่ต้องมีอายุขัยเหลือเพียงแค่สามสิบ นั่นก็หมายความว่าเธอมีเวลาห้าปีจะอยู่กับคนรัก และห้าปีที่เธอจะสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างเดิม... มันช่างฟังดูคุ้มค่าเสียเหลือเกิน หากถึงเธอจะรักทิฟฟานี่และอยากอยู่ด้วยแค่ไหน แต่เธอก็ไม่ยอมแน่ที่จะต้องให้ร่างบางมีชีวิตอยู่ได้แค่สามสิบปี ทิฟฟานี่ต้องอยู่ต่อไปเพื่อเธอสิ...
“คิดให้ดีนะสาวน้อย โอกาสของเจ้าไม่ได้มีง่ายๆ การอยู่ใกล้คนรัก แม้เพียงแค่หนึ่งวินาทีมันก็มีค่าแล้วมีใช่หรือ นี่เจ้ามีเวลาเหลืออีกห้าปี จะเป็นอะไรไปล่ะ”
“แล้วต่อจากนั้นล่ะคะ” เธอย้อนถามในสิ่งที่สงสัย “หลังจากทิฟฟานี่อายุครบสามสิบแล้วเธอต้องจากไป ฉันล่ะคะจะเป็นยังไง”
“ร่างกายเจ้าก็จะดับสูญตามนางไปด้วย เพราะอายุขัยของนางมาช่วยต่อลมหายใจให้เจ้า ถ้าไม่มีนางก็ไม่มีเจ้า” เขาว่าพลางดีดนิ้ว กลุ่มก้อนเมฆที่รายล้อมรอบหายไปแล้ว ร่างโปร่งแสงยืนอยู่ภายในห้องสีขาว เสียงรอบกายดังชัดเจนขึ้น และภาพต่างๆ ก็ช่างเหมือนจริงซะเหลือเกิน แทยอนเอื้อมมือไปสัมผัสปลายผมของคนรัก หากมือของเธอกลับทะลุร่างทิฟฟานี่เข้าไป
“ฮึก...แทแท เธอหลับมาตั้งสองเดือนแล้วนะ... ฉันคิดถึงเธอได้ยินมั้ย” เสียงร่างบางคร่ำครวญ บาดหัวใจเธอจนขาดวิ่น นี่เธอหลับไปตั้งสองเดือนเชียวหรือ ทำไมเธอจึงรู้สึกว่ามันเป็นเพียงฝันร้ายแค่ตื่นหนึ่งเท่านั้นเอง
“ฉันก็คิดถึงเธอ...ฟานี่” คำพูดของเธอไม่ต่างจากกระซิบเลย ทั้งๆ ที่ตั้งใจจะตะโกน หากทิฟฟานี่ก็ไม่ได้รับรู้ว่าวิญญาณของคนรักมายืนอยู่ใกล้ๆ
“พระเจ้าคะ ฉันยอมแลกทุกอย่าง ให้แทยอนฟื้นขึ้นมาได้มั้ย” ทิฟฟานี่วอนร้องขออย่างน่าสงสาร เธอยอมต่อชีวิตของแทยอน หากมาแต่ตัว กลับไร้หัวใจเช่นนี้ เธอจะทนได้อย่างไรไหว ต้องมองดูคนรักหลับอย่างไม่มีวันฟื้นน่ะหรือ แค่คิดทิฟฟานี่ก็ทรมานเกินทนแล้ว
“ได้ยินชัดแล้วใช่มั้ยคิม แทยอน นางยอมสละทุกอย่าง เพื่อให้อยู่กับเจ้าในร่างที่มีชีวิตและเคลื่อนไหวได้ ข้อเสนอของข้าน่าสนใจใช่มั้ยล่ะ... เจ้าจะยอมมั้ย หรือจะปล่อยให้คนรักของเจ้ามีอายุถึงสี่สิบปี โดยที่นางต้องมองร่างแน่สนิทของเจ้าไปตลอดชีวิต” ชายร่างใหญ่ในชุดขาวพูดกดดัน แทยอนกำหมัดแน่นก่อนจะทุบลงบนเตียงอย่างคิดไม่ตก เธอสวมกอดทิฟฟานี่จากทางด้านหลัง แม้อีกฝ่ายจะไม่รับรู้เลยก็ตาม
“ฉันก็อยากอยู่กับเธอนะฟานี่ แต่ถ้านั่นมันทำให้เธอต้องอายุสั้นลงฉันก็ไม่อยากจะเสียมันเลย... ฉันอยากให้เธออยู่บนโลกนี้ไปนานๆ แทนฉัน” เธอพึมพำกระซิบแผ่วข้างใบหู
“เจ้าแน่ใจรึ ว่าคนรักของเจ้าต้องการเช่นนั้น นางอยากจะอยู่ข้างๆ เจ้า แม้อีกเพียงห้าปีที่เจ้าจะได้อยู่ร่วมกัน แต่ข้าว่ามันก็มีค่านะ หรือเจ้าจะละทิ้งโอกาสนี้เสีย... ข้าให้เวลาเจ้าคิดอีกแค่สี่วันเท่านั้น แต่ข้ายังไม่ได้บอกใช่มั้ย ว่านั่นเท่ากับหนึ่งเดือนของโลกมนุษย์ และเวลาของเจ้าจะเหลือเพียงแค่ สี่ปีสิบเอ็ดเดือน!!” สี่วันมันช่างน้อยเหลือเกินกับการตัดสินใจครั้งใหญ่ เพราะมันคือความเป็นความตายของคนรักเธอเลย หากมันนานสำหรับทิฟฟานี่เกินไปหรือเปล่า
“ฉันให้คำตอบคุณได้แน่ค่ะ!”
หนึ่งเดือนต่อมา
ฉันไล้มือไปตามใบหน้าซัดเซียวของคนรักอย่างหลงใหล นี่มันผ่านไปสามเดือนแล้วสินะ แต่ฉันรู้สึกเหมือนว่ามันเป็นสามปี... ในห้วงความรู้สึกของฉันเหลือเกิน มันคือสามเดือนที่ช่างยาวนาน ฉันลองนับดู... นี่คือวันที่ 99 พอดี หลังจากเกิดอุบัติเหตุในครานั้น ฉันอยากจะนอนอยู่อย่างนี้แทนแทยอนเหลือเกิน เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นเพราะความงี่เง่า และหึงหวงไม่ดูตาม้าตาเรือของฉันเองนั่นแหละ
หลังจากแทยอนกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา เด็กสาวคนนั้นที่ฉันรู้ต่อมาภายหลังว่าชื่อซันนี่ ก็มาเยี่ยมแทยอนพร้อมกับ... แฟนของเธอ! ซ้ำยังอธิบายเรื่องวันนั้นให้ฉันฟังอีกต่างหาก นี่ถ้าฉันเชื่อแทยอนตั้งแต่ทีแรก ถ้าฉันไม่เอาแต่ใจตัวเองและให้โอกาสคนรัก เรื่องระหว่างเรามันคงไม่แย่ขนาดนี้ใช่มั้ย
ฉันยอมแล้ว...ยอมทุกอย่างจริงๆ ฉันขอเพียงแค่ให้ร่างที่นอนนิ่งอยู่ตอนนี้ ลุกขึ้นมายิ้มให้ฉันได้อีกครั้ง กอดฉันได้อีกครั้ง ยามนี้ก็ได้แต่อยู่ข้างๆ คอยมองดูอย่างทรมาน ฉันจะต้องรอเธออย่างนี้ต่อไปอีกนานมั้ย
“คนรักของเจ้าตัดสินใจได้ซักทีนะฮวัง มิยอง” เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นเบื้องบนให้ฉันต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง ใครคนนั้นเรียกฉันด้วยชื่อจริง แทนที่จะเป็นทิฟฟานี่เหมือนคนอื่น หากสิ่งที่เขาพูดออกมานี่สิ ฉันไม่เข้าใจเอาซะเลย คนรักของฉัน...แทยอนนอนอยู่ตรงนี้ แล้วจะตัดสินใจอะไรกัน
“ถ้าเจ้าจะอยู่ต่อไปได้อีกแค่ห้าปี แลกกับการที่คนรักของเจ้าฟื้นขึ้นมาอยู่กับเจ้าห้าปี เจ้าจะยอมมั้ย” เขาถามฉันแปลกๆ หากฉันก็ตอบได้อย่างไม่ลังเลเลยซักนิด
“ต่อให้อีกแค่นาทีเดียว ฉันก็ยอมค่ะ ต่อให้ฉันต้องตายตอนอายุสามสิบ แต่ถ้าได้อยู่กับแทยอนอีกครั้ง ฉันก็ยอม”
“ช่างเป็นหญิงที่กล้าเสียจริงนะเจ้า... เอาล่ะ เห็นแก่ความรักของเจ้า และคำภาวนาที่เจ้าเฝ้าเวียนขอทุกคืนวัน ข้าจะทำตามปรารถนาของเจ้า” และแล้วร่างโปร่งแสงของชายร่างใหญ่ชุดขาวก็เลือนไปจากสายตาของฉัน ฉันไม่เข้าใจที่เขาพูดเลยแม้แต่คำเดียว
ฉันลืมเรื่องราวแปลกๆ นั้นไป ก่อนจะคว้ามือของเธอมากุมไว้แนบแก้ม น้ำตาฉันมันคงหมดไปแล้วล่ะมั้ง เลยไม่เหลือให้ไหลอีก แต่ฉันต้องตกใจเมื่อรู้สึกถึงแรงบีบตอบเบาๆ ของคนที่นอนหลับไปถึงเก้าสิบเก้าวัน!
“แทแท!!”
ท่ามกลางหมู่มวลบุปผานานาพันธุ์ กลิ่นหอมของมันลอยโชยสัมผัสจมูกให้ต้องรู้สึกโล่งใจ นี่คือบ้านที่แทยอนซื้อเอาไว้หลังจากฟื้นขึ้นมา เนื่องจากเราอยากใช้ชีวิตอยู่รวมกันให้นานที่สุดและมากที่สุด ไม่ว่าจะกี่ปี กี่เดือน กี่วัน หรือแม้กระทั่งกี่วินาที สำหรับฉันแล้ว...มันก็มีค่ามากมายเหลือเกิน
วันนี้เป็นวันเกิดครบรอบสามสิบปีของฉัน มันไม่ได้ทำให้ฉันดีใจเลยซักนิด เพราะวันนี้คือวันสุดท้ายแล้วที่ฉันจะได้อยู่ร่วมกับคนที่ฉันรัก แต่เราก็ต่างพยายามยิ้มให้กัน เวลาอันแสนมีค่า จะให้มาเสียน้ำตา มันก็คงเปล่าประโยชน์ เธอดึงร่างของฉันไปกอดไว้แน่น ซึ่งฉันก็ไม่ขัดขืนเลยแม้แต่นิดเดียว
“ฉันรักเธอนะฟานี่ รักมากเหลือเกิน” เธอกระซิบบอกคำหวานที่ได้ฟังกี่ที หัวใจฉันก็อิ่มเอมไปทุกครั้ง แค่คิดว่าจะไม่มีโอกาสได้ฟังมันแล้ว หัวใจก็เศร้าหมองลงอย่างบอกไม่ถูก
“ฉันก็รักเธอแทแท ลมหายใจที่ฉันมีอยู่ ถ้าไม่มีเธออยู่ด้วยมันคงหมดความหมาย เพราะฉะนั้น...เพราะฉะนั้น” ฉันพยายามจะพูดต่อแล้วนะ หากน้ำตาบ้าๆ นี่มันก็ไหลออกมาเสียได้ เธอค่อยๆ เกลี่ยซับมันให้ฉันด้วยปลายนิ้วอย่างอ่อนโยน ฉันกลั้นเสียงสะอื้น ก่อนจะกล่าวต่ออย่างกลัวว่าจะไม่มีโอกาสได้พูดมัน “เวลาห้าปีที่ผ่านมามันคุ้มค่ามากนะแทแท เวลาที่เราเติมเต็มความรักให้กัน ฉันนึกว่าจะต้องเสียเธอไปซะแล้ว”
“ฉันก็คิดว่าฉันจะต้องไปจากเธอซะแล้ว...” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แทบไม่ต่างจากฉันเลย ร่างของเรากอดกันแนบแน่นราวกับจะกลายเป็นคนคนเดียวกัน “ฉันคิดว่าฉันจะไม่ได้กอดเธออย่างนี้อีกแล้ว”
“ราวกับปาฏิหาริย์เลยสินะ ที่พระเจ้าคืนเธอมาให้ฉัน แม้จะช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตาม” จะอะไรซะอีกล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะปาฏิหาริย์ ทำให้คนที่ต้องตายไปแล้วอย่างแทยอนฟื้นขึ้นมาได้ หนำซ้ำยังใช้ชีวิตอยู่รวมกับฉันได้ แม้มันอาจจะฟังดูน้อยสำหรับคนอื่น หากสำหรับฉันมันมากมายเสียเหลือเกิน
“Do you believe in
miracle?” เธอกระซิบถามฉันเป็นภาษาอังกฤษ... ฉันจึงตอบกลับด้วยภาษาอื่นที่มีเพียงเราสองเท่านั้นที่เข้าใจ
“Non je ne crois pas. Je crois en vous et je crois en notre amour (No, I don’t. I believe in you and I believe in our love)” ฉันพูดด้วยภาษาฝรั่งเศสทั้งที่เสียงสะอื้นจนเกือบฟังไม่รู้เรื่อง ฉันอาจจะเชื่อในปาฏิหาริย์ ที่ทำให้เธอยืนอยู่กับฉันในวันนี้ หากเหนืออื่นใดนั้น ฉันเชื่อในเธอ...เชื่อในความรักของพวกเรา ว่าจะไม่มีอะไรพรากเราออกจากกันได้ แม้แต่ความตายก็ตามที...
“Moi aussi (me too)” เธอค่อยๆ ประคองใบหน้าของฉันไว้ ก่อนจะแตะเรียวปากลงบนตำแหน่งเดียวกัน ความหอมหวานที่สัมผัสได้ มันลึกซึ้งเกินกว่าจะเป็นเพียงภาพฝัน ยามนี้พวกเราต่างใช้ภาษากาย สื่อสารแทนภาษาใจนับร้อยพัน มือโอบกอดรั้งร่างของเราให้แนบชิด ฉันอยากจะหยุดเวลานี้ไว้เหลือเกิน หยุดไว้ตรงที่ที่มีแค่คำว่าเรา
ดอกไม้หลากสีที่หลายล้อมรอบ แปรเปลี่ยนเป็นดอกกุหลาบสีแดงจนเกินนับได้ กลีบของมันลอยปลิวตามสายลม ให้อารมณ์หวานระคนเศร้าสร้อยในห้วงความรู้สึก ถึงแม้จะไม่ต้องนับ หากฉันพอรู้ได้เองว่าดอกกุหลาบสีแดงเหล่านั้น รวมทั้งสิ้น 999 ดอก ซึ่งแทนความหมายว่า... ‘เราจะรักกันตราบจนฟ้าดินสลาย วินาทีสุดท้ายของชีวิต’
ชั่ววินาทีนั้น ฉันรู้สึกอ่อนแรงเหลือเกิน เหมือนร่างกายอยากจะพักเต็มที ดวงตาปรือจนแทบใกล้ปิด ดูท่าทางเธอคงจะรู้ดี จึงประคองร่างฉันในอ้อมแขนในนั่งลงท่ามกลางมวลดอกไม้ เธอให้ฉันนอนหนุนตักนุ่มๆ ของเธอ ฉันยิ้มออกมาเล็กน้อย ตามที่ร่างกายจะฝืนตัวเองไหว
“ฉันเหนื่อยจังเลยแทแท” ฉันกล่าวเสียงเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน ขณะที่เธอเริ่มสะอื้น ก่อนจะยิ้มให้ฉันทั้งน้ำตา ราวกับรับรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้
“เหนื่อยก็พักเถอะฟานี่...หลับตาลงนะ” เธอฝืนกัดฟันพูด ฉันมองใบหน้าของคนที่ฉันรักเป็นครั้งสุดท้าย มือที่อ่อนแรงยกขึ้นไปสัมผัสแก้มของแทยอนเบาๆ เธอจึงกุมมือของฉันเอาไว้แน่น ฉันเริ่มรู้สึกว่าร่างกายจะต้านทานไม่ไหวแล้ว มันเหนื่อยล้าไปหมด ฉันรู้สึกว่าอยากจะหลับ...ทั้งที่รู้ดี ว่ามันจะเป็นการหลับไปตลอดกาล
“ถ้าฉันหลับ ฉันจะได้เจอกับแทแทอีกมั้ย” ฉันถามเสียงหอบ เธอพยักหน้าเชิงตอบรับในคำพูดนั้น
“เจอสิ...ฉันอยู่กับเธอตลอดแหละฟานี่” เสียงสะอื้นของเธอ เสมือนมันลอยมาจากที่แสนไกลเหลือเกิน ทำไมฉันได้ยินมันแผ่วเบาเช่นนี้ สติของฉันกำลังจะหลุดลอยทีละนิด หากเรียวปากฉันก็ขยับเอ่ยเอื้อนเป็นคำสุดท้าย
“ฉันรักเธอนะแท” ดวงตาของฉันปิดลง พร้อมๆ กับหยาดน้ำตาของเธอที่กำลังตกกระทบใบหน้า ขณะที่ฉันไม่รับรู้เรื่องภายนอกอะไรอีกแล้ว แม้แต่เสียงพร่ำรัก สะอื้นปริ่มจะขาดใจของคนทีฉันรักก็ตามที
“หลับให้สบายนะคนดีของฉัน” แทยอนเอ่ยเสียงสั่น เธอค่อยๆ วางร่างที่ไร้ลมหายใจของทิฟฟานี่ไว้ข้างกายอย่างแผ่วเบา ก่อนที่ตนเองจะล้มตัวลงนอน และกอดคนรักเอาไว้แน่นเป็นครั้งสุดท้าย
“เธอคือปาฏิหาริย์ในชีวิตฉัน ทิฟฟานี่” แทยอนหลับตาลง ก่อนที่ร่างของเธอนั้นจะค่อยๆ โปร่งแสง จนเลือนลับหายไปจากสายตา ถ้าใครมาเห็นในตอนนี้ คงเหลือเพียงแต่ร่างของหญิงสาวคนหนึ่งที่นอนตายอย่างเดียวดาย หากใครจะรู้ว่าพวกเธอได้ใช้ชีวิตในช่วงเวลาสำคัญทุกวินาทีที่เหลืออยู่...
...และความรักของพวกเธอจะยังคงอยู่ตลอดกาล ตราบเท่าที่ยังมีปาฏิหาริย์ของหัวใจ...
“แล้วคุณล่ะ เชื่อในปาฏิหาริย์รึยัง?
Do you believe in miracle?”
End.
อย่างที่บอกค่ะ โปรเจ็คต์ซอสิกนั้น
จะลงเนื่องในวันคล้ายวันเกิดซอฮยอน
เพราะฉะนั้นจึงขอเอาแททิฟมาแทรกก่อนแล้วกันนะคะ
อาจเป็นเรื่องสั้นที่ยาวไปหน่อย
แต่หวังว่าจะชอบกันน้า ^^
ผลงานอื่นๆ ของ Ma-Bung (มะบุง) ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Ma-Bung (มะบุง)
ความคิดเห็น