[[SF-SNSD]] :+:why can't you care me:+: (Yuri) - [[SF-SNSD]] :+:why can't you care me:+: (Yuri) นิยาย [[SF-SNSD]] :+:why can't you care me:+: (Yuri) : Dek-D.com - Writer

    [[SF-SNSD]] :+:why can't you care me:+: (Yuri)

    ไม่เคยขอร้องให้เธอรักฉันมากกว่านี้ แต่ขอซักครั้งได้มั้ย ให้เธอแคร์...หัวใจฉันบ้าง (ลงจริงๆ แล้วค่า) (YoonSeo+YulSic)

    ผู้เข้าชมรวม

    6,377

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    10

    ผู้เข้าชมรวม


    6.37K

    ความคิดเห็น


    112

    คนติดตาม


    22
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  6 ก.ย. 52 / 21:44 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้



    และแล้วเมื่อเมนต์ครบก็ตามสัญญาค่ะ
    ปวดตับกันมาจนถึงพาร์ทน้องซอจนได้
    ยังไงถ้าใครไม่ได้อ่านโปรเจ็คต์นี้เรื่องก่อนๆ
    ก็แนะนำให้อ่านเช่นเคยค่ะ
    เพราะไม่งั้นจะเกิดอาการสับสนอย่างแรง = =^

    "Why can't I love you" - เรื่องของคนแอบรัก
    "
    Why can't you love me" - เรื่องของคนถูกทิ้ง
    "Why can't I love both" - เรื่องของคนหลายใจ 

    ส่วนเรื่องนี้ก็ชื่อเรื่องทางการ (?) ว่า เรื่องของคนถูกลืมค่ะ
    เอาล่ะ ขอให้สนุกกับความปวดตับให้เต็มที่นะคะ ^^

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -




    ซอ จูฮยอน

    ...ฉัน ผู้ซึ่งต้องทนเก็บทุกอย่างไว้ภายใต้ใบหน้าเรียบเฉย...




    อิม ยุนอา

    ...เธอ ผู้ซึ่งไม่เคยเห็นฉันอยู่ในสายตา...




    จอง เจสสิก้า

    ...เขา ผู้ซึ่งอยู่ในหัวใจของ "เธอ" ...

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ




      [[
      SF-SNSD]] :+:why can't you care me:+: (Yuri)

       

       

      ไม่เคยขอร้องให้เธอรักฉันมากกว่านี้ 

      ไม่เคยอ้อนวอนให้เธอตัดใจจากใครคนนั้น

       

      แต่ขอซักครั้งได้มั้ย ให้เธอแคร์...หัวใจฉันบ้าง

       

       

      - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

       

       

                     

                      “พี่ยูลไหวมั้ยคะ” ฉัน ซอ จูฮยอน ถามคนที่ร้องได้อยู่ในอ้อมกอด ยูริร้องไห้มานานแค่ไหนแล้วฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน มันก็นานพอๆ กับที่ฉันต้องเสียน้ำตาน่ะแหละ!

                     

                      เราสองคนไม่ต่างกันเลยซักนิด ยูริต้องเจ็บเนื่องจากเจสสิก้าไม่ได้คบกับเธอเพราะความรัก และในที่สุดเธอเองก็เป็นคนตัดใจหันหลังเดินออกมาจากทางที่เคยเดินด้วยกัน ส่วนสำหรับฉันโชคร้ายกว่ายูริมากแค่ไหน ไม่เคยได้ใช้คำว่าแฟนร่วมกับเธอ ไม่เคยที่เธอจะมองฉันมากไปกว่าคำว่าน้อง เรื่องนั้นฉันไม่เสียใจเท่าสิ่งที่เธอทำ

                      ฉันเป็นได้เพียงแค่เครื่องระบายอารมณ์ ให้เธอคอยพรรณนาว่ารักเจสสิก้ามากแค่ไหน เจ็บปวดเพราะเขาเพราะใครมากแค่ไหน ประโยชน์มันอยู่ที่ใครกันแน่ เธอได้ความสบายใจกลับไป หลังจากโยนปัญหาทุกอย่างทิ้ง แต่คนที่ฟังอย่างฉันต้องเจ็บปวดใจสิ้นดี

                     

                      “ซอล่ะไหวมั้ย” ยูริถามก่อนจะค่อยๆ ดันร่างของฉันออกเบาๆ ผ้าพันแผลที่มือของเธอเริ่มโชกไปด้วยเลือด สงสัยว่าแผลของเธอคงจะฉีกขึ้นมาล่ะมั้ง เล่นโดนเศษจานบาดลึกซะขนาดนั้น

                     

                      “ซอเจ็บจนชาชินแล้วมั้งคะ” คำพูดไม่เคยเกินจริง ฉันปาดน้ำตาออกลวกๆ หรือจะให้ถูกคือมันแทบไม่มีให้ไหลแล้วต่างหาก ยุนอาไม่เคยรู้เลย เด็กตัวเล็กๆ ที่เอาแต่เรียกอีกฝ่ายว่า พี่ยุนยามต้องการความช่วยเหลือตลอดเมื่อก่อนนั้น กำลังไม่ได้รู้สึกกับเธอเพียงแค่พี่สาวอีกต่อไป

                     

                      เพราะฉันไม่บอกเธอเลยไม่รู้ หรือเธอรู้แต่พยายามจะไม่เห็นกันแน่ ไม่ใช่ฉันไม่แสดงออก แต่เธอดูไม่ออกงั้นหรอ ถ้อยคำเป็นห่วงเป็นใยจากฉันเวลาเธอต้องถ่ายละครแล้วกลับมาดึกๆ ใครที่คอยหาน้ำให้เธอ เตรียมอาหารให้ถ้าเธอหิว หรือแม้กระทั่งนวดให้เธอยามเธอล้า

                     

                      การกระทำทุกอย่าง ไม่ว่าทุ่มเทเท่าไหร่ มันไม่เคยมีค่ามากกว่าน้องสาวผู้แสนดีเลย

                     

                  ถ้าพี่กับซอเป็นพี่น้องกันจริงๆ ก็ดีสิ พี่อยากได้น้องสาวน่ารักๆ แบบซอจัง

                 

                      ครั้งหนึ่งเธอเคยพูดกับฉันไว้อย่างนี้ ซึ่งสิ่งตอบแทนก็มีเพียงความเงียบจากฉันอย่างพูดไม่ออก น้องสาวน่ารักๆ น้องสาวที่ชอบดูแต่การ์ตูน ไม่ใส่ใจความรักในสายตาคนอื่นๆ กลับต้องเจ็บปวดกับมันเจียนตาย กี่คืนที่ฉันต้องใช้หมอนแทนที่ซับน้ำตา และหลับทั้งๆ ที่ร้องไห้...

                     

                      คนไม่ใส่ใจความรักงั้นหรอ ใครยัยเยียดคำนี้ให้ฉันกันแน่!

                     

                      “เรากลับหอกันเถอะ นี่ก็เย็นแล้ว คงไม่ซ้อมกันแล้วล่ะ” ยูริเอ่ยชวนพลางยื่นมือมาฉุดฉันให้ลุกขึ้น น่าแปลกที่ยูริดูเป็นผู้ใหญ่ ถึงแม้จะแฝงความขี้เล่นไว้ได้อย่างลงตัว เทคแคร์คนอื่นอยู่เสมอมากกว่าตนเองด้วยซ้ำในบางที แถมยังอบอุ่นอ่อนโยน หากฉันกลับไม่ได้รู้สึกอะไรเลยยามเธอกุมมือฉันไว้

                      ต่างจากใครอีกคนที่แค่ได้ยืนหายใจใกล้ๆ กัน เดินผ่านเฉียดๆ หัวใจยังสั่นหวิว คนที่มีใบหน้าคล้ายยูริราวกับฝาแฝด แต่นิสัยต่างกันสุดขั้ว ยุนอาไม่ใช่คนอบอุ่น ไม่ใช่คนที่ดูจะปกป้องหรือดูแลใครได้ นั่นเพราะเธอเองก็อายุมากกว่าฉันเพียงแค่ปีเดียว ทว่า...เพียงแค่รอยยิ้มบางๆ จากเธอ ใจฉันสั่นไหวแทบบ้าเสียแล้ว

                     

                  ...ถึงแม้คนที่ได้รับรอยยิ้มนั้นจะเป็นเจสสิก้าก็ตาม...

                 

                      พี่สาวแสนดี ใครก็ช่างปรักปรำเธอเป็นเจ้าหญิงน้ำแข็ง ตอนเธออยู่หอน่ะเปลี่ยนไปคนละคนเลย อีกอย่างหัวใจเธอบอบบางเอามากๆ เป็นคนแรกที่ร้องไห้ถ้าเห็นข้อความว่ากล่าวจากแอนตี้แฟน เพราะงั้นใครๆ ถึงรุมปลอบโยนเธอใช่มั้ย ฉันยอมรับว่าฉันนับถือในความสามารถ และเสียงร้องหวานๆ ของเธออย่างมาก แต่ในขณะเดียวกันฉันก็อดอิจฉาเธอไม่ได้ ทุกครั้งที่เจสสิก้าร้องไห้ คนแรกที่เป็นห่วงหนักกว่าใครแทบร้องไห้ตามก็คือยูริ

                      คนต่อมาที่แทบจะเข้าไปเช็ดน้ำตาให้แทนการส่งกระดาษทิชชู่ก็คือยุนอา

                      แล้วฉัน? ฉันต้องเก็บทุกสิ่งทุกอย่างไว้ในใจ ด้วยใบหน้าเรียบเฉย ทุกคนบอกว่าฉันเป็นเด็กที่ดูควบคุมอารมณ์ได้ดี... ขอเถียงได้มั้ยว่าควบคุมได้ตรงไหนกัน! กี่ครั้งกี่คราที่ฉันฝืนยิ้มให้หน้ากล้อง แล้วหลบมาร้องไห้ข้างหลัง กี่ครั้งที่ฉันยิ้มยินดีกับยุนอาเมื่อเธอมีความสุขที่ได้แอบรักเจสสิก้าแม้จะไม่ได้ครอบครอง ซึ่งฉันก็แอบมาร้องไห้คนเดียว...

                     

                      “พี่ยูลไม่ไปดูพี่เจสหรอคะ” ฉันอดถามไม่ได้ เจสสิก้าเจ็บขาจนล้มลงไปขนาดนั้น แถมเลือดยังไหลไม่หยุดอีก คนที่แคร์คนอื่นอย่างยูริทนได้ไงกัน

                     

                      “ค...เค้ามีคนที่อยากให้ดูแลแล้วมั้ง”

                     

                      “...” ถามเองเมื่อได้รับคำตอบฉันก็ต้องเจ็บช้ำเหมือนเคย นั่นสิ ยุนอาคงเต็มใจจะเทคแคร์เจสสิก้าไม่น้อยหรอก หรือถ้าฉันเปลี่ยนจากคนที่เคยเก็บกลั้นความรู้สึก มาฟูมฟายให้เต็มที่ เจ็บก็ร้องไห้ สุขใจก็ยิ้ม เศร้าก็บอกว่าเศร้าอย่างเจสสิก้าดีมั้ย จะได้มีแต่คนมารุมห่วงรุมแคร์ ไม่ใช่คนที่ถูกลืม เป็นคนสุดท้ายที่ยุนอาจะนึกถึง

                     

                  พี่คงไม่ต้องปกป้องซอเหมือนเคยแล้วสิ ในเมื่อตอนนี้ซอเข้มแข็งกว่าพี่อีก ทุกคำพูดย้อนกลับมาทำใจให้หวั่นไหว อยากกลับไปเป็นคนอ่อนแอจัง ที่มียุนอาคอยช่วยทุกครั้งเมื่อโดนรังแก มีคนให้ขี่หลังยามที่หกล้ม

                     

                  ...เมื่อไม่มีเด็กอ่อนแอให้เธอปกป้อง เธอจึงเดินจากไป เพื่อดูแลใครคนใหม่ แล้วทิ้งเด็กคนนั้นให้ต้องเดียวดาย...

       

                 

       

       

       

       

                      เศร้าหมอง และเหนื่อยล้า คำนิยามต่างๆ คงตรงกับอารมณ์ของยุนอามากที่สุด เธอเคยคิดว่ารักเจสสิก้ามาก มากจนยอมแอบรักอยู่ห่างๆ โดยเห็นยูริกับเจสสิก้ารักกันอย่างไม่แคร์ใครได้ แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่เลย เธอเจ็บทุกครั้งที่เห็นพี่ทั้งสองบอกรักหรือดูแลกัน

                      ถึงเวลาเมื่อหัวใจต้องการปลดปล่อย คนที่รับฟังและให้คำปรึกษาเธอได้ดีที่สุด คือน้องเล็กของวง ไม่ต้องพูดอะไรซักคำ ซอฮยอนก็รู้ใจเธอไปถึงภายใน ยอมให้เธอร้องไห้ได้เป็นชั่วโมง โดยที่นั่งอยู่เงียบๆ คอยบีบมือเธอไว้ว่าจะอยู่เคียงข้างแค่นั้น นี่แหละเบื้องหลังของคนที่มีใบหน้าเรียบเฉยตลอดเวลา แต่ซอฮยอนกลับกลายเป็นแสงสว่างที่อบอุ่นที่สุดของเธอ ยามยุนอาตกอยู่ในความมืดมิด

                      มาวันนี้ก็เหมือนกัน เธอไม่ได้รู้สึกดีเลยซักนิด ที่ยูริกับเจสสิก้าเลิกกัน แล้วก็ไม่ได้รู้สึกปลาบปลื้มใจถ้าร่างบางจะมารักเธอ อาจเป็นเพราะเธอคิดอยู่แต่แรกแล้วว่ารักนี้คงไม่มีวันสมหวัง เธอเลยเลิกหวังเลยคิดอะไรมากมาย ค่อยๆ ตัดใจมาโดยตลอด และตอกย้ำตัวเองอยู่เสมอว่าถึงพวกเธอจะรักกันจริง เธอกับเจสสิก้าก็ไม่สมควรเป็นคนรักกันหรอก

                      แน่นอนว่าเวลาแม่ยกยุนสิก้าเป็นรูปภาพนิ่งต่างๆ ของพวกเธอก็ต่างจิ้นไปไกลเหมือนโลกนี้มีเพียงเรา แต่ลองดูคลิปสิ ยุนอาว่ามันเต็มไปด้วยการหยอกล้อเหมือนเด็กๆ ที่เต็มไปด้วยความผูกพันระหว่างใจ มากกว่าจะเป็นการมองตาด้วยความรักอบอวลเหมือนอย่างที่ยูริมองเจสสิก้าเสมอมา

                      เธอไม่ได้เป็นคนดี ที่ยอมใครได้ทุกอย่าง แต่เธอไม่ได้เลวพอจะแย่งใครมาเป็นของตัวเองได้ ยุนอารู้ดีว่าเธอกับเจสสิก้าไม่ได้เกิดมาคู่กัน เนื่องจากต่อให้เธอดูแลอีกฝ่ายดีแค่ไหน มันก็เหมือนกับเป็นพี่น้องเสียมากกว่า อีกอย่างหนึ่งคือเพราะเธออายุห่างจากเจสสิก้าค่อนข้างมาก ก็พี่รองกับน้องรองของวง ใครว่าอายุไม่เป็นอุปสรรคของความรัก มันก็จริงอยู่ แต่ใช้ไม่ได้สำหรับคนบางคู่ที่ต้องมีวุฒิภาวะมาเกี่ยวข้อง

                      เมื่อเป็นอย่างนั้น ยุนอาเลยเลือกที่จะแอบรักแอบมองอยู่ห่างๆ ตลอดมา เธอคิดว่ายังไงยูริก็ดูแลเจสสิก้าได้ดีกว่าเด็กอย่างเธออยู่แล้ว และเธอคงเป็นใครคนนั้นแทนที่ยูริไม่ได้แน่ เธอไม่ได้แข็งแกร่งพอจะปลอบโยนยามร่างบางร้องไห้ เพราะถึงตอนนั้นเธอคงร้องไห้ไม่ต่างกัน เธอไม่ได้เข้มแข็งพอจะปลอบใจเจสสิก้ายามเจอแอนตี้แฟน เนื่องจากเธอคงกำลังรู้สึกแย่ไปพอๆ กัน

                      นี่คือเหตุผลที่เธอไม่ยอมบอกรักเจสสิก้าซักที แล้วปล่อยให้ทั้งสองรักกันไปเรื่อยๆ โดยที่เธอเองก็พยายามตัดใจทีละน้อย และสิ่งที่ทำให้เธอเข้มแข็งขึ้นอย่างในทุกวันนี้เพราะซอฮยอนที่คอยอยู่เคียงข้างคอยให้กำลังใจเธอมาโดยตลอด

                      ซึ่งนั่นคือต้นเหตุสำคัญที่กำลังทำให้เธอหงุดหงิดใจพิกล ตอนนี้เธออยากระบายความรู้สึกอัดอั้น ถึงเธอจะรักเจสสิก้ามากหรือน้อย จะผูกพันแค่ไหนยังไง เธอก็ไม่อาจทำใจยืนเคียงข้างเจสสิก้าในตำแหน่งคนรักได้อยู่ดี และเพราะความสับสนตรงนี้เองทำให้เธออยากคุยกับซอฮยอนเหลือเกิน ทว่าอีกฝ่ายกลับเอาแต่ตัวติดกับยูริไม่ห่างตั้งแต่กลับมาถึงหอแล้ว

                     

                      “ยุน...พี่จะทำไงดี” เสียงเจสสิก้าดังขึ้นเบื้องหลัง ให้เธอแทบจะเข้าไปประคองไม่ทัน รู้ว่าขาเจ็บ แต่ทำไมไม่เจียมตัวซะบ้างเลยนะ เล่นเดินไปเดินมาอย่างนี้ ไม่ใช่แค่ยุนอาจะเป็นห่วง ยูริคงอยากเข้ามาพยุงร่างบางไม่น้อย เลยทำเพียงแค่หันหลังหนีแล้วแสร้งฟังเพลงจากไอโฟนกับซอฮยอนต่อแทน

                     

                      “คำตอบที่พี่เลือกคืออะไรล่ะคะ” ยุนอาถามกลับ เธอพอรู้อยู่แล้วล่ะว่าเจสสิก้าจะตอบเช่นไร เธอเองเจ็บนะถ้าต้องรับฟัง เพราะถึงทำใจได้พออยู่บ้าง แต่ก็ใช่จะตัดใจได้สนิท หากดีไม่น้อยที่เธอไม่เคยหวังกับความรักครั้งนี้ตั้งแต่แรก ทำให้มันไม่ยากถ้าจะเปลี่ยนแปลงความรู้สึกอันหวั่นไหวของตนเองให้ชัดเจนขึ้น

                     

                      “พี่ผูกพันกับยุน แต่พี่...เพราะพี่ใกล้ชิดกับยูลมากเกินไป พี่เลยไม่เคยมองสิ่งดีๆ ที่ยูลมอบให้ จนเมื่อเสียมันไป” เจสสิก้ากล่าวเสียงสั่น เจ้าหญิงน้ำแข็งที่ใครเรียกอย่างนั้นหรอ? เวลานี้ยุนอาคิดว่าไม่ต่างอะไรกับหญิงสาวที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดคนหนึ่งเลย ถ้าเธอเย็นชาจริง คงไม่ใส่ความรู้สึกของคนอื่นอย่างนี้หรอก

                     

                      “สิ่งที่เสียไปแล้วย่อมดึงกลับมาไม่ได้ พี่รู้ใช่มั้ย” ยุนอาพูดทั้งที่ไม่มองหน้าคนฟัง ถึงเธอจะบอกว่าทำใจหรือยอมรับตำแหน่งคนแก้เหงาที่ตัวเองยืนอยู่แค่ไหน หากเธอก็ไม่ได้ใจแข็งเหมือนอิฐปูน ที่จะไม่มีความรู้สึกอะไรเลยยามเจสสิก้าพูดว่าสุดท้ายตัวเลือกที่ ใช่กลับไม่ได้เป็นเธอ

                     

                      แต่คำพูดที่ได้ฟังช่างแทงจิตใจคนอ่อนไหวเหลือเกิน เจสสิก้าหันไปมองยูริซึ่งกำลังทำเป็นฟังเพลง นั่นเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ใครอีกคนหันมาสบตาเธอพอดี ดวงตาสีเข้มเต็มไปด้วยความว่างเปล่า ไม่ได้มองเธออย่างห่วงใยเหมือนเคย ขณะที่สายตาของเธอคงเต็มไปด้วยการตัดพ้อ ให้ยูริกำมือแน่น ก่อนจะหันหลังให้อีกครั้ง

                     

                      “ขอบคุณนะคะพี่เจส ที่ครั้งหนึ่งเคยใช้คำว่ารักกับยุน แม้จะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตามที...ตอนนี้ ยุนจะไม่รั้งพี่ไว้อีกแล้ว ทำตามความต้องการของพี่นะ” ยุนอากล่าวด้วยรอยยิ้ม มือเอื้อมไปปัดปอยผมที่ปรกใบหน้าที่เต็มไปด้วยร่องรอยของการร้องไห้ เธอคงมีสิทธิ์เพียงคอยดูแลสิ่งๆ เล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น แต่หัวใจของเจสสิก้า อย่าแม้แต่จะคิดครอบครอง...

                     

                      ในเมื่อเธอเลือกเดินออกมาเอง เธอก็ไม่ขอเข้าไปอยู่ในวงจรแห่งความเจ็บช้ำนั้นอีก และเธอก็ไม่อยากให้ใครต้องตกอยู่ในห้วงความทรมานที่เหมือนเป็นบ่วงมัดหัวใจเหมือนเธอ เมื่อคิดเช่นนั้น ร่างสูงก็เดินไปยังที่ที่ยูริและซอฮยอนนั่งอยู่ทันที!!

       

                     

       

       

       

       

                      ฉันคอยเหลือบมองดูคนข้างกายเป็นระยะ รู้ดีว่ายูริห่วงเจสสิก้าไม่น้อย ถึงได้แอบหันกลับไปมองทุกๆ นาทีอย่างนี้ แต่ก็ทุกครั้งที่เธอหันมาแล้วต้องทำหน้าปวดใจ เพราะคนที่คอยอยู่ข้างๆ ร่างบางนั้นกลับเป็นยุนอา คนที่ฉันรักนั่นเอง เพราะอย่างนี้ไง ฉันไม่ได้ใจแข็งเหมือนยูริ ถึงไม่กล้าแม้แต่จะฟังหรือมองพวกเขาคุยกัน เลยหยิบไอโฟนขึ้นมาแทน แต่รู้อะไรมั้ย...เพลงที่เปิดช่างกระทบใจฉันเหลือเกิน

                     

                  ~ รู้มั้ยเขาดีเกินใคร รู้มั้ยว่าเธอรักเขามากเหลือเกิน รู้มั้ยที่เธอได้เดิน เดินเคียงคู่กับเขาเหมือนเธอฝันไป ~

                 

                      และอยู่ๆ ฉันก็ต้องสะดุ้งเมื่อมีคนมานั่งลงข้างๆ มือกดสต็อปเครื่องไอโฟนอย่างลืมตัว ไม่ต้องหันไปก็รู้ได้ว่าเป็นใคร กลิ่นกายดันคุ้นเคยที่เธอเคยชอบเข้ามากอดคลอเคลียฉันเมื่อก่อน กับอาการหัวใจเต้นแรงจนกลัวว่าเธอจะได้ยิน มีคนเดียวเท่านั้นแหละที่ทำเช่นนี้ได้

                     

                      “ซอ...ไปคุยกับพี่หน่อยได้มั้ย” ยุนอาเปรยขึ้ยลอยๆ หึ...เธออยากให้เจสสิก้าได้คุยกับยูริมากขนาดนั้นเลยหรอ ถึงขั้นยอมเสียมารยาทมาขัดฉันกับยูริเลยเนี่ยนะ

                     

                      “พี่ฟังเพลงกับซออยู่...” ยูริพูดเสียงเรียบ เธอคงไม่ได้อยากฟังเพลงหรอก แค่ไม่อยากอยู่กับเจสสิก้าเท่านั้นล่ะ ส่วนฉันก็เหมือนเดิม เป็นคนกลางที่ไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจอะไร นอกจากรองรับความเห็นทุกอย่างที่ทุกคนคิดว่าดีแล้วมาเท่านั้น ใบหน้าที่นิ่งสนิท รู้บ้างมั้ยว่าในใจอย่างร้องตะโกนระบายออกมามากเพียงใด

                     

                      “ขอโทษนะคะพี่ยูล ยุนมีเรื่องอยากคุยกับซอจริงๆ ค่ะ”

                     

                      “หึ...แล้วมายุ่งอะไรกับซอล่ะ ได้เจสไปแล้วนี่ คราวนี้เธอจะแย่งอะไรพี่อีก” น้ำเสียงที่ดูราบเรียบ แต่ประโยคเหมือนมีดคมเฉือนใจเธอได้เป็นอย่างดี ดูสีหน้าเธอเศร้าหมองลงไปมาก เธอคงเจ็บสินะ... ทั้งที่เธอพยายามจะเดินออกมาจากจุดที่ไม่สมควรจะยืนแล้วแท้ๆ หากทำไมต้องผลักไสยุนอาเข้าไปอยู่ในนั้นเหมือนเดิมด้วย ฉันจะเจ็บเท่าไหร่ไม่เคยว่าเลย ขอเพียงแค่ฉันไม่อยากเห็นสีหน้าอย่างนี้จากเธอ ไม่ว่าต้องทำยังไง ให้ใบหน้าสวยๆ ของเธอกลับมามีรอยยิ้มอันสดใส ฉันก็ยินดีทำทุกอย่าง แม้มันแลกมาด้วยความเจ็บปวดของฉันก็ตาม

                     

                      “ไม่เป็นไรค่ะพี่ยูล ซอขอคุยกับพี่ยุนหน่อย เดี๋ยวค่อยมาฟังต่อนะคะ” สิ้นคำจากฉัน ยุนอาก็ยิ้มออกบางๆ เธอขยิบตาให้เล็กน้อยเป็นเชิงบอกว่า ฉันคือคนที่รู้ใจเธอมากที่สุด หึ...ก็เป็นแค่คนที่รู้ใจ แต่ไม่ใช่คนในใจอยู่ดี

                     

                      “แล้วแต่ซอแล้วกัน” ยูริดูผิดหวังไม่น้อยที่ได้ยินคำพูดของฉัน หวังว่าเธอจะเข้าใจ ในเมื่อเธอเองยอมทำทุกอย่างเพื่อเจสสิก้า ฉันเองก็ยอมทำทุกอย่างเพื่อคนที่ฉันรักเหมือนกัน

                     

                      ยูริเลยแกล้งทำเป็นหยิบนิตยสารขึ้นมาอ่านแทน ขณะที่ยุนอาจับมือฉันแล้วพาเดินไปทางอื่น มือที่นุ่ม...ทำให้หัวใจแทบอ่อนยวบ มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอจับมือฉัน แต่ฉันก็หวั่นไหวทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้เธอ อาจเพราะเราสนิทกันมากล่ะมั้ง เธอเลยไม่เคยเห็นอาการไหวหวั่น ถึงแม้ตัวเราอาจใกล้กัน แต่ใจเธอไกลห่างฉันออกไปทุกที

                     

                  ...จนเอื้อมไม่ถึงเลย...

       

                     

       

       

       

       

                  ห้องครัว

                 

                      ดูเป็นสถานที่สงบสุขที่เดียว เนื่องจากพี่ๆ ส่วนใหญ่ต่างรวมตัวกันอยู่ยังห้องโถง ขณะที่ยูริก็ยึดโซฟาตัวใหญ่ไปแล้ว ยุนอาเลยพาฉันมาที่นี่ ท่ามกลางความเงียบ เธอก็ถอนหายใจขึ้น

                     

                      “รู้ใช่มั้ย พี่ลากซอมาที่นี่ทำไม”

                     

                      “ค่ะ พี่ยุนอยากให้พี่ยูลปรับความเข้าใจกับพี่เจส เพราะสุดท้ายพี่เจสเลือกพี่ยูล...ซอพูดผิดตรงไหนมั้ยคะ” ฉันทำหน้านิ่งๆ ทั้งที่ความจริงก็ต้องเก็บอาการแทบตาย ไม่ให้แสดงออกมาว่ามันเจ็บแค่ไหน

                     

                      “ไม่ผิดหรอก มันควรเป็นงั้นแต่แรกแล้ว ถ้าพี่ห้ามใจตัวเองตั้งแต่คืนนั้น เรื่องมันคงไม่มาขนาดนี้”

                     

                      “หัวใจเราห้ามยากค่ะพี่ยุน ไม่มีใครบังคับมันได้หรอก ทำได้เพียงแค่ทนเก็บไว้ให้นานที่สุดเท่านั้นเอง” การเป็นที่ปรึกษาใจให้เธอ เหมือนกับฉันให้คำปรึกษาตัวเองไปพร้อมกัน ในเมื่อเราก็อยู่ในฐานะที่ไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก เธอรักคนที่ไม่สมควรจะรัก ส่วนฉันแอบรักคนที่ไม่เคยมีฉันอยู่ในสายตา

                     

                      “ซอพูดเหมือนคนมีความรักเลยนะ ทั้งที่พี่ก็ไม่เคยเห็นซอสนใจใครนอกจากสิบโทเคโระโระซะที” ยุนอาพูดพลางหัวเราะแห้งๆ แล้วดึงฉันนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ กายเธอ ฉันกำลังทับรอยของเจสสิก้าเมื่อเช้ารึเปล่านะ...

                     

                      สุดท้ายฉันก็เป็นได้แค่ตัวแทนของใครคนนั้นจริงๆ นั่นแหละ แล้วประโยคที่ว่าฉันไม่เคยมีความรัก ไม่เคยสนใจใครเมื่อไหร่เธอจะเลิกพูดมัน ในเมื่อคนที่ได้ทุกอย่างทั้งหมดไปนั้น คือเธอเองแท้ๆ!

                     

                      “เมื่อกี้ซอฟังเพลงอะไรอยู่หรอ พี่ขอฟังหน่อยนะ” ไม่ทันอนุญาตเธอก็ดึงไอโฟนไปถือ ก่อนจะเสียบหูฟังขวา พลางเสียบหูฟังข้างซ้ายให้ฉัน แค่เสี้ยววินาทีที่เราใกล้กัน ฉันยิ่งแน่ใจว่าหัวใจฉันคงกลับไปเป็นน้องสาวของเธอไม่ได้อีกแล้ว เมื่อเครื่องโอโฟนทำงาน มันจึงเริ่มเล่นเพลงที่ค้างไว้ช้าๆ

                     

                  ~ ฉันรู้แล้วมีประโยชน์อะไร แค่เธอพอใจ แต่คนที่ฟังต้องช้ำ ~

                 

                      ฉันอยากจะกระชากหูฟังออกเหลือเกิน ถ้ามันจะไม่เป็นการร้อนตัวมากเกินไป แต่เนื้อหาของเพลงมันกำลังกรีดใจฉันมากขึ้นไปทุกที ถ้าปกติฉันฟังเพลงอะไร มันคงไม่มีอิทธิพลต่อฉันหรอก...เพียงแต่ ขอแค่เพลงนี้เพลงเดียวเท่านั้น ที่ไม่อาจกลั้นใจให้ฟังได้เลย

                     

                  ~ ไม่ต้องบอกให้รู้สักเรื่องได้มั้ย ยิ่งเรื่องเธอกับเขายิ่งอย่าพูดเลย รู้แค่เธอน่ะรักกันดีอย่างเคย ก็เจ็บปวดใจแทบพัง ~ เธอทำหน้าแปลกๆ เล็กน้อยเหมือนไม่รู้จักเพลง หากฉันกำลังก้มหน้าต่ำลงเรื่อยๆ เนื่องจากกลั้นหยาดน้ำตาที่ใกล้ไหลริน เหมือนใจที่กำลังจะพังล่ะมั้ง

                 

                  ~ ไม่ต้องบอกให้รู้สักเรื่องได้มั้ย บอกเลยเรื่องนี้เกินกำลัง เรื่องไหนฉันพร้อมจะฟัง ฉันขอไม่ฟัง...แค่เรื่องเขาได้มั้ยเธอ ~

                 

                      “เพิ่งรู้นะว่าซอฟังเพลงแนวนี้ด้วย ปกติเห็นฟังแต่เพลงเคโระโระ” ยุนอาเอ่ยแซว แต่เธอคงแปลกใจมากสินะ ที่ฉันกำลังกุมเข่าแน่น จะดึงหูฟังออกก็ไม่กล้า...เพราะเธอใส่ให้ จะแย่งเพลงมาปิดก็ไม่ได้...เนื่องจากมันอยู่ในมือของเธอ

                     

                  ~ รู้มั้ยฉันเป็นยังไง เวลาที่เธอนั้นพูดให้ฟัง ในใจมันร้าวมันพัง คำพูดเธอขุดหลุมฝังฉันทั้งเป็น ถ้ารู้แล้วไม่ลำบากรำเค็ญถ้าไม่จำเป็นไม่บอกให้ฟังได้มั้ย ~ ฉึก!! เหมือนมีเข็มทิ่มแทงหัวใจ บาดแผลจากรูเข็มเล็กๆ ถ้าโดนกระหน่ำแทงนับพันเล่มกลางใจ เลือดแห่งความปวดร้าวที่กลั่นตัวมาเป็นน้ำตาคงเอ่อท่วมท้นไปทั้งใจ

                     

                      ตลอดเวลาที่ฉันได้ยินยุนอาพูดเรื่องเจสสิก้า ฉันดีใจที่ได้ฟังเสียงของเธอนะ เสียงเพราะๆ ที่ฟังกี่ทีก็เคลิ้ม มันอาจไม่ได้มีพลังอย่างแทยอน หรือหวานนุ่มเหมือนเจสสิก้า หากมันเป็นเสียงที่บ่งบอกถึงความไว้ใจในตัวฉัน มากพอจะเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟังได้ และนั่นเธอจะรู้มั้ยฉันต้องฝืนยิ้มทั้งที่ทรมาน อาจดีใจที่ได้ยินเสียงเธอ หากปวดใจเหลือเกิน ทุกสิ่งที่เธอพูดกับฉัน มันทำให้ฉันรู้จักคำว่า...เจ็บเจียนตาย

                      เพลงเล่นย้อนกลับไปยังท่อนฮุกซ้ำอีกครั้ง เหมือนกระชากใจออกมาแล้วโดนเธอเหยียบย่ำซ้ำๆ จนช้ำแทบฝืนต่อไปไม่ไหว หากเธอเริ่มมองฉันด้วยสายตาครุ่นคิด ฉันคงแสดงอาการมากไปมั้ง กับหยาดน้ำที่คลอเอ่ออยู่เต็มดวงตา และมือที่กำแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อให้เลือดซิบ

                 

                  ~ รู้ทั้งรู้ว่าใจของเธอมีแต่เขาแล้วรู้มั้ยว่าใจ ของใครต้องปวดร้าว ~

                     

                      เธอจะรู้ถึงความนัยที่แฝงไว้ในบทเพลงได้มั้ย ทุกครั้งที่เธอบอกรักเจสสิก้าอย่างเต็มปากเต็มคำ ฉันก็พูดไม่ออกทุกที เพราะในเมื่อฉันเองก็รักเธอเต็มหัวใจ

                     

                      “ซอเหมือนคนกำลังมีความรักเลยอ่ะ พี่เริ่มสงสัยแล้วสิว่าซอรักใคร” เธอเลื่อนมือมากุมมือฉัน หากฉันกลับถอยหนี เกรงว่าถ้าเธอทำเข้ามาใกล้มากกว่านี้อีกเพียงนิดเดียว ความลับที่เก็บไว้มานานจะไม่เป็นความลับอีกต่อไป

                     

                      “อย่าสงสัยเลยค่ะ” ฉันบอกปัดอย่างไม่อยากให้ยุนอาถามต่อ เพราะคนที่เธอสงสัยก็ตัวเธอเองนั่นแหละ แต่กลับกลายเป็นการเปิดเผยช่องว่างตัวเองทันที

                     

                      “แสดงว่ามีสิ ไม่งั้นซอต้องบอกแล้วว่าไม่มี”

                     

                      “...ม...ไม่มีหรอกค่ะ” ปฏิเสธเสียงสั่นขนาดนี้ ใครจะเชื่อได้อีกล่ะ ทั้งที่ฉันเก็บอาการเก่งมาตลอด แค่ฟังเพลงแทงใจดำแค่นี้ อย่าแสดงความหวั่นไหวให้เธอรู้ได้สิ

                     

                  ~ ไม่ต้องบอกให้รู้สักเรื่องได้มั้ย บอกเลยเรื่องนี้เกินกำลัง เรื่องไหนฉันพร้อมจะฟัง ฉันขอไม่ฟัง...แค่เรื่องเขาได้มั้ยเธอ ~

                 

                      “ฉันขอไม่ฟัง...แค่เรื่องของเขาได้มั้ยเธอ” ยุนอาร้องซ้ำท่อนสุดท้ายเบาๆ ให้น้ำตาที่กลั้นอยู่ไหลออกมาจนได้ แม้จะแค่หยดเดียว แต่มันก็แทนความรู้สึกทั้งใจของฉันได้หมดแล้ว

                     

                      “มันก็แค่เพลงแหละค่ะ”

                     

                      “พี่ไม่เคยเห็นซอฟังเพลงไหนแล้วอินจนร้องไห้อย่างนี้เลยนะ” สัมผัสอุ่นๆ จากปลายนิ้วของเธอยังเปลือกตา ทำเอาความรู้สึกทั้งหมดที่เก็บกลั้นไว้พังทลายลง

                     

                      “ซอไม่มีความรักจริงๆ”

                     

                      “พี่ว่ามีนะ แต่ซอไม่บ...” เธอกำลังจะพูดแต่ทุกอย่างต้องหยุดชะงักลง เมื่อได้ยินเสียงจากเครื่องเล่นไอโฟนที่ดังออกมา ซึ่งมันคือเสียงของฉันนั่นเอง กว่าที่ฉันจะรู้ตัวว่าอัดอะไรเอาไว้ในนั้นมันก็สายเกินไปแล้ว!!

                     

                  บ้าจริง เมื่อไหร่พี่จะรู้ซะทีว่าฉันไม่เคยเต็มใจเป็นที่ปรึกษาหัวใจให้พี่น่ะ เฮ้อ...ก็ไม่ใช่ไม่ดีใจนะที่พี่ไว้ใจฉัน แต่ขอร้องทำไมพี่ต้องเอาเรื่องของพี่เจสมาบอกฉันด้วยล่ะ ฉันเจ็บจะตายอยู่แล้ว

                 

                      “พี่ยุน! ปิดเดี๋ยวนี้นะ!!!” ฉันตวาดออกมาอย่างไม่สามารถกลั้นความรู้สึกที่มีได้อีก พยายามจะแย่งไอโฟนจากมือเธอ หากยุนอาไวกว่าเลยรวบกายฉันไว้ มือที่โอบกอดรัดแน่นอยู่จากทางด้านหลัง ทำให้ฉันไม่อาจทำอะไรได้ ส่วนเธอก็กำลังตั้งใจฟังคำพูดที่ฉันระบายไว้ในนั้น จบกัน...หมดสิ้นแล้วทุกอย่าง...

                     

                      เมื่อฉันต้องเก็บความรู้สึกทั้งหมดไว้ ทางเดียวที่จะระบายได้คือพูดทุกอย่างที่มีออกมา แล้วเครื่องอัดเสียงก็ช่วยได้เป็นอย่างดี ซึ่งความลับทั้งหมดที่มีมันอยู่ในนั้น ฉันพยายามดิ้นรน จะแย่งไอโฟนของตัวเองคืนมา ทว่าเธอกลับกอดฉันไว้แน่นกว่าเดิม ...อยากรู้มากขนาดนั้นเลยหรออิม ยุนอา อยากรู้ความทรมานของฉันมากใช่มั้ย

                     

                      “ชู่ว์ พี่ขอฟังหน่อยนะ” เธอกระซิบข้างหู ไม่มีแรงจะเขินอายอีกแล้ว ในเมื่อหัวใจฉันกำลังสลายลงทุกที

                     

                  ...ฉันยอมเป็นพี่น้องกับเธอ ดีกว่าไม่ได้เป็นอะไรเลย แต่ความรู้สึกของฉัน มันกำลังทำลายความสัมพันธ์อันแน่นหนาของพวกเราอย่างเลือดเย็น...

       

                     

       

       

       

       

                      “ยูล...ฟังเจสบ้างสิ” เจสสิก้าเดินเข้าไปใกล้คนที่นั่งอยู่บนโซฟา โดยไม่แคร์สายตาของเพื่อนร่วมวงทั้งหลาย ความจริงไม่ใช่เธอไม่แคร์ แต่พวกนั้นพยายามไม่สนใจแล้วต่างหาก ทิฟฟานี่ก็อ้อนนอนตักแทยอน ซูยองกับซันนี่ก็หาเรื่องทะเลาะเถียงกันเหมือนเคย ส่วนฮโยยอนก็สนใจแต่เกมในมือ

                     

                      โลกนี้จึงเหลือเพียงแค่เราสองคน...

                     

                      “ไม่ใช่คุณบอกฉันมาหมดแล้วหรอ” ยูริสวนกลับทั้งที่มือยังถือนิตยสารอยู่ คำว่า คุณที่ร่างสูงใช้เรียกทำให้เจสสิก้าถึงกับต้องเบือนหน้าหนี ขณะคู่รักทั้งสองกับแดนซิ่งควีนเริ่มมองหน้ากันเลิกลั่ก

                     

                      “เจสขาดยูลไม่ได้ แค่สองวันที่ไม่ได้ยืนอยู่ข้างยูลในฐานะคนรัก เจสก็เจ็บเจียนตายแล้ว” คำพูดสั่นๆ แต่น้ำตาที่ไม่ได้ไหลออกมาไม่ได้หมายความว่าเจสสิก้าไม่ร้องไห้ ในเมื่อเสียงสะอื้นและแผ่นหลังที่สั่นสะท้านคงให้คำตอบได้เป็นอย่างดี เพียงแค่ว่าเธอร้องจนไม่มีน้ำตาจะหยดรินอีก...

                     

                      “อืม...แล้วไง?” ประโยคเหมือนเย็นขา ทว่าถ้าสังเกตดูดีๆ จะรู้ว่ามือที่กำนิตยสารแน่นอยู่นั้นสั่นมากแค่ไหน หัวใจของควอน ยูริที่เพิ่งแตกสลายไป เมื่อกำลังประกอบขึ้นเป็นดวงใหม่ กลับกำลังถูกทำร้ายซ้ำลงอีกครั้งด้วยมือของคนที่เธอรักเช่นเดิม หัวใจของเธอมีไว้รักและยกให้เจสสิก้าเพียงคนเดียว หากความสำคัญของมันมีค่าเพียงแค่เอาไว้ให้ร่างบางทำลายเล่นอย่างนั้นใช่มั้ย

                     

                      “ฮึก...แล้วไงหรอ... ยูลอย่าทรมานเจสไปมากกว่านี้เลย เจสผิดเองที่รู้ตัวช้า ผิดเองที่ลืมมองคนใกล้ตัวที่มีมาโดยตลอด ต้องรอให้เสียยูลไปก่อนถึงจะรู้ว่าเจ็บแค่ไหน เจสมันเป็นคนเลวที่ไม่เห็นค่าความรักของยูล ยูลจะด่าจะว่าอะไรเจสก็ได้ ขอแค่ไม่เฉยชากับเจสอย่างตอนนี้ได้มั้ย” คำอ้อนวอนของเจสสิก้า ทำให้ยูริแทบสะกดกลั้นความคิดถึงที่มีไม่ไหว จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเธอขอเห็นแก่ตัว รั้งคนที่ไม่ได้รักเธอมากอด พรรณนาว่าเธอรักคนตรงหน้าแค่ไหน...

                     

                      หึ! ไม่เจียมตัวไม่เจียมหัวใจเลยนะยูริ จะกลับไปยืนที่เดิมให้เจสสิก้าเอาหัวใจเธอไปเหยียบเล่นอีกน่ะหรือ!?

                     

                      “ฉันเฉยชากับคุณ?” เสียงแผ่วเบาลงทุกที เพราะเกรงว่าไม่งั้นเจสสิก้าอาจรับรู้ได้ถึงความสั่นเครือของมัน “คุณคิดว่าฉันควรจะพูดอะไรกับแฟนเก่าหรอ... เข้าไปถามใช่มั้ยว่าเจ็บขารึเปล่า เข้าไปทายาให้พร้อมปลอบใจ หรือฉันควรช่วยประคองคุณแบบที่ยุนอาแฟนใหม่ของคุณทำเมื่อกี้รึไง”

                     

                      “ยูล...อย่าเอาแต่ประชดเจสเลย ยังไงเราก็อยู่วงเดียวกันนะ” ทิฟฟานี่ทนไม่ไหวอดโพล่งออกมาไม่ได้ เธอลุกขึ้นจากตักของแทยอนอย่างไม่มีอารมณ์สวีทหวานต่ออีก ใครจะทนได้ล่ะ...ไม่เคยมีใครเห็นคนที่แคร์คนอื่นอย่างยูริ พูดทำร้ายจิตใจคนที่เธอแคร์ที่สุดได้ขนาดนี้!

                     

                      “ฉันไม่เคยเอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับเรื่องงาน แต่นี่มันนอกเวลางานฉันแล้ว เพราะงั้นฉันจะพูดยังไงกับแฟนเก่าก็ได้ไม่ใช่หรอ” คำตอบจากยูริทำให้ทิฟฟานี่หน้าเสีย เธอรู้ว่าร่างบางพยายามจะคุยกับยูริแค่ไหน แต่ดูเหมือนคนเพิ่งมีแผลใจจะไม่ยอมรับฟังอะไรเลย ไม่อยากซ้ำเติมเจสสิก้าหรอกนะ เพราะแค่นี้หญิงสาวก็เสียใจมามากพอแล้ว และทุกคนก็อยากให้คู่ยูลสิก กลับมาหยอกล้อกันตามเดิม ไม่ใช่เอาแต่เมินกันจนบรรยากาศในโซนยอชิแดซึมเศร้ากันไปหมด

                     

                      “ยูลจะย้ำคำนั้นทำไมนักหนา” เจสสิก้าตัดพ้อ เธอเบนหน้าหลบ เพราะไม่อาจสบดวงตาที่เต็มไปด้วยความเฉยชานั้นได้นานกว่านี้ เพิ่งรู้ว่าดวงตาที่เคยอ่อนโยน...ที่เธอไม่สนใจและมองข้ามมันมาโดยตลอด พอแปรเปลี่ยนไปเป็นตรงกันข้ามมันจะกรีดหัวใจเธอได้ขนาดนี้

                     

                      “อืม...นั่นสิ เราไม่เคยเป็นแฟนกันนี่เนอะ เหอะ! ฉันก็แค่แฟนเซอร์วิส คุณไม่ได้รักฉันจริงๆ นี่”

                     

                      “เจสผิดเอง... เจสไม่น่าให้ความผูกพันมาทำลายความรักของเราเลย เจสไม่เคยสนใจยูล เพราะทุกครั้งเจสรู้ว่ายังไงยูลก็อยู่ข้างๆ เจส จนเมื่อเจสคิดว่ารักยุน แม้ยูลจะรั้งเจสไว้ แต่เจสก็ยังดื้อด้านโดยลืมหัวใจไว้ที่ยูล... ขอโอกาสให้เจสแก้ตัวได้มั้ย ให้เจสได้ยืนเคียงข้างยูลอีกครั้งได้มั้ย”

                     

                      “ง่ายไปมั้งจอง ซูยอน คุณบอกว่าคุณไม่ได้รักฉัน คุณรักยุน แต่คุณคบกับฉันเพราะเห็นฉันเป็นแฟนเซอร์วิสเอาใจแม่ยก แค่นั้นฉันก็เจ็บแทบตายแล้วนะ แต่ก็ยอมให้คุณเดินไปกับเค้า... แล้วนี่มันอะไรกัน อยู่ๆ คุณจะมาบอกว่าต้องการฉันงั้นหรอ ถามหน่อย ฉันเป็นอะไรในสายตาคุณ หรือแค่ของตาย ที่คุณเห็นค่าเมื่อเหงาหรอ” อารมณ์และความรู้สึกทั้งหลายที่ถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูด ทำให้เพื่อนที่เหลือไม่กล้าจะช่วยคู่นี้ สงสารเจสสิก้าก็สงสารอยู่หรอกนะ ที่ต้องกลายเป็นคนไม่เหลือใคร แต่ยูริล่ะ? ไม่น่าสงสารกว่าหรอ โดนทิ้งโดนไม่มีความผิด พอจะทำใจ อยู่ๆ ก็ย้อนกลับมาหา

                     

                  เป็นใครเจอแบบนี้ก็เกินจะฝืนกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อยู่ดี...

                 

                      “เอ่อ... ฉันง่วงแล้ว ฟานี่ไปนอนกันเถอะ” แทยอนรีบดึงแขนคนที่นั่งคลอเคลียเธออยู่กลับเข้าห้องของทิฟฟานี่ เมื่อยูริกับเจสสิก้าคงต้องการเวลาส่วนตัวมากกว่า

                     

                      “ซันเดี๋ยวซูไปนอนเป็นเพื่อนแทนแล้วกัน” เมื่อแทยอนนอนห้องทิฟฟานี่ ซันนี่ก็คงต้องนอนเหงาคนเดียว นั่นไม่ใช่ปัญหาเลย เมื่อซูยองเต็มใจเหลือเกินที่จะไปนอนเป็นเพื่อน

                     

                      ฮโยยอนมองทางยูริกับเจสสิก้าไปมา ก่อนจะปรายตามองไปยังห้องครัว... ซอฮยอนกับยุนอาจะเป็นยังไงบ้าง หรือนี่จะเป็นอีกคืน ที่เธอเห็นน้องเล็กของเธอร้องไห้กับหมอน รู้ว่าอีกคนพยายามเก็บเสียงสะอื้นแค่ไหน แต่อยู่ห้องเดียวกันขนาดนั้น ฮโยยอนก็อดเห็นใจไม่ได้ ...ก็แค่ต้องเจ็บเหมือนเดิมทุกวัน แต่หัวใจคนมันไม่เคยชาชินเสียที...

                     

                      “เฮ้อ วันนี้นอนกันเร็วชะมัด ฉันก็กลับห้องบ้างดีกว่า” ยูริพึมพำกับตนเองก่อนจะผุดลุกขึ้นโดยไม่ได้สนใจที่คนยืนอยู่ตรงหน้าเลยซักนิด เจสสิก้าเลยเดินเข้ามาขวาง หากร่างสูงกลับดันออก แม้จะไม่กล้าผลัก หรือทำอะไรรุนแรง เพราะถ้าเจ้าหญิงเจ็บ มีหรือที่ยูริจะไม่เจ็บตาม บางทีทรมานมากกว่าด้วยซ้ำ

                     

                      ทว่าแผลที่เข่านั้นส่งผลให้แรงกระแทกเพียงนิดเดียว ร่างของเจสสิก้าก็ทรุดลงกับพื้นทันที เธอเงยหน้ามองคนที่เธอรักทั้งน้ำตา ไม่ใยดี ไม่สนใจ สิ่งเหล่านี้ที่เธอเคยทำกับยูริคงย้อนกลับมาเล่นงานเธอช้าๆ

                     

                      “เอาสิ จะทำอะไรฉันก็เอาเลย แค่เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้มั้ย”

                     

                      “ระหว่างเรามันไม่เคยมีอยู่แล้วไม่ใช่หรอ คุณจะเอายังไงกับฉันกันแน่ จะรักใครชอบใครอยากคบใครก็เอาซักอย่าง ไม่ใช่รักคนนู้นชอบคนนี้ คบคนนี้แต่รักคนนู้น หัวใจคุณทำด้วยอะไร... หรือคุณไม่มีหัวใจ” ยูริมองคนที่ล้มอยู่กับพื้นอย่างเจ็บปวด อยากเข้าไปประคอง อยากเข้าไปถามว่าเจ็บแค่ไหน แต่หน้าที่นั้นมันไม่ใช่ของเธออีกแล้ว!

                     

                      “ใช่สิ! เจสมันไม่มีหัวใจ เจสมันโง่ที่เสียคนอย่างยูลไป ตอนนี้เจสไม่เหลือใคร ไม่เหลืออะไรซักอย่าง... หัวใจเจสให้ยูลไปตั้งนานแล้วแต่เจสไม่รู้ตัวเอง เจสโง่ได้ยินมั้ย... แต่คนที่รู้ตัวช้าอย่างเจส ไม่มีโอกาสแก้ตัวอีกแล้วหรอ”

                     

                      “โอกาสของคุณมันหมดตั้งแต่วันที่คุณกับเค้าจูบกันแล้วล่ะ”

                     

                      “ต้องให้เจสทำยังไง ยูลถึงอภัยให้เจส ขอร้องล่ะ เจสรักยูลนะ”

                     

                      “คำว่ารักของคุณพูดง่ายดีเนอะ วันก่อนคุณรักเค้า วันนี้คุณรักฉัน วันหน้าจะรักใคร ฉันจะได้เตรียมใจเจ็บล่วงหน้า”

                     

                      “ยูล...” เสียงเรียกแหบโหยแทบขาดใจ ขณะยูริได้แต่ขบริมฝีปากจนห้อเลือด หัวใจเธอก็มีอยู่แค่ดวงเดียว จะรักใครก็รักที่สุด เมื่อเจ็บกลับมาก็สลายไปทั้งดวง ขนาดของมันแค่กำปั้นเท่านั้น หากแต่ทำไมเจสสิก้าถึงทำร้ายมันซ้ำๆ ได้ลง จนมันไม่มีที่จะให้รับแผลอะไรอีกแล้ว!

                     

                      “ใจคุณมีดวงเดียวจอง ซูยอน ถึงจะมีหลายห้อง แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะรักใครหลายๆ คนพร้อมกันได้ ฉันเองก็มีใจดวงเดียว ซึ่งตอนนี้ฉันก็เจ็บจนไม่รู้จะเจ็บยังไง คุณบอกคุณรู้ตัวช้า แสดงว่าความรักของฉันเพิ่งซึมเข้าหัวใจคุณ ตอนที่ฉันเดินจากมาหรอ... หึ! ที่ผ่านมาฉันเอาแต่ดูแลใครที่ไม่เคยเห็นค่ามาโดยตลอดใช่มั้ย” ยูริไม่อาจทนยืนอยู่ได้อีกแล้ว เธอหันหลังให้คนที่นั่งอยู่กับพื้น เตรียมจะเดินจากไป หากแรงที่ยึดขาเธอไว้ ทำให้น้ำตาซึ่งเคยกลั้นกำลังคลอเอ่อทุกที

                     

                      เจสสิก้าไม่เหลืออะไรแล้วจริงๆ.... แม้แต่ศักดิ์ศรีที่เคยมี เธอยอมเสียมันทุกอย่าง เธอไม่เคยต้องขอความรักจากใคร แต่มาวันนี้เธอกำลังกอดขาของยูริเพื่อไม่ให้คนที่เธอรักจากเธอไปอีกครั้ง...

                     

                      “อย่าทำอย่างนี้เจส ปล่อยฉันเถอะ” ถ้าเป็นคนอื่น เธออาจสะบัดหนี อย่างไม่สนใจ ทว่าเพราะเป็นเจสสิก้า เจ้าหญิงที่เธอเคยทะนุถนอมทุกอย่างกำลังกอดขาเธออยู่ ยูริรู้ดีว่าเธอคงใจแข็งได้อีกไม่นาน

                     

                      “ถ้าเจสปล่อยยูล ก็เท่ากับเจสเสียยูลไปจริงๆ เจสไม่อยากเป็นอย่างนั้นแล้ว”

                     

                      “รู้อะไรมั้ย” ยูริกลั้นเสียงสะอื้น แต่น้ำตากลับไหลมาไม่ขาดสาย อีกครั้งที่เธอต้องร้องไห้เพราะคนนี้ แล้วเมื่อไหร่ความทรมานทั้งหมดจะสิ้นสุดลงซักที

                     

                  “ของที่คายไปแล้ว ไม่มีใครคิดเอากลับมากินอีกครั้งหรอกนะ ฉันเองก็ไม่ได้เข้มแข็งพอจะกลับไปเจ็บเหมือนเดิมได้อีก ยังไงซะ เรื่องของเรา...มันก็ไม่มีวันเหมือนเดิม!

       

                 

       

       

       

       

                  เมื่อไหร่พี่จะรับรู้ซักที ว่าความรู้สึกของน้องคนนี้มันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว ฉันที่ไม่เคยอยู่ในสายตา กำลังแอบรักพี่อยู่ ต้องให้ฉันแสดงออกยังไง พี่ถึงจะแคร์ฉัน เห็นใจคนที่รักข้างเดียวอย่างฉันบ้าง ขอแค่เวลาที่เราอยู่สองคน จะไม่มีเรื่องของพี่เจสมาเกี่ยว...ซักครั้ง

                  ฉันขอโทษถ้าฉันจะคิดเกินเลยกับพี่ แต่ความรู้สึกฉันมันย้อนกลับไปไม่ได้แล้ว ซอรักพี่ยุนนะ...

                 

                      เสียงสะอื้นดังออกมาอย่างเกินอดกลั้น มือที่โอบรัดร่างฉันแน่นอยู่จากทางเบื้องหลังถูกปล่อยทิ้งลงข้างกาย เธอคงหนักใจ เธอคงอึดอัดใจกับเรื่องที่รับรู้ ในขณะที่ฉันก็ห้ามน้ำตาไม่ได้อีก ความลับที่ฉันรักษามานาน ทนฝืนยิ้มภายใต้หน้าที่น้องสาวผู้แสนดี โดนเปิดเผยเสียจนหมดสิ้น จะเอาอะไรกับฉันอีกล่ะอิม ยุนอา

                     

                      เธอจะซ้ำเติมอะไรฉันอีก...

                     

                      “พี่ขอโทษนะซอ” ยุนอาพูดเสียงอ่อย ค่อยๆ ดันร่างฉันออกจากอ้อมกอดเธอ สงสัยเธอคงไม่สนิทใจที่จะกอดหรือเล่นกับฉันในฐานะน้องสาวอีกต่อไปแล้วล่ะ ฉันมันโง่เองที่ให้เธอได้ยินเรื่องราวบ้าๆ พวกนั้น ทั้งที่รู้ดีว่ามันจะสั่นคลอนความสัมพันธ์ของเราแค่ไหน

                     

                      “ขอโทษทำไมคะ พี่ยุนอย่าไปใส่ใจคำพูดบ้าๆ จากไอโฟนนั่นเลย...” ฉันพยายามนึกข้อแก้ตัว ทั้งที่เสียงกลับสั่นเครือจนฟังแทบไม่ออก “ซอกับพี่ฮโยทำละครเล่นๆ กันค่ะ แล้วนั่นก็เป็นส่วนหนึ่งของบทเอง อย่าคิดมากเลยพี่ยุน” ละครเล่นๆ งั้นหรอ... อยากจะขำกับตัวเอง ในเมื่อฉันไม่เคยเห็นความรักครั้งนี้เป็นแค่เรื่องเล่นๆ ได้เลย

                     

                      “พอเถอะซอ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว” มือของยุนอากำลังจะวางบนหัวฉันด้วยความอ่อนโยนอย่างทุกที ทว่ายังไม่ทันจะสัมผัสกับเส้นผมอ่อนนุ่ม เธอก็ชักมือกลับไปเสียก่อน

                     

                      ตอนเธอระบายเรื่องเจสสิก้าให้ฟัง ยังไม่เจ็บเท่าท่าทีที่เหมือนกับไม่ไว้ใจจากเธออย่างนี้!

                     

                      “พี่ขอโทษจริงๆ พี่ไม่รู้ว่าเรื่องของพี่เจสจะทำให้ซอรู้สึกแย่ขนาดนั้น”

                     

                      “ช่างเถอะค่ะ ซอบอกแล้วว่าอย่าฟัง มันไม่ได้ช่วยให้พี่รู้สึกดีขึ้นมาได้หรอก”

                     

                      “เปล่า...พี่ไม่ได้รู้สึกแย่นะ” เธอปฏิเสธ แต่กลับหลบตาฉันอย่างนั้น มันหมายความว่ายังไง แล้วพอฉันเดินไปใกล้ ร่างสูงกลับถอยหนี ฉันเคยคิดว่าการเจ็บเหมือนทุกวัน มันทรมานพอแล้ว แต่พอเจออาการของเธอหลังจากฟังคำว่ารักจากปากของฉันไปแล้ว ...มันปวดร้าวยิ่งกว่า

                     

                      “ลืมมันไปเถอะพี่ยุน ถือซะว่าพี่ไม่เคยได้ยินนะคะ พี่มีเรื่องไม่สบายใจอะไร ซอยังยินดีให้คำปรึกษาเหมือนเดิม ยังไงซอก็จะเป็นน้องที่ดีของพี่ยุนค่ะ” ฉันยิ้มทั้งน้ำตา ตอนนี้ภาพเบื้องหน้าพร่ามัวไปหมด หากถึงไม่ต้องเห็น ฉันก็พอรู้ว่าเธอกำลังลำบากใจมากแค่ไหน

                     

                      “ขอบคุณนะซอ...สำหรับความรู้สึกดีๆ ที่มีให้พี่ แต่...พี่ขอโทษนะ เราเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิมดีกว่า” ถ้ายังเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิม ฉันก็จะไม่เจ็บอะไรเท่ากับท่าทีห่างเหินของเธอกับฉันในตอนนี้เลยซักนิด

                     

                      “ค่ะ...ซอกับพี่ยุนเป็นพี่น้องกันอยู่แล้ว อย่าไปสนคำพูดของคนที่อยู่ในอารมณ์เหงาๆ คนนึงเลย” เธอพูดแล้วก็ต้องขบริมฝีปากแน่น เธอไม่เคยมีฉันอยู่ในสายตาแม้เพียงเสี้ยววินาที แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรที่จะดึงดันให้เธอมารักฉันไปมากกว่านี้

                     

                      “ขอโทษจริงๆ พี่ไม่เคยคิดอะไรกับซอมากเกินกว่านั้นเลย ขอโทษนะที่พี่หลอกตัวเองไม่ได้”

                     

                      “จะมาซ้ำเติมทำไมอีกคะพี่ยุน ซอบอกแล้วว่าไม่ต้องขอโทษ ซอรู้! ซอมันก็แค่เด็กคนหนึ่งที่พี่ไม่เคยให้ความสนใจ ไม่ต้องรู้สึกผิดอะไรทั้งนั้นค่ะ ซอผิดเองที่คิดอย่างนั้นกับพี่ยุน... ขอโทษนะคะ” พูดจบก็ไม่รอฟังอะไรทั้งนั้น ฉันพาร่างที่เต็มไปด้วยความบอบช้ำจากแผลในหัวใจเข้าไปในห้องก่อนจะทิ้งกายลงบนเตียง ใบหน้าที่ซบลงกับหมอนคงช่วยปิดเสียงสะอื้นได้เป็นอย่างดี ขณะที่ฮโยยอนได้แต่มองฉันอย่างเป็นห่วง หากเธอก็ไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่าการมอง และช่วยปลอบใจทางสายตา เธอคงรู้ดีว่ากี่หมื่นล้านคำพูด มันไม่ได้ช่วยให้คนที่กำลังเสียใจมากๆ ได้รู้สึกดีขึ้นมาหรอก

                     

                      “ฮึก...พี่ยุน ซอรักพี่...” คำที่ฉันไม่เคยพูดต่อหน้าเธอหลุดออกมาอย่างไม่สามารถทนเก็บไว้ได้อีก แค่คำสั้นๆ เพียงคำเดียว แต่กรีดแทงหัวใจฉันมานับหลายปีที่เรารู้จักกัน

                     

                      กลัวเหลือเกิน กับกำแพงที่ขึ้นมากั้นในความสัมพันธ์ ถ้าเธอห่างเหินกับฉัน ไม่มองหน้า ไม่พูดกับฉันอีก จะทนได้มั้ย ถ้าเป็นไปได้ฉันจะขอย้อนเวลากลับไป ไม่พูดระบายอะไรลงไปในนั้น ถ้าเลือกได้ฉันจะไม่เอาไอโฟนขึ้นมาฟังเพลงกับพี่ยูล และถ้าเลือกได้ฉันคงเลือกที่จะไม่คิดกับเธอเกินคำว่าพี่น้อง

                     

                      ใครว่าคำว่ารักมีค่ามากมาย... มันไม่มีค่าอะไรระหว่างเราในตอนนี้เลย เพราะความรู้สึกที่แตกต่าง เมื่อมีคำนั้นเข้ามาแทรกมันกลับทำให้คนเคยชิดใกล้ กลายเป็นต้องไกลห่าง นิยามของคนแอบรัก ย่อมยินดีกับความเจ็บปวดที่ได้เห็นคนที่รักอยู่ข้างกาย มากกว่าจะเจ็บช้ำเพราะต้องคอยมองอยู่ห่างๆ อย่างไม่มีโอกาสไปยืนจุดเดิมได้อีกแล้ว

                     

                      ฉันผิดเองแหละที่เผลอคิดอย่างนั้นกับเธอ ทั้งที่เธอไม่เคยมองฉันเกินเลยกว่าพี่น้อง เขาว่ากันว่าอย่าได้แคร์คนที่ไม่แคร์เรา แล้วฉันล่ะ...ฉันคงไม่ควรรักคนที่ไม่เคยแคร์ฉันแต่แรกอยู่แล้วสินะ

                     

                  ...ไม่ควรเลย...

       

       

       

      The End.

       

       

                     

       

      ในที่สุดพาร์ทน้องซอก็จบลงจนได้ค่ะ ขอโทษที่มาต่อช้านะคะ

      ช่วงนี้บุงมีปัญหาเยอะมาก แถมพาร์ทนี้ยังยาวเว่อร์อีก

      (แต่ดันดำเนินเรื่องช้าเป็นเต่าคลาน T___T)

      คืออยากให้รู้ถึงทุกมุมมองอารมณ์ของทุกคนให้มากที่สุดน่ะค่ะ

       

      บุงว่า SF เรื่องนี้คงเป็นบทสรุปของทุกอย่างดีอยู่แล้วนะคะ

      ส่วนเรื่องภาคต่อหรือภาคบทสรุปน่าจะไม่มี

      (หรือถ้ามีต้องดูกระแสก่อนว่าคนอยากอ่านเยอะมั้ย)

      อยากบอกว่าที่ดำเนินเรื่องช้าด้วยไม่ใช่อะไรหรอกค่ะ

      แค่อินกับซอจัดไปหน่อย ในฐานะคนเคยอยู่ตำแหน่งเดียวกันมาก่อน ฮ่าๆ

       

      ยังไงก็ช่วยเมนต์ให้กำลังใจด้วยนะคะ พาร์ทสุดท้ายแล้ว

      บุงคงไม่กำหนดเมนต์แล้วล่ะค่ะ เอาเป็นว่าแล้วเจอกันใหม่โอกาสหน้านะ

      บ๊าย บาย ^^//

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×