คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 2
ทงเฮนั่งทำหน้าไม่ถูกเมื่อต้องมานั่งเผชิญหน้ากับเด็กหนุ่มรุ่นน้องที่ตอนนี้กำลังนั่งทำหน้าทะเล้นส่งรอยยิ้มกวนๆมาให้เขา ร่างบางทำเป็นไม่สนใจแววตาเจ้าชู้ที่ส่งมาให้แล้วตั้งหน้าตั้งตาแต้มสีลงบนใบหน้าคมต่อไป
หลังจากที่อ้อนวอนแกมขู่บังคับให้พี่ชายไปทำยังไงก็ได้ให้เขาได้เป็นน้องบัดดี้ของทงเฮ คังอินก็จำต้องหอบร่างหมีๆของตัวเองไปอ้อนวอนคนรักต่อโดยอ้างว่าเป็นห่วงน้องชายถ้าได้คนคุ้นเคยเป็นคนดูแลคงจะดีไม่น้อยแล้วก็ไม่เห็นว่าจะมีใครเหมาะเท่ากับทงเฮอีกแล้ว แต่หารู้ไม่ว่าที่จริงแล้วคนที่คังอินสงสารนั้นคือทงเฮมากกว่าที่ดันโชคร้ายไปโดนใจเจ้าตัวแสบเข้า
ตอนแรกอีทึกก็ลังเลอยู่ว่าจะช่วยดีหรือเปล่าเพราะก็เกรงใจคนอื่นๆแต่พอคังอินยกเหตุผลมาอ้างมากๆเข้าก็เริ่มใจอ่อนสุดท้ายเจ้าแก้มป่องของเฮียหมีก็ได้พี่ทงเฮคนสวยเป็นพี่บัดดี้สมใจ
หลังจากประกาศแล้วว่าใครเป็นพี่น้องบัดดี้ของใครกิจกรรมต่อมาก็คือการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องบัดดี้เพื่อสร้างความสนิทสนมโดยการให้พี่บัดดี้ช่วยกันระบายลงบนใบหน้าของน้องบัดดี้ของตัวเอง แต่ก็มีรุ่นน้องบางคนแอบคิดว่านี่มันไม่ใช่การเชื่อมสัมพันธ์หรอกแต่มันเป็นการแกล้งรุ่นน้องดีๆนี่เอง
เยซองมองดูเจ้าเด็กเส้นด้วยความหมั่นไส้ตั้งแต่เกิดมาก็มีครั้งนี้แหละที่เขานึกอยากจะเป็นเด็กเส้นขึ้นมาบ้าง พอหันไปเจอพี่บัดดี้ของตัวเองแล้วก็ต้องถอนหายใจ เขาได้พี่บัดดี้เป็นผู้หญิงตามที่ขอจริงๆแต่รูปร่างหน้าตามันช่างน่าผิดหวังอะไรอย่างนี้ พี่บัดดี้ในฝันที่เขาจินตนาการไว้ต้องสูง ขาว สวย หมวย อึ๋ม แต่ไหงกลับกลายเป็นเตี้ยตันได้ล่ะโอ๊ย เยซองอยากจะบ้าตาย!
ฮันคยองกับคยูฮยอนนั่งมองอาการราวกับคนอยากจะตายของเพื่อนรักแล้วก็ได้แต่ยิ้มขัน ก็คนมันหวังไว้สูงก็อย่างนี้แหละพอผิดหวังมามันก็เลยอาการหนักกว่าเพื่อน ฮันคยองกับคยูฮยอนนั้นไม่ค่อยจะดูเป็นเดือดเป็นร้อนเท่าไหร่เพราะถึงแม้ว่าจะไม่ได้พี่บัดดี้สุดสวยเหมือนคิบอมแต่ก็ใช่ว่าพี่บัดดี้ของพวกเขาจะขี้เหร่เพราะอย่างน้อยๆก็หน้าตาดีกว่าพี่บัดดี้ของเยซองก็แล้วกัน
และเป็นอะไรที่บังเอิญมากเพราะพี่บัดดี้ของฮันคยองนั้นชื่อฮยอกแจ ส่วนคยูฮยอนนั้นชื่อซองมินซึ่งทั้งสามคนรวมทั้งชินยองพี่บัดดี้ของเยซองนั้นเป็นเพื่อนสนิทกันเห็นทีว่าคราวนี้สองกลุ่มนี้คงจะได้เป็นดองกันในเร็ววันนี่แน่นอน
“ พี่ทงเฮ น่ารักจังครับ ”
พลั่ก !
ไม่รู้ว่าเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วที่ทงเฮทำจานสีหล่นจากมือและก็ไม่รู้ว่าเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วเช่นกันที่คิบอมเอ่ยชมร่างบางว่าน่ารักก่อนจะหัวเราะชอบใจทุกครั้งที่เขาอึ้งกับคำพูดเหล่านั้นแล้วทำของตก
“ เมื่อเช้าพี่ทงเฮไม่ได้ทานข้าวมาเหรอครับ ” แกล้งถามหน้าตายพร้อมกับหยิบจานสีที่หล่นอยู่บนพื้นขึ้นมาถือไว้เองปากหยักยกยิ้มน้อยๆเมื่อเห็นสีหน้าไม่เข้าใจของร่างบาง
“ ทำไมถึงคิดแบบนั้น? ” เสียงหวานเอ่ยถามพร้อมกับยื่นมือไปรับจานสีคืนมาแต่เจ้าแก้มป่องกลับยื้อเอาไว้ไม่ยอมคืนให้
“ ก็ผมเห็นพี่ทงเฮไม่ค่อยมีแรงนึกว่ายังไม่ได้ทานอะไรมาซะอีก ” ตอบออกไปซื่อๆทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าที่ร่างบางมือไม้อ่อนนั้นเพราะอะไร
“ พี่ทานแล้ว ขอจานสีคืนด้วย ” ร่างบางตอบออกไปเรียบๆ
“ ผมถือให้ดีกว่าครับ เดี๋ยวพี่ทงเฮก็เผลอทำหลุดมืออีกหรอก ” พูดเหมือนจะดุถ้าหากว่าท้ายประโยคไม่เห็นว่าเจ้าของคำพูดกำลังส่งยิ้มล้อเลียนมาให้
ผมถือให้น่ะดีแล้วพี่ทงเฮจะได้ไม่ทำมันหล่นอีกเพราะผมยังมีอะไรที่จะทำให้พี่มือไม้อ่อนอีกเยอะเลยล่ะ น่ารักจริงๆเลยน๊าพี่ทงเฮยิ่งมองใกล้ๆยิ่งน่ารัก คอยดูนะถ้าได้เป็นแฟนเมื่อไหร่คิมคิบอมคนนี้จะตามเฝ้าเช้าเย็นเลยแล้วก็อย่าหวังว่าใครหน้าไหนจะได้เข้าใกล้ที่รักของคิมคิ บอมอีกเลย
“ งั้นก็ตามใจ ” ว่าก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาระบายสีลงบนหน้าคมต่อไป ร่างบางอยากรีบทำรีบเสร็จจะได้ไม่ต้องทนกับสายตาเจ้าเล่ห์ของเจ้าเด็กคนนี้ไหนจะคำพูดที่คิดอยากจะพูดก็พูดออกมาเลยช่างเป็นคนที่ทำอะไรตามใจคิดซะจริงนะคิมคิบอม
“ พี่ทงเฮคร๊าบ ” เงียบได้ไม่ถึงห้านาทีก็เริ่มกลับมาชวนคุยอีกครั้ง
“ หืม ”
“ พี่ทงเฮว่าแก้มผมนุ่มไหมอ่ะ ”
“ ไม่รู้สิ ทำไมเหรอ ” คิ้วเรียวขมวดมุ่นเขาจะไปรู้ได้ไงเขาล่ะว่านุ่มหรือเปล่าเขาไม่เคยจับแก้มบวมๆนั่นเลยแล้วคิดยังไงถึงได้มาถามแบบนี้ล่ะจะมาไม้ไหนอีกล่ะทีนี้ลูกเล่นแพรวพราวจริงนะพ่อคุณ
จากโหมดเด็กกวนคราวนี้คิมคิบอมก็มาในแนวน่ารักๆบ้างดูซิว่าพี่ทงเฮจะรับมือกับมุมแบบนี้ของเขาได้ไหมเห็นใช้กับใครเป็นต้องตกม้าตายทุกทีใจแข็งเจอแบบนี้เข้าไปก็เสร็จทุกรายไม่เว้นแม้กระทั่งเฮียหมี
“ ไม่มีอะไรหรอกฮะ ก็พี่คังอินน่ะสิชอบว่าให้ผมว่าหน้าด้าน ” ใบหน้าหล่อมุ่ยลงทันทีหากแต่ในใจกำลังยิ้มอย่างนึกสนุก พึ่งจะรู้ว่าคำด่าของเฮียหมีมีประโยชน์ก็วันนี้แหละแต้งกิ้วมากๆนะฮะเฮียหมีถ้าผมได้เป็นแฟนกับพี่ทงเฮเมื่อไหร่เดี๋ยวจะพาไปเลี้ยงไอติมนะ “ ผมก็เลยอยากรู้ว่าหน้าผมด้านจริงหรือเปล่า ผมก็ว่าผมทาครีมบำรุงทุกวันนะมันไม่น่าจะด้าน ” พูดไปก็ทำหน้าคิดไป แต่ว่าใช้มุกนี้แล้วพี่ทงเฮจะคิดว่าเขาโง่หรือว่าปัญญาอ่อนรึเปล่าเนี่ย
ทงเฮนั่งเหวอกับคำพูดของเจ้าตัวแสบร่างบางกำลังคิดว่านี่คิบอมกำลังเล่นมุกหรือว่าไม่รู้จริงๆกันแน่เพราะดูๆแล้วคนอย่างคิบอมไม่น่าจะซื่อจนไม่รู้ว่านั่นคือคำด่า แต่ตาคมคู่นั้นที่มองเขาบอกว่าผมไม่รู้จริงๆนะ
“ พี่คังอินเค้าคงพูดเล่นมั้ง ”
“ เหรอฮะ แต่เฮียหมะ เอ้ย พี่คังอินเค้าพูดบ่อยมากเลยนะ พี่ทงเฮช่วยพิสูจน์หน่อยสิ ” นี่แหละคือสิ่งที่คิบอม ต้องการจะบอก
คิ้วบางเลิกขึ้นเพราะยังไม่เข้าใจว่าคิบอมจะให้เขาพี่สูจน์ยังไงล่ะ “ จะให้ช่วยยังไงล่ะ ” ร่างบางถามเพราะไม่ได้คิดอะไรมากแต่ถ้าหากทงเฮชะล่าใจอีกนิดก็คงจะเห็นว่าบนปากหยักนั้นมีรอยยิ้มสมใจติดอยู่
“ ก็ช่วยจับดูแบบนี้น่ะฮะ ” ไม่ว่าเปล่ายังจับแก้มตัวเองโชว์อีกด้วย
เยซองที่นั่งดูเจ้าวายร้ายอยู่ถึงกับทนไม่ไหวต้องออกปากแซวมันจะมากเกินไปแล้วนะคิมคิบอมรุกเร็วแบบนี้เดี๋ยวพี่ทงเฮก็ตามไม่ทันกันพอดี “ น้อยๆหน่อยคิมคิบอม ” เสียงทุ้มส่งมาตามลมให้มันน้อยๆหน่อยเพื่อนเกรงใจคนที่นั่งอิจฉาอยู่ตรงนี้บ้าง
คิบอมหันไปชักหน้าใส่คนช่างขัดก่อนจะยกยิ้มให้เพื่อนรักพร้อมกับคำพูดน่ารักๆเป็นของแถม “ ถ้ายังอยากกินข้าวเย็นนี้ก็หุบไปไปเลยมึง ”
เยซองรีบยกมือขึ้นปิดปากทันทีที่สิ้นประโยคเรียบๆแต่เต็มไปด้วยรังสีอำมหิต ไรว๊าแซวแค่นี้ทำไมต้องโหดด้วยพี่ทงเฮเขาไม่รู้หรอกน่ะว่ามึงกำลังหาเรื่องหลอกแต๊ะอั๋งพี่เขาอยู่น่ะ
“ ว่าไงฮะ พี่ทงเฮจะช่วยผมพิสูจน์หรือเปล่า ” เลิกทำหน้าโหดแล้วกลับเข้าสู่โหมดอ้อนตามเดิม
“ เอ่อ...คือว่า ” ร่างบางอึกอัก แต่มาคิดดูอีกทีผู้ชายเหมือนกันคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง “ ก็ได้ ”
คิบอมแอบร้องเยสในใจก่อนจะรีบยื่นแก้มบวมๆที่เต็มไปด้วยสีของตัวเองไปใกล้ๆร่างบางโดยที่ไม่ได้สังเกตว่าเพื่อนรักทั้งสามรวมทั้งพี่ชายกำลังมองดูพร้อมกับส่ายหน้าเบาๆ
“ ไม่ต้องยื่นมาใกล้ขนาดนี้ก็ได้ ” ร่างบางว่าเพราะคิบอมยื่นหน้ามาจนแทบจะชนหน้าเขาอยู่แล้ว อยู่ที่เดิมเขาก็เอื้อมมือถึงไม่ได้เกิดมาแขนสั้นขนาดนั้น
“ ใกล้ๆแบบนี้แหละฮะพี่ทงเฮจะได้จับได้สะดวกๆ เร็วๆสิฮะ ” ตอบหน้าตายแถมยังมีเร่งอีกต่างหากอะไรจะเอาแต่ใจขนาดนั้น
ทงเฮเอื้อมมือไปแตะบนแก้มบวมๆนั้นเบาๆก่อนจะชักมือกลับ “ เสร็จแล้ว ”
“ ห๊ะ เสร็จแล้ว ” คิบอมร้องเสียงหลง เสร็จแล้วเหรอเขายังไม่รู้สึกว่ามีอะไรมาโดนแก้มเขาเลยนะพี่ทงเฮโมเมหรือเปล่าเนี่ย
“ อื้อ เสร็จแล้ว ไม่ด้านหรอก ” พยักหน้าพร้อมกับบอกผล หน้าคิบอมนอกจากจะไม่ด้านแล้วยังนุ่มมากอีกต่างหากสงสัยคงจะเป็นเพราะมีเนื้อบนแก้มเยอะมั้ง
“ พี่ทงเฮแน่ใจแล้วเหรอฮะ พี่กี๊พี่จับแค่นิดเดียวเองนะ ”
“ อืม ” ทงเฮพยักหน้ายืนยัน อดที่จะนึกขำพร้อมกับตั้งคำถามกับตัวเองในใจไม่ได้ว่าตกลงนี่น้องบัดดี้เขาอยู่ปีสองจริงๆหรือเนี่ยนึกว่าอยู่ป.2 ซะอีก
“ ถ้าเป็นแบบที่พี่ทงเฮว่าแล้วทำไมพี่คังอินยังว่าผมล่ะ ไม่เอาอ่ะพิสูจน์ใหม่ๆ ” ไม่ว่าเปล่ายังถือวิสาสะจับมือบางไปวางไว้บนหน้าเป็นการบังคับไปในตัวว่าต้องพิสูจน์ใหม่แล้วก็ต้องจับให้ทั่วหน้าด้วย แต่ยังไม่ทันจะได้พิสูจน์อีกรอบเจ้าตัวดีก็ต้องร้องโอดโอยขึ้นมาซะก่อน
“ โอ๊ย...ใครวะ ” คิบอมร้องเสียงดังเมื่อโดนดึงที่พวงแก้มด้านขวาแรงๆก่อนจะหันกลับไปมองอย่างเอาเรื่องแต่พอเห็นว่าเป็นใครเท่านั้นแหละร่างหนาถึงกับออกอาการเซ็ง เฮียหมีอีกแล้วเหรอทำไมชอบขัดจังวะใครก็ได้ช่วยไปเรียกพี่ทึกกี้มาลากเฮียหมีออกไปให้พ้นๆหน่อยสิ คนจะหาน้องสะใภ้สวยๆไปให้ยังจะมาขัดอยู่ได้
“ เออ...หน้าแกมันด้านจริงวุ้ย ” คังอินตอบหน้าตายไม่สนใจสายตาเคืองๆของคนที่โดนขัดจังหวะ รู้ว่าทำแบบนี้คิบอมต้องไม่พอใจแต่ก็กลัวว่าถ้าขืนเจ้านี่มันยังดับเครื่องชนแบบนี้อยู่ล่ะก็มันจะพาลทำให้ทงเฮตกใจตื่นก่อนน่ะสิ
“ อ้าว....ทำไมพูดแบบนั้นล่ะเฮีย ” คิบอมถามกลับน้ำเสียงเอาเรื่องทำไมถึงว่าน้องตัวเองแบบนี้ล่ะ
“ ก็แกอยากรู้ไม่ใช่เหรอ ฉันก็เลยบอกให้ ” ในเมื่ออยากรู้นักเขาก็ตอบให้แล้วไงคนอุตส่าห์หวังดียังมาทำหน้าไม่พอใจใส่อีก เจ้าเด็กคนนี้นี่น่าจับไปตีก้นซะให้เข็ด “ กลับที่ได้แล้ว หมดเวลา แล้ว ”
คังอินพยักหน้าบอกให้ทงเฮลุกขึ้นแล้วกลับไปรวมกลุ่มกับเพื่อนได้แล้วก่อนจะหันกลับมาไล่น้องชายตัวดีที่นั่งทำหน้ามุ่ยอยู่
“ ได้ไงอ่ะ ผมยังแต่งหน้าไม่เสร็จเลยนะ ” คิบอมแย้ง ได้ไงอ่ะพี่ทงเฮยังไม่ได้พิสูจน์ความนุ่มบนแก้มผมเลยนะ
“ เสร็จไม่เสร็จก็ช่าง กลับไปนั่งที่ได้แล้วเรากำลังจะเริ่มกิจกรรมต่อไป ”
พูดจบก็หันหลังเดินกลับไปเลย แหมๆได้คืบจะเอาศอกนะเขาช่วยให้ทงเฮมาเป็นพี่บัดดี้ขอบคุณซักคำยังไม่มีเลยแล้วนี่ยังจะมารุกเอาๆอีกคังอินล่ะสงสารทงเฮจริงๆ อุตส่าห์บอกคิบอมแล้วแท้ๆว่าเรื่องแบบนี้ต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไปแต่เจ้านี่มันเคยฟังซะที่ไหนล่ะ
คิบอมมองถามหลังมีชายออกไปด้วยความหงุดหงิดก่อนที่ปากหยักจะยกยิ้มเจ้าเล่ห์เมื่อมองไปเห็นอีทึกกำลังแจกผ้าให้กับรุ่นน้องอยู่ ชอบขัดนักใช่ไหมเฮียหมีแบบนี้มันต้องเอาคืน
“ พี่ทึกกี้ฮะ ” เสียงทุ้มตะโกนขึ้นก่อนที่เจ้าของชื่อจะหันมาตามเสียงเรียก
เช่นเดียวกับคังอินที่แทบจะหันกลับมาหาน้องชายทันทีที่ได้ยินน้ำเสียงที่คุ้นหูเรียกชื่อคนรักของตน คิบอมยักคิ้วเป็นต่อให้กับพี่ชายที่กำลังยืนหน้าซีดอยู่
“ มีอะไรเหรอคิบอม ? ”
“ เปล่าฮะ ผมแค่จะบอกว่า.... ” ตาคมเหลือบไปมองพี่ชายชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยต่อ “ เมื่อคืนเฮียหมีแอบหนีไปเที่ยวผับกับพี่ยุนโฮฮะ ” พูดจบก็ชิ่งวิ่งหนีกลับไปนั่งรวมกลุ่มกับเพื่อนก่อนจะจะโดนอุ้งมือหมีเล่นงานซะก่อน ขอทานะเฮียหมีแต่ช่วยไม่ได้นี่นาเฮียอยากขัดผมก่อนเองทำไมล่ะ
“ คิมคิบอม ! ” คังอินตะโกนชื่อเจ้าตัวแสบดังลั่น ไหนมันสัญญาแล้วไงว่าจะไม่บอกอีทึกเรื่องนี้เขาไม่น่าไว้ใจคิบอมเลยรู้ทั้งร็ว่ามันไว้ใจไม่ได้
แต่แล้วเสียงเย็นยะเยือกที่ดังมาจากด้านหลังก็ทำเอาเฮียหมีของเจ้าแก้มป่องสะดุ้งเฮือก สงสัยว่าเย็นนี้คังอินคงได้นอนหยอดน้ำข้าวต้มแทนข้าวแล้วล่ะ
“ มันเป็นเรื่องจริงเหรอไอ้หมี! ” อีทึกเอ่ยถามเสียงเย็นหากแต่คังอินรู้ดีว่าน้ำเสียงแบบนี้แหละที่มันทำให้ชีวิตเขาไม่ปลอดภัย
คิบอมที่เดินกลับไปนั่งรวมกับเพื่อนแล้วกำลังนั่งหัวเราะจนตัวงอเมื่อเห็นสภาพหมีหงอยของพี่ชาย แต่ถ้าหากคิบอมมองไปรอบๆอีกสักนิดแล้วจะรู้ว่าไม่ได้มีแค่พี่หมีคังอินเท่านั้นที่จะได้ไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มแต่ยังมีพี่หมียุนโฮที่ตอนนี้กำลังหลบสายตาอำมหิตจากแจจุงอีกคน ยุนโฮได้แต่ส่งสายตาไปหาคังอินเพื่อนร่วมชะตากรรมตอนนี้ในใจของสองเพื่อนรักมีเป้าหมายเหมือนกันอยู่สองอย่างคือหนึ่งทำยังไงถึงจะรอดตายจากนางฟ้าของตนเองและสองคือ ตอนนี้เขาอยากฆ่าไอ้เด็กแก้มป่องที่ชื่อคิมคิบอมที่สุดในโลก
...........................................
ซองมินมองเพื่อนรักที่พึ่งเดินกลับมาแล้วก็อดที่จะยิ้มขันไม่ได้เพราะตอนนี้ใบหน้าสวยนั้นมีสีติดอยู่ที่แก้มทั้งสอง แต่ดูเหมือนว่าทงเฮจะยังไม่รู้ตัวว่ามีสิ่งแปลกปลอมติดอยู่บนหน้า
“ สรุปว่าใครแต่งหน้าให้ใครกันแน่อ่ะ ” ทันทีที่เพื่อนรักนั่งลงซองมินก็เอ่ยถามทันทีพร้อมกับยื่นกระดาษทิชชู่ให้
“ หมายความว่าไงอ่ะ ” ถึงแม้จะไม่เข้าใจในสิ่งที่เพื่อนถามแต่ทงเฮก็รับเอากระดาษทิชชู่ที่เพื่อนส่งให้มาถือไว้
“ ก็หมายความว่าเขาให้ไปแต่งหน้าน้องบัดดี้ไม่ได้ให้ไปแต่งหน้าตัวเองซะหน่อย ” ซองมินบอกพร้อมกับกลั้วหัวเราะ
แต่เพราะทงเฮยังทำหน้าไม่เข้าใจกระต่ายน้อยของเพื่อนๆจึงหันไปยืมกระจกจากเพื่อนผู้หญิงที่นั่งอยู่แถมนั้นแล้วยื่นให้กับทงเฮ “ ดูซะจะได้รู้ว่าฉันหมายถึงอะไร”
“ สงสัยว่าคงเป็นฝีมือคิบอมแน่เลย ” และทันทีที่เห็นว่าหน้าตัวเองเปรื้อนไปด้วยคราบสีร่างบางก็บ่นเบาๆพร้อมกับใช้กระดาษทิชชู่ที่ได้มาจากซองมินเช็ดแต่เช็ดเท่าไหร่มันก็ไม่ออกซะทีสงสัยว่าคงต้องไปล้างมันถึงจะออก
สงสัยคิบอมแอบเอามาทาตอนเขาเผลอแน่เลยพอหันไปมองเจ้าตัวต้นเหตุร่างบางก็ต้องหน้ามุ่ยเพราะเจ้าตัวดูจะไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไรเลยเพราะยังหัวเราะสนุกสนานกับเพื่อนๆหน้าตาเฉย
“ น้องบัดดี้นายท่าทางจะแสบใช่เล่นเลยนะทงเฮ ” ฮยอกแจที่เดินมาสมทบเอ่ยขึ้นหลังจากที่นั่งมองเพื่อนรักกับเจ้าน้องบัดดี้ตัวแสบอยู่นาน จะผิดไหมถ้าไก่น้อยคนนี้จะสงสารทงเฮเอาไว้ล่วงหน้าเพราะแค่วันแรกคิบอมก็ ออกลายซะแล้ววันต่อๆไปนี่คงไม่ต้องพูดถึง
“ ใช่ๆ ขนาดมาวันแรกก็สร้างงานให้พี่คังอินกับพี่ยุนโฮซะแล้ว ” ซองมินเห็นด้วยทันที ก่อนจะหันไปมองรุ่นพี่หมีทั้งสองคน
ซึ่งตอนนี้พี่หมีผู้ยิ่งใหญ่ของน้องๆในคณะทั้งสองแทบจะไม่เหลืออะไรให้เกรงขามเลยสักนิด เพราะตอนนี้ทั้งคู่กำลังนั่งคอตกรอฟังคำพิพากษาจากนางฟ้าทั้งสองที่กำลังยืนกอดอกอบรมคนรักทั้งสองที่นั่งฟังด้วยอาการสงบเสงี่ยมแต่ก็ยังไม่ลืมที่จะส่งสายตาแค้นเคืองไปให้น้องชายสุดที่รักเป็นระยะ
“ ไม่หรอกมั้ง คิบอมเขาก็แค่เป็นคนตรงๆ ” ทงเฮพยายามคิดในแง่ดีบางทีคิบอมอาจจะเป็นคนที่เปิดเผยมากเกินไปก็แค่นั้นเองหรือไม่ก็แค่เป็นคนชอบแกล้งแต่คงจะแกล้งแรงไปหน่อยก็เท่านั้นเอง
“ นายก็มองโลกในแง่ดีเกินไป เห็นเค้าลือกันว่ากลุ่มนี้แสบๆกันทั้งนั้น ” ชินยองพูดตามข้อมูลที่ตนรู้มา
เมื่อกี้หญิงสาวบังเอิญไปได้ยินเพื่อนชายที่พักหอเดียวกับพวกของเยซองคุยกันว่าเมื่อคืนพวกเขาแทบอยากจะฆ่าพวกรุ่นน้องหน้าหล่อทั้งสามคน เพราะพวกนั้นดันเล่นพิเลนไปกดสัญญาณเตือนภัยเล่นเอาคนทั้งหอแตกตื่นรีบหอบเสื้อผ้าลงมาจากหอเพราะคิดว่าไฟไหม้บางคนที่กำลังอาบน้ำอยู่ก็คว้าได้แค่ผ้าเช็ดตัวปกปิดส่วนสำคัญเอาไว้แล้ววิ่งหนีตายลงมา
แต่พอเวลาผ่านไปสักพักทุกอย่างก็ยังปกติไม่มีวี่แววว่าจะเกิดไฟไหม้เลยแม้แต่น้อยพอไปเช็คกล้องวงจรปิดดูก็คนเจ้าพวกวายร้ายทั้งสามไปทำอะไรสักอย่างอยู่แถวๆปุ่มสัญญาณเตือนภัยแค่นั้นแหละคนทั้งหอแทบอยากจะลงแขกกระทืบตัวต้นเหตุให้มันรู้แล้วรู้รอด แต่มันติดอยู่ที่ว่าเด็กพวกนั้นมันใหญ่เกินกว่าที่พวกเขาจะทำอะไรแบบนั้นได้ก็เลยทำได้เพียงปล่อยเลยตามเลย
“ แล้วมันช่างบังเอิญจริงๆที่กลุ่มเราได้น้องบัดดี้กลุ่มนั้นหมดเลย ” ซองมินถอนหายใจเฮือกใหญ่ใบหน้าของกระต่ายอวบบ่งบอกว่ากลุ้มใจสุดๆเลยล่ะและถ้าเป็นไปได้เขาอยากจะเปลี่ยนน้องบัดดี้ให้มันรู้แล้วรู้รอด
ถึงแม้ว่าคยูฮยอนจะไม่ได้แสบเท่ากับคิบอมแต่ซองมินมองแว๊บเดียวก็รู้แล้วว่าโจวคยูฮยอนคนนี้ร้ายลึกและคนประเภทนี้แหละที่ซองมินไม่ชอบที่สุดในโลกเพราะไม่สามารถเดาได้ว่าเจ้าตัวกำลังคิดอะไรอยู่
“ บางทีมันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้นะ ” ทงเฮพยายามบอกไม่ให้เพื่อนคิดมาก แต่ลึกๆในใจแล้วร่างบางก็แอบกังวลเหมือนกัน เพราะครั้งแรกที่เจอกันคิบอมก็ประกาศเจตนารมณ์ชัดเจนเลยว่า
พี่ทงเฮน่ารัก ผมจะจีบพี่ทงเฮล่ะนะ
“ ขอให้เป็นแบบนั้นละกัน ” ขอให้ไม่มีอะไรเหมือนอย่างที่ทงเฮว่าก็แล้วกันแต่ซองมินกลัวว่าเด็กกลุ่มนั้นจะนำความเดือดร้อนมาให้พวกเขาล่ะสิไม่ว่า “ ว่าแต่เย็นนี้นายจะไปทำงานไหมทงเฮ ”
“ ไปสิ ฉันขอพี่อีทึกแล้วล่ะบอกพี่เขาว่าเราไม่ว่างจริงๆ ” ทงเฮบอก
ตอนแรกก็เกรงใจอีทึกอยู่เหมือนกันที่เขาไม่ค่อยได้ช่วยอะไรเลย แต่เพราะว่ามีเหตุจำเป็นจริงๆเลยไม่สามารถอยู่ช่วยงานช่วงเย็นได้เพราะต้องไปทำงานที่ร้านอาหาร ซึ่งอีทึกเองก็เข้าใจดีจึงไม่ได้ห้ามหรือยื้อเอาไว้
“ ได้ยินแบบนี้แล้วค่อยโล่งใจหน่อย ฉันล่ะกลัวพี่อีทึกแกงอนจริงๆ” ซองมินเป่าปากด้วยความโล่งอกนึกว่าจะโดนงอนจริงๆซะแล้วที่แท้พี่อีทึกก็แค่ขู่นี่เอง
“ ไม่หรอกพี่เขาเข้าใจ พี่อีทึกบอกว่าถ้ามีเวลาค่อยมาช่วยก็ได้เพราะตอนเย็นมีคนช่วยเยอะแล้ว ” ทงเฮบอกพร้อมกับรอยยิ้มอ่อนๆพี่อีทึกไม่งอนหรอกพี่เขาใจดีจะตาย
“ อืม...แต่ฉันว่าจะกลับไปที่หอก่อนนะ ”
“ นายลืมของเหรอ ” คิ้วเรียวเลิกขึ้นเพราะปกติแล้วหลังจากเลิกเรียนพวกเขาจะตรงไปที่ร้านและจะกลับหอครั้งเดียวตอนเลิกงานเลย
“ อืม...ฉันลืมของขวัญวันเกิดพี่มยองซูน่ะ ”
“ โอเคงั้นเดี๋ยวเราออกไปเร็วหน่อยก็แล้วกัน ”
ดูเหมือนทงเฮเองก็พึ่งนึกขึ้นมาได้ว่าวันนี้เป็นวันเกิดของผู้จัดการร้านเมื่อวานหลังจากเลิกงานร่างบางกับซองมินจึงช่วยกันไปเลือกซื้อของเล็กๆน้อยๆเพื่อเป็นของขวัญให้กับพี่มยองซูพี่ผู้จัดการร้านผู้ใจดีซึ่งทงเฮกับซองมินรักและเคารพเหมือนพี่ชายอีกคน และถึงแม้ว่าราคามันอาจจะไม่แพงมากนักแต่มันก็แทนคำขอบคุณจากใจที่ผู้จัดการร้านดีกับพวกเขาทั้งสองคนมาโดยตลอด
เมื่อตกลงกันเรียบร้อยแล้วทั้งคู่ก็หันไปช่วยงานเพื่อนๆต่อ ตากลมมองดูพี่บัดดี้ของตัวเองที่ยืนทำหน้าเครียดอยู่อีกมุมก่อนจะระบายยิ้มอ่อนๆออกมา กลับก่อนสักครึ่งชั่วโมงพี่อีทึกคงไม่ว่าอะไรหรอกมั้งเดี๋ยวค่อยไปบอกพี่เขาอีกทีละกัน แต่ตอนนี้ให้พี่เขากับพี่แจจุงจัดการปัญหาภายในครอบครัวให้เรียบร้อยก่อนดีกว่าเพราะดูเหมือนว่าอีกนานกว่าที่พี่คังอินกับพี่ยุนโฮจะได้เป็นอิสระ เห็นพี่อีทึกใจดีแบบนี้แต่อย่าให้ได้บ่นก็แล้วกันเพราะหูคุณอาจพิการได้ ส่วนพี่แจจุงเห็นหน้าหวานๆแบบนั้นแต่บทจะโหดก็น่ากลัวใช่เล่นเหมือนกันนะ เห็นสภาพหมีหงอยของรุ่นพี่แล้วทงเฮก็อดที่จะสงสารไม่ได้
......................................
ความคิดเห็น