ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ~* It's love* ~ รักเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง [KiHae KyuMin etc. ]

    ลำดับตอนที่ #3 : แต่งงานกับผมนะครับ

    • อัปเดตล่าสุด 25 ส.ค. 53


        Loma_ p


        ในห้องซ้อมที่เงียบสงบมีชายหญิงสองคนกำลังนั่งเงียบกันอยู่  ห้องนี้เป็นห้องซ้อมของนักร้องของมหาวิทยาลัยคนทั่วไปแทบจะไม่มีสิทธ์เข้ามายุ่งเกี่ยวแต่สำหรับคิม คิบอมแล้ว มันคือข้อยกเว้น

     

         แต่งงานกับผมนะครับ

                   

        ในที่สุดคิบอมก็เอ่ยคำพูดที่เขากังวลตลอดทั้งวันออกมา  ชายหนุ่มคิดดีแล้วว่าจะขอแฟนสาวแต่งงาน เพราะถ้าหากว่าเขาต้องแต่งงานตอนนี้จริงๆอย่างน้อยๆก็ขอให้ได้แต่งกับผู้หญิงที่ตนรัก

     

        คุณว่าอะไรนะค่ะ

     

       ผมกำลังขอคุณแต่งงานไง

     

       ขอโทษนะคิบอม  พวกเรายังเป็นแค่นักศึกษาอยู่เลยนะ แล้วเราจะแต่งงานกันได้ยังไง คิบอมแกล้งล้อฉันเล่นใช่มั๊ยค่ะ

     

           ยุนอายังคิดว่าคิบอมแค่แกล้งล้อตนเล่น  ถึงแม้ว่าภายนอกร่างหนาจะดูเย็นชาแต่เวลาที่อยู่กับตนแล้วมักจะหาเรื่องมาล้อตนเล่นเสมอ

     

       ผมพูดจริงๆนะ ถ้ายุนอาไม่ตกลงเดือนหน้าผมต้องแต่งงานกับคนที่คุณย่าหาให้   สีหน้าของคิบอมนั้นดูจริงจังบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าสิ่งที่ตนพูดออกมานั้นไม่ใช่เรื่องล้อเล่น

     

        หญิงสาวดูจะอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน สิ่งที่ร่างสูงเอ่ยออกมาเมื่อกี้มันไม่ต่างอะไรเลยกับการคลุมถุงชน  เธอเข้าใจว่าคิบอมนั้นถูกคาดหวังจากคนในครอบครัว ร่างสูงคงจะอึดอัดอยู่ไม่น้อย  แต่อนาคตของเธอก็สำคัญเช่นกัน

     

        ขอโทษนะค่ะคิบอม  ฉันคงแต่งงานกับคุณไม่ได้เพราะถ้าหากว่าฉันแต่งงานกับคุณฉันก็แต่งทิ้งความฝันของฉันทั้งหมดใช่มั๊ยล่ะ เพราะการที่จะเป็นนักร้องที่จะประสบความสำเร็จได้นั้นต้องอาศัยความพยายามและทุ่มเทเป็นอยากมาก

     

       ยุนอาปฏิเสธคนรักออกไป แต่ไม่ใช่ว่าเธอไม่รักคิบอมแต่การเป็นนักร้องก็เป็นความฝันของเธอเช่นกัน  หญิงสาวรู้ว่าคิบอมเป็นคนที่มีเหตุผลพอที่จะไม่ยอมรับในเหตุผลของเธอ

     

       คิบอมเข้าใจฉันนะค่ะ   ยุนอากุมมือของร่างสูงไว้ ต้องการให้อีกคนเข้าใจ และดูเหมือนว่าร่างหนาจะเข้าใจเพราะคิบอมพยักหน้ารับ ถึงแม้ว่าสีหน้าจะแสดงออกว่าผิดหวัง

     

      แต่ว่าเราก็ยังเป็นเพื่อนกันได้นี่ค่ะ    ยุนอายิ้มน่ารักเพื่อให้อีกคนได้ผ่อนคลาย เธอรู้ดีว่าคิบอมหนักใจกับสิ่งที่คุณย่าหยิบยื่นมาให้

     

       ร่างสูงยิ้มตอบคนรักนี่เขาคงต้องทำใจยอมรับและแต่งงานกับคนที่คุณย่าหาให้สินะ  คิดแล้วมันน่าตลกชะมัด    คิม คิบอม  ชายหนุ่มที่เพียบพร้อมทุกอย่างมีสาวๆมาให้เลือกมากมาย แต่คู่ชีวิตของตัวเองกับไม่มีสิทธ์เลือกเอง

        หลังจากเลิกเรียนคิบอมเดินออกมาจากตึกด้วยใบหน้าที่ไม่สู้ดีนัก  เพราะหลังจากที่คุยกับแฟนสาวเรียบร้อยแล้วร่างสูงก็เอาแต่คิดถึงคำพูดของคุณย่าที่เอ่ยกับเขา

     

       คุณปู่ได้เลือกคู่ครองเอาไว้ให้หลานแล้ว ย่าว่ามันถึงเวลาที่เราจะต้องทำอะไรให้มันถูกต้อง

     

           ตลอดทางเดินนั้นมีเหล่าบรรดาแฟนคลับจำนวนมากมารอส่งร่างสูงพร้อมกับส่งเสียงกรี๊ดเหมือนดังเช่นทุกวัน   แต่วันนี้เสียงเหล่านั้นไม่กระทบโสตประสาทของร่างสูงเลยแม้แต่น้อย   ร่างหนาพ่นลมออกจากปากอย่างเบื่อหน่ายก่อนจะก้าวขึ้นรถที่บอดี้การ์ดจอดรออยู่ก่อนแล้ว  ก่อนที่ยานพาหนะคันหรูจะพุ่งออกจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว

                





       

        ในขณะที่บ้านหลังเล็กของทงเฮก็กำลังวุ่นวายเพราะมารดากำลังบ่นให้กับสามีที่รื้อข้าวของกระจัดกระจายจนรกบานเต็มไปหมด

     

       ตายแล้วๆทำไมบ้านฉันถึงได้เละแบบนี้

     

        คุณนายลีหันไปบ่นให้สามีที่ตอนนี้ยืนตัวลีบอยู่ข้าง  อันที่จริงคุณลีนั้นต้องการที่จะจัดบ้านใหม่แต่เพราะว่าภรรยากลับมาเร็วจึงมา เห็นสภาพที่มันยังไม่เข้าที่เข้าทาง

     

       ที่รักจ๊ะ อย่าพึ่งหงุดหงิดสิจ๊ะ

     

       ไม่ให้ฉันหงุดหงิดได้ยังไง กลับมาเหนื่อยๆแทนที่จะได้พักผ่อน ต้องมานั่งจัดบ้านบ้าบออะไรเนี่ย  แล้วนี่ทงเฮยังไม่กลับบ้านอีกเหรอ เจ้าลูกคนนี้นี่

     

      คุณนายลีหันมาแหวใส่สามี และเมื่อพบว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนยังไม่กลับมาจากโรงเรียนก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาทันที

     

      หนอยแหน่ะ  โทรไปก็ไม่ยอมรับโทรศัพท์อย่างนั้นเหรอ   คุณนายลีอารมณ์เสียใส่โทรศัพท์เมื่อลูกชายกดตัดสายก่อนจะโทรไปใหม่อีกครั้งแต่คราวนี้ทงเฮกดปิดเครื่องไปแล้ว

     

      โธ่เอ๊ย  พอเถอะคุณจะไปกวนอะไรลูกนักหนาเล่า

     

      คุณเคยเป็นห่วงเป็นใยลูกบ้างไหม ถ้าคุณเป็นห่วงลูกซักนิดแล้วนี่มันอะไร   คุณนายลีโยนใบแจ้งหนี้ต่างๆที่เจ้าหนี้ส่งมาให้ใส่สามี ที่เธอต้องทำงานใช้หนี้อยู่ทุกวันนี้เพราะสามีตัวดีดันไปเซ็นสัญญาค้ำประกันให้เพื่อน แล้วเพื่อนเบี้ยวหนี้ทุกอย่างเลยตกมาอยู่ที่ครอบครัวของเธอ

     

      คุณลีเปิดดูซองจดหมายที่ภรรยาโยนมาให้นับสิบซอง  ในใจก็กลัวว่าเจ้าหนี้จะมายึดบ้านของตนเพราะเดือนนี้เจ้าหนี้ส่งจดหมายมาเตือนสองครั้งแล้ว  ในขณะที่สองสามีภรรยากำลังนั่งกลุ้มกับจำนวนจดหมายทวงหนี้อยู่นั้นเสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดังขึ้น ทั้งคู่หน้าถอดสีเพราะกลัวว่าจะเป็นเจ้าหนี้

     

       มาหาใครครับ คุณคิมยกหูโทรศัพท์ขึ้นก่อนจะกรอกเสียงลงไปอย่างกล้าๆกลัวๆ

     

       เอ่อ  ผมมาจากบ้านตระกูลคิมครับ

     

       เอ๊ะ ตระกูลคิม   คุณลีแปลกใจอยู่ไม่น้อย  จะมีใครในประเทศนี้บ้างที่ไม่รู้จักตระกูลคิม ตระกูลที่มีอิทธิพลในทุกๆด้านของเกาหลี ว่าแต่คนของตระกูลคิมมาทำไมละเนี่ย  เพื่อไขข้อสงสัยให้กระจ่างคุณลีจึงเดินออกไปเปิดประตูให้  ในใจก็ยังหวั่นๆว่าจะเป็นพวกเจ้าหนี้ใช้ชื่อของตระกูลคิมมาอ้างหรือเปล่า

     

     

     

     

     

      เอ่อ  แต่ทางเรามีลูกชายคนเดียวนะครับ ไม่มีลูกสาว

     

       คุณลีเอ่ยกับคนของตระกูลคิมหลังจากที่รู้จุดประสงค์ที่ตระกูลคิมส่งผู้ชายของคนนี้มาเพื่อที่จะมาทวงสัญญาที่ปู่ของทั้งสองได้ตกลงกันไว้

     

       อันนี้ทางเราทราบครับ  แต่ทางเราไม่มีปัญหาอะไรครับ

     

      เอ๋  ผู้ชายแต่งงานกลับผู้ชายมันไม่แปลกไปหน่อยเหรอค่ะ เป็นคุณนายลีที่เอ่ยประโยคนี้ออกมา  ชายชุดดำสองคนหัวเราะก่อนที่จะเอ่ยคำสั่งของนายใหญ่ออกมา

     

       ไม่เป็นไรครับ  คุณนายคิมอยากพบตัวคุณลีทงเฮ  เร็วที่สุดครับ

     

       เร็วที่สุด สองสามีภรรยาอุทานออกมาพร้อมกัน  ถ้าลูกชายของเขารู้เรื่องมีหวังได้โวยวายบ้านแตกเป็นแน่

     

       ใช่ครับ  เราทราบมาว่าคุณหนูทงเฮเรียนที่เดียวเดียวกันกับคุณชายคิบอม  คิดว่าทั้งคู่คงจะเคยได้พบกันมาบ้างแล้ว

     

      ครับ/ค่ะ

     

      นี่คือนามบัตรของผม ถ้าทางคุณพร้อมเมื่อไหรติดต่อผมได้ทันทีนะครับ  ทางเราจะส่งรถมารับครับ

     

     

          เมื่อคนของตระกูลคิมกลับไปแล้วสองสามีภรรยาก็นั่งอึ้งอยู่นานสองนาน ไม่คิดว่าเรื่องที่คุณปู่ของทงเฮเล่านั้นคือเรื่องจริง แต่ที่น่ากังวลคือถ้าพ่อลูกชายหัวแก้วหัวแหวนรู้ว่าต้องแต่งงานกับผู้ชายด้วยกันมีหวังได้อาละวาดให้บ้านพังเป็นแน่

     

      




       " แม่ว่าไงนะฮะ"  ซองมินเอ่ยถามมารดาอีกครั้ง  ร่างอวบคิดว่าตนเองคงจะหูฝาดไปเองที่ได้ยินมาว่าแม่ของตนจะตามเจ้านายไปต่างประเทศ

       " แม่บอกว่าจะตามไปรับใช้คุณนายโจวที่ต่างประเทศสองเดือนจ๊ะ "

       " แล้วผมล่ะฮะ "

        ตั้งแต่เล็กจนโตซองมินก็อาศัยอยู่กับแม่สองคนเพราะพ่อนั้นเสียชีวิตตั้งแต่เค้าอายุได้สามเดือน  ถ้าแม่ไม่อยู่ก็แสดงว่าเค้าต้องอยู่คนเดียวน่ะสิ

       " แม่จะให้ลูกไปอยู่ดูแลคุณชายคยูฮยอนนะจ๊ะ"

       " คยูฮยอน  อิตาโจวคยูฮยอนเนี่ยนะ ไม่เอาอ่ะผมไม่ไปเด็ดขาด" ซองมินสั่นหัวปฏิเสธทันที  จะให้เค้าไปอยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับคนรวยเนี่ยนะ  ไม่มีทาง

       " แต่บ้านหลังนั้นมีบุญคุณกับเรามากนะลูก "  มารดาพยายามเกลี่ยกล่อมลูกชาย

        เธอยังจำได้ว่าเมื่อครั้งที่สามีเธอเสียชีวิตใหม่ๆ เธอสับสนมาก ทุกอย่างในชีวิตมันมืดมนไปหมด ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นตรงไหน  ยังดีที่คุณโจวเจ้านายของสามียื่นมือมาช่วยเหลือ  ไม่อย่างนั้นเธอก็ไม่รู้ว่าป่านนี้ชีวิตของเธอกับลูกจะเป็นยังไงบ้าง

       " คนรับใช้บ้านนั้นก็มีเยอะแยะ  ยังกะจะเอาไว้ไปซ้อมรบนี่ฮะ " ซองมินเอ่ยตามจริง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เข้าไปในบ้านหลังนั้นบ่อยมากนัก  แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เคยเข้าไป แล้วเหตุผลสำคัญคือเค้าไม่ถูกชะตากับคนรวย

       " แต่ลูกคือคนที่แม่ไว้ใจมากที่สุดนะ" 

       " แต่ผมไม่อยากไปนี่ฮะ  หมอนั่นโตแล้วไม่เห็นต้องมีคนดูแลเลย "

      " ลี ซองมิน ทำไมลูกถึงดื้อรั้นแบบนี้  แม่ไม่เคยสอนให้ลูกเป็นคนแบบนี้นะ "  มารดาเอ่ยเสียงแข็ง ปกติเธอไม่ค่อยจะใส่อารมณ์กับลูก  แต่เมื่อซองมินยังเป็นแบบนี้เธอจึงต้องใช้ไม้แข็งบ้าง

       เมื่อเห็นว่ายังไงมารดาก็คงต้องบังคับให้เค้าไปอยู่ดูแลคุณชายโจวให้ได้  ก็เสียเวลาเปล่าที่จะต่อรองเพราะเขารู้ว่ามารดานั้นถ้าหากเอาจริงขึ้นมาแล้วน่ากลัวแค่ไหน

       " แล้วแม่จะไปวันไหนฮะ "  

      " อีกสองวันจ๊ะ " เมื่อเห็นว่าลูกชายเริ่มใจอ่อน คุณแม่ก็ยิ้มอย่างพอใจ

       ร่างอวบได้แต่ปลงตกในชะตาชีวิตนี่แหละน๊าที่เค้าว่าเกลียดอะไรมักจะได้อย่างนั้น  แต่เท่าที่ดูจากที่เคยเจอคุณชายโจวคยูฮยอนนั่นที่มหาวิทยาลัย ก็ดูเป็นคนที่ติดดินไม่เรื่องมาก แต่ติดตรงที่ว่าชอบหว่านเสน่ห์ไปทั่ว  คงไม่ต้องมีอะไรมากหรอกมั้ง อีกอย่างเดี๋ยวนี้น่ะเวลาผ่านไปเร็วจะตาย สองเดือนมันก็แค่แปบเดียว

       " แต่ว่าลูกต้องไปพักที่นั่นนะ " 

      " ทำไมล่ะฮะ บ้านเราก็มี "

      " แม่ไม่ไว้ใจให้ลูกอยู่บ้านคนเดียวหรอก ไปอยู่ที่นั่นแม่จะได้สบายใจ คุณนายโจวท่านก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร "

      " แต่ผมอยากอยู่บ้านนี่ฮะ ผมคิดถึงบ้าน "

      " แต่แม่เป็นห่วงลูกนะจ๊ะ "

       ประโยคที่มารดาเอ่ยออกมานั้นทำให้ซองมินพูดไม่ออก ทำไมเค้าจะไม่รู้ล่ะว่าแม่คนนี้เป็นห่วงเค้ามากแค่ไหน ตั้งแต่เล็กจนโตไม่มีการกระทำครั้งไหนที่มารดาแสดงออกว่าไม่เป็นห่วงเค้า เพื่อความสบายใจของคนเป็นแม่ซองมินจึงไม่คิดที่จะปฏิเสธ

      " ก็ได้ฮะ ถ้าผมไปอยู่ที่นั่นแล้วทำให้แม่สบายใจ "

       ร่างอวบโผเข้ากอดมารดา  ใจจริงแล้วก็ไม่อยากจะห่างแม่ไปไหนเพราะในโลกนี้พวกเค้าก็มีกันอยู่แค่สองคน แม่เป็นญาติคนเดียวที่เค้ามีในชีวิต  ซองมินจึงตั้งใจทำทุกอย่างให้แม่ภูมิใจ

       " พรุ่งนี้แม่จะพาซองมินไปพบคุณนายโจวนะลูก "






       " หลบ เว้ยหลบ " 

       ฮีชอลกำลังวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในตัวอาคาร  วันนี้ร่างบางตั้งใจตื่นเช้าเป็นพิเศษเพื่อที่จะมาลอกงานเพื่อนให้ทันส่ง  ตอนเช้าอย่างนี้คนไม่พลุกพล่านมากนัก เหมาะแก่การลอกงานเป็นอย่างยิ่ง

      " หลบด้วย หลบด้วย " ร่างบางตะโกนบอกร่างสูงที่เดินถือกระเป๋าอยู่ข้างหน้า แต่ดูเหมือนว่ามันจะช้าเกินไปเพราะคนสวยนั้นวิ่งมาด้วยความเร็วเหนือแสง ส่วนชายหนุ่มที่อยู่ข้างหนาก็ความรู้สึกช้าเหลือเกินเพราะกว่าที่จะรู้ตัวก็ตอนที่คนสวยวิ่งชนซะแล้ว

       ร่างสองร่างลงไปกองอยู่ที่พื้นโดยที่คนสวยนั้นนอนทับอยู่ข้างบน เพราะความเร็วที่ร่างบางวิ่งมานั้นทำให้พุ่งชนชายหนุ่มอย่างแรง ริมฝีปากของทั้งคู่สัมผัสกันโดยไม่ได้ตั้งใจ  เกือบสามสิบวินาทีที่นั่งสองนอนทับกันอยู่อย่างนั้นท่ามกลางความตกใจของคนที่อยู่บริเวณนั้น เมื่อสติกลับมา ฮีชอลรีบลุกขึ้นทันทีก่อนที่ร่างสูงของชายหนุ่มจะลุกขึ้นตาม

       " ขะ โทษ พอดีชั้นรีบไปหน่อยน่ะ " เพราะคิดว่าคนตรงหน้าคงจะเป็นรุ่นน้อง ร่างบางเลยเอ่ยออกไปแบบนั้น

       " ไม่เป็นไรครับ " ชายหนุ่มยิ้มให้อย่างสุภาพ  "แล้วคุณเจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ" 

      " ชะชั้นไม่เป็นไร แล้วนายล่ะ คงเจ็บน่าดูเลยเพราะชั้นก็ไม่ใช่เบาๆ"

       ชายหนุ่มหัวเราะกับประโยคที่ร่างบางเอ่ยออกมา  อยากจะบอกเหลือเกินว่าคุณไม่ได้หนักเลยสักนิด แต่เมื่อมองดูดีๆ ชายหนุ่มก็ต้องตะลึง ใบหน้าขาวสวย ตากลมโต จมูกโด่งได้รูป โอ้ว นี่มันนางฟ้าชัดๆ

      " ผมไม่เป็นไรครับ แค่นี้สบายมาก " ชายหนุ่มก้มหยิบกระเป๋าทั้งของตนเองและของร่างบางที่มันหล่นอยู่ที่พื้นก่อนจะส่งให้คนสวย

      " มาโรงเรียนเช้าจังนะครับ " ร่างโปร่งเอ่ยขณะที่อีกคนยื่นมือมารับกระเป๋า

       ฮีชอลกำลังจะตอบออกไปว่ารีบมาลอกงาน แต่เมื่อเห็นว่าร่างหนาถือหนังสือที่ไม่ใช่คณะเดียวกับตน  ก็เลยชะงักไม่อยากให้คนอื่นรับรู้ภาพพจน์แย่ๆของตน

      " ครับ อากาศยามเช้ามันสดชื่นดี " ตอบออกไป ทั้งที่จริงๆแล้ว มาเรียนเช้าแทบจะนับครั้งได้

      " เหมือนกันเลยครับ  คุณ เอ่อ "

      " ฮีชอลครับ คิมฮีชอล "

      " ยินดีที่ได้รู้จักครับ  ผมเชว ซีวอน "

      ร่างบางอยากจะตอบกลับไปเหลือเกินว่ารู้แล้วยะ  มีแต่คนที่อยู่หลังเขาเท่านั้นแหละที่ไม่รู้จักนาย ยิ่งเป็นเพื่อนสนิทกับคิบอมสุดที่รักแล้วด้วย คิมฮีชอลคนนี้ไม่พลาดแน่นอน

       แต่ก่อนที่สองคนจะได้คุยกันนานกว่านี้ โทรศัพท์เครื่องเล็กของฮีชอลก็แผดเสียงลั่น ก่อนที่เจ้าของเครื่องจะมีสีหน้าตกใจเพราะเบอร์ที่โชว์นั้นเป็นเบอร์ของซองมิน  ร่างบางลืมไปเลยว่าที่รีบมาแต่เช้าเนี่ยเพราะต้องรีบมาลอกงาน  นึกได้แค่นั้นก็รีบบอกลาชายหนุ่มตรงหน้าทันที ถึงแม้ว่าจะนึกเสียดายที่พลาดโอกาสตีสนิทกับซีวอนเพื่อเป็นสะพานให้เค้าได้ใกล้ชิดกับคิบอม แต่คนสวยก็ต้องยอมตัดใจเพราะถ้างานไม่เสร็จวันนี้มีหวังเค้าได้รับประทาน F เป็นแน่

       " พอดีว่าชั้นต้องรีบไป แล้วค่อยคุยกันใหม่นะ "

       ไม่รอให้อีกคนตอบคนสวยก็ใส่สปีดหมามุ่งตรงไปยังสถานที่นัดหมายกับซองมินทันที เพราะเดาออกเลยว่าเจ้ากระต่ายอวบนั่นจะโวยวายแค่ไหนที่ปล่อยให้รอ


    ________________________________________________________________________________________________________
    Talk

      มีคนถามว่า ฟิคเรื่องนี้แปลงมาจาก เรื่องเจ้าหญิงวุ่นวายกับเจ้าชายเย็นชารึเปล่า  ถูกต้องแล้วค๊าบบบ

      แต่ว่าจะมีคู่ของคยูมิน แล้วก็วอนซินมาช่วยเติมให้ฟิคเรื่องนี้มีสีสันมากขึ้น

     ยังไงก็ฝากฟิคเรื่องนี้กับรีดเดอร์ที่น่ารักทุกคนด้วยนะค่ะ ^_^

     สุดท้ายขอบคุณทุกคนทึ่คลิ๊กเข้ามาค่ะ

      

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×