คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1
วันเปิดภาคการศึกษาของมหาวิทยาลัยชื่อดังในกรุงโซลดูคึกคักเป็นพิเศษ นักศึกษาตั้งแต่ชั้นปีที่สองขึ้นไปต่างพร้อมใจกันมาร่วมกิจกรรมในวันนี้อย่างล้นหลามทุกคนต่างตื่นเต้นกับสถานที่แห่งนี้
“ โอ้ พระเจ้าในที่สุดก็ได้ย้ายมาเรียนที่นี่ซะที ” ทันทีที่ก้าวเข้ามาในรั้วมหาวิทยาลัยเยซองก็ดีใจจนออกนอกหน้าดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะดีใจมากที่ได้ย้ายมาเรียนที่วิทยาเขตใหญ่ซะที
ธรรมเนียมของมหาวิทยาลัยแห่งนี้คือนักศึกษาที่สามารถมาเรียนที่วิทยาเขตใหญ่ได้นั้นจะต้องเป็นนักศึกษาตั้งแต่ชั้นปีที่สองขึ้นไปเท่านั้น ส่วนนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่งต้องไปเรียนอีกวิทยาเขตซึ่งจะมีเพียงนักศึกษาน้องใหม่ด้วยกันทั้งนั้นแต่ก็จะมีรุ่นพี่แวะเวียนไปให้คำปรึกษาอยู่บ่อยๆ ทั้งนี้ก็เพื่อให้คนที่พึ่งก้าวผ่านช่วงมัธยมได้ใช้เวลาปรับตัวกับการใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยอีกทั้งเป็นการให้เวลาทุกคนได้รู้จักและเรียนรู้เพื่อนใหม่ๆ
“ เว่อร์ไปๆอะไรจะดีใจขนาดนั้น ” คยูฮยอนที่เดินเข้ามาพร้อมกันส่ายหน้าด้วยความระอาไม่ว่าจะเรื่องอะไรเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่เยซองมันได้โอเว่อร์ทุกทีสิน่า รู้ว่าเยซองไม่อายแต่เคยคิดที่จะถามเพื่อนที่เดินมาด้วยกันมั๊ยว่าพวกเขาอายหรือเปล่า โจว คยูฮยอนขอตอบไว้ตรงนี้เลยว่าอายมาก
“ ใช่ๆ ทำอย่างกับพึ่งจะเข้าปีหนึ่งอย่างนั้นแหละ ” ฮันคยองเห็นด้วย
“ นี่มันยิ่งกว่าเข้าปีหนึ่งใหม่ๆซะอีกนะเว้ย ” ว่าพลางเดินนำเพื่อนๆไปที่โต๊ะม้าหินอ่อนหน้าคณะซึ่งคาดว่าต่อไปนี้มันคงเป็นที่ประจำของพวกเขาแน่นอน
“ หมายความว่าไงวะ ” คยูฮยอนโยนกระเป๋าลงบนโต๊ะก่อนจะนั่งตามลงไป นอกจากที่นี่จะอยู่ในเมืองกว่าตอนที่พวกเขาอยู่ปีหนึ่งแล้วคยูฮยอนก็ไม่เห็นว่ามันจะมีอะไรน่าตื่นเต้นเลย
“ ก็ได้เจออะไรใหม่ๆไง พวกมึงอย่าลืมนะเว้ยว่าที่นี่ไม่ได้มีแต่รุ่นพวกเราแล้วและที่สำคัญ..... ” เยซองเว้นวรรคเอาไว้แล้วมองไปรอบๆด้วยรอยยิ้มสื่อความหมาย
ฮันคยองวาดยิ้มเจ้าเล่ห์ทันทีที่รู้ว่าเพื่อนรักหมายถึงอะไรก่อนจะช่วยต่อประโยคของเยซองให้จบ“ สาวๆสวยๆเพียบ ”
“ นั่นล่ะคือเรื่องสำคัญ ”
เยซองดีดนิ้วดังเปาะเพราะฮันคยองพูดถูก ใช่ว่าตอนอยู่ปีหนึ่งจะไม่มีสาวๆสวยๆแต่มันเทียบกันไม่ได้เลยเพราะอยู่ที่นี่มีเยอะกว่าเห็นๆ เขานั่งนับวันรอให้เรียนจบปีหนึ่งเร็วๆก็เพราะเรื่องนี้แหละ
“ ว่าแต่คิบอมยังไม่มาอีกเหรอวะ ใกล้ถึงเวลาเข้าประชุมแล้วนะ ” นั่งไปสักพักคยูฮยอนก็รู้สึกว่าเหมือนขาดอะไรไปอย่างก่อนจะนับดูจำนวนเพื่อนในกลุ่มว่าแล้วไงที่แท้ก็ยังมาไปครบนี่เอง และก็ยังคงเป็นคุณชายสายเสมอคนเดิมที่ยังไม่มาอีกสิบหน้านาทีกิจกรรมก็จะเริ่มแล้วด้วย
“ เมื่อกี้โทรไปมันบอกว่าถึงแล้วกำลังหาที่จอดรถอยู่ ” ฮันคยองบอกเพราะเมื่อกี๊เขาพึ่งคุยโทรศัพท์กับคิบอมเสร็จ
“ น่าเสียดายเนอะ คิบอมมันน่าจะได้อยู่หอกับพวกเรา ” เยซองว่า ร่างสูงอดที่จะเสียดายไม่ได้นี่ถ้าคิบอมได้มาอยู่หอด้วยกันคงจะสนุกกว่านี้
“ เห็นมันบอกปีสามแม่จะให้มาอยู่หอนี่” คยูฮยอนบอกเพราะเคยได้ยินคิบอมพูดแบบนี้จริงๆ
“ พนันกับกูมั๊ย กูว่าไม่ได้มาอยู่พันเปอร์เซ็นต์ที่บ้านเล่นหวงซะขนาดนั้น ”
“ กูเห็นด้วยๆ ”
เยซองบอกด้วยความมั่นใจโดยมีฮันคยองเห็นด้วยอีกคน ตอนปีหนึ่งก็เห็นมันพูดแบบนี้แหละบอกว่าเดี๋ยวปีสองก็จะย้ายมาอยู่หอแต่พอเอาเข้าจริงๆก็ไม่ผ่านการอนุมัติจากที่บ้าน ไม่รู้ว่าบ้านนี้จะห่วงลูกอะไรกันนักกันหนาเยซองว่าแทนที่จะมานั่งห่วงลูกเอาเวลาไปนั่งห่วงคนอื่นดีกว่าไหมว่าวันนี้คิบอมมันจะพิเรนไปแกล้งชาวบ้านชาวช่องที่ไหนหรือเปล่า
“ นั่นไงมานั่นแล้ว ” ร่างสูงที่กำลังโดนนินทาเดินเข้ามาภายในคณะมือข้างหนึ่งถือกระเป๋าซึ่งถ้าเยซองเดาไม่ผิดในนั้นคงมีแค่ปากกาหนึ่งด้ามแล้วก็ipodแค่นั้นแหละเขาไม่คิดว่าคิบอมมันจะเอาอะไรติดตัวมาเรียนหรอกส่วนอีกข้างก็กดโทรศัพท์ยิกๆสงสัยว่ากำลังจะโทรหาเพื่อน “ เฮ้ ! ทางนี้ ไอ้บวม ทางนี้โว้ย ”
คิบอมเงยหน้าขึ้นมองตามเสียงก่อนจะทำหน้าเซ็งเมื่อได้ยินสรรพนามที่เพื่อนใช้เรียก “ มึงจะเรียกชื่อกูดีๆสักวันไม่ได้เลยรึไง ”
“ ไม่ได้ มาสายนะมึง ” เยซองยักคิ้วกวนๆอยากให้เรียกดีๆมึงก็ไปลดส่วนเกินบนแก้มมึงก่อนสิถ้ามึงทำได้กูก็จะเรียกชื่อมึงดีๆเหมือนกัน
คิบอมยักไหล่ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งตรงที่ว่างด้วยท่าทางสบายๆ“ ไม่ได้สาย กูเป็นคนตรงต่อเวลาเขานัดตอนไหนก็มาตอนนั้น ”
“ เหรอ อ อ ” สามเสียงลากพร้อมกันยาวๆ ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมาเห็นมันสายตลอดล่ะหมอนี่น่ะ
“ เออ...แล้วมาถึงนานแล้วเหรอ ” คุณชายคิมตอบกลับหน้าตายไม่สะทกสะท้านกับสีหน้าประชดประชันของเพื่อนเลยแม้แต่น้อย
“ นานพอที่จะนินทาใครบางคนได้ก็แล้วกัน ”
“ นินทากูอีกแล้วล่ะสิ พวกมึงนี่มันไว้ใจไม่ได้เลย ” คิบอมบอกอย่างคนรู้ทัน พวกนี้มันไว้ใจไม่ได้เลยจริงๆเห็นเขาหล่อกว่าล่ะสิแต่มันช่วยไม่ได้นี่นาก็พ่อแม่ให้มาแบบนี้
“ ใครบอก พวกกูไม่ได้บอกซะหน่อยว่านินทามึง ” คยูฮยอนตอบหน้าตาเฉย พวกเขายังไม่ได้บอกซะหน่อยว่านินทาคิบอม อย่างนี้แหละคนมันแกล้งชาวบ้านไว้เยอะก็ต้องร้อนตัวเป็นธรรมดา
“ ใช่ๆมึงอ่ะร้อนตัว ”
“ ตกลงกูผิด ” คิบอมทำหน้างง แหมๆได้ทีรุมกันใหญ่เลยนะพวกมึง
“ มึงไม่เคยถูกเลยต่างหากล่ะ ” เยซองช่วยแก้ให้ใหม่ คิบอมไม่ได้ผิดแต่คิบอมไม่เคยถูกเลยต่างหากล่ะ
“ เยซองมึงก็ไปว่าคิบอมมันคนไม่ได้อยู่หอกับเพื่อนมันก็ต้องร้อนตัวเป็นธรรมดา ” แรกๆเหมือนจะช่วยนะแต่สุดท้ายฮันคยองก็ช่วยจริงนั่นแหละแต่ช่วยทับถมอีกแรงก็อย่างว่าคนมันไม่ได้อยู่หอแถมเคยแกล้งคนอื่นไว้เยอะมันก็ต้องร้อนตัวเป็นธรรมดา
“ ก็แค่อยู่หอ แล้วไงอ่ะอยู่บ้านสบายกว่าเยอะ ” คิบอมยักไหล่ทำเป็นไม่แคร์ทั้งๆที่ในใจอยากจะมาอยู่หอจะแย่
“ ใช่ๆอยู่หอมันจะไปสบายสู้อยู่บ้านได้ยังไงล่ะ ไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจเลยก็แค่เมื่อคืนพวกกูนั่งเล่นเกมส์กันถึงเช้าก็แค่นั้น ”
“ กวนตีนแล้วมึง”
คิบอมตีหน้าเซ็งเมื่อเพื่อนยกเรื่องที่หอพักมาคุยอวด จะตอกย้ำกันไปถึงไหนครับคุณเพื่อนพวกคุณมึงก็รู้ว่าคุณกูอยากจะมาอยู่หอใจจะขาด
สามคนที่เหลือหัวเราะสะใจเมื่อสามารถทำให้คุณชายคิมคิบอมหงุดหงิดได้ มันสะใจจริงๆนะเวลาที่เห็นคิบอมหงุดหงิดเพราะไม่ได้ดั่งใจมันเหมือนเด็กๆที่ไม่ได้ของเล่นที่อยากได้ยังไงยังงั้น แต่หัวเราะอยู่ดีๆเยซองก็หันไปเจอกับอะไรเข้าตาตี่ๆเบิกกว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้ด้วยความตื่นเต้น
“ เฮ้ย นั่นมันรุ่นพี่ทงเฮคนสวยนี่หว่า ว้าว สวยกว่าตอนที่เจอกันครั้งแรกอีกวุ้ย ” ได้ยินอย่างนั้นฮันคยองกับคยูฮยอนก็หันไปมองด้วยความตื่นเต้นไม่แพ้กันจะมีก็แต่คิบอมที่แหละที่ไม่รู้เรื่องอะไรกับเขาเลย
“ คนไหน ทำไมกูไม่เคยเจอ” คิ้วหนาขมวดมุ่นก่อนจะพยายามมองหาคนที่เยซองเรียกว่ารุ่นพี่ทงเฮแต่มองยังไงก็ไม่เจอเพราะไม่รู้ว่ารุ่นพี่คนนั้นหน้าตาเป็นยังไง
“ นั่นไงๆ ที่เดินมาด้วยกันสองคนน่ะแต่ไม่ใช่คนที่อวบๆหน่อยนะคนนั้นน่ะชื่อพี่ซองมิน ก็ตอนนั้นมึงกลับบ้านก่อนก็เคยไม่ทันได้เจอพี่เขา ” เยซองบอกรายละเอียดราวกับว่าสนิทกับรุ่นพี่ร่างบางทั้งสองคน
พี่ทงเฮกับพี่ซองมินเคยไปที่วิทยาเขตเล็กนั้นครั้งหนึ่งซึ่งเป็นวันเดียวกับวันที่คิบอมโดดเรียนหนีกลับบ้านก่อนก็เลยไม่ได้เจอ
“ อ่อ ”
คิบอมพยักหน้ารับก่อนจะมองตามสายตาของเพื่อนๆไป เดินมาสองคนไม่ใช่คนที่อวบๆงั้นก็ต้องเป็นคนนั้นน่ะสิ อืม..ก็สวยดีนี่ว่าแต่เป็นผู้ชายจริงเหรอบ้าน่าผู้ชายอะไรจะหน้าหวานขนาดนั้นเป็นทอมรึเปล่าวะ ขณะที่สมองกำลังสับสนว่าแท้จริงแล้วรุ่นพี่ทงเฮนั้นเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายสายตาคมก็ไปสะดุดกับอะไรบางอย่างเข้าแค่เพียงเสี้ยววินาทีที่ร่างบางหันมาแต่คิบอมก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง
ดวงตาคู่นั้นมันสวยก็จริงแต่ทำไมมันถึงได้ดูเศร้านักล่ะ
บรรยากาศหน้าคณะบริหารธุรกิจคึกครื้นไปด้วยเสียงกลองที่ตีเป็นจังหวะเข้ากับเสียงร้องเพลงของรุ่นพี่ที่มารอรับรุ่นน้องอยู่หน้าคณะ เด็กปีสองเริ่มทยอยกันเข้ามายังสถานที่ที่เตรียมไว้ทุกคนเดินไปลงชื่อและรับป้ายชื่อกับรุ่นพี่ที่โต๊ะลงทะเบียนก่อนจะเดินไปนั่งรออย่างเป็นระเบียบ
“ สวัสดีครับรุ่นน้องทุกคน ยินดีต้อนรับเข้าสู่วิทยายาเขตใหญ่ครับ ” เสียงรุ่นพี่ร่างใหญ่กล่าวต้อนรับน้องๆผ่านโทรโข่งเรียกเสียงปรบมือจากน้องๆที่นั่งรอด้วยความตื่นเต้น
“ เอาล่ะ ตอนนี้พี่ว่าคงจะมากันครบหมดทุกคนแล้วเรามาเริ่มกิจกรรม....น้องครับ น้อง ” เสียงทุ้มที่กำลังจะบอกว่ากิจกรรมวันนี้มีอะไรบ้างชะงักลงคิ้วหนาขมวดมุ่นก่อนจะเรียกรุ่นน้องผู้ชายสี่คนที่เพิ่งเดินเข้ามา
คนถูกเรียกทั้งสี่คนมองหน้ากันไปมาก่อนจะชี้เข้าหาตัวเองเพื่อถามให้แน่ใจว่าเมื่อกี๊เรียกพวกเขาใช่ไหม
“ ใช่ครับ...น้องสี่คนนั่นแหละเชิญทางนี้หน่อยครับ ” คิม ยองอุนหรือที่ใครๆต่างก็เรียกว่าพี่คังอินส่ายหน้าเอือมๆเมื่อเห็นว่าทั้งสี่คนเป็นใคร เด็กแสบพวกนี้มาวันแรกก็ออกลายซะแล้ว
“ พี่เรียกพวกผมเหรอฮะ ” เมื่อเดินมาถึงแล้วเยซองก็เอ่ยถามไม่ได้มีสีหน้ารู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อยที่ตัวเองมาสาย ตรงกันข้ามกลับส่งสายตาเจ้าชู้ไปให้รุ่นพี่ผู้หญิงที่นั่งอยู่ด้านหลัง
“ ใช่ครับ....รู้ใช่ไหมว่าพวกเรามาสาย ” คังอินยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาให้ทั้งสี่ดูหวังจะให้พวกมันสำนึกผิดแต่เปล่าเลยนอกจากจะไม่สำนึกแล้วพวกมันยังยืดอกรับหน้าระรื่นอีกต่างหาก
“ ครับ”
“ พี่นัดพวกเราเก้าโมงใช่ไหม แล้วทำไมถึงมาสายช่วยบอกเหตุผลพี่หน่อยสิ ”
“ รอเพื่อนครับ”
“ รอเพื่อนเหมือนกันครับ ”
“ ผมก็รอเพื่อนเป็นเพื่อนพวกมันเหมือนกันครับ ”
เยซอง ฮันคยอง คยูฮยอนตอบเป็นคำตอบเดียวกันก่อนจะชี้ไปยังคนที่ยืนอยู่ท้ายสุดเพื่อบอกว่าพวกผมรอมันคนเดียวเลยครับ คิบอมตาโตทันทีที่หันไปแล้วเห็นว่านิ้วยาวของเพื่อนทั้งสามคนชี้มาหาตัวเองเอาแล้วไงโยนขี้มาให้แล้วไง
“ อ่อ งั้นเหรอครับ ” คังอินเอามือไขว้หลังก่อนจะเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าคนที่เป็นต้นเหตุให้เพื่อนต้องมาสายตาเรียวอ่านดูป้ายชื่อที่รุ่นพี่พึ่งจะเอามาแขวนให้เมื่อสักครู่
“ เพื่อนเขาบอกว่ารอเราคนเดียวจริงหรือเปล่าครับน้อง คิมคิบอม ”
“ จริงครับ ” คิบอมจ้องหน้ารุ่นพี่คังอินไม่หลบตาปากหยักยกยิ้มหากแต่เป็นรอยยิ้มกวนประสาทที่สุดในสายตาของคังอิน แหมๆทำเป็นเข้มนะเฮียหมีกลัวตายล่ะ ทำเป็นได้ใจไปเถอะเดี๋ยวอีกไม่นานคิมคิคนนี้จะเอาคืนให้ดู
“ ตื่นสายเหรอ ทำไมถึงต้องให้เพื่อนรอ ” เดาเหมือนจะรู้คำตอบอยู่แล้ว
“ เปล่าครับ ” คิบอมตอบก่อนตาคมที่เลยมีแววซุกซนจะเปลี่ยนเป็นเศร้า “ ผมต้องช่วยพ่อกับแม่เปิดร้านครับเพราะท่านก็แก่มากแล้วไม่มีคนช่วย ”
ว่าแล้วก็เริ่มตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จว่าตัวเองต้องตื่นตั้งแต่ตีสี่เพื่อไปช่วยแม่จ่ายตลาดกลับมาก็เกือบหกโมงแล้วก็ต้องจัดโต๊ะเตรียมเปิดร้านกว่าจะออกจากบ้านก็แปดโมงครึ่งเข้าไปแล้ว เรียกคะแนนสงสารจากคนที่ได้ฟังยกเว้นก็แต่สี่คนที่รู้ดีกว่าเรื่องจริงเป็นยังไง
“ คังอินอย่าทำโทษน้องเขาเลยนะ น้องเขาน่าสงสารออก ” รุ่นพี่ผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้นเพราะปกติแล้วถ้าหาก รุ่นน้องมาสายจะมีการทำโทษเล็กๆน้อยๆ
คังอินอ้าปากพะงาบๆกำลังจะบอกว่าอย่าไปเชื่อมันไอ้นี่มันตอแหลแต่ก็มีเสียงเพื่อนๆหลายคนเห็นด้วยร่างสูงได้แต่เข่นเขี้ยวอยู่ในใจก่อนจะทำได้เพียงฝากเอาไว้ก่อนแต่ถ้ามีคราวหน้าน่ะอย่าหวังว่าจะโชคดีแบบนี้
ทำไมคังอินจะไม่รู้ว่าฐานะทางบ้านที่แท้จริงของคิบอมเป็นยังไงเพราะเขากับเจ้าแก้มป่องน่ะเป็นญาติสนิทชนิดที่เรียกว่าแก้ผ้าอาบน้ำมาด้วยกันเลยล่ะเขาถึงไม่เชื่อเรื่องที่คิบอมพูดเมื่อกี๊เลยสักนิดเพราะถ้าจะให้พูดจริงๆแล้วไอ้หมอนี่น่ะมันโคตรรวยเลยต่างหาก
แต่จะว่าคิบอมโกหกก็ไม่ถูกซะทีเดียวเพราะแม่มันซึ่งเป็นอาของคังอินนั้นก็มีร้านอาหารจริงๆแต่เป็นร้านอาหารในเครือโรงแรมที่เป็นหุ้นส่วนอยู่ต่างหากล่ะเพราะฉะนั้นตัดไปได้เลยเรื่องที่ว่าตื่นตั้งแต่ตีสี่ไปช่วยแม่ซื้อของน่ะมันตอแหลชัดๆ
“ โอเค ครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกพี่จะไม่ลงโทษแต่อย่าให้มีครั้งต่อไปก็แล้วกัน ไปนั่งได้ ” คังรีบสรุปก่อนจะดีดหูเจ้าตัวแสบที่ยักคิ้วอย่างผู้มีชัยไปหนึ่งที
สี่เพื่อนรักแตะมือกันก่อนจะหันไปยักคิ้วกวนๆเป็นการขอบคุณให้กับรุ่นพี่คังอิน ร่างหนามองตามเด็กหนุ่มทั้งสี่ไปด้วยความหนักใจเห็นทีว่าความสงบของคณะบริหารคงต้องถึงกาลอวสานแล้วล่ะ
“ เอาล่ะครับน้องๆกิจกรรมของวันนี้คือ........ ” คังอินเลิกสนใจเด็กแสบพวกนั้นแล้วหันไปแจ้งตารางกิจกรรมของวันนี้กับรุ่นน้องคนอื่นๆ
แต่ถึงจะบอกตัวเองว่าอย่าไปสนใจกับเจ้าพวกนั้นแต่มันก็อดไม่ได้ที่จะหันไปปรามเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะชอบใจของใครคนใดคนหนึ่งเวลาที่เล่นเกมส์ชนะ สรุปว่าพวกนั้นมันไม่สนใจสิ่งที่เขาพูดเลยใช่ไหมเพราะในมือของแต่ละคนมีเกมส์คนละเครื่อง ฮึ่ม ! เจ้าพวกนี้นี่
“ เฮียหมีๆ Come here please ” เสียงกวนประสาทดังออกมาจากกลุ่มของเจ้าแก้มป่องที่ยังปักหลักนั่งอยู่ที่เดิมในขณะที่คนอื่นแยกออกไปทำธุระส่วนตัวเพราะตอนนี้เป็นเวลาพัก
คังอินหน้ามุ่ยเมื่อได้ยินสรรพนามที่เจ้าแก้มป่องใช้เรียกพร้อมกับกวักมือเรียกให้เขาไปหา ร่างหนามองไปรอบๆก็เห็นว่าบางคนกำลังยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะ เฮียหมีของเจ้าแก้มบวมเดินหน้าตูมเข้าไปหาคนที่กำลังหัวเราะชอบใจอยู่กับเพื่อนๆ
“ มีอะไรไอ้ตี๋ แกเรียกแบบนี้เดี๋ยวรุ่นน้องได้หมดความเคารพในตัวฉันพอดี ” คังอินว่าก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้างน้องชายแล้วจะเบิ๊ดกะโหลกไปหนึ่งทีรวบยอดกับตอนเช้าด้วยเลย
“ ร้อนอ่ะ ติดแอร์ให้ได้ป่ะ ” ตอบกวนๆพร้อมกับยกมือขึ้นโบกไปมาเผื่อมันจะช่วยให้คลายร้อนได้บ้าง แต่พอทนไม่ไหวก็ค้นเอาสมุดเล่มบางในกระเป๋าคยูฮยอนขึ้นมาพัดซะเลย
“ ให้มันน้อยๆหน่อยที่นี้มหาวิยาลัยไม่ใช่ที่บ้าน ” คังอินปรามน้องชาย
คิบอมหัวเราะออกมาเบาๆอันที่จริงเขาก็แค่พูดเล่นไปงั้นแหละรู้อยู่แล้วว่าเฮียหมีทำให้ไม่ได้หรอกมีปัญญาหาแฟนได้ด้วยตัวเองก็เก่งแค่ไหนแล้ว
“ ต่อไปทำอะไรอ่ะเฮีย ”
“ นี่แกไม่ได้ฟังที่ฉันพูดเลยใช่ไหมเนี่ย ” คังอินถามกลับอย่างเหลืออด ไอ้ที่เขาพูดจนปากจะฉีกถึงรูหูเนี่ยมันไม่ได้ฟังเลยใช่ไหม
“ ก็ฟังแหละ ....แต่มันไม่ค่อยได้ยิน ” คิบอมพร้อมเสียงหัวเราะเบาๆ เห็นเขาเหมือนไม่สนใจแต่จริงๆเขาฟังนะแต่มันไม่ค่อยได้ยินเพราะมัวแต่เอาสมาธิไปจดจ่ออยู่กับเกมส์ เพราะถ้าหากว่าเขาเผลอเมื่อไหร่มีโอกาสแพ้ได้ทุกเมื่อ
“ แกนี่มันจริงๆเลย ” คังอินไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาพูดแล้วได้แต่ส่ายหน้าปลงๆ “ ต่อไปเขาจะบอกพี่บัดดี้”
“ พี่บัดดี้เหรอฮะ ” ประโยคนี้ไม่ใช่ของคิบอมหรอกหากแต่มันเป็นของเยซองที่หูผึ่งทันทีที่ได้ยินคำว่าพี่บัดดี้ สาธุ ขอให้พี่บัดดี้เขาเป็นผู้หญิงด้วยเถิ๊ด
“ แล้วพี่บัดดี้เขามีไว้ทำไรอ่ะเฮีย ” คิบอมถามด้วยความสงสัย
“ ก็เอาไว้ดูแลแล้วก็ให้คำปรึกษาอะไรพวกนี้แหละ”
คิบอมพยักหน้าตามก่อนที่ตาคมจะเหลือบไปเห็นรุ่นพี่ทงเฮคนสวยแต่ตาเศร้านั่งคุยอยู่กับกลุ่มเพื่อน ใบหน้าสวยเปรื้อนรอยยิ้มหากแต่เป็นรอยยิ้มที่ไม่ได้ออกมาจากใจ ทันใดนั้นความคิดบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในสมองพร้อมกับรอยยิ้มซึ่งเป็นรอยยิ้มที่คังอินไม่ชอบเลยเพราะยิ้มแบบนี้ทีไรมันต้องก่อเรื่องให้เขาปวดหัวทุกที
“ เฮีย ช่วยอะไรผมอย่างหนึ่งสิ ” แขนแกร่งตวัดกอดรอบคอแกร่งของคนเป็นพี่ชายเอาไว้ก่อนที่คังอินจะแกะออกอย่างรวดเร็ว อยู่ที่บ้านจะกอดคอจะขี่หลังยังไงก็ได้แต่ที่มหาวิทยาลัยคังอินขอเถอะอย่างน้อยก็ไว้หน้าพี่บ้างอะไรบ้าง
“ ช่วยอะไร ” เอ่ยถามน้ำเสียงไม่ไว้ใจ อย่าว่าแต่คังอินเลย เยซอง คยูฮยอน ฮันคยองเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าเจ้านี่มันจะเล่นอะไรอีก
“ ผมอยากให้คนนั้นเป็นพี่บัดดี้อ่ะ ”
คังอินมองตามนิ้วเรียวของน้องชาย “ ทงเฮน่ะเหรอ ” ก่อนจะถามเพื่อความแน่ใจ
“ อืม....เฮียช่วยหน่อยนะ ” ว่าอ้อนๆพร้อมกับส่งสายตาน่าสงสารแต่ขอโทษคังอินไม่หลงกลหรอกนะจะบอกให้
“ โห ใช้เส้นเล่นของสูงเลยนะมึง ” เยซองแซว แหมๆเห็นว่าตัวเองเส้นใหญ่ได้ทีเล่นพี่ทงเฮคนสวยเลยนะ เขาไม่มีพี่เป็นประธานคณะบ้างให้มันรู้ไป
“ แน่นอน” คิบอมยักคิ้วก่อนจะหันไปเอาคำตอบกับเฮียหมี “ ว่าไงเฮีย ”
“ ไม่ได้หว่ะ เขาจัดเอาไว้แล้ว” คังอินบอกตามจริงก่อนจะหันไปถามเจ้าแก้มป่องสีหน้าจริงจัง “ นี่แกคิดจะทำอะไรของแก ”
“ ผมจะจีบพี่ทงเฮ ” ตอบแบบไม่ต้องคิดเรียกเสียงแซวจากเพื่อนที่เหลืออีกสามคน บ๊ะ ไอ้นี่คิดอยากจะจีบก็จีบเลยเจ๋งว่ะ “ ตกลงเฮียจะไม่ช่วยใช่ไหม ”
คังอินมองดูร่างบางที่น้องชายบอกว่าจะจีบก่อนจะส่ายหน้าบอกว่าเขาไม่เอาด้วยหรอก เพราะรู้นิสัยของคิบอม ดีว่าไม่ค่อยจริงจังกับใครเขาก็เลยไม่อยากสนับสนุน คังอินรู้จักทงเฮดีพอสมควรเพราะเป็นน้องบัดดี้ของอีทึกทงเฮน่าสงสารเกินไปถ้าหากว่าคิบอมคิดจะจีบเล่นๆ
“ แกอย่าไปยุ่งเลย ผู้หญิงสวยๆมีตั้งเยอะอีกอย่างฉันรู้มาว่าพี่บัดดี้แกสวยนะเว้ย ” คังอินพยายามพูดโน้มน้าวให้คิบอมเลิกคิดที่จะจีบทงเฮ
“ แต่ผมจะเอาคนนี้ ”บอกอย่างเอาแต่ใจ “ เฮียไม่ช่วยใช่ไหมได้งั้นผมจะบอกพี่ทึกกี้ว่าเมื่อคืนเฮียหนีไปเที่ยวกับพี่ยุนโฮ ” ในเมื่อไม่ช่วยดีๆก็ต้องงัดไม้ตายออกมาใช้รับรองได้ผลก็เฮียหมีมันกลัวเมียจะตายนี่นา “ พี่ทึกกี้ฮะ พี่อึกอี้ ”
เสียงทุ้มเอ่ยไม่เป็นภาษาเพราะมือหนาของคังอินยกขึ้นมาปิดปากเอาไว้ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับอีทึกที่หันมามองตามเสียงแล้วบอกว่าไม่มีอะไร คิบอมดิ้นแด่วๆอยู่ในอุ้งมือหมีเพราะหายใจไม่ออกนอกจากปิดปากแล้วยังปิดจมูกด้วยคิดจะฆ่ากันให้ตายเลยรึไง
“ แค่ก แค่ก โอ๊ย เฮียจะฆ่ากันให้ตายเลยรึไง ” คิบอมโวยวายทันทีที่หลุดพ้นจากอุ้งมือหมีออกมาได้ใบหน้าคมแดงกร่ำลามไปจนถึงใบหู
“ แล้วใครใช้ให้แกปากมากล่ะ ” คังอินบอกพร้อมกับสะบัดแขนแรงๆ คนอะไรวะแรงเยอะอย่างกับอะไรดิ้นแต่ละทีเล่นเอาจุก
“ แล้วใครบอกเฮียไม่อยากช่วยเองล่ะ ตกลงจะช่วยมั๊ยถ้าไม่ช่วยจะได้...... ”
“ เออๆ ช่วยก็ได้แล้วอย่าปากมากล่ะ ” คังอินแทรกขึ้นเมื่อเห็นว่าคิบอมกำลังจะเรียกอีทึกอีกครั้งสุดท้ายเขาก็ต้องยอมทำตามจนได้ เฮ้อ.... เขาไม่น่าพลาดให้คิบอมรู้เลยว่าเมื่อคืนออกไปเที่ยวกับยุนโฮถ้าเกิดอีทึกรู้เข้ามีหวังตายสถานเดียวแน่ๆ
“ ก็แค่นั้น ”
“ เอาแต่ใจเกินไปแล้วแกน่ะ ”
คังอินผลักหัวน้องชายแรงๆจนกลิ้งลงไปนอนกับพื้น แล้วฮันคยอง เยซอง คยูฮยอนก็ช่างเป็นเพื่อนที่ดีเหลือเกินนอกจากจะไม่ช่วยรับแล้วยังเขยิบหนีให้คิบอมได้ลงไปนอนกับเพื่อนได้สะดวกอีกต่างหาก แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นปากหยักก็ยังมีรอยยิ้มตาคมจ้องมองไปยังร่างบางที่กำลังนั่งเขียนอะไรบางอย่างด้วยแววตามุ่งมั่น
คอยดูนะผมจะทำให้พี่ยิ้มออกมาจากใจให้ได้เลยคอยดู
ความคิดเห็น