คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ผมชอบลูกชายคุณแม่ครับ
Loma_ p
ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาอาหารเย็นของหลายครอบครัวจึงไม่แปลกถ้าหากร้านอาหารที่กว้างขวางแห่งนี้จะดูแคบลงไปถนัดตาเมื่อลูกค้าทั้งขาประจำและขาจรต่างแวะเข้ามาลิ้มลองรสชาติของอาหารเพราะต่างรู้กันดีว่าร้านอาหารแห่งนี้มีชื่อเสียงในเรื่องความอร่อยมากแค่ไหน
“ นี่ เมื่อไหร่จะได้กิน “ คุณชายคยูฮยอนผู้ยิ่งใหญ่เดินมาถามกระต่ายอวบที่ยืนต่อคิวซื้อข้าวหน้าเป็ดให้ตนเองอยู่ ใบหน้าหล่อส่อเค้าไม่ค่อยพอใจเพราะปกติไม่เคยต้องรออะไรนานๆแบบนี้
“ ฉันจะไปรู้ไหม ไม่เห็นหรือไงว่าคนรอคิวเยอะแยะ “ ร่างบางสวนกลับอย่างมีอารมณ์คนก็เยอะอากาศก็ร้อนยังต้องมายืนเบียดกับคนเยอะแยะทั้งที่ตนเองก็ไม่ได้อยากกินเลยแม้แต่น้อย
หลังจากฉุดกระชากลากถูกันออกมาจากร้านที่คิบอมกับทงเฮไปลองชุดแต่งงานแล้วคยูฮยอนก็ขับรถมุ่งออกไปตามเส้นทางที่ซองมินบอกทันที แต่พอมาถึงร่างสูงก็ต้องหงุดหงิดเมื่อพบว่ามีคนอยู่เต็มร้านงานเลยเข้ากระต่ายอวบที่พามาเพราะโดนสั่งให้ไปต่อแถวซื้อมาให้และนั่นก็ทำให้ซองมินอารมณ์เสียเป็นอย่างมาก อะไรจะใช้งานคุ้มค่าขนาดนั้นในเมื่ออยากกินก็พามาแล้วนี่ร่างบางยังต้องเป็นคนไปซื้อมาให้อีกเหรอเนี่ย สบายเกินไปแล้วนะคุณชาย
“ แล้วทำไมไม่บอกก่อนล่ะว่าร้านนี้คนเยอะ “ พอโมโหหิวก็เริ่มจะพาลสิ่งรอบตัว ถ้าบอกว่าร้านนี้คนเยอะแน่นอนว่าเขาไม่มีทางมาแน่นอน
“ ก็เห็นนายบอกอยากกินร้านนี้ อย่าทำเป็นบ่นหน่อยเลย นายไม่ได้เป็นคนมายืนรอเพื่อนฉันซะหน่อย “ พูดแล้วก็หมั่นไส้ตัวเองนั่งรอสบายๆอยู่ในรถไม่ได้มายืนขาแข็งเหมือนเขาซะหน่อยแล้วจะยังมาบ่นอีกนะเดี๋ยวพ่อก็ไล่ให้มาซื้อเองเลยซะนี่
ร่างสูงชะเง้อมองแถวที่ซองมินต่ออยู่อีกตั้งหลายคนกว่าที่จะถึงคิวพวกเขา คนที่ไม่เคยรออะไรนานก็ชักจะหมดความอดทนแล้วสิ
“ ฉันไม่อยากรอแล้ว “
“ หมายความว่าไง “
“ ก็หมายความว่าฉันไม่กินแล้ว ไปกินที่อื่นก็ได้ “ พูดจบก็ลากแขนคนที่ยืนอึ้งให้เดินตามไปที่รถ ไม่รงไม่รอมันแล้วหิวจนไส้จะขาดแล้วเนี่ย ไปกินที่อื่นก็ได้ข้าวหน้าเป็ดมันก็รสชาติคล้ายๆกันแหละ
“ แล้วทำไมนายไม่เปลี่ยนใจให้มันเร็วกว่านี้ ห๊ะ “ คนสวยโวยวายความรู้สึกช้าเกินไปหรือเปล่าคุณชายคยู ฮยอนอีกไม่กี่คิวก็จะถึงคิวของซองมินแล้วนะ นี่แสดงว่าที่เค้ายืนต่อคิวร่วมชั่วโมงนี่สูญเปล่างั้นเหรอถ้าจะทำแบบนี้ทำไมไม่เปลี่ยนใจตอนที่ถึงคิวซะเลยล่ะ
“ ก็ตอนแรกฉันนึกว่ามันจะแป๊บเดียว อย่าพูดมากเข้าไปได้แล้ว “ ร่างสูงตัดบทพร้อมกับใช้มือหนากดหัวกลมให้เข้าไปในรถ
รถยนต์สีดำคันหรูเคลื่อนมาจอดสนิทอยู่ที่หน้าบ้านหลังเล็กก่อนที่คนขับจะรีบวิ่งลงมาเปิดประตูให้กับอีกคนทำเอาคนที่ถูกปฏิบัติเช่นนั้นถึงกับเขินกันเลยทีเดียว
“ ถึงบ้านแล้วครับ “
“ ขอบคุณฮะ แต่ซีวอนไม่ต้องเปิดประตูให้ผมก็ได้นะ ผมเกรงใจ “ ฮีชอลตอบเขินๆ จะไม่ให้เขินได้ยังไงล่ะในเมื่อซีวอนทำเหมือนกับว่าเขาเป็นผู้หญิงอีกอย่างรบกวนร่างสูงให้มาส่งแล้วยังจะต้องมาให้เปิดประตูให้อีก
“ ไม่เป็นไรครับ ผมเต็มใจ “ ตอบออกไปตามความจริงเขาก็แค่อยากจะทำแค่นั้นเองมันเป็นความสุขเล็กๆที่ได้ทำแบบนี้
“ งั้นก็ตามใจฮะ เข้าบ้านกันดีกว่า “ เจอรอยยิ้มกระชากใจเข้าไปฮีชอลถึงกับไปต่อไม่เป็นเลยทีเดียวร่างบางยิ้มแก้เขินก่อนจะชวนอีกคนเข้าบ้าน
เพราะเคยรับปากเอาไว้ว่าถ้ามีโอกาสร่างบางจะให้ซีวอนลองทานอาหารฝีมือของมารดาตนวันนี้ร่างสูงเลยทวงสัญญานั้น ฮีชอลเองก็เห็นว่าไม่ได้ลำบากอะไรดีซะอีกมีคนทานด้วยกันเยอะๆสนุกดีแม่ของเขาต้องดีใจมากแน่เลยถ้ารู้ว่ามีคนอยากทานอาหารฝีมือแม่
“ กลับมาแล้วฮะ “ เสียงหวานเอ่ยขึ้นทันทีหลังจากเข้ามาในบ้าน แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับกลับมาร่างบางรู้ได้ทันทีที่กลิ่นหอมๆลอยมากระทบจมูกแม่ของเขาคงอยู่ในครัวเช่นเคย
“ วันนี้มีอะไรทานบ้างฮะ “ แขนขาวสวมกอดเอวบางของมารดาหลวมๆคางมนวางบนลาดไหล่พร้อมกับคำพูดอ้อนๆที่ชอบใช้เป็นประจำ
“ กลับมาแล้วเหรอ วันนี้แม่ทำข้าวผัดกิมจิของโปรดเราด้วยนะ “ คุณนายคิมยิ้มน้อยๆกับท่าทางออดอ้อนของลูกชายที่ดูยังไงก็เหมือนเด็กอยู่วันยังค่ำ
“ แม่รู้ใจผมที่สุดเลย “ จมูกโด่งกดลงบนแก้มเหี่ยวของมารดา แม่มักจะรู้ใจเขาเสมอแหละ
“ งั้นก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าซะสิ “ คุณนายคิมเอ่ยกับลูกชายก่อนจะยกกะทะลงจากเตาแต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าในห้องครัวไม่ได้มีเพียงสองคนแม่ลูก “ เอ๊ะ ! นั่นเพื่อนลูกเหรอ “
ตากลมหันกลับไปมองร่างสูงที่ตนพามาด้วย ลืมไปสนิทเลยว่าที่เข้ามาในครัวก็เพื่อที่จะพาซีวอนมาแนะนำกับมารดา
“ นี่เพื่อนผมเองฮะ ชื่อซีวอน “ ร่างบางแนะนำผู้มาเยือนให้มารดารู้จักพร้อมกับที่ร่างสูงโค้งคำนับตามมารยาท เมื่อแนะนำเสร็จแล้วร่างบางกก็หันมากะว่าจะอ้อนมารดาซะหน่อยแต่ก็ต้องก้มหน้างุดเมื่อหันไปเจอสายตาล้อเลียนของคุณนายคิม “ ไม่ใช่อย่างที่แม่คิดซะหน่อย “ ร่างบางรีบออกตัวกลัวว่ามารดาของตนจะเข้าใจผิดว่าเขาพาว่าที่ลูกเขยมาแนะนำ
“ แม่ยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ รู้เหรอว่าแม่คิดอะไรอยู่ “ คุณนายคิมเอ่ยแซวลูกชายอะไรจะร้อนตัวขนาดนั้นยังไม่ได้ว่าอะไรเลยนะ เธอหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อลูกชายคนสวยสะบัดหน้าหนีเพื่อบอกว่างอนแล้วนะ
“ แม่อ่ะ “ คนสวยทำเป็นงอนแล้วเดินออกไปจากห้องครัวแต่คุณนายคิมนั้นรู้ดีว่าลูกชายทำไปเพื่อกลบเกลื่อนความเขิน
“ ตามสบายเลยนะจ๊ะ อย่าไปถือสาฮีชอลเลยรายนั้นก็เป็นแบบนี้แหละชอบงอนเป็นเด็กๆ “ คุณนายคิมหันมาเอ่ยกับร่างสูงที่ยืนยิ้มกับท่าทางงอนสะบัดของลูกชายเธอ
“ ครับ แต่ผมว่าเป็นแบบนี้ก็น่ารักดีนะครับ “ ซีวอนตอบยิ้มๆก็เวลาฮีชอลเขินน่ะน่ารักจะตายเห็นแบบนี้แล้วอยากจะแกล้งให้เขินวันล่ะหลายๆรอบ
“ น่าตีล่ะสิไม่ว่า แล้วนี่มาส่งฮีชอลเหรอ “
“ ครับ พอดีผมเห็นว่าเย็นมากแล้วไม่อยากให้ฮีชอลกลับเอง “
“ ขอบใจนะจ๊ะที่มาส่งฮีชอล วันนี้อยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันสิซีวอน “ คุณนายคิมเอ่ยชวนเพื่อนของลูกชาย เธอถือคติที่ว่าใครดีกับลูกชายเธอก็ดีด้วย
“ ผมว่าจะมาขอรบกวนคุณแม่อยู่พอดี งั้นวันนี้รบกวนด้วยนะครับ “
“ ได้จ๊ะ ดีซะอีกเพราะวันนี้คุณพ่อไม่อยู่แม่ทานสองคนกับฮีชอลคงเหงาแย่ “ เอ่ยอย่างใจดีเพราะวันนี้สามีบอกว่าต้องไปงานเลี้ยงกับเจ้านายวันนี้สองแม่ลูกเลยต้องนานข้าวกันตามลำพัง
“ ขอบคุณครับ “
“ ไม่เป็นไรจ๊ะ แม่ว่าซีวอนออกไปรอข้างนอกดีกว่าอยู่ในนี้นานๆกลิ่นอาจจะติดเสื้อผ้าได้ “ ในครัวแม่แต่กลิ่นอาหารลอยคลุ้งไปหมดคุณนายคิมเกรงว่าหากอยู่นานกว่านี้เสื้อผ้าของซีวอนอาจจะมีกลิ่นได้
“ ครับ ไม่รู้ว่าป่านนี้ฮีชอลหายงอนรึยัง “ ร่างสูงเอ่ยยิ้มๆไม่รู้ว่าป่านนี้นางฟ้าของเขาจะหายงอนคุณแม่คนสวยหรือยังเห็นทีว่าต้องออกไปดูหน่อยแล้ว
“ เดี๋ยวก็หายเองแหละ ปล่อยๆไปเถอะรายนั้นน่ะถ้ายิ่งมีคนง้อยิ่งได้ใจ “ เธอรู้นิสัยของลูกชายเธอดีว่าเป็นเช่นไรถ้าหากไม่มีคนง้อไม่นานก็หายเองแต่ถ้ามีคนง้อล่ะก็ยิ่งได้ใจงอนไม่จบไม่สิ้นกันเลยทีเดียว
ไม่นานอาหารน่าทานก็ถูกนำมาวางเรียงรายไว้บนโต๊ะอาหาร คุณนายคิมยิ้มพอใจเมื่อเห็นซีวอนดูพึงพอใจกับรสชาติอาหารฝีมือเธอ
“ เป็นไงบ้างจ๊ะ ถูกปากรึเปล่า “ อันที่จริงไม่ต้องถามก็พอจะเดาออกว่าคำตอบจะออกมาเช่นไรเพราะดูจากสีหน้าแล้วร่างสูงคงจะชอบอยู่ไม่น้อย
“ อร่อยมากเลยครับ เห็นทีผมต้องมารบกวนคุณแม่บ่อยๆซะแล้ว “ เอ่ยเอาใจแต่ล้วนแล้วแต่เป็นความจริงทั้งสิ้นมิน่าล่ะฮีชอลถึงบอกว่าอาหารฝีมือของมารดาเขาอร่อยที่สุด
“ ด้วยความเต็มใจจ๊ะ ว่าแต่ซีวอนเป็นเพื่อนที่คณะฮีชอลเหรอแม่ไม่เคยเจอมาก่อนเลย “ คุณนายคิมอดที่จะสงสัยไม่ได้ เพราะปกติเธอจะรู้จักเพื่อนลูกชายทุกคนแต่เจ้าเด็กหนุ่มหน้าหล่อนี่เธอพึ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรกสงสัยคงจะเป็นเพื่อนใหม่
“ เปล่าครับ ผมเรียนบริหารน่ะครับ “
“ หรอจ๊ะ แล้วรู้จักกันได้ยังไงล่ะ “ เรียนคนละคณะแล้วมารู้จักกันได้ยังไงล่ะแบบนี้แสดงว่ามันต้องมีเบื้องลึกแน่นอนเพราะใช่ว่าคนในมหาวิทยาลัยจะมีจำนวนน้อยๆการที่จะรู้จักเพื่อนต่างคณะจึงไม่ใช่เรื่องง่ายนอกซะแต่ว่าจะเป็นเพื่อนสมัยเรียนมัธยม
“ ซีวอนเป็นเพื่อนของคนที่ทงเฮจะแต่งงานด้วยนะฮะเราก็เลรู้จักกัน “ เป็นฮีชอลที่เอ่ยไขข้อข้องใจของมารดา
คุณนายคิมพยักหน้าเข้าใจเธอพอจะรู้มาบ้างว่าเพื่อนรักของลูกชายกำลังจะแต่งงานกับลูกชายของตระกูลดังในเร็ววันนี้ แต่พอได้ยินชื่อของทงเฮก็เหมือนว่าหญิงเดียวในบ้านจะนึกอะไรขึ้นมาได้
“ จริงสิ ลูกบอกว่าวันนี้ทงเฮจะมาค้างกับเราไม่ใช่เหรอแล้วทำไมถึงไม่ได้กลับมาพร้อมกันล่ะ “ เมื่อเช้าก่อนออกจากบ้านเธอจำได้ว่าลูกชายมาขออนุญาตบอกว่าวันนี้ทงเฮจะขอมานอนด้วย ซึ่งเธอเองก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะทงเฮก็มาค้างที่นี่บ่อยๆอยู่แล้วตรงกันข้ามเธอกลับเอ็นดูทงเฮเหมือนลูกชายอีกคนเลยล่ะ
“ พอดีวันนี้ทงเฮต้องไปทานข้าวที่บ้านคิบอมน่ะฮะก็เลยมาไม่ได้“
“ คิบอม “ เอาอีกแล้วชื่อไม่คุ้นหูมาอีกแล้วคิบอมใครอีกล่ะเนี่ย รู้สึกว่าช่วงนี้ลูกชายของเธอจะมีเพื่อนใหม่เพิ่มขึ้นเยอะเลย
“ คิบอมเพื่อนของซีวอนคนที่จะแต่งงานกับทงเฮนะฮะ “
“ อ่อ “ คุณนายคิมพยักหน้าเข้าใจก่อนจะหันไปเอ่ยกับซีวอนที่นั่งมองดูสองแม่ลูกคุยกันอยู่เงียบๆ
“ เวลาอยู่กับซีวอนฮีชอลดื้อไหมลูก “ เอ่ยอย่างรู้ในนิสัยของลูกชายที่มักจะเอาแต่ใจกับคนที่สนิทด้วยแต่นั่นก็เป็นเพราะฮีชอลอยากให้ทุกคนสนใจ
“ ผมไม่ได้ดื้อซะหน่อย “ ร่างบางค้านมารดาน้ำเสียงติดจะงอนๆซะหน่อย เขาไม่ได้ดื้อซะหน่อยแม่อ่ะเอาอะไรมาพูดก็ไม่รู้
“ น้อยไปสิเราน่ะ “
ร่างสูงหัวเราะเบาๆก่อนจะเอ่ยตอบคำถามออกไป “ ไม่หรอกครับ น่ารักดี “ ท้ายประโยคหันไปส่งตาหวานให้กับคนที่ถูกพาดพิงถึงทำเอาร่างบางอายม้วน
“ พูดแบบนี้แสดงว่าชอบลูกชายแม่ล่ะสิ “ คุณนายคิมเอ่ยแซวแต่คำตอบที่ได้จากร่างสูงทำเอาฮีชอลแทบจะสำลักน้ำที่พึ่งจะดื่มเข้าไป
“ ครับ ผมชอบลูกชายคุณแม่ครับ “ ตอบแบบชัดถ้อยชัดคำตรงไปตรงมาสมกับเป็นเชว ซีวอนจริงๆ
“ ซีวอน นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาพูดเล่นนะ “ ร่างบางโวยวายหลังจากที่หาเสียงของตนเองเจอ ตาบ้าพูดอะไรก็ไม่รู้เรื่องแบบนี้ใครเค้าให้เอามาล้อเล่นกันเล่า
“ ผมไม่ได้พูดเล่นนะ ผมชอบฮีชอลจริงๆ “ เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นพร้อมกับแววตาจริงจังเรียกรอยยิ้มพึงพอใจจากคุณนายคิมได้เป็นอย่างมากเห็นทีว่าลูกชายเธอจะได้ลงจากคานก็คราวนี้แหละ
“ ผมไม่ตลกนะ “
“ ผมก็ไม่ได้บอกว่ามันตลก ผมจริงจังนะ “
“ ไม่เอาไม่พูดด้วยแล้ว “ เมื่อเห็นว่าอีกคนตื๊อไม่เลิกร่างบางจึงลุกจากเก้าอี้ขาเรียวกำลังจะเดินออกไปด้านนอกแต่เสียงของมารดาก็ดังขึ้นมาซะก่อน รู้ทั้งรู้ว่าลูกชายเขินแต่ก็ยังอยากที่จะแกล้ง
“ นั่นลูกจะไปไหนล่ะ “
“ ไปเอาผลไม้ฮะ “ ตอบก่อนจะเดินหายเข้าไปในครัวทันทีเรียกเสียงหัวเราะจากคนทั้งสองที่นั่งอยู่ มีใครเคยบอกหรือเปล่าว่าคิมฮีชอลไม่เคยปิดอาการเขินได้เลยสักครั้ง
“ ที่พูดเมื่อกี๊จริงจังรึเปล่า “ แต่เมื่อเสียงหัวเราะจบลงคุณนายคิมก็เอ่ยถามร่างสูงทันที ใบหน้าสวยไม่แพ้ลูกชายเอ่ยขึ้นเรียบๆแต่จริงจัง
“ ครับ คุณแม่ว่าไงนะครับ “ ถามอีกครั้งเพราะยังไม่แน่ใจว่าคุณนายคิมหมายถึงเรื่องอะไรก็เมื่อกี๊พูดไปตั้งหลายเรื่องนี่นา
“ ที่บอกว่าชอบฮีชอลซีวอนจริงจังมากแค่ไหน “ คุณนายคิมขยายความให้ร่างสูงเข้าใจอีกครั้ง
“ จริงจังมากครับ ผมคิดว่าฮีชอลคือคนที่ใช่สำหรับผม ไม่มีวันที่ผมจะทำให้เขาเสียใจครับ คุณแม่ได้โปรดให้โอกาสผมด้วยนะครับ “
“ แม่มีลูกชายคนเดียวนะ สัญญาได้ไหมว่าซีวอนจะไม่ทำให้ฮีชอลเสียใจ “ คนเป็นแม่ทุกคนไม่มีใครอยากจะเห็นลูกของตัวเองเสียใจ แต่เพราะเห็นว่าซีวอนมีความมุ่งมั่นที่เธอสัมผัสได้เธอจึงอยากจะให้โอกาสชายหนุ่มสักครั้ง
“ ผมสัญญาครับ “ ทั้งสีหน้าและท่าทางนั้นเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและเอาจริง เขาไม่เคยคิดที่จะจีบฮีชอลเล่นๆตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันซีวอนก็รู้ได้ทันทีว่านี่แหละคือคนที่เขาตามหา
“ งั้นก็พยายามเข้านะ ฮีชอลไม่ใช่คนใจแข็งอะไรหรอก ขอแค่เพียงพิสูจน์ให้เขาเห็นว่าซีวอนรักเขาจริงๆและถ้าถึงเวลานั้นลูกชายของแม่จะมอบทั้งใจให้ซีวอนอย่างไม่มีข้อแม้เลยล่ะ “ คุณนายคิมให้กำลังกับร่างสูงพร้อมกับให้คำแนะนำ
“ ขอบคุณครับ ผมจะพยายาม “ ซีวอนรับคำด้วยความดีใจอย่างน้อยๆก็ผ่านด่านคุณแม่มาได้แถมยังได้เป็น กองหนุนอีกต่างหากรู้แบบนี้แล้วทำให้เขามีกำลังใจขึ้นเยอะเลย
ร่างบางที่ยืนฟังอยู่เงียบๆนั้นถึงกับอมยิ้มน้อยๆเมื่อได้ฟังบทสนทนาของมารดากับร่างสูง ไม่รู้ทำไมถึงได้รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ในเมื่ออยากได้โอกาสงั้นเค้าก็ลองให้สักครั้งรีบๆพิสูจน์ๆล่ะเขาจะรอดูว่าจะทนได้สักกี่น้ำจีบฉันมันไม่ง่ายอย่างที่คิดหรอกนะซีวอน
หลายวันมาแล้วที่คิบอมไม่ได้เจอหน้าว่าที่ภรรยาของตนเองเลย ร่างสูงต้องคอยตอบคำถามของคุณย่าว่าทงเฮไม่สบายเป็นอะไรมากหรือเปล่า แล้วไหนจะบอกแกมบังคับให้เขาไปรับมาทานอาหารที่บ้านอีกแต่ทุกครั้งคิบอมก็ไม่เคยได้เจอทงเฮเลยเพราะร่างบางไม่ยอมลงมาพบหน้าสงสัยคงจะโกรธจริงๆละมั้ง พอไปเรียนก็ไม่ได้เจอกันอีกเพราะเรียนคนละคณะเวลาเรียนก็ไม่ตรงกันแล้วคนอย่างคิมคิบอมก็ไม่เคยเดินไปหาใครก่อนเลย
หลังจากวันที่มีเรื่องกันแล้วทงเฮก็มักจะหาเหตุผลมาอ้างทุกครั้งเวลาที่คุณย่าให้มาหาที่บ้านหรือให้ออกไปไหนมาไหนกับร่างสูงทั้งๆที่อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันงานแล้วไม่รู้ว่าเรื่องแค่นี้จะทำให้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่ทำไม
“ ว่าไงเตรียมตัวไปถึงไหนแล้ว “ ฮันคยองตบไหล่น้องชายเบาๆก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้างๆ วันนี้เขาพา ฮยอกแจมาพบเยจินตามคำสั่งของคุณยายสงสัยคงจะหลงเสน่ห์ไก่น้อยเข้าซะแล้ว คิดแล้วมันน่าน้อยใจจริงๆเลยพอเจอหลานสะใภ้แล้วลืมหลานชาย
“ ไม่รู้สิฮะ คงจะเรียบร้อยละมั้ง “ คิบอมตอบตามจริง เขาไม่ค่อยจะรู้เรื่องการเตรียมงานเท่าไหร่นักเพราะส่วนมากแล้วคนที่จัดการจะเป็นเยจินกับเฮียวริซะมากกว่าเขากับทงเฮมีหน้าที่แค่นั่งรอเวลาแล้วแต่งกันไปตามหน้าที่ก็เท่านั้น
“ จะแต่งงานทั้งทีไม่ตื่นเต้นเลยรึไง “ ฮันคยองอดที่จะแขวะน้องชายไม่ได้อะไรกันจะแต่งงานทั้งทีมานั่งทำหน้าซังกะตายอยู่ได้ให้แต่งงานนะเว้ยไม่ได้ให้ไปฆ่าตัวได้
“ แล้วทำไมผมต้องตื่นเต้นด้วย พี่ก็รู้ว่าการแต่งงานครั้งนี้มันเกิดจากอะไร “ มันเป็นแค่หน้าที่เท่านั้นแหละดังนั้นไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะต้องตื่นเต้นแต่งๆไปจะได้จบๆ
“ คิดซะว่ามันเป็นประสบการณ์ชีวิตสิน้องชาย แล้วนี่ว่าที่เมียแกไปไหนซะล่ะพี่ไม่เห็นมาที่บ้านหลายวันแล้วนะ “
ปกติจะเห็นว่าที่สะใภ้ของตระกูลคิมแวะเวียนมาที่บ้านบ่อยๆเพื่อเตรียมตัวและเรียนรู้อะไรหลายๆอย่างจากคุณย่าแต่หลายวันมานี้ฮันคยองยังไม่เห็นคนตัวเล็กเลย ดูมันแปลกๆอยู่นะ
“ ไม่รู้สิฮะ ผมไม่ได้สนใจ “ ตอบแบบขอไปทีก็เขาไม่คิดที่จะสนใจนี่นาก็เลยไม่รู้ว่าทงเฮหายไปไหน
“ พวกนายทะเลาะกันรึเปล่า “ ถามอย่างคนมีประสบการณ์เพราะฮยอกแจชอบหายไปแบบนี้บ่อยๆเวลาที่พวกเราทะเลาะกัน
“ มันก็แค่เรื่องไร้สาระน่ะฮะ “ ใช่แล้วเรื่องนั้นมันเป็นแค่เรื่องไร้สาระในความคิดของคิบอม แต่ร่างสูงจะรู้ไหมว่าเรื่องไร้สาระสำหรับเขานั้นมันกลายเป็นเรื่องทำร้ายความรู้สึกของอีกคน
“ แล้วไอ้เรื่องไร้สาระที่ว่าน่ะมันเรื่องอะไร “
คิบอมค่อยๆเล่าเรื่องทั้งหมดให้พี่ชายฟัง ฮันคยองซึ่งนั่งฟังเงียบๆก็พอที่จะเข้าใจความรู้สึกของทงเฮร่างบางคงน้อยใจที่คิบอมพูดเหมือนว่าตัวเขาไม่มีค่า
“ พี่ว่าเรื่องแบบนี้มันไร้สาระไหมล่ะ “ หลังจากเล่าจบเจ้าแก้มป่องก็ขอความเห็นจากพี่ชาย แต่คำตอบที่ได้นั้นทำเอาคิ้วหนาขมวดเป็นปมเมื่อฮันคยองเห็นต่างไปจากเขา
“ แต่พี่ว่านายทำเกินไปนะ “ พูดออกไปตรงๆเพราะสำหรับคิบอมแล้วเขาไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อมคิดอย่างไรก็พูดออกไปอย่างนั้นซึ่งคิบอมเองก็ปฏิบัติกับเขาเช่นเดียวกัน
“ พี่หมายความว่ายังไง “
“ ถึงแม้ว่าพวกนายสองคนจะแต่งงานกันด้วยเหตุผลอื่นที่ไม่ใช่ความรัก แต่การที่นายพาแฟนเก่าไปไหนมาไหนด้วยกันทั้งๆที่ว่าที่ภรรยานายก็อยู่ตรงนั้นด้วยพี่ว่านายทำเกินไป “
“................”
“ อย่างน้อยๆนายก็น่าจะให้เกียรติกับคนที่นายกำลังจะแต่งงานด้วย แต่ดูสิ่งที่นายทำสิเป็นใครก็โกรธทั้งนั้นแหละ “
“.........................”
“ ไหนจะเรื่องที่นายไปพูดทำร้ายจิตใจเขาอีก คนเราทุกคนล้วนแล้วแต่มีความฝันนะคิบอมหรือนายจะเถียงว่านายไม่มี แต่การที่นายไปพูดราวกับว่าทงเฮเป็นของตายที่นายคิดอยากจะทำอะไรก็ได้คิดอยากจะแต่ง คิดอยากจะให้มาเป็นตัวแทนของคนผู้หญิงคนนั้นนายไม่คิดบ้างเหรอว่าทงเฮเค้าจะเสียใจ เค้าก็เป็นมนุษย์ธรรมดามีความรู้สึกเหมือนกับเราๆนี่แหละ “
“ ผมทำเรื่องเลวร้ายขนาดนั้นเลยเหรอ “
“ มันไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรหรอก แต่มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับความรู้สึกต่างหากล่ะเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนน่ะ พี่ว่านายควรจะไปขอโทษทงเฮนะ “ ยิ้มอ่อนโยนให้น้องชายก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
“ พี่ฮะ ขอบคุณนะ “ คิบอมเอ่ยขอบคุณพี่ชาย
“ ไม่เป็นไร อ่อ อีกอย่างนายควรจะหัดสนใจความรู้สึกของคนรอบข้างบ้างนะ “ ทิ้งท้ายเอาไว้ให้คิดอีกประโยคเพราะเขารู้สึกว่าคิบอมจะจมอยู่กับโลกส่วนตัวของตัวเองมากเกินไปแล้ว
“ พี่นี่ก็มีสาระเป็นกับเขาเหมือนกันนี่นา “ แต่แล้วบรรยากาศซึ้งๆก็ถูกทำลายลงด้วยคำพูดของคิมคิบอม ฮันคยองตบลงไปบนศรีษะทุยเบาๆเจ้าน้องบ้าคนเค้ากำลังซึ้งดันมาทำบรรยากาศเสียซะนี่ “ แต่ยังไงผมก็ต้องขอบคุณพี่อยู่ดี “
“ อืม รู้แล้วๆ “ ฮันคยองพยักหน้ารับส่งๆ มาพูดอะไรแบบนี้บ่อยๆเล่าถึงจะเป็นเมะก็เขินเป็นนะ เพราะเวลาอยู่ด้วยกันน้อยครั้งนักที่สองพี่น้องจะคุยกันด้วยถ้อยคำซึ้งๆแบบนี้
คิบอมมองตามหลังพี่ชายที่เดินหายเข้าไปในตัวบ้านก่อนจะกลับมาคิดตามในสิ่งที่ฮันคยองพูดไปเมื่อสักครู่ เขาไม่คิดเลยว่าเพียงคำพูดไม่กี่ประโยคมันจะทำให้ทงเฮเสียความรู้สึกขนาดนั้น
แล้วนี่เขาต้องไปขอโทษทงเฮจริงๆเหรอนี่ ให้ตายสิตั้งแต่เกิดมาคิมคิบอมคนนี้ยังไม่เคยขอโทษใครเลยสักครั้งแล้วเขาจะต้องทำยังไง จะให้ไปพูดหวานๆเหมือนที่เห็นฮันคยองง้อฮยอกแจก็คงจะเป็นไปไม่ได้เพราะแบบนั้นไม่ใช่ทางของเขาเลย
“ นายกำลังสร้างปัญหาให้ฉันละลี ทงเฮ “
ความคิดเห็น