ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Answer Sheets

    ลำดับตอนที่ #1 : เริ่มเรื่อง

    • อัปเดตล่าสุด 20 ส.ค. 50


    ครั้นเวลาเช้ามืด   ผู้คนต้องตื่นมาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง 

    เหตุเพราะเปลวไฟขนาดใหญ่ที่กำลังลุกโหมดุจดังจะเป็นเพลิงไปทั้งแผ่นดิน

    ตึก อาคาร  บ้านเรือนก็ถูกเผาไหม้แทบจะเป็นเถ้าถ่าน  

    เสียงผู้คนกรีดร้องด้วยความกลัวและเสียงร้องไห้คร่ำครวญดังระงมไปทั่วทั้งเมือง

     

    นี่มันเป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น  ยังมีอีกหลายสิ่งที่รอให้ชาวเมืองที่นี่รับมือกับมัน (พวกมัน)...

     

           โลกของเรามีอะไรหลายๆสิ่งหลายอย่างที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปอย่างไม่มีวัน หวนกลับ  บางอย่างเราก็ต้องยอมรับในสิ่งที่มันได้เกิดขึ้น สิ่งที่เราได้กระทำลงไปแล้ว โดยที่เราไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้เลย ทุกวันนี้เราชีวิตอย่างละเลยคุณค่าของเวลา   แม้แต่คุณค่าของตัวเราเองก็ตาม เราจะไม่เห็นมันสำคัญหากเราไม่สูญเสียบางอย่างไปเสียก่อน เราจะไม่เห็นคุณค่าหรือความสำคัญของอะไรเลยเลยจนวันหนึ่งมันก็จากเราไปอย่างไม่กลับคืนมาได้อีกแล้ว

     

        ในบางครั้งบางตอนเราก็ต้องอาศัยกระจกของตัวเราส่องมองทางด้านหลังว่าอะไรที่เราได้ทำไปแล้วบ้าง...เพราะถ้าหากกว่าเราจะรู้ตัวอีกทีอะไรๆก็อาจจะเปลี่ยนไปแล้วก็ได้

     

            เริ่มเรื่องด้วยเด็กหนุ่มมหาลัยคนหนึ่งชื่อว่า    กานต์  เขาใช้ชีวิตอย่างอิสระเที่ยวเล่นเป็นไปตามประสาเด็กหนุ่มไฟแรง         พ่อกับแม่ของเขาเป็นเจ้าของบริษัทชื่อดังซึ่งทำให้ฐานะทางการเงินของพวกเขาเป็นไปอย่างไม่ขัดสน พ่อกับแม่ของเขาเลี้ยงดูเขาอย่างดี ให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาต้องการทั้งเงินทอง ข้าวของแบรนด์เนมต่างๆ      ปีนี้เป็นปีสุดท้ายแล้วที่กานต์จะเรียนที่โรงเรียนมัธยมแห่งนี้    ปีหน้าพ่อและแม่ของเขาวางแผนที่จะให้เขาไปเรียนต่อที่ต่างประเทศซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่ต้องการเท่าไหร่นัก

     

            เฮ้ย กานต์ ตกลงนายจะไปจริงๆเหรอวะ น๊อตถาม

            ไม่อยากไปยังไงข้าก็ต้องไป เพราะมันเป็นความปรารถนาของป๋ากับแม่

     

    ข้าอยากอยู่ที่นี่ใจจะขาดแต่ข้าก็ขัดคำสั่งป๋ากับแม่ไม่ได้อยู่ดีกานต์ทำหน้ามุ่ยแล้วยกเหล้ากระดก

     

                    ไป เพื่อน วันนี้เราไปมันกันให้เต็มที่เลยดีกว่า อีกไปกี่อาทิตย์นายก็ต้องไปเมืองนอกแล้ว วันนี้เอาให้สุดๆไปเลย น๊อตตบไหล่กานต์ จากนั้นทั้งสองก็ออกตระเวนราตรีอย่างเมามัน ในที่สุดทั้งคู่ก็เมามายกันอยู่ที่ห้องของน๊อต

     

    วันรุ่งขึ้นเป็นวันเสาร์ กานต์จึงนอนอยู่ที่บ้านน๊อตจนสายโด่ง จากอาการที่เมาไม่ได้ความซึ่งเป็นฤทธิ์ของสุราที่ทั้งคู่ได้ดื่มเข้าไป ทำให้สภาพที่กลับถึงบ้านมาเป็นภาพที่เรียกได้ว่า ไอ้ขี้เมา ของแท้ เมื่อคืนกานต์และน๊อตทั้งไปเที่ยวผับบาร์ทั้งคืนแถมยังเข้าบ่อนอีก แต่ทั้งคู่ก็ได้กำไรขึ้นมาอีกตั้งเท่าตัว

     

    ...ติ๊ด..ติ๊ด  ติ๊ด...ติ๊ด...

     

                    ฮ ฮัลโ ห ล  ... ใช่ แม่ กานต์อยู่บ้านน๊อต ...ก็ไปเที่ยวตามประสาผู้ชายดิแม่ ทำไม? มีอะไร?   ... โธ่เดี๋ยวผมก็กลับแล้ว อืมๆ แค่นี้นะ กานต์พูดเสียงแข็งใส่แม่เขาเริ่มรู้สึกรำคาญที่พ่อกับแม่คอยตามบงการเขาทุกอย่างแต่เขาจะรู้หรือไม่ว่าสิ่งที่เขาพูดไปนั้นมันทำร้ายจิตใจคนเป็นแม่เพียงใดกานต์วางโทรศัพท์แล้วลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตาให้สร่างเมา กานต์เดินไปดูนาฬิกาที่

    โทรศัพท์มือถือ ตอนนี้เป็นเวลาตั้งบ่ายสองเข้าไปแล้ว กานต์เหลือบมองน๊อตที่กำลังหลับอย่างไม่เป็นท่า 

     

                    กี่โมงแล้ววะน๊อตถามด้วยอาการที่งัวเงีย เขาลืมตาขึ้นมา

     

                    บ่ายสองแล้ว ตื่นไปหาอะไรกินดีกว่า กานต์เสนอความเห็น

     

                    ไม่ล่ะ เอ็งไปเถอะ ข้ายังมึนไม่หายเลย ขอนอนอีกสักพัก พูดเสร็จ น๊อตก็นอนต่อ

     

                    เออ เดี๋ยวข้าซื้อข้าวมาฝากละกัน น๊อตพยักหน้า

     

     กานต์เดินออกประตูไปจนถึงหน้าลิฟท์เขาสวนทางกับผู้ชายกลุ่มหนึ่ง ดูจากท่าทางแล้วคงจะเป็นพวกนักเลงหัวไม้ แต่กานต์ไม่ได้สนใจอะไร เดินเข้าลิฟท์ แต่ประตูยังไม่ทันปิดเขาได้ยินพวกนักเลงคุยกัน มีชื่อของเพื่อนเขาอยู่ในถ้อยคำที่หมายจะเล่นงาน กานต์เอื้อมมือไปจับประตูลิฟท์เพื่อจะไต่ถาม และทันทีที่เขาได้ยินว่าพวกนักเลงนั่นจะเล่นงานทุกคนที่อยู่โรงเรียนเดียวกับน๊อตโดยเฉพาะเพื่อนของเขา ทำให้กานต์ต้องรีบเอามือออกจากประตูลิฟท์แล้วรีบกดไปที่ชั้นหนึ่ง ด้วยความที่เขากดปุ่มแรงๆหลายๆครั้งและหน้าตาที่ดูตื่นกลัวผิดปกติ จึงทำให้พวกนักเลงที่กำลังเดินไปยังห้องของน๊อตหันกลับมาดูที่ลิฟท์ซึ่งในขณะนั้นประตูยังปิดไม่สนิทดี พวกนักเลงเห็นกานต์หน้าซีดและตื่นกลัว กำลังจ้องมองพวกเขาอยู่เช่นกัน คนเหล่านั้นเมื่อเห็นอาการของกานต์จึงแน่ใจว่าเขาต้องเกี่ยวของกับศัตรูที่กำลัง

    กานต์หลบอยู่นี้ เป็นที่ที่ปลอดภัยมากแต่เขาก็ยังหวั่นเกรงอยู่ดี ผู้ชายในกลุ่มนักเลงคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาบริเวณที่เขากำลังหลบอยู่ กานต์คิดว่าเขาอาจจะสงสัยโอ่งน้ำที่แห้งขอดใบใหญ่มหึมาใบนี้แล้วก็ได้ เขามองหาลู่ทางหลีกหนีอย่างรวดเร็วและในที่สุดเขาก็ไปพบกับรถจักรยานใหม่เอี่ยมรูปลักษณ์แปลกประหลาดคันหนึ่งจอดไว้หน้าบ้านหลังใหญ่นี้ ชายคนนั้นเดินเข้ามาใกล้เต็มที กานต์รีบกระโดดพรวดออกจากโอ่งน้ำแล้วตรงไปที่รถจักรยาน เขาไม่เหลียวมองด้านหลังเลยสักนิด  ตอนนี้คนจำนวนเกือบยี่สิบคนกำลังไล่ตามเขาพร้อมกับอาวุธนักเลงครบมือ  พอวิ่งไปถึงรถจักรยานก็กระโดดขึ้นขี่แล้วออกแรงปั่นอย่างสุดกำลังขา

     

                    เฮ้อ...รอดมาได้สักที ที่จริงถ้าไม่ทำพิรุธเราอาจจะรอดก็ได้ กานต์เริ่มปั่นช้าลงเพราะรู้สึกว่าตนนั้นปลอดภัยแล้ว ในขณะที่กานต์กำลังขับรถกลับไปยังหอพักของน๊อต เขารู้สึกว่ารถจักรยานที่เขาขับอยู่มันเริ่มบังคับยากขึ้น

     

            เป็นอะไรเนี่ย สงสัยหัวจะไม่ดีกานต์บนพึมพำ แต่ก็ยังขับต่อไป แต่คราวนี้เขารู้สึกว่ารถจักรยานมันเหมือนจะไม่เป็นไปตามระยะทางที่เขาบังคับแต่มันเป็นตัวบังคับเส้นทางของเขาเองต่างหาก

    กานต์เริ่มไม่แน่ใจว่ารถจักรยานคันนี้มันแค่รถจักรยานรูปลักษณ์สวยแต่ใกล้เสียนี่เสียแล้ว กานต์คิดว่าเขาควรจะหยุดแล้วลงไปดูว่ามันเกิดอะไร แต่ทว่ารถจักรยานคันนี้มันไม่มีเบรกและเขาก็พยายามเอาขาหยุดแล้วแต่ไม่ได้ผลเลย เขารู้ทันทีแล้วว่ารถจักรย่านคันนี้ต้องไม่ใช่จักรยานธรรมดาๆแล้วแน่ๆ แต่จะหยุดมันก็ไม่ได้ มีทางเดียวคือกระโดดออกจากจักรยานบ้าๆนี่ซะ กานต์หลับตากลั้นหายใจ

    เขาถีบตัวเองออกจากรถอย่างเต็มที่แต่ผลปรากฏว่าเมื่อเขาลืมตาขึ้นมาเขาพบว่าทั้งตัวเขาและจักรยานลอยอยู่เหนือพื้น จากนั้นมันกระแทกลงกับพื้นแล้วเคลื่อนที่ต่อไปเหมือนเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งสิ้น

     

                    ....ให้ตายสิ  เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ...

     

                    กานต์เริ่มใจเต้นรัวเหมือนคราวที่เจอพวกนักเลง แต่มันไม่เหมือนกันตรงที่ว่ากับพวกนักเลงเขายังรู้ชะตากรรมของตนเองว่าอาจจะโดนซ้อมถ้าไม่หนี แต่ในขณะนี้เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจักรยานคันนี้มันจะพาเขาไปที่ไหน ที่ที่เขาเห็นอยู่ในตอนนี้ มันเริ่มแปลกตาและไร้ผู้คนเข้าไปทุกที เขายังไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่าผู้คนเริ่มหายไปตั้งแต่เมื่อใดและเขาเข้าสู่เส้นทางเส้นนี้ตั้งแต่ตอนไหน ชะตากรรมของเขาตอนนี้ตกอยู่ที่รถจักรยานผีสิงคันนี้แล้ว ไม่ว่าเขาจะถีบตัวออกหรือกระโดดออกจากมันแรงเท่าไหร่มันก็ไม่ทำให้เขาสามารถกระเด็นออกจากรถคันนี้ได้เหมือนกับว่าบั้นท้ายของเขาถูกผนึกติดไว้กับเบาะนั่งของจักรยานแล้วมันก็ไม่มีทีท่าว่าจะล้มเลยแม้ว่าเขาจะเอียงตัวไปทางใดมันก็ยังคงทรงตัวได้ดีเสมอ คงหมดหนทางแล้ว กานต์ได้แต่มองไปรอบๆตัว เพื่อสังเกตเส้นทางที่มันพาเขาไป แต่เส้นทางเหล่านี้มันจะเหมือนๆกันคือ สองฝั่งถนนเป็นต้นไม้รูปร่างสูงใหญ่ขึ้นเรียงกันอย่างเป็นระเบียบโน้มกิ่งเข้ามาทางถนนทั้งสองฝั่งเป็นเหมือนซุ้มประตูที่ทอดยาวราวกกับว่ามีใครมาจะมันให้โน้มเขามา แต่ถ้าสังเกตดีๆ มันแทบไม่มีอะไรแตกต่างจากต้นเดิมที่เคยผ่านมาเลย หลังต้นไม้ใหญ่เหล่านั้นเป็นป่าทึบ ต้นไม้ขึ้นเต็มจนไม่มีพื้นที่ให้สามารถมองเห็นได้ว่าลึกเข้าไปนั่นเป็นอย่างไร 

    เบื้องหน้าของเขาเป็นเส้นทางที่ยาวไกลมากจนสุดสายตา ตอนนี้ดวงอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำลงทุกที แสงแดดอ่อนๆส่องเข้าที่ใบหน้าของกานต์ทำให้เขา

    ต้องก้มหน้าลง แต่ไม่ทันใดสภาพแวดล้อมก็เปลี่ยนจากต้นไม้ที่ขึ้นเต็มสองฝั่งทางนั้นได้หายไปและในตอนนี้รถจักรยานก็ปั่นเร็วขึ้น เร็วขึ้น และเร็วขึ้นจนขาของเขาแทบจะพันกัน กานต์ต้องรีบยกขาขึ้นแต่ล้อก็ยังเคลื่อนที่ไปไม่หยุด กานต์ยืดตัวขึ้น มองตรงไปยังข้างหน้า แต่ตอนนี้เขามองไม่เห็นอะไรเลยในระยะทางสามเมตรข้างหน้า มันเป็นกลุ่มหมอกควันหนาที่หนามาก กานต์มองไปรอบๆตัวเขาปรากฏเป็นภาพที่เร็วมากซึ่งนี่ก็หมายความว่ารถจักรยานคันนี้ปั่นเร็วมาก เร็วจนมองอะไรไม่ทันเห็นเลย กานต์เริ่มตาลาย เขาสะบัดหน้าแล้วขยี้ตาตัวเองหลายครั้ง ขณะที่เขาก้มหน้าอยู่รู้สึกมีแสงบางอย่างส่องกระทบหน้าของเขา และเมื่อเงยหน้าขึ้น

     

                    นี่! นาย นาย เสียงที่อ่อนหวานดังขึ้นเบื้องหน้าพร้อมกับผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งที่กำลังเอาไฟส่องหน้าของกานต์

     

                    โอ้ย นี่เธอ เอาไฟฉายนี่ออกจากหน้าของฉันได้แล้ว กานต์เอามือปัดไฟฉายออก และทันทีที่เขาเงยหน้าขึ้น เขาก็ต้องต้องตะลึงกับภาพที่เห็น

                    .. !?!..

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×