คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ~MISTINE มาแล้วค่ะ...~
Mistine มาแล้วค่ะ...
ในบรรดาธุรกิจขายตรงที่อยู่ในระดับแถวหน้า ของเมืองไทยนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นแบรนด์ของต่างชาติเสียส่วนใหญ่ แต่ว่าก็ยังคงมีแบรนด์ แบรนด์หนึ่งในธุรกิจขายตรงแบบเครื่องสำอางค์ที่ยังคงยืนถ้าแดด ถ้าฝน เทียบเคียงคู่แข่งแบรนด์ต่างชาติได้อยู่ นั่นก็คือ มิสทีน
มิสทีน ของบริษัท เบทเตอร์เวย์(ประเทศไทย) จำกัด ที่ถือสัญชาติไทยแท้ 100% ยืนหยัดอยู่ในตลาดขายตรงด้วยตัวเลขยอดขายสินค้าเครื่องสำอางค์อันดับหนึ่งของประเทศ และอยู่ในอันดับรองจากแอมเวย์ในธุรกิจขายตรงของประเทศ
บริษัท เบทเตอร์เวย์ ผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ขายตรงภายใต้แบรนด์มิสทีนนั้น ก่อตั้งขึนเมื่ปี พ.ศ.2531 โดยราชาขายตรงของเมืองไทย ดร.อมรเทพ ดีโรจนวงศ์ ซึ่งใช้ประสบการณ์งานขายตรงจากเอวอนที่เคยดูแลอยู่ มาใช้บริหารงานของมิสทีนภายใต้ความร่วมมือด้านการผลิตจากบริษัท สหพัฒนพิบูลย์ จำกัด โดยมีเจตนารมณ์หลักในครั้งนั้นคือ เพื่อสร้างสรรค์ชีวิตที่ดีขึ้นแก่สาวมิสทีน ผ่านธุรกิจขายตรงของคนไทย ดี่งชื่อของบริษัท เบทเตอร์เวย์ หรือ ทางเลือกที่ดีกว่า
มิสทีนเริ่มทำธุรกิจขายตรงในยุคที่ประชาชนชาวไทยยังไม่รู้จักธุรกิจแบบขายตรงแบบนี่ดีนัก
ยุคเริ่มต้นสำนักงานแป็นแค่อาคารพาณิชย์ 3 คูหา พนักงานมีไม่ถึง 10 คน และมีสาวมิสทีนอยู่ไม่ถึง 100 ราย แต่มิทีนใช้เวลาเพียงแค่ 5 ปี ก็ได้ก้าวขึ้นเป็นบริษัทอันดับหนึ่ง ที่มียอดจำหน่ายสูงสุดของบริษัทในเครื่องสำอางค์ในระบบขายตรง และอีก 3 ปีต่อมา มิสทีนก็ได้ขึ้นครองตำแหน่งยอดจำหน่ายสูงสุดอันดับ 1 ของวงการเครื่องสำอางในประเทศไทย ด้วยประโยคเด็ดสุดแสนจะฮิตติดหู "มิสทีน...มารแล้วค่ะ" ที่คุณอมรเทพได้ไอเยเจ๋งๆนี้มาจากแม่ค้าขายกล้วยปิ้งที่ร้องเรียกลูกค้าเมื่อผ่านหน้าบริษัท(แหม แล้วแม่ค้าขายกล้วยปิ้งที่ว่าเนี่ย คุณอมรเทพได้เสียค่าลิขสิทธิ์ให้รึเปล่าละคะเนี่ย)
ความสำเร็จอย่างรวดเร็วขอมิสทีนนี้ ส่วนหนึ่งมาจากแนวคิดการทำตลาดขายตรงที่แตกต่างจากที่อื่นอย่างสิ้นเชิง มิสทีนเป็นบริษัทขายตรงแห่งแรกในโลกที่ให้ความสำคัญกับสื่อโฆษณา (โอ้ ... เจ้าหลวงปู่ คนไทยเรานี่น่าภูมิใจจริงๆ)
ทั้งที่แนวคิดการทำธุริกจแบบขายตรงนั้นจะมองว่า การทำโฆษณาไม่จำเป็น และที่สำคัญโฆษณาของพี่แกเกือบจะทุกชิ้น ที่ออกมาจะเป็น TALK OF THAILAND แทบทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นโฆษณาแนวซีรี่ส์ อุบัติเหติรัก(ที่ข้าพเจ้าติดเสียงอมแงม แถบชอบเอาหลายๆ) ที่มีฟ้ากับรุจน์พระเอกนางเอกเลียนแบบละครรักหลังข่าว กินความยาวถึง 6 ตอน หรือชุดเต่าเรียกแม่ ที่เป็นคำฮิตติดลมบน อยู่นาน..
โฆษณาหวือหวาที่น่าสนใจนี้ ส่งผลให้แก่การเชื่อมโยงทางการขายและเริ่มต้นการพูดคุยระหว่างสาวมิสทีนกับลูกค้า ก่อนจะโยงไปสู่สินค้าและเป็นการเปิดบรรยากาศการขายได้เป็นอย่างดี (แหมเทคนิคการขาย เนียนได้ใจจริง)
ซึ่งแม้ว่าการโฆษณาของมิสทีนในปัจจุบันจะเปลี่ยนมาเป็นแบบ CELEBRITY เป็นพรีเซ็นเตอร์ ซึ่งมักจะหยิบยกคนดังๆมาเป็นจุดที่ทำให้สินค้ารับรู้ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เนื่องจากปัจจุบันทายาทรุ่นที่ 2ของมิสทีนคือคุณดนัย ดีโรจน์วงศ์ แต่มิสีทนก็ยังคงขายตรงที่มีสื่อเป็นโฆษณาอย่างต่อเนื่อง
ปี 2545 มิสทีนโกอินเตอร์ด้วนการขยายธุรกิจเข้าไปในตลาดเพื่อนบ้านโดยเริ่มจากพม่า ด้วยยอดจำหน่าย6ฃ 60 ล้านบาทเพียงแค่ 1 ปี นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมส่งเสริมการขายกับกลุ่มกันตนา และร่วมทุนกับผู้ประกอบการท้องถิ่นในฟิลิปปินส์ รวมทั้งยังมีการจัดตั้งโรงงานผลิตขึ้นที่ เวียดนาม เพื่อใช้ป้อนสินค้าเข้าสูตลาดในกัมพูชา และยังมีโครงการเข้าเปิดตลาดสู่ประเทศยุโรปในระยะยาวอีกด้วย
ปัจจุบันมิสทีนมีสินค้ามากกว่า 5,000 รายการ
สินค้าที่ทำยอดขายได้สูงสุด ยังคงเป็นพวกตจระกูล "ท็อปคันทรี่"" รองลงมาคือ ประเภทลิปสติก ตามมาด้วยโรลออนระงับกลิ่นกาย และสินค้าประเภทโลชั่นบำรุงผิว มิสทีนยังมีนโนยบายในการเพิ่มไลน์สินค้าเพื่อขยายธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น อุปรณ์ประหยัดน้ำมัน เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆในครัวเรือน โดยร่วมมือกับพันธมิตมากกว่า 20 บริษัทผู้ผลิต เข้ามจำหน่ายในแคตตาล็อกเดียวกัน โดยใช้ชื่อ M POWER
และอีกไม่นานคุณก็คงจะเห็นสาวมิสทีนมาพร้อมกับเสื้อผ้า เครื่องประดับ เครื่องใช้ไฟฟ้า หรือ แม้กระทั่งหวยบนดินเลยก็ว่าได้.....
...........ติ้งต่อง~ มิสทีนมาแล้วค่ะ.............
ความคิดเห็น