ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    All + Reader ตัวละครแสนรัก [ปิดรับรีเควสชั่วคราวจ้า]

    ลำดับตอนที่ #30 : [Friday the 13th] Jason Voorhees x Reader : Frighten Journey [Request]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.84K
      102
      13 ก.ค. 61

    Pairing : Jason Voorhees x Reader
    Theme : การท่องเที่ยวที่ไม่มีวันลืมเลือน
    Summary : วันหยุดงั้นเหรอ? ไปตั้งแคมป์ที่คริสตัล เลคสิ เรามีป่าร่มรื่น บ้านพักสวยหรูแสนสบาย และ.....มีฆาตกรลอยนวล...
    Warning : 1. มีการบรรยายฉากสยองแบบหนังผีบ้างพอขลุกขลิก
                       2. หลอนนิดๆปนหวานหน่อยๆ


    ...................................................................................................................................................................................................................



            รถแวนสีน้ำเงินโลดแล่นไปตามถนนใหญ่ของชนบทแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา บรรยากาศค่อนไปทางครึ้มขมุกขมัว บนท้องฟ้าไม่มีแดดแต่ก็ไม่มีเมฆด้วยเช่นกัน ข้างทางเงียบสงบด้วยธรรมชาติเรียงรายไปตลอดเส้นทาง นานๆถึงจะเห็นบ้านเล็กสักหลัง อารมณ์ของผู้โดยสารทั้งสี่ชีวิตที่กำลังรื่นเริงมีความสุขเบิกบานกันอยู่ในรถโดยมีอัลเฟร็ดเป็นคนขับคู่กับมาร์คที่นั่งข้างๆ ทุกคนร้องเพลงกันอย่างสนุกสนานเหมือนกับเด็กประถมตอนไปทัศนศึกษาหรือไม่ก็พูดคุยกันจ้อกแจ้กออกรส...แต่มาคิดดูอีกทีอาจจะมีแค่สามชีวิตเท่านั้นที่เริงร่า... 

            คุณนั่งเท้าคางมองวิวทิวทัศน์ข้างนอกไปเรื่อยๆอย่างใจลอยอยู่บนเบาะหลังคู่กับอลิซ ไม่สนใจเพื่อนสามคนที่เหลือว่าพวกเขาจะร้องเพลงไปอีกกี่รอบหรือคุยเรื่องอะไรกัน

            "เฮ้ (...) ดูเหม่อๆตั้งแต่ตะกี้แล้วนะ มีอะไรรึเปล่า? "
    เธอถาม ปัดผมไปไว้ด้านหลังพลางจ้องคุณอย่างสงสัย คุณส่งยิ้มอ่อนๆให้เธอโดยไม่ได้พูดอะไร
            " อย่าบอกนะว่าเธอยังคิดเรื่องนั้นอยู่ ไม่เอาน่า พวกลุงป้าตายายแก่ๆก็ชอบพูดหลอกให้เรากลัวไปงั้นๆแหละ เพ้อเจ้อกันทั้งนั้น "

            อัลเฟร็ดพูดเสียงเยาะขณะเอานิ้วเคาะพวงมาลัยรถตามจังหวะเพลง เขาหมายถึงเหตุการณ์เมื่อไม่นานมานี้ที่พวกคุณหยุดพักรถในปั๊มแห่งหนึ่งเพื่อเติมน้ำมันและซื้อของว่างก่อนจะเดินทางต่อ คุณที่เป็นคนจ่ายเงินคนสุดท้ายได้ฟังเรื่องเล่าอันไม่น่าอภิรมย์จากเจ้าของร้านซึ่งเป็นคู่สามีภรรยาวัยกลางคนหลังจากรู้ว่าพวกคุณกำลังจะไปตั้งแคมป์กันที่คริสตัล เลค

            ' คริสตัล เลคงั้นรึ? ไม่ใช่คนที่นี่ล่ะสิถึงคิดจะไปที่นั่นกัน '
    เขาทักขึ้นตอนที่คุณกำลังจะก้าวขาออกจากร้าน
            ' ใช่ค่ะ เราบินมาจากแวนคูเวอร์ แคนาดา '
    คุณตอบด้วยสีหน้างุนงง เขาเอนหลังพิงกับเก้าอี้ไม้โยกที่ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดเสียดแก้วหู
            ' นึกแล้วเชียว ถ้าเป็นคนแถวนี้ล่ะก็เขาไม่ไปที่นั่นกันร้อก ไอ้หนู '
    ประโยคนั้นฉุกให้คุณสนใจขึ้นมา
            ' ที่นั่นมีอะไรหรือคะ? '
    คราวนี้คนตอบกลับเป็นฝ่ายภรรยา 
            ' โอ้ มันน่ากลัวมาก ที่รัก ฉันบอกแค่ว่าฉันจะรีบวกรถกลับบ้านถ้าฉันเป็นพวกเธอ ที่นั่นประวัติไม่ค่อยดีนักหรอก ' 
    เธอพูดก่อนจะควักผ้าสีซีดมอซอเก่าๆขึ้นมาเช็ดถูบริเวณเคาน์เตอร์ ขณะที่คุณตัดสินใจรีบออกจากร้านเพราะความรู้สึกไม่ชอบมาพากลแปลกๆที่เริ่มก่อตัวปั่นป่วนในท้อง ชายผู้เดิมก็ทิ้งท้ายประโยคน่าขนลุกขนพองชวนคิดไว้ที่ใบหูของคุณ

            ' จำไว้ ไอ้หนู กลับบ้านซะ ถ้ายังอยากมีลมหายใจไว้ชื่นชมแสงเดือนแสงตะวันในวันพรุ่งนี้ '
    คุณเล่าให้พวกเพื่อนๆที่เหลือฟังทันทีที่กลับขึ้นมาบนรถ แน่นอนว่าไม่มีใครเชื่อ พวกเขาต่างเอาแต่บอกว่ามันเป็นมุกตลกเชยๆของพวกเจ้าของร้านตามปั๊มน้ำมันที่ชอบเล่นกันเกลื่อนกลาดหลอกพวกขาจร แม้แต่อลิซ เธอเอาศอกถองสีข้างคุณเล่นพลางพูดแหย่
            ' อะไรกัน เป็นแฟนคลับหนังสยองขวัญแต่กลับกลัวผีซะเองเนี่ยนะ เสียชื่อหมดเลย(...) '

            ไม่ใช่หรอก เพราะคุณเป็นคอหนังสยองขวัญนั่นแหละ ถึงได้เรียนรู้บทเรียนสำคัญที่หาจากไหนไม่ได้...รายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่ฟังดูไม่สำคัญหรือไร้สาระมักจะเป็นตัวบอกใบ้ถึงเรื่องน่าสะพรึงต่างๆ ถ้อยคำแฝงนัยแปลกๆของสองสามีภรรยาคู่นั้นจึงฝังลึกอยู่ในสมองคุณมาตลอดทาง ทั้งหมดนี่มันเหมือนกับพล็อตเรื่องหนังผีไม่มีผิด

            " ฉันไม่ได้กลัวซะหน่อย แค่รู้สึกว่ามันแปลกๆ...หลายอย่าง ฉันสงสัยจังว่าทำไมบ้านพักหลังใหญ่ขนาดนั้นเขาถึงคิดราคาถูก แค่คืนละ 25 ดอลลาร์*เนี่ยนะ ไม่เอะใจกันรึไง? "

            อลิซกระโดดไปคว้าเอาใบโฆษณามาจากมาร์คแล้วกางมันออกด้วยท่าทางตื่นเต้นดีใจขณะชี้เนื้อหาจุดต่างๆพลางสาธยายร่ายยาวให้คุณฟัง

            " หนึ่ง เพราะเราโชคดีที่เจอของถูก สอง ก็เพราะว่ามันอยู่ในช่วงเปิดบริการใหม่น่ะซี้! เห็นนี่มะ ตรงนี้เขียนบอกว่าลดราคาบ้านพักทุกๆประเภทเนื่องในโอกาสที่คริสตัล เลคเปิดให้บริการแบบใหม่เป็นพื้นที่พักผ่อนอิสระสำหรับตั้งแคมป์ ของเราเป็นบ้านสองชั้น มีเฉลียงหน้าบ้านและระเบียงที่ชั้นสอง สี่ห้องนอน สามห้องน้ำ ห้องครัวพร้อมเครื่องครัวครบมือ..อืม จริงๆก็ไม่ได้ครบหรอก เพราะเราต้องซื้อวัตถุดิบเข้ามาทำเอง แต่นั่นก็เรื่องปกติจริงไหมล่ะ ห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ที่มีบันไดวนสวยๆตรงกลาง มีห้องเก็บของสองห้อง แล้วอะไรอีกนะ...อ้อใช่ มีทีวีจอแบนในห้องนั่งเล่นแล้วก็มีเตาปิ้งที่เฉลียงสำหรับปาร์ตี้บาร์บีคิวด้วย เห็นไหม คุ้มจะตาย ไม่เห็นมีอะไรน่าสงสัย "

    ก็ทุกอย่างที่เธอพูดมานั่นแหละน่าสงสัย...คุณคิด
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
            คริสตัล เลคเป็นสถานที่เที่ยวแห่งแรกในชีวิตที่คุณนึกอยากกลับบ้านทันทีที่เห็นมันแม้จะยังไม่ทันเข้าไปสัมผัส คุณรู้ว่าคนเราไม่ควรตัดสินหนังสือที่หน้าปก แต่บางครั้งมันก็สามารถบ่งบอกอะไรบางอย่างได้ถูกไหมล่ะ

            วิวทิวทัศน์แรกที่เข้ามายังสายตาของคุณคือป้ายชื่อสถานที่สีซีดและมีคราบสกปรกเป็นหย่อม มันดูเหมือนป้ายเก่าที่ผ่านอะไรต่อมิอะไรมาโชกโชน ยิ่งเมื่ออัลเฟร็ดเลี้ยวรถเข้าไปในพื้นที่ คิ้วของคุณก็ขมวดผูกกันโดยอัตโนมัติ
    ข้างในถึงจะสวยงามด้วยป่าธรรมชาติขนาดใหญ่โตโอฬารประดับประดาด้วยบ้านพักไม้ซุงสไตล์ต่างๆ แต่มันก็เงียบผิดปกติสวนทางกับเทศกาลลดราคาที่คนควรจะเยอะถ้าว่ากันตามหลักทฤษฎีกระเป๋าเงิน ที่ไหนมีการลดราคาเกิดขึ้น ที่นั่นจะครึกครื้นยอดฮิตทันที แต่สำหรับที่นี่...พวกคุณดูเป็นคนกลุ่มเดียวที่มาเที่ยว

            " โอ๊ย เลิกระแวงเถอะน่า มันก็ได้บรรยากาศอีกแบบไม่ใช่เหรอ คนเยอะๆน่ะหนวกหูจะตาย แบบนี้แหละได้อารมณ์แคมป์ป่าของจริง อีกอย่าง เงียบๆแบบนี้เหมือนกับหนังผีที่เธอคลั่งไคล้เด๊ะเลย "
            อลิซว่า เธอดูตื่นเต้นที่สุดในกลุ่ม ส่วนเพื่อนชายอีกสองคนนั้นกำลังพะวงเรื่องส้ญญาณเครือข่ายสำหรับดูการแข่งรักบี้นัดชิงแชมป์ พวกผู้ชายก็แบบนี้ล่ะ

    ถึงฉันจะชอบหนังสยองขวัญ มันก็ไม่ได้แปลว่าฉันอยากสัมผัสมันในชีวิตจริงนะ

            คุณคิดก่อนจะลงจากรถช่วยพวกเพื่อนๆขนสัมภาระเข้าไปในบ้าน ไม่รู้ว่าคุณคิดไปเองหรือเปล่า ว่าคุณไม่อยากอยู่นอกบ้านนานเกินไปเพราะรู้สึกเหมือนมีใครบางคนจ้องมองมาจากอีกฟากหนึ่งของแนวป่า

            บ้านพักสวยงามเหมือนในใบโฆษณาที่อลิซร่ายยาวให้ฟัง บ้านกว้างขวางโอ่โถง ชั้นล่างเป็นห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ที่มีบันไดวนจากไม้สีน้ำตาลขัดเงา ทุกคนมีห้องนอนเป็นของตัวเองแถมห้องนอนแต่ละห้องยังมีถึงสองเตียงอีกต่างหาก โดยรวมแล้ว ในนี้อยู่กันแปดคนได้สบายๆเลย 

            ตอนที่คุณกลับลงมาชั้นล่างหลังจัดแจงสัมภาระเสร็จ คุณก็พบว่าพวกเพื่อนๆได้ทำการจับจองพื้นที่ส่วนต่างๆไปเรียบร้อย อลิซและอัลเฟร็ดนั่งเอนหลังกันอยู่หน้าโทรทัศน์ที่กำลังฉายรายการเกมโชว์เรียลลิตี้ประจำวัน ส่วนมาร์คเดินวุ่นไปมาอยู่ในห้องครัวเตรียมอาหารให้พร้อมมื้อค่ำที่จะมาถึงในไม่ช้า คุณเข้าไปสบทบกับเขาอีกแรงโดยไม่หวังอยู่แล้วว่าจะเห็นอลิซตามไปช่วย เป็นเรื่องลับที่รู้กันดีในกลุ่มพวกคุณว่าเธอไม่ใช่สาวประเภทถนัดงานเข้าครัว ย้ำว่าไม่ถนัดเลยจริงๆ ครั้งล่าสุดที่เธออุ่นซุปหรืออะไรสักอย่าง โชคดีที่อัลเฟร็ดเข้าไปเอาน้ำดื่มเลยเห็นซะก่อน ไม่งั้นอลิซคงได้มากกว่าหม้อกับเตาใหม่ในวันนั้นแน่

            คุณกำลังขนถุงใส่ซากเปลือกและเศษขยะจากวัตถุดิบต่างๆออกไปทางประตูหลังของครัวเมื่อกอพุ่มไม้ใหญ่ห่างออกไปไม่ไกลจากบ้านส่งเสียงดังซ่อกแซ่งดังขึ้น คุณรีบผงกหัวขึ้นพยายามมองหาที่มาของเสียง ถึงตอนนี้ข้างนอกจะเริ่มครึ้มเพราะเป็นเวลาบ่ายแก่ใกล้ค่ำ แต่คุณมั่นใจว่าคุณเห็นเงาของอะไรบางอย่างเคลื่อนไหววูบไปมาอยู่แถวนั้น...อะไรบางอย่างที่ขนาดใหญ่โตมากๆ...

    คุณเปิดประตูชะโงกหน้าเข้าไปหามาร์คที่กำลังทอดมันฝรั่ง

            " ม-มาร์ค ฉันว่ามีใครอยู่ข้างนอกนั่น..."
    เขาหรี่ไฟที่เตาก่อนจะตามคุณออกมาข้างนอก เขาเอามือเท้าเอว หันซ้ายขวาไปรอบๆ
            " ตรงไหนล่ะ? "
    คุณชี้ไปตรงแนวพุ่มไม้ เขาขมวดคิ้วแล้วเดินออกไปดู
            " เฮ้ ระวังนะ "

    มาร์คเดินสวบๆไปหยุดอยู่ข้างหน้าพุ่มไม้ โน้มหน้าชะโงกดูอยู่พักนึงก่อนจะหันมาโบกมือให้เป็นสัญญาณว่า 'ไม่มี' ก่อนจะเดินกลับเข้ามา คุณขมวดคิ้วอย่างไม่อยากเชื่อ
            " ไม่มีเหรอ? "
    เขาผงกหัว ยักไหล่
            " เธอคงเห็นกระรอกหรือกระต่ายแล้วเข้าใจผิดไปมั้ง "
    เขาพูดแล้วกลับเข้าไปเตรียมอาหารต่อ คุณเกาหัวด้วยความงุนงง

    ไม่จริงน่า แล้วที่ฉันเห็นเมื่อกี้ล่ะ

    คุณได้แต่ปล่อยให้คำถามนั้นค้างคาอยู่ในใจ
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
            หลังอิ่มอร่อยกับอาหารเย็น คุณนั่งล้อมวงกับมาร์คและอัลเฟร็ดร้องเพลงเล่นกันโดยอัลเฟร็ดเป็นคนเล่นกีตาร์และผู้ให้ความบันเทิงด้วยเพลงตลกๆตามสไตล์ของเขาระหว่างรออลิซอาบน้ำ พวกคุณมีแผนจะนั่งเล่นรอบแคมป์ไฟกันก่อนถึงเวลาเข้านอน ส่วนแผนของวันพรุ่งนี้คือเกมล่าสมบัติเดินป่าในตอนเช้าและปาร์ตี้บาร์บีคิวตอนเย็นจนถึงดึก

    อลิซเดินเช็ดผมลงบันไดมาพร้อมกับข่าวร้ายที่คุณไม่อยากได้ยินที่สุด

            " พวก หลังจากนี้ใครจะอาบน้ำต้องไปที่แม่น้ำข้างนอกแล้วนะ ตะกี้จู่ๆน้ำก็ตัดไปเลย ดีนะที่ฉันอาบเสร็จทำไรเสร็จแล้ว "
    คุณสบถคำหยาบออกมา ขัดก้บพวกผู้ชายอีกสองหน่อที่ยังนิ่งเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
            " ไม่มีปัญหาสำหรับพวกฉัน ตอนนอนฉันแค่เปลี่ยนเสื้อ "
    มาร์คยักไหล่
            " ฉันใส่แค่บ็อกเซอร์ตัวเดียวก็เอาอยู่ "
    อัลเฟร็ดว่าขณะหยิบโค้กกระป๋องขึ้นมาซด
            " นั่นเรื่องของพวกนายสิ ฉันต้องอาบนี่! "
    คุณประท้วง พวกเขามองหน้ากันและพากันถอนหายใจ
            " แล้วจะให้เราทำไง ? "
    คุณนิ่งไปครู่หนึ่ง พยายามคิดหาทางแก้
            " ระบบน้ำมันอยู่ตรงไหนล่ะ? ฉันว่าอาจจะมีปัญหาตรงหัวส่งหรือแทงค์น้ำ อัล นายซ่อมของเป็นนี่นา พอจะแก้เจ้านี่ได้ไหม? "
    อัลเฟร็ดขมวดคิ้ว สีหน้าดูลังเล
            " ไม่รู้สิ พวกสถานที่พักผ่อนแนวนี้ ระบบน้ำกับไฟจะจ่ายมาตามสายส่งซึ่งต้นทางระบบจะอยู่ที่ส่วนบริหาร ถ้ามันมีปัญหา เราต้องไปติดต่อบ้านหรืออาคารของฝ่ายผู้ดูแลให้เขาทำให้ "
            " รู้สึกว่าสำนักงานจะอยู่ตรงกลางพื้นที่หน่อยๆนะ "
    มาร์คเงยหน้าขึ้นมาจากแผนที่ในแผ่นพับ
            " ใช่ๆ! นั่นแหละๆ "
    " งั้นเราไปกันเลยไหม จมูกฉันเน่าแน่ถ้าพรุ่งนี้เช้าพวกนายยังไม่ได้อาบน้ำ "

    อลิซกึ่งถามกึ่งแขวะ มาร์ครื้อเอาคู่มือการเข้าพักจากตู้ออกมาไล่ดู
            " เอ่อ...มีปัญหานิดหน่อย ในนี้มันบอกว่าสำนักงานผู้ดูแลปิดตอนห้าโมง "
    เขาบอกพลางหันหน้าหนังสือมาให้
            " แล้วตอนนี้กี่โมง? "
    เขาก้มดูนาฬิกาข้อมือ
            " หกโมงจะครึ่งแล้ว..."
    ความเงียบเข้าปกคลุมไปทั่วบรรยากาศครู่หนึ่งก่อนคุณจะโอดครวญออกมา

            " โอย...ล้อกันเล่นใช่ไหมเนี่ย..."

            คุณเอามือข้างนึงกุมขมับแล้วชำเลืองมองออกไปนอกหน้าต่าง ตอนนี้ข้างนอกมืดสนิทแล้ว ทุกอย่างดูนิ่งสงบ แต่อย่าได้นึกว่าคุณจะลืมเรื่องเงาตัวใหญ่เมื่อตอนนั้นนะ
            " ช่างมัน ไม่อาบแล้วก็ได้ "
    คุณส่งเสียงฮึดฮัด
            " เธอพาอัลหรือมาร์คไปเป็นเพื่อนคนนึงก็ได้นี่ "
    อลิซพูดหยอกพลางกลั้นหัวเราะ ส่วนสองหนุ่มที่ถูกกล่าวถึงนั้นอมยิ้มกรุ้มกริ่ม คุณส่งสายตาอาฆาตไปให้
            " เหอะ ฝันไปเถอะย่ะ "
    คุณกัด พวกเขาหัวเราะก่อนจะพากันไปชะเง้อส่องดูหน้าต่าง
            " ข้างนอกก็ปกติดีนะ เธอไปอาบสิ ไม่เป็นไรหรอก ถ้าจะมีผีก็มีแต่ผีทะเลลามกแบบพวกฉันนี่แหละ "
    อัลเฟร็ดแซว คุณเขกหัวเขาไปโป๊กหนึ่งเป็นรางวัล
            " ไม่เอาหรอก รออาบตอนเช้านั่นแหละ "
    คุณบอก พยายามไม่แสดงออกถึงความกลัว แต่ก็ยังไม่พ้นหูสัมผัสดีของอลิซ เธอยิ้มน้อยๆางส่ายหัว
            " เธอยังกลัวอยู่ล่ะสิ ไม่ไหวเล้ย "
    ประโยคนั้นฉุกให้มาร์คนึกถึงเหตุการณ์เมื่อตอนบ่าย
            " ตอนทำอาหารกัน (...)ก็บอกว่าเห็นอะไรวูบไปวูบมาตรงแนวป่าเหมือนกัน "
    เขาบอก ทำเอาทุกคนหัวเราะร่วนออกมา ยกเว้นคุณที่ชักจะเริ่มรู้สึกฉุนจนลืมความหวาดระแวงไปหมดสิ้น

            " เออๆ ไม่มีก็ไม่มี ฉันไปล่ะ "

            คุณว่าก่อนจะเดินกระทืบเท้าอย่างหัวเสียขึ้นไปเอาเสื้อผ้าและอุปกรณ์อาบน้ำ ตอนนี้คุณรู้สึกเหมือนเป็นตัวเอกในหนังผีเลยก็ว่าได้ พวกที่ชอบโดนหัวเราะ คุณไม่ชอบใจนักที่พวกผู้กำกับหนังแนวนี้ชอบเขียนบทให้พวกเขาดูซื่อบื้อโง่เง่า อย่างมุกเกลื่อนกลาดที่นิยมเขียนให้ตัวเอกเห็นหรือสัมผัสอะไรได้มากกว่าคนอื่นๆ เช่น เห็นอะไรแวบไปแวบมา แต่พอตามคนอื่นๆมาดูพวกเขากลับไม่เห็น แล้วตัวเอกก็โดนล้อว่าไร้สาระบ้างล่ะ คิดมากบ้างล่ะ สารพัดถ้อยคำน่าอายก่อนที่เนื้อเรื่องจะดำเนินไปตามพล็อตหลังจากนั้น คือทวีความขนพองสยองเกล้ามากขึ้นเรื่อยๆไปตามระดับ บรรดาพวกที่เคยหัวเราะเยาะตัวเอกเริ่มยิ้มกันไม่ออก เหตุการณ์หลอกหลอนพุ่งสูงถึงจุดไคลแม็กซ์ซึ่งเป็นที่สุดของที่สุดของความขนหัวลุกแล้วสุดท้ายก็ตู้ม ผีทั้งหลายมลายหายไปในตอนจบ เหลือไว้ซึ่งความเขย่าขวัญฝากไว้กับตัวผู้ชม...แต่ถ้าคนๆนั้นไม่กลัวก็...เปลี่ยนเป็นทิ้งความบันเทิงไว้แทนละกัน

    คุณคว้าเสื้อนอนตัวเก่งกับไฟฉายมาหนึ่งกระบอก

            " อ้าว ไม่กลัวแล้วเหรอ "
    อัลเฟร็ดแซว คุณมองค้อนใส่เขาแล้วเดินปึงปังออกไป

            ทะเลสาบอยู่ห่างจากบ้านพักของคุณไปประมาณร้อยกว่าเมตร บอกตรงๆว่ากว่าคุณจะเดินมาถึงตรงนึ้ได้ก็ออกจะกล้าๆกลัวๆมาตลอดทาง บอกตามตรงว่ามันกลับมาอีกแล้ว ความรู้สึกเหมือนถูกใครสักคนจ้องมองเดินตามมาตลอดทาง

            คุณเหลียวไปมองข้างหลังเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อให้แน่ใจว่าบริเวณรอบๆไม่มีใคร หรืออะไรตามมา(อ)ก่อนจะถอดทุกอย่างออกวางพักไว้บนท่อนซุงที่อยู่ใกล้ๆแล้วค่อยๆเดินลงไปทะเลสาบ คุณอาบน้ำโดยหันหลังให้ฝั่งเผื่อมีเพื่อนคนไหนเกิดทะเล่อทะล่าพรวดเข้ามา แต่ด้วยเหตุอะไรสักอย่าง แผ่นหลังของคุณรู้สึกเย็นวาบเสียวแปลบอย่างน่าพิศวงตลอดเวลา คุณตัดสินใจรีบทำธุระให้เสร็จเร็วๆเพื่อจะได้รีบๆกลับไปบ้านพัก

            คุณจัดการแต่งเนื้อตัวทันทีที่ขึ้นจากน้ำได้ จังหวะเดียวกับที่มีเสียงซ่อกแซ่กของต้นไม้ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เสียงอยู่ใกล้กว่าเดิม ดังยิ่งกว่าเดิม...คุณเอื้อมมือคว้าไฟฉายขึ้นมาส่อง คุณคิดไม่ถึงว่าในตอนนั้นเองที่คุณได้เข้าใจลึกซึ้งถึงคำกล่าวที่ว่าช็อกจนพูดไม่ออก

            แทนที่แสงจากไฟฉายจะส่องไปเห็นต้นไมีหรือพุ่มหญ้าอย่างที่ควรจะเป็น แต่มันกลับเป็นภาพของหน้ากากฮอกกี้สีขาวสะท้อนกลับมาแทน ไฟฉายลื่นหลุดจากมือคุณตกลงบนพื้นขณะที่ทั้งตั้วของคุณแข็งทื่อ นัยน์ตาสี(...)สั่นเทาด้วยความหวาดผวาจับจ้องค้างอยู่กับภาพตรงหน้าขณะที่ตัหน้ากากค่อยๆย่างเท้าออกมาจากที่ซ่อนต้นไม้...คุณไม่เคยเห็นอะไรน่ากลัวขนาดนี้มาก่อนในชีวิต

            เจ้าของหน้ากากเป็นชายที่ตัวสูงใหญ่มาก เขาใส่เสื้อยืดสีดำเก่าๆสวมทับด้วยแจ็กเก็ตผ้าหยาบสีกากีโทรมๆที่ขาดวิ่นเป็นจุดๆ แถมยังเปื้อนทั้งคราบสกปรกจากดินและเลือดที่แห้งเกรอะคู่กับกางเกงยีนส์สีน้ำเงินเข้มมอซอกับรองเท้าคอมแบทสั้นเก่าๆ คุณมองไม่เห็นใบกน้าหรือแม้แต่ดวงตาของเขาเพราะมันถูกบดบังด้วยหน้ากากฮอกกี้สีขาวที่สีซีดเก่าเต็มไปด้วยรอยขีดข่วน เมื่อดูจากพื้นผิวของศีรษะไร้เส้นผมที่บิดเบี้ยวผิดรูปไปบางส่วน คุณก็นึกขอบคุณที่เขาเลือกสวมหน้ากากอำพรางใบหน้า แต่มันไม่ได้ช่วยให้สิ่งน่ากลัวที่สุดเบาบางลงไปได้เลย...คุณหมายถึงมือขวาของเขาที่ถือมีดสปาต้าขนาดยาวขึ้นสนิมประปรายปนกับคราบเลือด เจ้าตัวหยุดเดินเว้นระยะห่างจากคุณราวๆสองก้าว

            เขามองจ้องคุณเขม็งผ่านตาของหน้ากากอยู่พักหนึ่ง และโดยไม่บอกไม่กล่าว เขาคว้าคอคุณด้วยมือข้างที่ว่างแล้วจับยกลอยขึ้นมาในอากาศ คุณอ้าปากพะงาบพยายามไขว่คว้าเอาอากาศ ขาของคุณแกว่งไกวปัดป่ายไปมาทุรนทุรายจากการหายใจไม่ออก ทันทีที่เขาเงื้อมีดสปาต้าขึ้น ใบหน้าของคุณก็อาบไปด้วยน้ำตาจากความหวาดกลัวและความทรมาน

    ฉันเข้าใจหัวอกพวกตัวเอกในหนังผีแล้ว วินาทีที่กำลังจะตายนี่มันหาอะไรมาเปรียบเทึยบไม่ได้เลย

    คุณหลับตาปี๋เตรียมยอมรับชะตากรรมของตัวเอง รู้ดีว่าดิ้นรนไปเท่าไหร่ก็หนีไม่พ้น

    ~~~~~~~~~~~~

            ผิดคาด ไม่มีทั้งเสียงฟึ่บฟั่บของอาวุธที่หวดในอากาศและไม่มีความเจ็บปวด คุณยังมีชีวิตอยู่ คุณรวบรวมความกล้าแล้วค่อยๆลืมตาขึ้นพบว่าเขากำลังจับจ้องอะไรบางอย่างที่อยู่ข้างล่าง คุณก้มลงมองตำแหน่งเดียวกัน เขากำลังมองเสื้อสเวตเตอร์ของคุณที่วางพับอยู่บนขอนไม้อย่างใจจดใจจ่อ เพียงครู่หนึ่งเขาก็หันกลับมาที่คุณแล้วค่อยๆคลายมือที่จับคอคุณไว้ก่อนจะหย่อนตัวคุณกลับลงบนพื้นช้าๆ คุณยืนนิ่งไม่กล้าขยับไปไหนเพื่อดูเชิงอีกฝ่าย ประสบการณ์จากภาพยนตร์และนิยายสยองขวัญทั้งหลายสอนคุณไว้ว่าการอยู่นิ่งๆจะช่วยยื้อชีวิตไปได้อีกระยะหนึ่ง การส่งเสียงกรีดร้องหรือผลุนผลันวิ่งหนีไม่ได้ช่วยอะไรนอกจากจะเป็นเชื้อเพลิงกระตุ้นให้ผีหรือฆาตกรตัดสินใจปลิดชีวิตเหยื่อง่ายและเร็วยิ่งกว่าเดิม

    คุณค่อยๆย่อตัวลงหยิบสเวตเตอร์ขึ้นมาโดยมีสายตาของเขากวาดไล่ตาม

    เอาล่ะ...เป็นไงเป็นกัน

    คุณสูดหายใจลึกพลางคลี่มันออก มันเป็นสเวตเตอร์ไหมพรมถักสีแดงไวน์ที่อลิซให้คุณเป็นของขวัญคริสต์มาสต์เมื่อปีก่อน

            " ค-คุณชอบเหรอ? "

    เยี่ยม...ฉันกำลังคุยกับชายสยองที่เกือบจะฟั่นฉันด้วยมีดสปาต้า มีอะไรบ้ากว่านี้อีกไหม...

            เขาผงกหัวน้อยๆแทนคำตอบก่อนจะรับเสื้อของคุณไปดู แล้วจู่ๆเขาก็เงื้อมีดน่าสยองนั้นขึ้นมาอีกครั้ง คุณสะดุ้งโหยงรุนแรงยกมือขึ้นปิดหน้าขณะที่เขาหวดมีดลงมา

    ฉึก!

            เสียงนั้นดังกลับขึ้นห่างออกไป คุณจึงค่อยกล้าลดมือลง มีดนั้นปักทิ่มลงบนดินที่อยู่ใกล้ๆจุดที่คุณยืนอยู่ก่อนที่เจ้าของมีดจะจับมันลากไปตามพื้นขูดขีดให้เป็นตัวอักษร เขาชี้ผลงานให้คุณดู คุณก้มลงอ่านข้อความที่เขาเขียน

    'เ-จ-สั-น'

            คุณกระพริบตาแล้วเงยหน้าขึ้นมองเขา

    นั่นคงจะเป็นชื่อเขาล่ะมั้ง

            "...ชื่อคุณเหรอ?..."
    เขาพยักหน้าก่อนจะชี้นิ้วมาที่คุณ
            " ฉ-ฉันเหรอ?...ฉันชื่อ(...).."
    คุณตอบ เจสันผงกหัว แต่ก็ยังไม่ยอมพูดอะไรนอกจากเดินไปนั่งตรงขอนไม้ที่คุณวางข้าวของไว้ เขาเอาเท้าเตะกลบข้อความเดิมก่อนจะลงมือเขียนข้อความใหม่ลงไป เขาชี้มันเป็นสัญญาณบอกให้คุณมาอ่าน

    ให้ตายสิ...ชีวิตนี้ฉันไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสทำอะไรบ้าๆแบบนี้

    คุณบังคับขาตัวเองให้ขยับไปก่อนจะนั่งลงข้างเขาอย่างกล้าๆกลัวๆพลางก้มลงอ่านข้อความที่เจ้าตัวเขียน

    ' มาทำอะไรที่นี่ '

            คุณนิ่งไปพักใหญ่ พยายามเดาทางคนถาม คุณควรบอกเขาตามตรงไหมว่าคุณมาเที่ยวกับพวกเพื่อนๆหรือควรจะโกหกอย่างอื่นไปเผื่อเขาเกิดกระหายเลือดขึ้นมาจะได้ฆ่าคุณแค่คนเดียว

            " ฉันมาเที่ยวกับเพื่นอีกสามคน "
    เขาพยักหน้า ท่าทางยังคงนิ่งเฉย ดูไม่เป็นอันตราย แต่ก็ยังไม่น่าไว้ใจเช่นกัน
            " ล-แล้วคุณล่ะ?...มาทำอะไรเหรอ?..."
    คราวนี้เขาควักเอากระดาษโน้ตเก่าและดินสอทู่สั้นจากกระเป๋าแจ็กเก็ตออกมาเขียน

    ' ฉันอยู่ที่นี่ ฉันฆ่าทุกคนที่มาที่นี่ '

    ข้อความนั้นทำคุณหน้าซีดเผือด คุณกลืนก้อนน้ำลายลงคออย่างหวาดหวั่น
            " ล-แล้วคุณจะฆ่าฉันกับพวกเขาด้วย...ช-ใช่ไหม?"
    คุณรู้สึกเสียใจทันทีที่ถามไปแบบนั้น เขาก็เพิ่งจะบอกอยู่ว่าเขาฆ่าทุกคนที่เข้ามาในนี้ คณไม่น่าไปย้ำเพิ่มให้ขวัญเสียมากกว่านี้เลย...

    กระดาษโน้ตอีกแผ่นถูกทิ้งลงมาบนตัก คุณหยิบมันขึ้นมา

    ' ยังไม่แน่ใจ '

    คุณโอดครวญอยู่ในหัว

    ขอทีเถอะ...ถ้าจะฆ่าก็ทำซะตั้งแต่ตอนนี้เลย อย่าตอบเบี่ยงไปเบี่ยงมาให้ทรมานกันเล่นแบบนี้...

    คุณหลุดออกจากห้วงความคิดเมื่อกระดาษอีกแผ่นร่อนตามมาติดๆ
    'เพื่อน'
    คุณกระพริบตา เจสันเองก็จ้องมองคุณกลับเหมือนกำลังรอคอยอะไรสักอย่าง คุณรู้ในทันทีว่าถึงเวลาเล่นเกมทายใจ...

            " คุณมีเพื่อนเหรอ?"
    เขาส่ายหัว
            " คุณอยากมีเพื่อน?"
    คราวนี้เขายักไหล่...ทำให้คุณรู้ว่าเริ่มมาถูกทาง
            " คุณ...อยากเป็นเพื่อนกับ...ฉัน?"
    ในที่สุด เจสันก็พยักหน้า คุณรู้สึกถึงเหงื่อที่ไหลซึมลงมาตามกรอบใบหน้าและอนวเส้นผมลงมาถึงลำคอขณะที่เขายังจับจ้องคุณอยู่อย่างไม่ลดละ

            " เอ่อ...ตกลง...ถ้าคุณต้องการแบบนั้น..."

    เขาผงกหัวอย่างพอใจ คุณสังเกตว่าเขาเพ่งความสนใจไปที่สเวตเตอร์ของคุณอีกครั้ง อะไรบางอย่างสะกิดให้คุณถามคำถามพิลึกพิลั่นที่สุดออกไป

            " ถ-ถามหน่อยได้ไหมว่าทำไมคุณถึงชอบเสื้อตัวนั้น "
    แทนที่จะได้คำตอบ เจสันกลับยกตัวคุณขึ้นพาดบ่าเหมือนกระสอบทราย คุณหลุดร้องออกมาทีหนึ่งด้วยความตกใจก่อนจะรีบยกมือขึ้นปิดปากยั้งไม่ให้ตนเองส่งเสียงร้อง เขาเดินแบกคุณผ่านบ้านพักหลายหลังเข้าป่าลึกไปเรื่อยๆ คุณเหงื่อแตกพลั่กด้วยความหวาดกลัว 
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
            เขาพาคุณมาหยุดอยู่หน้าบ้านเล็กๆดูเก่าทรุดโทรมหลังหนึ่งที่มีผนังเป็นแผ่นสังกะสีตอกผสมกับแผ่นไม้ มีประตูไม้สีน้ำตาลแก่ที่เนื้อไม้เริ่มถลอกกับหน้าต่างสกปรกเป็นคราบอีกหนึ่งบาน แค่ดูจากภายนอกคุณก็รู้แล้วว่าบ้านหลังนี้เจ้าของสร้างไว้เพื่อจุดประสงค์เดียวคือซุกหัวนอน ส่วนตียเจ้าของนั้นไม่ต้องถามคุณก็เดาออกว่าเป็นบุคคลเดียวกับคนที่แบกคุณมาที่นี่

            เจสันโยนมีดทิ้งไปลวกๆก่อนจะเปิดประตูเข้าไปข้างใน เขาวางคุณลงพลางชี้นิ้วไปข้างหน้า เมื่อคุณหันไปมอง คุณถึงกับต้องยกมือขึ้นปิดปากด้วยความพรั่นพรึงจากภาพตรงหน้า

            บริเวณกลางบ้านที่เป็นส่วนของห้องนั่งเล่นนั้นไม่มีเครื่องเรือนใดๆที่เกี่ยวกับห้องนั่งเล่นเลย ตรงกลางห้องมีโต๊ะหรือไม่ก็สิ่งของอะไรสักอย่างที่กองตั้งสุมกันให้ทำหน้าที่คล้ายกัน มีเทียนไขถูกจุดวางตั้งล้อมรอบกันเรียงรายทั้งพื้นรอบๆและข้างบน มีเสื้อเก่าๆเปรอะไปด้วยคราบสกปรกและขาดเป็นรูๆตัวหนึ่ง แต่เหนือสิ่งอื่นใด ส่วนที่ทำให้คุณขวัญผวาสั่นประสาทที่สุดคือส่วนปลายของคอเสื้อที่มีชิ้นส่วนศพเป็นส่วนศีรษะของหญิงชรารายหนึ่งตั้งอยู่ ผิวหนังของเธอมีริ้วรอยย่นติดโครงกระโหลก เส้นผมสีขาวแห้งกรอบชี้ฟูกระเซิงอยู่รอบศีรษะ ส่วนประกอบบนใบหน้าแห้งผากแต่ก็ยังไม่มีตรงไหนลึกโบ๋หรือเน่าเปื่อยสมบูรณ์เหมือนถูกใครเอาไปผ่านกรรมวิธี องค์ประกอบทุกอย่างในห้องนี้คล้ายกับห้องสำหรับทำพิธีกรรมหรือบูชายัญแบบที่คุณเคยเห็นในหนัง

            เจสันชี้ไปที่เสื้อสกปรกตัวนั้นพลางหันมาหาคุณ คุณพยักหน้าน้อยๆก่อนจะกระเถิบเข้าไปดูเสื้อเก่าตัวนั้นใกล้ๆ มองไปมองมาคุณก็เพิ่งสังเกตว่ามันคือเสื้อสเวตเตอร์ดีไซน์แบบเดียวกับเสื้อของคุณเปี๊ยบเลย ต่างกันเพียงแค่สี เสื้อของคุณสีแดงไวน์ ส่วนตัวนี้...ถึงจะเต็มไปด้วยคราบสกปรก แต่ถ้าเพ่งมองดีๆก็จะเห็นสีฟ่าตุ่นจางๆซึ่งเป็นสีเดิมของมัน 

            สำหรับคุณ คุณคิดว่าแค่เสื้อเดี่ยวๆไม่น่ามีความหมายสำหรับเจสันหรอก น่าจะเป็นอะไรที่เกี่ยวข้องกับชิ้นส่วนศีรษะของหญิงชราคนนั้นมากกว่าเมื่อดูจากวิธีการจัดวาง เสื้อตัวนี้ต้องเป็นเสื้อตัวเก่งที่หญิงคนนี้เคยใส่เมื่อตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ แล้วเธอก็คงเป็นคนสำคัญสำหรับเขามากๆ

            คุณหันไปมองเขาอย่างเป็นนัย ท่าทางเจสันจะเข้าใจเพราะเขาเขียนกระดาษใบหนึ่งมาให้คุณ บนกระดาษมีถ้อยคำสั้นๆเพียงคำเดียวที่ไขข้อข้องใจคุณได้ทุกประการ

    ' แม่ '

            ไม่รู้ว่าคุณรู้สึกไปเองหรือเปล่า แต่คุณว่าคุณเห็นเงาประกายไหววูบภายในตาของเขา นอกจากนี้ อะไรบางอย่างบอกคุณว่าใบหน้าภายใต้หน้ากากนั้นกำลังเศร้าสร้อย จากนั้นคุณก็ได้ทำในสิ่งที่บ้ายิ่งที่สุดในค่ำคืนนี้...คุณเดินตรงเข้าไปกอดคนตัวโตพลางตบหลังเขาเบาๆเป็นการปลอบใจเขาลังเลอยู่เสี้ยววินาทีแล้วยกแขนกอดตอบแบบหลวมๆก่อนผละออก เขาจ้องคุณค้างไปครู่หนึ่งแล้วดึงคุณออกมานั่งพักนอกบ้าน ตอนนี้น่าจะเป็นเวลาทุ่มกว่าแล้วเพราะท้องฟ้ามืดสนิทและเต็มไปด้วยดวงดาวระยิบระยับส่องแสงเหมือนหิ่งห้อย

    คุณตัดสินใจถามคำถามสุดเสี่ยงนั้นอีกรอบหนึ่ง

            " แล้ว..ตกลงคุณจะฆ่าพวกเราหรือเปล่า? "
    ทีแรกคุณกลัวเหลือเกินว่าเขาจะคว้ามีดนั่นมาจ้วงคุณออกเป็นท่อนๆ เหนือความคาดหมาย เขาส่ายหัว
            " คุณจะปล่อยพวกเราไปเหรอ? "
    น้ำเสียงของคุณซ่อนความดีใจไม่มิด เจสันพยักหน้าก่อนจะหยัดตัวลุกพาคุณเดินกลับไปที่ขอนไม้เดิม เขาเขียนกระดาษโน้ตส่งให้คุณอีกครั้ง

    ' จะกลับมาไหม? '

    คุณยิ้มเศร้าๆให้เขาพลางส่ายหัว

            " ถ้าพวกเพื่อนๆฉันรู้ว่าที่นี่มีอะไรก็คงไม่ได้กลับมาแล้วล่ะ"
    คุณเห็นเงาประกายเศร้าแบบเดิมสะท้อนอยู่ใต้หน้ากากฮอกกี้นั่นอีกครั้ง คุณถอนหายใจก่อนจะก้มหยิบสเวตเตอร์ขึ้นมาจากขอนไม้ส่งให้เจสัน เขารับไปก่อนจะมองคุณเป็นเชิงสงสัย

            " ฉันให้นี่...ตัวนี้คุณเองก็ใส่ได้ มันเป็นฟรีไซส์ เก็บไว้เป็นที่ระลึกนะ "
    เขาพับมันเก็บซ่อนไว้ใต้เสื้อยืดสีดำเก่าๆของตัวเอง เขาคว้าเอาก้อนหินขนาดเท่าฝ่ามือขึ้นมาจากริมแม่น้ำก้อนหนึ่งแล้วใช้มีดคู่ใจขูดๆขีดๆอะไรสักอย่างลงไปบนพื้นผิวของมัน เมื่อคุณรับมาดูก็พบรอยสลักเป็นอักษรตัวเจ ไม่ต้องให้เจ้าของผลงานบอกก็รู้ได้ว่าตัวเจที่ว่านั้นมาจากชื่อเจสัน

            " ข-ขอบคุณนะ.."
    คุณบอกพลางเก็บหินก้อนนั้นใส่กระเป๋ากางเกงขาสั้นเป็นอย่างดี เจสันพยักหน้า เขาก้มหยิบไฟฉายกระบอกเดิมที่คุณทำตกไว้ขึ้นมาส่งให้ คุณขมวดคิ้วด้วยความงุนงงเพราะจำได้ว่าตอนนั้นมันยังเปิดค้างอยู่ถึงจะตกพื้นไปแล้ว คุณจับมันเขย่าด้วยความหัวเสียจนตัวกระบอกส่งเสียงดังคล้องแคล้ง ท้ายสุดแล้ว...คุณก็ต้องทำใจยอมรับว่าถ้าแบตเตอรี่ไม่หมดก็คงจะพังแล้ว เห็นทีคุณคงต้องรบกวนคนข้างๆแล้วล่ะ

    " อ-เอ่อ...คุณรบกวนเดินไปส่งฉันได้ไหม? ไฟฉายฉันพังแล้ว "

    เจสันไม่ได้ตอบโต้อะไรนอกจากเดินนำคุณไปตามเส้นทางกลับบ้านพัก

            คุณทั้งสองเดินมาหยุดอยู่หลังแนวต้นไม้ที่คุณเดาว่าน่าจะเก็นจุดเดียวกับที่เขายืนมองคุณเมื่อตอนบ่ายเพราะจากตรงนี้สามารถมองเห็นบ้านพักได้เกือบจะทั่วถึงโดยเฉพาะส่วนหลังที่เป็นห้องครัวและห้องเก็บของ 

            " ขอบคุณนะ "
    คุณหันไปบอกเจสัน เขาผงกหัวน้อยๆ คุณส่งยิ้มทิ้งท้ายให้เขาแล้วก้าวโผล่ออกจากดงต้นไม้เดินกลับไปบ้านพัก

    ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

            สิ่งแรกที่ต้อนรับคุณเมื่อกลับเข้ามาในบ้านพักคืออลิซที่พุ่งดิ่งเข้ามากอดคุณเต็มแรง แขนของเธอกอดรัดคุณแน่นจนศีรษะคุณวิงเวียนเป็นจุดสีดำๆ

            " จู่ๆอะไรของเธอเนี่ย.."
    คุณถามอัลเฟร็ดและมาร์คที่เพิ่งจะวิ่งโร่เข้ามาในห้อง สีหน้าของทั้งสองคนตื่นตระหนกเหมือนหวาดกลัวอะไรอยู่
            " ..--(...) ธ-เธอพูดถูก ร-เราน่าจะเชื่อเธอตั้งแต่แรก "
    เธอพูดขึ้นในที่สุดหลังยอมปล่อยคุณ
            " ก-ก็ท-ที่นี่มันมีฆาตกรอยู่ในนี้น่ะสิ!! "
     คุณคิ้วขมวดด้วยความสงสัย
            " แล้วเธอไปรู้มาจากไหน "
    เธอชี้มือสั่นเทาไปทางสองหนุ่ม
            " ก็เจ้าสองคนนี้น่ะสิ หลังเธอออกไปไม่นาน พวกเขาก็เปิดไอเดียเล่าเรื่องผีกันระหว่างรอเธอ เราค้นเน็ตแล้วผลัดกันเล่า จนกระทั่งตานี่--"
    เธอชี้ไปที่มาร์ค
            " --ดันไปเจอเรื่องเล่าสยองในแคมป์เข้า ทีแรกก็ไม่อะไรกันหรอกเพราะคิดว่าเออมันเข้ากับบรรยากาศดี แต่ตอนท้ายมารู้ทีหลังท้ายเว็บว่ามันคือประวัติเรื่องจริงที่เคยเกิดขึ้นที่นี่น่ะสิ! เราเริ่มกลัวกันมาก แล้วเธอก็ไม่กลับมาซะที อัลกับมาร์คเลยโทรแจ้งเจ้าหน้าที่กับตำรวจ งี่เง่าที่สุด พวกเขาบอกว่าถ้าเธอยังไม่กลับมาในอีกห้านาทีนี้ค่อยแจ้งไปใหม่ ขอบคุณพระเจ้าที่เธอกลับมา ว่าแต่เธอไปอาบน้ำถึงไหนกันฮึ "
            " พอดีขากลับมันมืดเลยเสียเวลาเดินน่ะ "
    คุณโกหก ถ้าพวกเขารู้ความจริงล่ะก็คงสติแตกเตลิดเปิดเปิงแน่นอน อลิซกับพวกหนุ่มๆถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่สีหน้าของพวกเขายังคงฉายแววหวั่นกลัว

            " เอาล่ะ อยู่กันครบแล้วทีนี้ก็แยกย้ายกันไปเก็บกระเป๋าได้ซะที พรุ่งนี้ตามาร์คขับรถ... อ้อ เก็บของแล้วมานอนรวมกันชั้นล่างนะ อย่าแยกกัน "
    มาร์คและอัลเฟร็ดพยักหน้ารับก่อนจะแยกย้ายขึ้นไปห้องของตัวเอง เหลือคุณที่ยังสับสนอยู่
            " เอ่อ...อลิซ นี่เรากำลังทำอะไรกัน..? "
    เธอหันมามองคุณราวกับว่าคุณเสียสติไปแล้ว
            " โธ่เอ๊ย (...) เธอคงไม่หวังว่าเราจะอยู่ต่อหรอกนะหลังรู้ประวัติสยองขวัญของที่นี่ ไปเร็ว พรุ่งนี้เราจะกลับตอนตีห้าครึ่ง จริงๆถ้ากลับตอนนี้ทันฉันก็คงไปแล้วล่ะ "

            คืนนั้นพวกคุณทั้งหมดลงมาปูถุงนอนรวมกันที่ชั้นล่างโดยผลัดเวรกันเฝ้ายาม จริงๆก็เหมือนไม่ได้เรียกว่าเฝ้าสักเท่าไหร่เพราะทุกคนต่างไม่มีใครหลับลงหรือแม้แต่กล้าปิดตา...ทุกคนยกเว้นคุณคนเดียวที่หลับพริ้มสบายในถุงนอนของตัวเอง
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
            วันรุ่งขึ้น รถแวนออกแล่นไปทันทีที่นาฬิกาบอกเวลาตีห้าครึ่งพอดี ทุกคนต่างมีสภาพอิดโรยเหน็ดเหนื่อยจากอาการนอนไม่หลับเมื่อคืนที่ผ่านมา อลิซนอนคอพับพิงกระจก ใต้ตาของเธอมีรอยคล้ำเช่นเดียวกับอีกสองคน อัลเฟร็ดเอนเบาะหลับไปแทบจะทันทีที่รถออก ส่วนมาร์คผู้น่าสงสารกำลังถ่างตาตั้งอกตั้งใจขับรถพร้อมถุงใต้ตาสีเข้มทั้งสอง วินาทีนี้เขาดูไม่สนใจอะไรนอกจากพารถคันนี้ออกไปให้พ้นจากสถานที่นี่ให้เร็วที่สุด

            คุณล้วงเอาหินที่สลักอักษรตัวเจออกมาดูพลางเอี้ยวตัวหันไปมองวิวหลังรถเป็นครั้งสุดท้าย คุณยกมือโบกน้อยๆให้ร่างในหน้ากากฮอกกี้สีขาวที่โดดเด่นอยู่ท่ามกลางแนวป่าที่ยังมืดสลัวกำลังโบกมือกลับมาให้คุณเป็นเงาไหวๆในความมืด และถ้าตาคุณไม่ฝาด...คุณคิดว่าคุณเห็นเสื้อสเวตเตอร์สีแดงไวน์อยู่ภายในแจ็กเก็ตผ้าหยาบสีกากีขาดวิ่นตัวนั้น




    ...................................................................................................................................................................................................................
    *เพิ่มเติม*

    *25 ดอลลาร์ = ประมาณ 875 บาทไทยจ้า

    ...................................................................................................................................................................................................................
    ป.ล.1 อาทิตย์นี้เปลี่ยนมาอัพวันศุกร์เป็นพิเศษ เป็นตอนเจสันแล้ววันนี้ดันศุกร์ที่13พอดีไรต์ก็เลยลงซะเลย...หวังว่าจะไม่ขลังหรือมีไรหลอนๆเกิดขึ้นนา...
    ป.ล.2 ไรต์แอบขนลุกอยู่นิด พอถึงคิวเจสันปุ๊ปศุกร์ที13โผล่มาเลย...บังเอิญไปอีก
    ป.ล.3 ยังคงสับสนกะตัวเองว่าทำไมทีเขียนอะไรแนวสยองๆนี่ออกมายาวจริงยาวจัง...
    ป.ล.สุดท้าย คิวรีเควสจ้า
          1. Kozume Kenma [Haikyuu!!]
          2. Star-Lord [Marvel]
          3. Makoto Tachibana [Free!]
          4. Kirito [Sword Art Online]
          5. Pharaoh Atem [Yu-Gi-Oh!]
          6. Doctor Strange [Doctor Strange]
          7. Rikuo Nura [Nurarihyon no Mago] 
          8. Lavi [D.Gray-man]
          9. Yukimura Tooru [Aoharu x Kikanjuu]
          10. The Shape [Dead By Daylight]

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×