ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    All + Reader ตัวละครแสนรัก [ปิดรับรีเควสชั่วคราวจ้า]

    ลำดับตอนที่ #28 : [Outlast] Eddie Gluskin x Reader : Bride and Groom

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.29K
      88
      8 ก.ค. 61

    Pairing : Eddie Gluskin x Reader
    Theme : เจ้าบ่าวโลหิต
    Summary : นาทีเอาชีวิตรอดในโรงพยาบาลเขย่าขวัญ
    Warning!! : 1. ภาษา
                            - มีการบรรยายฉากสยองขวัญแบบหนังผี ( เลือด , ศพ , ฯลฯ )
                            2. ความสะอิดสะเอียนอันเนื่องมาจากข้อ1. (เพราะมันคือ Outlast... )
                            3. คำสบถด่ามีบ้างประปราย




    ...................................................................................................................................................................................................................


            " น่าเสียดายนะ อุตส่าห์เป็นถึงนักซอฟต์แวร์มีฝีมือ แต่ดันโง่เง่าพอที่คิดว่าการยืมอุปกรณ์คอมพิวเตอร์เพียงพอที่จะตบตาบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกได้"

            ชายในชุดสูทกึ่งทางการในตำแหน่งรองประธานกรรมการบริหารบริษัทเมอร์คอฟสังกัดโรงพยาบาลจิตเวชเมานท์แมสซีฟ เจเรมี แบลร์กำลังโก้งโค้งพูดกับชายหนุ่มผมสีบลอนด์อีกคนที่เพิ่งถูกเหวี่ยงล้มลงไปนอนกองกับพื้น เวย์ลอน พาร์คกำลังมองชายที่ยืนค้ำตระหง่านเหนือตนด้วยสายตาตื่นตระหนก ด้านหลังเจเรมี เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยติดอาวุธปืนยาวสามนายยืนเป็นกำลังหนุนคอยคำสั่งจากเจ้านายใหญ่ทำให้เวย์ลอนหมดโอกาสที่จะหนี เขารู้ดีว่าถ้าเขาแสดงอาการขัดขืนใดๆ เจ้าหน้าที่พวกนั้นสามารถยิงเขาตายได้ทันที

            " มากกว่าโง่อีก ที่จริง...มันบ้าระห่ำเลยล่ะ "

            เจเรมีหยัดตัวลุกขึ้นยืน เวย์ลอนเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเขายังนิ่งไม่ขยับตัวไปไหนเลย แต่มันก็ดูเป็นทางเลือกที่ฉลาดที่สุดแล้ว

            " ฉันเกรงว่าเราจะต้องกักตัวคุณไว้แล้วล่ะ คุณพาร์ค....คุณยินยอมถูกคุมขังโดยสมัครใจงั้นหรือ?กล้าหาญมาก เวย์ลอน บริษัทเมอร์คอฟซาบซึ้งในความกล้าหาญและความเสียสละของคุณมาก"
            ก่อนที่จะมีคำตอบใดๆเล็ดลอดออกจากปากของเวย์ลอย เจเรมีก็หันไปโต้ตอบกับเจ้าหน้าที่ด้านหลังทันทีโดยไม่เว้นช่องโหว่ทันให้เขามีโอกาสพูดเลย...หรืออีกนัย..คิดเองเออเอง

            " --ได้ยินไหม เขาบอกว่า 'ผมยินดี คุณแบลร์' เอาล่ะ ฉันว่าพวกนายจะจัดการให้ยาชาอ่อนๆกับคุณพาร์คได้นะ "

            เจเรมีถอยหลังไปก้าวหนึ่งพร้อมๆกับเจ้าหน้าที่หนึ่งในสามคนเดินตรงเข้ามา เขากำหมัดพุ่งเข้าใส่ใบหน้าของเวย์ลอนก่อนจะหวดซ้ำด้วยลำปล้องปืนยาว แล้วสติของเขาก็ดับวูบไป

            " เอาล่ะ ทีนี้ฉันก็ได้แต่หวังว่าเพื่อนอีกคนจะไม่เจอชะตากรรมเดียวกับคุณนะ คุณพาร์ค "
    เจเรมีพึมพำกับตัวเองขณะทอดสายตามองร่างไร้สติของเวย์ลอนถูกเจ้าหน้าที่ช่วยกันหิ้วออกไป
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    คุณเกลียดที่นี่
    ไม่ว่าใครจะพูดยังไง คุณก็เกลียดที่นี่
    แต่เดิมคุณเกลียดมันตั้งแต่วินาทีแรกที่เหยียบเข้ามาอยู่แล้ว แต่ตอนนี้..ทุกๆอย่างมัน...ป่วยมาก คุณปฏิญาณกับตัวเองว่าจะไม่เหยียบย่างเข้ามาที่นี่อีกถ้าได้มีโอกาสกลับออกไปสู่อิสรภาพ
    แล้วคุณก็เกือบได้มันมาแล้ว...คุณควรจะละทิ้งที่นี่แล้วจากไปพร้อมกับคนอื่นๆตั้งแต่เกิดเรื่องบ้าบอนี่แล้วถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่ลิซ่ากับหลานๆ ครั้งนี้คุณตัดสินใจผิดจริงๆ
    ไม่สิ...คุณไม่ได้ตัดสินใจผิดพลาดแค่ครั้งนี้ แต่คุณผิดตั้งแต่แรกที่ตกลงปลงใจเข้ามาทำงานที่นี่พร้อมๆกับเวย์ลอนแล้ว

            คุณกับเขากอดคอกันเข้ามาที่นี่พร้อมกันต่างกันเพียงแค่ตำแหน่งยิบๆย่อยๆ เขาทำทุกอย่างที่เกี่ยวกับซอฟต์แวร์ในขณะที่คุณรับหน้าที่ควบคุมระบบข้อมูลเครือข่ายการสื่อสาร ตั้งแต่ย่างเท้าเข้ามา คุณก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นตุๆของบริษัทเมอร์คอฟที่ควบคุมดูแลโรงพยาบาลแห่งนี้ ข้อสงสัยอย่างแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวคุณคือ อยู่ดีๆบริษัทประสาอะไรถึงเพี้ยนพอที่จะกล้าควักกระเป๋าซื้อกิจการแบบนี้เข้ามาอยู่ในความดูแล เฮ้ ไม่เอาน่า นี่มันโรงพยาบาลจิตเวชนะ ไม่ใช่ห้างวอลมาร์ต*หรือร้านเอชแอนด์เอ็ม*ที่อยู่ดีๆนึกจะซื้อก็ซื้อเอาดื้อๆ คุณคิดว่าเจ้าของบริษัทนี้ถ้าไม่ได้รวยล้นฟ้าจนมีเงินเหลือเฟือให้ผลาญเล่นก็คงจะซื้อเพื่อบังหน้าทำอะไรที่ไม่น่าเป็นเรื่องดี ปัจจัยอื่นๆยิ่งเพิ่มพูนกลิ่นตุนั้นให้ฉุนแรงขึ้นไปอีก ทุกคนที่ทำงานอยู่ที่นี่ถูกตัดขาดห้ามไม่ให้ติดต่อครอบครัวและคนใกล้ชิด ทุกๆวันคุณเห็นคนไข้คนแล้วคนเล่าถูกพาตัวลงไปในห้องแล็ปที่ชั้นใต้ดิน คุณไม่เคยรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นภายในห้องนั้นด้วยความที่คุณทำหน้าที่ดูแลการเชื่อมต่อของระบบการสื่อสารอยู่อีกชั้นหนึ่ง แต่สิ่งเดียวที่คุณรู้คือ คนไข้ทุกคนไม่ได้กลับขึ้นมาในสภาพเดิม ส่วนบางคนก็ไม่ได้กลับออกมาอีก ซ้ำร้ายกว่านั้นคือ เมื่อไหร่ก็ตามที่มีใครสักคนทำเรื่องขอลาออก เมื่อนั้นก็จะไม่มีผู้ใดได้เห็นเขาหรือเธอคนนั้นอีกเลย และเป็นไปไม่ได้ว่าพวกเขาจะกลับบ้านเพราะข้าวของสัมภาระยังอยู่ครบถ้วนที่เดิม นี่ยิ่งตอกย้ำให้คุณมั่นใจขึ้นไปอีกว่า บริษัทนี้ต้องทำอะไรดำมืดอยู่เบื้องหลังแน่ๆ จนกระทั่งวันหนึ่งที่คุณได้รู้คำตอบอันโหดร้ายจากปากของเวย์ลอนที่ส่วนใหญ่จะทำงานเข้าๆออกๆห้องนั้นเกือบทุกวัน เขาบอกว่าบริษัทต้องใช้ตัวทดลองในการทำโปรเจคอะไรสักอย่างที่เรียกว่าวอลไรเดอร์ ซึ่งก็นี่แหละสาเหตุที่พวกเขาลงทุนกว้านซื้อโรงพยาบาลแห่งนี้เพื่อบังหน้าแถมยังได้ตัวทดลองอีกเป็นฝูง เขาบอกคุณว่าเขาจำเป็นต้องพูดมันออกมาเพราะเขาทนเก็บไว้ไม่ไหวแล้ว เขาอยากทำอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น เขาอยากแฉ อยากเปิดโปงให้โลกได้รู้ถึงความชั่วช้าของบริษัทแห่งนี้ คุณทั้งบอกทั้งย้ำเขาว่าอย่าเลย มันไม่คุ้มหรอกถ้าจะเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงแขวนบนเส้นด้ายแบบนั้น คุณรู้ดีว่าบริษัทพวกนี้ไม่ต่างอะไรกับมาเฟีย พวกเขาทำได้ทุกทางให้ได้สิ่งที่ต้องการ 

    และพวกเขาพร้อมจะกำจัดใครก็ตามที่กล้าเข้ามาเป็นเสี้ยนหนามขวางทาง

            จนแล้วจนรอด ดวงอาทิตย์ย่อมมีวันดับแสง ความอดทนของมนุษย์ก็เช่นกัน วันหนึ่ง เวย์ลอนเข้ามาขอยืมอุปกรณ์คอมพิวเตอร์จากฝ่ายคุณแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย คุณรู้ในทันทีว่าเขาจะเอาไปทำอะไร แต่ก็ห้ามไม่ทัน นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่คุณได้เจอเขา

            เวลาผ่านไปจากวันกลายเป็นเดือน คุณก็เข้าใจว่าเวย์ลอนคงเป็นศพไปเรียบร้อยแล้ว จนกระทั่งวันวินาศสันตะโรที่วอลไรเดอร์เกิดหลุดออกมา เปลี่ยนที่นี่กลายขุมนรกแห่งฝันร้ายโดยสมบูรณ์ภายในไม่กี่เสี้ยววินาที ประตูทุกบานถูกเปิดออกพร้อมๆกับคนไข้แห่กันออกมาห้ำหั่นทั้งเจ้าหน้าที่และพวกเดียวกันเหมือนกับฝูงซอมบี้ผสมปิรันย่า ขอบคุณไหวพริบที่พาคุณหนีรอดออกมาได้ทันเวลา แต่โชคร้ายก็มาฉวยอิสรภาพไปจากคุณเมื่อบังเอิญได้ยินเพื่อนร่วมงานตำแหน่งเดียวกับเวย์ลอนพูดถึงเขา ทำให้คุณตัดสินใจโง่เง่ากลับเข้ามาในนี้เพื่อตามหาเขา 

    เวย์ลอนยังไม่ตาย เขาแค่ถูกกักตัวไว้เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเป็นตัวทดลอง

            และแล้วคุณก็ติดอยู่ในนี้แบบไม่เห็นเดือนเห็นตะวันไร้ทางออก เวลาน่าจะผ่านมานานโขแล้วเมื่อดูสภาพของตัวเองที่มีคราบเลือดเปื้อนเกรอะกรังประปราย คุณขโมยเสื้อจั๊มสูทของคนไข้ที่ตายแล้วคนหนึ่งมาใส่แทนเครื่องแบบเพื่อตบตาเพราะพวกเขามีแนวโน้มจะรุมทึ้งพวกเจ้าหน้าที่มากกว่าคนไข้ด้วยกันเอง สัมภาระเพียงอย่างเดียวที่คุณเอาติดตัวมาจากเครื่องแบบชุดเก่าคือกระเป๋าคาดเอวกันน้ำคู่ใจที่คุณตั้งชื่อเล่นมันว่า 'กระเป๋ากู้ชีพ' เพราะข้างในอัดแน่นด้วยข้าวของเครื่องใช้เล็กๆน้อยๆสำหรับรับมือเหตุการณ์ฉุกเฉิน ตั้งแต่กระดาษทิชชู่ ชุดอุปกรณ์ปฐมพยาบาลเบื้องต้นไปจนถึงยารักษาโรค 

             คุณเอนหลังพิงผนังสแตนเลสเย็นเยียบของช่องระบายอากาศที่เพิ่งจะปีนขึ้นมาหลบเงื้อมือของแฟรงก์ แมเนอร่า ตาแก่วิปริตผู้โปรดปรานการกินเนื้อคน ขนาดขึ้นมาบนนี้คุณยังได้ยินเสียงวี้ดๆชวนเสียวฟันจากเลื่อยไฟฟ้าของเขาอยู่เลย

    " ฮึ่มม!!! แกเป็นของฉัน!! ไอ้เนื้อ!! "

            เขาคำรามและสบถออกมาอย่างโมโหก่อนจะเดินดุ่มๆออกไปจากห้อง ทิ้งเสียงวี้ดๆของเลื่อยให้หลอกหลอนแว่วอยู่ภายใน หน้าอกของคุณกระเพื่อมขึ้นลงอย่างหนักหน่วงด้วยความเหนื่อย คุณล้วงเอาโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดอ่านข้อความที่ลิซ่าแอบส่งมาหาเมื่อนานมาแล้ว ข้อความที่คุณมักจะเปิดอ่านทุกครั้งที่กำลังท้อแท้จะถอดใจหรือรู้สึกว่ากำลังจะประสาทเสียเพื่อเตือนให้ตัวเองยังมีสติ


    ถ้าข้อความนี้ส่งถึงเธอ ขอร้องล่ะ ถ้ามีโอกาส ช่วยพาเวย์ลอนกลับมาบ้านด้วย ฉันไม่สนแล้วว่างานนี้จะได้ค่าตอบแทนสูงแค่ไหนหรือจะตำแหน่งดีเลิศยังไง สิ่งเดียวที่ฉันต้องการคือสามีฉันกลับบ้าน ได้โปรด เธอเป็นความหวังของฉัน (...)
    ลิซ่า       

    คุณหลับตา รู้สึกถึงหยดเหงื่อที่ไหล่ชะโลมลงมาตามใบหน้า 

    อย่าว่าแต่เวย์ลอนเลย ลิซ่า...ตัวฉันเองยังไม่แน่ใจเลยว่าจะได้กลับออกไปไหม...

            คุณสูดกลิ่นอากาศอับชื้นเข้าไปแล้วค่อยๆคลานตามช่องแคบๆของท่อเลี้ยวไปอีกทาง คุณไม่มีวันกลับไปทางเดิมเด็ดขาดเพราะไม่มั่นใจว่าแฟรงก์ยังป้วนเปี้ยนอยู่แถวนั้นไหม ถ้าไม่ก็โชคดีไป แต่ถ้าใช่...อืม  คงไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ถ้าต้องกลายเป็นมื้อค่ำของคนอื่น เพราะงั้นคุณขอไม่เสี่ยงดีกว่า
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    ศพ ศพ ศพ แล้วก็ศพ
    หันไปทางไหนก็มีแต่ซากศพ คนนอนตายเกลื่อนกลาดไปหมด
    คุณไม่เคยเห็นที่ไหนน่าสะอิดสะเอียนมากเท่านี้มาก่อน 

            ทุกเส้นทางที่คุณย่างเท้าอบอวลไปด้วยกลิ่นสนิมเหล็กรุนแรงฉุนจมูก คุณแยกไม่ออกแล้วว่ากลิ่นไหนคือกลิ่นสนิมจากเหล็กแล้วกลิ่นสนิมไหนคือกลิ่นของเลือด ทุกอย่างปะปนกันมั่วซั่วไปหมด ชิ้นส่วนและเครื่องในมนุษย์กองกระจัดกระจายตามบริเวณต่างๆราวกับตัวต่อเลโก้ในเวอร์ชั่นสยองขวัญ

            สารรูปของคุณในขณะนี้เรียกได้ว่าเกือบจะเป็นขั้นสุดของการออกแบบตัวละครในหนังฆาตกรรม เสื้อผ้าของคุณชื้นแฉะและมีคราบเลือดเปื้อนฝังเปรอะผสมกันทั้งเลือดจากเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายรายอื่นที่บังเอิญกระเซ็นมาโดนและเลือดจากการบาดเจ็บของคุณเองที่ล้มลุกคลุกคลานมาแล้วแทบจะทุกพื้นผิวในสถานที่แห่งนี้ ความไม่น่าอภิรมย์ต่างๆทั้งบรรยากาศที่มีแต่กลิ่นอับชื้นของสถานที่และกลิ่นเหม็นเน่าของซากศพ ฉากคนฆ่ากันตายต่อหน้าต่อตา เสียงร้องครวญครางโหยหวนดังแว่วมาในโสตประสาทเป็นช่วงๆเริ่มทำให้คุณขวัญเสียมากเข้าไปทุกที คุณผวาตกใจกับอะไรต่างๆได้ง่าย แม้แค่เสียงเล็กๆน้อยๆอย่างพื้นไม้ที่ดังเอี๊ยดอ๊าดก็ทำให้คุณสะดุ้งโหยงได้แล้ว ความหวังดูจะเป็นสิ่งเดียวของคุณที่ริบหรี่ลดน้อยลงไปเรื่อยๆ

    คุณค้นหาเกือบจะครบทุกที่แล้ว แต่ก็ยังไม่เจอแม้แต่เงาของชายชื่อเวย์ลอน พาร์ค
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    ทำไมแถวนี้มันเงียบจัง ...

            นัยน์ตาสี(...)กวาดสำรวจไปรอบๆบริเวณที่ล้อมด้วยกำแพงไม้กระดานกั้นแบ่งเป็นส่วนต่างๆทั่วชั้นดูคดเคี้ยวคล้ายเขาวงกตขนาดย่อม ข้าวของต่างๆในห้องวางกองระเกะระกะรกรุงรัง ชั้นวางของเหล็กที่ขึ้นสนิมสีน้ำตาลน่าเกลียด วัสดุก่อสร้างเหลือใช้ที่ผุพังแล้วกว่าครึ่ง เบาะนอนเก่าๆเหม็นหืนกับเครื่องเรือนอื่นๆวางทิ้งไว้เป็นจุดๆ แต่ละอย่างไม่มีอะไรเข้าชุดกันเลย คุณค่อยๆเดินเลาะลอดกองขยะผ่านช่องทางเดินแคบๆไปเรื่อยๆจนเจอทางออกไปสู่ห้องโกโรโกโสโล่งๆห้องหนึ่งมีแค่บันไดตรงกลางที่ทอดลงไปยังชั้นสาม ขณะที่คุณลังเลว่าจะเดินลงไปหรือจะเลาะกลับออกไปทางเดิม สายตาก็ไปสะดุดกับถ่านแบตเตอรี่ตกอยู่แถวนั้นสองก้อน ก่อนที่คุณจะทันได้ไตร่ตรอง บันไดนั้นก็ดึงดูดให้คุณลงมาอยู่ข้างล่างแล้ว
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
            ชั้นสามมีกลิ่นเหมือนร้านซักรีดเก่าๆที่ถูกทิ้งไว้กลางดงสิ่งก่อสร้างปล่อยร้าง กลิ่นสาบของผ้าอบอวลปนกับกลิ่นอับของอากาศชวนให้อึดอัด ในนี้มืดมาก คุณล้วงไฟฉายอันจิ๋วออกจากกระเป๋าคาดเอวขึ้นมาส่อง คุณอยู่ที่ไหนสักแห่งที่ทำให้นึกถึงโรงงานตัดเสื้อ มีโต๊ะยาวพร้อมจักรเย็บผ้าวางเรียงรายเป็นแถว คุณค่อยๆเดินหาเวย์ลอนไปทีละส่วน 'ยินดีต้อนรับกลับบ้าน' 'ความรักทำให้บ้านเป็นวิมาน' ' บ้านคือวิมานแสนสุข' บรรดาประโยคน่าอบอุ่นบนกำแพงตามห้องต่างจะฟังดูซาบซึ้งมากถ้ามันไม่ได้ถูกเขียนด้วยเลือด วิทยุที่เปิดเพลงรักยุคคลาสสิคดังแว่วคลอเบาๆทั่วพื้นที่ ไฟที่เปิดอยู่สลัวๆประปรายในบางห้อง สารพัดสัญญาณหลายอย่างบ่งบอกว่ามีใครบางคนยึดเอาที่นี่เป็นที่อยู่ส่วนตัว คุณยังไม่เจอทั้งเวย์ลอนหรือตัวเจ้าของสถานที่แม้จะเดินค้นอยู่พักนึงแล้ว แต่ที่แน่ๆ จากการเห็นศพหลายร่างในชุดกระโปรงตัดเย็บจากผ้าหลายชิ้นที่ถูกจัดท่าทางให้เหมือนหุ่นโชว์ตามร้านเสื้อ คุณก็คิดว่าเป็นการดีกว่าที่จะไม่เจอเจ้าของบ้าน...

            คุณเข้ามาถึงห้องซักผ้าที่รายล้อมไปด้วยเครื่องซักและอบหลายเครื่องเมื่อเห็นร่างที่มีผมสีบลอนด์ในชุดจั๊มสูทคนไข้สีเนื้ออมน้ำตาลถือกล้องวิดีโอวิ่งโฉบผ่านประตูไปยังทางเดิน

    เวย์ลอน!!

            คุณรีบออกตัววิ่งหมายจะให้ทันเขาโดยไม่ได้คิดหน้าคิดหลังเพราะความดีใจ ขาของคุณถูกแช่แข็งกับที่ทันทีเมื่อหูได้ยินเสียงฝีเท้าอีกเสียงดังตามมาติดๆ คุณบังคับตัวเองให้รีบดันตัวเข้าไปซ่อนอยู่ในซอกหลืบแล้วมองข้างนอกผ่านช่องโหว่เล็กๆของตู้และชั้นวาง เพียงแค่ครู่เดียว คุณก็ได้เห็นผู้ที่เป็นต้นเหตุให้เวย์ลอนติดฝีเท้าโกยอ้าว

            เขาเป็นชายร่างสูงที่มีรูปร่างแข็งแรงกำยำแบบนักกีฬา ผมสีดำของเขาตัดเป็นทรงอันเดอร์คัตรับกับใบหน้าคมที่เปื้อนคราบเลือด สิ่งที่ชวนใจคอไม่ดีมากกว่าอะไรอื่นคือชุดสูทในสไตล์ย้อนยุคของเขาที่ตัดจากผ้าหลายๆชิ้นปะเย็บรวมกัน ทั้งเชิ้ตสีขาว เสื้อกั๊กรัดเอวสีฟ้าหม่นเข้าชุดกับหูกระต่ายสีเดียวกันคู่กับกางเกงคาร์โกสีดำและบูททำงาน ไม่ว่าจะพยายามมองในแง่ดีแค่ไหน...เครื่องแต่งกายเขาก็ถูกทำขึ้นด้วยวิธีเดียวกับเสื้อตัวอื่นๆที่พวกหุ่นศพใส่กันอยู่เปี๊ยบเลย

    โอ๊ะโอ...ท่าทางฉันเจอเจ้าของบ้านเข้าซะแล้วล่ะ...

     เขาหันซ้ายขวาไปรอบๆพยายามมองหาเวย์ลอน

            " คุณซ่อนตัวจากผมไม่ได้ตลอดหรอกนะที่รัก "
    เขาเอ่ยด้วยเสียงนุ่มทุ้มดูสุภาพอ่อนหวาน แต่จากนั้นเจ้าของเสียงก็เงียบไปก่อนจะทำการระเบิดอารมณ์ออกมาเปลี่ยนไปเป็นคนละคนสลัดคราบสุภาพบุรุษเมื่อครู่หมดสิ้น

    " ยัยตัวโสโครก!! ชั่วช้า!! กลับกลอก!! ตลบแตลงด้วยอคติกับแววตาเลวๆนั่น!! "

            เสียงของเขาตวาดก้องดังขึ้นมากะทันหันทำคุณสะดุ้งด้วยความตกใจจึงเผลอชนเข้ากับผนังตู้จนเกิดเสียงดัง ส่งผลให้เขาตวัดหันมายังที่มาของเสียงทันที 

    " ที่รัก! "

            เขาค่อยๆตรงมาหาคุณ ยิ่งเข้าใกล้มากขึ้นคุณก็เห็นใบหน้าเขาชัดยิ่งขึ้น ตอนนั้นเองที่คุณได้รู้ว่ามันไม่ใช่คราบเลือดที่เปื้อนบนหน้าของเขา...แต่เป็น..โอ้พระเจ้า...มันคือแผลพุพองสีแดงที่บางจุดมีผิวหนังถลอกร่อนออกมา ใบหน้าซีกขวาของเขาอาการแย่ที่สุด แผลพวกนั้นปกคลุมเกือบทั่วจนดูเหมือนปาน อีกซีกหนึ่งก็พอมีบ้างแต่ไม่เยอะจนน่ากลัวเท่ากับซีกขวา ตาข้างขวาเป็นสีแดงของเลือดแทนส่วนที่ควรจะเป็นตาขาว แต่นั่นก็ขับให้นัยน์ตาสีฟ้าใสของเขายิ่งโดดเด่นออกมาด้วยเช่นกัน

    คุณตัวแข็งนิ่งด้วยความหวาดกลัวราวเมื่อนัยน์ตาสีอ่อนคู่นั้นจ้องมองคุณผ่านช่องโหว่นั่น

            " ช่างน่าสงสาร ติดอยู่ในซอกแคบๆไร้ทางออก แต่ไม่ต้องห่วงนะที่รัก ผมจะช่วยคุณเอง "

            ไม่ ไม่ ไม่ ไม่เป็นไร ขอบคุณ อย่ามายุ่งกับฉัน นั่นคือสิ่งที่คุณกำลังกรีดร้องอยู่ในใจและอยากตะโกนออกไป แต่น้ำเสียงของคุณกระจุกเป็นก้อนติดอยู่ในลำคอ เขาทยอยรื้อข้าวของเครื่องเรือนที่บังตัวออก คุณได้แต่กระเถิบถอยหนีจนชิดกำแพง เมื่อเกราะกำบังถูกทลาย เขาขมวดคิ้วสีเข้มมองสำรวจ สีหน้าดูสงสัย

            " ผู้หญิงจริงๆงั้นหรือ? "
     สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นความปิติยินดี
            " ในที่สุด! คนที่สมบูรณ์แบบไร้ที่ติ ไม่เหมือนพวกสวะอกตัญญูคนอื่นๆที่ผ่านมา "

    เขายิ้มกว้างก่อนจะยื่นมือสอดเข้ามาช้อนตัวอุ้มคุณขึ้นมา คุณยิ่งตัวเกร็งเข้าไปใหญ่ ยิ่งตอนนี้วิวทิวทัศน์เดียวของคุณคือใบหน้าของเขาที่อยู่ข้างบน

    " ผมรู้ว่าตัวเองออกจะ...หยาบคายไปหน่อย แล้วผมก็อยากจะขอโทษ--"

            ชายหนุ่มพูดพลางก้มมองคุณขณะเดินผ่านห้องต่างๆ คุณกระพริบตาเมื่อเขาส่งยิ้มให้ ให้ตายสิ พอได้ดูชัดๆนี่เขาก็หน้าตาดีใช่เล่น เสียงเขานุ่มแล้วก็ทุ้มพอเหมาะทำให้ดูมีเสน่ห์ดึงดูดคนฟังอย่างน่าประหลาด...ยกเว้นตอนเขาตะโกนหรือระเบิดอารมณ์น่ะนะ แล้วก็ตาคู่นั้นอีก...เขามีตาสีฟ้าที่ฟ้าสวยที่สุดเท่าที่คุณเคยเจอเลย

    " --ผมแค่...คุณก็รู้ว่าผู้ชายเป็นยังไงเมื่อเขาอยากทำความรู้จักผู้หญิง แต่หลังจากงานพิธี ผมสัญญาว่าผมจะเป็นคนใหม่ "

    ประโยคนั้นทำเอาคุณเหงื่อตก คุณล่ะสงสัยนักว่ามันคือพิธีอะไร แต่ก็ยั้งตัวเองให้เงียบไว้เมื่อเหลือบเห็นมีดเงินสั้นอาบเลือดเหน็บอยู่ที่เอวเขา

            " รู้ไหมที่รัก ผมมีชุดสวยๆเยอะเลย สำหรับให้คุณเลือกใส่ในวันสำคัญ "
    เขากวาดตาไปทางหุ่นศพที่อยู่รอบๆ คุณกระพริบตา 
            " ว-วันสำคัญเหรอ?..."
    ในที่สุดคุณก็เค้นน้ำเสียงตัวเองออกมาได้สักที เขายิ้มให้คุณอีกรอบ
            " วันแต่งงานของเราไงที่รัก "
    นัยน์ตาสี(...)เบิกโพลงด้วยความตกใจ
            " ฉันไม่รู้จักคุณด้วยซ้ำ! "
    คุณหลุดปากร้องออกมา เขาเลิกคิ้ว ก้มลงจ้องคุณ คุณนึกเสียใจทันทีที่ถามแบบนั้นออกไป

     ทำไมบื้ออย่างนี้นะ เขาอาจจะเอามีดนั่นจ้วงฉันก็ได้

    เขาเพียงแค่กลั้วหัวเราะ นั่นทำให้คุณโล่งใจขึ้นมาบ้าง
            " ผมนี่โง่จริง ผู้ชายที่เตรียมพร้อมสำหรับการสร้างครอบครัวแต่กลับลืมรายละเอียดเล็กๆน้อยๆซะได้...ผมเอ็ดดี้...เอ็ดดี้ กลัสคิน "

            เอ็ดดี้เอ่ย ตอนนี้เขาพาคุณมาอยู่ในห้องหนึ่งที่ดูคล้ายกับห้องทำงานช่าง มีโต๊ะยาวหลายตัว บนเพดานเพียบพร้อมด้วยสารพัดเครื่องมือช่างแขวนห้อยต่องแต่งลงมา ในนี้ต้องเกิดการฆาตกรรมมาโชกโชนแน่ๆ โต๊ะทำงานทุกตัวมีคราบเลือดสาดกระจายทั้งที่แห้งเป็นกรังติดเนื้อไม้และแบบยังสดๆใหม่ๆ

            " แล้วคุณล่ะที่รัก ชื่ออะไร? "
     เขาถามขณะวางคุณลงบนโต๊ะโล่งๆตัวหนึ่ง กลิ่นคาวเลือดอบอวลที่ลอยขึ้นมาชักจะทำให้คุณคลื่นไส้
            " --...(...).."
    คุณตอบเสียงสั่น
            " ชื่อเพราะพริ้งสำหรับเจ้าสาวคนสวย " 

            เอ็ดดี้ยิ้มก่อนจะจับข้อมือทั้งสองข้างของคุณมัดเชือกผูกติดกับเสาตรงหัวโต๊ะ เขาก้มมองสำรวจเรือนร่างของคุณด้วยความพอใจ ใบหน้ายังคงประดับยิ้ม
            " สมบูรณ์แบบจริงๆ....ผลงานอันงดงาม...คุณไม่จำเป็นต้องตกแต่งอะไรเพิ่มเติมแล้ว ที่รัก"
    เขาพูดขณะลูบไล้ใบหน้าและบริเวณลำคอของคุณ
            " เอาล่ะ ผมคิดว่าคุณควรพักผ่อนสักหน่อยนะ ที่รัก ผู้หญิงทุกคนอยากให้ตัวเองดูดีที่สุดในวันสำคัญ จริงไหม "
    เขาก้มลงจูบหน้าผากคุณอย่างนุ่มนวล ก่อนจะคว้าสเปรย์ฉีดควันสีเขียวออกมา ยิ่งสูดดมเข้าไปนานเท่าไหร่ สายตาและสติก็เลือนรางมากขึ้น จนกระทั่งทุกอย่างมืดมน คุณจำอะไรไม่ได้อีกเลย
    .
    .
    .
    .
    .
            คุณสะดุ้งตื่นเพราะเสียงเลื่อยไฟฟ้าที่ดังบาดหูอยู่ใกล้ๆ คุณค่อยๆพยายามเปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้น แล้วก็ได้พบกับภาพน่าสยดสยอง โต๊ะตัวตรงข้ามมีชายร่างกายเปลือยเปล่าถูกขึงตรึงอยู่กับโต๊ะ ตรงปลายโต๊ะมีเลื่อยกลมไฟฟ้าที่หมุนควงสว่านกำลังจะผ่าเข้ากลางจุดสำคัญของเขา ขอบคุณสวรรค์ที่มีร่างสูงของเอ็ดดี้ยืนบังอยู่ทำให้คุณไม่ต้องเห็นอะไรน่ากลัวกว่านี้

            " ใช้เวลาไม่นานหรอก...แค่หลับตาไว้ แล้วนึกถึงลูกๆของเรา "

    เอ็ดดี้พูดด้วยเสียงนุ่มใจเย็นราวกับเขาแค่กำลังจะกล่อมเด็ก ชายคนนั้นกรีดร้องขณะที่ใบเลื่อยหมุนเข้าใกล้มากขึ้น

    พลั่ก! โครม! ผัวะ! ตุ้บ! ตึ้ง!

            ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็ว จู่ๆก็มีคนไข้ปริศนาคนหนึ่งพุ่งเข้ามากระโจนใส่เอ็ดดี้ก่อนทั้งคู่จะเริ่มศึกสู้สังเวียนกัน ชายผู้โชคร้ายถือจังหวะนั้นกระชากตัวกลิ้งหนีออกจากวิถีเลื่อยกลับลงบนพื้นได้ทันท่วงที เมื่อเขาหยัดตัวลุกขึ้นมาในชุดจั๊มสูทคนไข้พร้อมกล้องวิดีโอจากเก้าอี้เล็กข้างๆ คุณก็ได้เห็นใบหน้าเขาชัดเจนเป็นครั้งแรก

    " เวย์ลอน! "

    คุณร้อง เขาหันขวับมา ตาเบิกกว้างด้วยความตกใจระคนแปลกใจ

    " (...)!? "

            เวย์ลอนอุทานก่อนจะพุ่งเข้ามาแกะเชือกที่มัดคุณอยู่ เขาไม่รอช้ารีบคว้าคุณออกวิ่งในขณะที่อีกสองคนกำลังฟัดกันนัวอยู่อีกฝากของห้อง พวกคุณพากันวิ่งเลาะผ่านห้องต่างๆกลับมาทางเดิมก่อนจะหยุดพักที่ห้องซักรีดให้เท้าที่บาดเจ็บของเวย์ลอนได้พัก

            " มาอยู่นี่ได้ไง คุณน่าจะหนีออกไปได้ทันนี่นา "
    เขาถามขึ้นเบาๆขณะที่คุณทำแผลที่เท้าให้ด้วยอุปกรณ์จากกระเป๋า
            " ฉันได้ยินคนอื่นพูดถึงคุณก็เลยกลับเข้ามาตามหา "
    " อย่างน้อยก็ใจชื้นขึ้นมาหน่อยที่มีเพื่อนอยู่-"

    เขาถูกตัดบทด้วยเสียงฝีเท้าหนักๆของบูทดังก้องมาจากทางเข้าห้องก่อนจะตามมาด้วยเสียงทุ้มนุ่ม

            " ออกมาเถอะ ที่รัก ผมรู้ว่าคุณไม่เหมือนคนอื่น...หรือว่าคุณก็เป็นแค่ยัยตัวโสโครกอีกคน? "
     เขาเน้นเสียงทุ้มต่ำย้ำลงที่ประโยคสุดท้ายเหมือนโทสะกำลังก่อตัว คุณกับเวย์ลอนถึงกับกลั้นหายใจลึกระหว่างพากันหลบเข้าไปอีกห้องหนึ่ง ตอนนั้นเองที่เสียงทุ้มนุ่มนั้นเปลี่ยนมาเป็นร้องเพลงรักเพลงเดียวกับที่คุณได้ยินจากวิทยุ เวย์ลอนค่อยๆดึงคุณเข้าไปหลบอยู่ใต้โต๊ะตัวหนึ่ง

    When I was a boy my mother often said to me
    ตอนฉันยังเป็นเด็ก แม่ชอบบอกฉันบ่อยๆว่า
    Get married boy and see how happy you will be
    แต่งงานสิไอ้ลูกชาย แล้วลูกจะเห็นว่าตัวเองมีความสุขมากแค่ไหน
    I have looked all over, but no girlie can I find,
    ฉันหาจนทั่วแล้ว แต่ก็ไม่เจอสาวเลยสักคน
    Who seems to be just like the little girl I have in mind,
    สาวผู้ที่เป็นเหมือนกับหญิงสาวในอุดมคติของฉัน
    I will have to look around until the right one I have found.
    ฉันจะหาไปเรื่อยๆจนกว่าจะได้เจอคนที่ใช่



            " ร-เราจะไปยังไงต่อ?.."
    คุณกระซิบเสียงสั่น เวย์ลอนเปิดกล้องในโหมดกลางคืนดูเส้นทาง
            " มีประตูอยู่ฝั่งโน้น ค่อยๆย่องไปนะ "
    คุณพยักหน้าแล้วตามเขาไปขณะที่เสียงเพลงยังคงดังคลออยู่

    I have looked all over, but no girlie can I find,
    ฉันหาจนทั่วแล้ว แต่ก็ไม่เจอสาวเลยสักคน
    Who seems to be just like the little girl I have in mind,
    สาวผู้ที่เป็นเหมือนกับหญิงสาวในอุดมคติของฉัน
    I will have to look around until the right one I have found.
    ฉันจะหาไปเรื่อยๆจนกว่าจะได้เจอคนที่ใช่

    ถ้าเป็นปกติคุณจะมีความสุขมากเวลาได้ยินเพลงเก่าๆแบบนี้ แต่เพราะอะไรบางอย่าง ตอนนี้มันกลับทำให้คุณหวาดผวา 

            คุณปล่อยให้เวย์ลอนนำทางไปเรื่อยๆโดยพยายามรวมสายตาอยู่ที่แผ่นหลังกับจอกล้องของเขาเพราะคุณไม่อยากเห็นวิวข้างทางน่าพะอืดพะอมอีกแล้ว คุณเห็นอะไรมามากพอแล้วสำหรับชีวิตนี้

    I want a girl, just like the girl that married dear old Dad
    ฉันอยากได้หญิงสาวที่เหมือนกับคนที่แต่งงานกับคุณพ่อแก่ๆที่รักของฉัน
    She was a pearl and the only girl that Daddy ever had,
    เธอเป็นเหมือนดั่งไข่มุกและเป็นหญิงผู้เดียวที่พ่อเคยมี
    A good old fashioned girl with heart so true,
    หญิงสาวคลาสสิคผู้เพียบพร้อมด้วยหัวใจซื่อสัตย์
    One who loves nobody else but you,
    คนที่ไม่รักใครทั้งนั้นนอกจากคุณ
    I want a girl, just like the girl that married dear old Dad.
    ฉันอยากได้หญิงสาวที่เหมือนกับคนที่แต่งงานกับคุณพ่อแก่ๆที่รักของฉัน


            เสียงเพลงจบลงเมื่อคุณหลบมาถึงห้องที่ทำเป็นโรงยิมสำหรับเล่นกีฬา เมื่อคุณทั้งคู่กวาดตาสำรวจ สิ่งแรกที่เห็นไม่ใช่เส้นทางหนี...แต่กลับเป็นอะไรที่พวกคุณมั่นใจว่ามันจะเป็นที่จดจำของคุณไปตลอดชีวิต

            ศพหลายร่างถูกแขวนด้วยเชือกห้องโทงเทงลงมาจากทุกพื้นที่ของเพดานห้อง ทุกร่างเปลือยเปล่าและส่วนใหญ่มีร่องรอยที่คล้ายคลึงกัน เกือบทุกศพมีแผลเย็บน่ากลัวบริเวณหน้าอกทั้งสองข้างและมีร่องรอยการเฉือนตัดบริเวณจุดสำคัญเหมือนมีใครพยายามจะศัลยกรรมพวกเขาด้วยวิธีเถื่อนดิบ บนพื้นมีเลือดสาดเป็นหย่อมๆ ชิ้นส่วนและเศษเสี้ยวหลายชิ้นหลุดร่วงลงมากองกระจัดกระจายบนพื้น แท่งเหล็กยาวถูกจัดเป็นช่ออยู่ตรงกลางทำหน้าที่เป็นแกนยึดเชือกที่แขวนศพเหล่านั้น

            คุณเคยเห็นงานศิลปะมาแล้วเป็นร้อยๆชิ้น ถ้านี่คืองานศิลปะ...คุณคิดว่าเจ้าของผลงานต้องมีมากกว่าความเป็นศิลปินในการรังสรรค์มันออกมา...

    พวกคุณเจอช่องระบายอากาศช่องหนึ่งด้านในสุดของห้อง 

            " เชิญคุณก่อนเลย "
    เวย์ลอนผายมือ คุณลังเล ข้างในมืดมากเพราะมีอะไรบางอย่างอุดอยู่ตรงส่วนที่เป็นพัดลมระบายอากาศ แสงจากอีกฝั่งจึงไม่ลอดเข้ามา คุณชี้ให้เขาดู
            "ฉันว่าคุณนำไปก่อนดีกว่า "
    เขาพยักหน้าเห็นด้วย มือกดโหมดกลางคืนในกล้องแล้วปีนขึ้นไป
            " ทางสะดวก ขึ้นมาเลย "
    เขาหันมาบอก คุณกระโดดขึ้นเกาะขอบช่องตะเกียกตะกายขึ้นไป แต่มีแรงกระตุกที่ขาดึงตัวคุณออกมาพบกับบุคคลที่คุณอยากเจอน้อยที่สุด

            " อยู่นี่เอง ที่รักของผม "

             เอ็ดดี้ฉีกยิ้มกว้าง เขาอุ้มคุณไปที่ห้องตัดเย็บ เขาปล่อยคุณลง คุณยืนตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับเขยื้อนไปไหนตรงหน้าหุ่นศพโชว์เสื้ออยู่เรียงรายรอบห้อง เขาเอาแขนกำยำโอบบ่าคุณ

            " เจ้าสาวก็ต้องมีชุดแต่งงานสวยๆจริงไหม เลือกเลยที่รัก "

            นัยน์ตาสี(...)มองอย่างหวาดหวั่นไปรอบๆ คุณไม่อยากใส่เลยสักตัวเดียว ทุกตัวเหมือนกันหมดคือตัดจากเศษผ้าหลายชิ้นมาเย็บต่อรวมกันจนเป็นชุด เกือบทุกตัวมีคราบสกปรกหรือแม้กระทั่งคราบเลือด ถึงเอ็ดดี้จะทำพวกมันออกมาได้สวยงามเท่ากับฝีมือของช่างเสื้อ แต่นั่นก็ถูกหักล้างไปเมื่อคุณจินตนาการถึงที่มาที่ไปของเศษผ้าแต่ละชิ้น

            " ทำไมนิ่งไปล่ะที่รัก? "
    คุณรู้สึกถึงแรงกดที่หนักมากขึ้นบริเวณบ่า คุณรู้ทันทีว่าคุณจบไม่สวยแน่ถ้ายังไม่ทำอะไรสักอย่าง
            " ต-ตัวนั้น.."
    คุณตัดสินใจเลือกชุดที่มีคราบเลือดน้อยที่สุด เขาถอดชุดออกจากหุ่นส่งให้ คุณรับมาถือไว้ด้วยท่าทางโลเลขณะช้อนตาขึ้นมองเขา
            " เอ่อ.."
    ดูเหมือนเขาจะรู้ว่าคุณหมายถึงอะไรเพราะเขาหัวเราะร่วนพลางหันหลังไปทางอื่นให้คุณเปลี่ยนชุดได้สะดวก คุณมองชุดในมือพลางถอนหายใจยาว

    ถ้าฉันอยากจะรอด ฉันก็ต้องทำ

    ~~~~~~

            พอได้ใส่จริง ชุดสวยมากกว่าที่คุณคิด ถึงมันจะหลวมและตัวใหญ่กว่าคุณ อาจเป็นเพราะไซส์ของมันถูกทำมาสำหรับคนใส่คนก่อนๆที่เป็น...ผู้ชาย

            " ฉ-ฉันดูเป็นไง? "

            เขาหันกลับมา นัยน์ตาสีฟ้าใสเป็นประกายด้วยความพึงพอใจ สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เขาประคองพวงแก้มของคุณด้วยมือใหญ่ก่อนจะก้มลงนาบริมฝีปากแห้งผากของเขาบรรจบกับคุณ

            " ดูดีมากเลย ที่รัก ช่างเป็นหญิงสาวที่สง่าและงดงาม แต่..."
    เขามองผลงานของตัวเองอย่างพินิจพิจารณา
            " มีบางจุดที่ยังต้องแก้...เจ้าสาวที่ผ่านๆมาส่วนใหญ่ออกจะ...ตัวกว้างไปสักหน่อย "
    ระหว่างที่เขากำลังสำรวจชุด คุณก็กวาดตามองหาเวย์ลอน ทีแรกคุณใจเสียเพราะหาเขาไม่เจอจนคิดว่าจะต้องหาทางหนีเอาเอง แต่แล้วก็ใจชื้นขึ้นเมื่อสังเกตเห็นแสงสะท้อนของกล้องวิดีโอใต้โต๊ะ

    เยี่ยม...เหลือแค่หลอกล่อเขา ขอให้สำเร็จเถอะ

            " เอ็ดดี้...ทำไมคุณไม่เอาชุดไปแก้ตอนนี้ล่ะ ฉันจะรออยู่ตรงนี้เอง"
    เขาจ้องมองคุณแบบที่คุณเองก็เดาไม่ออกว่าอารมณ์แบบไหน เขาเชยคางคุณเงยขึ้นสบตาเขา
            " เป็นเจ้าสาวที่ใจร้อนจริงนะ ผมมีความสุขจังที่รู้ว่าคุณใจจดใจจ่ออยากสร้างครอบครัวของเราเร็วขนาดนี้--"
    เขาพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มรื่นหูดูน่ารักและอ่อนหวานทีเดียว ยังไม่ทันขาดคำ นัยน์ตาสีอ่อนกลับแข็งกร้าวมีประกายโทสะเริ่มปะทุ
            " --หรืออาจจะเป็นกลยุทธ์หาทางหนี เหมือนกับยัยโสโครกคนอื่นๆ! "
    เขาบีบมือที่จับคางคุณแน่นขึ้น ขาของคุณสั่นเทาด้วยความกลัว

    คิดสิ คิด คิดเร็วๆเข้า!

            " ม-ไม่ใช่นะ ฉ-ฉันจะหนีทำไมล่ะ น-ในเมื่อฉันก็แต่งงานกับค-คุณอยู่แล้ว "
    ได้ผล โทสะละลายหายไปจากแววตาของคนตรงหน้า เอ็ดดี้กลั้วหัวเราะพลางหอมแก้มคุณไปฟอดหนึ่ง
            " งั้น..รอตรงนี้นะที่รัก อย่าหนีไปไหนล่ะ "
    ว่าแล้วเขาก็เดินออกไปพร้อมกับชุด ทันทีที่เห็นเขาลับตาไป เวย์ลอนไม่รีรอผลุนผลันออกจากที่ซ่อนปรี่เข้ามาคว้าแขนคุณออกวิ่งทันที พวกคุณไปได้ไม่นานเมื่อมีเสียงคำรามก่นด่าด้วยความโกรธไล่หลังตามมาติดๆ

            " ยัยโสโครกอกตัญญู! กลับกลอก!! ตลบตะแลง!! ทรยศ!! "
    พวกคุณพยายามเร่งฝีเท้าให้เร็วที่สุด เสียงนั้นเข้ามาใกล้ขึ้น ใกล้ขึ้น จนในที่สุด คุณทั้งคู่ก็ถูกตะครุบตัวลงไปกองกับพื้นประจันหน้ากับเอ็ดดี้ กลัสคินที่กำลังโกรธจัด เขาหิ้วคอเสื้อคุณกับเวย์ลอนลากถูลู่ถูกังกลับไปที่ห้องยิม

            " อีกครั้งหนึ่ง--ที่พยายามแล้ว พยายามอีก--แล้วก็โดนพวกแกทุกคนหักหลัง!! "
    เขาว่าอย่างเกรี้ยวกราดพลางเหวี่ยงเวย์ลอนลอยละลิ่วไปกระแทกกำแพงอีกฝั่งก่อนจะคว้าแก้มคุณบีบจนคุณปวดตุบๆ นัยน์ตาสีฟ้าใสแข็งกระด้าง...เขาดูแค้นคุณมากเป็นกรณีพิเศษ

            " คุณไม่คู่ควรกับลูกๆของผม! ไม่สมควรมีชีวิตอยู่ซะด้วยซ้ำ! "
    เขาคว้าเชือกบ่วงมาเส้นหนึ่ง คล้องห่วงลงศีรษะคุณ คุณไม่กล้าแม้แต่จะดิ้นหนีเพราะเขากระชั้นชิดเกินไป เสี่ยงมากที่เขาจะควักมีดสั้นเล่มนั้นออกมาจัดการคุณแบบเบ็ดเสร็จ

            " แล้วตอนนี้คุณก็สมควรถูกแขวนเหมือนพวกเขาคนอื่นๆ "

            เขาทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นแล้วเริ่มขึงเส้นเชือกขึ้น คุณรู้สึกทรมานเหมือนมีคนบีบคอ ไม่ว่าจะพยายามกระเสือกแค่ไหนก็ไม่มีอากาศเล็ดลอดเข้าไปได้เลย โชคดีที่คุณอยู่แบบนั้นได้ไม่นาน เวย์ลอนโผล่มาจากไหนไม่ทราบตรงเข้ากระโจนใส่เอ็ดดี้จากด้านหลัง เขาเสียการทรงตัวจึงปล่อยมือจากเชือกนำคุณกลับลงมาบนพื้น คุณเอาห่วงออกก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งหอบหายใจรับอากาศโดยมีคนสองคนสู้กันอุตลุดวุ่นวายอยู่ตรงหน้า เวย์ลอนใช้เชือกที่เขาคว้ามาจากไหนสักแห่งในห้องพยายามรัดเข้าที่คอของเอ็ดดี้ขณะที่เจ้าตัวก็ปัดป่ายพยายามฟาดไม้ฟาดมือป้องกัน ทั้งสองฝ่ายเป็นไปด้วยความทุลักทุเล สำหรับเอ็ดดี้เขาเสียเปรียบตรงที่ถูกจู่โจมทางด้านหลัง หนำซ้ำที่ลำคอยังมีเส้นเชือกมากั้นเหมือนรั้วอีกทำให้ยากที่จะหันไปประจันหน้า แถมอีกฝ่ายยังคอยกระโดดหลบหลีกตามจังหวะที่เขาเคลื่อนไหวก็ยิ่งจับตัวยาก ส่วนเวย์ลอนที่ตัวผอมบางและเตี้ยกว่าทำให้เขาเกิดปัญหาในกลวิธี เขาต้องเขย่งตัวและออกแรงมากขึ้นเพื่อไม่ให้อีกคนสามารถหลุดออกจากวิถี สองคนรั้งกันไปมาได้พักนึงเวย์ลอนก็ได้จังหวะเหมาะ เขาถือโอกาสตอนที่เอ็ดดี้ผ่อนแรงกระโดดกดเขาลงไปกับพื้นแล้วจัดการดึงเชือกตรงคอเขาขึ้นทันที เขาดิ้นพล่านปัดป่ายไปมาพยายามสะบัดเวย์ลอนให้หลุดแต่ก็ไม่เป็นผล คุณเห็นร่างสูงเริ่มดิ้นช้าลง น้อยลง จนกระทั่งนิ่งไป

    เวย์ลอนโยนเชือกทิ้งพลางหยัดตัวลุกขึ้นมา เขาหายใจหนักหน่วงเพราะความเหนื่อยขณะก้มมองดูร่างของเอ็ดดี้

            " โอเค...ผมว่าเรารอดแล้วล่ะ "
    เขาพูด ยื่นมือช่วยดึงคุณลุกขึ้น
            " เขา...เขาตายแล้วเหรอ? "
    คุณค่อยๆเดินเจ้าใกล้ร่างสูงที่ยังคงนอนคว่ำนิ่งสนิท
            " ..นิ่งไปแบบนี้ก็น่าจะตายแล้วล่ะ "
    เขาพูดห้วนๆ คุณทอดสายตามองร่างนั้นอีกครั้ง แล้วคุณก็หลุดพูดประโยคที่คุณไม่คิดว่าตัวเองจะพูดออกมา
            " น่าสงสารจัง...จริงๆแล้วเขาแค่อยากมีความรักก็เท่านั้นเอง.."
    " นี่...ต้องให้ผมเตือนไหมว่าเขาเกือบจะ'ฆ่า'เรานะ "
            ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าเวย์ลอนกำลังกลอกตาอย่างเอือมๆ เขาดึงแขนเสื้อคุณเป็นเชิงบอกให้ไปต่อ คุณถอนหายใจพลางหันหลังกลับ แต่แล้วก็ร้องลั่นออกมาเมื่อรู้สึกถึงแรงจับที่ข้อเท้า คุณก้มลงไปสบนัยน์ตาสีฟ้าของเอ็ดดี้ที่รื้นด้วยน้ำตา ตอนนั้นเองที่คุณเพิ่งสังเกตว่าเขายังหายใจอยู่ ถึงจะรวยรินก็ตาม

            " ...ที่รัก...ได้โปรด..."

            น้ำเสียงของเขาแหบพร่าแผ่วเบา แววตาของเขาดูเจ็บปวดและเสียใจในเวลาเดียวกันก่อนที่มือนั้นจะปล่อยและตัวเจ้าของมือฟุบหน้าลงกับพื้นเหมือนเดิม ด้วยเหตุอะไรสักอย่าง คุณได้ทำการตัดสินใจบ้าระห่ำเป็นครั้งที่สองในชีวิต คุณคุกเข่าลง ค่อยๆสอดมือไปใต้รักแร้ ค่อยๆยกร่างสูงขึ้นให้เขาหายใจสะดวกก่อนจะกันไปมองเพื่อนร่วมทางผมบลอนด์ที่ยืนหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความไม่เข้าใจ

            " ช่วยหน่อย เวย์ลอน เราจะพาเขาไปด้วย "
    " ล้อผมเล่นใช่ไหมเนี่ย..."
            " เถอะน่า เขาก็ป่วยเหมือนคนไข้คนอื่นนั่นแหละ ถ้าได้การรักษา ฉันเชื่อว่าเขาจะหาย"
    เวย์ลอนกลอกตา เขาเอามือข้างที่ว่างขึ้นมากุมขมับนิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะถอนใจยาวยอมแพ้ และยอมเข้ามาช่วยพยุงเอ็ดดี้อีกแรงก่อนตกลงกันว่าจะพากันออกไปทางประตูปกติเพราะคิดว่าตอนนี้ไม่น่ามีใครให้กลัวแล้ว แต่พอพ้นประตูแรกออกมา...มันไม่ได้ง่ายเลย

            " --ประกาศคำสั่งขั้นเด็ดขาด ฆ่าทุกอย่างที่เคลื่อนไหว--ไม่มีข้อยกเว้น!--"

    เสียงใครบางคนประกาศตามสายในโทนทหารก่อนจะตามมาด้วยเสียงอึกทึกครึกโครมของกองทัพติดอาวุธ

            " บริษัทที่รักของเราส่งคนมาเก็บกวาดแล้วล่ะ "
    เวย์ลอนประชด
            " แล้วเราจะรอดไหม? "
    คุณถามหวั่นๆ พวกคุณยังคงไม่กล้าออกเดินไปไหน
            " แน่นอน จากตรงนี้เดินอีกไม่ไกล ส่วนเรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ทางเดินแถวนี้ไม่ค่อยมีใครใช้ เราแอบเลาะแวบออกไปได้สบาย ถ้าจะมีปัญหาก็เรื่องยานพาหนะนี่แหละ ผมว่าเราควรไปรถคันเดียวกันไม่งั้นจะเสี่ยงมากถ้าเราแยกกันไปเอารถของตัวเอง "
            " ฉันว่ารถใครใกล้ทางออกมากสุดก็เอาคันนั้นแหละ น่าจะของคุณนะ คุณชอบจอดลานข้างนอกนี่ "
    เขาพยักหน้า ชำเลืองมองเอ็ดดี้ที่ยังคอพับอยู่บนบ่า
            " เราพอทำอะไรได้บ้างไหม ถ้าเขาเกิดได้สติตื่นมาบนรถคงไม่ค่อยดีเท่าไหร่.."
    คุณล้วงกระเป๋าเอาเข็มฉีดยาจิ๋วที่บรรจุยานอนหลับบรรจงฉีดเข้าที่แขนแกร่งของเอ็ดดี้
            " โอเค รีบไปกันก่อนที่จะมีใครโชคดีมาเจอเรา "
    .
    .
    .
    .
    .
            ไม่กี่อึดใจ พวกคุณก็ถ่อกันออกมาจนถึงลานจอดรถหน้าประตูทางออกโรงพยาบาลที่รถยนต์สีหม่นขนาดสี่ที่นั่งของเวย์ลอนรออยู่ เขาสตาร์ทเครื่องและขับออกไปทันทีที่ทุกคนขึ้นมาบนรถ คุณนั่งที่เบาะหลังโดยมีเอ็ดดี้นอนพิงศีรษะอยู่บนตัก

            " รู้สึกดีนะที่ได้กลับบ้าน "
    เวย์ลอนทักขึ้นขณะเลี้ยวรถแล่นลงมาตามเนินเขา คุณแค่นหัวเราะ
            " สำหรับฉัน ใช่ สำหรับคุณ อาจจะไม่ ถ้าคุณยังคิดจะเอาวิดีโอนั่นไปแฉ "
    คราวนี้เป็นเขาที่แค่นหัวเราะ
            " ก็นะ...เดี๋ยวคุณก็รู้ "
    " ฉันรู้ว่าคุณทำแน่ "
    คุณเหน็บ
            " เหมือนกับที่คุณดื้อดึงพาเขามาด้วยนั่นแหละ"
    เขากัดกลับ
            " คุณบอกจะพาเขาไปรักษา "
    " ฉันรู้จักโรงพยาบาลนึงในนิวยอร์ก ที่นั่นมีจิตแพทย์เก่งๆอยู่ เขาต้องหายแน่ "
            " อืม...แล้วจากนั้นคุณจะเอาไงต่อ? เขาดูชอบคุณมากเลยนะ"
     คุณก้มลงไปลูบผมสีดำขลับของคนที่นอนตักเบาๆ
            " เรื่องนั้น..ไว้ว่ากันอีกที ตอนที่เขาหายเป็นปกติจริงๆแล้วน่ะ "
    คุณตอบห้วนๆพร้อมใบหน้าที่ขึ้นสีแดงเรื่อ



    ...................................................................................................................................................................................................................
    ป.ล.1 ไรต์ไปดูแคสเกมเรื่องนี้มาก็เลยได้แรงบันดาลใจมาแต่ง...แต่อินจัดไปหน่อย ไปๆมาๆเลยออกมายาวเฟื้อยขนาดนี้..(ถึงเกมมันจะออกมาเป็นชาติแล้วก็เถอะ..ไรต์เป็นคนเช่นนี้แล...)
    ป.ล.2  ยังคงช็อกและงงกับตัวเองมากที่สุดว่าแต่งไปได้ยังไงให้ยาวปื๊ดขนาดนี้...ทำลายสถิติพุ่งฉูดเฉยเลย
    ป.ล.3 อีกสาเหตุที่ไรต์แต่งตอนนี้ขึ้นมาเพราะเห็นว่าตอนต่อไปเป็นรีเควสเจสันก็เลยจัดสยองขวัญไปสองตอนติดกันซะเลย(ทำไปได้..)
    ป.ล.4 เป็นตอนที่ไรต์กลัวโดนแบนและกลัวปลิวมากที่สุด เพราะแนวoutlast มันก็ขึ้นชื่อเรื่องสุดขีดทุกอย่างอ่ะเนอะ ไรต์ก็กลัวโดนเรื่องคำหยาบ(ตัวละครจริงๆใช้คำหยาบที่สุดยอดของความหยาบ ไรต์เลยเปลี่ยนเป็นคำอื่นให้มันนิ่มลง) และฉากบรรยายสยองขวัญหนังผี เพราะงั้นมีตรงไหนไม่โอเคบอกกันดีๆเน้อ ได้โปรดอย่ากดรีพอร์ตเน้อ T T

    ป.ล.สุดท้าย คิวรีเควสจ้า
          1. Jason Vorhees [Friday the 13th ] - Coming soon
          2. Kozume Kenma [Haikyuu!!]
          3. Star-Lord [Marvel]
          4. Makoto Tachibana [Free!]
          5. Kirito [Sword Art Online]
          6. Pharaoh Atem [Yu-Gi-Oh!]
          7. Doctor Strange [Doctor Strange]
          8. Rikuo Nura [Nurarihyon no Mago]
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×