ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    All + Reader ตัวละครแสนรัก [ปิดรับรีเควสชั่วคราวจ้า]

    ลำดับตอนที่ #24 : [Katekyo Hitman Reborn] Byakuran x Reader : The 100 Theory

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.76K
      134
      10 มิ.ย. 61

    Pairing : Byakuran x Reader
    Theme : ทฤษฏี 100
    Summary : เมื่อช่วงโปรโมชั่นแสนหวานหมดลง(?) ความลับของหนุ่มกล้วยไม้ขาวก็ยิ่งเพิ่มความวิตกกังวลให้อีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว...



    ...................................................................................................................................................................................................................


    ความรักเป็นสิ่งเรียบง่ายแต่อีกนัยก็ซับซ้อนยากจะทำความเข้าใจ
    หลายต่อหลายคนเพียรพยายามหาคำนิยาม
    เฟ้นหาคำตอบในการพารักไปถึงฝั่งฝัน
    เกิดเป็นทฤษฎีเลขร้อยสองสูตร


    ทฤษฎี 100 - 0 แทนชายหนุ่ม
    แรกเริ่มหวานชื่นละมุนไม พอนานไปพลันจืดจางแผ่วเบา
    ทฤษฎี 0 - 100 แทนหญิงสาว
    แรกเริ่มนิ่งเมยเฉยชา เวลาผ่านไปรักจึงค่อยเบ่งบาน
    เมื่อสองทางนั้นสวนขัดกันจึงเกิดอุปสรรค
    ทางออกคือหาจุดที่พอดีลงตัวไปพร้อมๆกัน
    เติมเต็มให้สองเลขร้อยนั้นสมบูรณ์



     แต่ว่า...มันใช้ได้กับทุกคู่หรือเปล่านะ?




            ขนมหวานกับน้ำชาอร่อยๆอาจเป็นยาวิเศษที่สามารถเยียวยาอารมณ์ความรู้สึกให้กับใครหลายๆคนได้เป็นอย่างดีตั้งแต่เด็กวัยเล็กๆไปจนถึงวัยผู้ใหญ่สมคำร่ำลือว่ารสหวานละมุนของมันคือตัวนำความสุข แต่ถ้าถามว่าจะมีใครสักคนที่หงุดหงิดกับขนมหวานตอนนี้ล่ะก็ หนึ่งในนั้นก็เป็นคุณคนนึงนี่ล่ะ ไม่ใช่ว่าคุณเกลียดมันหรอกนะ คุณออกจะหมั่นไส้คนๆหนึ่งที่ชื่นชอบมันมากๆต่างหาก

            คุณนั่งกอดอกอยู่ในร้านเบเกอรี่ชื่อดังในใจกลางกรุงโรมด้วยอาการหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความหงุดหงิดตรงข้ามกับบรรยากาศวินเทจหวานๆและสีหน้าปริ่มสุขของลูกค้าคนอื่นในร้าน ต้นเหตุของความอารมณ์ไม่ดีก็คือเบียคุรัน แฟนตัวแสบของคุณที่ควรจะมาถึงนี่ตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้วตามที่นัดกันไว้ จนป่านนี้คุณก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของชายหนุ่มกล้วยไม้สีขาวบอสใหญ่ของมิลฟิโอเร่ คุณกวาดตาดูวิวทิวทัศน์รอบๆตัวระหว่างที่ยังคงนั่งรอ สายตาก็พลอยกระตุกยิกๆอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อหันไปเห็นคู่รักเดินควงกันกระหนุงกระหนิงหรือนั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์เวสป้าด้วยกันอย่างหวานชื่นบนถนนข้างนอก

            แล้วในที่สุด หลังผ่านไปราวศตวรรษตามความรู้สึกของคุณ เบียคุรันก็เดินเข้ามาที่ร้านในชุดเสื้อยืดแขนยาวสีขาวกับกางเกงเข้าชุดกันคู่กับ้สื้อนอกสีดำกับรองเท้าสีเดียวกัน เขาตรงเข้ามานั่งที่โต๊ะด้วยสีหน้ายิ้มแย้มไม่สะทกสะท้านต่อบรรยากาศอึมครึมที่คุณแผ่ออกมา

    " หวัดดี (...)จัง ทำไมทำหน้าบู้บี้แบบนั้นล่ะ ยิ้มหน่อยซี่~ "

            เขาบอกอย่างร่าเริงพลางใช้สองมือดึงแก้มคุณแล้วจัดแจงบิดน้อยๆให้อยู่ในท่ายิ้ม คุณรู้สึกว่าคิ้วทั้งสองที่กำลังย่นนั้นกระตุกอย่างแรงจนกระทั่งความอดทนขาดสะบั้นหลังจากนั้นไม่นาน

    ป้าบ!

            ฝ่ามือเรียวสับเข้ากลางศีรษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมสีหิมะของคนตรงหน้าเป็นการสั่งสอน เขาปล่อยมือจากพวงแก้มคุณเปลี่ยนมาเป็นลูบหัวตัวเองเบาๆตรงบริเวณที่โดนเล่นงาน

            " ว้า ไม่มีอารมณ์ขันเอาซะเลยน้าเธอเนี่ย "
    เขาบอกด้วยเสียงทะเล้น คุณยกมือขึ้นกอดอก
            " อารมณ์ขันเรอะ นี่คือสิ่งที่นายพูดหลังปล่อยให้คนอื่นเขารอตั้งชั่วโมงกว่าเนี่ยนะ "

            คุณว่าอย่างโมโห ส่วนเจ้าตัวตรงหน้าน่ะหรือ ยังคงเท้าคางฉีกยิ้มส่องแสงออร่าสบายใจเฉิบอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว แถมคว้าเมนูมาเปิดเอาดื้อๆอีกต่างหาก

            " กินข้าวกันดีกว่าน่า อารมณ์เสียเวลาอาหารมันไม่ดีน้า"
    เขาพูดพลางพลิกดูรายการอาหารอย่างเพลิดเพลิน ใบหน้ายังคงมีความร่าเริง
    คุณกลอกตา ยกมือขึ้นกอดอก

            " ก็ใครล่ะทำให้อารมณ์เสีย อีกอย่าง ขนมหวานมันไม่ใช่ของคาวซะหน่อยถึงจะเรียกว่าข้าว"
    " หืม~ยังงั้นเหรอ แต่สำหรับฉันมันก็เหมือนกันนั่นล่ะนะ...เอาเค้กช็อกโกแลตมูสหนึ่งชิ้น พายสตรอว์เบอร์รี่กับข้าวโพดอย่างละชิ้น พานาค็อตต้าบลูเบอร์รี่สองที่ สมูทตี้ผลไม้รวมกับช็อกโกแลตเย็นอย่างลดแก้ว อ้อ!ช็อกโกแลตเย็นน่ะขอใส่มาร์ชเมลโลเพิ่มพิเศษด้วยนะ^^ "
    เขาสั่งอาหาร(ขนม..)กับพนักงาน ไม่สนใจคุณที่กลอกตาเป็นรอบที่ล้านแปด
            " คนบ้าอะไรกินขนมแทนข้าว..."
    คุณเหน็บพลางส่ายหัวน้อยๆ ตอนนั้นเองที่มือใหญ่ถูกวางทับลงบนเส้นผมสี(...)แล้วขยี้เบาๆ
    " ก็ฉันนี่ไง~ "

            คุณสูดจมูกก่อนจะถอนหายใจออกมาแรงๆแทนการยอมแพ้ เบียคุรันฉีกยิ้มพอใจที่แหย่คุณได้สำเร็จ เขาเอนหลังพิงเก้าอี้นั่งแล้วล้วงโทรศัพท์ขึ้นมากดไปพิมพ์อะไรสักอย่างไปที่น่าจะเป็นสิ่งบันเทิงเพราะใบหน้าของเขาอมยิ้มดูมีความสุขซะเหลือเกิน...บางทีอาจจะสุขมากเกินไปนิด

            " นี่...ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียวนะ ทำอะไรอยู่? "

    เขาเหลือบตาเงยขึ้นมาจากหน้าจอ คุณเลิกคิ้วรอคำตอบ เขายิ้มหวานแบบที่ทำให้สาวๆหลงเสน่ห์ได้ง่ายๆ แต่ไม่ใช่กับคุณในตอนนี้

            " หืม~? แค่พิมพ์ไปสั่งงานกับโชจังนิดๆหน่อยๆเอง "
    นัยน์ตาสี(...)ของคุณหรี่ลง
            " เหรอ ดูเป็นการสั่งงานที่มีความสุขจังเลยนะ "
    เขายกมือเท้าคางบนโต๊ะ
            " ก็ฉันแค่สั่งแต่ไม่ได้เป็นคนทำเองนี่นา~ "
    คุณกระพริบตา รีบหันหน้าไปทางอื่นเพราะเริ่มรู้สึกร้อนผ่าวบริเวณแก้ม เขายิ้มจนตาหยีแล้วหยิบโทรศัพท์มากดต่อ
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
            " เบียคุรัน เย็นนี้ไปข้างนอกเหมือนเดิมไหม?"
    คุณถามคนตรงหน้าที่กำลังจ้วงเค้กช็อกโลตกับพายข้าวโพดอย่างเอร็ดอร่อย
           " เอ..ท่าทางจะไม่ได้ล่ะนะ (...)จัง ช่วงนี้ฝั่งฉันกำลังยุ่งได้ที่เลยล่ะ จำได้ไหม ที่บอกว่าเพิ่งไปเจรจาตกลงกับพวกแกมม่าได้น่ะ"
    เขาบอกยิ้มๆพลางตักมาร์ชเมลโลจากแก้วช็อกโกแลตเข้าปาก คุณถอนหายใจ

    อีกแล้วเหรอเนี่ย..

            ปกติแล้วช่วงเย็นในทุกๆวันของคุณคือการได้ไปทานข้าวด้วยกันกับเบียคุรันหรือไม่ก็เป็นอะไรเรียบง่ายอย่างเช่นเดินเล่นด้วยกันในเมืองหรือไม่ก็โทรวิดีโอคุยกันก่อนจะแยกย้ายเข้านอน แต่ช่วงหลังๆดูเหมือนเขาจะงานยุ่งทุกวันจนคุณแทบจะลืมกิจกรรมพวกนั้นไปแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็อดสงสัยไม่ได้ ด้วยความที่คุณเป็นเพื่อนร่วมงานกับอิริเอะ โชอิจิ มือขวาของเขา คุณจึงรู้ความเคลื่อนไหวในแทบจะทุกๆเรื่องเช่นเดียวกัน แกมม่าเป็นสมาชิกของจิสโรเนโร่แฟมิลี่หรือที่ตอนนี้กลายเป็นหน่วยแบล็คสเปลนั้นสำหรับคุณแล้วไม่ได้มีส่วนที่ยุ่งยากตรงไหนเลย เบียคุรันใช้เวลาเจรจาผ่านยูนิหัวหน้าของฝั่งนั้นแค่ครู่เดียวแล้วทุกอย่างก็เป็นอันเสร็จ ถึงตอนนี้คุณมั่นใจแล้วว่าพ่อหนุ่มกล้วยไม้ขาวนี่ต้องขี้จุ๊ปิดบังอะไรบางอย่างอยู่แน่ๆ

            " ฉันว่านายดูว่างสุดในแฟมิลี่แล้วนะ แค่ออกคำสั่งให้ลูกน้องรับไปทำส่วนตัวเองก็นั่งๆนอนๆกินขนมสบายใจเฉิบ "
    คุณกัด นึกถึงหลายช่วงเวลาที่พวกคุณทำงานจนหัวปั่นในขณะที่หัวหน้าใหญ่นอนกินขนมถุงบนโซฟายาว เขาหัวเราะออกมา นิ้วแข็งแรงทาบอยู่บนริมฝีปากของคุณ
            " จุ๊ๆๆ พูดกับบอสแบบนี้ระวังโดนไล่ออกน้า~แต่เห็นแบบนี้ฉันก็ทำงานหลายอย่างอยู่นา แค่(...)จังกับคนอื่นๆไม่เห็นก็เท่านั้นเอง~"
    คุณยกมือกอดอก เลิกคิ้วสูง
            " อ้อเหรอ อะไรบ้างล่ะ? "
    เขาเอานิ้วจิ้มแก้มคุณเบาๆ
            "โปรเจคลับสำหรับแฟมิลี่ไงล่ะ เอ้ากินซะๆ จะได้กลับไปทำงานต่อ อ้าม~"
    ว่าแล้วเขาก็จัดแจงป้อนพายที่เริ่มเย็นชืดให้คุณเต็มปาก
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    ตื๊ด

            ประตูเลื่อนอัตโนมัติส่งเสียงดังพร้อมกับตัวคุณที่ก้าวเข้ามาในห้องทำงานกว้างใหญ่สีขาวสะอาดตาในชุดเครื่องแบบสีขาวของไวท์สเปล คุณทิ้งตัวลงบนเก้าอี้นั่งอย่างรุนแรงจนชายหนุ่มผมสีแดงโต๊ะข้างๆถึงกับสะดุ้งน้อยๆ เขาผละจากจอคอมพิวเตอร์ขนาดเท่าจอโรงหนังหันมามองคุณ

            " ทำไมดูอารมณ์เสียจัง มื้อเที่ยงไม่อร่อยเหรอ?"
    โชอิจิถามพลางขยับแว่นตาให้เข้าที่ คุณส่ายหัวพลางสะบัดผมไปไว้ด้านหลัง
            " หลายอย่างเลยล่ะ จะให้ร่ายไหมล่ะ? "
    เขาหัวเราะแห้งๆกับมุกตลกร้ายแฝงท้าทายนั่น
            " ว่ามาเลย ฉันอยู่หน้าเจ้านี่มาทั้งวันแล้ว พักสักครึ่งชั่วโมงคงไม่มีใครว่าหรอก "
    เขาบอกพลางถอดเฮดโฟนออกจากศีรษะแล้วหมุนเก้าอี้มาหา คุณสูดหายใจลึก
            " อย่างแรกเลยนะ ไม่ได้เรียกว่ามื้อเที่ยงด้วยซ้ำ เขาพาฉันไปร้านขนม.. "
    "ฮะๆ นั่นก็สมเป็นคุณเบียคุรันดีนี่"

    โชอิจิหัวเราะเบาๆ คุณเอานิ้วม้วนผมเล่นอย่างเลื่อนลอยขณะกำลังครุ่นคิด
            " ประเด็นหลักไม่ได้อยู่ตรงนั้นซะหน่อย มันก็แค่...ไม่ชอบใจบางเรื่องของเขา พักหลังๆบางครั้งรู้สึกเหมือนเขาทำทะเล้นขี้เล่นเพื่อกลบเกลื่อนอะไรสักอย่าง  "
    ถ้อยคำเหล่านั้นทำเอาโชอิจิถึงกับคิ้วขมวดด้วยความไม่เข้าใจ เขายกมือเกาหัวแกรกๆ
            " เอ...ยังไงล่ะ? สำหรับฉันมันก็ดูเป็นคุณเบียคุรันปกติอ่ะนะ.. "
    "ไม่ใช่แบบนั้น...เอาตรงๆฉันรู้สึกว่าเขาเปลี่ยนไป ตอนคบกันใหม่ๆเมื่อสองเดือนก่อนแทบจะโทรหาฉันชั่วโมงเว้นชั่วโมงจนฉันต้องดุว่าขอเวลาทำงานบ้าง"

            โชอิจิพยักหน้า คุณรู้ว่าเขาเองก็เป็นคนหนึ่งที่แอบรำคาญเวลาบอสใหญ่โทรศัพท์มาจู๋จี๋กับคุณ หลายครั้งที่เขาแอบเปรยๆกับคุณว่าเขาโทรบ่อยไปนะ..

            " ตอนตามจีบเธอใหม่ๆนี่รู้สึกจะขยันส่งข้อความหาจนมือถือเธอเมมเต็มด้วยนี่นา"
    เขาเสริม คุณพยักหน้าเห็นด้วย
            " ใช่ไหมล่ะ ตอนนี้โทรศัพท์ฉันแทบจะนิ่งยังกับหุ่นขี้ผึ้งได้แล้วมั้ง โทรมาไม่เกินวันละสามครั้ง คุยแปปๆก็วางสายได้ง่ายๆทั้งที่เมื่อก่อนกว่าจะวางสายได้นี่ฉันแทบต้องอ้อนวอน...เออ พูดถึงโทรศัพท์แล้วก็หงุดหงิด ขนาดพิมพ์คุยงานกับนายเขายังดูมีความสุขรื่นเริงมากเลยรู้รึเปล่า"

    เขาขมวดคิ้วอีกรอบ
            "ตอนไหนล่ะ?"
    " ก็เมื่อตอนเที่ยงนี่แหละ มาสายก็สายแถมยังไม่มีแม้แต่...เออเรื่องนั้นช่างมันก่อน เอาเป็นว่าเขายิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไรไม่รู้กับมือถือนี่แหละ พอฉันถาม เขาก็บอกว่าพิมพ์สั่งงานนาย ที่ยิ้มก็เพราะว่าเขาไม่ได้ทำเองแค่โยนงานให้นายทำ สนุกที่ได้แกล้งนายน่ะ"

    โชอิจิกระพริบตาแล้วอึ้งไป สีหน้าของเขาเหมือนคนเพิ่งโดนซอมบี้สูบสมองไป
            " (...)...วันนี้คุณเบียคุรันยังไม่ได้สั่งงานอะไรฉันเลยนะ...แล้วเราก็ยังไม่ได้คุยอะไรกันตั้งแต่เช้าเลยด้วย เขาสั่งงานทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว"

            เขาพูดอึ้งๆพลางหยิบมือถือขึ้นมากดสักพักแล้วหันจอให้คุณดู ข้อความครั้งล่าสุดที่เขาได้รับจากเบียคุรันคือเวลาบ่ายสามโมงของเมื่อวาน แล้วจากนั้นก็ไม่ได้มีการสนทนาใดๆเพิ่มเติม
    คุณตาค้างด้วยความตกตะลึง ยังคงจับจ้องหลักฐานตรงหน้าอย่างไม่ละสายตา

    ไม่จริงน่า...เขาโกหกฉันจริงๆ...
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
           เกือบห้านาทีแล้วที่โชอิจิพยายามดึงคุณออกจากห้วงความคิดอันมืดมน 
    "(...) ไม่เอาน่า มันอาจไม่ใช่เรื่องเลวร้ายขนาดนั้นก็ได้ ลุกขึ้นมาเถอะ"

            เขาพูดเสียงอ่อยๆ มือของเขาลูบไหล่คุณที่กำลังฟุบหน้าลงบนโต๊ะ คุณอธิบายไม่ถูกว่าตอนนี้คุณรู้สึกยังไง มันทั้งเซ็ง โกรธและไม่เข้าใจในเวลาเดียวกัน
    " ขอเวลาแปปนึง ตอนนี้ยังไม่อยากได้ยินอะไร.. "

            แล้วคุณก็อยู่อย่างนั้นจนผล็อยหลับไปโดยไม่เห็นสีหน้าหรือปฏิกิริยาของเขา แต่ก็เดาว่าเขาคงกลับไปทำงานหรือทำอะไรก็ตามที่โต๊ะของเขา เพราะเขายอมปล่อยให้คุณอยู่เงียบๆตามต้องการจนกว่าจะพร้อมรับฟังอะไรก็ตามที่เขาอยากจะบอก
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
            " ฉันแค่จะบอกว่ามันอาจเป็นเพราะหมดช่วงโปรโมชั่นแล้วก็ได้ ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติมากสำหรับคู่รัก"
    โชอิจิอธิบายเมื่อคุณยอมตื่นลุกขึ้นมาจากโต๊ะในที่สุด
            " แค่สองเดือนเนี่ยนะ? ปกติมันช่วงโปรโมชั่นเขานับกันสามเดือนนี่"
    เขายักไหล่ก่อนจะยกนิ้วเกาแก้มขณะคิด
            " มันขึ้นอยู่กับแต่ละคนด้วยอ่ะนะ..."
    คุณส่งเสียงฮึดฮัด
            " เจ็บใจตัวเองชะมัด ทำไมต้องเป็นตาคนนี้ด้วยนะ ทีแรกก็ว่าเออคบแล้วก็โอเค ไม่เบื่อดี ไปๆมาๆทำไมถึงวุ่นวายขนาดนี้ก็ไม่รู้ น่าหงุดหงิดไหมล่ะ"

    โชอิจิถอนหายใจพลางเอนหลังพิงเบาะนั่งแล้วยกเท้าขึ้นไขว่ห้าง มือของเขาประสานไว้บริเวณท้ายทอย

            " สงสัยเพื่อนฉันตกอยู่ใต้อำนาจทฤษฎีเลขร้อยซะแล้วมั้งเนี่ย "
    คุณตวัดตาหันไปมองเขา
            " อะไรของนาย ตาคอมเนิร์ด ทุกอย่างนี่คือโยงเข้าเรื่องวิชาการได้หมดว่างั้น? "
    เขากระพริบตา มือกางแล็ปท็อปออกมา เขาพิมพ์ข้อความลงไปตรงช่องค้นหาในอินเตอร์เน็ต
            " เธอเป็นผู้หญิงน่าจะรู้เรื่องพวกนี้ดีกว่าฉันนี่นา ก็ทฤษฎี 0 - 100 กับ 100 - 0 ไง แบบนี้ "

    โชอิจิหันแล็ปท็อปมาทางคุณ คุณกวาดตาอ่านรายละเอียดของมันโดยมีเสียงเขาคอยพากย์อธิบายอยู่ข้างๆไปด้วย

            " เอาง่ายๆก็ประมาณว่า 100-0 แทนผู้ชาย ช่วงแรกเขาจะมาแบบเต็มร้อยเพราะเขาต้องการเอาชนะใจอีกฝ่าย  จะเรียกว่าทุ่มทุนสร้างอะไรเทือกนั้นก็ได้ แต่พอสมหวังแล้วผ่านไปนานๆเข้ามันก็เริ่มแผ่ว ประมาณว่าไม่ต้องพยายามอะไรอีกแล้วนั่นแหละ ส่วน 0-100ก็แทนผู้หญิง ตอนแรกก็ยังไม่ค่อยอะไรมากหรอก แต่พอนานๆเข้ามันก็ผูกพันแล้ว...เออนั่นแหละ มันเลยเป็นที่มาของเจ้าทฤษฎีนี่ จริงๆ แต่ฉันว่าไม่เสมอไปหรอก แล้วก็นะ ฉันคิดว่าน่าจะแทน100-0 เป็นฝ่ายจีบ แล้ว 0-100 แทนฝ่ายถูกจีบมากกว่า "

            คุณพยักหน้าน้อยๆแล้วดันแล็ปท็อปส่งคืนให้เจ้าของก่อนจะเอนหลังพิงเก้าอี้แบบเซ็งๆ ความรู้ใหม่ที่ได้มาช่างแทงใจดำคุณอย่างเหลือร้ายจริงๆ

            " นี่ ทำไมไม่ลองคุยกับคุณเบียคุรันดูล่ะ? "
    โชอิจิเสนอ คุณเลิกคิ้ว
            " คุยเพื่อ? "
    "อ้าว ก็เธอไม่บอกแล้วเขาจะรู้ได้ไงว่าเธอเป็นอะไร คนขี้เล่นอย่างคุณเบียคุรันน่ะไม่ค่อยเอะใจกับรายละเอียดจุกจิกแบบนี้หรอก"
            " แม้กระทั่ง 'แฟน' ของตัวเองเนี่ยนะ "

    คุณถาม เน้นเสียงตรงคำว่าแฟนเป็นพิเศษเพื่อย้ำคู่สนทนาตรงหน้า เล่นเอาโชอิจินิ่งไปครู่หนึ่ง

            "...ใช่ แม้กระทั่งแฟน บอกเธออย่างนึงเอาไหม กว่าเขาจะเอะใจรู้ว่าเลโอนาโด ลิปปีคือโรคุโด มุคุโร่ปลอมตัวมานี่ก็กินเวลาหลายขุมอยู่"
    สีหน้าของคุณผ่อนคลายลง
            " งั้นเหรอ... "
    "เชื่อสิ ฉันว่าเผลอๆคุณเบียคุรันจะดีใจด้วยซ้ำ ปกติเธอไม่ค่อยแสดงออกเรื่องรักๆเท่าไหร่นี่"
    คุณถอนหายใจ มือล้วงมือถือออกมาจากกระเป๋า
            " นายว่าโทรหรือส่งข้อความไปดี?"
    "โทรไปก็ได้ คุณเบียคุรันว่างสุดในแฟมิลี่แล้วมั้ง"
    เขาเสนอ คุณกดปุ่มโทรออก

    ตู๊ด~ตู๊ด~

            คุณรอแล้วรออีกก็ไม่มีทีท่าว่าอีกฝ่ายจะรับ จนในที่สุดสายก็ถูกตัดไป คุณขยี้ผมด้วยความหงุดหงิดจนมันฟูกะเซอะกะเซิง โชอิจิหันหน้ามามอง
            " เป็นไงบ้าง? "
    คุณหน้าบึ้ง ส่ายหัว
            "ไม่มีใครรับสาย"
    เขาขมวดคิ้ว กดดูตารางเวลางานในคอมพิวเตอร์
            " แปลกนะ..."
    ว่าแล้วเขาก็ถอดเฮดโฟนออก หันไปถามผู้ช่วยสาวเชลเบคโลสองคนที่เพิ่งกลับเข้ามาพอดี
            " พวกเธอ คุณเบียคุรันอยู่รึเปล่า? "
    สองสาวผมสีชมพูสายไหมหันมองหน้ากัน
            " อยู่นะคะท่านอิริเอะ พวกเราเพิ่งจะไปส่งรายงานให้ท่านเบียคุรันเมื่อกี้นี้เอง"
    คุณขมวดคิ้ว

    ถ้าอยู่แล้วทำไมไม่รับสายล่ะ?

            " เธอไปเถอะ นี่จะบ่ายสองแล้ว ฉันจะทำเป็นว่าเธอออกไปทำงานนอกพื้นที่ก็แล้วกัน"
    คุณพยักหน้าพร้อมรีบร้อนเก็บข้าวของบนโต๊ะ
            " มีอะไรรึเปล่าคะ ท่าน(...)? "
    หนึ่งในสองสาวถาม คุณยิ้มน้อยๆให้เธอ ส่ายหัวขณะคว้ากระเป๋าสะพายบ่าแล้วสาวเท้าออกไปจากห้อง
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
            คุณหยุดยืนอยู่หน้าประตูใหญ่สีน้ำตาลอ่อนบนทางเดินชั้นหนึ่งของฐานทัพเมโลเน่ที่นำไปสู่ห้องทำงานส่วนตัวของเบียคุรัน คุณเดินเข้าไปข้างในด้วยความรู้สึกปั่นป่วนในท้อง ทุกอย่างภายในห้องส่วนต้อนรับโทนสีสว่างยังมีร่องรอยบ่งบอกว่าเจ้าของห้องยังไม่ได้ออกไปไหน ไฟทุกดวงถูกเปิดอยู่ บนโต๊ะกาแฟมีถาดขนมและถ้วยน้ำชาร้อนๆที่ดูเหมือนเพิ่งมีคนเอามาเสิร์ฟ และที่สะดุดตาที่สุดคือ...บนโต๊ะข้างโซฟามีโทรศัพท์มือถือสีขาวสะอาดวางทิ้งไว้ คุณกวาดตาหาร่องรอยเจ้าของห้อง และแล้วนัยน์ตาสี(...)ก็ไปหยุดอยู่ที่ประตูกระจกทึบแสงด้านในที่เป็นส่วนของห้องทำงาน คุณเห็นเงาของอะไรบางอย่างไหววูบวาบออกมาจากประตูบานนั้นจึงตัดสินใจเปิดเข้าไปดู ภาพที่เห็นนั้นทำเอาคุณถึงกับผงะ ข้างในห้องผนังสีครีมและพื้นน้ำตาลอ่อนชวนให้นึกถึงขนมหวาน ริมซ้ายของห้องมีแทงก์น้ำทรงกระบอกขนาดใหญ่แบบในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำตั้งอยู่ ริมขวามีโต๊ะทำงานเพิ่มมาอีกสองถึงสามโต๊ะ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งน่าตกอกตกใจอะไร สิ่งที่ทำให้คุณตกตะลึงคือตรงกลางห้องที่มีเด็กสาวผมสีฟ้าคนหนึ่งกำลังกอดคอแฟนของคุณอยู่โดยที่ตัวเธอนั้นเปียกโชกทั้งตัวแถมยังห่อผ้าขนหนูผืนใหญ่แค่ผืนเดียวแทนเสื้อผ้า! เธอดูอายุราวๆสิบห้าหรือสิบหกปี มีตาสีเดียวกับผมที่ดูขี้เล่นและกวนแก่นในเวลาเดียวกัน 

            บอกตามตรงว่าคุณทำอะไรไม่ถูกนอกจากยืนนิ่งอึ้งอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งทั้งสองเป็นฝ่ายหันมาเห็นคุณก่อน สีหน้าของเบียคุรันยังคงปกติตรงข้ามกับเด็กสาวที่เห็นได้ชัดว่าตกใจและสับสนไม่น้อย

            " นิ้ว~○_○? เบียคุรัน นั่นใครอ่ะ? "

            เธอถามเขาด้วยน้ำเสียงหวานเล็กแบบเด็กมัธยมต้นพลางชี้นิ้วมาทางคุณ เบียคุรันหัวเราะคิกคักพลางโอบไหล่เธอ(ซึ่งเธอเองก็กอดแขนเขาติดแน่นเหมือนกับโคอาล่าไม่มีผิด)เดินตรงมาหาคุณ ใบหน้าของคุณร้อนผ่าวขึ้นทุกขณะที่สองคนเดินเข้ามาใกล้ด้วยความโกรธ คุณรู้สึกว่าข้างในตอนนี้เหมือนกับภูเขาไฟคุกรุ่นพร้อมปะทุออกมาได้ทุกนาทีถ้าไม่ระมัดระวัง...หรืออีกนัยหนึ่ง..ถ้าอีกฝ่ายไม่มีเหตุผลที่ดีพอสำหรับอธิบายการกระทำของตัวเอง

            " ขอแนะนำนะบลูเบล นี่แฟนฉันเอง(...) สวยน่ารักใช่ไหมล่ะ~ "

            คุณยังคงนิ่งเงียบเพื่อดูท่าทีให้แน่ใจก่อนจะลงมือทำอะไรบ้าๆแบบที่สมองนึกอยากจะทำ อย่างเช่นใช้อาวุธกล่องของคุณอัดหน้าทั้งคู่ คุณทำได้เพียงกำหมัดอยู่ข้างๆตัว

            " เอ๋? ไม่จริงอ่ะ บลูเบลน่ารักกว่าตั้งเยอะ =3= เนอะๆ เบียคุรัน~ "

    ผึง!

     ฟางเส้นสุดท้ายของคุณขาดสะบั้นลงทันทีเมื่อได้ยินคำตอบน่าหมั่นไส้ หมัดทั้งสองข้างของคุณสั่นกึกๆด้วยความโกรธ
            "ไม่รู้สิ ฉันว่าน่ารักคนละแบบน้า เธอกับแฟนฉันน่ะ จริงไหม--"

    ผัวะ!

    หมัดซ้ายของคุณตรงเข้าที่แก้มขวาของเบียคุรันโดยอัตโนมัติ
    " ข้อแรก นายไล่ฉันออกไม่ได้เพราะฉันลาออก! "

    ผัวะ!

    หมัดอีกข้างพุ่งเข้าใส่หน้าท้องเจ้าตัวตามหมัดแรกมาติดๆ
    " ข้อสอง ฉันไม่ใช่แฟนนายอีกต่อไปแล้ว! "

    แล้วคุณก็จัดแจงตวัดหันหลังเดินกระทืบเท้าสวบๆจากไปทันที ไม่สนใจชายหนุ่มกล้วยไม้สีขาวที่นั่งคุกเข่าเอาแขนข้างนึงกุมท้องอีกข้างหนึ่งกุมแก้มที่โดนประทับรอยหมัดโทสะเอาไว้ สวนทางกับใบหน้าฉายแววยิ้มแฉ่งเป็นเอกลักษณ์
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
            คุณไม่ได้กลับไปที่ฐานทัพแต่ออกไปพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งในตัวเมืองแทน แน่นอนว่าคุณไม่ลืมโทรไปลาออกกับโชอิจิทันทีที่มาถึงห้องพัก น้ำเสียงเขาดูแตกตื่นสุดขีดขณะพยายามถามไถ่ความ แต่คุณก็บอกเพียงแค่ว่างานที่เหลือจะสะสางให้เสร็จแล้วแวะไปส่งให้ที่ฐาน ส่วนเรื่องที่เขาสงสัยนั้นไว้วันหลังที่คุณพร้อมก่อนแล้วค่อยบอก

            คุณยังคงนอนอยู่เฉยๆบนเตียงไปเรื่อยๆแม้จะเป็นเวลาทุ่มกว่าแล้ว เอาจริงคุณไม่ได้รู้สึกอยากจะทำอะไรเลยหลังจากเหตุการณ์เมื่อตอนบ่ายนอกจากนอนพักร่างกายที่หนักอึ้งจนหมดวัน ซึ่งคุณก็จะทำจริงๆนั่นแหละ...คุณพลิกตัวหยิบมือถือบนหัวเตียงขึ้นมากดดู แอบหวังนิดๆว่าเบียคุรันอาจจะโทรมาหรืออย่างน้อยส่งข้อความมาบ้างก็ยังดี แล้วคุณก็ต้องผิดหวังเมื่อพบกับรูปภาพล็อกหน้าจอโล่งๆว่างเปล่า ไม่มีทั้งมิสคอลหรือข้อความแม้แต่ครั้งเดียว มีแค่แจ้งเตือนเล็กๆน้อยๆจากปฏิทิน

            และแล้ว..หยาดน้ำใสก็เอ่อขึ้นมาที่นัยน์ตาสี(…)เป็นครั้งแรกในรอบกี่ปีแล้วคุณเองก็จำไม่ได้เพราะไม่ค่อยเจอเหตุการณ์ที่ทำให้ร้องไห้บ่อยนัก คุณป้ายมันออกหยาบๆด้วยแขนเสื้อก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงตรงไปยังห้องน้ำ บางทีการล้างหน้าจะช่วยให้หัวปลอดโปร่งสดชื่นขึ้นได้บ้าง

            ยังไม่ทันจะได้ทำอะไร เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นดึงความสนใจจากคุณ คุณเดินไปเปิดโดยไม่ทันคิดอะไรเพราะนึกว่าคงเป็นบริการรูมเซอร์วิสหรืออะไรเทือกนั้น

            ผิดคาด เบื้องหลังประตูบานนั้นกลับเป็นชายหนุ่มร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำสวมทับด้วยสูทตัวนอกสีดำคู่กับกางเกงสีเดียวกัน ผมสีหิมะเป็นทรงเซ็ท นัยน์ตาสีม่วงเข่นเดียวกับรอยสักใต้ตาข้างซ้ายนั้นฉายประกายความขี้เล่น ริมฝีปากคมยังหยักยิ้มตามสไตล์บุคลิกของเจ้าตัว ทุกอย่างของเขาเกือบจะเพอร์เฟคแล้วถ้าไม่มีผ้าก๊อซแปะอยู่ที่แก้มขวาและยืนตัวงอนิดๆเหมือนคนที่กำลังปวดท้อง

            “ บ-เบียคุรัน…”
    คุณพูดอ้ำๆอึ้งๆ
            “ แหมๆ ~ เห็นแฟนฉันนิ่งๆแบบนี้นี่จริงๆแล้วเป็นประเภทพูดน้อยต่อยหนักก็ไม่บอกกันเลยน้า ~ ดูสิ เอาซะแก้มฉันบวมเลยนะเนี่ย~แต่ก็ดีใจน้าที่ได้รู้ว่าเธอรักฉันมากแค่ไหน รู้ซึ้งเชียว~ โดยเฉพาะตรงนี้”
    เขาเอามือแตะท้องบริเวณที่โดนคุณต่อย
            “ เล่นเอาจุกยันตอนนี้เลยล่ะ~ ”
    คุณขมวดคิ้วลืมความโกรธความเจ็บใจทั้งหลายไปชั่วขณะ
            “ แล้วนี่มาได้ไง รู้ได้ไงว่าฉันอยู่นี่ ”
    เขากลั้วหัวเราะในคอ แต่แขนข้างหนึ่งยังคงกอดท้องเอาไว้เพราะเจ็บ
            “ เธอไม่น่าถามเลยน้า จริงๆจะนั่งไล่ตามตัวเธอด้วยวิธีธรรมดาก็ได้ แต่มันไม่ทันใจน่ะซี้ เลยตัดสินใจลงทุนท่องโลกพาราเรลเวิร์ดเพื่อหาเธอเลยน้า นี่ไงหลักฐาน ฉันเริ่มจะเหงื่อออกแล้วเห็นไหม~ แล้วอีกเดี๋ยวฉันก็จะตัวร้อนแล้วก็ไข้ขึ้นด้วยล่ะ~ ”
    เขาชี้ให้ดูหน้าผากที่เริ่มมีเหงื่อผุดเป็นเม็ดเล็กๆ

            คุณพยายามคงไว้ซึ่งสีหน้าบูดบึ้งโมโห แต่พอเอาเข้าจริงก็อดใจอ่อนไม่ได้ เมื่อเห็นแก้มบวมตุ่ยของเขากับอาการยืนหลังงอแบบนั้น ยิ่งพอรู้ว่าเขาลงทุนถึงขนาดใช้ความสามารถนั้นทั้งๆที่รู้ว่าการดูพาราเรลแต่ละครั้งจะทำให้ร่างกายเขาแย่ก็ยิ่งทำให้คุณรู้สึกไม่ดีเข้าไปอีกชุด แต่อย่าเพิ่งได้ใจไป เขายังคงมีประเด็นตอนบ่ายติดตัวอยู่

            “ ทุ่มทุนขนาดนี้แสดงว่านายอธิบายเรื่องบลูเบลได้ใช่ไหม? ”
    รอยยิ้มของเขาเปลี่ยนมาเป็นหยักยิ้มแบบกวนๆ
            “ อือฮึ~…ยกเว้นแต่ว่าเธอจะเปลี่ยนใจไม่อยากฟังแล้ว ”

    คุณกลอกตาพลางยกมือขึ้นกอดอกแล้วเลิกคิ้วสูงจ้องหน้าเขาเป็นสัญญาณว่า ‘พูดมาเลย รออยู่’
             “ อย่างแรก โปรเจคลับของฉันคือการหาบุปผาอาลัยตัวจริง พวกเขามีความพิเศษตรงที่ว่าสามารถเอาอาวุธกล่องมาผนวกรวมกับร่างกายของตัวเองได้ แล้วสาวน้อยบลูเบลก็เป็นหนึ่งในนั้นยังไงล่ะ~”
    คุณหรี่ตา
            “ เดี๋ยวนะ ‘บุปผาอาลัยตัวจริง’ แล้วพวกโชอิจิ พวกโกรคิชิเนียล่ะ?”
    เขาฉีกยิ้มกว้าง
             “ ก็เป็นตัวปลอมน่ะซี้ เป็นแผนการอีกชั้นของฉันเองล่ะ และนั่นก็เป็นเหตุผลประการที่สอง ที่ฉันไม่ยอมบอกเธอก็เพราะเธอเป็นเพื่อนสนิทพ่วงเพื่อนร่วมงานของโชจัง เลยคิดว่าถ้าบอกเธอแล้วเรื่องหลุดไปถึงโชจังเข้าล่ะก็แผนได้พังแน่ แต่พอมันเกิดเหตุการณ์ชีวิตรักของฉันเกือบร้าวฉานแบบนี้ก็ไม่โอเคล่ะน้า~เอาเป็นว่าเธออย่าไปบอกโชจังละกันนะ~”

    เขาบอก คำอธิบายนั้นทำให้คิ้วขมวดของคุณคลายลง ตอนนี้เหลือเพียงเรื่องเดียวที่ยังติดใจคุณอยู่
            “ ก็แปลว่าบุปผาอาลัยของจริงก็ต้องมีมากกว่าหนึ่งคน งั้นช่วยอธิบายหน่อยได้ไหมว่าทำไมเด็กคนนั้นถึงได้บังเอิญอยู่กับนายแค่สองคนในสภาพห่อผ้าขนหนูกับตัวเปียก”
    เขาอมยิ้มจากการพยายามกลั้นหัวเราะ
            “ นึกแล้วเชียวว่าเธอต้องถามแบบนี้ พอดีวันนี้ทั้งวันฉันทดสอบความสามารถของพวกเขาทีละคนน่ะสิ ดูว่ามีข้อบกพร่องหรือปัญหาอะไรไหม ถ้ามีก็จะได้ส่งอาวุธกล่องนั่นไปให้ฝ่ายเทคนิคแก้ไข บลูเบลเป็นคนสุดท้ายเพราะเธอเด็กสุดแล้วก็แก่นสุดเลยต้องจับตาดูแล้วก็ทดสอบนานเป็นพิเศษ อาวุธกล่องธาตุพิรุณของเธอเมื่อผนวกกับร่างกายจะทำให้เธอมีสภาพคล้ายเงือกน่ะ^^”

    คุณตาโต นั่นอธิบายเรื่องแท็งก์น้ำแล้วก็สาเหตุที่เธออยู่ในสภาพนั้น 
            “ แล้วที่ไปหาเธอสายตอนมื้อเที่ยงก็เพราะแบบนี้แหละ อาวุธกล่องของซาคุโร่มีปัญหาตรงที่มันปล่อยพลังเยอะเกินไป เหนื่อยแทบแย่เลย~”
    คุณพยักหน้า 
            “ ถ้าเธอไม่ว่าอะไร ฉันขอเข้าไปพักข้างในนะ ชักจะเริ่มครั่นเนื้อครั่นตัวแล้วสิ ”
    แล้วเบียคุรันก็จัดการนอนแผ่บนเตียงโดยที่คุณยังไม่ทันจะพูดอะไร คุณถอนหายใจแล้วปิดประตูล็อกเหมือนเดิม 
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
            คำโบราณที่บอกว่าฟ้าหลังฝนสวยงามนั้นดูท่าจะจริง ช่วงเวลาหลังจากนั้นคุณกับเบียคุรันก็ปรับความเข้าใจกันจนหมดเปลือกในทุกๆเรื่องที่ค้างคาใจคุณมาตลอด ซึ่งเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลที่เขาเปลี่ยนไปนั้นก็คือ
            “ เป็นความผิดเธอน้า~รักแต่ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยแสดงออก ฉันก็คิดว่าเธอโลกส่วนตัวสูงชอบอยู่คนเดียวเหมือนสปาน่าก็เลยทำแบบนั้นน่ะนะ~”
    เขาพูดโดยมีผ้าขนหนูชุบน้ำวางพาดอยู่บนหน้าผาก คุณยิ้มน้อยๆพลางส่ายหัว
    “ นี่(…) ”
    เขาเรียก
    “ว่าไง?”
    คุณสบเข้ากับนัยน์ตาสีม่วงของเขาที่กำลังเป็นประกายเจ้าเล่ห์มีเลศนัย
         “ ทฤษฎีเลขร้อยอะไรนั่นน่ะ ใช้ไม่ได้ผลกับคู่เราหรอกน้า เพราะฉันเต็มร้อยกับเธอทุกวันเลย~”
    ตาของคุณเบิกกว้าง
    “นายรู้ได้ไง!?”
    “ฮิๆ ก็บอกแล้วว่าฉันรู้ทุกอย่างแหละน้า~”





    ...................................................................................................................................................................................................................
    ป.ล.1 ขอขอบคุณเพื่อนตัวแสบของไรต์ที่ส่งบทความเรื่องทฤษฎีรักนี่มาให้อ่านเมื่อวันก่อน...
    ป.ล.สุดท้าย คิวรีเควสจ้า
          1. Soraru [Utaite] - Coming soon
          2. Hiro Hamada [Big Hero 6]
          3. Jason Vorhees [Friday the 13th ]

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×