ลำดับตอนที่ #11
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : [Black Panther] Erik Killmonger x Reader : Promise [Request]
ฟิฟท์ อเวนิว ถนนสายที่เป็นหัวใจหลักของนิวยอร์กเต็มไปด้วยสีสันของผู้คนที่เดินขวักไขว่ไปมาตามร้านรวงต่างๆที่เรียงรายยาวไปตลอดทั้งสองฝั่งถนน คุณนั่งเท้าคางดูวิวรอบตัวเมืองอย่างเลื่อนลอยตรงขอบหน้าต่างของอาคารอิฐสีน้ำตาลแดงทรงเหลี่ยมสูงแห่งหนึ่งบนถนนสายนี้ บนตักของคุณมีกรอบรูปวางอยู่ คุณยกรูปนั้นขึ้นมาดู มันเป็นรูปที่คุณถ่ายคู่กับอีริคผู้เป็นเพื่อนสนิทในวันจบการศึกษาของมหาวิทยาลัย มือคุณเผลอลูบไล้ไล่ไปตามรูปของคนข้างๆนั้นอย่างไม่รู้ตัวขณะที่จิตใจกำลังดำดิ่งหวนระลึกถึงช่วงเวลาแสนสุขในอดีต
.
.
.
.
.
คุณกับอีริคเจอกันครั้งแรกในห้องสมุดของมหาวิทยาลัย วันนั้นเก้าอี้นั่งและโต๊ะเต็มหมดทุกที่ยกเว้นโต๊ะที่เขากำลังนั่งเขียนรายงานอยู่ซึ่งตรงข้ามมีเก้าอี้ว่างอยู่หนึ่งตัว คุณเดินเข้าไปถามเขาว่าคุณขอนั่งตรงนี้ด้วยคนได้ไหม เขาเงยหน้าขึ้นมาจากเล่มรายงานแล้วมองคุณครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย คุณพูดขอบคุณและหย่อนตัวนั่งลง แต่ขณะที่คุณกำลังจะหยิบเล่มรายงานขึ้นมาเขียนบ้างก็พอดีกับที่นัยน์ตาสี(...)เหลือบไปเห็นผลงานของคนตรงข้ามเสียก่อน
" 'การพัฒนานวัตกรรมกับการจัดการเทคโนโลยีสำหรับการปกครอง' ว้าว...รายงานของคุณน่าสนใจจัง "
คุณพูดเบาๆ เขาเงยหน้าขึ้นมามอง ขมวดคิ้วก้มลงดูรูปเล่ม
" เนี่ยเหรอ ผมแค่เลือกหัวข้อที่คิดว่าน่าจะมีประโยชน์กับผมมากที่สุดแค่นั้นเอง "
เขายักไหล่ด้วยท่าทีเฉยเมยราวกับจะสื่อนัยๆว่ามันเป็นเรื่องง่ายๆที่ใครก็ทำได้ คุณหยิบงานของตัวเองขึ้นมากางบนโต๊ะ กวาดตาดูสารพัดร่องรอยขีดเขียนด้วยปากกาสีแดงที่มีอยู่หลายหน้าตรงข้ามกับของอีกฝ่ายที่กระดาษเกือบทุกหน้าเนียนสะอาดแทบไม่มีรอยปากกาโผล่มาให้เห็นเลยตลอดทั้งเล่ม
" ดีจังเลย...ฉันแก้รอบที่ร้อยได้แล้วมั้ง " คุณว่าหน่ายๆพลางถอนหายใจ เขาเขียนอะไรขยุกขยิกสักพักก่อนจะเก็บของทุกอย่างลงกระเป๋า เหลือไว้เพียงตั้งหนังสืออ้างอิงจากห้องสมุดกองหนึ่ง ด้วยเหตุอะไรสักอย่างที่คุณไม่ทราบ เขาเอ่ยปากถามคำถามที่คุณคาดไม่ถึง
" ผมพอจะช่วยให้คำแนะนำได้นะ ถ้าคุณต้องการ "
คุณกระพริบตาด้วยความโลเลอย่างสองจิตสองใจ ใจหนึ่งก็นึกเกรงใจอีกฝ่าย ใจหนึ่งก็นึกอยากให้มีใครมาช่วยเพราะคุณเองก็ชักจะเอียนกับรายงานนี่เต็มทน
" ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะ ฉันเกรงใจ คุณเองก็ยังทำของตัวเองไม่เสร็จเลยนี่นา "
คุณปฏิเสธอย่างสุภาพ เขาส่ายหัวน้อยๆ
" ที่จริงนั่นน่ะเสร็จแล้วล่ะ เหลือแค่เอาไปพิมพ์ลงกระดาษจริงเท่านั้นแหละ " เขาเอ่ย คุณลังเลอยู่พักหนึ่งก่อนจะยื่นเล่มรายงานส่งให้เขา
" ถ้างั้นก็..ขอบคุณมากนะคะ คุณ-เอ่อ.."
คำพูดขอบคุณนั้นหยุดชะงักไป
" อีริค " เขาบอกทั้งๆที่ยังก้มหน้าไล่อ่านไปตามย่อหน้าต่างๆ สายตาเลื่อนผ่านแต่ละบรรทัดรวดเร็ว
" --ตรงนี้น่ะ คุณต้องพยายามเขียนให้เชื่อมโยงกับหัวข้อ หัวข้อของคุณคือ'การประยุกต์และประดิษฐ์นวัตกรรมสอดคล้องเข้ากับวิถีท้องถิ่น' เพราะงั้นคุณก็ไม่ควรกล่าวถึงกระบวนการคิดค้นแบบสังคมเมืองมากเกินไป--ส่วนย่อหน้าตรงนี้คุณอธิบายไม่ครบ ยังขาดเหตุผลของความสำคัญของการพัฒนาพลังงานน้ำสำหรับทำเกษตร--แล้วหน้านี้ผิดตรงที่ทฤษฎียังไม่มีหลักสนับสนุนมากพอ ผมว่าคุณเลือกใช้ทฤษฎีธรรมชาติสัมพันธ์ทางพฤกษศาสตร์จะดีกว่า-- "
เขาอธิบายข้อผิดพลาดของงานในแต่ละหน้าโดยมีมือข้างที่ว่างคอยขีดเขียนคำแนะนำเหล่านั้นลงไปให้ด้วย
" โดยหลักๆก็มีเท่านี้ล่ะ " เขาบอกพลางเลื่อนรูปเล่มคืนให้คุณก่อนจะหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพายบ่า
" ขอบคุณนะคะ " เขาพยักหน้า คุณก้มดูนาฬิกาข้อมือ
" ตายจริง...ฉันต้องไปแล้วค่ะ มีเรียนตอนบ่ายโมงตรงที่ห้องBp-018 "
คุณบอก เขาเลิกคิ้ว
" เหมือนผมเลย คุณเรียนวิชาออกแบบนวัตกรรมหรือเปล่า? "
" ใช่ค่ะ"
เขาพยักหน้าน้อยๆพลางหอบตั้งหนังสือบนโต๊ะขึ้นมา
"เอ่อ..เดินไปด้วยกันไหมคะ? ตอนเลิกเรียนฉันอยากเลี้ยงกาแฟตอบแทนคุณที่อุตส่าห์ช่วยดูงานให้ฉัน"
คุณว่าพลางกอดรายงานไว้ในอ้อมแขนด้วยอาการประหม่า อีริคนิ่งไปพักแล้วพยักหน้า แล้วพวกคุณก็ได้เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ตอนนั้น เขาเป็นคนที่เก่งแล้วก็เข้มแข็งมากคนหนึ่ง แล้วก็มักจะมีประโยคคำคมๆมาพูดให้คุณรู้สึกดีขึ้นได้เสมอเวลาที่คุณรู้สึกแย่
.
.
.
.
.
แต่ถึงจะเป็นเพื่อนกัน สิ่งหนึ่งที่ยังคงติดอยู่ในใจของคุณมาตลอด นั่นคือภูมิหลังและเรื่องราวลึกๆของอีริค เขาดูเหมือนพยายามปิดบังอะไรสักอย่างอยู่ลึกๆ อย่างเดียวที่คุณรู้เกี่ยวกับเขาก็คือบ้านเกิดดั้งเดิมของเขาอยู่ที่ประเทศวากันด้าในทวีปแอฟริกา เขาเล่าให้คุณฟังว่าที่นั่นเหมือนกับสวรรค์บนดินด้วยเทคโนโลยีที่หลากหลาย สภาพแสดล้อมสวยงาม ธรรมชาติอุดมสมบูรณ์กับผู้คนน่ารักๆเป็นมิตร แล้วสักวันหนึ่งเขาก็ตั้งใจจะกลับไปอยู่ที่นั่นให้ได้ คุณไม่แปลกใจกับตรงนี้หรอก เพราะประเทศอเมริกาขึ้นชื่อเรื่องความหลากหลายผสมผสานของหลายเชื้อชาติมาตั้งหลายยุคสมัยแล้ว แต่ไม่รู้ว่าทำไมพอเป็นอีริคแล้วกลับทำให้คุณรู้สึกตะหงิดใจแปลกๆ อาจจะเป็นเพราะความสามารถพิเศษของเขาที่ทำให้คุณรู้สึกแบบนั้น
คุณยังจำได้ดีถึงพละกำลังมหาศาลและความเชี่ยวชาญด้านการต่อสู้ที่ออกจะเก่งกาจผิดไปจากคนธรรมดาสามัญทั่วไป
.
.
.
.
.
โครม!
พลั่ก!
โครม!
ตู้ม!
เสียงหินก้อนแล้วก้อนเล่าถูกทุบทำลายลงอย่างง่ายดาย คุณนั่งมองอีริคทำลายพวกมันฝด้วยมือเปล่าประกอบกับท่าทางการต่อสู้ชั้นสูงที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน คุณทั้งสองตัดสินใจไปเดินเที่ยวป่าแห่งหนึ่งในรัฐแอละแบมากันส่งท้ายวันสอบวันสุดท้ายของนักศึกษาชั้นปีที่สาม นัยน์ตาสี(...)ของคุณนิ่งค้างด้วยความตะลึงในความสามารถแปลกประหลาดนั้น ก็ใช่อยู่ว่าคุณพอจะมีความรู้เรื่องศิลปะการต่อสู้แบบประชิดตัวในแถบตะวันออกแล้วก็เคยเห็นเทคนิคการทำลายสิ่งกีดขวางต่างๆอยู่บ้าง แต่อย่างน้อยนั่นมันก็แค่หินก้อนย่อมๆกับแผ่นไม้อัดธรรมดาๆ ไม่ใช่หินป่าก้อนขนาดมหึมาแบบที่อยู่ตรงหน้าคุณตอนนี้แน่
จนถึงขณะนี้ คุณเองก็เริ่มแอบคิดว่าอีริคอยากจะหาข้ออ้างทดลองซ้อมพละกำลังของตนเองมากกว่าจะเดินเที่ยวชมนกชมไม้ในป่าซะอีก
คุณมารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนเจ้าตัวที่กำลังนึกถึงนั้นเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า เขาถอดเสื้อออกพาดไว้ที่แขนเผยให้เห็นแผงอกและกล้ามเนื้อแข็งแรงในหุ่นแบบนักกีฬามากประสบการณ์ ผิวสีน้ำตาลมันเงาแทนสวยของเขาระยิบระยับไปด้วยหยดเหงื่อที่ผุดขึ้นตามตัวจากการออกกำลัง
" คุณคิดว่าไง? " เขาถามเบาๆด้วยน้ำเสียงหอบเล็กน้อยพลางผายมือไปด้านหลัง หน้าอกของเขากระเพื่อมขึ้นลงจากความเหนื่อย คุณชะโงกตัวไปมองด้านหลังที่ตอนนี้มีหินป่นละเอียดกองสูงขึ้นมาเป็นเนิน
คุณอ้าปากค้างตะลึงงัน
"นี่คุณ...ทำได้ยังไงกันเนี่ย..."
เขาส่งยิ้มน้อยๆให้คุณพลางยักไหล่
"ก็...ความสามารถพิเศษน่ะ ไม่ได้ออกแรงมานานเลยกลัวสนิมขึ้น"
คุณพยักหน้ารับทั้งๆที่ภายในนั้นมั่นใจมากว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้นแน่ๆ แต่คุณก็ตัดสินใจปล่อยมันผ่านไปโดยไม่ได้เค้นถามอะไรอีก แล้วคุณก็ยังไม่อยากทำให้บรรยากาศหมดสนุกเอาดื้อๆด้วย
" คุณอยากไปดูน้ำตกไหม? จากตรงนี่เดินเลาะไปตามโขดหินนั่นนิดเดียวก็ถึงแล้ว แต่ถ้าจะไปก็จับมือกันไว้ละกัน ทางเดินมันขรุขระแล้วจะลื่นตะไคร่เอา "
คุณมองเข้าไปในตาสีดำเป็นประกายของเขา
" เอาสิ ไหนๆเราก็มาทั้งที "
คุณบอกพลางยื่นมือออกไปหา เขารับมือของคุณมากุมไว้ก่อนจะค่อยๆพาเดินนำหน้าลัดเลาะไปตามทางเดินหินกรวดที่ชื้นแฉะ
ถ้ามีใครถามคุณว่าสถานที่ที่สวยที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาในชีวิตคือที่ไหน คำตอบของคุณก็คงจะเป็นน้ำตกนี่นั่นแหละ ตรงหน้าคุณและเขาคือน้ำตกขนาดกำลังพอดีอยู่ท่ามกลางทิวทัศน์สีเขียวและน้ำตาลของต้นไม้นานาชนิดในป่า น้ำใสสะอาดไหลหลั่งลงมาตกกระทบบรรจบกับสายน้ำเบื้องล่างเกิดเป็นฟองสีขาวดูนุ่มนวลสวยงาม อากาศทั่วบริเวณสดชื่นและเย็นสบายกว่าส่วนอื่นๆจากละอองน้ำตกที่แผ่ไอเย็นออกมา
คุณหย่อนตัวลงบนโขดหินก้อนหนึ่ง ส่วนอีริคเองก็เขยิบมานั่งข้างๆ สายตาทั้งสองคู่จับจ้องไปยังวิวเบื้องหน้า เสียงที่คุณได้ยินมีเพียงแค่เสียงซอกแซกของใบไม้ที่ปลิวไสวอยู่เบื้องบนกับเสียงร้องเป็นจังหวะของแมลงต่างๆชวนให้จิตใจสงบ
" นี่...เล่าเรื่องตัวคุณให้ฟังหน่อยสิ "
เขากลับแค่นหัวเราะแทนคำตอบ
" เคยเล่าไปหมดแล้วไม่ใช่เหรอ "
เขาเอ่ยพลางมองคุณด้วยสายตาที่เจือแววขำขัน
" ไม่เอาแบบนั้นสิ แบบว่า..คุณก็รู้... "
คุณบอก เหยียดยืดขาไปข้างหน้า เมื่อหันไปก็พบว่านัยน์ตาสีดำของเขากำลังมองตรงไปข้างหน้าอย่างเลื่อนลอยไร้จุดหมาย ประกายขำขันนั้นหายไปแล้ว
" ผมไม่ค่อยมีเรื่องน่าสนใจหรอก ก็เหมือนคนทั่วไปนั่นแหละ "
" แล้วเทคนิคการต่อสู้กับอะไรเยี่ยมๆพวกนั้นล่ะ "
เขายักไหล่
" แค่ความสามารถพิเศษ "
ถึงตรงนี้คุณถอนหายใจและเผลอทำสีหน้าสลดโดยไม่รู้ตัว เขาหลุดหัวเราะออกมาทีหนึ่งก่อนจะวางฝ่ามือลงบนหัวคุณแล้วโยกเบาๆเป็นการหยอกคุณ
.
.
.
.
.
เสียงของหล่นดัง 'ตุ้บ!' ฉุดดึงคุณหลุดออกจากภวังค์ คุณกระพริบตาก่อนจะลุกขึ้น วางกรอบรูปกลับลงบนโต๊ะเหมือนเดิมแล้วรีบรุดไปหาที่มาของเสียงซึ่งเป็นหนังสือสีน้ำตาลเล่มหนึ่งที่หล่นลงมาจากชั้น คุณก้มเก็บมันขึ้นมา แต่ยังไม่ทันจะได้ยัดมันกลับเข้าที่ก็มีกระดาษแผ่นเล็กๆร่วงออกมาจากหนังสือซะก่อน มันปลิวตกลงมาบนพื้นเผยให้เห็นภาพยามกลางคืนของเมืองที่มีตึกอาคารต่างๆท่ามกลางวิวธรรมชาติเบื้องหลังที่มีทั้งป่าสีเขียวชะอุ่มและทะเลทราย
นี่มัน...คุณชะงักค้างไปเมื่อเก็บมันขึ้นมาพลิกดู...นี่เป็นโปสการ์ดที่อีริคส่งมาให้คุณในวันสุดท้ายก่อนที่เขาจะเงียบหายโดยไม่ได้ติดต่อ
กลับมาอีกเลยราวกับว่าเขาหายตัวไป นัยน์ตาของคุณรื้นไปด้วยของหยาดน้ำตาอุ่นร้อน
หลังจบจากมหาวิทยาลัยคุณกับอีริคก็มีโอกาสติดต่อกันน้อยลงเพราะต่างคนต่างง่วนกับการจัดการชีวิตของตนเองอยู่เป็นเดือน จนกระทั่งมีโอกาสได้หาเวลามาเจอกันอีกทีก็ตอนที่เขาบอกคุณว่าเขาทำสำเร็จ เขาจะได้กลับไปบ้านที่วากันด้าตามที่เขาตั้งใจไว้ แต่คุณไม่สามารถดีใจกับเขาไปทั้งหมดได้เพราะถ้าเขาได้กลับไปนั่นก็หมายความว่าคุณอาจจะไม่ได้เจอเขาอีก ตลอดช่วงระยะหลังๆคุณก็ชักจะเริ่มชอบเขาเกินขอบเขตจากคำว่าเพื่อนไปเรียบร้อยแล้ว
.
.
.
.
.
" งั้น..ไว้กลับมาเจอกันนะ..สักวันหนึ่ง " เขาพูด น้ำเสียงปนความหนักแน่นคล้ายจะให้คำสัญญา
"ต-" คุณกำลังจะอ้าปากบอกเขาว่าไม่ไปไม่ได้เหรอ แต่เมื่อเห็นนัยน์ตาสีดำของเขาเป็นประกายแบบที่ชอบเป็นเวลาที่เขารู้สึกมั่นใจแล้วคุณก็ทำใจพูดออกไปไม่ได้ คุณได้แต่ก้มหน้าจ้องมองพื้นแทนคำตอบ
ปุ
ฝ่ามือของเขาวางบนหัวคุณพลางขยี้ผมน้อยๆ
"สัญญานะ พอตั้งตัวได้แล้วผมจะกลับมา มารับคุณไปอยู่โน่นด้วยกัน ที่นั่นงานดีๆเพียบ ชีวิตคนเก่งๆแบบคุณน่ะก้าวหน้าไปได้อีกเยอะ"
คุณเงยหน้าสบตาเขา ที่จริงแล้วคุณควรจะมีความสุขสิ แต่ทำไมในใจกลับหนักอึ้งล่ะ มันพยายามประท้วงขึ้นมาว่ามีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง นี่มันแปลกเกินไป คุณรู้สึกเหมือนกับ...เหมือนกับว่าคุณจะไม่ได้เจอเขาอีกต่อไปแล้ว วันนั้นคุณกับเขาร่ำลากันโดยที่ความรู้สึกอึนวนอัดแน่นนั้นยังเกาะติดอยู่ภายใน
.
.
.
.
.
หยดน้ำตาหยดหนึ่งร่วงเผาะลงบนรูปภาพ
.
.
.
.
.
มันเป็นอย่างที่คุณคิดจริงๆ เมื่อช่วงเวลาล่วงเลยไปราวๆเดือนสองเดือน ข่าวคราวเดียวที่คุณได้รับจากอีริคก็คือโปสการ์ดใบนี้ที่เขียนมาบอกคุณว่าเขาได้งานอยู่ที่วากันด้าเรียบร้อยแล้ว แต่หลังจากนี้เขาคงจะต้องยุ่งอยู่กับงานไปอีกพักใหญ่ ไม่ต้องตกใจ เขายังคงสบายดีตลอด แต่มันไม่เป็นเช่นนั้นน่ะซี คุณเขียนจดหมายหาเขาฉบับแล้วฉบับเล่า แต่เขาก็ไม่เคยเขียนตอบกลับมาเลย ทุกอย่างเงียบหายราวกับเขาไม่มีตัวตนอยู่บนโลกอีกแล้ว
.
.
.
.
.
คุณกำโปสการ์ดแผ่นนั้นแน่น หลับตาลงให้ใจเย็นสักพักก่อนจะใช้หลังมือปาดน้ำตาที่เริ่มไหลออกมาไม่ขาดสาย
คุณคิดถึงเขา...คุณคิดถึงเขาเหลือเกิน...
เสียงเคาะประตูดังขึ้นบังคับให้คุณจำต้องหยุดร้องไห้เพื่อไปเปิดประตู ทีแรกคุณคิดว่าคงจะเป็นเด็กเร่ร่อนตระเวนขายของตามบ้านหรือไม่ก็คนส่งของ แต่คุณก็ชะงักค้างไปเมื่อเห็นร่างที่ยืนคอยอยู่หลังประตู ร่างกายแข็งแรงกำยำแบบกึ่งนักกีฬากึ่งนักสู้ ผมสีดำขลับ ผิวสีน้ำตาลแทนเป็นเงางาม นัยน์ตาสีดำเป็นประกาย เขาคืออีริค...คนที่คุณอยากเจอมาตลอดเกือบครึ่งปีที่ผ่านมา...คนที่คุณคิดถึง...เพื่อนสนิท...คนที่คุณชอบ..คนๆเดิมที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย
เขาปาดคราบน้ำตาออกจากใบหน้าคุณอย่างแผ่วเบาด้วยนิ้วโป้ง คุณยังคงจ้องมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา มือทั้งสองประคองโอบแก้มคุณขึ้นมาก่อนที่เขาจะขยับนิ้วหยิกแก้มของคุณเล่น
" ผมมาแล้ว...ตามสัญญาไง..จำได้ไหม? "
ตอนนั้นเองที่สายตาของเขาเหลือบไปเห็นสิ่งที่คุณกำไว้ในอุ้งมือ เขาถอนหายใจพลางยกมือข้างหนึ่งลูบหัวยีผมคุณ
" อะไรกันล่ะ...บอกว่าจะกลับก็ต้องกลับมาสิ "
เขาพูดเบาๆพลางเอาแขนดันตัวคุณให้เข้ามาใกล้ๆ คุณรู้สึกเหมือนมีใครบางคนเพิ่งจะยกเอาภูเขาหนักอึ้งออกไปจากตัว
เพียงแค่ครู่เดียว คุณก็เอนหัวซบลงบนบ่าเขาก่อนจะปล่อยโฮอย่างควบคุมไม่อยู่ เขาเอามือลูบตัวคุณที่สั่นเทาจากการสะอื้น
" ผมคิดว่าตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่ผมจะบอกความจริงกับคุณ ทุกๆคำถาม ทุกๆข้อสงสัย ดีไหม? "
คุณพยักหน้า พอจะเริ่มหยุดสะอื้นได้บ้าง คุณก็ผละจากตัวเขา สองมือประคองใบหน้าของคนตัวสูงกว่าแล้วดึงให้เจ้าตัวโน้มก้มลงมา
" ต่อไปนี้...ต่อไปนี้ไม่ทำแบบนี้แล้วนะ..มีอะไรก็บอกฉัน เข้าใจไหม อย่าทำแบบนี้อีก..อย่าหายไปแบบนี้.. "
คุณบอกปนสั่ง พยายามปรับน้ำเสียงที่เพิ่งผ่านการสะอื้นหนักหน่วงให้ดูดุดันพลางจ้องดวงตาสีดำของเขาเขม็ง ริมฝีปากของคนตรงหน้าหยักยิ้มขึ้นมาก่อนที่ความอ่อนโยนจะปรากฏขึ้นในแววตาของเขา
"เข้าใจแล้ว...คนสวย"
...................................................................................................................................................................................................................
ป.ล.1 จัดไปตามรีเควสอีกหนึ่งจ้า
ป.ล.2 ทีแรกไรต์สองจิตสองใจจะตั้งชื่อเรื่องว่า Memories เพราะระลึกความหลังกันเกือบทั้งเรื่อง แต่กุญแจสำคัญมันมาอยู่ที่การให้สัญญาพอดีก็เลยเปลี่ยนเป็นเช่นนี้แล..
ป.ล.3 มีข้อติชมหรือรีเควสอะไรก็บอกกันได้นะคะ ^ ^
ป.ล.สุดท้าย คิวรีเควสจ้า
1. [Hunter x Hunter] Ging Freecss
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น