คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : M o n s t e r [KiHae] : Ch. 1 : Then...I found you ,my dear 1 0 0 %
Monster: Chapter 1: Then I found you, my dear
.
.
.
ในความมืดแห่งรัตติกาล สายลมพัดกระโชกบอกถึงความบ้าคลั่งของภูมิอากาศ ต้นไม้น้อยใหญ่ปลิวไหวไปตามกระแสลม กิ่งก้านที่ดูอ่อนแอก็หักปลิวว่อน สิ่งมีชีวิตน้อยใหญ่ต่างหลบภัยกันหัวซุกหัวซุน ด้วยเกรงกลัวต่อสภาพอากาศที่แปรปรวนอย่างกะทันหัน
เว้นเพียงแต่ร่างสูงใหญ่ที่ก้าวผ่านความมืดมาตามทางอย่างมั่นคง ชุดสีดำสนิทที่สวมใส่ปลิวสะบัดตามแรงลม ผ้าคลุมหน้าพัดหลุดลงมาตกอยู่ที่ไหล่แข็งแรง เผยให้เห็นใบหน้าที่ถึงแม้จะดูหล่อเหลาคมคาย แต่กลับซีดเผือดตัดกับความมืดรอบด้าน ดวงตาคมกล้าสีดำที่ดูมีเสน่ห์นั้นไร้แววแห่งชีวิต ส่งผลให้ใบหน้านี้ดูน่าหวั่นเกรงมากกว่าน่าชื่นชม
มือใหญ่ขาวซีดไม่ต่างจากใบหน้าจับผ้าคลุมกลับมาปกคลุมใบหน้าไว้อย่างเดิม ขายาวก้าวเดินมาเรื่อย ๆ อย่างไม่รีบเร่ง มิได้กังวลกับลมพายุที่กำลังพัดโหมกระหน่ำ
“โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง”
เสียงสุนัขตัวจ้อยที่อยู่ภายในกรงหน้าบ้านหลังใหญ่ที่ชายหนุ่มเดินผ่าน เห่าอย่างบ้าคลั่งเมื่อเห็นคนแปลกหน้าผ่านมา เมื่อเขาชำเลืองไปมองเพียงนิดเดียวเท่านั้น เจ้าสุนัขก็รับรู้ได้โดยสัญชาติญาณว่าสมควรสงบปากลงซะ เจ้าตัวน้อยร้องหงิง ๆ หางจุกก้นเดินกลับไปนอนขดอยู่บนเบาะตามเดิม ชายหนุ่มยกยิ้มที่มุมปากอย่างขำขัน
‘เจ้าสัตว์น้อยตัวกระจ้อยรู้จักเก็บชีวิตของเจ้าไว้ก็ดีแล้ว’
ฝีเท้าของชายหนุ่มก้าวมาเรื่อย ๆ จนเมื่อดวงตาที่ไร้แววนั้นมองฝ่าความมืดและลมพายุไปที่บ้านหลังหนึ่งทางซ้ายมือ จังหวะการก้าวขาช้าลง จนหยุดนิ่งเมื่อถึงรั้วไม้สีขาวของบ้านหลังน้อย
ดวงตาคมจับจ้องไปที่ชั้นสองของตัวบ้าน หน้าต่างทางซีกขวาของชั้นบนนั้น เป็นจุดเดียวของบ้านที่มีแสงไฟเล็ดลอดออกมา บ่งบอกที่อยู่ของเจ้าของที่พักได้อย่างดี ม่านหน้าต่างที่ถูกปิดไว้นั้นทำให้ไม่สามารถมองเข้าไปเห็นสิ่งที่อยู่ด้านในได้ มีเพียงเงาตะคุ่มบางคราวที่มีใครสักคนเดินผ่าน
เค้าอมยิ้มอย่างถูกใจเล็กน้อย ก่อนจะยกมือขึ้นข้างหนึ่งโบกเบา ๆตรงหน้าคล้ายกับปัดแมลงหวี่ที่บินมาตอมปลายจมูกคม แต่แล้วจู่ ๆ หน้าต่างปิดสนิทที่ถูกจับจ้องอยู่เมื่อครู่ถูกแรงลมพัดกระโชกให้เปิดออก เงาสลัวที่ทาบทับบนผ้าม่านบ่งบอกว่ามีคนกำลังเดินตรงมาที่หน้าต่างบานนั้น
หัวใจของชายหนุ่มที่เหมือนจะไม่ได้เต้นมานานนับพันปี กระตุกไหว
มือเล็ก ๆ ของคนที่เป็นเจ้าของเงาค่อย ๆ เอื้อมมาเปิดผ้าม่านที่ปลิวสะบัด แสงไฟที่ส่องมาจากข้างในตัวบ้านด้านหลังร่างนั้น ทำให้เห็นหน้าของร่างบอบบางได้ไม่ถนัด มือเล็ก ๆ เอื้อมออกมา หมายจะปิดหน้าต่างที่เปิดอ้าอยู่
คนตัวเล็กเอี้ยวตัวเล็กน้อยเพื่อให้คว้าบานหน้าต่างได้ถนัด แสงไฟจึงได้มีโอกาสส่องกระทบใบหน้านั้น จมูกโด่งได้รูป รับกับริมฝีปากน้อย ๆ สีแดงอ่อน วางอยู่เหมาะเจาะบนใบหน้าเรียวขาว
แต่ที่โดดเด่นที่สุดบนใบหน้างามนั้น คงไม่มีอะไรเกินไปกว่า ดวงตาพราวระยับเป็นประกาย ชายหนุ่มที่เฝ้ามองคนตัวเล็กพยายามคว้าบานหน้าต่างให้กลับมาปิดนั้น หัวใจรู้สึกอุ่นวาบ
...ใช่เจ้าจริง ๆ ...ดาเฮ... ไม่ว่ากาลเวลาเปลี่ยนแปลงเท่าไหร่ ถึงแม้หน้าตาเจ้าจะเปลี่ยนไปแค่ไหน หรือแม้กระทั่งเจ้าเกิดเป็นชาย ดวงตาของเจ้าก็ไม่เคยเปลี่ยนไป มันสุกใสดั่งดาวบนฟากฟ้า เฉกเช่นเดียวกับครั้งแรกที่เราได้สบตากัน...
.
.
.
.
.
.
ครั้งแรกที่ข้าได้มองดวงตาแสนสวยคู่นั้น ข้าก็ตกหลุมรักอย่างไม่ทันตั้งตัว
“คุณหนูเจ้าคะ ...คุณหนู.....คุณหนูดาเฮ หยุดวิ่งก่อนเถอะเจ้าค่ะ ถ้าหกล้มไปจะเจ็บ แล้วก็โดนท่านพ่อดุนะเจ้าคะ” เสียงสาวใช้ร่างท้วมที่วิ่งตามเด็กหญิงตัวน้อย ๆ ร้องบอกมาอย่างเป็นห่วง
“พี่บีโฮตามดาเฮมาเร็ว ๆ สิจ๊ะ ดาเฮจะไปจับผีเสื้อตัวนั้นมาให้ได้” เด็กน้อยวัยเจ็ดขวบหันมาเรียกพี่เลี้ยง ที่วิ่งตามหลังอยู่ไกล ๆ ทั้งที่ยังคงวิ่งตามเจ้าผีเสื้อแสนสวยตัวนั้นอย่างไม่ลดละ
“คุณหนูอย่าวิ่งไปทางนั้นเจ้าค่ะ ตรงนั้นมันมีหน้าผา เดี๋ยวจะพลัดตกลงไปนะเจ้าคะ คุณหนู”
“เจ้าผีเสื้อน้อยแสนสวย รอข้าก่อน ข้าจะพาเจ้าไปให้ท่านพี่ดู ท่านพี่ต้องชอบเจ้าแน่ ๆ ไปกับข้าเถอะ” ดาเฮตัวน้อยไม่ฟังที่พี่เลี้ยงพูด พยายามวิ่งไขว่คว้าตามผีเสื้อตัวเดิมไปเรื่อย ๆ
“เจ้าผีเสื้...อ๊ะ” และโดยที่ไม่ทันระวัง ขาเล็ก ๆ ก็ก้าวพลาด เหยียบก้อนหินแล้วสะดุด ร่างเล็กเซถลาไปทางพุ่มไม้น้อยที่ปิดกั้นทางลาดลึกที่เป็นเหมือนหน้าผาย่อม ๆ ตัวเล็กหล่นลงไปตามทางนั้นอย่างไม่ตั้งตัว
“ ว้ายยยย คุณหนู คุณหนูดาเฮ ตกหน้าผา ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยที คุณหนู คุณหนูของพี่อย่าเป็นอะไรนะเจ้าคะ คุณหนู” เสียงโวยวายของบีโฮพี่เลี้ยงคนสนิทแว่วตามมาจากด้านบนหน้าผานั้น
ดาเฮกลิ้งลงมาตามทางที่ลาดชันจนมาหยุดลงที่พื้นราบด้านล่าง ด้วยความสูงของหน้าผาไม่มากนัก คนตัวน้อยจึงได้รับแค่รอยขีดข่วนที่เป็นผลมาจากการกลิ้งลงมาเพียงเท่านั้น ดาเฮตัวน้อยยันตัวขึ้นนั่ง ตัวสั่นเทาจากความตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง
“ ฮือ อือ ฮือออ... พี่บีโฮช่วย.. ฮึก.. ดาเฮด้วย ดาเฮกลัว ช่วยดาเฮหน่อย.. ฮึก ท่านพ่อ ท่านพี่ ดา.. ฮึก.. เฮ กลัว ฮือ..”
เด็กหญิงตัวน้อยเริ่มต้นร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความกลัว สองมือที่ถลอกยกขึ้นกอดขาเข้ามาชิดลำตัว ก้มใบหน้านองน้ำตาไว้กับหัวเข่า
“คุณหนูดาเฮ ไม่เป็นอะไรมากใช่ไหมเจ้าคะ คุณหนู เดี๋ยวพี่จะไปตามคนมาช่วยนะเจ้าคะ รอเดี๋ยวนะเจ้าคะ” บีโฮเมื่อได้ยินเสียงร้องเรียกของคุณหนูผู้เป็นที่รัก ก็โล่งใจที่คนตัวเล็กไม่เป็นอะไรมาก จึงรีบวิ่งไปตามคนมาช่วยคุณหนูขึ้นมา
ดาเฮยังคงกอดเข่าร้องไห้ไม่หยุด ความเจ็บปวดจากรอยขีดข่วน ทำให้คุณหนูที่ไม่เคยลำบากและมีแต่คนคอยประคบประหงมเลี้ยงดูดั่งไข่ในหิน รู้สึกหวาดกลัวอย่างที่สุด
จู่ ๆ ดาเฮที่สะอื้นไห้ก็รู้สึกเย็นวาบที่แขนตรงที่มีรอยข่วนเป็นทางยาว หนูน้อยจึงค่อย ๆ เงยหน้าที่นองน้ำตาขึ้นมามองหาสาเหตุ
ดวงตากลม ๆ ของหนูน้อยมองเห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่ง กำลังใช้ผ้าเปียกน้ำที่ดูเปรอะเปื้อน เช็ดเบา ๆ ตรงแขนที่มีรอยข่วนจนเลือดซึมบนแขนเล็ก ๆ ของตัวเอง เสื้อผ้าของเด็กชายที่ก้มหน้าก้มตาเช็ดแผลให้เธอนั้นดูเก่าและสกปรก ต่างจากเด็ก ๆ ที่เคยเป็นเพื่อนเล่นของคุณหนูดาเฮที่ล้วนแต่เป็นลูกคนรวยทั้งสิ้น ดาเฮน้อยเริ่มหยุดสะอื้นพลางจ้องมองไปที่คนที่ตั้งใจเช็ดแผลตรงหน้า ความหวาดกลัวเริ่มหายไปเมื่อมีคนมาอยู่เป็นเพื่อนอย่างนี้
“เจ็บตรงไห...นอีก” เด็กชายที่ตอนแรกเอาแต่ก้มหน้าเช็ดรอยเลือดจากแขนขาว ๆ เงยหน้าขึ้นมาหวังจะถามหาบาดแผลตรงส่วนอื่น แต่คำพูดต้องสะดุดไปเพียงเพราะสบเข้ากับนัยน์ตาสีสวยที่คลอน้ำตาคู่นั้น
ดวงตาเป็นประกายสุกสกาวดั่งดวงดาวในคืนเดือนแรม ทำให้หัวใจของเด็กผู้ชายมอมแมมเต้นรุนแรงย่างไม่เป็นจังหวะ โดยไม่รู้ตัวเลยว่าได้ตกเข้าไปในหลุมพรางที่เรียกว่าความรักเสียแล้ว
.
.
.
“คิบอม .....คิบอม เจ้าดูนี่สิข้าปักผ้าเช็ดหน้าได้แล้วนะ ดูสิ” เด็กสาวอายุสิบห้าปีที่ยังดูแก่นแก้วไม่ต่างจากตอนเด็ก วิ่งโบกผ้าเช็ดหน้า พลางตะโกนเรียกเด็กหนุ่มที่มานั่งรอใต้ต้นไม้ต้นประจำ ก่อนจะวิ่งมาถึงแล้วยื่นผลงานให้ดู
“คุณหนูเก่งจัง เรียนไม่กี่วันก็ปักรูปค้างคาวได้สวยอย่างนี้แล้ว” คิบอมรับผ้ามาดูแล้วอมยิ้มตอบไป
“บ้า ใช่ที่ไหนกันเล่า เจ้านี่ตาไม่ถึงเลยนะคิบอม นี่มันผีเสื้อต่างหากล่ะ ไม่ใช่ค้างคาวอย่างที่เจ้าว่าสักหน่อย” คุณหนูคนสวยบอกพลางอมลมจนแก้มพอง
“แล้วอีกอย่าง ข้าบอกเจ้ากี่รอบแล้ว ว่าให้เรียกชื่อข้า ไม่ใช่คุณหนู คุณหนู ข้าเบื่อจะฟังแล้วกับไอ้คำว่าคุณหนูเนี่ย พี่บีโฮ เรียกอยู่ได้ทั้งวัน” คุณหนูผู้ไม่อยากถูกเรียกว่าคุณหนูบ่นซะยืดยาว จนคนฟังต้อง ยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิม
“ก็ข้ากลัวเผลอตัวเรียกชื่อเจ้าต่อหน้านายท่านน่ะสิ มีหวังได้โดนโบยแน่ ๆ อย่าโกรธเลยนะดาเฮ ข้าขอโทษ”
“ก็ได้ข้าหายโกรธเจ้าก็ได้ อ่ะผ้าเช็ดหน้าผืนนี้เนี่ย ข้าตั้งใจเอามาให้เจ้าเลยนะ เพื่อนรักของข้า” ดาเฮพูดพร้อมยิ้มหน้าบานอย่างภูมิใจ ให้อีกคนรับผ้าเช็ดหน้าที่ปักเองกับมือไป
คิบอมรับผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นมา พร้อมกับมองรอยยิ้มที่สดใสของคุณหนูคนสวย หัวใจที่มันชอบกระตุกทุกครั้งที่ได้พบเจอกับคนตรงหน้านี้เต้นรัวมากขึ้นกว่าเดิม
ใบหน้าหวานที่อยู่ห่างไม่ถึงไม้บรรทัดนั้นช่างน่าหลงใหล กลิ่นกายหอมเหมือนดอกไม้ยิ่งชวนให้เผลอไผล เด็กหนุ่มค่อย ๆ เคลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ ดาเฮตกใจเล็กน้อยที่ใบหน้าหล่อคมของคิบอมนั้นเคลื่อนเข้ามาหา ก่อนสัญญาณบางอย่างในหัวใจที่เต้นถี่ขึ้นนั้น จะสั่งใส่ปิดเปลือกตาลง
สัมผัสบางเบาเกิดขึ้นที่ริมฝีปากบาง เมื่อใบหน้าเคลื่อนมาหากันจนไม่เหลือช่องว่าง ความรู้สึกสุขล้ำเกิดขึ้นเพียงเพราะสัมผัสผิวเผินนี้ เนิ่นนานที่ริมฝีปากสองคู่นั้นประทับวางไว้ด้วยกัน จนเหมือนจะหยุดเวลาไว้ที่ตรงนั้น
.
.
.
“คุณหนู ........คุณหนูค๊า อยู่ไหนเจ้าคะ ท่านพ่อเรียกหาแล้วเจ้าค่ะ คุณหนู......”
เสียงแหลมปรี๊ดเรียกให้ทั้งสองตื่นจากภวังค์ ผละหน้าออกห่างจากกัน ดาเฮลืมตาขึ้นมองคนตรงหน้า ด้วยใบหน้าแดงกล่ำ คิบอมส่งยิ้มที่อ่อนโยนมาให้ทำให้คุณหนูคนสวยก้มหน้างุดพร้อมกับอมยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืน
“พ...พี่บีโฮมา...เรียก ข....ข้าต้องไปแล้ว” ดาเฮก้มหน้าก้มตาพูดก่อนจะออกวิ่งไป
“แล้วพรุ่งนี้ข้าจะมารอที่นี่อีกนะคุณหนู.......” คิบอมส่งเสียงบอกตามหลัง ก่อนจะอมยิ้ม มือกร้านลูบเบา ๆ ที่รอยปักรูปผีเสื้อพร้อมพูดเสียงแผ่วหวิวกับผ้าเช็ดหน้าในมือ
“ดาเฮ ที่รักของข้า”
.
.
.
“อืมมม ..... อะ.....ฮ้า....หยะ หยุด ...หยุดก่อนคิบอม” ฝ่ามือเล็กดันหน้าอกชายหนุ่มที่สวมกอดตนและตั้งหน้าตั้งตาจุมพิต ให้ออกห่างเพื่อจะได้หยุดพักหายใจ
“ทำไมล่ะคนดี ข้าคิดถึงเจ้ามากนะรู้มั้ยดาเฮที่รักของข้า เจ้าไปต่างเมืองกับนายท่านตั้งหลายวันไม่คิดถึงคิบอมของเจ้าบ้างหรือไร” ชายหนุ่มตัดพ้อ แต่ปลายจมูกยังคลอเคลียที่แก้มใส
ใต้ร่มไม้ใหญ่ที่เคยเป็นที่นัดพบของสองเพื่อนซี้ บัดนี้กลับกลายเป็นสถานที่นัดพลอดรักของคู่รักต่างชนชั้น พุ่มไม้ที่เคยใช้เป็นที่เล่นซ่อนหาในวัยเด็ก บัดนี้กลายเป็นที่กำบังให้พ้นจากสายตาพี่เลี้ยงเมื่อยามโอบกอดกัน
“คิดถึงสิ ทำไมข้าจะไม่คิดถึงเจ้าล่ะ แต่ว่าเจ้าเล่นจูบข้าไม่ปล่อยแบบนี้เดี๋ยวข้าก็ขาดอากาศตายกันพอดี หรือว่าเจ้าอยากให้ข้าตาย จะได้ไปหาหญิงอื่นกัน” สาวน้อยดาเฮแกล้งทำน้อยใจตัดพ้อคนรักกลับบ้าง
“ไม่ ไม่ใช่นะคนดี ข้าไม่มีวันยอมให้คุณหนูของข้าตาย หรือจากไปไหนหรอก ” คิบอมว่าพลางโอบคุณหนูผู้เป็นดวงใจเข้ามาในอ้อมกอดมากขึ้น
“แล้วถ้า...ถ้าข้าต้องจากเจ้าไปจริง ๆ ล่ะ เจ้าจะทำยังไงคิบอม” ดาเฮพูดเสียงอ้อมแอ้มก้มหน้าซุกลงกับอกหนา
“ข้าจะตามเจ้าไปทุกที่ จะหาเจ้าให้พบ ไม่ว่าที่ไหน เมื่อไหร่ก็ตาม” ชายหนุ่มพูดเสียงมั่นคงโดยไม่ทันได้สังเกตแววกังวลบนใบหน้าที่ซุกอยู่ที่อกตนเลย
“แต่คงไม่มีวันนั้นหรอกใช่มั้ย ดาเฮของข้าไม่มีวันจากข้าไปไหนหรอกจริงมั้ย”
“อะ เอ่อ ... โอ๊ะ คิบอมเจ้าดูผีเสื้อตัวนั้นสิสวยจัง เหมือนข้าจะเคยเห็นมันที่นี่บ่อย ๆ นะ ใช่แล้วเหมือนตัวที่ข้าไล่จับเมื่อวันแรกที่เราได้พบกันด้วย” หญิงสาวอึกอักไม่อาจตอบคนรักของตัวเองได้ จึงเปลี่ยนเรื่องไปสนใจผีเสื้อแทน
“หึหึ เจ้ารู้ได้อย่างไรว่ามันเป็นตัวเดียวกันน่ะยอดรัก ผีเสื้อที่ไหนจะอายุยืนยาวขนาดนั้นกัน”
“แต่มันเหมือนกันจริง ๆ นะคิบอม ปีกสีน้ำเงินอมดำแบบนี้แหละ สีมันเหมือนผีเสื้อกลางคืนแต่กลับออกมาบินตอนกลางวันแบบนี้มันไม่แปลกเหรอ” ดาเฮรู้สึกโล่งใจที่คิบอมไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร จึงชวนคุยเรื่องผีเสื้อต่อไป
“เช่นนั้นมันก็คงเป็นปีศาจผีเสื้อกระมัง มันคงหลงรักเจ้าถึงได้มาบินวนเวียนอยู่ที่นี่ตลอดน่ะ ช่างน่าสงสารนักเจ้าผีเสื้อ นางเป็นของข้า ผีเสื้อต่ำต้อยอย่าเจ้าไม่มีวันได้นางไปครอบครองหรอกนะจำไว้” คิบอมหันไปบอกเจ้าผีเสื้อที่บินอยู่ใกล้ ๆ นั้น
แต่เค้าไม่ทันได้คิดกับคำพูดเหล่านั้น ... ว่าสักวันมันจะกลับมาทิ่มแทงตัวของเค้าเอง
.
.
.
“คิ... คิบอม ฮึก...ฟะ...ฟัง...ฮึก ...ข้าพูด กะ... ก่อน” ดวงตาของหญิงสาวที่เคยเป็นประกายสดใสบัดนี้กลับเต็มไปด้วยน้ำตา และความกังวล มือเล็กพยายามยื้อยุดมือของอีกคนที่ดึงข้อมือของตนอยู่
“ไป เราต้องไปพูดกับนายท่านนะดาเฮ ระ...เราต้องบอกท่าน ว่า ...อึก ...เรา ...เรารักกัน” ชายหนุ่มพยายามดึงร่างของคนรักให้ตรงไปที่คฤหาสหลังใหญ่ตรงหน้า ด้วยดวงตาแดงก่ำ เมื่อรับรู้ว่าจะต้องสูญเสียคนที่รักไป
“ไม่ ฮือ ฮึก ...คิบอม เจ้าฟังข้าก่อน ฮึก ...ท่านพ่อ ไม่ได้...ฮึก บังคับข้า”
“ไม่ ขะ..ข้าไม่เชื่อ นายท่านต้องบังคับเจ้า ...เค้าบังคับ ฮึก...ให้เจ้าแต่งงานกับ..อึก..กับไอ้ลูกขุนนางใหญ่นั่นใช่มั้ย บอกข้าสิ บอกข้ามาดาเฮ ว่าเจ้า ...ฮึก...เจ้าถูกบังคับ บอกข้ามา!!” คิบบอมหยุดเดินหันมาจับไหล่บางทั้งสองข้างเขย่าเพื่อเค้นเอาสิ่งที่ตนต้องการ
สิ่งที่หัวใจรู้อยู่แล้วว่ามันไม่มีวันได้กลับมาอีกแล้ว...หัวใจของคนตรงหน้าเปลี่ยนไปแล้ว
“ฮือ...ข้า...ข้าขอโทษคิบอม ...ข้า..ฮึก ไม่ได้ถูกบังคับ...ข้าจะแต่งงานกับท่านซีวอน ...อึก...เพราะข้า..ระ”
“ไม่จริง !! เจ้ารักข้า เจ้ารักข้าใช่มั้ย ตอบข้ามา ตอบข้า เจ้าเป็นดาเฮของข้า ข้าไม่ยอมให้เจ้าจากไปไหน ไม่!!” ชายหนุ่มตะโกนอย่างบ้าคลั่ง น้ำตาไหลอาบแก้ม เค้าไม่อาจทนฟังได้ว่าความรักที่เคยเป็นของเค้า บัดนี้มันไม่ใช่อีกต่อไป
“เจ้าไพร่ ปล่อยคุณหนูเดี๋ยวนี้ !! นางเป็นคู่หมั้นของข้า เจ้าไม่มีสิทธิ์มาแตะต้อง” เสียงทุ้มดังขึ้น พร้อมกับแรงดึงหญิงสาวผู้เป็นที่รักไปสู่อ้อมอก
“เจ้า!! นางเป็นคนรักของข้าต่างหาก เจ้าใช้เงินและอำนาจมาแย่งนางไป ไอ้สารเลว” คิบอมตาลุกเป็นไฟเมื่อเห็นคนรักอยู่ในอ้อมกอดคนอื่น จะเดินเข้าไปทำร้ายเจ้าลูกขุนนางสารเลวนั่น แต่ก็โดนจับไว้โดยพวกข้ารับใช้ที่ตามนายน้อยคนนั้นมา
“ปล่อย ปล่อยข้า”
“หึ ช่างน่าสมเพชนัก นางเป็นของข้า เจ้าไพร่ต่ำต้อยอย่างเจ้าไม่มีวันได้นางไปครอบครองหรอกนะจำไว้ เอามันไปโยนทิ้งไกล ๆ จากที่นี่ อย่าให้มันมาเข้าใกล้คุณหนูได้อีก” ชายหนุ่มสูงศักดิ์ออกคำสั่งกับลูกน้อง พร้อมทั้งโอบประคองคุณหนูดาเฮที่ได้ชื่อว่าเป็นคู่หมั้นเดินกลับไปทางคฤหาส หญิงสาวยังคงสะอื้นไห้หันกลับมามองคิบอมที่ดิ้นรนให้หลุดพ้นจากพันธนาการ
“ข้าขอโทษคิบอม ข้าขอโทษ” พร่ำบอกครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินเคียงไปกับคู่หมายของตัวเอง
“ไม่ !! ดาเฮ คุณหนูที่รักของข้า ไม่... ข้ารักเจ้านะ ข้ารักเจ้า... อั่ก....”
เมื่อเจ้านายทั้งสองไปลับตาแล้ว เหล่าข้ารับใช้ก็ช่วยกันรุมสะกรำเจ้าคนต่ำต้อยที่ใฝ่สูงเกินตัว ให้ได้รู้สำนึก จนร่างนั้นยับเยินและหายใจรวยริน
ชายหนุ่มถูกนำมาโยนตรงหน้าผา ...หน้าผาที่ครั้งหนึ่ง เค้าได้สบนัยตาแสนสวยคู่นั้น ...ร่างของเค้ากลิ้งลงมาจนมากองอยู่ด้านล่าง ลมหายใจเริ่มแผ่วหวิว แต่หัวใจที่ใกล้จะหยุดเต้นเต้มทีนั้นกลับยังถวิลหาเพียงดวงตาดุจดวงดาวที่เคยมองมาด้วยความรัก
ข้ารักเจ้าเหลือเกินดาเฮ รักมากกว่าอะไรในโลก ข้าไม่โกรธเจ้า ไม่เลยสักนิด ข้าเพียงอยากจะได้อยู่เคียงข้างเจ้า อยากจะเห็นรอยยิ้มของเจ้า อยากได้ยินคำว่ารักจากเจ้าอีกสักครั้ง
แสงที่เคยส่องสว่าง บัดนี้กับริบหรี่เต็มที ลมหายใจอ่อนลงแทบสิ้น ก่อนที่โลกจะกลายเป็นสีดำมืด สิ่งสุดท้ายที่ตาคมกล้ามองเห็นอย่างเลือนลางก็คือ ปีกสีน้ำเงินอมดำที่กระพือเบา ๆ อยู่ตรงหน้า
.
.
.
.
.
.
จากวันนั้นข้าก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นตัวอะไร แต่ข้าไม่สนสิ่งใดทั้งนั้น ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ในจิตใจของข้านั้นถวิลหาแต่เพียงเจ้าเท่านั้นยอดรักของข้า
ลมพายุค่อยพัดเบาบางลง คนตัวเล็กที่พยายามปิดหน้าต่างอยู่นั้นจึงสามารถดึงบานหน้าต่างมาได้เสียที แต่ก่อนที่หน้าต่างจะได้ปิดลง ดวงตากลมสวยก็สบเข้ากับตาคมกล้าสีดำสนิท
คล้ายเวลาหยุดนิ่ง ทั้งสองต่างจ้องดวงตาของอีกฝ่ายไม่กระพริบ ความถวิลหา อาวรณ์ และความรักถูกถ่ายทอดออกมาให้อีกคนได้รับรู้
ในที่สุด ข้าก็พบเจ้าแล้ว ....สุดที่รักของข้า
.
.
.
TBC
ในที่สุด ข้าก็พิมพ์จบพาร์ทแรกแล้ว วะฮ่ะฮ่าฮ่า (หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง- -“)
ขอบคุณทุกคนที่หลงเข้ามาอ่านนะคะ
แล้วก็ขอโทษสำหรับคนที่เคยเข้ามาอ่านทีแรกที่เราอัพไว้ ซึ่งนานมาแล้ว แหะ ๆ
จะพยายามลงให้จบภายในเดือนนี้แน่นอนค่า (แอบบอก เหลือประมาณสามพาร์ท)
ถ้าคนที่เคยเข้ามาอ่านแล้วงงว่าทำไมมันกลายมาเป็นชอร์ตฟิคเยี่ยงนี้ได้
เข้าไปอ่านคำ(แก้ตัว)ชี้แจงในชี้แจงแถลงไขได้เลยนะค้าบ
คัมซามากมายค่า แล้วพบกัน
ความคิดเห็น