ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    warm and windy | ❥kaihun

    ลำดับตอนที่ #4 : 03 :: dog lover

    • อัปเดตล่าสุด 20 ก.ย. 58





    พอกลับมาถึงหอเซฮุนก็พบว่าน้ำย่อยของเขายังคงทำงานอย่างแข็งขัน ใช่...เขายังไม่อิ่ม มันจะไปอิ่มได้ยังไงกับอีแค่ซอลลงทัง (ซุปกระดูกวัว) ไม่ถึงครึ่งชามแถมไม่ได้ทานข้าวด้วยอีกต่างหาก ร่างกายคนเราเวลาเพิ่งหายแฮงค์ใหม่ๆก็มักอยากจะซดอะไรเหลวๆร้อนๆให้มันไปล้างความขมเลี่ยนของเหล้าที่ติดอยู่ในโพรงปากและลำคอ พอหลังจากร่างกายฟื้นฟูเสร็จแล้วความหิวมันถึงจะแล่นเข้ามาทำงานเต็มที่อย่างที่เซฮุนกำลังเป็นอยู่ตอนนี้ไง


    ร่างบางนั่งๆนอนๆอยู่ในห้องซักพักก็ตัดสินใจเดินออกมายังห้องครัว เปิดตู้เย็นออกมาดูก็พบเพียงนมเปรี้ยวขวดเล็กที่เขาซื้อเมื่อวาน มือเรียวคว้ามันออกมาเจาะและดูดหมดภายในครั้งเดียวก่อนจะเบ้ปากด้วยความไม่พอใจ สายตาสอดส่องหาของกินไปเรื่อยๆก่อนจะแอบปรายตาไปมองสสารที่ชื่อว่าคิมจงอินที่กำลังนั่งตัดโมเดลอยู่กลางห้อง พอเท้าแตะถึงห้องปุ๊ปหมอนั่นก็เริ่มทำงานต่อทันที นั่งอยู่ตรงนั้นท่านั้นมาร่วมสองชั่วโมงเห็นจะได้ พอได้เห็นภาพแบบนี้แล้วเด็กนิเทศก็ถึงกับย่นจมูกใส่ด้วยความหมั่นไส้ ไม่ต้องสงสัยหรอกว่าทำไมโอเซฮุนไม่เสนอตัวเข้าไปช่วยเด็กสถาปัตย์อีก เพราะว่า....



    หนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้


    “ทำไมฉันติดกาวไม่ได้”


    “นายต้องรอให้มันแห้งก่อนนะ”


    “อีกนานป้ะ?”


    “ใจเย็นสิ นายเพิ่งติดมันไปเองนะ”


    “ทำไมไม่ใช้กาวตราช้างจะได้ติดๆให้มันแน่นไปเลย”


    “มันทำแบบนั้นไม่ได้น่ะสิ...เฮ้ย!”


    “ชิบ! ทำไมหลุดง่ายงี้อ่ะ...”


    “เดี๋ยวฉันจัดการเองดีกว่า เซฮุนไปทำอะไรอย่างอื่นก่อนเถอะ ไว้เดี๋ยวรอเก็บขยะแล้วกันนะ”





    พูดง่ายๆก็คือถูกไล่แบบสุภาพนั่นเอง


    เมื่อได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่กิตติมศักดิ์อย่างเก็บเศษกระดาษเซฮุนก็เกิดอาการเซ็งเป็ดขึ้นมา สองขาแอบย่องไปดูอีกฝ่ายทำงานใกล้ๆก็พบว่างานเริ่มเป็นเค้าเป็นโครงแล้ว แต่ตอนนี้ขอช่างหัวงานชาวบ้านก่อนแล้วกันในเมื่ออีกฝ่ายก็ดูไม่ได้ติดใจจะให้รับผิดชอบอะไร ขอไปหาอะไรถมใส่กระเพาะสี่มิติของเขาก่อนล่ะ ร่างบางเดินย่องเนียนๆไปหาคนที่กำลังทำงานอยู่ เซฮุนลังเลซักพักก่อนที่จะสะกิดไหล่ของรูมเมทคนขยันเบาๆ


    “นี่..”


    “หืม?” 


    “นายมี...ขนมอะไรกินป้ะ” ถึงแม้จะมีรถแต่เจ้าตัวก็ขี้เกียจขับออกไปแล้ว ยิ่งเวลาแบบนี้ขืนขับออกไปกลับมาหาที่จอดไม่ได้แน่ๆ ระยะห่างจากหอไปเซเว่นอันที่จริงก็ไม่ได้ไกลซักเท่าไร มันเป็นระยะทางประมาณสองร้อยเมตรที่คนปกติสามารถเดินได้สบายๆ


    แต่ก็นั่นแหละ โอเซฮุนไม่ใช่คนปกติไง


    ให้เดินไปคนเดียวใครจะไปเดินวะ...


    “ขนมเหรอ? ไม่่มีนะ...” จงอินกลอกตาไปมาเหมือนกำลังพยายามนึกอยู่ “แต่มีรามยอนนะ ต้มกินได้เลย”


    “อ่า..ไม่ล่ะ” นึกถึงเส้นแป้งอืดๆกับน้ำซุปที่อุดมไปด้วยผงชูรสนั่นแล้วก็ถึงกับเบือนหน้าหนี เขาไม่ค่อยชอบทานรามยอนซักเท่าไรเพราะไม่เห็นว่าไอ้อาหารเมนูนี้มันจะมีประโยชน์อะไรกับร่างกาย ทั้งหมดทั้งมวลนี่ก็เป็นเพราะคุณนายโอนั่นแหละที่ไม่ยอมให้ลูกชายของเธอได้ทานอะไรเหมือนเด็กปกติๆบ้างลูกชายคนเล็กเลยเรื่องมากแบบนี้ไง


    “หิวเหรอ?” จู่ๆจงอินก็ถามขึ้นมาทำเอาเซฮุนที่กำลังนั่งพิงโซฟาอย่างหมดอาลัยตายอยากรีบเด้งตัวขึ้นมาด้วยท่าทางกระตือรือร้น


    “นิดหน่อย นาย...หิวเหมือนกันเหรอ?” ใจจริงเขาอยากจะพูดกับจงอินว่า ‘วางโมเดลนี่ซักสิบนาทีแล้วไปเซเว่นเป็นเพื่อนหน่อย’ แต่ว่าคดีเก่าที่ตัวเองเป็นคนพังไอ้โมเดลบ้าๆนี่มันก็ยังติดตัวอยู่ ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะออกคำสั่งบังคับอีกฝ่ายได้ดังนั้นเซฮุนจึงทำได้แต่หวังลมๆแล้งๆให้กระเพาะของรูมเมทร้องจ๊อกๆเหมือนกันกับเขา


    “เมื่อกี้ฉันกินไปทั้งขนมปัง นม แล้วก็พิิิบิมบับเลยนะ ถ้าหิวอีกก็ไม่ใช่คนแล้วล่ะ” จงอินตอบแบบขำๆแต่อีกฝ่ายกลับไม่ขำด้วย เด็กนิเทศหน้าหงิกลงอย่างเห็นได้ชัดก่อนจะบ่นอุบอิบกับตัวเอง


    “ก็นึกว่าหิว..”


    “จะหิวก็ไม่แปลก เมื่อกี้ก็กินไปแค่นิดเดียวเอง”


    “อืม เมื่อกี้แฮงค์อยู่ กินไม่ลง”


    “กลัวแบคฮยอนรู้เหรอ” เด็กสถาปัตย์ถามพร้อมกับติดกระดาษเข้ากับโครงโมเดล “เรื่องท่ีนายเมาแล้วอ้วก...”


    “ถ้านายรู้จักกับมันตั้งแต่มัธยมก็คงรู้ว่าปากมันเป็นยังไง” แบคฮยอนรู้โลกรู้ ปากสว่างยิ่งกว่าสปอร์ตไลท์บวกไฟสูงหน้ารถ...นี่แหละนิยามของคุณพยอน


    “ก็จริง” จงอินแค่นหัวเราะออกมาเบาๆ


    “นี่นายกะจะทำแบบไม่หยุดพักเลยรึไง?”


    “ปกติฉันก็นั่งทำไปเรื่อยๆนะ..” ลากเสียงยาวพลางตัดกระดาษไปด้วย “เมื่อยก็พักยืดเส้นหน่อยแล้วก็กลับมาทำต่อ”


    “อ่อ...แล้วจะไม่หิวอีกเหรอ..”


    “พักแค่ยี่สิบนาทีนะ”


    “ห๊ะ?” เด็กตัวขาวงงกับวลีที่ไม่มีที่มาที่ไปของอีกฝ่าย จงอินวางคัตเตอร์กับกระดาษในมือลงก่อนจะบิดตัวไปมาสองสามทีเพื่อคลายอาการเมื่อยล้า ร่างสูงลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วหายกลับเข้าไปในห้องนอน ไม่นานนักรูมเมทผิวแทนก็กลับออกมาพร้อมกับกระเป๋าสตางค์และกางเกงที่ดูโอเคกว่าบ๊อกเซอร์เมื่อกี้


    “ไม่ไปเหรอ?” เสียงทุ้มถาม


    “ไป...ไปไหน?”


    “นายกำลังชวนฉันไปหาอะไรกินเป็นเพื่อนไม่ใช่เหรอ?” จงอินเลิกคิ้วถามพร้อมกับยิ้มอย่างกวนๆก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นพูดกับตัวเองแทน “ได้ออกไปก็ดีเหมือนกัน จะได้ซื้อกาแฟกระป๋องมากินคืนนี้ด้วยเลย..”


    “รู้ได้ไงวะ...”​ เป็นอีกครั้งที่เด็กหนุ่มขมุบขมิบปากบ่นงึมงำกับตัวเอง  “อืม...ไปเซเว่นกัน”


    “เดินนะ”


    “ไม่บอกก็เดินอยู่แล้ว รถยั้วเยี้ยแบบนี้ฉันไม่ขับออกไปหรอก” แอบลงท้ายประโยคเสียงเขียวเบาๆ เด็กนิเทศรีบวิ่งไปหยิบกระเป๋าสตางค์กับมือถือมายัดใส่กระเป๋ากางเกงโดยเร็วก่อนจะเดินตามอีกฝ่ายออกจากห้องไป ตอนนี้เป็นเวลาเกือบสองทุ่มแล้วแต่ก็ยังมีรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ประปรายอยู่ตามถนนบ้าง รูมเมทสองคนเดินลัดเลาะไปตามทางเท้าโดยมีความเงียบโรยตัวอยู่ตลอดการเดิน ไม่มีคำพูดใดๆออกจากปากของทั้งคู่ 


    จงอินที่เป็นฝ่ายเดินนำก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาเดินไปเรื่อยๆให้ถึงจุดหมาย ส่วนเซฮุนนั้นเลือกที่จะเงียบไปเองเพราะไม่รู้ว่าจะชวนอีกฝ่ายคุยอะไร นี่เขาไปจุกจิกรุ่มร่ามใส่เด็กสถาปัตย์มากเกินไปจนหมอนั่นรำคาญเลยวางมือจากงานแล้วเดินออกมาเป็นเพื่อนเขาเลยเหรอ?


    ไม่หรอกมั้ง...


    “ทีหลังถ้าอยากออกมาก็ชวนกันตรงๆเลยก็ได้นะ” จู่เสียงทุ้มก็ดังขึ้นมาจากคนที่กำลังเดินนำหน้าอยู่จนเซฮุนต้องเงยหน้าขึ้นไปสนใจอีกฝ่าย จงอินชะลอฝีเท้าลงก่อนจะหันหน้ามาหาเด็กนิเทศแล้วพูดอย่างยิ้มๆ


    “ฉันแค่จะบอกว่า นายชวนฉันได้ตลอดถ้าจะออกไปไหนแล้วอยากมีเพื่อนไปด้วย”


    “อ่อ...” 


    “บอกมาตรงๆยังไงฉันก็ไปเป็นเพื่อนอยู่แล้ว ไม่ต้องพูดอ้อมโลกหรอกนะ”


    “อืม...” ร่างบางก้มหน้าลงต่ำราวกับกำลังซ่อนความอายที่มันกำลังกัดกินเขาจนหน้าชา จะว่าหมอนี่อ่านใจคนได้ก็ไม่น่าจะใช่หน้าตาท่าทางก็ดูซื่อๆแบบนั้นไม่น่าจะรู้เท่าทันอะไรพวกนี้ เซฮุนได้แต่คิดในใจ เขาก้มหน้างุดเพื่อเก็บซ่อนความอายเอาไว้แล้วเดินตามรูมเมทที่กำลังฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีไปอย่างว่าง่าย



















    ในที่สุดเด็กนิเทศก็หาของกินมาเติมเต็มกระเพาะได้สำเร็จ ร่างบางจัดการข้าวปั้นแซลมอนย่างกับน้ำแอปเปิ้ลไปจนอิ่มหนำทำให้อารมณ์ขึ้นๆลงๆของเจ้าตัวกลับมาดีเหมือนปกติ ส่วนจงอินนั้นซื้อแค่กาแฟกระป๋องกับวิตามินแบบขวดมาเท่านั้น ตอนนี้เซฮุนกำลังนั่งพิมพ์งานอย่างอารมณ์ดี เมื่อท้องอิ่มแล้วเขาก็มีอารมณ์ที่จะจัดการกับการบ้านวิชาการตลาดที่ค้างคาอยู่ถึงแม้ว่างานชิ้นนี้จะเป็นงานคู่ที่เขาต้องทำกับแบคฮยอนก็เถอะ แต่ไม่เป็นไร เขาจะแกล้งลืมๆมันไปแล้วทำคนเดียวให้เสร็จเลยแล้วกัน


    RRRRRRRR RRRRRR~


    “ฮัลโหล” กรอกเสียงใส่ปลายสายอย่างเซ็งๆ อุตส่าห์ว่าจะไม่เอาความอะไรมันแล้วแต่ก็ดันโทรมาให้ด่าถึงที่เสียได้ ไม่ใช่ใครท่ีไหนหรอก พยอนแบคฮยอนคนเดิมนั่นแหละ


    [มึง พรุ่งนี้เรามีส่งงานวิชามาเก็ทนะเว่ย]


    “ถ้ารอให้มึงทำก็คงไม่ต้องส่งหรอก กูกำลังทำอยู่”


    [โอ้โห น่ารักมากเลยครับไหนมาจุ๊บที]


    “จุ๊บเมียมึงสิมายุ่งอะไรกับกู” เซฮุนเบ้ปากใส่ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะมองไม่เห็นก็เถอะ “แล้วไง ดีกันแล้วเหรอ?”


    [เออดิ ง้อแทบตาย เหนื่อยโคตรรรรร] เดี๋ยวนะ...เหนื่อยง้อหรือว่าเหนื่อยอะไรวะ?


    “ง้อเหนื่อย?”


    [ปล้ำเหนื่อยสิไอ้เชี่ย จะคุยกันดีๆก็ไม่ยอมหันหน้ามาฟังหันหลังให้กูตลอดกูเลยเข้าหลังแม่ง เสียพลังงานไปเยอะเลย เฮ้อ...]


    “จะโทรมาบ่นเรื่องบนเตียงล่ะก็วางไปเลยไป อุบาทว์”


    [เดี๋ยวๆๆ] แบคฮยอนรีบพูดดักเอาไว้อย่างเร็ว [นี่ก็จริงจังตลอดเลยวุ้ย]


    “เผื่อยังไม่ทราบ ตอนนี้กูกำลังสละเวลานอนกดมือถือเล่นของกูมาพิมพ์งานให้มึงอยู่”


    [เออน่าา คือจะโทรมาย้ำว่าพรุ่งนี้เก้าโมงนะครับคุณโอ]


    “สามรอบแล้ว พูดทำไมซ้ำๆซากๆ เมื่อกี้ก็ไลน์มาบอกแล้วไม่ใช่รึไง”


    [กูกลัวมึงไม่ตื่นไงครับเพื่อนโอ ยังไงเดี๋ยวพรุ่งนี้จะเข้าไปปลุกแล้วกัน เดี๋ยวให้แฟนกูแวะมาส่งหามึงแล้วเราเข้ามอพร้อมกัน]


    “ตามใจ


    [ตื่นนะครับกูขอร้อง พรุ่งนี้ถ่ายฉากสำคัญด้วย กูไม่อยากได้พระเอกหน้าตีนไปเข้าซีนหวาน]


    “เออ ไม่มีอะไรแล้วใช่มั้ย?”


    [ครับเพื่อน เชิญเพื่อนทำงานให้ผมต่อด้วยนะครับ ขอตัวไปนอนกอดแฟนต่อล่ะ สวัสดี]




    เอาหนึ่งนาทีของโอเซฮุนคืนมา...


    มือเรียวโยนมือถือทิ้งไปบนเตียงอย่างไม่ใส่ใจ เซฮุนกำลังคิดว่าเขาไม่น่าไปเสียเวลารับสายเพื่อนสนิทเลย นอกจากจะเปลืองเวลาแล้วยังสร้างมลพิษทางหูได้ดีนักเชียว นิ้วมือเคาะแป้นพิมพ์รัวๆต่ออีกสักพักเขาก็รู้สึกปวดตากับการจ้องมองตัวหนังสือยั้วเยี้ยบนหน้าจอแลปทอป ตาเรียวเหลือบมองเวลาบนหน้าจอมือถือจึงพบว่าเป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว บางทีการพักดื่มน้ำน่าจะเป็นไอเดียที่ดี

    ก้าวเท้าออกจากห้องก็ต้องพบกับสภาพห้องนั่งเล่นที่รกขึ้นเป็นสองเท่าตัวจากล่าสุดที่ทำความสะอาดไป เศษกระดาษกระจายไปทั่วทิศทางจนเซฮุนถึงกับอ้าปากค้างออกมาโดยอัตโนมัติ มันรกจนแบบ...ไม่สามารถบรรยาออกมาเป็นคำพูดได้เลยในความรู้สึกของคนรักสะอาดที่มีแม่บ้านคอยเก็บกวาดให้ 


    กำลังจะอ้าปากด่าแล้วแต่ก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าหน้าที่เก็บกวาดนั่นมันเป็นของเขานี่หว่า ใช่...เซฮุนเกือบจะลืมความอัปยศที่ตัวเองได้สร้างเอาไว้แล้ว เขามีหน้าที่ต้องรับผิดชอบไอ้โมเดลอ้วกนั่นโดยการทำความสะอาดให้รูมเมทผิวสีน้ำผึ้ง เพราะฉะนั้นเขาควรจะเริ่มเก็บกวาดทีละนิดตั้งแต่ตอนนี้เลยดีกว่า คิดได้ดังนั้นเด็กนิเทศจึงเดินไปลากถุงดำที่มุมห้องมาแล้วเดินไปตรงจุดที่รูมเมทคนขยันกำลังทำงาน


    “จริงๆค่อยเก็บทีเดียวก็ได้นะ นายไปทำงานก่อนก็ได้” จงอินพูดขึ้นมาเมื่อเห็นมือขาวๆกำลังหยิบเซษกระดาษยัดใส่ถุง เขาวางมือลงจากโมเดลก่อนจะบิดขี้เกียจไปมาจนกระดูกลั่นบ่งบอกถึงอาการเมื่อยล้าที่สะสมมานาน


    “ขืนรอเก็บทีเดียวฉันเกรงว่านายจะจมกองกระดาษพวกนี้ซะก่อนน่ะสิ” เซฮุนพูด “แล้วนี่...ทำไปถึงไหนแล้ว?”


    “ก็...ห้าสิบเปอร์เซ็นแล้วมั้ง? ขอพักก่อนแล้วกัน”


    “นายนั่งจมกองพวกนี้ไปได้ยังไงกัน..” วิญญาณคุณหนูรักสะอาดเข้าสิงโอเซฮุนอีกครั้ง เจ้าตัวบ่นไปพลางปรายตามองเศษซากที่กระจัดกระจายเต็มพื้น


    “ฮ่ะๆ มันรกสินะ”


    “มาก” เซฮุนตอบกลับทันที เท้ากวาดเอาเศษกระดาษที่อยู่รอบๆออกไปก่อนจะนั่งยองๆลงข้างๆเด็กสถาปัตย์แล้วลงมือเก็บเศษกระดาษต่อ


    “ก็พูดตรงดี ไม่เห็นอ้อมโลกเหมือนเมื่อกี้ที่จะชวนฉันออกไปซื้อของเลยนะ”


    “……” 



    ขอถอนคำพูดที่บอกว่าหน้าตาท่าทางซื่อๆไปได้มั้ย


    มีแอบแซะกันแบบนี้ไม่ใช่เล่นๆแล้วล่ะ



    “ฮ่าๆ โอเคๆ...ฉันไม่แซวแล้ว เลิกทำหน้าหงิกได้แล้วน่า”


    “ไม่นึกว่าคนเงียบๆอย่างนายจะกระแนะกระแหนชาวบ้านก็เป็น”  เซฮุนมองหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่เชื่อสายตา


    “รู้จักฉันดีแล้วงั้นเหรอ? หืม?” จู่ๆจงอินก็หันหน้ามาจ้องเดือนนิเทศกลับจนเซฮุนแอบสะดุ้งไปเล็กน้อย นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มจ้องมาที่ตาสวยของเด็กนิเทศก่อนที่เจ้าตัวจะคลี่ยิ้มออกมา “ฉันอาจจะไม่ใช่คนแบบที่นายคิดก็ได้”


    “เหรอ? แล้วเป็นคนแบบไหนล่ะ?” เด็กนิเทศถามพร้อมกับจ้องตากลับอย่างไม่ยอมแพ้


    “เดี๋ยวนายก็รู้” นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มเปล่งประกายความทะเล้นออกมาจากแววตาคู่นั้น ทั้งสองคนนั่งจ้องตากันอยู่อย่างนั้นจนเป็นฝ่ายเซฮุนเองที่เป็นคนหลบสายตาไปก่อน


    “อะ..อะไรของนายกัน” เขาผุดลุกขึ้นยืนพร้อมกับโยนถุงดำให้กับจงอินแล้วตั้งท่าจะเดินเข้าห้องนอน “เก็บเองเเล้วกัน เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าฉันค่อยมาเก็บให้อีกที”


    “อ่าฮะ” จงอินขานรับทั้งๆที่ยังจ้องใบหน้าขาวขึ้นสีของอีกฝ่ายอยู่ 


    “อย่าทำรกมากล่ะ ขี้เกียจเก็บเยอะ” ทิ้งท้ายไว้ก่อนปิดประตูห้องใส่อีกฝ่าย เด็กนิเทศขยี้ผมตัวเองไปมาเบาๆ แว่บนึงเมื่อครู่เขารู้สึกแปลกๆกับสายตานั่นและก็เป็นอีกครั้งที่เขาเผลอคิดว่าเหมือนมีแรงดึงดูดอะไรบางอย่างแผ่ออกมาจากตัวของคิมจงอิน เขารู้สึกว่านัยน์ตาคู่นั้นมันมีผลกระทบต่ออัตราการเต้นของหัวใจ เซฮุนสะบัดหน้าไปมาไล่ความคิดี่กำลังฟุ้งซ๋านอยู่ในหัวออกไป ก่อนจะเดินกลับไปหน้าแลปทอปเพื่อทำงานที่ค้างคาต่อ















    เมื่อคืนนี้เซฮุนนอนไม่หลับเลยเนื่องจากแปลกที่ มันเป็นคืนแรกที่เขาได้นอนหอแบบจริงๆจังๆไม่นับคืนที่หลับพับเพราะเมา ไม่ใช่เรื่องแปลสำหรับคนที่นอนแต่บ้านมาตลอดยี่สิบกว่าปีที่จะเป็นแบบนี้ เซฮุนพลิกตัวไปมาตลอดทั้งคืน ทั้งนอนไถมือถือเล่นเกมแต่มันก็ไม่ได้ทำให้ง่วงเลยแม้แต่น้อย เขาลองแม้กระทั่งใช้วิธีเด็กๆอย่างนับแกะแล้วเขาก็พบว่าแกะสองร้อยยี่สิบห้าตัวนั่นมันไม่ได้ทำให้เขาง่วงเลยแม้แต่น้อย จนในที่สุดเจ้าตัวก็ผลอยหลับไปในตอนตีห้าครึ่ง


    “…..”


    “พระเอกเข้าฉาก...”


    “…..”


    “พระเอกโว้ยยย!! โอเซฮุน!!”


    “!!”


    เจ้าของชื่อสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงแหลมๆของเพื่อนสนิทดังขึ้นข้างหู พยอนแบคฮยอนกำลังใช้ม้วนกระดาษฟาดหัวเขาพร้อมกับส่งสายตาพิฆาตมาให้ มองไปรอบๆจึงพบกับสายตาของเพื่อนในกลุ่มที่มองมาทางเขาอย่างงงๆ เว้นแต่ไอ้หวงจื่อเทาที่ยังคงส่งสายตากวนส้นตีนมาให้เขาเหมือนทุกครั้งไป


    “เหม่อเชี่ยอะไรเนี่ยกูเรียกจนปากจะฉีกแล้ว ถึงคิวมึงแล้ว”


    “อ่อ..” 


    “ยังจะมาอ่ออีก มึงต้องเดินไปหาจินอาแล้วโอบไหล่เธอเดินมาทางนี้โว้ย”


    “เออๆ” เหมือนสติจะเข้าร่างแล้ว เซฮุนรีบวิ่งไปหานางเอกของเรื่องก่อนจะเริ่มเล่นตามบทที่แบคฮยอนบอกทันที คุณพยอนถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยๆพร้อมกับบ่นอีกสองสามประโยคแล้วจึงเริ่มถ่ายทำหนังสั้นกันตามที่วางแผนเอาไว้





    “เออ คัทท  พอแค่นี้แหละวันนี้” ผู้กำกับพยอนสั่ง “เหลืออีกสี่ฉากใช่มั้ย เดี๋ยวพรุ่งนี้ถ่ายฉากรถชนแล้วกัน ตอนนี้ก็แยกย้ายได้”


    “หวังว่าพระเอกคงไม่มีปัญหาอีกนะ” 


    “ทำหน้าที่ของตัวประกอบให้ดีเถอะ อย่างน้อยก็ช่วยพัฒนาสำเนียงภาษาเกาหลีของนายก่อนเถอะนะ หวงจื่อเทา”


    “พอๆๆๆ กูบอกว่าแยกย้ายครับเพื่อน แยกโว้ยแยกก” เพื่อนเตี้ยรีบฝ่าวงเข้ามาห้ามทัพก่อนจะลากตัวเซฮุนให้เดินไปด้วยกันกับตน 


    “นี่ก็กัดกันได้ตลอดเลยนะมึงกับมันเนี่ย”


    “ช่วยดูด้วยว่าใครหาเรื่องใครก่อน มึงก็เห็นว่าไอ้เทาหน้าเขียวนั่นมันหาเรื่องกูก่อนทุกครั้ง” เดือนนิเทศพูดอย่างเซ็งๆ 


    “กูว่ามันต้องชอบมึงแน่ๆ” แบคฮยอนเริ่มวิเคราะห์


    “ตลก”


    “เอ้า ไม่เคยได้ยินรึไง พวกชอบใครแล้วแสดงออกไม่เป็นมันจะชอบเข้าไปแกล้งอีกฝ่ายเว้ย”


    “ไร้สาระ” เซฮุนส่ายหน้า “เออ แล้วจงอินนี่นิสัยเป็นยังไงกันแน่?”


    “แหนะ!! ถามถึงเพื่อนกูแบบนี้ชอบหรอ?” คุณพยอนแซวเสียงเล็กเสียงน้อยแต่ก็ต้องทำหน้าเจื่อนลงเมื่อเห็นสีหน้าไม่เล่นด้วยของเพื่อนสนิท “เออๆ มันก็เป็นคนเงียบๆง่วงๆมึนๆแบบที่มึงเห็นนั่นแหละ ถามทำไมวะ”


    “ก็แค่อยากรู้”


    “มึงอยู่กับไอ้จงอินไม่ได้มีปัญหาอะไรใช่มั้ย?”


    “ก็....ไม่มีมั้ง” ถ้าไม่รวมเรื่องที่หมอนั่นทำให้ห้องมีแต่เศษกระดาษล่ะนะ


    “แน่ใจ?”


    “ก็บอกว่าไม่มีจะมาย้ำทำไมอีก?” 


    “อ่ะๆ ไม่มีก็ไม่มีไม่เห็นต้องเสียงเขียวใส่เลยนี่คุณหนูโอ”


    “แล้วถามทำไมซ้ำๆซากๆ?”


    “เออๆ กูไม่ยุ่งแล้ว จะบ่นอะไรไปบ่นกันเองนะ อุตส่าห์เป็นห่วง” แบคฮยอนพึมพำอะไรต่อซักอย่างที่เซฮุนคิดว่ามันไร้สาระ เพื่อนตัวเตี้ยนี่เพี้ยนตั้งแต่ตอนเช้าที่เข้าไปรับเขาที่ห้องแล้ว คุณพยอนเอาแต่ก้มๆเงยๆตามตู้โต๊ะทั่วห้องจนจงอินเดินมาพูดอะไรบางอย่างด้วยเจ้าตัวถึงได้เลิกทำท่าทางพิลึกๆนั่น


    พูดถึงคิมจงอินแล้วก็ต้องพูดถึงโมเดลบ้านนั่น เด็กนิเทศทึ่งไม่ใช่น้อยเลยที่ตื่นมาตอนเจ็ดโมงแล้วเห็นอีกฝ่ายกำลังยกโมเดลบ้านที่เสร็จสมบูรณ์ขึ้นไปวางบนโต๊ะ จงอินเพิ่งจะทำงานเสร็จตอนหกโมงเช้านั่นหมายความว่าเขาจะมีเวลานอนประมาณสามชั่วโมงก่อนไปส่งงาน ไม่แปลกใจที่ทำไมหมอนี่ถึงมีลักษณะดูง่วงตลอดเวลาเหมือนถามหาหมอนมาทั้งชีวิต


    “รุ่นพี่เซฮุนครับ...” เสียงใสของเด็กหนุ่มดังขึ้นมาจากด้านหลังทำให้เจ้าของชื่อและเพื่อนสนิทหยุดเดินแล้วหันกลับไปดูผู้ที่มาใหม่


    “แทยง?” เป็นรุ่นน้องร่วมคณะนั่นเอง เด็กหนุ่มเจ้าของใบหน้าคมได้รูปส่งยิ้มมาให้รุ่นพี่ตัวบางพร้อมกับยื่นถุงกระดาษแบรนด์ขนมหวานยี่ห้อดังมาให้


    “ได้ยินมาว่ารุ่นพี่ชอบทานขนมหวานๆ ผมเลยซื้อมาฝากครับ”


    “อ้อ...ขอบใจนะ” 


    “ยังไงถ้าชอบทานผมจะซื้อมาฝากอีกนะครับ”


    “ไม่ต้องลำบากก็ได้”


    “แค่นี้ไม่ถือว่าลำบากหรอกครับ ผมเต็มใจ” เด็กรุ่นน้องพูดพร้อมกับส่งยิ้มหวาน


    “อะแฮ่ม...” เป็นแบคฮยอนที่แกล้งกระแอ่มไอขึ้นมาขัดจังหวะบาเรียสีชมพูของเด็กปีสอง


    “สวัสดีครับพี่แบคฮยอน”


    “ดีครับน้องแทยง นึกว่าจะมองไม่เห็นพี่ซะแล้วนะครับ”  


    “ฮ่ะๆ งั้น..ผมขอตัวก่อนนะครับ ...ตอบไลน์ผมบ้างนะครับพี่เซฮุน” แทยงทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจะวิ่งกลับไปหากลุ่มเพื่อนที่กำลังยืนผิวปากแซวอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล 


    “เหยดดดด ฮอตไม่เปลี่ยนเลยนะครับรุ่นพี่เซฮุน~”


    “หุบปากมั้ย?” ดวงหน้าขาวมุ่ยลงอย่างเห็นได้ชัด 


    “แทยงก็น่ารักดีนะเว้ย ไม่ลองกินเด็กซักหน่อยล่ะจะได้เป็นอมตะ”


    “กูไม่ใช่มึงนะ” 


    “เล่นตัวแบบนี้ระวังเหอะจะขึ้นคาน”


    “แล้วไง?” เซฮุนไหวไหล่อย่างไม่แคร์ เขาไม่ได้ต้องการความรักอะไรนั่นเลยซักหน่อย 


    “กูล่ะอยากจะเห็นหน้าแฟนมึงในอนาคตจริงๆเลย”


    “ป่านนั้นมึงคงมีเมียไปเป็นร้อยแล้วมั้ง” ร่างบางพูดค่อนแคะอีกฝ่ายพร้อมกับรอยยิ้มเย้ยหยันทำเอาแบคฮยอนถึงกับหันมาชี้หน้าคาดโทษ แต่ก็นั่นแหละ ตั้งแต่รู้จักกันมาแบคฮยอนยังไม่เคยเห็นเซฮุนจะชายตามองใครเลยซักคน ลืมเรื่องแฟนอะไรนั่นไปเลยไม่มีทางมีอยู่แล้ว แต่เดือนนิเทศก็ไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดไม่รู้ทันคนอะไรเรื่องพวกนี้หรอกนะ ประสบการณ์มันก็พอมีมาบ้างหากแต่มันก็นานมาแล้วตั้งแต่สมัยอยู่ไฮสคูลที่อเมริกา แบคฮยอนเคยถามเซฮุนหลายครั้งหลายหนแล้วว่าทำไมไม่คิดจะมีแฟนซักคนไว้เป็นทาสรองรับอารมณ์ขึ้นลงของคุณหนูซักทีแต่เจ้าตัวก็ตอบกลับมาสั้นๆแค่ว่ายังไม่เจอคนที่ถูกใจ


    เพื่อนตัวเตี้ยยืนมองแผ่นหลังของเพื่อนสนิทที่เดินนำลิ่วออกไปด้วยความหมั่นไส้ อยากจะรู้จริงๆว่าสเปคของไอ้ลูกเจี๊ยบนี่มันเป็นยังไง เคยถามไปหลายครั้งหลายหนแล้วแต่เซฮุนก็ไม่เคยบอก แบคฮยอนล่ะอยากจะรู้จริงๆว่าไอ้พวกเรื่องมากช่างเลือกแบบนี้จะได้แฟนแบบไหนกัน ที่สำคัญคือไอ้หน้าไหนมันจะทนความจู้จี้จุกจิกของคุณหนูโอได้?


    ถ้ายังมีบุญอยู่บ้างคุณพยอนก็ขอเห็นหน้าผู้โชคร้ายคนนั้นเป็นบุญตาซักครั้งเถอะนะ












    การเล่าเรียนเป็นไปอย่างน่าเบื่อเหมือนเช่นทุกวัน เซฮุนนั่งเล่นเกมในมือถือไปจนหมดคาบ เขาแวะทานข้าวกับเพื่อนตัวเตี้ยก่อนกลับเข้าหอโดยที่พอทานเสร็จแบคฮยอนก็ขอตัวไปรับแฟนต่อทันที ร่างบางเบ้ปากใส่อย่างอดไม่ได้แต่ก็นั่นแหละนะ คนมีแฟนจะไปว่าอะไรได้ ตอนแรกแบคฮยอนก็มีน้ำใจจะชวนเขาไปเดินห้างฯเล่นกับแฟนด้วยแต่ความง่วงนอนและเหนื่อยล้ามันดันมีมากกว่าความอยากจะชอปโอเซฮุนเลยขอบายไปก่อน


    เขาพาตัวเองกลับมาถึงหน้าห้อง 1412 ด้วยความอ่อนแรง ขอนอนพักผ่อนให้เต็มอิ่มก่อนแล้วกันค่อยว่ากันทีหลัง มือขาวแตะคีย์การ์ดที่เพิ่งได้มากับที่แสกนก่อนจะบิดลูกบิดประตูเข้าไป สี่โมงเย็นแล้วจงอินน่าจะกลับห้องมาแล้ว...หมอนั่นอาจจะกำลังนอนอยู่


    “บ๊อก!”


    “เฮ้ย!!” เด็กนิเทศตกใจจนเผลอปล่อยแฟ้มในมือร่วงลงพื้นเมื่อเห็นพุดเดิ้ลสีน้ำตาลเข้มไม่ทราบเพศพุ่งใส่ตัวเค้า เจ้าหมาใช้จมูกมุดๆดมๆตามกางเกงนักศึกษาพร้อมกับเลียเท้าอีกฝ่ายอย่างนึกประจบ ส่วนเจ้าตัวน่ะเหรอสติหลุดแบบกู่ไม่กลับไปแล้วล่ะ




    หมา = สัตว์สี่ขาที่น่ารำคาญ



    ใช่ โอเซฮุนเกลียดหมา ไม่ชอบหมา ไม่ชอบสัตว์สี่ขาขนปุยนี่เลย


    “งิ๊งๆ” พุดเดิ้ลสีน้ำตาลเข้มยังคงไม่รู้เรื่องอะไร เอาแต่แข้งมุดขาพยายามจะอ้อนให้คนแปลกหน้าที่มาใหม่อุ้ม เด็กนิเทศยกขาหนีก่อนจะตะโกนเรียกรูมเมทที่น่าจะทราบที่มาที่ไปของเจ้าสี่ขานี่ได้ “จงอิน! อยู่ห้องรึเปล่า!? ”


    “อ้าว กลับมาแล้วเหรอ?” 


    “นี่มัน..อะไร?”


    “อ้อ เจ้านั่นชื่อมงกูน่ะ...มานี่เร็วมงกู” เด็กสถาปัตย์ที่โผล่มาในสภาพเสื้อยืดกางเกงบ๊อกเซอร์กำลังดีดนิ้วเรียกสัตว์เลี้ยงสี่ขาให้ไปหาโดยมีไส้กรอกที่อยู่ในมือเป็นตัวล่อ


    “ฉันหมายถึงทำไมในห้องมีหมา?” น้ำเสียงขึ้นจมูกถามอย่างไม่พอใจ


    “หมาของฉันเองแหละ พอดีพี่สาวไม่อยู่บ้านเลยเอามาฝากไว้น่ะ” จงอินตอบพร้อมกับคว้าตัวเจ้าตูบขึ้นมาอุ้มโอเซฮุนถึงกล้าเดินเข้ามาในห้อง “นายกลัวหมาเหรอ?”


    “เรียกว่าไม่ชอบดีกว่า ฉันไม่ชอบอะไรที่มาวอแวใส่”


    “นายจะฆ่าหมาฉันมั้ยเนี่ย? ฮ่ะๆ” ร่างสูงผิวแทนแซวขำๆ ก็ดูแววตาของเด็กนิเทศตอนนี้สิ สาบานได้เลยว่าถ้าตอนนี้จงอินไม่ได้อยู่ด้วยล่ะก็เขาว่าเซฮุนต้องเตะเจ้ามงกูจนชิดติดกำแพงแน่ 


    “พี่นายจะกลับมาเมื่อไร” ร่างบางถามพร้อมกับย่องเข้าห้องมาอย่างระมัดระวัง


    “อีกสองอาทิตย์”


    “พระเจ้า...” แจ๊คพอตแตกเข้าใจแล้วไง


    “แต่วางใจเถอะ มงกูเป็นเด็กดี มันไม่ทำอะไรนายแน่นอน”


    “ฉันกลัวว่าฉันจะไปทำอะไรหมานายมากกว่า” ด้วยความสัจจริงเลยล่ะ ถ้าเจ้านี่ยังเอาแต่มาคลอเคลียเขาอยู่แบบนี้ล่ะก็ได้มีการประทุษร้ายหมาแน่ๆ


    “ฮ่าๆ ยังไงฉันจะเลี้ยงมันดีๆแล้วกันนะ”


    “มันจะไม่ทำห้องเละใช่มั้ย?” ตาเรียวหรี่มองอย่างจับผิด


    “สาบานเลยว่ามงกูอยู่ห้องสะอาดกว่าตอนที่ฉันทำงานอีก เด็กนี่ทำธุระเป็นที่เป็นทางนะ”


    “ขอให้จริง” อย่างน้อยร่างบางก็ไม่ใช่คนที่ไม่รู้จักกาละเทศะ ในเมื่อมันเป็นความจำเป็นของอีกฝ่ายเขาจะไปงี่เง่าใส่ก็ใช่ที “แต่อย่าให้เข้ามาในห้องฉันนะ”


    “รับทราบครับ..เข้าใจมั้ยมงกู?” ประโยคแรกคือรับคำกับเซฮุนส่วนประโยคท้ายจงอินหันไปพูดกับเจ้าสี่ขาขนฟูที่กำลังมองมาทางเซฮุนอย่างสนอกสนใจราวกับว่าเขาเป็นของเล่นใหม่ เด็กนิเทศย่นจมูกใส่เจ้าตูบด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะเดินหายเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องเป็นชุดลำลองแล้วจึงเดินออกมาหาน้ำดื่ม


    “งื๊ด..งื๊ด~” 


    “มันต้องการอะไร?” เสียงเขียวถามเจ้าของหมาอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อเจ้าสัตว์สี่ขาเดินมาส่งเสียงร้องข้างๆตัวเขา


    “มันอยากให้นายอุ้มน่ะ”


    “ฝันไปเถอะ” นอกจากจะไม่อุ้มแล้วเจ้าตัวยังแอบมอบมะเหงกเบาๆบนหัวมงกูอีกต่างหาก เต่กระนั้นเจ้าตูบก็ยังคงกระดิกหางไปมาแล้ววิ่งพันแข้งพันขาเขาอยู่อย่างนั้น 


    “ท่าทางมันจะตกหลุมรักนายเข้าให้แล้วนะเนี่ย ฮ่าๆ” 


    “ใจง่ายชะมัด แกเพิ่งเจอฉันวันนี้วันแรกเองนะ” ว่าแล้วก็สั่งสอนหมาเสียหน่อย 


    “ถึงจะตกหลุมรักง่ายๆแต่เวลารักใครแล้วมันก็รักจริงนะ สัตว์มันไม่เคยโกหกเราอยู่แล้ว”


    “ว้าว คณะสถาปัตย์เค้ามีสอนจิตวิทยาสัตว์ด้วยเหรอ?” แสร้งตบมือให้เบาๆเหมือนกับจะชมเชยหากแต่ตาที่กลอกไปมานั่นทำให้จงอินรู้ว่าเซฮุนกำลังจิกกัดเขาอยู่ตามประสาคนขี้ประชด เด็กสถาปัตย์หัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะพูดต่อ “มงกูนิสัยเหมือนเจ้าของน่ะ”


    “ฉันว่านายเริ่มเหมือนแบคฮยอนเข้าไปทุกทีเเล้วนะ...ขนลุกชะมัด” ดูคำพูดคำจาสิ ท่าทางจะไม่ได้ซื่อๆซะแล้วล่ะ


    “ฉันถึงได้บอกไงว่านายยังไม่รู้จักฉันดีพอ” จงอินพูดอย่างยิ้มๆพลางอุ้มเจ้ามงกูขึ้นมาแล้วเดินนั่งลงบนโซฟา “มาเล่นบนโซฟากับอัปป้าดีกว่านะ”


    “บ๊อก! บ๊อก!”


    “เมื่อก่อนนายก็เอามาเลี้ยงที่หองั้นเหรอ?” 


    “อื้ม แต่พอแบคฮยอนบอกว่านายไม่ชอบหมาแล้วจะย้ายเข้ามาอยู่ด้วยฉันก็เลยเอาไปฝากพี่สาวเอาไว้”


    “นายทำถูกแล้วล่ะ” 


    “เมื่อเช้าแบคมันวิ่งหามงกูทั่วห้องเลย มันนึกว่านายหักคอหมาฉันทิ้งไปแล้วซะอีก”


    “อ่อ...มิน่าล่ะ” ถึงได้เดินก้มๆเงยๆทั่วห้องแบบนั้น “นี่แบคมันคงขายข้อมูลฉันให้นายฟังหมดแล้วสินะ”


    “ก็...เยอะอยู่” ร่างสูงพูดพร้อมผุดยิ้มมุมปาก


    “เยี่ยม” แสร้งยกนิ้วโป้งให้แต่กลับทำสีหน้าเหม็นเบื่ออย่างสุดทนก่อนจะนั่งลงบนโซฟาบ้าง เจ้ามงกูเห็นดังนั้นเลยรีบเดินกระดิกหางไปนั่งบนตักของร่างบางอย่างว่องไว “เฮ้ย...ออกไปนะ”


    “งิ๊ง~ งิ๊ง~”


    “บอกแล้วว่ามงกูมันชอบนาย”


    “นายช่วยหยิบมันออกไปทีเถอะ” มือเรียวพยายามดึงตัวหมาออกจากหน้าตักของตนแต่เหมือนว่าเจ้ามงกูจะไม่ให้ความร่วมมือ เด็กนี่เอาแต่ซุกตรงหน้าตักของเขาราวกับว่าเป็นที่นอนใหม่ของมันอย่างนั้นแหละ


    “มงกู มาหาอัปป้าเร็ว เด็กดี~” จงอินดีดนิ้วเรียกลูกรักเบาๆและเด็กนั้นก็รีบวิ่งกลับไปหาพ่อของตัวเองอย่างว่าง่าย “เดี๋ยวอัปป้าจะออกไปซื้อขนมมาให้กินนะ”


    “บ๊อก!”


    “เฮ้...เดี๋ยวนะ นายบอกว่าจะออกไปข้างนอกงั้นเหรอ?” เด็กนิเทศพูดขัดขึ้นมาเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังเดินไปหยิบกระเป๋าสตางค์และมือถือ


    “อื้ม” จงอินรับคำ “ว่าจะออกไปร้านขายของสัตว์เลี้ยงซักหน่อย อาหารของเด็กนี่หมดแล้วน่ะ”


    “แล้ว...ฉันต้องอยู่กับ..”


    “มงกูไง ฝากไว้แปปเดียวเดี๋ยวฉันกลับมา” 


    “นายกำลังฝากหมาไว้กับคนไม่ชอบหมา” เซฮุนลุกขึ้นยืนทันที ไม่...ไม่มีทางเด็ดขาด เขาจะไม่เป็นพี่เลี้ยงหมาเด็ดขาด


    “มงกูขึ้นรถประจำทางไม่ได้นะ” 


    “….” จะบอกให้เอารถเขาไปก็คงจะไม่ดีแน่ๆ ถ้าเอาหมานั่นขึ้นรถมีหวังขนได้ปลิวไปทั่ว แล้วมันก็จะสกปรกแถมยังเหม็นด้วยอีกต่างหาก


    ไม่มีทางเลือกจริงๆแล้วสินะ


    “น่า...ฝากหน่อยนะ เดี๋ยวขากลับฉันซื้อของกินมาเผื่อนะ” รูมเมทผิวสีแทนขอร้องเสียงอ่อนจนร่างบางถอนหายใจออกมาดังพรืด


    “ฉันให้เวลาแค่ชั่วโมงนึงเท่านั้น ถ้านายมาช้ากว่านั้นเจ้านี่ได้กลายเป็นพรมเช็ดเท้าแน่”


    “ขอบใจนะเซฮุน” ร่างสูงยิ้มโชว์ฟันขาวออกมาอย่างร่าเริง


    “เริ่มจับเวลา” ยกข้อมือขาวขึ้นมามองเข็มของปาเต็ก ฟิลิปป์เรือนงามที่กำลังเดินไปเรื่อยๆ จงอินเห็นดังนั้นจึงรีบเก็บข้าวของใส่กระเป๋ากางเกง ลูบหัวเจ้าตูบแสนรักไปหนึ่งทีก่อนจะรีบวิ่งออกจากห้องอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้เหลือแต่เด็กตัวขาวที่เกลียดหมากับเจ้าตูบขนฟูที่จ้องจะเล่นกับคนที่เกลียดมันอยู่ตลอดเวลา



















    ________________________________________________________________

    อ่านแล้วพอเดาได้มั้ยคะว่าใครจะเป็นฝ่ายชอบใครก่อน? 555555 ขอให้สวัสดิภาพจงอยู่กับน้องมงกูนะคะ 555555555555

    ตอนหน้ามาดูกันว่าเด็กนิเทศจะทำยังไงกับเจ้าตูบกันนะ?

    ขอบคุณทุกๆคอมเม้นท์เลยนะคะเราอ่านแล้วมีความสุขมากๆ 

    ปลื้มใจจริงๆที่มีคนชอบและติดตามฟิคของเราด้วย >< เราจะพยายามปรับปรุงและเขียนมันออกมาให้ดีที่สุดนะคะ ^^


    ถ้าชอบก็สกรีม+ติดแท็ก #วอวดคฮ ในทวิตเตอร์ได้เลยนะคะ



    เจอกันตอนหน้าค่ะ :)











    @bubblemilktea92




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×