คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : 04 :: real jongin
“ไม่ต้องมามองหน้าฉันเลยนะ”
“…..”
“ไม่ต้องเดินตามด้วย ไปนั่งตรงนั้นเลย”
“…..”
“เอ๊ะ บอกว่าอย่าตามมายังไงล่ะ!”
“งิ๊งง~”
เด็กนิเทศรู้สึกเหมือนกำลังจะเป็นบ้า มือขาวเสยผมอย่างลวกๆด้วยอารมณ์ขุ่นมัวก่อนจะถลึงตาใส่เจ้าขนฟูสีกาแฟที่กำลังกระดิกหางไปมาอย่างร่าเริง แก้วตาใสจ้องมองมาที่ใบหน้าขาวอย่างสนอกสนใจ เจ้าตูบใช้ขาหน้าของมันเขี่ยไปมาที่หลังเท้าเนียนนั่นราวกับต้องการจะเล่นกับมนุษย์หน้าตายที่รังเกียจหมายิ่งกว่าอะไรดี
เพิ่งจะผ่านไปแค่ครึ่งชั่วโมงแต่ความรู้สึกในใจของโอเซฮุนมันเหมือนสองชั่วโมง เขาเอาแต่จดจ้องไปที่เข็มของนาฬิกาจนรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกสะกดจิต ร่างบางเดินย้ายที่เป็นรอบที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้แต่เจ้ามงกูก็ยังจะตามเขามาอย่างไม่ย่อท้อ ตวาดก็แล้วไล่ก็แล้วแต่เด็กนี่ก็ยังคงกระดิกหางไปมาอย่างอารมณ์ดี
ตอนแรกเซฮุนเดินหนีเข้าไปอยู่ในห้องนอนแล้วแต่ไอ้เจ้าตูบนี่มันเล่นตะกุยประตูตลอดพร้อมกับส่งเสียงหงิงๆในลำคออย่างไม่รู้จักเหนื่อย ร้อนให้คนเกลียดหมาต้องออกมาจัดการ แต่ที่พูดว่าจัดการนั่นเขาก็ไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากเดินวนไปวนมาในห้อง เซฮุนไม่รู้วิธีเล่นหรือเลี้ยงเจ้าตูบนี่หรอก เขาไม่ใช่ทาสหมาและไม่คิดจะเป็นด้วย ขนของมันมีแต่จะทำให้หายใจไม่สะดวก ไหนจะกลิ่นเหม็นฉุนจากตัวเจ้าพวกนี้อีก บายเถอะ
“ไม่ต้องตามมาแล้วนะ” นิ้วเรียวชี้สั่งเจ้าตูบพร้อมกับทำเสียงดุ ขายาวก้าวไปหยุดอยู่หน้าตู้เย็นก่อนจะหยิบน้ำดื่มและช๊อคโกแลตออกมาแล้วเดินกลับไปนั่งจุ้มปุ้กอยู่บนโซฟา และเป็นไปตามคาด เจ้ามงกูผู้ไม่ได้รับเชิญก็กระโดดตามขึ้นมานั่งด้วย
“มองหน้าแบบนี้จะขอกินรึไง?”
“งิ๊งๆ”
“ไม่ได้ ถึงฉันจะไม่ชอบหมาแต่ฉันก็ไม่ได้โง่นะ หมากินช๊อคโกแลตไม่ได้”
“บ๊อกๆๆ”
“จะเถียง? อยากตายรึไง? เดี๋ยวปั๊ด...” ถ้าใครมาเห็นเข้าต้องมองว่าเขาบ้าแน่ๆ เด็กหนุ่มอายุยี่สิบสองปีบริบูรณ์ที่มีดีกรีเป็นถึงเดือนคณะกำลังทะเลาะกับหูตูบขนฟูพันธุ์พุดเดิ้ลแถมยังตั้งท่าจะฟาดหมาอีกต่างหาก มือขาวง้างกลางอากาศทำท่าจะฟาดลงบนตัวเจ้ามงกู หมาดื้อรู้ตัวถึงภัยที่จะมาถึงดีจึงยอมนั่งลงข้างๆมนุษย์เกลียดหมาอย่างสงบโดยมีอาการจ๋อยเล็กน้อย เด็กนิเทศยกยิ้มอย่างพึงพอใจเมื่อเห็นเจ้าหูตูบสีกาแฟนี่สงบลง ขายาวยกขึ้นมาพาดบนโซฟาก่อนจะเริ่มลงมือทำในกิจกรรมที่โปรดปรานของเขาคือไถมือถือเล่น
BUBBLEBOY @abcdefghun 1 m.
ใครมีวิธีไล่หมาเมนชั่นมาด่วน!!!
เดือนนิเทศกดเข้าแอพไอค่อนนกแลร์ลี่สีฟ้าแล้วจัดการระบายความในใจออกมา หวังว่าคนในโลกโซเชียลจะช่วยหาคำตอบให้เขาได้ ระหว่างนั้นสายตาก็ปรายมองไอ้ตัวสี่ขาที่นอนแทะเท้าของเขาเล่นอยู่ราวกับว่าเป็นกระดูกขัดฟันของมัน อย่าถามว่าทำไมไม่ยกเท้าหนี นี่เดินหนีมาทั่วห้องแล้วมันก็ยังตามมาเลียๆกัดๆจนเขาเพลียใจเลยปล่อยให้มันแทะไปเลยตามสบาย เขากระดิกเท้าไม่นานนักก็มีคนขยันมาช่วยให้คำตอบ
ป๋าพยอนแห่งคยองกี @BYUN100 30s.
@abcdefghun มงกูหรอออออ? อยากเล่นนนนนนน
BUBBLEBOY @abcdefghun 10s
@BYUN100 อืม มาหอที ช่วยดูหมาหน่อย จะประสาทกินละ
ป๋าพยอนแห่งคยองกี @BYUN100 5 s.
@abcdefghun เออๆกำลังกลับจากห้างฯละ เดี๋ยวแวะไปหา
“บ๊อกๆ บ๊อกๆ”
“อะไรอีก? นี่ฉันใจดีมากเเล้วนะ ให้เท้าไปแทะเล่นแล้วยังจะมาร้องทำอะไร?” คิ้วได้รูปขมวดมุ่นเมื่อเจ้ามงกูที่ตอนแรกนั่งแทะเท้าอยู่เฉยๆจู่ๆก็ลุกขึ้นมาเห่าอย่างเอาเป็นเอาตาย เซฮุนละสายตาจากจอมือถือแล้วมองไปตามเสียงเห่าก่อนที่เขาจะกระเด้งตัวขึ้นมายืนบนโซฟาโดยอัตโนมัติด้วยความตกใจสุดขีด
“เชี่ย! แมลงสาบ!!!”
สัตว์อีกชนิดที่เขาเกลียดเข้าไส้กำลังแกว่งหนวดทักทายไปมาอย่างร่าเริง ในห้องนี้มีแมลงสาบ! บ้าไปแล้ว!!! นี่มันชั้นสิบสี่นะเว้ย แมลงสาบเกาหลีนี่ชอบความสูงนักหรือไงมันเข้ามาจากช่องทางไหนกันวะเนี่ย? สติสตางค์ของเด็กหนุ่มกระเจิดกระเจิงไปหมดแล้ว โอเซฮุนเอาแต่กัดเล็บด้วยความกังวลโดยทีสายตาก็ยังไม่ยอมละไปจากสัตว์ท่ีมีขนาดเล็กกว่าฝ่ามือของตัวเอง แมลงสาบเป็นสัตว์ที่ยากต่อการรับมือมากและที่เลวร้ายที่สุดกว่านั้นคือตอนมันบิน!!! ผู้ชายหลายๆคนอาจจะมองว่ามันเว่อร์ที่เด็กผู้ชายจะมากลัวแมลงสาบแต่เชื่อเถอะว่าถ้าคุณเคยมีประสบการณ์แมลงสาบบินเกาะหัวในวัยเด็กแบบคุณหนูโอแล้วล่ะก็คุณจะขยาดไอ้เจ้าตัวนี้ไปชั่วชีวิตเลยล่ะ
มือขาวหยิบนิตยสารรถใกล้มือปาใส่สัตว์ประหลาดนั่นอย่างบ้างคลั่งแต่ก็ยังไม่ถูกเป้าหมาย หนำซ้ำมันยังตั้งท่าจะไต่ขึ้นมาบนโซฟา เซฮุนปาทุกสิ่งอย่างที่อยู่บนโซฟาลงพื้นอย่างบ้าคลั่งโดยไม่สนว่าของพวกนั้นจะเป็นอะไร ชิบ.... จะทำยังไงดีวะเนี่ย
“บ๊อกๆ!” เหมือนฮีโร่ปรากฎตัวออกมาช่วยชีวิตเด็กนิเทศเมื่อมงกูที่กำลังยืนเห่าอยู่ที่พื้นวิ่งเข้าไปตะครุบไอ้หนวดยาวนั่น หมาพุดเดิ้ลใช้อุ้งเท้าตะปบจนไอ้ตัวน่ารังเกียจนั่นหงายท้องขาชี้ฟ้า ดวงหน้าขาวชะเง้อมองมันอย่างระมัดระวังและก็ต้องถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าแมลงสาบนั่นแน่นิ่งไปแล้ว
“ฟู่วว...” เซฮุนถอนหายใจด้วยความโล่งอก “เกือบแย่แล้วมั้ยล่ะ..”
“บ๊อก บ๊อก!”
“อะไร? ไม่ต้องมาทวงบุญคุณเลยนะ” จัดการกับแมลงสาบเสร็จก็กลับมาทะเลาะกับหมาต่อ มงกูกระโดดขึ้นมาบนโซฟาเพื่อหาเด็กนิเทศและเอาหัวของมันถูไถไปมาราวกับต้องการจะขอรางวัล
“ทำดีห้ามหวังผลรู้มั้ย ไม่งั้นมันจะนายจะกลายเป็นคนคิดเล็กคิดน้อย เข้าใจมั้ย?”
“หงิง~”
บอกไม่ได้เหมือนกันว่าเพศผู้พันธุ์พุดเดิ้ลตัวนี้เข้าใจคำสอนของคุณโอหรือเปล่าแต่เจ้ามงกูก็ยอมหมอบลงบนตักของเซฮุนอย่างสงบโดยไม่ออดอ้อนอะไรอีก หูตูบลู่ตกลงเช่นเดียวกันกับหางของมัน เด็กนิเทศเห็นดังนั้นจึงเหยียดยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจก่อนจะเขกหัวเจ้ามงกูไปเบาๆทีนึง
“ฉลาดเหมือนกันนี่เรา”
“บ๊อก!”
“ชมนิดชมหน่อยอย่ามาหลงตัวเองนะ ฉันไม่เล่นกับแกหรอก” รีบปรามขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นว่าเจ้าพุดเดิ้ลนี่ตั้งท่าจะกระดิกหางอีกรอบ “พ่อแกเลี้ยงแมลงสาบไว้ในห้องด้วยหรือยังไงกัน หืม?”
เขาเริ่มรู้สึกว่าตัวเองใกล้คำว่าบ้าเต็มทีแต่ก็จะให้ไปถามใครได้ในเมื่ออีกฝ่ายยังไม่กลับมา เซฮุนกลอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่ายก่อนจะคิดหาอะไรทำเป็นการฆ่าเวลาอย่างเช่นการดูทีวีเป็นต้น เขาเคาะนิ้วไปมา ตาเรียวก็มองหารีโมททีวีก่อนที่จะรู้สึกได้ถึงวัตถุบางอย่างที่ตกกระทบบนหน้าตัก เป็นเจ้าพุดเดิ้ลเจ้าปัญหานั่นเอง มงกูคาบรีโมททีวีที่อยู่ตรงซอกโซฟาออกมาให้อย่างรู้งานทำเอาเด็กนิเทศเลิกคิ้วสูงด้วยความประหลาดใจ
“แสนรู้นะ”
“บ๊อกๆ!”
“แกนี่มันจริงๆเลย” เซฮุนส่ายหัวไปมาเมื่อเห็นเจ้าตูบแสนรู้กำลังเอาหัวมาดุนอยู่ที่หลังมือ มือขาวยกขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ก่อนจะลูบเบาๆบนหัวฟูๆสีน้ำตาลเข้มนั่นทำเอามงกูถึงกับหลับตาพริ้มด้วยความสบายเลยทีเดียว
“ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้นนะ จำไว้”
“หงิง~”
“เฮ้...ทะเลาะกันเหรอ?” เสียงตื่นๆดังขึ้นมาจากประตูหน้าห้อง คิมจงอินกลับมาแล้วและรูมเมทผิวสีน้ำผึ้งนั่นอยู่ในสภาพเหนื่อยหอบราวกับเพิ่งวิ่งผลัดมา เขาวางถุงอาหารเจ้ามงกูลงบนพื้นก่อนจะยกหลังมือขึ้นมาปาดเหงื่อแบบลวกๆ “นี่ฉันใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงนะ”
“วิ่งมารึไง?”
“ใช่” จงอินตอบ “นี่คงไม่ได้ทำอะไรมงกู...”
“คิดว่าฉันเป็นคนยังไงกัน?” หรี่ตาลงพร้อมกับจ้องไไปที่ดวงหน้าคมเข้มด้วยความไม่พอใจ “ที่ห้องมันเละแบบนี้เพราะแมลงสาบต่างหาก”
“แมลงสาบ?”
“ใช่ ออกมาจากห้องนายนั่นแหละ อยู่ไปได้ไงรกขนาดนั้น” จมูกโด่งย่นใส่อีกฝ่ายด้วยความรังเกียจเล็กน้อยถึงปานกลาง “ออกไปซุปเปอร์ ไปซื้ออุปกรณ์มาทำความสะอาดห้องกัน”
“ตอนนี้?”
“ฉันไม่อยากเจอลูกหลานของไอ้ตัวเมื่อกี้อีกนะ” ร่างบางปรายตามองซากแมลงสาบที่นอนแดดิ้นอยู่บนพื้น “รบกวนช่วยเอามันไปทิ้งให้ด้วยแล้วออกไปซื้อของกับฉัน”
“ฉันต้องไปด้วยเหรอ?” จงอินที่กำลังเก็บซากศพของแมลงน่ารังเกียจนั่นชี้นิ้วเข้าหาตัวเองอย่างงงๆ
“ฉันถือของพวกนั้นไม่หมดหรอกนะ มีอะไรต้องซื้ออีกเยอะแยะ นายต้องช่วยฉันเลือกของด้วยเพราะฉันซื้อไม่เป็น อ้อ...ส่วนลูกนายเดี๋ยวแบคมันจะมาหาที่ห้อง ฝากมันเลี้ยงก่อนก็ได้”
“อ่า..เอางั้นก็ได้” เด็กสถาปัตย์รับคำอย่างมึนๆยอมคล้อยตามคนเจ้าอารมณ์ไปอย่างว่าง่าย เซฮุนกระโดดลงจากโซฟาก่อนจะเดินเข้าไปหยิบกุญแจรถและกระเป๋าสตางค์ก่อนจะกระดิกนิ้วเรียกร่างสูงให้เดินตามมา
“รีบไปเร็ว ฉันจะกลับมาทำงาน”
ร่างบางเดินนำออกจากห้องไปทิ้งให้หนึ่งคนกับอีกหนึ่งตัวยืนมองตาปริบๆ จงอินก้มลงอุ้มลูกรักใส่คอกที่กั้นเอาไว้เป็นอาณาเขตเล็กๆ มือหนาลูบหัวเจ้าตูบในความดูแลเบาๆอย่างเอ็นดูจนมงกูหลับตาพริ้ม
“คนนั้นน่ะ ...เค้าไม่ได้ใจร้ายกับนายใช่มั้ย?”
“บ๊อก!”
“เค้าไม่ได้เป็นคนไม่ดีหรอกนะ แค่เอาแต่ใจไปหน่อย”
“บ๊อก บ๊อก!”
“ใช่มั้ยล่ะ...เห็นทีนายกับฉันคงต้องเหนื่อยหน่อยแล้วล่ะ เนอะ”
“จะร่ำลากันอีกนานมั้ย?” เสียงขึ้นจมูกไม่พอใจตามสไตล์ของคุณหนูโอดังขึ้นพร้อมกับดวงหน้าขาวที่ชะโงกเข้ามาทางประตู เด็กสถาปัตย์ลูบหัวลูกรักของเขาอีกทีก่อนจะรีบวิ่งตามคนเอาแต่ใจออกไปอย่างรีบร้อน
“แล้วอันนี้ที่ห้องมีมั้ย?”
“หืม? ไม้ม๊อบเหรอ? ....ไม่มีมั้ง?”
“เฮ้อ...”
เซฮุนขับรถพามายังซุปเปอร์มาเก็ตสะดวกซื้อขนาดกลางที่อยู่ใกล้ๆกับหอพัก คุณหนูโอจัดการหยิบสารพัดของทำความสะอาดห้องใส่รถเข็น แต่ของที่เจ้าตัวโยนๆใส่รถเข็นมานั้นก็ดูจะไม่ค่อยจะเข้าท่าซักเท่าไรในเมื่อเซฮุนยังแยกความแตกต่างระหว่างการใช้งานของน้ำยาถูพื้นกับน้ำยาล้างห้องน้ำไม่ได้เลย เซฮุนแค่เดินเข้ามาในมุมอุปกรณ์ทำความสะอาดบ้านแล้วก็หยิบทุกสิ่งอย่างใส่รถเข็นอย่างละชนิดโดยไม่ได้แคร์เลยว่าตอนนี้ในรถเข็นมีน้ำยาถูพื้นถึงสามยี่ห้อแล้ว ร้อนถึงรูมเมทสถาปัตย์ที่ต้องคอยหยิบของที่ไม่จำเป็นและซ้ำออกจากรถ
“นี่นายไม่เคยทำความสะอาดห้องเลยเหรอ?” เซฮุนหันไปถามรูมเมทที่เดินเข็นรถเข็นอยู่ข้างๆ แว่บนึงจงอินแอบกัดกระพุ้งแก้มตัวเองเอาไว้ไม่ให้เผลอหลัดหัวเราะออกไป ใครกันแน่ที่ไม่เคยทำความสะอาด คนที่เคยทำความสะอาดห้องด้วยตัวเองเขาคงไม่หยิบอะไรซ้ำๆใส่รถเข็นหรอกนะ แต่ก็นั่นแหละ จงอินได้แต่คิดในใจเพราะเขายังไม่อยากโดนคุณหนูแหกอกเอากลางห้าง
“ทำนะ แต่ไม้ม็อบอันเก่ารู้สึกแบคมันจะเอาไป ของมันซื้อมาน่ะ”
“นายทำความสะอาดครั้งล่าสุดเมื่อไร?”
“อืม...สอบไฟนอลเทอมที่แล้วมั้ง”
“ให้ตายสิ...” สอบไฟนอลเทอมที่แล้ว...นี่มันเปิดเทอมใหม่จนจะมิดเทอมอยู่แล้วนะ! ไม่สงสัยเลยว่าไอ้ปีเตอร์หนวดยาวนั่นมันมาได้ยังไง
“เฮ้ ฉันไม่ใช่พวกซกมกนะ แต่มันไม่มีเวลาต่างหากเล่า”
“ฉันว่าอะไรนายแล้วรึยัง?”
“แต่สายตาของนายมันฟ้องว่ากำลังด่าฉันอยู่” รูมเมทผิวสีแทนพูดพร้อมกับยิ้มมุมปาก “เอาไว้ฉันจะทำความสะอาดให้ก็แล้วกันนะ”
“เอาไว้ทำของนายนี่ต้องรอสอบไฟนอลเสร็จมั้ยนะ”
“แบคฮยอนเคยบอกรึเปล่าว่านายเป็นพวกขี้ประชดประชัน?”
“มันเป็นซิกเนอเจอร์ของฉันไปแล้วล่ะ”
“ว้าว...ดีจัง”
“ฉันว่านายก็ใช่ย่อยนะ?” ตวัดหางตาหาคนถามที่กำลังปรบมือเบาๆด้วยใบหน้านิ่ง คิมจงอินที่เห็นว่าเงียบนิ่งจริงๆก็กวนประสาทใช้ได้เหมือนกันนั่นแหละ จงอินหัวเราะร่วนเมื่อถูกอีกฝ่ายแซะมาแบบตรงๆ เขายิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ
“ฉันหมายความว่าอย่างนั้นจริงๆ มันดีนะที่นายรู้และยอมรับนิสัยของตัวเอง”
“อ่าฮะ...นี่ มีผงซักฟอกรึยัง?”
“หา?” ถึงกับงงไปเลยทีเดียวเมื่อจู่ๆเซฮุนก็หันมาถามแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย “มีแล้วสิ แต่เออ...จะหมดแล้วมั้ง”
“งั้นก็ซื้อไปด้วยเลย” มือขาวหยิบผงซักฟอกถุงใหญ่ใส่รถเข็นไป “เสื้อผ้าที่กองหมักหมมสกปรกก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งของการเพาะเชื้อโรคและแมลงสาบ โดยเฉพาะเป้ากางเกง แมลงสาบชอบนักแหละ”
“เฮ้...ฉันซักผ้าตลอดนะ”
“กลิ่นนี้หอมดีนะ” นอกจากจะไม่ฟังแล้วโอเซฮุนยังเดินหนีไปหยิบขวดน้ำยาปรับผ้านุ่มขึ้นมาเปิดดมอีก “ผ้านุ่มด้วย ซื้อไปใช้สิ”
“ฉันว่าอันที่ใช้อยู่ก็ดีแล้วนะ ผ้าก็นุ่มปกติ”
“แต่อันนี้ดีกว่าจริงๆนะ”
“เพราะนายชอบใช่มั้ยล่ะ ฮ่ะๆ”
“ถูกต้อง ลาเวนเดอร์นี่แหละดีที่สุด”
“แต่ที่ใช้อยู่ยังไม่หมดเลยนะ”
“จะไม่ซื้อเหรอ?” ตาตี่หรี่มองเด็กสถาปัตย์อย่างไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อถูกขัด
“ฉันเพิ่งซื้อไปเมื่อวันก่อนเอง....เอาไว้วันหลังค่อยมาซื้อแล้วกัน เนอะ?”
“ตามใจ” ปากบอกว่าตามใจแต่หน้าไม่ใช่แล้ว ตามใจที่ว่าน่ะหมายถึงตามใจเด็กนิเทศต่างหากแต่ก็นะจะไปบังคับอะไรอีกฝ่ายได้ในเมื่อเซฮุนเองก็ไม่ได้ใช้ไอ้น้ำยาปรับผ้านุ่มนั่นเอง เสื้อผ้าของคุณหนูโอจะถูกเอากลับไปส่งซักและรีดอย่างดีโดยแม่บ้านอย่างไม่ต้องสงสัย แน่ล่ะ คนอย่างเซฮุนซักผ้าเองได้ก็บ้าแล้ว ร่างบางเดินพ่นลมหายใจออกมาด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยก่อนจะเดินนำไปยังแผนกอาหารสดและอาหารแห้ง
“น้ำเปล่าที่ห้องก็หมดแล้วนะ ซื้อไปด้วย”
“ใต้หอเรามีตู้กดน้ำนะ ปกติฉันก็กดจากตรงนั้น”
“สกปรก นายรู้มั้ยว่าพวกนั้นเปลี่ยนไส้กรองครั้งสุดท้ายเมื่อไร นายกำลังกินสารตกค้างจากน้ำพวกนั้นนะ”
“อ่า....งั้นเหรอ” ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆคิมจงอินคงมีสารตกค้างอยู่ในร่างกายมายี่สิบกว่าปีเต็มแล้วล่ะ มือขาวส่งขวดน้ำแร่แพ็กอย่างดีให้อีกฝ่ายวางใส่รถเข็น อ่อ...ไอ้ความคุณหนูนี่มันเป็นแบบนี้นี่เอง เด็กนิเทศหยิบนู่นหยิบนี่ใส่รถเข็นอีกสองสามอย่างก่อนที่จะเดินไปจ่ายเงิน จัดการชำระเงินเสร็จก็พากันขนของมาที่รถ เด็กนิเทศขับรถออกจากซุปเปอร์มาเก็ตแต่ว่าเจ้าตัวไม่ได้มุ่งหน้ากลับหอพักโดยทันทีแต่อย่างไร เขาแวะจอดรถที่ถนนเส้นหนึ่งก่อนจะถึงซอยมหาลัยสองบล็อก จอดรถเทียบฟุตปาธก่อนจะชวนแกมบังคับให้เด็กสถาปัตย์ลงไปหาซื้อของกินเป็นเพื่อน
“จะซื้ออะไรไปกินดี แบคไลน์มาบอกให้ซื้อไปเผื่อด้วย” เซฮุนถามขณะที่พวกเขากำลังเดินดูร้านรวงต่างๆ
“อืม...ต็อกโบกกี ดีมั้ย?” จงอินเสนอ
“ต็อกเหรอ?”
“นายไม่อยากกินล่ะสิ”
“รู้ด้วย?” คิ้วสวยเลิกขึ้นด้วยความประหลาดใจ หน้าของเขามันมีคำว่า ‘ไม่ชอบกินต็อกโบกกี’ ติดอยู่หรือยังไงนะ?
“แน่นอน” จงอินพูดอย่างมั่นใจจนเซฮุนอดไม่ได้ที่จะหันไปมองคนข้างๆด้วยสายตาหยั่งประเมิน
“งั้นลองทายมาสิว่าฉันอยากกินอะไร”
“เอาสิ” สิ้นคำตอบรับร่างบบางก็กวาดสายตาไปตามร้านอาหารที่เรียงรายอยู่ตามสองข้างทาง เขาพยายามไม่เจาะจงสายตาไปหยุดที่ร้านใดร้านหนึ่งจนผิดสังเกต ตาคู่สวยแต่มองร้านทุกร้านอย่างลวกๆก่อนจะกลับมาจ้องหน้าเพื่อนร่วมห้องผิวสีที่กำลังสวมวิญญาณแม่หมอ คิมจงอินนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะใช้นัยน์ตาสีน้ำตาเข้มจ้องกลับมายังแก้วตาใส ร่างสูงอมยิ้มเล็กน้อยแล้วชี้ไปยังร้านขายไก่ที่อยู่ขวามือ “นายสนใจไก่ทอดฮันนี่ร้านนั้น”
“พระเจ้า...” เด็กนิเทศหลุดอุทานออกมาอย่างไม่เชื่อสายตา “นายอ่านใจคนได้รึไง? มีโทรจิตเหรอ?”
“ฮ่ะๆ” จงอินหัวเราะออกมาอย่างไม่เก็บอาการ “อยากรู้เหรอ?”
“มาก” ข้องมาก ข้องจริงๆ ทุกวันนี้ยังแอบสงสัยอยู่เลยว่าเรียนสถาปัตย์หรือจิตวิทยากันแน่ ดูจะเดาใจคนเก่งเหลือเกิน
“มานี่สิ” มือใหญ่กวักเรียกให้คนขี้สงสัยเข้ามาใกล้ๆ เซฮุนถอนหายใจแรงๆหนึ่งทีด้วยความหงุดหงิดใจเบาๆแต่ก็ยอมเดินเข้าไปใกล้แต่โดยดี เด็กสถาปัตย์ยิ้มบางๆก่อนจะเคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้จนเซฮุนได้กลิ่นสดชื่นจางๆของสบู่ที่เป็นกลิ่นเดียวกันกับขวดที่ตั้งอยู่ในห้องน้ำ ชั่ววูบหนึ่งเขารู้สึกหายใจติดขัดขึ้นมาราวกับว่าเลือดลมทำงานผิดปกติ
“ก็เพราะ...” เสียงทุ้มนั่นก้องอยู่ในหูเมื่ออีกฝ่ายโน้มใบหน้าเข้ามากระซิบใกล้ๆ ใบหน้าขาวรู้สึกสัมผัสได้ถึงความร้อนที่เห่อขึ้นมาอย่างไม่มีที่มาที่ไป
นี่มันบ้าอะไรกัน?
“ไม่บอกดีกว่า” เด็กสถาปัตย์ผละออกมาพร้อมกับส่งยิ้มให้อย่างกวนๆ
“เฮ้! นายนี่มัน!!”
“ฮ่าๆ” ภาพของคิมจงอินหัวเราะจนตาปิดนั้นยิ่งทำให้โอเซฮุนรูู้สึกหน้าร้อนยิ่งขึ้นไปอีก หมอนี่กล้าหลอกเขาอย่างนั้นเหรอ คิดว่าตัวเองเป็นใครถึงมาเล่นแบบนี้ได้กัน!
ขอถอนคำพูดที่บอกว่าหมอนี่ซื่อออกไปให้หมดเลยนะ คิมจงอิน นายมันร้าย!
“ฉันเป็นเพื่อนเล่นนายรึยังไง?”
“เอาไว้วันหลังฉันค่อยบอกแล้วกันนะ” ร่างสูงยิ้มโชว์ฟันขาวแล้วมุ่งหน้าไปยังร้านขายไก่อย่างอารมณ์ดี “รีบไปซื้อฮันนี่คอมโบ้เถอะ เดี๋ยวแบคฮยอนรอนาน”
“บ้าชิบ...” เจ้าตัวบ่นพึมพำกับตัวเองอย่างหัวเสียก่อนจะก้าวขาตามไปยังร้านขายไก่ด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว เซฮุนกำลังคิดว่าความจริงที่เขาได้ค้นพบอีกอย่างในวันนี้คือความกวนเท้าของเด็กสถาปัตย์ บวกด้วยรอยยิ้มกวนๆและแววตาแพรวพราวนั่นมันไม่น่าไว้ใจเลยจริงๆ
เห็นทีคิมจงอินคนนี้ท่าทางจะร้ายกว่าที่คิดเอาไว้เสียแล้ว
หลังจากซื้อไก่เสร็จแบคฮยอนก็โทรมาบอกด้วยน้ำเสียงเซ็งๆว่ามันอยากจะดื่ม ให้เดาทีเดียวก็รู้ว่ามันต้องทะเลาะอะไรมากับแฟนเด็กของมันแน่ๆ ทั้งคู่เลยต้องแวะร้านสะดวกซื้ออีกรอบเพื่อซื้อโซจูไปให้เพื่อนรักที่กำลังนั่งเมาดราม่าอยู่ที่ห้อง แล้วก็เป็นไปตามที่คิดจริงๆเพราะตอนนี้เซฮุนกับจงอินได้กลับถึงห้องแล้วและกำลังนั่งฟังไอ้เพื่อนตัวดีนี่ระบายปัญหาครอบครัวออกมาให้ฟังเป็นชุดๆ
“นี่กูคววรดีใจดีมั้ยที่แฟนกูหึงกูกับหมาเนี่ย?” เสียงใสบ่นพร่ำไปขณะยกแก้วโซจูขึ้นมาซดแบบวันชอท ตอนนี้สามคนกำลังนั่งล้อมวงกันอยู่ที่ห้องรับแขกโดยมีจงอินและแบคฮยอนนั่งแผ่อยู่กลางพื้นส่วนคุณหนูโอที่ยังขยาดเจ้าปีเตอร์ไม่หายขอเด้งตัวขึ้นไปนั่งบนโซฟาเพื่อความสบายใจ
“น้องเค้าว่าไงบ้าง?”
“ก็ที่บอกไปแหละ พอกูบอกจะแวะมาหามงกูน้องก็ดึงหน้าเลยแถมยังบังคับให้กูไปส่งเค้าที่หอก่อนอีกต่างหาก ซักไปซักมาถึงมารู้ทีหลังว่าน้องแม่งไม่ชอบหมา”
“ทะเลาะกันงุ้งงิ้งเป็นเด็กไปได้” เซฮุนพูดก่อนจะยกโซจูขึ้นจิบ
“ใครจะรู้ว่าไม่ชอบหมาวะ ตอนก่อนคบกันกูเคยพาไปเล่นกับหมาที่บ้านกูน้องก็ยังเล่นเลยเหอะ” เพื่อนตัวเล็กบ่นอุบ “มันเกิดอะไรขึ้นวะ เฮ้อ...”
“วันก่อนเห็นเพิ่งฉลองครบรอบร้อยวันกันไปเองไม่ใช่รึไง” จงอินกลับมาร่วมวงสนทนาอีกครั้งหลังจากหายไปแทะไก่จนค่อนถัง “คบกันทะเลาะกันมันก็เรื่องปกติ ยังมีอะไรต้องปรับกันอีกเยอะ”
“คำพูดมึงหล่อจังวะไอ้อิน หล่อจนกูข้องใจว่าทำไมมึงถึงไม่มีเมียเป็นตัวเป็นตน”
“ห่วงเรื่องตัวเองเถอะ” ร่างสูงผิวเข้มหัวเราะร่วน
“กูข้องใจจริงนะเปลี่ยนประเด็นแปป” เพื่อนเตี้ยวางแก้วโซจูลงพร้อมกับเริ่มเข้าสู่โหมดจริงจัง “ตั้งแต่กูรู้จักมึงมาตั้งแต่มัธยมนี่มึงมีแฟนมาแค่....ไม่มีเลยนี่หว่า!!?”
“อ่าฮะ"
“ใช่เหรอ?” คนตัวขาวเริ่มสนใจประเเด็นนี้ขึ้นมาบ้างหลังจากนั่งเงียบฟังอยู่นาน คนแบบคิมจงอินไม่เคยมีแฟน...เป็นไปได้เหรอ? ถ้าตอนแรกที่เขาเห็นหมอนี่ก็คงจะตอบได้ทันทีแหละว่าเป็นไปได้แน่ๆแต่หลังจากเจอความจงอินไปสองสามดอกกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั่นมันทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยน่าเชื่อเท่าไร
“เออดิ แฟนเป็นตัวเป็นตนอ่ะไม่มีแต่ที่เรี่ยราดนี่ก็มีอยู่ ไอ้นี่แม่งเล่นตัวมากใครมาขอคบก็เมิน ”
“เพราะคนพวกนั้นไม่สวยงั้นเหรอ?”
“สวยๆก็มีนะมึง เคะน่ารักๆก็มีแต่ไอ้ห่านี่ไม่ยักจะชายตามอง”
“นี่คือช่วงเผาเพื่อนเก่ารึยังไง? กูยังอยู่ตรงนี้นะ” เสียงทุ้มขัดขึ้น
“เออได้ยินก็ดี ช่วยตอบกูด้วยนี่ข้องมานานแล้ว”
“ยังไม่เจอคนที่สนใจ...มั้ง” จงอินตอบพร้อมกับยักคิ้วแบบกวนๆทำเอาเซฮุนถึงกับแอบเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้
หล่อเลือกได้รึยังไง เฮอะ...
“โอ้ย พอกันเลยมึงสองคนเนี่ย คุณหนูโอมึงเจอเพื่อนแล้วล่ะ ไอ้ห่านี่ก็ไม่เคยจะมีแฟนเลยตั้งแต่ที่ได้รู้จักกัน”
“มึงดูเดือดร้อนเรื่องคู่แทนกูจังนะ” ตาเรียวหรี่มองเพื่อนสนิทอย่างไม่พอใจ
“ก็นี่หวังดีอยากให้เพื่อนได้เป็นฝังเป็นฝา โดยเฉพาะมึงเลยจงอิน จะมาทำตัวอินดี้ต่อไปไม่ได้แล้วนะ ขายไม่ออกกูไม่รู้ด้วย”
“กูอยู่กับมงกูก็ได้ เนอะ?” มือหนาคว้าเจ้าตัวดุ๊กดิ๊กที่กำลังนอนแทะไก่อยู่ขึ้นมาอุ้มก่อนจะจุ๊บกระหม่อมไปเบาๆ
“กูละเชื่อพวกมึงเลย” เสียงใสบ่นอย่างไม่สบอารมณ์แล้วหันมาพูดกับเพื่อนร่วมคณะแทน “แล้วมึงล่ะคุณหนู ช๊อยส์เยอะแยะไปหมดจะเลือกใครดีครับ?”
“เซฮุนมีคนมาจีบเยอะเหรอ?” เป็นจงอินที่ถามขึ้นมาแทน ร่างบางขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะเชิดหน้าไปหาแบคฮยอนอีกทางหนึ่ง “มึงอย่ามาพูดจาไร้สาระ”
“โอ้ย ไม่ไร้สาระหรอก เมื่อกี้มึงถามใช่มั้ยจงอิน? เออ ไอ้แห้งเนี่ยมีคนมารุมขายขนมจีบเยอะแยะไปหมดทั้งรุ่นน้องรุ่นเพื่อน”
“ว้าว”
“มีปัญหารึไง?” ทำไมถึงรู้สึกเกลียดไอ้คำว่า ‘ว้าว’ ของไอ้หมอนี่จัง
“เปล่านะ” จงอินส่ายหน้าไปมาอย่างยิ้มๆ
“ว่าไปมึงสองคนนี่ก็เหมือนกันเลยนะ เลือกมากเรื่องมากชิบ” แบคฮยอนตั้งข้อสังเกต “ถามจริงตั้งแต่เข้ามอมาไม่เจอใครเข้าตาบ้างเลยหรอวะ มอเราก็คนหล่อๆสวยๆน่ารักๆเยอะนะเว้ย อย่างน้อยก็กูคนนึงล่ะอ่ะ”
“ถ้ารวมมึงด้วยนี่จะดึงมีนความหน้าตาดีของประชาชนในมอเลยนะ”
“อย่าย้อนกูสิคุณหนู มึงมีหน้าที่ตอบก็ตอบมา”
“ไม่มี” เซฮุนตอบแบบไม่คิดเลย ใช่ ไม่มีเลยจริงๆ เขาไม่เคยปิ๊งใครในรั้วมหาลัยเลยทั้งๆที่มีแต่คนหน้าตาดีมารายล้อมให้เลือกไม่หวัดไม่ไหว แต่ก็นั่นแหละ มันยังไม่ใช่ไง
“เด็ดขาดเหมือนเคย” เพื่อนสนิทพูดพร้อมกับแค่นหัวเราะ “แล้วมึงล่ะครับจงอิน? ไม่มีอีกอ่ะสิ”
“ก็...มีแล้วมั้ง?”
“นั่นไง กูว่าละ....เฮ้ยๆๆๆ เคลียร์ก่อนเลยมึง มีแล้วงั้นเหรอ? ใครวะ? มีอะไรทำไมกูไม่รู้”
“ไม่เสือกสิเพื่อน”
“ผิดเหรอที่กูอยากเจอเพื่อนสะใภ้ ไหนเล็งใครไว้บอกป๋าซิป๋าจะช่วยสแกน”
“เดี๋ยวก็รู้ ไม่นานหรอก” เด็กสถาปัตย์หันมาตอบ แววตาสีเข้มนั้นตวัดมามองยังคนตัวขาวชั่วครู่หนึ่งก่อนจะลุกหนีไปอีกทางจนแบคฮยอนถึงกับเดินตามด้วยความอยากเผือกขั้นรุนแรง เดือนนิเทศที่กำลังนั่งจิบโซจูอยู่ถึงกับส่ายหัวออกมาอย่างเอือมๆในความใคร่รู้ของเพื่อนสนิท เขาไม่ใช่คนชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้านเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ตอนนี้เขาแค่มีความคิดว่าเขาเริ่มจะเข้าถึงอีกด้านของคิมจงอินที่ดูไม่ใช่เป็นแค่คนใจดีคนหนึ่งหากแต่ยังสั่งสมความกวนส้นเท้าเอาไว้แบบเต็มสูบสังเกตได้จากวันนี้ที่อีกฝ่ายเอาแต่กวนเขาเป็นว่าเล่น
ก็อยากจะรู้เหมือนกันนะ ว่าใครจะเป็นแฟนหมอนั่นได้...
______________________________________________________________________
สวัสดีค่ะทุกคน หายไปนานมากเลยไม่รู้ยังมีใครรออ่านอยู่หรือเปล่า 555555555555
ชีวิตวุ่นวายมากเลยค่ะจากเคยคิดว่าเรียนจบจะมีเวลาว่างแต่งฟิคแต่กลับยุ่งมากกับการหางานทำและบลาๆ TT
จงอินเค้ามีคนที่ชอบแล้วนะคะ ใครกันน๊าาาาา
ฝากติดตามด้วยนะคะ ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์และเฟบนะคะ ><
เจอกันตอนหน้าเราจะมาต่อให้เร็วกว่านี้นะคะ ^^
ชอบก็ติดแฮชแทค #วอวดคฮ หรือคอมเม้นท์ได้เลยนะคะเราชอบอ่าน อ่านแล้วเป็นกำลังใจชั้นเยี่ยมเลย >___<
@bubblemilktea92
ความคิดเห็น