คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : 03 :: dog lover
พอกลับมาถึงหอเซฮุนก็พบว่าน้ำย่อยของเขายังคงทำงานอย่างแข็งขัน ใช่...เขายังไม่อิ่ม มันจะไปอิ่มได้ยังไงกับอีแค่ซอลลงทัง (ซุปกระดูกวัว) ไม่ถึงครึ่งชามแถมไม่ได้ทานข้าวด้วยอีกต่างหาก ร่างกายคนเราเวลาเพิ่งหายแฮงค์ใหม่ๆก็มักอยากจะซดอะไรเหลวๆร้อนๆให้มันไปล้างความขมเลี่ยนของเหล้าที่ติดอยู่ในโพรงปากและลำคอ พอหลังจากร่างกายฟื้นฟูเสร็จแล้วความหิวมันถึงจะแล่นเข้ามาทำงานเต็มที่อย่างที่เซฮุนกำลังเป็นอยู่ตอนนี้ไง
ร่างบางนั่งๆนอนๆอยู่ในห้องซักพักก็ตัดสินใจเดินออกมายังห้องครัว เปิดตู้เย็นออกมาดูก็พบเพียงนมเปรี้ยวขวดเล็กที่เขาซื้อเมื่อวาน มือเรียวคว้ามันออกมาเจาะและดูดหมดภายในครั้งเดียวก่อนจะเบ้ปากด้วยความไม่พอใจ สายตาสอดส่องหาของกินไปเรื่อยๆก่อนจะแอบปรายตาไปมองสสารที่ชื่อว่าคิมจงอินที่กำลังนั่งตัดโมเดลอยู่กลางห้อง พอเท้าแตะถึงห้องปุ๊ปหมอนั่นก็เริ่มทำงานต่อทันที นั่งอยู่ตรงนั้นท่านั้นมาร่วมสองชั่วโมงเห็นจะได้ พอได้เห็นภาพแบบนี้แล้วเด็กนิเทศก็ถึงกับย่นจมูกใส่ด้วยความหมั่นไส้ ไม่ต้องสงสัยหรอกว่าทำไมโอเซฮุนไม่เสนอตัวเข้าไปช่วยเด็กสถาปัตย์อีก เพราะว่า....
หนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้
“ทำไมฉันติดกาวไม่ได้”
“นายต้องรอให้มันแห้งก่อนนะ”
“อีกนานป้ะ?”
“ใจเย็นสิ นายเพิ่งติดมันไปเองนะ”
“ทำไมไม่ใช้กาวตราช้างจะได้ติดๆให้มันแน่นไปเลย”
“มันทำแบบนั้นไม่ได้น่ะสิ...เฮ้ย!”
“ชิบ! ทำไมหลุดง่ายงี้อ่ะ...”
“เดี๋ยวฉันจัดการเองดีกว่า เซฮุนไปทำอะไรอย่างอื่นก่อนเถอะ ไว้เดี๋ยวรอเก็บขยะแล้วกันนะ”
พูดง่ายๆก็คือถูกไล่แบบสุภาพนั่นเอง
เมื่อได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่กิตติมศักดิ์อย่างเก็บเศษกระดาษเซฮุนก็เกิดอาการเซ็งเป็ดขึ้นมา สองขาแอบย่องไปดูอีกฝ่ายทำงานใกล้ๆก็พบว่างานเริ่มเป็นเค้าเป็นโครงแล้ว แต่ตอนนี้ขอช่างหัวงานชาวบ้านก่อนแล้วกันในเมื่ออีกฝ่ายก็ดูไม่ได้ติดใจจะให้รับผิดชอบอะไร ขอไปหาอะไรถมใส่กระเพาะสี่มิติของเขาก่อนล่ะ ร่างบางเดินย่องเนียนๆไปหาคนที่กำลังทำงานอยู่ เซฮุนลังเลซักพักก่อนที่จะสะกิดไหล่ของรูมเมทคนขยันเบาๆ
“นี่..”
“หืม?”
“นายมี...ขนมอะไรกินป้ะ” ถึงแม้จะมีรถแต่เจ้าตัวก็ขี้เกียจขับออกไปแล้ว ยิ่งเวลาแบบนี้ขืนขับออกไปกลับมาหาที่จอดไม่ได้แน่ๆ ระยะห่างจากหอไปเซเว่นอันที่จริงก็ไม่ได้ไกลซักเท่าไร มันเป็นระยะทางประมาณสองร้อยเมตรที่คนปกติสามารถเดินได้สบายๆ
แต่ก็นั่นแหละ โอเซฮุนไม่ใช่คนปกติไง
ให้เดินไปคนเดียวใครจะไปเดินวะ...
“ขนมเหรอ? ไม่่มีนะ...” จงอินกลอกตาไปมาเหมือนกำลังพยายามนึกอยู่ “แต่มีรามยอนนะ ต้มกินได้เลย”
“อ่า..ไม่ล่ะ” นึกถึงเส้นแป้งอืดๆกับน้ำซุปที่อุดมไปด้วยผงชูรสนั่นแล้วก็ถึงกับเบือนหน้าหนี เขาไม่ค่อยชอบทานรามยอนซักเท่าไรเพราะไม่เห็นว่าไอ้อาหารเมนูนี้มันจะมีประโยชน์อะไรกับร่างกาย ทั้งหมดทั้งมวลนี่ก็เป็นเพราะคุณนายโอนั่นแหละที่ไม่ยอมให้ลูกชายของเธอได้ทานอะไรเหมือนเด็กปกติๆบ้างลูกชายคนเล็กเลยเรื่องมากแบบนี้ไง
“หิวเหรอ?” จู่ๆจงอินก็ถามขึ้นมาทำเอาเซฮุนที่กำลังนั่งพิงโซฟาอย่างหมดอาลัยตายอยากรีบเด้งตัวขึ้นมาด้วยท่าทางกระตือรือร้น
“นิดหน่อย นาย...หิวเหมือนกันเหรอ?” ใจจริงเขาอยากจะพูดกับจงอินว่า ‘วางโมเดลนี่ซักสิบนาทีแล้วไปเซเว่นเป็นเพื่อนหน่อย’ แต่ว่าคดีเก่าที่ตัวเองเป็นคนพังไอ้โมเดลบ้าๆนี่มันก็ยังติดตัวอยู่ ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะออกคำสั่งบังคับอีกฝ่ายได้ดังนั้นเซฮุนจึงทำได้แต่หวังลมๆแล้งๆให้กระเพาะของรูมเมทร้องจ๊อกๆเหมือนกันกับเขา
“เมื่อกี้ฉันกินไปทั้งขนมปัง นม แล้วก็พิิิบิมบับเลยนะ ถ้าหิวอีกก็ไม่ใช่คนแล้วล่ะ” จงอินตอบแบบขำๆแต่อีกฝ่ายกลับไม่ขำด้วย เด็กนิเทศหน้าหงิกลงอย่างเห็นได้ชัดก่อนจะบ่นอุบอิบกับตัวเอง
“ก็นึกว่าหิว..”
“จะหิวก็ไม่แปลก เมื่อกี้ก็กินไปแค่นิดเดียวเอง”
“อืม เมื่อกี้แฮงค์อยู่ กินไม่ลง”
“กลัวแบคฮยอนรู้เหรอ” เด็กสถาปัตย์ถามพร้อมกับติดกระดาษเข้ากับโครงโมเดล “เรื่องท่ีนายเมาแล้วอ้วก...”
“ถ้านายรู้จักกับมันตั้งแต่มัธยมก็คงรู้ว่าปากมันเป็นยังไง” แบคฮยอนรู้โลกรู้ ปากสว่างยิ่งกว่าสปอร์ตไลท์บวกไฟสูงหน้ารถ...นี่แหละนิยามของคุณพยอน
“ก็จริง” จงอินแค่นหัวเราะออกมาเบาๆ
“นี่นายกะจะทำแบบไม่หยุดพักเลยรึไง?”
“ปกติฉันก็นั่งทำไปเรื่อยๆนะ..” ลากเสียงยาวพลางตัดกระดาษไปด้วย “เมื่อยก็พักยืดเส้นหน่อยแล้วก็กลับมาทำต่อ”
“อ่อ...แล้วจะไม่หิวอีกเหรอ..”
“พักแค่ยี่สิบนาทีนะ”
“ห๊ะ?” เด็กตัวขาวงงกับวลีที่ไม่มีที่มาที่ไปของอีกฝ่าย จงอินวางคัตเตอร์กับกระดาษในมือลงก่อนจะบิดตัวไปมาสองสามทีเพื่อคลายอาการเมื่อยล้า ร่างสูงลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วหายกลับเข้าไปในห้องนอน ไม่นานนักรูมเมทผิวแทนก็กลับออกมาพร้อมกับกระเป๋าสตางค์และกางเกงที่ดูโอเคกว่าบ๊อกเซอร์เมื่อกี้
“ไม่ไปเหรอ?” เสียงทุ้มถาม
“ไป...ไปไหน?”
“นายกำลังชวนฉันไปหาอะไรกินเป็นเพื่อนไม่ใช่เหรอ?” จงอินเลิกคิ้วถามพร้อมกับยิ้มอย่างกวนๆก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นพูดกับตัวเองแทน “ได้ออกไปก็ดีเหมือนกัน จะได้ซื้อกาแฟกระป๋องมากินคืนนี้ด้วยเลย..”
“รู้ได้ไงวะ...” เป็นอีกครั้งที่เด็กหนุ่มขมุบขมิบปากบ่นงึมงำกับตัวเอง “อืม...ไปเซเว่นกัน”
“เดินนะ”
“ไม่บอกก็เดินอยู่แล้ว รถยั้วเยี้ยแบบนี้ฉันไม่ขับออกไปหรอก” แอบลงท้ายประโยคเสียงเขียวเบาๆ เด็กนิเทศรีบวิ่งไปหยิบกระเป๋าสตางค์กับมือถือมายัดใส่กระเป๋ากางเกงโดยเร็วก่อนจะเดินตามอีกฝ่ายออกจากห้องไป ตอนนี้เป็นเวลาเกือบสองทุ่มแล้วแต่ก็ยังมีรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ประปรายอยู่ตามถนนบ้าง รูมเมทสองคนเดินลัดเลาะไปตามทางเท้าโดยมีความเงียบโรยตัวอยู่ตลอดการเดิน ไม่มีคำพูดใดๆออกจากปากของทั้งคู่
จงอินที่เป็นฝ่ายเดินนำก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาเดินไปเรื่อยๆให้ถึงจุดหมาย ส่วนเซฮุนนั้นเลือกที่จะเงียบไปเองเพราะไม่รู้ว่าจะชวนอีกฝ่ายคุยอะไร นี่เขาไปจุกจิกรุ่มร่ามใส่เด็กสถาปัตย์มากเกินไปจนหมอนั่นรำคาญเลยวางมือจากงานแล้วเดินออกมาเป็นเพื่อนเขาเลยเหรอ?
ไม่หรอกมั้ง...
“ทีหลังถ้าอยากออกมาก็ชวนกันตรงๆเลยก็ได้นะ” จู่เสียงทุ้มก็ดังขึ้นมาจากคนที่กำลังเดินนำหน้าอยู่จนเซฮุนต้องเงยหน้าขึ้นไปสนใจอีกฝ่าย จงอินชะลอฝีเท้าลงก่อนจะหันหน้ามาหาเด็กนิเทศแล้วพูดอย่างยิ้มๆ
“ฉันแค่จะบอกว่า นายชวนฉันได้ตลอดถ้าจะออกไปไหนแล้วอยากมีเพื่อนไปด้วย”
“อ่อ...”
“บอกมาตรงๆยังไงฉันก็ไปเป็นเพื่อนอยู่แล้ว ไม่ต้องพูดอ้อมโลกหรอกนะ”
“อืม...” ร่างบางก้มหน้าลงต่ำราวกับกำลังซ่อนความอายที่มันกำลังกัดกินเขาจนหน้าชา จะว่าหมอนี่อ่านใจคนได้ก็ไม่น่าจะใช่หน้าตาท่าทางก็ดูซื่อๆแบบนั้นไม่น่าจะรู้เท่าทันอะไรพวกนี้ เซฮุนได้แต่คิดในใจ เขาก้มหน้างุดเพื่อเก็บซ่อนความอายเอาไว้แล้วเดินตามรูมเมทที่กำลังฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีไปอย่างว่าง่าย
ในที่สุดเด็กนิเทศก็หาของกินมาเติมเต็มกระเพาะได้สำเร็จ ร่างบางจัดการข้าวปั้นแซลมอนย่างกับน้ำแอปเปิ้ลไปจนอิ่มหนำทำให้อารมณ์ขึ้นๆลงๆของเจ้าตัวกลับมาดีเหมือนปกติ ส่วนจงอินนั้นซื้อแค่กาแฟกระป๋องกับวิตามินแบบขวดมาเท่านั้น ตอนนี้เซฮุนกำลังนั่งพิมพ์งานอย่างอารมณ์ดี เมื่อท้องอิ่มแล้วเขาก็มีอารมณ์ที่จะจัดการกับการบ้านวิชาการตลาดที่ค้างคาอยู่ถึงแม้ว่างานชิ้นนี้จะเป็นงานคู่ที่เขาต้องทำกับแบคฮยอนก็เถอะ แต่ไม่เป็นไร เขาจะแกล้งลืมๆมันไปแล้วทำคนเดียวให้เสร็จเลยแล้วกัน
RRRRRRRR RRRRRR~
“ฮัลโหล” กรอกเสียงใส่ปลายสายอย่างเซ็งๆ อุตส่าห์ว่าจะไม่เอาความอะไรมันแล้วแต่ก็ดันโทรมาให้ด่าถึงที่เสียได้ ไม่ใช่ใครท่ีไหนหรอก พยอนแบคฮยอนคนเดิมนั่นแหละ
[มึง พรุ่งนี้เรามีส่งงานวิชามาเก็ทนะเว่ย]
“ถ้ารอให้มึงทำก็คงไม่ต้องส่งหรอก กูกำลังทำอยู่”
[โอ้โห น่ารักมากเลยครับไหนมาจุ๊บที]
“จุ๊บเมียมึงสิมายุ่งอะไรกับกู” เซฮุนเบ้ปากใส่ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะมองไม่เห็นก็เถอะ “แล้วไง ดีกันแล้วเหรอ?”
[เออดิ ง้อแทบตาย เหนื่อยโคตรรรรร] เดี๋ยวนะ...เหนื่อยง้อหรือว่าเหนื่อยอะไรวะ?
“ง้อเหนื่อย?”
[ปล้ำเหนื่อยสิไอ้เชี่ย จะคุยกันดีๆก็ไม่ยอมหันหน้ามาฟังหันหลังให้กูตลอดกูเลยเข้าหลังแม่ง เสียพลังงานไปเยอะเลย เฮ้อ...]
“จะโทรมาบ่นเรื่องบนเตียงล่ะก็วางไปเลยไป อุบาทว์”
[เดี๋ยวๆๆ] แบคฮยอนรีบพูดดักเอาไว้อย่างเร็ว [นี่ก็จริงจังตลอดเลยวุ้ย]
“เผื่อยังไม่ทราบ ตอนนี้กูกำลังสละเวลานอนกดมือถือเล่นของกูมาพิมพ์งานให้มึงอยู่”
[เออน่าา คือจะโทรมาย้ำว่าพรุ่งนี้เก้าโมงนะครับคุณโอ]
“สามรอบแล้ว พูดทำไมซ้ำๆซากๆ เมื่อกี้ก็ไลน์มาบอกแล้วไม่ใช่รึไง”
[กูกลัวมึงไม่ตื่นไงครับเพื่อนโอ ยังไงเดี๋ยวพรุ่งนี้จะเข้าไปปลุกแล้วกัน เดี๋ยวให้แฟนกูแวะมาส่งหามึงแล้วเราเข้ามอพร้อมกัน]
“ตามใจ
[ตื่นนะครับกูขอร้อง พรุ่งนี้ถ่ายฉากสำคัญด้วย กูไม่อยากได้พระเอกหน้าตีนไปเข้าซีนหวาน]
“เออ ไม่มีอะไรแล้วใช่มั้ย?”
[ครับเพื่อน เชิญเพื่อนทำงานให้ผมต่อด้วยนะครับ ขอตัวไปนอนกอดแฟนต่อล่ะ สวัสดี]
เอาหนึ่งนาทีของโอเซฮุนคืนมา...
มือเรียวโยนมือถือทิ้งไปบนเตียงอย่างไม่ใส่ใจ เซฮุนกำลังคิดว่าเขาไม่น่าไปเสียเวลารับสายเพื่อนสนิทเลย นอกจากจะเปลืองเวลาแล้วยังสร้างมลพิษทางหูได้ดีนักเชียว นิ้วมือเคาะแป้นพิมพ์รัวๆต่ออีกสักพักเขาก็รู้สึกปวดตากับการจ้องมองตัวหนังสือยั้วเยี้ยบนหน้าจอแลปทอป ตาเรียวเหลือบมองเวลาบนหน้าจอมือถือจึงพบว่าเป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว บางทีการพักดื่มน้ำน่าจะเป็นไอเดียที่ดี
ก้าวเท้าออกจากห้องก็ต้องพบกับสภาพห้องนั่งเล่นที่รกขึ้นเป็นสองเท่าตัวจากล่าสุดที่ทำความสะอาดไป เศษกระดาษกระจายไปทั่วทิศทางจนเซฮุนถึงกับอ้าปากค้างออกมาโดยอัตโนมัติ มันรกจนแบบ...ไม่สามารถบรรยาออกมาเป็นคำพูดได้เลยในความรู้สึกของคนรักสะอาดที่มีแม่บ้านคอยเก็บกวาดให้
กำลังจะอ้าปากด่าแล้วแต่ก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าหน้าที่เก็บกวาดนั่นมันเป็นของเขานี่หว่า ใช่...เซฮุนเกือบจะลืมความอัปยศที่ตัวเองได้สร้างเอาไว้แล้ว เขามีหน้าที่ต้องรับผิดชอบไอ้โมเดลอ้วกนั่นโดยการทำความสะอาดให้รูมเมทผิวสีน้ำผึ้ง เพราะฉะนั้นเขาควรจะเริ่มเก็บกวาดทีละนิดตั้งแต่ตอนนี้เลยดีกว่า คิดได้ดังนั้นเด็กนิเทศจึงเดินไปลากถุงดำที่มุมห้องมาแล้วเดินไปตรงจุดที่รูมเมทคนขยันกำลังทำงาน
“จริงๆค่อยเก็บทีเดียวก็ได้นะ นายไปทำงานก่อนก็ได้” จงอินพูดขึ้นมาเมื่อเห็นมือขาวๆกำลังหยิบเซษกระดาษยัดใส่ถุง เขาวางมือลงจากโมเดลก่อนจะบิดขี้เกียจไปมาจนกระดูกลั่นบ่งบอกถึงอาการเมื่อยล้าที่สะสมมานาน
“ขืนรอเก็บทีเดียวฉันเกรงว่านายจะจมกองกระดาษพวกนี้ซะก่อนน่ะสิ” เซฮุนพูด “แล้วนี่...ทำไปถึงไหนแล้ว?”
“ก็...ห้าสิบเปอร์เซ็นแล้วมั้ง? ขอพักก่อนแล้วกัน”
“นายนั่งจมกองพวกนี้ไปได้ยังไงกัน..” วิญญาณคุณหนูรักสะอาดเข้าสิงโอเซฮุนอีกครั้ง เจ้าตัวบ่นไปพลางปรายตามองเศษซากที่กระจัดกระจายเต็มพื้น
“ฮ่ะๆ มันรกสินะ”
“มาก” เซฮุนตอบกลับทันที เท้ากวาดเอาเศษกระดาษที่อยู่รอบๆออกไปก่อนจะนั่งยองๆลงข้างๆเด็กสถาปัตย์แล้วลงมือเก็บเศษกระดาษต่อ
“ก็พูดตรงดี ไม่เห็นอ้อมโลกเหมือนเมื่อกี้ที่จะชวนฉันออกไปซื้อของเลยนะ”
“……”
ขอถอนคำพูดที่บอกว่าหน้าตาท่าทางซื่อๆไปได้มั้ย
มีแอบแซะกันแบบนี้ไม่ใช่เล่นๆแล้วล่ะ
“ฮ่าๆ โอเคๆ...ฉันไม่แซวแล้ว เลิกทำหน้าหงิกได้แล้วน่า”
“ไม่นึกว่าคนเงียบๆอย่างนายจะกระแนะกระแหนชาวบ้านก็เป็น” เซฮุนมองหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่เชื่อสายตา
“รู้จักฉันดีแล้วงั้นเหรอ? หืม?” จู่ๆจงอินก็หันหน้ามาจ้องเดือนนิเทศกลับจนเซฮุนแอบสะดุ้งไปเล็กน้อย นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มจ้องมาที่ตาสวยของเด็กนิเทศก่อนที่เจ้าตัวจะคลี่ยิ้มออกมา “ฉันอาจจะไม่ใช่คนแบบที่นายคิดก็ได้”
“เหรอ? แล้วเป็นคนแบบไหนล่ะ?” เด็กนิเทศถามพร้อมกับจ้องตากลับอย่างไม่ยอมแพ้
“เดี๋ยวนายก็รู้” นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มเปล่งประกายความทะเล้นออกมาจากแววตาคู่นั้น ทั้งสองคนนั่งจ้องตากันอยู่อย่างนั้นจนเป็นฝ่ายเซฮุนเองที่เป็นคนหลบสายตาไปก่อน
“อะ..อะไรของนายกัน” เขาผุดลุกขึ้นยืนพร้อมกับโยนถุงดำให้กับจงอินแล้วตั้งท่าจะเดินเข้าห้องนอน “เก็บเองเเล้วกัน เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าฉันค่อยมาเก็บให้อีกที”
“อ่าฮะ” จงอินขานรับทั้งๆที่ยังจ้องใบหน้าขาวขึ้นสีของอีกฝ่ายอยู่
“อย่าทำรกมากล่ะ ขี้เกียจเก็บเยอะ” ทิ้งท้ายไว้ก่อนปิดประตูห้องใส่อีกฝ่าย เด็กนิเทศขยี้ผมตัวเองไปมาเบาๆ แว่บนึงเมื่อครู่เขารู้สึกแปลกๆกับสายตานั่นและก็เป็นอีกครั้งที่เขาเผลอคิดว่าเหมือนมีแรงดึงดูดอะไรบางอย่างแผ่ออกมาจากตัวของคิมจงอิน เขารู้สึกว่านัยน์ตาคู่นั้นมันมีผลกระทบต่ออัตราการเต้นของหัวใจ เซฮุนสะบัดหน้าไปมาไล่ความคิดี่กำลังฟุ้งซ๋านอยู่ในหัวออกไป ก่อนจะเดินกลับไปหน้าแลปทอปเพื่อทำงานที่ค้างคาต่อ
เมื่อคืนนี้เซฮุนนอนไม่หลับเลยเนื่องจากแปลกที่ มันเป็นคืนแรกที่เขาได้นอนหอแบบจริงๆจังๆไม่นับคืนที่หลับพับเพราะเมา ไม่ใช่เรื่องแปลสำหรับคนที่นอนแต่บ้านมาตลอดยี่สิบกว่าปีที่จะเป็นแบบนี้ เซฮุนพลิกตัวไปมาตลอดทั้งคืน ทั้งนอนไถมือถือเล่นเกมแต่มันก็ไม่ได้ทำให้ง่วงเลยแม้แต่น้อย เขาลองแม้กระทั่งใช้วิธีเด็กๆอย่างนับแกะแล้วเขาก็พบว่าแกะสองร้อยยี่สิบห้าตัวนั่นมันไม่ได้ทำให้เขาง่วงเลยแม้แต่น้อย จนในที่สุดเจ้าตัวก็ผลอยหลับไปในตอนตีห้าครึ่ง
“…..”
“พระเอกเข้าฉาก...”
“…..”
“พระเอกโว้ยยย!! โอเซฮุน!!”
“!!”
เจ้าของชื่อสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงแหลมๆของเพื่อนสนิทดังขึ้นข้างหู พยอนแบคฮยอนกำลังใช้ม้วนกระดาษฟาดหัวเขาพร้อมกับส่งสายตาพิฆาตมาให้ มองไปรอบๆจึงพบกับสายตาของเพื่อนในกลุ่มที่มองมาทางเขาอย่างงงๆ เว้นแต่ไอ้หวงจื่อเทาที่ยังคงส่งสายตากวนส้นตีนมาให้เขาเหมือนทุกครั้งไป
“เหม่อเชี่ยอะไรเนี่ยกูเรียกจนปากจะฉีกแล้ว ถึงคิวมึงแล้ว”
“อ่อ..”
“ยังจะมาอ่ออีก มึงต้องเดินไปหาจินอาแล้วโอบไหล่เธอเดินมาทางนี้โว้ย”
“เออๆ” เหมือนสติจะเข้าร่างแล้ว เซฮุนรีบวิ่งไปหานางเอกของเรื่องก่อนจะเริ่มเล่นตามบทที่แบคฮยอนบอกทันที คุณพยอนถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยๆพร้อมกับบ่นอีกสองสามประโยคแล้วจึงเริ่มถ่ายทำหนังสั้นกันตามที่วางแผนเอาไว้
“เออ คัทท พอแค่นี้แหละวันนี้” ผู้กำกับพยอนสั่ง “เหลืออีกสี่ฉากใช่มั้ย เดี๋ยวพรุ่งนี้ถ่ายฉากรถชนแล้วกัน ตอนนี้ก็แยกย้ายได้”
“หวังว่าพระเอกคงไม่มีปัญหาอีกนะ”
“ทำหน้าที่ของตัวประกอบให้ดีเถอะ อย่างน้อยก็ช่วยพัฒนาสำเนียงภาษาเกาหลีของนายก่อนเถอะนะ หวงจื่อเทา”
“พอๆๆๆ กูบอกว่าแยกย้ายครับเพื่อน แยกโว้ยแยกก” เพื่อนเตี้ยรีบฝ่าวงเข้ามาห้ามทัพก่อนจะลากตัวเซฮุนให้เดินไปด้วยกันกับตน
“นี่ก็กัดกันได้ตลอดเลยนะมึงกับมันเนี่ย”
“ช่วยดูด้วยว่าใครหาเรื่องใครก่อน มึงก็เห็นว่าไอ้เทาหน้าเขียวนั่นมันหาเรื่องกูก่อนทุกครั้ง” เดือนนิเทศพูดอย่างเซ็งๆ
“กูว่ามันต้องชอบมึงแน่ๆ” แบคฮยอนเริ่มวิเคราะห์
“ตลก”
“เอ้า ไม่เคยได้ยินรึไง พวกชอบใครแล้วแสดงออกไม่เป็นมันจะชอบเข้าไปแกล้งอีกฝ่ายเว้ย”
“ไร้สาระ” เซฮุนส่ายหน้า “เออ แล้วจงอินนี่นิสัยเป็นยังไงกันแน่?”
“แหนะ!! ถามถึงเพื่อนกูแบบนี้ชอบหรอ?” คุณพยอนแซวเสียงเล็กเสียงน้อยแต่ก็ต้องทำหน้าเจื่อนลงเมื่อเห็นสีหน้าไม่เล่นด้วยของเพื่อนสนิท “เออๆ มันก็เป็นคนเงียบๆง่วงๆมึนๆแบบที่มึงเห็นนั่นแหละ ถามทำไมวะ”
“ก็แค่อยากรู้”
“มึงอยู่กับไอ้จงอินไม่ได้มีปัญหาอะไรใช่มั้ย?”
“ก็....ไม่มีมั้ง” ถ้าไม่รวมเรื่องที่หมอนั่นทำให้ห้องมีแต่เศษกระดาษล่ะนะ
“แน่ใจ?”
“ก็บอกว่าไม่มีจะมาย้ำทำไมอีก?”
“อ่ะๆ ไม่มีก็ไม่มีไม่เห็นต้องเสียงเขียวใส่เลยนี่คุณหนูโอ”
“แล้วถามทำไมซ้ำๆซากๆ?”
“เออๆ กูไม่ยุ่งแล้ว จะบ่นอะไรไปบ่นกันเองนะ อุตส่าห์เป็นห่วง” แบคฮยอนพึมพำอะไรต่อซักอย่างที่เซฮุนคิดว่ามันไร้สาระ เพื่อนตัวเตี้ยนี่เพี้ยนตั้งแต่ตอนเช้าที่เข้าไปรับเขาที่ห้องแล้ว คุณพยอนเอาแต่ก้มๆเงยๆตามตู้โต๊ะทั่วห้องจนจงอินเดินมาพูดอะไรบางอย่างด้วยเจ้าตัวถึงได้เลิกทำท่าทางพิลึกๆนั่น
พูดถึงคิมจงอินแล้วก็ต้องพูดถึงโมเดลบ้านนั่น เด็กนิเทศทึ่งไม่ใช่น้อยเลยที่ตื่นมาตอนเจ็ดโมงแล้วเห็นอีกฝ่ายกำลังยกโมเดลบ้านที่เสร็จสมบูรณ์ขึ้นไปวางบนโต๊ะ จงอินเพิ่งจะทำงานเสร็จตอนหกโมงเช้านั่นหมายความว่าเขาจะมีเวลานอนประมาณสามชั่วโมงก่อนไปส่งงาน ไม่แปลกใจที่ทำไมหมอนี่ถึงมีลักษณะดูง่วงตลอดเวลาเหมือนถามหาหมอนมาทั้งชีวิต
“รุ่นพี่เซฮุนครับ...” เสียงใสของเด็กหนุ่มดังขึ้นมาจากด้านหลังทำให้เจ้าของชื่อและเพื่อนสนิทหยุดเดินแล้วหันกลับไปดูผู้ที่มาใหม่
“แทยง?” เป็นรุ่นน้องร่วมคณะนั่นเอง เด็กหนุ่มเจ้าของใบหน้าคมได้รูปส่งยิ้มมาให้รุ่นพี่ตัวบางพร้อมกับยื่นถุงกระดาษแบรนด์ขนมหวานยี่ห้อดังมาให้
“ได้ยินมาว่ารุ่นพี่ชอบทานขนมหวานๆ ผมเลยซื้อมาฝากครับ”
“อ้อ...ขอบใจนะ”
“ยังไงถ้าชอบทานผมจะซื้อมาฝากอีกนะครับ”
“ไม่ต้องลำบากก็ได้”
“แค่นี้ไม่ถือว่าลำบากหรอกครับ ผมเต็มใจ” เด็กรุ่นน้องพูดพร้อมกับส่งยิ้มหวาน
“อะแฮ่ม...” เป็นแบคฮยอนที่แกล้งกระแอ่มไอขึ้นมาขัดจังหวะบาเรียสีชมพูของเด็กปีสอง
“สวัสดีครับพี่แบคฮยอน”
“ดีครับน้องแทยง นึกว่าจะมองไม่เห็นพี่ซะแล้วนะครับ”
“ฮ่ะๆ งั้น..ผมขอตัวก่อนนะครับ ...ตอบไลน์ผมบ้างนะครับพี่เซฮุน” แทยงทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจะวิ่งกลับไปหากลุ่มเพื่อนที่กำลังยืนผิวปากแซวอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
“เหยดดดด ฮอตไม่เปลี่ยนเลยนะครับรุ่นพี่เซฮุน~”
“หุบปากมั้ย?” ดวงหน้าขาวมุ่ยลงอย่างเห็นได้ชัด
“แทยงก็น่ารักดีนะเว้ย ไม่ลองกินเด็กซักหน่อยล่ะจะได้เป็นอมตะ”
“กูไม่ใช่มึงนะ”
“เล่นตัวแบบนี้ระวังเหอะจะขึ้นคาน”
“แล้วไง?” เซฮุนไหวไหล่อย่างไม่แคร์ เขาไม่ได้ต้องการความรักอะไรนั่นเลยซักหน่อย
“กูล่ะอยากจะเห็นหน้าแฟนมึงในอนาคตจริงๆเลย”
“ป่านนั้นมึงคงมีเมียไปเป็นร้อยแล้วมั้ง” ร่างบางพูดค่อนแคะอีกฝ่ายพร้อมกับรอยยิ้มเย้ยหยันทำเอาแบคฮยอนถึงกับหันมาชี้หน้าคาดโทษ แต่ก็นั่นแหละ ตั้งแต่รู้จักกันมาแบคฮยอนยังไม่เคยเห็นเซฮุนจะชายตามองใครเลยซักคน ลืมเรื่องแฟนอะไรนั่นไปเลยไม่มีทางมีอยู่แล้ว แต่เดือนนิเทศก็ไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดไม่รู้ทันคนอะไรเรื่องพวกนี้หรอกนะ ประสบการณ์มันก็พอมีมาบ้างหากแต่มันก็นานมาแล้วตั้งแต่สมัยอยู่ไฮสคูลที่อเมริกา แบคฮยอนเคยถามเซฮุนหลายครั้งหลายหนแล้วว่าทำไมไม่คิดจะมีแฟนซักคนไว้เป็นทาสรองรับอารมณ์ขึ้นลงของคุณหนูซักทีแต่เจ้าตัวก็ตอบกลับมาสั้นๆแค่ว่ายังไม่เจอคนที่ถูกใจ
เพื่อนตัวเตี้ยยืนมองแผ่นหลังของเพื่อนสนิทที่เดินนำลิ่วออกไปด้วยความหมั่นไส้ อยากจะรู้จริงๆว่าสเปคของไอ้ลูกเจี๊ยบนี่มันเป็นยังไง เคยถามไปหลายครั้งหลายหนแล้วแต่เซฮุนก็ไม่เคยบอก แบคฮยอนล่ะอยากจะรู้จริงๆว่าไอ้พวกเรื่องมากช่างเลือกแบบนี้จะได้แฟนแบบไหนกัน ที่สำคัญคือไอ้หน้าไหนมันจะทนความจู้จี้จุกจิกของคุณหนูโอได้?
ถ้ายังมีบุญอยู่บ้างคุณพยอนก็ขอเห็นหน้าผู้โชคร้ายคนนั้นเป็นบุญตาซักครั้งเถอะนะ
การเล่าเรียนเป็นไปอย่างน่าเบื่อเหมือนเช่นทุกวัน เซฮุนนั่งเล่นเกมในมือถือไปจนหมดคาบ เขาแวะทานข้าวกับเพื่อนตัวเตี้ยก่อนกลับเข้าหอโดยที่พอทานเสร็จแบคฮยอนก็ขอตัวไปรับแฟนต่อทันที ร่างบางเบ้ปากใส่อย่างอดไม่ได้แต่ก็นั่นแหละนะ คนมีแฟนจะไปว่าอะไรได้ ตอนแรกแบคฮยอนก็มีน้ำใจจะชวนเขาไปเดินห้างฯเล่นกับแฟนด้วยแต่ความง่วงนอนและเหนื่อยล้ามันดันมีมากกว่าความอยากจะชอปโอเซฮุนเลยขอบายไปก่อน
เขาพาตัวเองกลับมาถึงหน้าห้อง 1412 ด้วยความอ่อนแรง ขอนอนพักผ่อนให้เต็มอิ่มก่อนแล้วกันค่อยว่ากันทีหลัง มือขาวแตะคีย์การ์ดที่เพิ่งได้มากับที่แสกนก่อนจะบิดลูกบิดประตูเข้าไป สี่โมงเย็นแล้วจงอินน่าจะกลับห้องมาแล้ว...หมอนั่นอาจจะกำลังนอนอยู่
“บ๊อก!”
“เฮ้ย!!” เด็กนิเทศตกใจจนเผลอปล่อยแฟ้มในมือร่วงลงพื้นเมื่อเห็นพุดเดิ้ลสีน้ำตาลเข้มไม่ทราบเพศพุ่งใส่ตัวเค้า เจ้าหมาใช้จมูกมุดๆดมๆตามกางเกงนักศึกษาพร้อมกับเลียเท้าอีกฝ่ายอย่างนึกประจบ ส่วนเจ้าตัวน่ะเหรอสติหลุดแบบกู่ไม่กลับไปแล้วล่ะ
หมา = สัตว์สี่ขาที่น่ารำคาญ
ใช่ โอเซฮุนเกลียดหมา ไม่ชอบหมา ไม่ชอบสัตว์สี่ขาขนปุยนี่เลย
“งิ๊งๆ” พุดเดิ้ลสีน้ำตาลเข้มยังคงไม่รู้เรื่องอะไร เอาแต่แข้งมุดขาพยายามจะอ้อนให้คนแปลกหน้าที่มาใหม่อุ้ม เด็กนิเทศยกขาหนีก่อนจะตะโกนเรียกรูมเมทที่น่าจะทราบที่มาที่ไปของเจ้าสี่ขานี่ได้ “จงอิน! อยู่ห้องรึเปล่า!? ”
“อ้าว กลับมาแล้วเหรอ?”
“นี่มัน..อะไร?”
“อ้อ เจ้านั่นชื่อมงกูน่ะ...มานี่เร็วมงกู” เด็กสถาปัตย์ที่โผล่มาในสภาพเสื้อยืดกางเกงบ๊อกเซอร์กำลังดีดนิ้วเรียกสัตว์เลี้ยงสี่ขาให้ไปหาโดยมีไส้กรอกที่อยู่ในมือเป็นตัวล่อ
“ฉันหมายถึงทำไมในห้องมีหมา?” น้ำเสียงขึ้นจมูกถามอย่างไม่พอใจ
“หมาของฉันเองแหละ พอดีพี่สาวไม่อยู่บ้านเลยเอามาฝากไว้น่ะ” จงอินตอบพร้อมกับคว้าตัวเจ้าตูบขึ้นมาอุ้มโอเซฮุนถึงกล้าเดินเข้ามาในห้อง “นายกลัวหมาเหรอ?”
“เรียกว่าไม่ชอบดีกว่า ฉันไม่ชอบอะไรที่มาวอแวใส่”
“นายจะฆ่าหมาฉันมั้ยเนี่ย? ฮ่ะๆ” ร่างสูงผิวแทนแซวขำๆ ก็ดูแววตาของเด็กนิเทศตอนนี้สิ สาบานได้เลยว่าถ้าตอนนี้จงอินไม่ได้อยู่ด้วยล่ะก็เขาว่าเซฮุนต้องเตะเจ้ามงกูจนชิดติดกำแพงแน่
“พี่นายจะกลับมาเมื่อไร” ร่างบางถามพร้อมกับย่องเข้าห้องมาอย่างระมัดระวัง
“อีกสองอาทิตย์”
“พระเจ้า...” แจ๊คพอตแตกเข้าใจแล้วไง
“แต่วางใจเถอะ มงกูเป็นเด็กดี มันไม่ทำอะไรนายแน่นอน”
“ฉันกลัวว่าฉันจะไปทำอะไรหมานายมากกว่า” ด้วยความสัจจริงเลยล่ะ ถ้าเจ้านี่ยังเอาแต่มาคลอเคลียเขาอยู่แบบนี้ล่ะก็ได้มีการประทุษร้ายหมาแน่ๆ
“ฮ่าๆ ยังไงฉันจะเลี้ยงมันดีๆแล้วกันนะ”
“มันจะไม่ทำห้องเละใช่มั้ย?” ตาเรียวหรี่มองอย่างจับผิด
“สาบานเลยว่ามงกูอยู่ห้องสะอาดกว่าตอนที่ฉันทำงานอีก เด็กนี่ทำธุระเป็นที่เป็นทางนะ”
“ขอให้จริง” อย่างน้อยร่างบางก็ไม่ใช่คนที่ไม่รู้จักกาละเทศะ ในเมื่อมันเป็นความจำเป็นของอีกฝ่ายเขาจะไปงี่เง่าใส่ก็ใช่ที “แต่อย่าให้เข้ามาในห้องฉันนะ”
“รับทราบครับ..เข้าใจมั้ยมงกู?” ประโยคแรกคือรับคำกับเซฮุนส่วนประโยคท้ายจงอินหันไปพูดกับเจ้าสี่ขาขนฟูที่กำลังมองมาทางเซฮุนอย่างสนอกสนใจราวกับว่าเขาเป็นของเล่นใหม่ เด็กนิเทศย่นจมูกใส่เจ้าตูบด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะเดินหายเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องเป็นชุดลำลองแล้วจึงเดินออกมาหาน้ำดื่ม
“งื๊ด..งื๊ด~”
“มันต้องการอะไร?” เสียงเขียวถามเจ้าของหมาอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อเจ้าสัตว์สี่ขาเดินมาส่งเสียงร้องข้างๆตัวเขา
“มันอยากให้นายอุ้มน่ะ”
“ฝันไปเถอะ” นอกจากจะไม่อุ้มแล้วเจ้าตัวยังแอบมอบมะเหงกเบาๆบนหัวมงกูอีกต่างหาก เต่กระนั้นเจ้าตูบก็ยังคงกระดิกหางไปมาแล้ววิ่งพันแข้งพันขาเขาอยู่อย่างนั้น
“ท่าทางมันจะตกหลุมรักนายเข้าให้แล้วนะเนี่ย ฮ่าๆ”
“ใจง่ายชะมัด แกเพิ่งเจอฉันวันนี้วันแรกเองนะ” ว่าแล้วก็สั่งสอนหมาเสียหน่อย
“ถึงจะตกหลุมรักง่ายๆแต่เวลารักใครแล้วมันก็รักจริงนะ สัตว์มันไม่เคยโกหกเราอยู่แล้ว”
“ว้าว คณะสถาปัตย์เค้ามีสอนจิตวิทยาสัตว์ด้วยเหรอ?” แสร้งตบมือให้เบาๆเหมือนกับจะชมเชยหากแต่ตาที่กลอกไปมานั่นทำให้จงอินรู้ว่าเซฮุนกำลังจิกกัดเขาอยู่ตามประสาคนขี้ประชด เด็กสถาปัตย์หัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะพูดต่อ “มงกูนิสัยเหมือนเจ้าของน่ะ”
“ฉันว่านายเริ่มเหมือนแบคฮยอนเข้าไปทุกทีเเล้วนะ...ขนลุกชะมัด” ดูคำพูดคำจาสิ ท่าทางจะไม่ได้ซื่อๆซะแล้วล่ะ
“ฉันถึงได้บอกไงว่านายยังไม่รู้จักฉันดีพอ” จงอินพูดอย่างยิ้มๆพลางอุ้มเจ้ามงกูขึ้นมาแล้วเดินนั่งลงบนโซฟา “มาเล่นบนโซฟากับอัปป้าดีกว่านะ”
“บ๊อก! บ๊อก!”
“เมื่อก่อนนายก็เอามาเลี้ยงที่หองั้นเหรอ?”
“อื้ม แต่พอแบคฮยอนบอกว่านายไม่ชอบหมาแล้วจะย้ายเข้ามาอยู่ด้วยฉันก็เลยเอาไปฝากพี่สาวเอาไว้”
“นายทำถูกแล้วล่ะ”
“เมื่อเช้าแบคมันวิ่งหามงกูทั่วห้องเลย มันนึกว่านายหักคอหมาฉันทิ้งไปแล้วซะอีก”
“อ่อ...มิน่าล่ะ” ถึงได้เดินก้มๆเงยๆทั่วห้องแบบนั้น “นี่แบคมันคงขายข้อมูลฉันให้นายฟังหมดแล้วสินะ”
“ก็...เยอะอยู่” ร่างสูงพูดพร้อมผุดยิ้มมุมปาก
“เยี่ยม” แสร้งยกนิ้วโป้งให้แต่กลับทำสีหน้าเหม็นเบื่ออย่างสุดทนก่อนจะนั่งลงบนโซฟาบ้าง เจ้ามงกูเห็นดังนั้นเลยรีบเดินกระดิกหางไปนั่งบนตักของร่างบางอย่างว่องไว “เฮ้ย...ออกไปนะ”
“งิ๊ง~ งิ๊ง~”
“บอกแล้วว่ามงกูมันชอบนาย”
“นายช่วยหยิบมันออกไปทีเถอะ” มือเรียวพยายามดึงตัวหมาออกจากหน้าตักของตนแต่เหมือนว่าเจ้ามงกูจะไม่ให้ความร่วมมือ เด็กนี่เอาแต่ซุกตรงหน้าตักของเขาราวกับว่าเป็นที่นอนใหม่ของมันอย่างนั้นแหละ
“มงกู มาหาอัปป้าเร็ว เด็กดี~” จงอินดีดนิ้วเรียกลูกรักเบาๆและเด็กนั้นก็รีบวิ่งกลับไปหาพ่อของตัวเองอย่างว่าง่าย “เดี๋ยวอัปป้าจะออกไปซื้อขนมมาให้กินนะ”
“บ๊อก!”
“เฮ้...เดี๋ยวนะ นายบอกว่าจะออกไปข้างนอกงั้นเหรอ?” เด็กนิเทศพูดขัดขึ้นมาเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังเดินไปหยิบกระเป๋าสตางค์และมือถือ
“อื้ม” จงอินรับคำ “ว่าจะออกไปร้านขายของสัตว์เลี้ยงซักหน่อย อาหารของเด็กนี่หมดแล้วน่ะ”
“แล้ว...ฉันต้องอยู่กับ..”
“มงกูไง ฝากไว้แปปเดียวเดี๋ยวฉันกลับมา”
“นายกำลังฝากหมาไว้กับคนไม่ชอบหมา” เซฮุนลุกขึ้นยืนทันที ไม่...ไม่มีทางเด็ดขาด เขาจะไม่เป็นพี่เลี้ยงหมาเด็ดขาด
“มงกูขึ้นรถประจำทางไม่ได้นะ”
“….” จะบอกให้เอารถเขาไปก็คงจะไม่ดีแน่ๆ ถ้าเอาหมานั่นขึ้นรถมีหวังขนได้ปลิวไปทั่ว แล้วมันก็จะสกปรกแถมยังเหม็นด้วยอีกต่างหาก
ไม่มีทางเลือกจริงๆแล้วสินะ
“น่า...ฝากหน่อยนะ เดี๋ยวขากลับฉันซื้อของกินมาเผื่อนะ” รูมเมทผิวสีแทนขอร้องเสียงอ่อนจนร่างบางถอนหายใจออกมาดังพรืด
“ฉันให้เวลาแค่ชั่วโมงนึงเท่านั้น ถ้านายมาช้ากว่านั้นเจ้านี่ได้กลายเป็นพรมเช็ดเท้าแน่”
“ขอบใจนะเซฮุน” ร่างสูงยิ้มโชว์ฟันขาวออกมาอย่างร่าเริง
“เริ่มจับเวลา” ยกข้อมือขาวขึ้นมามองเข็มของปาเต็ก ฟิลิปป์เรือนงามที่กำลังเดินไปเรื่อยๆ จงอินเห็นดังนั้นจึงรีบเก็บข้าวของใส่กระเป๋ากางเกง ลูบหัวเจ้าตูบแสนรักไปหนึ่งทีก่อนจะรีบวิ่งออกจากห้องอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้เหลือแต่เด็กตัวขาวที่เกลียดหมากับเจ้าตูบขนฟูที่จ้องจะเล่นกับคนที่เกลียดมันอยู่ตลอดเวลา
________________________________________________________________
อ่านแล้วพอเดาได้มั้ยคะว่าใครจะเป็นฝ่ายชอบใครก่อน? 555555 ขอให้สวัสดิภาพจงอยู่กับน้องมงกูนะคะ 555555555555
ตอนหน้ามาดูกันว่าเด็กนิเทศจะทำยังไงกับเจ้าตูบกันนะ?
ขอบคุณทุกๆคอมเม้นท์เลยนะคะเราอ่านแล้วมีความสุขมากๆ
ปลื้มใจจริงๆที่มีคนชอบและติดตามฟิคของเราด้วย >< เราจะพยายามปรับปรุงและเขียนมันออกมาให้ดีที่สุดนะคะ ^^
ถ้าชอบก็สกรีม+ติดแท็ก #วอวดคฮ ในทวิตเตอร์ได้เลยนะคะ
เจอกันตอนหน้าค่ะ :)
@bubblemilktea92
ความคิดเห็น