ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    warm and windy | ❥kaihun

    ลำดับตอนที่ #1 : Prologue

    • อัปเดตล่าสุด 20 ก.ย. 58



     





     

     

    Prologue






     

              บรรยากาศของใต้ตึกคณะนิเทศยังคงคึกคักเหมือนเช่นทุกวัน นักศึกษาต่างพากันจับกลุ่มนั่งเม้าท์มอยเรื่องต่างๆตั้งแต่งานยันเรื่องชาวบ้าน ใบหน้าขาวจัดกำลังขมวดคิ้วแน่นระหว่างฟังเพื่อนๆในกลุ่มตกลงงานกัน เจ้าตัวนั่งสั่นขาพลางกัดริมฝีปากล่างไปด้วยอย่างที่ชอบทำเวลาหงุดหงิดใจ

     

              โอเซฮุนถอนหายใจออกมาอีกรอบอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนจะเบือนหน้าหนีไปอีกทาง การทำงานกลุ่มร่วมกับเพื่อนที่ไม่สนิทมันเป็นอะไรที่โคตรจะน่าเบื่อเพราะนั่นหมายถึงว่า ‘มึงจะต้องร่วมหัวจมท้ายไปกับมันทั้งหลายไปตลอดทั้งเทอมเลย’ น่ะสิ  เขาเกลียดการสื่อสารซ้ำๆซากๆกับไอ้แว่นคิมที่ยังไม่รู้แม้กระทั่งหัวข้องาน รำคาญเสียงง้องแง้งของสาวๆในกลุ่มที่เอาแต่พูดถึงเรื่องชาแนลใบใหม่และโบท็อกซ์ห้าสิบยูฯจากอเมริกาที่พวกเธอเพิ่งไปจิ้มหน้ากันมาเมื่อวาน แล้วไหนจะยังมีไอ้บ้าวัลลาบีในกลุ่มที่คอยเอาแต่แซะเขาเรื่องไม่ยอมทำงานอีกล่ะ สาบานเลยว่าถ้าพยอนแบคฮยอนยังไม่โผล่หน้ามาภายในห้านาทีนี้ล่ะก็คงได้มีการล้มโต๊ะกันแน่ๆ

     

              เซ็ง....


     

              “แล้วสรุปเราจะเริ่มถ่ายงานกันวันไหน?” เป็นฝ่ายเซฮุนเองที่โพล่งถามขึ้นมาเพื่อให้ทุกคนกลับเข้าพ้อยท์หลักของการพูดคุย

     

              “แล้วนายจะมาอยู่หอวันไหนล่ะ? อยู่วันไหนก็ถ่ายวันนั้นแหละ” เสียงกวนส้นตีนของหวงจื่อเทา ไอ้ไฮโซวัลลาบีที่อ้างอิงไปเมื่อครู่ดังขึ้นพร้อมกับท่าทางกวนประสาทของมัน

     

              “ฉันว่าเราถ่ายฉากตอนกลางวันกันก่อนก็ได้ ฉากร้านเหล้าไว้ถ่ายตอนหลังก็ยังได้” สูดลมหายใจลึกๆก่อนจะพูดออกมาอย่างใจเย็น “อย่างฉากนางเอกโดนรถชนก็ถ่ายตอนบ่ายได้”
     

              “แต่ตอนบ่ายจินอาติดธุระ”
     

              “ฉันไม่ได้หมายถึงวันนี้”
     

              “ช่วงนี้พวกเราเลิกเรียนสี่โมงเย็นกันหมดเลย กว่าจะได้ถ่ายแสงก็ดรอปหมดเเล้ว”
     

              “วันศุกร์ฉันมั่นใจว่าทุกคนไม่มีเรียนเพราะเราไม่มีคลาส”
     

              “เอาแต่ใจสมชื่อลูกคุณหนูเลยนะ”
     

              “ว่าไงนะ?!” ร่างบางเริ่มมีน้ำโหหลังจากได้ยินคำพูดปั่นประสาทของเพื่อนร่วมกลุ่ม โอเซฮุนลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง
     

              “ฉันบอกว่า...”
     

              “เอ้ยยย มาแล้วครับๆๆ” เสียงใสของสมาชิกในกลุ่มอีกคนรีบขัดขึ้นมาช่วยกู้สถานการณ์ตรงหน้า พยอนแบคฮยอนที่มีตำแหน่งเป็นทั้งหัวหน้ากลุ่มและเพื่อนสนิทของโอเซฮุนโผล่กลับมาได้จังหวะพอดิบพอดี คนตัวเล็กรีบแจกกระดาษให้กับสมาชิกซึ่งเป็นแพลนที่เจ้าตัวได้ทำขึ้นมาพร้อมกับไดอะลอกและพลอตโดยสังเขปก่อนจะดันไหล่ให้เพื่อนตัวขาวนั่งลงไปตามเดิม
     

              “เมื่อกี้ฉันไปคุยกับอาจารย์มา อาจารย์ควอนบอกว่าเราต้องทำโปรเจคนี้ให้เสร็จสองอาทิตย์ก่อนไฟนอล ถ่ายเสร็จต้องรีบอัพลงยูทูปเพื่อให้คนมากดไลค์ กลุ่มไหนไลค์เยอะสุดจะได้เอ็กซตร้ามาร์คประมาณยี่สิบคะแนน”
     

              “กว่าจะมา..” โอเซฮุนบ่นหงุงหงิงอยู่ในลำคออย่างไม่พอใจ
     

              “อืม มีแพลนมาแบบนี้จะได้เข้าใจกันง่ายหน่อย” หวงจื่อเทาพยักหน้าเบาๆพลางดูแพลนที่แบคฮยอนแจกให้ “คนแถวนี้จะได้ไม่ต้องมีปัญหาเรื่องการกลับบ้านอีก”

     

              “หุบปากมั้ย?”

     

              “อ่ะๆๆๆๆ สรุปเป็นอันเข้าใจกันแล้วนะ เริ่มถ่ายงานวันพรุ่งนี้ เอาฉากลานจอดรถก่อนก็ได้ง่ายดี แล้วค่อยไล่ไปเป็น ฉากรถชน ฉากตามหอแล้วก็ร้านเหล้านะ โอเคมั้ย?”
     

              “ทำไมถึงถ่ายฉากร้านเหล้าเป็นฉากสุดท้ายล่ะแบคฮยอน? หวังว่านายคงไม่ได้จัดตารางทั้งหมดเพื่อเอื้อผลประโยชน์ให้กับเพื่อนของนายหรอกนะ?” เสียงหาเรื่องยังคงราวีไม่เลิกจนแบคฮยอนถึงกับพ่นลมออกจากปากด้วยความรำคาญ

     

              “ก็ถ้าจะถ่ายฉากแดกเหล้ากันก่อนเลยก็เกรงว่าจะมีบางคนแม่งเมาแล้วแกว่งปากไปหาตีนจนโดนยำแล้วมาทำงานต่อไม่ได้น่ะ เคสนี้คุ้นๆป่าววะจื่อเทา?”

     

              “สม..” ร่างขาวแค่นหัวเราะแสดงความสะใจอย่างเงียบๆหลังจากเพื่อนพยอนจัดการสวดไปหนึ่งจบ ก็ไอ้บ้านี่แหละทำงานอืดเมื่อตอนปีสามเพราะมันดันเมาแล้วไปมีเรื่องกับชาวบ้านจนแขนหักเข้าโรงบาล หวงจื่อเทากัดฟันกรอดด้วยความเจ็บใจแต่ก็แย้งอะไรไม่ได้ ร่างสูงออกอาการฟึดฟัดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเก็บข้าวของเเล้วเดินหนีไปอีกทาง
     

              “สรุปตามนี้นะทุกคน ...เอ้า สุดสวยเลิกส่องกระจกก่อนครับ ...แว่นมึงฟังกูอยู่ป่ะเนี่ย? ตอบรับกูกันหน่อยโว้ยยย” หัวหน้ากลุ่มตัวเล็กตะโกนอย่างบ้างคลั่งเมื่อหันไปเห็นลูกทีมอีกสามคนที่นั่งไม่รู้ร้อนรู้หนาว 

              “อืมๆ ทุกคนเข้าใจแล้วแหละ แยกย้ายเหอะ” เป็นฝ่ายเซฮุนที่พูดตัดบททุกอย่างให้เสร็จสรรพก่อนจะดึงแบคฮยอนออกมาแล้วเดินเลี่ยงไปหาที่นั่งใหม่นอกตึกคณะ 
     

              “ห้ามกูแต่ตัวเองปรี๊ดแตกเองเนี่ยนะ” เซฮุนพูดด้วยน้ำเสียงเนือยๆ
     

              “ก็แม่งรำคาญนี่หว่า กลุ่มเรานี่ดีมากเลยสิ...ห่า” สบถอย่างหัวเสียก่อนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “เออแล้วสรุปหญิงแม่ว่าไงบ้างครับ?”
     

              “ไม่ว่าไง แม่บอกหาเพื่อนอยู่ด้วยไม่ได้ก็ไปกลับหรือไม่ก็จะให้ซึงฮุนมาอยู่ด้วย”
     

              “โหดจังวะ...”
     

              “ไม่ต้องมาพูดเลย เพราะมึงคนเดียวเลย...มึงเลยแบคฮยอน” นิ้วเรียวชี้หน้าเพื่อนข้างๆที่ชื่อ ‘พยอนแบคฮยอน’ ด้วยความอาฆาต ใช่สิ มันเป็นเพราะไอ้เตี้ยนี่แหละเขาถึงได้ซวย ทั้งๆที่ตอนแรกก็ตบปากรับคำว่าจะย้ายมาอยู่ด้วยกันแล้วแท้ๆ แต่่ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีของแบคฮยอนหรือโชคร้ายของเขาก็ไม่รู้ที่จู่ๆเด็กในสังกัดที่ป๋าพยอนแบคฮยอนตามเทียวไล้เทียวขื่ออยู่นานร่วมปีดันมาตกลงปลงใจเซย์เยสคบเป็นแฟน เท่านั้นแหละครับ..แบคฮยอนคนรักเพื่อนก็ทิ้งทุกสิ่งก่อนจะย้ายข้าวของหอบหนีไปอยู่หอของแฟนป้ายแดงเลย
     

              ทั้งหมดทั้งปวงนี้แล้วปัญหาทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงเพราะไอ้เอก NM (New Media) ที่พวกเขาเรียนกันเนี่ยแม่งต้องถ่ายหนังส่งเป็นว่าเล่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับนักศึกษาชั้นปีสี่อย่างพวกเขาที่มีทั้งโปรเจคและเวิร์คชอปรอจ่อคอหอยอยู่ ฉะนั้นการอยู่หอจึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างสูง ซึ่งโอเซฮุนต้องทำสงครามกับคุณแม่ผู้หวงลูกชายคนเล็กอย่างหนักจนกว่าจะขอมาอยู่หอได้ แต่กระนั้นคุณนายโอก็ได้ยื่นคำขาดว่าต้องมีเพื่อนอยู่ด้วยเท่านั้นถ้าอยู่คนเดียวตามลำพังล่ะก็ต้องไปกลับตามเดิมหรือไม่ก็ต้องให้พี่ชายคนโตมาอยู่ด้วย
     

              “โอ๋....เด็กป๋าอย่าเพิ่งงอนสิครับ” 
     

              “ใครเด็กมึง เลอะเทอะ” เอี้ยวตัวหลบมือปลาหมึกของแบคฮยอนที่พยายามจะเข้ามาลูบไล้ใบหน้า “ทุกอย่างพังหมดก็เพราะมึงนั่นแหละ”
     

              “ง่ะ..กูก็ขอโทษแล้วไงวะเพื่อน...” หัวทุยรีบปรี่เข้ามาไถลาดไหล่เหมือนหมาอ้อนเจ้าของ “นี่กูก็ช่วยหารูมเมทให้มึงอยู่เนี่ย”
     

              “ให้มันจริง” พ่นลมหายใจออกยาวๆก่อนจะพูดต่อ “แล้วถ่ายงานวันพรุ่งนี้แบบนี้กูก็ต้องอยู่หอพรุ่งนี้เลยดิ?”
     

              “งั้นมาอยู่กับกูก่อนดิ” 
     

              “ตลก” แค่นหัวเราะตามหลังจากพูดจบ “ให้กูไปเป็นก้างมึงเพื่อ?”
     

              “เออน่า กูไม่ปล้ำกันต่อหน้ามึงหรอก เดี๋ยวจะเอากันเมื่อไรค่อยไล่มึงไปเดินเล่น”
     

              “ทรามชิบ...” มือเรียวอดไม่ได้ที่จะเอื้อมไปตบหัวเพื่อนสนิทเบาๆ ไอ้เตี้ยนี่แม่ง.....
     

              “มือหนักชิบหายเลยนะมึง...” แบคฮยอนบ่นเสียงเล็กเสียงน้อย “เอ้อออ...กูคิดออกแล้ว!”
     

              “อะไรอีกอ่ะ?” เลิกคิ้วสูงพร้อมกับปรายตามองคนข้างๆอย่างไม่ไว้ใจ 
     

              “ก็ห้องเก่ากูไง ตอนนี้กูย้ายออกมาแล้วห้องก็ว่างดิ!!...โอ้ยย ไอ้สัส มัวแต่คิดอ้อมโลกตั้งนานทำไมไม่นึกออกตั้งแต่แรกวะ” ชายร่างเล็กบ่นพึมพำอยู่กับตัวเองคนเดียวพร้อมกับสะบัดหัวไปมาเหมือนหมาทะเลาะกับไรเห็บก่อนจะปรบมือเบาๆสองสามที
     

              บางทีพยอนแบคฮยอนก็ดูใกล้เคียงกับคำว่าบ้า
     

              “ห้องเก่ามึง...อยู่กันตั้งสามคนไม่ใช่เหรอ?” ร่างโปร่งเหมือนจำได้รางๆว่าเพื่อนสนิทของตนเช่าห้องอยู่กับเพื่อนสมัยมัธยมอีกสองคนซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นการที่เขาซึ่งเป็นบุคคลแปลกปลอมที่ไม่รู้จักกับใครเลยจะจู่ๆเข้าไปอยู่ล่ะก็คงจะอึดอัดพิกล
     

              “สองนานละเหอะ” 
     

              “เรอะ” โอเซฮุนไหวไหล่เบาๆ เขาไม่รู้จักเพื่อนของแบคฮยอนอยู่แล้ว ไม่สิ ต้องบอกว่าตั้งแต่อยู่มหาลัยมาสี่ปีมีแค่ไม่กี่ครั้งหรอกที่เจ้าตัวได้ไปเที่ยวหอเพื่อน สำหรับลูกชายสุดรักสุดหวงของคุณนายแม่แล้วการกลับบ้านตรงเวลาถือเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง จำได้รางๆว่าเคยไปหอแบคฮยอนไม่ถึงสิบครั้งเลยมั้ง มีแค่แวะรับเพื่อนเตี้ยหน้าหอไม่ก็แอบมางีบหลับบางครั้งที่ไม่มีเรียนแต่ก็นั่นแหละ โอเซฮุนไม่เคยเจอกับรูมเมทของแบคฮยอนแบบจังๆเลยซักครั้ง
     

              “แต่แบบ...มึงจะอยู่กับมันได้มั้ยอันนี้ไม่รู้นะ” จู่ๆเสียงของเพื่อนสนิทก็แผ่วไป แบคฮยอนกัดเล็บเยี่ยงคนใช้ความคิดก่อนจะพูดต่อ “ไลฟ์สไตล์มึงกับมันแม่งแบบคนละขั้วเลย”
     

              “แล้วทำไมวะ?” เซฮุนมุ่ยหน้า “ก็แค่ช่วยกันหารค่าห้อง หอมึงก็มีห้องนอนแยกเป็นสองห้องไม่ใช่เหรอ?”
     

              “ก็ใช่...แต่แบบ” มึงเป็นคนอยู่ร่วมกับคนอื่นยากไง แบคฮยอนอยากจะพูดแบบนั้นแต่ก็เกรงใจเพื่อนสนิท ถึงแม้จะเพิ่งรู้จักกันตอนปีหนึ่งแต่แบคฮยอนก็รู้นิสัยโอเซฮุนเป็นอย่างดี.... ใช่ โอเซฮุนเป็นลูกคุณหนูอย่างที่ไอ้วัลลาบีเมื่อกี้มันด่านั่นแหละ แต่เพื่อนคนนี้ก็ไม่ได้ถึงขนาดเป็นพวกเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อที่ทำอะไรไม่เป็นหรอกนะ มันก็พอทำอะไรเป็นบ้างแหละแต่อาจจะติดนิสัยคุณหนูเอาแต่ใจในบางเวลา บวกกับหน้านิ่งๆหยิ่งๆของมันที่พาลจะทำให้ใครเท้ากระตุกได้ง่ายๆ อีกทั้งความจู้จี้จุกจิกของแม่งอีก ระหว่างนั้นหัวสมองพลันนึกไปถึงหน้าเพื่อนสนิทที่เป็นรูมเมทก็ถึงกับแอบส่ายหัวเบาๆ 

     

              ให้เวลาอาทิตย์นึง...เพื่อนตัวบางนี่ต้องมาแหกปากโวยวายใส่เขาแน่ๆ

     

              “แต่อะไร?”
     

              “เห้อ...เอาเถอะ คงไม่มีปัญหาหรอกมั้ง”
     

              “เป็นบ้าอะไรพูดจาวกไปวนมา” เสียงขึ้นจมูกพูดอย่างไม่สบอารมณ์ 
     

              “เออๆ เดี๋ยวเย็นนี้พาไปรู้จักกันเลยก็เเล้วกัน อย่าแดกหัวเพื่อนกูล่ะคุณหนูโอ”
     

              “เออน่า..”
     

              “อ่อๆๆ อย่าหว่านเสน่ห์ใส่เพื่อนกูด้วยนะครับคนสวย”
     

              “พูดมากว่ะ...เพื่อนมึงนี่ใครนะ ใช่มินซอกรึเปล่า?” จำได้ว่าแบคฮยอนชอบพูดถึงรูมเมทที่ชื่อมินซอกอะไรซักอย่างอยู่บ่อยๆ ถ้าเป็นคนนั้นล่ะก็เซฮุนเคยเห็นหน้าค่าตาอยู่สองสามครั้งนะ ดูท่าทางจะนิสัยดีด้วยคงไม่น่าจะมีปัญหา
     

              “เหอะ มินซอกมันย้ายออกไปตั้งแต่เทอมที่แล้วแล้ว เลยอยู่กันสองคนไง” 
     

              “อ้าว...งั้น?” คิ้วสวยขมวดเข้าหากันอีกครั้ง
     

              “ที่จะให้ไปอยู่ด้วยอ่ะคือจงอิน.... คิมจงอินต่างหาก”

     














     

    ________________________________________________________

    สวัสดีคนอ่านทุกคนนะคะ ขอบคุณที่หลงเข้ามาอ่านฟิคของเรานะคะ
    #วอวดคฮ เป็นฟิคแนวหวานๆเบาสมองที่อาจจะไม่มีสาระ (ฮา) แต่ว่าเปี่ยมไปด้วยความรักที่มีต่อไคฮุนน้า <3
    ลองอ่านบทนำดูก่อนนะคะ อาจจะไม่หวือหวาอะไรมากและจะค่อยๆเป็นค่อยๆไปเรื่อยๆ 
    ถ้าชอบก็คอมเม้นท์หรือติดแฮชแท็ก #วอวดคฮ ได้เลยนะคะ เราชอบอ่านความเห็นจากคนอ่าน *เฮ่*
    ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ :)




    @bubblemilktea92

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×