ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Petrichor

    ลำดับตอนที่ #1 : อีกนานกว่าจะเช้า 1/2

    • อัปเดตล่าสุด 13 ธ.ค. 58


     

       

    ***** Edit เนื้อหาใหม่ *****


    Chapter 1

    อีกนานกว่าจะเช้า


              ฉันจำไม่ได้ว่าตัวเองนอนตรงนี้มานานเท่าไหร่ จ้องมองกลุ่มเมฆเลื่อนตัวผ่านดวงจันทร์ไปกลุ่มแล้วกลุ่มเล่า ความเย็นเฉียบของอากาศที่บาดผิวคงทำให้ฉันตื่นขึ้นมาอีกครั้ง กล้ามเนื้อตั้งแต่หัวไหล่ลามไปถึงต้นขาปวดหนึบจากแรงกระแทกซ้ำๆกับก้อนหินระหว่างที่ลอยมาตามแม่น้ำ ชุดแซกสีฟ้าอ่อนจับตัวแข็งเป็นหย่อมๆด้วยลิ่มเลือดที่แห้งกรังเป็นทาง ที่น่าเป็นห่วงคือมือทั้งสองข้างที่มีแผลเหวอะหวะน่ากลัวและปวดระบมอยู่ตลอด ฉันลุกขึ้นเดินเพราะไม่สามารถทนนอนท่ามกลางอากาศเย็นขนาดนี้ได้ ลึกเข้าไปอีกหลายเมตรมีต้นไม้ใหญ่พอให้เอนหลังซุกตัวไปกับรากไม้เพื่อบังลมเย็นได้บ้าง ใบไม้ที่ร่วงใช้ปกคลุมป้องกันความหนาวเย็นได้อีกชั้น แม้ยามหลับตาในหัวฉันยังคงวนเวียนกับเหตุการณ์ซ้ำๆทุกอย่างแจ่มชัดเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นตรงหน้า ….....อีกนานกว่าจะเช้า ... เท่าที่รู้ในตอนนี้หน้าที่ของฉันคือต้องหายใจต่อไป


         แม้หลับตาฉันก็ยังคงเห็น.....

              เสียงฝีเท้าหลายสิบคู่วิ่งฝ่านซอกหลืบเล็กๆอันเป็นที่ซ่อนตัวของฉันและเจ้าตัวเล็กอีกสอง พวกเรากดตัวแนบกำแพงให้มากที่สุด ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ จนกระทั่งเสียงเอ็ดตะโรเงียบไปสักพัก

              โคลอี้ หนูกลัว”

              ชู่ววส์ เงียบก่อนแอนนา”

              แต่อเล็กซ์เค้า..” ฉันหันมองสีหน้าซีดเซียวของเด็กชายข้างตัว อเล็กซ์ยิ้มให้ฉันและน้องสาวทำนองว่าไม่เป็นไร แต่ฉันรู้ว่ามันไม่ใชอย่างนั้น มือน้อยกุมสีข้างที่เป็นแผลลึกยาวเอาไว้ ฉันกระชับอ้อมกอดทั้งสองให้แน่นขึ้น รอคอยอีกไม่นาน

              เบื้องหน้าเป็นกำแพงอิฐสูง ข้างในนั้นคือความหวังเดียวของเราในตอนนี้ เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครตามพวกเรามาแล้ว พวกเราก็วิ่งสุดฝีเท้า ฉันส่งตัวอเล็กซ์และแอนนาเข้าไปผ่านรอยแตกของกำแพงอย่างรวดเร็ว พงหนามแหลมบาดผิวของพวกเราจนเลือดซิบ ฉันให้เด็กสองคนนั่งหลบอยู่ตรงพุ่มไม้ข้างในของกำแพงที่คิดว่าปลอดภัยที่สุด ภาวนาอย่าให้มีใครผ่านมาตอนนี้เลย

              จะหนีไปไหน” สองแขนถูกล็อคแน่นจากทางด้านหลัง แม้ดิ้นจนสุดแรง แต่ดูเปล่าประโยชน์สิ้นดี ร่างสูงด้านหลังโน้มตัวลงมา ก่อนกัดที่ไหล่ฉันอย่างมันเขี้ยว

              กรี๊ดดดดด ไอ้บ้า กัดฉันทำไม”

              ฮ่าๆๆๆๆ ยัยทึ่ม กร๊ากกกก ”

              ไอ้.......” ฉันพยายามหันกลับไปมอง

              อือฮึ”

              กิลเดอร์” เขายักคิ้วให้ฉันแล้วยิ้มอย่างเคย

              สภาพเธอทุเรศสุดๆไปเลย”

              “...............”

              เยินซะ”

              “..............”

              ทำหน้าตลกชะมัดเลย ฮะๆๆ”



              สติของฉันดับวูบไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น รู้สึกแต่เพียงว่าตอนนี้พวกเราปลอดภัย............

              อาจเป็นช่วงสายหรือล่วงเข้าบ่ายของอีกวัน ฉันตื่นขึ้นมาบนเตียงหนานุ่มและอบอุ่นอุ่นสุดๆ ในชุดแสกสีฟ้าอ่อนที่ดูท่าจะราคาแพง สิ่งต่อมาที่เห็นคือเจ้าของแววตาขี้เล่นที่ตอนนี้ขมวดคิ้วยุ่ง

              ไง....ยัยแม่มด”

              ไง...คุณชาย” ใช่แล้ว กิลเดอร์ ครอฟท์ ไอ้บ้านี่คือคุณชายตัวจริงเสียงจริงเลยล่ะ พ่อของกิลเดอร์เป็นพ่อค้ามหาเศรษฐี ข้าวของเครื่องใช้ส่วนมากที่ชาวบ้านทุกคนใช้ในชีวิตประจำวันก็มาจากสินค้าของตระกูลครอฟท์กันทั้งนั้น บ้านของหมอนี่ใหญ่โตน้องๆพระราชวังเลยทีเดียว แถมยังมีบ้านพักมากมายอยู่ตามหัวเมืองสำคัญๆอีกต่างหาก ที่นี่ก็เช่นกัน

              ตอนเด็กๆกิลเดอร์ป่วยหนักขนาดหมอที่ไหนก็รักษาไม่หาย เศรษฐีครอฟท์ทุ่มเงินเสาะหาหมอจากทุกแคว้นจนมาเจอพ่อกับแม่ที่มาจากเผ่าโคยา พวกท่านมีความรู้เรื่องสมุนไพรและรักษากิลเดอร์จนหาย ทำให้เราได้รู้จักกัน ชาวโคยา ชาวเผ่าลึกลับผู้มีความสามารถในการรักษาโรคภัยได้ดั่งใช้เวทย์มนต์เป่าเสก เหมือนหมอเทวดา เป็นชนเผ่าผู้ทรงภูมิความรู้เรื่องสมุนไพรและโรคภัยต่างๆโดยการส่งต่อวิทยาการมาจากรุ่นสู่รุ่น ดินแดนของเราตั้งอยู่ในใจกลางป่าลึกยากที่จะพบเจอ ต้นไม้ในป่าถูกนำมาใช้ทำเป็นกระดาษเพื่อบันทึกเรื่องราวมากมาย ครึ่งหนึ่งของที่นั่นเป็นโถงขนาดใหญ่สูงแปดชั้น ภายในมีหนังสือและเอกสารสำคัญๆ เรียงอัดแน่นอยู่ด้วยกันทั้งแปดทิศของอาคาร ทั้งความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภูมิปัญญาท้องถิ่นและเทคนิคการรักษาพยาบาลที่สำคัญยิ่ง แต่ภูมิปัญญาของเราเป็นดั่งดาบสองคม เผ่าโคยาถูกตามล่า ถูกฆ่า ถูกทำร้าย ผู้คนที่ไม่เข้าใจต่างเสาะหาพวกเราและพยายามจะช่วงชิงมันไป ดังนั้นพวกเราจึงมักซ่อนตัวอยู่ภายในป่าลึกน้อยคนนักที่จะรู้ถึงการมีอยู่ มีเพียงตำนานที่เล่าขานสืบกันมา แต่เศรษฐีครอฟท์ต่างออกไป เขาไม่ทำร้ายพวกเรา แต่กลับอ้อนวอน ขอร้องด้วยหัวใจของผู้เป็นพ่อที่ต้องการยื้อชีวิตลูกชาย พ่อกับแม่จึงไม่ลังเลที่จะยื่นมือเข้าช่วย

              แล้วไปทำอีท่าไหนถึงเป็นอย่างนี้ไปได้”

              เรื่องมันยาว” ฉันตอบเลี่ยงๆ

              เล่าสิ อยากฟัง” กิลเดอร์จ้องมาอย่างคาดคั้น จนฉันยอมแพ้ ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนเล่าออกไป

              วันก่อนเจ้าสองแสบไปเจอเด็กในตลาดหลังกลับจากเก็บสมุนไพรในป่า แอนนาถูกพวกนั้นแกล้งแถมขว้างหินใส่ พออเล็กซ์ไปเห็นเข้าเลยโมโหจัดเอายางต้นล็อบสเตอร์สาดเข้าไป คราวนี้เลยเป็นเรื่อง”

              ยังไง แค่ยางไม้นี่นะ”

              ก็ใช่นะสิ ยางต้นล็อบสเตอร์ทำให้ผิวหนังระคายเคือง เด็กในตลาดงี้ตัวแดงกันเป็นปื้นๆมาเชียว ถ้าปล่อยไว้นานจะกลายเป็นตุ่มน้ำใสๆแล้วแตก แสบเอาเรื่องเลยล่ะ” กิลเดอร์ทำหน้าแหยงๆส่ายหัวขึ้นๆลงๆ

              ฉันจะจำไว้ แล้วหลังจากนั้นล่ะ เด็กพวกนั้นแทงเธอกับอเล็กซ์งั้นหรอ”

              ก็เปล่าหรอก พวกนั้นก็ไปฟ้องพ่อแม่น่ะสิ เขาโกรธกันมาก พอจำได้ว่าฉันเป็นใคร ก็หาว่าพวกเราเป็นแม่มด จะจับส่งให้ทหารวาเรีย ให้ถูกเผาตาย เราสู้แล้วหนีออกมาได้ เจ็บกันคนละแผลสองแผล”

              อย่างนี้เรื่องใหญ่แล้วนะ”

              เฮ้ออ นั่นสิเรื่องใหญ่เลยเพราะฉันไม่มีญาติที่ไหน พ่อกับแม่ก็ชิงตายไปซะแล้ว เลยว่าจะมาขอร้องนายให้ทำป้ายหลุมศพให้หน่อยนะสิ” ฉันจิกมือแน่นฝืนทำสีหน้ายิ้มทะเล้น แต่เจ้ากิลบ้ากลับทำเสียงดุใส่

              ไม่ตลกนะโคล”

              งั้นเหรอ นั่นสิ ความตายไม่ใช่เรื่องตลกเลย” ฉันรู้สึกร้อนวาบที่ใบหู ดวงตาพร่าด้วยน้ำแต่กลับมองเห็นชัดเจน ก่อนที่มันจะเกิดขึ้น กิลเดอร์โอบไหล่โยกตัวฉันเบาๆแล้วกระซิบ

              เฮ้ โคลอี้ ใจเย็น”

              เขาถอนหายใจ มือที่โอบไหล่สั่นระริก อย่างนี้อีกแล้ว ฉันนึกได้ว่าคงทำให้กิลคงรู้สึกผิด

              นี่.....เรื่องนั้น”

              อย่าพูดอย่างนี้อีกรู้มั้ย ฉันใจไม่ดี”

              เออๆๆๆ รู้แล้วเจ้าค่ะ แล้วอเล็กซ์เป็นไง” ฉันฝืนยิ้ม ร่าเริงเข้าไว้ ลืมมันไปซะ

              ปลอดภัยดี แผลลึกอยู่แต่หายเร็ว”

              ขอบคุณนะกิล จริงๆนะ” ฉันมองกิลเดอร์ตรงๆ เพื่อให้รู้ว่าฉันรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ

              เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะ โคลอี้ แล้วเราจะเอาไงต่อดี”



              ตอนนี้เมืองปอมเปมีแต่ความวุ่นวาย ทหารเดินกันให้ทั่วเมือง เป้าหมายครั้งนี้คือพวกเราสามคน ฉัน อเล็กซ์และแอนนา พวกเราหลบอยู่แต่ในบ้านพักของกิลเดอร์ไม่ได้ออกไปไหน ปฏิบัติการล่าแม่มดนี้เกิดขึ้นจากท่านวาเรียสนมใหม่ป้ายแดงคนโปรดของพระราชา คิดจะครองอำนาจไว้ในมือตน จึงร่วมมือกับเหล่าขุนนางจอมโลภ พาพระราชาล่องเรือไปเจอพายุร้ายและกุเรื่องว่าโดนแม่มดอิจฉาในความงามจึงสาปแช่งนาง พระราชาผู้หลงใหลสนมใหม่จนโงหัวไม่ขึ้น จึงจับผู้ใดก็ตามที่ต้องสงสัยว่าเป็นแม่มดมาเผาทั้งเป็น นางใช้เหตุผลนี้กำจัดคนที่ขวางทางนางเรื่อยมา เหล่าผู้ใกล้ชิดต่างหวาดกลัวและไม่มีใครชอบนางเลย แต่ไม่กล้าทัดทานเพราะหากทำอย่างนั้นจะถูกย่างสดในเวลาต่อมา เดิมวาเรียมีหน้าตาสะสวยแลดูอ่อนเยาว์แม้อายุจะล่วงเลย ผิวพรรณขาวเหมือนกระเบื้องเคลือบเนื้อละเอียดราคาแพง ดูน่าหลงไหล แต่น่าแปลกที่พักหลังมานี้กลับดูโรยราลงไป อย่างที่เล่ามาข้างต้นพวกเราเป็นชนเผ่าโคยา ใช้ชีวิตอยู่ในป่าและมีความรู้เรื่องสมุนไพรเป็นอย่างดี พวกเศรษฐีป่วยหนักจึงเสาะหาพวกเราราวพลิกแผ่นดิน นางวาเรียก็เช่นกัน เพื่อหาวิธีคงไว้ซึ่งความสาวดังเดิม จึงยัดเยียดความเป็นแม่มดแล้วออกตามล่าพวกเรา

              ตกเย็นฉันเดินลงไปข้างล่างเพื่อตามหากิลเดอร์ แต่ไม่มีใครอยู่ ซึ่งเป็นเรื่องน่าแปลก ปกติจะไม่เงียบขนาดนี้ ไม่นานเสียงฝีเท้าอันคุ้นเคยก็ดังมาจากรอบตัวอาคาร ทหารหลายสิบนายวิ่งเข้ามาล้อมฉันไว้พร้อมอาวุธครบมือ ไม่มีคำพูด ไม่มีการขัดขืนใด ฉันแน่ใจแล้วว่าตอนนีั้กิลเดอร์คงตกที่นั่งลำบากแน่ ฉันยกมือขึ้นเหนือศีรษะอย่างยอมจำนน



    ***************








     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×