ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักแลกภพ

    ลำดับตอนที่ #2 : ปริศนาแห่งความฝัน

    • อัปเดตล่าสุด 6 ต.ค. 48


        นุสราตัดสินใจเข้าไปในร้านหนังสือเล็กๆ อันเงียบสงบแล้วเลือกหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาอ่านเล่นเผื่อว่าจะทำให้เธอลืมเรื่องที่เพิ่งพบเจอมาสดๆ ร้อนๆ ได้ง่ายขึ้น แต่ดูเหมือนหญิงสาวค้นพบว่ามันไม่ได้ช่วยให้อะไรๆ ดีขึ้น คงมีแค่ตัวเธอเท่านั้นที่สามารถจะยุติความรู้สึกแย่ๆ เหล่านี้เสียที



        ก่อนจะก้าวย่างออกจากร้าน นุสรารู้สึกเหมือนมีบางสิ่งมาดลใจให้กลับเข้าไปอีกครั้ง เธอเดินลึกๆ เข้าไปเรื่อยๆ จนมาหยุดอยู่หน้าชั้นหนังสือซึ่งเต็มไปด้วยหนังสือเก่าคร่ำครึ หญิงสาวตัดสินใจหยิบหนังสือปกหนังสีแดงเล่มหนาขึ้นมาพินิจดูพลางลูบฝุ่นออกไปก่อนจะตัดสินใจเอามันไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์



        พนักงานแคชเชียร์รู้สึกงงกับหนังสือเล่มนี้ เพราะไม่มีแถบรหัสบาร์โค้ด ราคา หรือแม้กระทั่งชื่อหนังสือหรือสำนักพิมพ์ ไม่มีอะไรเลยนอกจากเนื้อหาที่บ่งบอกว่าเป็นนวนิยายเล่มหนึ่งเท่านั้น แคชเชียร์จึงหันไปคุยกับเจ้าของร้านซึ่งลงความเห็นกันว่าหนังสือเล่มนี้ท่าทางจะขายออกยากน่าดูก่อนจะยกให้ฟรีๆ

        

                    ภายในคอนโดของนุสรามีห้องนอนเล็กๆ หนึ่งห้องกับพื้นที่บริเวณโถงซึ่งแบ่งสัดส่วนเป็นห้องนั่งเล่นและครัวอย่างลงตัว มีระเบียงยื่นออกไปพบกับแสงไฟตามตึกรามบ้านช่องยามราตรีเปรียบดังหิ่งห้อยในป่าคอนกรีต

                    

                    หลังจากเธออาบน้ำอาบท่าเสร็จเรียบร้อย นุสราในชุดนอนสีชมพูก็หยิบหนังสือเล่มใหม่ออกมานั่งอ่านฆ่าเวลา แต่ดูเหมือนหญิงสาวจะติดพันกับเนื้อหาอันน่าตื่นเต้นชวนติดตามของนวนิยายเรื่องนี้จึงทำให้ไม่สามารถวางมันลงได้ง่ายๆ

    ในที่สุด หญิงสาวก็อ่านมันจนจบแล้วจึงเอนตัวลงนอนและหลับตาพริ้มอย่างสงบ

        

                    ทันใดนั้น หัวใจเธอกลับเต้นแรงเร็วระรัวจนแทบจะหลุดออกจากร่าง นุสราหายใจหอบถี่ราวกับกำลังจะสิ้นใจในไม่ช้า ความเจ็บปวดจนชาไปทั่วกายทำเอาหมดสติไป



        หญิงสาวลืมตาขึ้นมาพบตัวเองกำลังดิ่งลงมาจากหอคอยสูงตระหง่าน ร่างบางกระแทกพื้นหินทรายอย่างแรงแต่กลับไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย นุสราสำรวจตัวเองก็ไม่พบบาดแผลหรือรอยช้ำใดๆ

                    

                   เธอพบตัวเองในชุดกระโปรงยาวสีขาวครีมเนื้อผ้าดีดูเหมือนเจ้าหญิงในเทพนิยายทำเอาประหลาดใจไม่น้อย เมื่อหันไปมองรอบกายก็เห็นสิ่งก่อสร้างทรงสี่เหลี่ยมคล้ายลูกเต๋าขนาดยักษ์ทำด้วยหินทรายซึ่งดูเหมือนจะเป็นบ้านเรือนเรียงรายตลอดสองฝั่ง ตรงหน้าคือแหล่งชุมชนซึ่งดูเหมือนตลาดสดเต็มไปด้วยผู้คนมากมายตะโกนโหวกเหวกจ้อกแจ้กจอแจ

                  

                   นุสรายังคงสับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงตัดสินใจเดินเข้าไปในตลาดเผื่อว่าจะรู้อะไรมากขึ้น หญิงสาวเดินมาหยุดหน้าแผงขายผลไม้สดๆ มากมายวางเรียงในกระบะไม้

            

                   “เอาอะไรดีจ้ะ หนู” แม่ค้าวัยสูงอายุร่างท้วมใบหน้าอิ่มเอิบในชุดเสื้อผ้าฝ้ายสีขาวธรรมชาติฝีมือการตัดเย็บไม่ประณีตนักกับผ้าถุงสีแดงสดถามด้วยรอยยิ้ม



                   “หนูไม่มีเงินหรอกค่ะ” เธอตอบพลางยิ้มแหยๆ



                   “เงิน?” เมื่อเห็นสีหน้างงงวยทำให้นุสรานึกอะไรบางอย่างออก

                  

                   ชุมชนนี้คงยังไม่มีเงินตราอย่างในยุคปัจจุบัน คงแลกเปลี่ยนกันด้วยสินค้า



                   “คือหนูไม่มีอะไรติดมือมาเลย ว่าแต่ที่นี่ที่ไหนคะ คุณป้า”



                   “ที่นี่เมืองเอก้าจ้ะ” เมืองเอก้า เหมือนนิยายที่เราอ่านเปี๊ยบ



                   “เป็นอะไรไปจ้ะ หนู” คุณป้าถามด้วยความห่วงใย



                   “เปล่าค่ะ คุณป้า” พอพูดจบท้องเธอดันอุทธรณ์ร้องจ๊อกๆ ขึ้นมา



                   “คงจะหิวล่ะสิ งั้นเอาผลไม้ไปทานเถอะ”



                   “ไม่ดีกว่าค่ะ คือหนูไม่มีของมาแลก”



                   “ไม่เป็นไร เอาไปเถอะ” แม่ค้าเอาผลไม้มายัดใส่มือจนได้



                   “ขอบคุณมากค่ะ” นุสรากล่าวขอบคุณก่อนเดินจากไป



                   หญิงสาวยังคงเดินเล่นต่อไปและคิดว่านี่คือความฝันธรรมดาๆ จนไปพบกับแม่สาวผิวคล้ำร่างอวบอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับเธอในชุดกระโปรงบานจีบรอบสีฟ้าเข้มตกแต่งด้วยลูกไม้สีขาวดูเหมือนแม่บ้านในยุคโบราณของชาวตะวันตก นุสราจำหน้าได้ว่านี่คือเพื่อนสนิทต่างสีผิวสุดซี้



                  “มนัส” สาวผิวขาวเรียกพลางแตะไหล่เพื่อนเบาๆ



                  “นึกยังไงมาเรียกชื่อแปลกๆ เนี่ย” คำพูดประโยคนี้ทำเอานุสรามึนตึ๊บ



                  “ชื่อแปลกๆ ยังไง ก็เธอชื่อมนัสนี่”



                  “เป็นอะไรเนี่ย ปกติก็เรียก เจนนิเฟอร์ ตลอด ไปได้ไอ้ภาษาแปลกๆ มาจากไหน บอกหน่อยซิ นาเดีย”



                  เจนนิเฟอร์? นาเดีย? อย่าบอกนะว่าเรากลายเป็นนางเอกนิยายแฟนตาซีไปแล้ว



                  “เปล๊า พอดีมั่วๆ เอาน่ะ” หญิงสาวทำเสียงสูงกลบเกลื่อนแก้เก้อ



                  “ขอกินหน่อยนะ” พอพูดจบ แม่สาวผิวเข้มก็คว้าผลไม้ตัวการไม่รอช้าก่อนจะกัดลิ้มลองรสชาติอย่างเอร็ดอร่อย



                  สายตาของนาเดียไปปะทะกับดวงตาคู่คมของชายหนุ่มในชุดคลุมยาวสีดำมีหมวกคลุมเหมือนหนังพ่อมดที่เคยดูไม่ผิดเพี้ยน ใบหน้ากระเดียดไปทางเอเชียตะวันออกไกล



                  ก่อนที่จะอ้าปากถามเจนนิเฟอร์ถึงบุคคลปริศนา ภาพตรงหน้ากลับบิดเบี้ยวและจางหายไปในพริบตา หญิงสาวได้ยินเสียงดังกรีดแก้วหูจนต้องลืมตาขึ้นมาพบว่ามันคือนาฬิกาซึ่งกำลังร้องปลุกตามหน้าที่และตอนนี้เธอกลับมาเป็นนุสราคนเดิมอีกครั้ง



                  ภายในร้านกาแฟเล็กๆ บรรยากาศอบอุ่น นุสรากำลังเม้าท์แตกกับเจ้าของร้านผิวเข้มหน้าตาเหมือน ‘เจนนิเฟอร์’ ไม่ผิดเพี้ยนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด



                  “จริงๆ นะ มนัส บีฝันอย่างนั้นจริงๆ”

                  

                  “บี ฉันว่าแกคงเครียดจัดเพราะว่าเลิกกับวสันต์มากกว่าถึงได้ฝันเป็นตุเป็นตะอย่างนี้” ดูเหมือนมนัสวีร์ไม่เชื่อในสิ่งที่เพื่อนสาวเล่ามาเลยแม้แต่น้อย



                  “มนัส ถ้าบีเครียดจัดอย่างที่มนัสว่าจริง ไอ้ผู้ชายเฮงซวยนั่นคงตามมาหลอกหลอนในฝันตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว” หญิงสาวเองยังรู้สึกแปลกใจที่สามารถเอ่ยชื่อผู้ชายคนนั้นได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ



                  “หรือว่าจะเป็นฝันบอกเหตุ” นุสรายังไม่ยอมแพ้ เธอยังคงหยิบยกประเด็นต่างๆ มาเกี่ยวข้องกับความฝันได้โดยไม่มีทีท่าว่าจะจบสิ้นง่ายๆ



                  “ไหนแกบอกว่าจะมาชิมเค้กสูตรใหม่ของร้านฉันไง” คำถามเชิงตัดบททำให้แม่สาวผิวขาวหยุดเม้าท์ชั่วคราวก่อนจะให้ความสนใจกับขนมตรงหน้า



                  “อร่อยมากเลย” หญิงสาวชมอย่างไม่ขาดปาก



                  “ให้กินฟรีแล้วลองไม่ชมดูสิ” มนัสวีร์แกล้งตีสีหน้าจริงจัง แต่นุสราก็รู้ว่านี่คืออาการกลบเกลื่อนความเขินเวลาได้รับคำชมของเพื่อนสาวสุดซี้คนนี้

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×