คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 4++ผู้กองหน้าดุ++
“อย่าเข้ามานะ !”
“อะไรกันหนู” คนงานชายคนหนึ่งเดินผ่านมาได้ยินเสียงร้อง จึงเดินเข้ามาดู เมื่อเห็นชายอนาถาก็ร้องขึ้นมาว่า
“อ้าว ตานี่อีกแล้วเรอะ ไปไป๊ อย่าเข้ามาวุ่นวายแถวนี้ เจ้าของที่เขาเป็นทหารนะ ปืนแขวนอยู่เต็มบ้าน เดี๋ยวก็โดนเป่ากบาลกระจุยหรอก ไป ! ไปหาของกินที่อื่น” คนงานวัยสี่สิบปลาย ๆ โบกมือไล่
ชายแก่ถูกไล่ก็ถอยร่นกลับเข้าไปในแนวป่า แต่ทิ้งสายตามองมาที่เวียงพิงค์ ทำเอาสาวเจ้ากลืนน้ำลายติดขัด มองตามไปด้วยความสนใจ
เมื่อไล่ผู้บุกรุกออกไปได้แล้ว คนงานก็หันมาปลอบหญิงสาวว่า “ไม่ต้องตกใจหนู คนบ้าน่ะ ชอบมาป้วนเปี้ยนแถวนี้ คนแถวนี้เขาเห็นกันจนชินแล้วละ แกบ้าอย่างเดียวไม่เคยทำอันตรายใครหรอก บางคนสงสารก็ให้ข้าวปลาเสื้อผ้าแกบ้าง นี่คงหิวน่ะเลยออกมา”
“ออกมาจากไหนเหรอคะ” สาวชาวกรุงซักถามด้วยความสงสัย จู่ ๆ โผล่พรวดออกมายืนดักหน้าหล่อนไว้ มาจากทิศทางไหนก็ไม่ทราบแน่
“จากป่านู่นละมั้ง ผมก็ไม่รู้หรอก เห็นเขาว่ากันว่าแกอยู่ในป่า” ชายคนงานบอกเล่าได้เท่านั้นก็ถูกเพื่อนคนงานด้วยกันเรียกตัวไปช่วยงานด้านนู้น
เหลือเวียงพิงค์ยืนมึนงงอยู่คนเดียว สักพักหายตกใจแล้วหล่อนก็ออกเดินต่อ สำรวจสถานที่ไปทั่ว
เวียงพิงค์เดินชมไปเรื่อย ๆ เห็นว่าบ้านพักบางหลังสร้างเสร็จแล้ว ส่วนที่เหลือเริ่มจะเป็นรูปเป็นร่าง อีกไม่นานก็น่าจะเสร็จตามกันมา หล่อนเห็นเพิ่งเห็นป้ายชื่อรีสอร์ตด้วย... ‘รีสอร์ตระเบียงหมอก’
“คุณไม่ควรเดินเข้ามาที่นี่”
เสียงทุ้มห้าวของใครบางคนทำให้เวียงพิงค์สะดุ้ง หันขวับมาหาคนพูดด้วยความตกใจ เมื่อสบตาเขาแล้วก็ยิ่งใจฝ่อ หล่อนทำอะไรผิดไปหรือเปล่านี่...
“ขอโทษค่ะ ฉันไม่เห็นป้ายห้าม” หล่อนหน้าเสีย
ฝ่ายที่ท้วงติงขมวดคิ้ว ทีแรกนึกว่าหล่อนแกล้งตีรวน ทำนองว่าไม่เห็นป้ายห้ามทำไมจะเดินไม่ได้ แต่พอเห็นสีหน้าซื่อ ๆ กับดวงตากลมโตที่มีแววตกอกตกใจนั้นแล้วจึงไม่แน่ใจว่าเจตนาตีรวนแน่หรือเปล่า
เมื่อเกิดความไม่แน่ใจ สีหน้าของเขาก็อ่อนลง รวมไปถึงน้ำเสียงในประโยคต่อไปด้วย
“แถวนี้เป็นเขตก่อสร้าง ถ้าเดินไม่ระวังก็อาจจะเป็นอันตรายได้”
เวียงพิงค์ทำคอย่นกลัวหงอ อีกฝ่ายเป็นใครไม่ทราบ เมื่อครู่หล่อนเห็นเขาปะปนอยู่ในหมู่คนงาน สวมเสื้อกล้ามสีขาวกับกางเกงขายาว กำลังขนกระสอบอะไรบางอย่าง ท่าทางหนักเอาการแต่ถือด้วยมือเดียว เขาสกปรกมอมแมมไปทั้งตัว ไม่ต่างจากคนงาน แต่ลักษณะท่าทางแปลกแยกไม่เหมือนคนงานเหล่านั้น
“แล้วคุณเป็นใคร เข้ามาในนี้ได้ยังไง” ระหว่างที่เวียงพิงค์กำลังนึกสงสัยว่าเขาเป็นใคร เขากลับส่งคำถามนั้นมาก่อน
“ฉัน...” เวียงพิงค์กำลังจะเรียบเรียงคำอธิบายก็พอดีมีชายสูงวัยเดินเข้ามาขัดจังหวะก่อน
ชายสูงวัยยกมือไหว้ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเวียงพิงค์ ท่าทางรู้จักมักคุ้นกันดี
“สวัสดีครับผู้กอง”
เวียงพิงค์สะดุดหู เมื่อชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ตรงหน้าถูกเรียกว่า ‘ผู้กอง’
“สวัสดีครับ” คนหนุ่มทักทายตอบ
เวียงพิงค์ขมวดคิ้วเพราะไม่เห็นเขายกมือไหว้คนแก่ กลับเป็นคนแก่ยกมือไหว้เขาฝ่ายเดียว ดูเหมือนเขาจะเป็นที่เคารพยำเกรงมากทีเดียว
“สร้างบ้านไวดีนะครับผู้กอง ขยันทั้งคนงานทั้งเจ้าของเลย” ชายแก่ชมเปาะ
เวียงพิงค์ดูลักษณะหน้าตาชายสูงวัยแล้วเชื่อว่าน่าจะเป็นชาวไทยเชื้อสายม้งเหมือนกับครอบครัวของไหมซี
“อยากเร่งให้ทันเปิดหนาวนี้น่ะครับ” คนหนุ่มตอบ
เวียงพิงค์กำลังตั้งใจฟังเก็บข้อมูลเต็มที่ ชักจะประมวลผลได้บ้างแล้วว่าใครเป็นใคร พอดีไหมซีเดินมาถึง จึงเข้ามาแทรกกลางวง
“อ้าว ลุงหงวน มาเยี่ยมพ่อเหรอจ๊ะ” ไหมซียกมือไหว้ชายสูงวัย ผู้เป็นเพื่อนรุ่นพี่ของบิดา
“ว่าไงไหมซี กลับมาเมื่อไหร่ล่ะนี่ ลุงไม่ทันเห็น”
“เพิ่งมาเดี๋ยวนี้นี่ละจ้ะ เหงื่อยังไม่ทันแห้งเลย”
“เออดี ๆ มาดูแลพ่อ แกจะได้หายไว ๆ นะ”
ไหมซียิ้ม พูดคุยกับชายสูงวัยอีกนิดหน่อย ลุงหงวนก็ปลีกตัวเดินไปทางบ้านของไหมซีเพื่อเยี่ยมคนป่วย คราวนี้จึงเหลือเพียงหนุ่มสาวสามคน
“พิ้งค์รู้จักพี่วัศย์แล้วใช่ไหม” ไหมซีหันมาถามเพื่อน
เวียงพิงค์พอจะเดาได้แล้วว่าชายหนุ่มผู้นี้เป็นใคร แต่จะเรียกว่ารู้จักแล้วคงยังไม่ได้ หล่อนจึงส่ายหน้าเป็นคำตอบ
“อ้าว นี่ไงพี่วัศย์ เห็นยืนคุยกัน ยังไม่รู้จักกันเหรอ” ไหมซีทำหน้าเหลอหลา
อวัศย์ยืนนิ่ง มองสองสาวโต้ตอบกัน และเก็บข้อมูลในใจไปด้วย
“พี่วัศย์ นี่พิ้งค์ เวียงพิงค์ เพื่อนที่ไหมเล่าให้ฟังไง”
เวียงพิงค์ยกมือไหว้ผู้อาวุโสกว่าเมื่อถูกแนะนำตัว
ชายหนุ่มปรายตามองไปทางหญิงสาวร่างบาง ตัวสูงแค่ถึงไหล่ของเขาเท่านั้น คนนี้น่ะหรือ... เพื่อนสนิทที่ไหมซีพูดถึงบ่อย ๆ หน้าอ่อน ตัวเล็ก ยังดูเด็กอยู่มาก ไหมซีอายุยี่สิบสาม เพื่อนคนนี้ก็คงไล่ ๆ กัน แต่ถ้าบอกว่าเป็นเด็กมัธยมเขาก็คงหลงเชื่อ เมื่อครู่นี้จึงไม่ได้เฉลียวใจเลยว่าเป็นเพื่อนที่ไหมซีเคยเกริ่นไว้ นึกว่าเด็กที่ไหนเดินหลงเข้ามา
+++++++++++++++++++++++++
E-book พร้อมโหลดที่นี่ค่ะ
|
ความคิดเห็น