ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โอบรักไว้ด้วยสายหมอก

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 4++ผู้กองหน้าดุ++

    • อัปเดตล่าสุด 29 ส.ค. 64


     




      “อย่าเข้ามานะ !

                    “อะไรกันหนู” คนงานชายคนหนึ่งเดินผ่านมาได้ยินเสียงร้อง จึงเดินเข้ามาดู เมื่อเห็นชายอนาถาก็ร้องขึ้นมาว่า

                    “อ้าว ตานี่อีกแล้วเรอะ ไปไป๊ อย่าเข้ามาวุ่นวายแถวนี้ เจ้าของที่เขาเป็นทหารนะ ปืนแขวนอยู่เต็มบ้าน เดี๋ยวก็โดนเป่ากบาลกระจุยหรอก ไป ไปหาของกินที่อื่น” คนงานวัยสี่สิบปลาย ๆ โบกมือไล่

                    ชายแก่ถูกไล่ก็ถอยร่นกลับเข้าไปในแนวป่า แต่ทิ้งสายตามองมาที่เวียงพิงค์ ทำเอาสาวเจ้ากลืนน้ำลายติดขัด มองตามไปด้วยความสนใจ

                    เมื่อไล่ผู้บุกรุกออกไปได้แล้ว คนงานก็หันมาปลอบหญิงสาวว่า “ไม่ต้องตกใจหนู คนบ้าน่ะ ชอบมาป้วนเปี้ยนแถวนี้ คนแถวนี้เขาเห็นกันจนชินแล้วละ แกบ้าอย่างเดียวไม่เคยทำอันตรายใครหรอก บางคนสงสารก็ให้ข้าวปลาเสื้อผ้าแกบ้าง นี่คงหิวน่ะเลยออกมา”

                    “ออกมาจากไหนเหรอคะ” สาวชาวกรุงซักถามด้วยความสงสัย จู่ ๆ โผล่พรวดออกมายืนดักหน้าหล่อนไว้ มาจากทิศทางไหนก็ไม่ทราบแน่

                    “จากป่านู่นละมั้ง ผมก็ไม่รู้หรอก เห็นเขาว่ากันว่าแกอยู่ในป่า” ชายคนงานบอกเล่าได้เท่านั้นก็ถูกเพื่อนคนงานด้วยกันเรียกตัวไปช่วยงานด้านนู้น

                    เหลือเวียงพิงค์ยืนมึนงงอยู่คนเดียว สักพักหายตกใจแล้วหล่อนก็ออกเดินต่อ สำรวจสถานที่ไปทั่ว

                    เวียงพิงค์เดินชมไปเรื่อย ๆ เห็นว่าบ้านพักบางหลังสร้างเสร็จแล้ว ส่วนที่เหลือเริ่มจะเป็นรูปเป็นร่าง อีกไม่นานก็น่าจะเสร็จตามกันมา หล่อนเห็นเพิ่งเห็นป้ายชื่อรีสอร์ตด้วย... รีสอร์ตระเบียงหมอก

                    “คุณไม่ควรเดินเข้ามาที่นี่”

                    เสียงทุ้มห้าวของใครบางคนทำให้เวียงพิงค์สะดุ้ง หันขวับมาหาคนพูดด้วยความตกใจ เมื่อสบตาเขาแล้วก็ยิ่งใจฝ่อ หล่อนทำอะไรผิดไปหรือเปล่านี่...

                    “ขอโทษค่ะ ฉันไม่เห็นป้ายห้าม” หล่อนหน้าเสีย

                    ฝ่ายที่ท้วงติงขมวดคิ้ว ทีแรกนึกว่าหล่อนแกล้งตีรวน ทำนองว่าไม่เห็นป้ายห้ามทำไมจะเดินไม่ได้ แต่พอเห็นสีหน้าซื่อ ๆ กับดวงตากลมโตที่มีแววตกอกตกใจนั้นแล้วจึงไม่แน่ใจว่าเจตนาตีรวนแน่หรือเปล่า

                    เมื่อเกิดความไม่แน่ใจ สีหน้าของเขาก็อ่อนลง รวมไปถึงน้ำเสียงในประโยคต่อไปด้วย

                    “แถวนี้เป็นเขตก่อสร้าง ถ้าเดินไม่ระวังก็อาจจะเป็นอันตรายได้”

                    เวียงพิงค์ทำคอย่นกลัวหงอ อีกฝ่ายเป็นใครไม่ทราบ เมื่อครู่หล่อนเห็นเขาปะปนอยู่ในหมู่คนงาน สวมเสื้อกล้ามสีขาวกับกางเกงขายาว กำลังขนกระสอบอะไรบางอย่าง ท่าทางหนักเอาการแต่ถือด้วยมือเดียว เขาสกปรกมอมแมมไปทั้งตัว ไม่ต่างจากคนงาน แต่ลักษณะท่าทางแปลกแยกไม่เหมือนคนงานเหล่านั้น

                    “แล้วคุณเป็นใคร เข้ามาในนี้ได้ยังไง” ระหว่างที่เวียงพิงค์กำลังนึกสงสัยว่าเขาเป็นใคร เขากลับส่งคำถามนั้นมาก่อน

                    “ฉัน...” เวียงพิงค์กำลังจะเรียบเรียงคำอธิบายก็พอดีมีชายสูงวัยเดินเข้ามาขัดจังหวะก่อน

                    ชายสูงวัยยกมือไหว้ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเวียงพิงค์ ท่าทางรู้จักมักคุ้นกันดี

                    “สวัสดีครับผู้กอง”

                    เวียงพิงค์สะดุดหู เมื่อชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ตรงหน้าถูกเรียกว่า ผู้กอง

                    “สวัสดีครับ” คนหนุ่มทักทายตอบ

                    เวียงพิงค์ขมวดคิ้วเพราะไม่เห็นเขายกมือไหว้คนแก่ กลับเป็นคนแก่ยกมือไหว้เขาฝ่ายเดียว ดูเหมือนเขาจะเป็นที่เคารพยำเกรงมากทีเดียว

                    “สร้างบ้านไวดีนะครับผู้กอง ขยันทั้งคนงานทั้งเจ้าของเลย” ชายแก่ชมเปาะ

                    เวียงพิงค์ดูลักษณะหน้าตาชายสูงวัยแล้วเชื่อว่าน่าจะเป็นชาวไทยเชื้อสายม้งเหมือนกับครอบครัวของไหมซี

                    “อยากเร่งให้ทันเปิดหนาวนี้น่ะครับ” คนหนุ่มตอบ

                    เวียงพิงค์กำลังตั้งใจฟังเก็บข้อมูลเต็มที่ ชักจะประมวลผลได้บ้างแล้วว่าใครเป็นใคร พอดีไหมซีเดินมาถึง จึงเข้ามาแทรกกลางวง

                    “อ้าว ลุงหงวน มาเยี่ยมพ่อเหรอจ๊ะ” ไหมซียกมือไหว้ชายสูงวัย ผู้เป็นเพื่อนรุ่นพี่ของบิดา

                    “ว่าไงไหมซี กลับมาเมื่อไหร่ล่ะนี่ ลุงไม่ทันเห็น”

                    “เพิ่งมาเดี๋ยวนี้นี่ละจ้ะ เหงื่อยังไม่ทันแห้งเลย”

                    “เออดี ๆ มาดูแลพ่อ แกจะได้หายไว ๆ นะ”

                    ไหมซียิ้ม พูดคุยกับชายสูงวัยอีกนิดหน่อย ลุงหงวนก็ปลีกตัวเดินไปทางบ้านของไหมซีเพื่อเยี่ยมคนป่วย คราวนี้จึงเหลือเพียงหนุ่มสาวสามคน

                    “พิ้งค์รู้จักพี่วัศย์แล้วใช่ไหม” ไหมซีหันมาถามเพื่อน

                    เวียงพิงค์พอจะเดาได้แล้วว่าชายหนุ่มผู้นี้เป็นใคร แต่จะเรียกว่ารู้จักแล้วคงยังไม่ได้ หล่อนจึงส่ายหน้าเป็นคำตอบ

                    “อ้าว นี่ไงพี่วัศย์ เห็นยืนคุยกัน ยังไม่รู้จักกันเหรอ” ไหมซีทำหน้าเหลอหลา

                    อวัศย์ยืนนิ่ง มองสองสาวโต้ตอบกัน และเก็บข้อมูลในใจไปด้วย

                    “พี่วัศย์ นี่พิ้งค์ เวียงพิงค์ เพื่อนที่ไหมเล่าให้ฟังไง”

                    เวียงพิงค์ยกมือไหว้ผู้อาวุโสกว่าเมื่อถูกแนะนำตัว

                    ชายหนุ่มปรายตามองไปทางหญิงสาวร่างบาง ตัวสูงแค่ถึงไหล่ของเขาเท่านั้น คนนี้น่ะหรือ... เพื่อนสนิทที่ไหมซีพูดถึงบ่อย ๆ หน้าอ่อน ตัวเล็ก ยังดูเด็กอยู่มาก ไหมซีอายุยี่สิบสาม เพื่อนคนนี้ก็คงไล่ ๆ กัน แต่ถ้าบอกว่าเป็นเด็กมัธยมเขาก็คงหลงเชื่อ เมื่อครู่นี้จึงไม่ได้เฉลียวใจเลยว่าเป็นเพื่อนที่ไหมซีเคยเกริ่นไว้ นึกว่าเด็กที่ไหนเดินหลงเข้ามา

    +++++++++++++++++++++++++

        E-book พร้อมโหลดที่นี่ค่ะ

    Thumbnail Seller Link
    โอบรักไว้ด้วยสายหมอก
    ธุวดารา
    www.mebmarket.com
    นอนเขาค้อหนึ่งคืน อายุยืนหนึ่งปี เวียงพิงค์ชักไม่แน่ใจว่า คืนแรกบนเขาค้อของเธอ จะทำให้อายุยืนจริงหรือไม่ แต่ที่แน่ ๆ มีเรื่องให้ตื่นเต้นจนนอนไม่หล...
    Get it now
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×