คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่ 10++ฟูจิเมืองไทย++
รถยนต์ของอวัศย์ขับเคลื่อนไปตามถนน
มีเพียงไฟหน้ารถสาดส่องแสงนำทาง คนนั่งข้างหลังอย่างเวียงพิงค์นั่งใจเต้นตุ้ม ๆ ต่อม
ๆ เพราะไม่คุ้นชินกับการเดินทางขึ้นเขาในยามที่ไม่มีแสงสว่างจากดวงอาทิตย์แบบนี้
ยังไม่นับว่าคนขับสามารถประคองพวงมาลัยได้เพียงมือเดียว
ระหว่างทางหล่อนลอบชะโงกมองไปข้างหน้า ดูว่าอวัศย์ขับรถมือเดียวได้อย่างไร
จึงเห็นว่ารถของเขาน่าจะออกแบบติดตั้งอุปกรณ์มาโดยเฉพาะ
เกียร์น่าจะอยู่ตรงพวงมาลัยสะดวกต่อการบังคับ แต่ด้วยเส้นทางแบบนี้ เวียงพิงค์ก็อดหวั่นใจไม่ได้อยู่ดี
หล่อนไม่รู้ตัวว่า
อาการของตนตกอยู่ในสายตาของอวัศย์ผ่านทางกระจกมองหลังตลอดเวลา...
เมื่อถึงที่หมาย
เวียงพิงค์ถอนใจออกมาเหมือนยกภูเขาออกจากอก
ลงตรงจุดจอดรถแล้วต้องเดินขึ้นไปอีกหน่อย อวัศย์บอกตอนลงรถว่า
”มีใครหนาวไหม ในรถพี่มีแจ็กเกตนะ”
เขาถามรวม ๆ แต่ก็ตั้งใจเจาะจงเวียงพิงค์นั่นแหละ
เพราะไหมซีคนพื้นที่คุ้นชินกับอากาศแบบนี้อยู่แล้ว
ความเย็นระดับนี้ไม่ระคายผิวสาวชาวม้งหรอก ยังไม่เข้าฤดูหนาวเลยด้วยซ้ำ
“เอาไหมพิ้งค์
เสื้อตัวบางจะตาย” ไหมซีหันไปถามเพื่อน
เวียงพิงค์ส่ายหน้า
“ไม่จ้ะ
พิ้งค์ไม่หนาว”
“จริงอะ
ปกติเห็นขี้หนาวจะตาย”
เวียงพิงค์ยิ้ม
อวัศย์ก็มองอยู่ ยังไม่ล็อกรถเผื่อว่าหล่อนจะเปลี่ยนใจเอาเสื้อไปด้วย
“ถ้าหนาวเพราะแอร์น่ะไม่สู้
แต่หนาวธรรมชาติแบบนี้สู้ไม่ถอย” สาวชาวกรุงตอบ
ไหมซีพยักพเยิดหน้า
หันไปบอกอวัศย์ว่า “จริงค่ะพี่วัศย์ ตอนอยู่หอด้วยกันนะ
ยายพิ้งค์เปิดแอร์นอนที่อุณหภูมิ 27-28 ไหมตื่นมากลางดึกเหงื่อเต็มหลัง พอลดแอร์ลง
นางก็นอนสั่นอย่างกับผีเข้า อีกคนขี้ร้อน อีกคนขี้หนาว
มาเป็นเพื่อนกันได้ไงก็ไม่รู้เหมือนกัน”
อวัศย์ยิ้มมุมปาก
ไม่แสดงความเห็นอะไร เมื่อหล่อนยืนยันว่าไม่ต้องการเสื้อเขาจึงล็อกรถ
และทั้งสามก็ออกเดินขึ้นไปบนจุดชมวิวด้วยกัน ตอนนี้ยังมืดอยู่ สาว ๆ
นึกดีใจที่มีอวัศย์มาด้วย เพราะถ้าเดินกันมาสองคนก็วังเวงอยู่เหมือนกัน
แม้จะมีนักท่องเที่ยวทยอยขึ้นมาอยู่เป็นระยะก็ตาม
เมื่อขึ้นมาถึงด้านบน
เวียงพิงค์ก็เห็นเต็นท์หลายหลังกางอยู่ริมผา
แสดงว่าบนนี้เปิดให้นักท่องเที่ยวจองที่กางเต็นท์ได้เหมือนกัน
นักท่องเที่ยวเริ่มทยอยตื่นออกมารอชมวิวกันแล้ว
“ไหนล่ะ
ภูเขาฟูจิของไหม” เวียงพิงค์ถาม
ยังมองอะไรไม่ชัดนัก เห็นแต่ไฟจากบ้านเรือนเป็นจุด ๆ ที่ด้านล่าง
“เตรียมกล้องให้พร้อมเถอะ
เดี๋ยวพระอาทิตย์ขึ้นก็จะเห็นเอง” ไหมซีไม่พูดอะไรมาก
เพราะสิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น อีกครู่เดียว
เวียงพิงค์ก็จะได้เห็นด้วยตาของตัวเองอยู่แล้ว
รอเพียงไม่นาน
ฟ้าก็ค่อย ๆ สว่างขึ้น เห็นทิวทัศน์เบื้องหน้ารำไร ทะเลหมอกขาวโพลนไปหมด
นักท่องเที่ยวตื่นเต้นฮือฮากันยกใหญ่ เพราะพวกเขาดั้นด้นเดินทางมาก็เพื่อสิ่งนี้
เพื่อจะได้ยลโฉมทะเลหมอกบนยอดเขา
มองไปตรงขอบฟ้า
เริ่มเห็นลำแสงรำไร พระอาทิตย์ใกล้จะตื่นขึ้นมาทำหน้าที่ตามเวลาของมัน
เวียงพิงค์ยกกล้องถ่ายรูปขึ้นมาเก็บภาพรัว ๆ เวลานั้นแทบไม่ได้สนใจคนที่มาด้วยกัน
ต่างคนต่างสัมผัสความงดงามของธรรมชาติที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง
สักพักฟ้าสว่างเต็มที่แล้วจึงได้กลับมารวมตัว สองสาวผลัดกันถ่ายภาพเดี่ยว
และขอให้อวัศย์ช่วยถ่ายรูปคู่ให้ด้วย
เมื่อเห็นภาพทิวทัศน์รอบด้าน
360 องศาแล้ว ไหมซีไม่จำเป็นต้องอธิบาย เวียงพิงค์ก็สามารถเข้าใจความหมายของ ‘ภูเขาฟูจิ’ ที่เพื่อนว่าได้ด้วยตัวเอง
มองไปยังฝั่งที่พระอาทิตย์กำลังไขแสง
ณ ขอบฟ้า ตรงนั้นมีภูเขาตั้งตระหง่านอยู่เป็นพื้นหลัง
ดูคล้ายกับผุดขึ้นมาท่ามกลางทะเลหมอก ลึกลับ น่าค้นหา...หากเลือกยืนจากมุมที่ได้องศาแล้ว
ภูเขาลูกนี้มีความคล้ายคลึงกับลักษณะของภูเขาไฟฟูจิที่ญี่ปุ่นมากจริง ๆ
ไหมซีจึงว่านี่คือตำนานฟูจิเมืองไทย
“เป็นไง
สวยใช่ไหมล่ะ” สาวชาวม้งเห็นสีหน้าเพื่อนดื่มด่ำกับภาพธรรมชาติตรงหน้าแล้วก็ปลื้มใจ
ในฐานะคนพามาและคนท้องถิ่นที่เกิดที่นี่...โตที่นี่
“เราไม่เคยได้ยินชื่อที่นี่เลย” เวียงพิงค์หันมาสารภาพตามตรง มองเลยไปยังคนร่างสูงที่ยืนถัดจากไหมซีด้วย
อวัศย์ไม่ได้หันมาคุยด้วย
เขายืนนิ่งมองไปยังทะเลหมอกเบื้องหน้า ท่าทางเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่
แต่เวียงพิงค์คิดว่าเขาน่าจะฟังหล่อนกับไหมซีพูดกันอยู่ด้วย
แค่ไม่ได้เข้ามาร่วมวงพูดคุยด้วยเท่านั้น
“ที่จริงก็ดังนะ
เป็นจุดชมวิวยอดนิยมจุดนึงเลยละ”
“สวยจริง ๆ ไหม
คล้ายภูเขาไฟฟูจิจริง ๆ นะ”
ไหมซีบอกว่าที่นี่ชมทะเลหมอกได้
360 องศา เวียงพิงค์ก็เห็นจริง แต่ละทิศมีทะเลหมอกหนาบาง สวยงามมีเสน่ห์ไปคนละแบบ
เวียงพิงค์ชอบวิวทิศตะวันออกที่สุด
ได้เห็นพระอาทิตย์โผล่ขึ้นมาประดับฟ้าเคียงข้างกับภูเขาสูงตระหง่าน
ไหมซีบอกว่า
“ในบรรดาจุดชมวิว เราชอบที่นี่ที่สุด ถ้าจุดชมวิวข้างล่างมีทะเลหมอก
จุดนี้ก็ต้องมี แต่บางวันจุดชมวิวข้างล่างไม่มี หรือมีแค่หมอกฟุ้ง ๆ
แต่เขาตะเคียนโง๊ะก็ยังมีลุ้นทะเลหมอกอยู่”
เวียงพิงค์พยักหน้าเข้าใจ
หล่อนยังไม่เคยไปจุดชมวิวอื่นของเขาค้อ ไหมซีพามาที่แรกก็ตกหลุมรักเข้าเสียแล้ว
ไม่แน่ว่าจะมีจุดอื่นมาโค่นแชมป์ได้หรือไม่
“พี่วัศย์ล่ะคะ
ชอบวิวที่นี่ไหม” ไหมซีหันไปถามชายร่างสูงคนข้าง
ๆ บ้าง เขายืนฟังสองสาวเงียบ ๆ อยู่นาน ไหมซีจึงชวนคุย
อวัศย์หันมาแล้วก็ยิ้ม
ตอนนั้นพระอาทิตย์สาดแสงมาพอดี ...
เวียงพิงค์หยีตาลง
รอยยิ้มของเขาต้องแสงตะวันช่างดูอบอุ่นทำให้ใบหน้าดุ ๆ นั้นดูอ่อนโยนลงมาก
ถ้าเขายิ้มแบบนี้บ่อย ๆ แทนที่หน้านิ่ง ๆ ตาดุ ๆ ก็คงดี
ที่ไหมซีว่าใครต่อใครไม่กล้าเข้าหาเขาก็คงจะค่อยดีขึ้น
“โชคดีที่พี่ตื่นมาเจอไหมกับเพื่อน
ไม่งั้นคงพลาดของดี” เขาไม่ได้ตอบว่าชอบหรือไม่ชอบตรง ๆ
แต่แค่นั้นไหมซีก็ยิ้มแก้มปริแล้ว
อวัศย์ตอบแค่นั้นแล้วก็หันไปมองทิวทัศน์เบื้องหน้าต่อ
เขาเคยขึ้นมาที่นี่ครั้งหนึ่งแล้ว แต่วันนั้นไม่มีทะเลหมอก
และไม่ได้มาตอนพระอาทิตย์ขึ้น สถานที่เดียวกัน แต่ต่างเวลา ต่างวาระ
ให้อารมณ์ที่แตกต่างกัน
อวัศย์เคยไปชมทะเลหมอกที่จุดชมวิวหลายจุดในเขาค้อ
แต่รู้สึกว่าที่นี่มีความพิเศษบางอย่าง ให้ความรู้สึกสงบกับเขาได้
ทั้งที่มีนักท่องเที่ยวมากมายห้อมล้อม ขึ้นมาวันนี้นับว่าไม่เสียเที่ยว
อวัศย์ชักจะติดใจที่นี่
และดูท่าสาวชาวกรุงที่มาด้วยกันแล้วหล่อนก็คงรู้สึกไม่ต่างจากเขา
+++++++++++++++++++
E-book ออกใหม่สด ๆ ร้อน ๆ ขอฝากด้วยนะคะ ^_^
|
|
ความคิดเห็น