ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    my ballerina is you only(fanfic vanguard)

    ลำดับตอนที่ #1 : act I คำสัญญาในวัยเด็ก

    • อัปเดตล่าสุด 9 ต.ค. 58




              
              การแสดงบัลเล่ต์เรื่องGiselle(จิเซล) รอบสุดท้ายของคณะบัลเล่ต์เอบิงด้อนที่จัดขึ้น ณ โรงละครซึ่งจุคนไดัประมาณพันกว่าที่นั่งแห่งหนึ่งในเมืองอ๊อกซฟอร์ดประเทศอังกฤษมีผู้เข้าชมเต็มทุกที่นั่งเพราะคณะบัลเล่ต์นี้เป็นคณะบัลเล่ต์ที่มีชื่อเสียงมากคณะหนึ่ง ผูัที่รับบทเป็นจิเซลและอัลเบรชในรอบนี้ก็คือมาเรน่า ไรท์และโทชิกิ ไค ซึ่งทั้งสองคนเป็นนักเรียนบัลเล่ต์ที่ถูกคัดเลือกจากโรงเรียนให้มีโอกาสได้ร่วมแสดงกับนักบัลเล่ต์อาชีพของคณะ
           
             ทันทีที่ไคปรากฎตัวบนเวทีก็ได้รับเสียงปรบมือจากผู้ชม
          
             “อุ๊ยนั่น อัลเบรชออกมาแล้วล่ะลาล่า” หญิงสาวคนหนึ่งสะกิดเพื่อนที่นั่งข้างๆ
          
             “แต่ นั่นไม่ใช่คาร์ลอส พระเอกในดวงใจฉันนี่นาแพท”ลาล่าพูดพร้อมกับยกกล้องส่องทางไกลขึ้นดู
          
             แพทก้มอ่านข้อมูลของนักแสดงที่มีอยู่ในสูจิบัตรที่เธอได้รับ
          
             “โทชิกิ ไค(16)กับมาเรน่า ไรท์(16) นักเรียนจากโรงเรียน Abingdon Ballet School”
          
             “ โอ้โห นี่ขนาดเป็นนักเรียนยังเต้นได้ดียังกับมืออาชีพเลยนะเนี่ย สมแล้วที่เป็นคณะบัลเล่ต์ชื่อดัง”แพทออกความเห็น
          
             “ใช่ๆ โดยเฉพาะพระเอก เพิ่งจะอายุแค่สิบหกยังหน้าตาดีขนาดนี้ ถ้าโตกว่านี้คงจะหล่อน่าดู ยังงี้ฉันต้องขอสมัครเป็นแฟนคลับแล้วล่ะ” ลาล่าพูดเสริมด้วยท่าทีที่เคลิ้มฝันจนทำให้แพทอดที่จะขำเพื่อนของเธอไม่ได้ แต่เธอก็เห็นด้วยกับความคิดของเพื่อน
         
             การแสดงของไคและมาเรน่าได้รับการตอบรับจากผูัชมเป็นอย่างดีเพราะรูปร่างหน้าตาและการเต้นที่ถูกต้องสวยงาม การสี่ออารมณ์ของตัวละครก็ทำได้ดี
         
             เรื่องราวก็ได้ดำเนินมาถึงตอนจบ วิญญาณของจิเซลที่กลายเป็นวิลลี่เนื่องจากความรักที่ไม่สมหวังได้ช่วยอัลเบรชให้พ้นจากมนต์สะกดของเหล่าวิลลี่ก่อนจะค่อยๆหายกลับเข้าหลุมฝังศพไป ทิ้งให้อัลเบรชเศร้าเสียใจเพราะการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของหญิงที่ตนรักเพียงลำพัง จากนั้นม่านบนเวทีก็ค่อยๆปิด  เป็นฉากจบที่เรียกน้ำตาจากผู้ชมได้เป็นจำนวนมากเพราะไคและมาเรน่าสามารถสื่ออารมณ์ของตัวละครออกมาได้อย่างท่วมท้น 
          
             ทันทีที่การแสดงจบ เสียงปรบมือและเสียงโห่ร้องแสดงความชื่นชมก็ดังกึกก้อง
    ไปทั่วทั้งฮอลล์เป็นระยะๆ
         
            “เสียงปรบมือดังมากเลยนะโทชิกิ”
        
            “นั่นสิ ไปกันเถอะมาเรน่า ออกไปโค้งให้คนดูกัน”ไคจับมือมาเรน่าให้ไปที่หน้าเวทีด้วยกันเมื่อม่านเปิดอีกครั้ง เหล่าบรรดานักแสดงทั้งหมดต่างก็ออกมารวมตัวกันบนเวที บรรดาตัวละครหลัก วาทยากรผู้ควบคุมวงออเคสตร้าและผู้อำนวยการสร้าง ทยอยกัน
    ออกมาโค้งเพื่อแสดงความขอบคุณและรับช่อดอกไม้จากผู้ชมจนกระทั่งม่านปิดแล้วจริงๆ การแสดงประสบความสำเร็จอย่างงดงาม
     
           
            ที่ด้านหลังของโรงละคร เหล่าสต๊าฟและนักแสดงต่างพากันเปลี่ยนเสื้อผ้าเก็บข้าวเก็บของเพื่อแยกย้ายกลับบ้าน มีบางส่วนก็นัดกันไปเลี้ยงฉลองกันต่อ
           
            ไคเองก็กำลังจะกลับหอพักเช่นกัน ขณะที่กำลังรอรถประจำทางก็มีรถคันหนึ่งมาจอดตรงหน้า “โทชิกิ ฉันกำลังจะไปทานข้าวกับพ่อแม่ ไปด้วยกันไหม” รถคันนี้เป็นของมาเรน่านี่เอง เธอบอกให้พ่อจอดรถเพื่อชวนไคไปทานข้าวด้วยกัน
         
            “ขอบใจที่ชวนนะมาเรน่าแต่ฉันอยากกลับหอเร็วๆน่ะ ” ไคปฏิเสธคำชวนเพราะเขาอยากกลับไปพักผ่อน พรุ่งนี้เขาคิดจะออกเดินทางกลับญี่ปุ่นแต่เช้า
         
            “งั้นเจอกันพรุ่งนี้นะ บาย”
    ไคโบกมือตอบ แล้วรถของมาเรน่าก็เคลื่อนออกไป ส่วนไคก็ยืนรอรถประจำทางอยู่สักพักรถประจำทางก็มา ไคจึงขึ้นรถกลับหอพัก
     
           
            เมื่อไคกลับมาถึงหอพักอาจารย์ผู้ดูแลหอก็เรียกตัวไว้เนื่องจากมีโทรศัพท์ทางไกลจากญี่ปุ่น
         
            “สวัสดีครับ ไค โทชิกิพูดครับ”
          
            ((โทชิกิคุง นี่น้าเองนะ)) คนที่โทรมาหาเขาคือทาคุโตะเป็นน้องชายแท้ๆของโทโกะแม่ของเขานั่นเอง ((น้าจะโทรมาถามว่าพรุ่งนี้จะมาถึงญี่ปุ่นกี่โมง จะได้ไปรับ))
         
            “น่าจะไปถึงช่วงดึกๆหน่อยครับ”
         
            ((โอเค ถ้ามาถึงเมื่อไรก็รีบโทรมาบอกนะจะได้รีบไปรับ คนที่คฤหาสน์ทัตสึนากิเขาบ่นคิดถึงจะแย่แล้ว บอกว่าอยากเจอตัวไวๆ))
         
             “ขอบคุณครับคุณน้า แล้วเจอกันนะครับ”ไคยิ้มน้อยๆอย่างอ่อนโยนเมื่อนึกถึง
    ทุกคนที่คฤหาสน์ทัตสึนากิ
          
             ((อื้อ แล้วเจอกัน))
     
         
              ไค โทชิกิ เด็กหนุ่มอายุสิบหกปี เป็นนักเรียนของโรงเรียนAbingdon Ballet School แห่งนี้มาได้หกปีแล้ว เขาเลือกเรียนที่นี่เพราะการสอนบัลเล่ต์ของที่นี่เข้มงวดมากและพ่อของเขาก็เคยเป็นศิษย์เก่าของโรงเรียนด้วย
         
              นักเรียนของที่นี่จะอยู่ร่วมกันในหอพักของโรงเรียนเพื่อให้คุ้นเคยกับการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นและเป็นการลดเวลาการเดินทางเพื่อให้นักเรียนมีเวลาสำหรับการเรียนมากขึ้น
         
              ห้องพักของไคอยู่ชั้นสาม เมื่อขึ้นมาถึงจะต้องเดินผ่านห้องโถงซึ่งทำเป็นห้องนั่งเล่นเล็กๆ ที่ห้องนั่งเล่นนี้จะเป็นที่ที่นักเรียนจะมานั่งจับกลุ่มพูดคุยกันเรื่องการเรียนและเรื่องสัพเพเหระ เขาพบมุทสึกิ จุนซึ่งเป็นรูมเมทของเขากับเพื่อนคนอื่นๆกำลังศึกษาการเต้นจากวีดีโออยู่
        
             “กลับมาแล้วเหรอคุณพระเอก เหนื่อยเลยนะวันนี้” มุทสึกิชอบเรียกไคว่าคุณพระเอกก็เพราะว่าเวลาที่มีการแสดงเขามักจะได้เป็นตัวเอกอยู่บ่อยครั้ง
         
             “อา” ไคพยักหน้ารับ
       
             “พรุ่งนี้ก็ต้องเดินทางแล้วใช่มั้ยล่ะ”
        
             “พรุ่งนี้นายมีการแสดงอีกเหรอ ฮอตจริงนะนายเนี่ย”
        
             “ไม่ใช่ หมอนี่เขาจะกลับญี่ปุ่นต่างหากล่ะ”
      
             “ฮ้า! กลับญี่ปุ่น? ทำไมล่ะ?”
       
             “ ฉันได้ยินพวกอาจารย์เค้าคุยกันว่าจะรับนายเข้าคณะด้วยนะ คณะบัลเล่ต์ที่อื่น
    ก็มาทาบทามนายไว้ตั้งเยอะ”
         
             “ฉันตั้งใจว่าจะกลับไปเรียนต่อให้จบมัธยมปลายก่อนน่ะ เรื่องอื่นค่อยว่ากัน”
        
             “น่าเสียดายนะ โดยเฉพาะพวกสาวๆถ้ารู้ว่านายไม่อยู่ที่นี่แล้วคงจะเศร้ากันน่าดู”
        
             “หมอนี่ไม่สนใจสาวๆที่นี่หรอกน่า เพราะเขามีสาวในดวงใจให้กลับไปหาอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ  รักแรกตั้งแ่สมัยเด็กๆที่นายเคยพูดถึงไง” ไคไม่พูดอะไรมีเพียงรอยยิ้มน้อยๆแทนคำตอบ
        
             “ยิ้มแบบนี้แสดงว่าใช่น่ะซี่  ชักอยากจะเห็นหวานใจของนายซะแล้วซิ”
        
             พอได้ยินดังนั้นมุทสึกิจึงควักเอาโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง”ฉันมีรูปของเธอด้วยนี่ไง คนที่ผมสีฟ้าๆน่ะ”เขาโชว์รูปในโทรศัพท์ให้เพื่อนๆมารุมดู เป็นรูปของเด็กสาวหน้าตาน่ารัก ผิวขาว ใส่ชุดบัลเล่ต์สีขาว ผมสีฟ้าถูกเกล้าขึ้นและสวมมงกุฎอันเล็กๆ  ไคร้องเฮ้ยด้วยความตกใจ  รูปของเขาถูกเจ้าเพื่อนตัวดีมาแอบโหลดเอาไปตอนไหนกันนะ
         
            “ไหนๆ ว้าว!น่ารักอ่ะ”
        
            “น่ารักใช่มั้ยล่ะ ฉันเคยได้คุยกับเธอด้วย”
        
            "นายนี่ชอบแอบมาดูโทรศัพท์ของฉันอยู่เรื่อย"
         
            "แค่นิดๆหน่อยๆเอง ทำเป็นงกไปได้ แล้วนี่จะเข้าห้องแล้วเหรอ"
         
            “จะรีบไปคุยสาวกับล่ะซิ  ใช่ม้า"
         
            "หนวกหูน่า!"
        
           "ไม่ต้องเขินหรอกน่า  แหมๆอิจฉาคนมีแฟนจริงๆเล้ย ฮ่าๆๆๆๆ” เมื่อถูกแซวแบบนี้แล้ว ไคจึงรีบเดินกลับห้องด้วยความเขินโดยมีเสียงหัวเราะของเพื่อนๆไล่หลัง
                                         .
                                         .
                                         .
                                         .
         
           “ว้าว! พี่คะดูสิๆ ไวท์คริสต์มาสล่ะ” เด็กผู้หญิงคนหนึ่งกำลังวิ่งอยู่ท่ามกลางหิมะที่ค่อยๆปรอยปรายลงมา และมีเด็กผู้ชายที่น่าจะมีอายุมากกว่าเดินตามข้างหลัง
           “พี่คะ อย่างฉันเนี่ยจะเป็นพรีม่าบัลเลริน่า*ได้หรือเปล่านะ”เด็กผู้หญิงคนนั้นหันกลับไปถามคนที่เธอเรียกว่าพี่
     
         ( * พรีม่าบัลเลริน่าคือนักบัลเล่ต์หญิงที่เป็นตัวเอกที่เก่งที่สุดและโดดเด่นที่สุด)
            
           “นั่นสินะ อย่างไอจิอาจจะเป็นได้ก็ได้นะ”เด็กชายคนนั้นตอบยิ้มๆ เมื่อได้ยินดังนั้นเด็กหญิงยิ้มอย่างอารมณ์ดี ดูท่าทางเธอจะพอใจกับคำตอบที่ได้รับ
           
           "แล้วพี่ละคะ ไม่อยากเป็นอะไรบ้างเหรอ?"
          
           เด็กชายนิ่งอยู่พักหนึ่ง"นั่นสิถ้าไอจิเป็นพรีม่าได้ พี่ก็จะตั้งคณะบัลเล่ต์ให้ไอจิเป็นตัวเอกประจำคณะเลยดีมั้ย?"
           
          "ดีค่ะ  พี่พูดจริงๆนะ?"
           
          "จริงสิ! สัญญาเลย" แล้วเด็กชายก็ยื่นตุ๊กตากล่องดนตรีที่เตรียมเอาไว้เป็นของขวัญวันคริสต์มาสให้เด็กหญิง
         
          
     
            ......ฝัน.......?
           ไอจิค่อยๆลืมตาตื่นเมื่อรู้สึกตัว เธอค่อยๆลุกขึ้นนั่งแล้วบิดขี้เกียจนิดหน่อยก่อนจะหยิบกล่องดนตรีซึ่งเป็นของขวัญวันคริสต์มาสที่ได้รับเมื่อหกปีก่อนมาไขลาน เสียงของมันทำให้ชวนนึกถึงสมัยตอนเป็นเด็กๆ     
         
           สงสัยเป็นเพราะเมื่อคืนเธอคุยโทรศัพท์กับไคเลยทำให้เธอฝันถึงเรื่องเมื่อตอนหกปีที่แล้วในคืนเทศกาลคริสต์มาส เธอกับไคได้ไปชมการแสดงบัลเล่ต์เรื่องThe Nutcracker ของคณะบัลเล่ต์Bolshoi(บอลชอย)ที่นิวเนชันแนลเธียร์เตอร์โตเกียวด้วยกัน ไอจิประทับใจการแสดงของสเวทลาน่าที่เล่นเป็นSugar plum fairy(ชูการ์พลัมแฟรี่)มากจึงคิดอยากเป็นพรีม่าบัลเลริน่าแบบเธอ
         
           “อรุณสวัสดิ์เอมิ”ไอจิจัดการธุระส่วนตัวเสร็จจึงเดินลงมาที่โต๊ะรับประทานอาหารที่อยู่ถัดจากห้องครัว
          
           “อรุณสวัสดิ์จ๊ะไอจิ วันนี้มีกิจกรรมที่โรงเรียนเหรอ”เอมิค่อยๆส่งถ้วยโกโก้อุ่นๆให้ ไอจิค่อยๆรับมาดื่ม การดื่มโกโก้อุ่นๆในตอนเช้าทำให้ไอจิรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาก
         
           "อื้อ อาจารย์ที่ปรึกษาของชมรมเค้านัดให้ไปซ้อมการแสดงสำหรับวันปฐมนิเทศน่ะ"
         
           "อือฮึ  งั้นฉันก็จะได้ดูไอจิขึ้นเวทีนะสิพยายามเข้านะไอจิ"เอมิยกอาหารเชัาที่ชิซึกะเตรียมไว้มาให้ไอจิและต้วเธอเอง อาหารเช้าวันนี้คือสลัดอะโวคาโดกับกุ้งและขนมปังทาเนยพีนัทบัตเตอร์
        
           "ขอบใจจ๊ะเอมิ"

            เซ็นโด ไอจิและเซ็นโด เอมิ ทั้งสองคนเป็นนักเรียนของโรงเรัยนมิยาจิกักคุเอ็น ปีนี้ไอจิเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้นปีสาม ส่วนเอมิก็เลื่อนชั้นเป็นนักเรียนชั้นมัธยมต้นปีที่หนึ่งซึ่งจะต้องเข้าร่วมพิธีปฐมนิเทศด้วย
         
           "ขอบคุณสำหรับอาหารค่ะ"
      ไอจิลุกเอาจานที่กินเสร็จแล้วไปลัางให้เรียบร้อยจากนั้นก็สำรวจตัวเองเล็กน้อยก่อนออกจากบ้าน "ไปแล้วนะคะ"
           
           " ไปดีมาดีนะจ๊ะ"
     
         
           เมื่อไอจิไปถึงที่โรงเรียนก็ได้เจอกับคาสึมิและยูกะเพื่อนสนิทที่อยู่ห้องเดียวกันและชอบบัลเล่ต์เหมือนกันอีกด้วย
         
           "ไม่ได้เจอไอจิตั้งสองวัน คิดถึงจังเล้ย" คาสึมิตรงเข้ากอดไอจิทันทีที่ได้เจอกัน เธอชอบกอดไอจิมากเพราะไอจิตัวนุ่มนิ่มแล้วก็หอม
           “เวอร์ไปแล้วคาสึมิจัง"

           "ไอจัง คาสึมิจัง รีบไปกันเถอะเดี๋ยวจะเข้าชมรมสายนะ" ยูกะเร่งเพื่อนทั้งสองคนให้รีบๆไปเปลี่ยนชุดก่อนเข้าชมรม
         
            ห้องชมรมของพวกเขาอยู่ในหอประชุมทัตสึนากิฮอล์ซึ่งเป็นหอประชุมขนาดใหญ่ของโรงเรียนมิยาจิกักคุเอ็น ห้องชมรมกว้างมีกระจกเงาและบาร์สำหรับวางมือขณะฝึกเต้นอยู่รอบหัอง เพดานสูงประดับด้วยไฟสปอต ไลต์ พื้นไม้ยกสูงเพื่อป้องกันการบาดเจ็บของนักเรียน
           
           "อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณมิซากิ"

           "อรุณสวัสดิ์จ๊ะ"พวกไอจิพากันทักทายมิซากิซึ่งเป็นรุ่นพี่ในชมรม ทุกคนพากันยืดกล้ามเนื้อเพื่อเป็นการวอร์มร่างกาย
             
           "ปีนี้ชมรมเราจะแสดงเรื่องอะไรกันนะ"ไอจิถามขึ้นด้วยความอยากรู้ 
               
           "ไม่รู้สิ แต่ปีที่แล้วสนุกมากเลย นายคิชิดะแต่งตัวเป็นผู้หญิง เล่นเอาคนดูฮากันทั้งหอประชุม เสียดายที่ไอจิไม่สบายเนอะ" คาสึมิย้อนความเรื่องการแสดงเมื่อปีที่แล้ว
             
           "ปีที่แล้วพวกเราเล่นเรื่องซินเดอเรลล่าจ๊ะ โควรินจังกับอิชิดะคุงเป็นซินเดอเรลล่ากับเจ้าชาย ส่วนคุณคิชิดะแล้วก็ฉันกับคาสึมิจังเล่นเป็นแม่เลี้ยงกับพี่สาวที่คอยแกล้งโควรินจังจ๊ะ"ยูกะเล่ารายละเอียดให้ไอจิฟัง

            เวลาผ่านไปครู่หนึ่งพวกอาจารย์ที่ปรึกษาของชมรมก็มา
               
             "เอ้า!เด็กๆทุกคนวอร์มร่างกายแล้วก็ไปประจำที่บาร์เลย เราจะเริ่มกันแล้วนะ
     
           ก่อนซ้อมการแสดง  ทุกคนจะทบทวนท่าบัลเล่ต์พื้นฐานก่อนโดยเริ่มจากการเต้นที่บาร์เมื่อจบการเต้นที่บาร์แล้วก็จะเป็นการเต้นกลางฟลอร์และจบด้วยการคูลดาวน์
     
            พอจบการฝึกก็ให้ทุกคนได้พักสักครู่ ระหว่างนั้นอาจารย์นิตตะก็เล่าเรื่องละครที่จะเล่นในคราวนี้ให้ฟังแบบย่อๆ
             
            จิ
    เซลเป็นละครบัลเล่ต์ในยุคสมัยโรแมนติก เป็นเรื่องราวโศกนาฏกรรมความรักของหญิงสาวผู้มีนามว่าจิเซล  จิเซลเป็นหญิงสาวชาวบ้านธรรมดาผู้อ่อนต่อโลกและมีหัวใจที่ไม่แข็งแรง วันหนึ่งเธอได้พบกับอัลเบรชชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่งซึ่งเป็นถึงขุนนางชั้นสูงแห่งตระกูลซิลเลเซียแต่ปลอมตัวมาเป็นชาวบ้านเพื่อจะมาพบกับเธอซึ่งถูกหมายตาเอาไว้  จิเซลตกหลุมรักอัลเบรชในทันทีโดยไม่ฟังคำเตือนของฮิลลาเรี่ยนชายผู้แอบรักเธอมาเป็นเวลานาน จนวันหนึ่งเธอก็ได้รู้ความจริงว่าชายที่เธอรักนั้นเป็นถึงขุนนางชั้นสูงและเขาก็มีคู่หมั้นอยู่แล้ว เธอกลายเป็นคนเสียสติและสิ้นใจไปในที่สุด
         
           หลังจากที่จิเซลตายเธอก็กลายเป็นวิลลี่ 
    ฮิลลาเรี่ยนและอัลเบรชที่มาเยี่ยมหลุมศพของจิเซลที่อยู่ในป่าในตอนกลางคืนก็ถูกเหล่าวิลลี่ทั้งหลายบังคับให้เต้นรำ ฮิลลาเรี่ยนเกือบจะตายเขาหมดสติในป่าส่วนอัลเบรชได้จิเซลช่วยเหลือไว้ได้ เธอให้อภัยในความผิดของอัล
    บรชและบอกลาก่อนจะจากไปในตอนเช้า
          
           “ผู้ชายอะไรเลวมาก น่าจะถูกฆ่าให้ตายไปเลย!” ระหว่างที่ฟังเรื่องราวของจิเซลคาสึมิอินกับบทมากถึงกับแช่งชักหักกระดูกอัลเบรชตลอดเรื่องเลยทีเดียว ส่วนเพื่อนคนอื่นๆของไอจิต่างก็ออกความเห็นกันต่างๆนาๆ
           
          “น่าๆ มันเป็นแค่เรื่องแต่งขึ้นนะคาสึมิจัง”ยูกะปลอบคาสึมิให้ใจเย็นลง “แต่ถ้าเป็นฉัน ฉันคงจะตบอัลเบรชให้หายแค้นแล้วหันไปคบกับ ฮิลลาเรี่ยนแทนซะเลยละมั้งนะ”
          
          ยูกะหัวเราะฮุฮุแต่ทำหน้าน่ากลัวจนคาสึมิรู้สึกสยอง”ยูกะนี่ก็แอบโหดเหมือนกันนะเนี่ย”
        
         “ถ้าเป็นผมผมจะไม่ทำอย่างอัลเบรชเด็ดขาด”
          
         “อัลเบรชนี่ศัตรูของผู้หญิงชัดๆ”
          
         “นั่นสิ ทรยศคู่หมั้นตัวเองไม่พอ แถมยังมาหลอกจิเซลอีก”
        
         “ใช่ๆ ให้จิเซลเป็นแฟนกับฮิลลาเรี่ยนยังจะดีซะกว่า”
         
          “เอ้าๆทุกคนฟังทางนี้ก่อน ครูจะประกาศรายชื่อตัวแสดงแล้วนะ” ครูนิตตะรีบห้ามก่อนที่บทสนทนาจะบานปลายไปมากกว่านี้
         
          “เซ็นโด ไอจิจัง เล่นเป็นจิเซลนะ”
        
          “เอ๋~~~~~~~~~~?” ไอจิออกอาการตกใจทันทีที่ได้ยิน
        
         “สึซึกาโมริ เร็นคุง เป็นอัลเบรช”
        
          “ยอดไปเลย ยินดีด้วยนะเร็นจัง”อาซากะแสดงท่าทางดีใจกับเพื่อนสนิท
         
         “ขอบใจนะอาจัง”
        
          “อิชิดะ นาโอกิคุงเป็นฮิลลาเรี่ยน”
         
          “โอ้!”
        
           ครูนิตตะแจกแจงบทให้จนครบทุกคน อาซากะเล่นเป็นคู่หมั้นของอัลเบรช ยูริเล่นเป็นราชินีของเหล่าวิลลี่ มิซากิกับเพื่อนๆของไอจิและสมาชิกที่เหลือเล่นเป็นชาวบ้านกับเหล่า
    วิลลี่
         
         “ให้เราเป็นจิเซลจะดีเหรอเนี่ย”
        
          “น่าๆ ไอจิเป็นจิเซลนั่นแหละดีแล้ว”
        
         “ใช่ๆไอจิน่ะเหมาะกับบทจิเซลจะตาย”
         
          “ฉันเห็นด้วย ก็เพราะไอจิน่ะน่ารักน่าแกล้ง ดูไร้เดียงสา แถมยังดูหลอกง่ายด้วย” ไอจิช๊อคกับความคิดเห็นจากเพื่อนๆ นี่เราดูเป็นคนแบบนั้นเหรอเนี่ย เธอยืนสลดอยู่ตรงมุมห้อง
         
          “ไอจังๆ” เร็นเรียกไอจิจากข้างหลังและยื่นนิ้วชี้ไปใกล้ๆแก้มของไอจิโดยกะระยะให้พอดี
         
          ‘จึ๊ก' เมื่อไอจิหันไปนิ้วของเร็นก็จิ้มที่แก้มเธอแล้วไอจิยิ่งสลดเข้าไปใหญ่ นี่เราเป็นพวกที่ถูกหลอกเอาได้งายๆจริงๆซินะ
         
           “มาพยายามด้วยกันนะไอจัง”เร็นยิ้มขำท่าทางของไอจิด้วยความเอ็นดู
        
         “ค่ะ”
         
          จากนั้นไอจิกับเร็นก็ซ้อมเต้นคู่กัน ส่วนคนอื่นๆก็แยกย้ายกันไปซ้อมเต้นตามบทที่แต่ละคนได้รับโดยมีอาจารย์มาร์คและอาจารย์นิตตะคอยดูแลให้คำแนะนำ  
     
     
        
         “ยินดีด้วยจ้าไอจิ แบบนี้ต้องทำอาหารสูตรพิเศษสไตล์ชิซึกะซะแล้ว” เมื่อไอจิกลับถึงบ้านเธอเล่าเรื่องที่เธอถูกเลือกให้เป็นจิเซลให้ชิซึกะและเอมิฟัง ชิซึกะดีใจมาก ถึงกับทำอาหารเมนูพิเศษเสียเต็มโต๊ะ
     
           “คุณแม่ทำอาหารฝรั่งเศสแบบฟูลคอร์สเลยเหรอเนี่ย”
     
          “ฉลองที่ไอจิได้เป็นจิเซลจ๊ะ ทานเยอะๆนะ”
      
          “ดีใจด้วยนะไอจิ”
     
          “ขอบใจจ๊ะเอมิ”
     
          หลังอาหารมื้อเย็นก็ได้เวลาพักผ่อน ไอจิก็จะเอารองเท้าบัลเล่ต์มานั่งเย็บซ่อมแซมที่ห้องนั่งเล่น เธอเห็นชิซึกะกับเอมินั่งอยู่ก่อนแล้วก็เลยเข้าไปนั่งด้วย ชิซึกะกำลังดูอัลบั้มรูปถ่ายสมัยที่เธอยังเป็นนักบัลเลต์อยู่ “พอดีแม่นึกถึงตัวเองตอนสมัยสาวๆน่ะจ้ะเลยเอารูปออกมาให้เอมิดูด้วย
      
           “คุณแม่สวยมากเลยค่ะ”ไอจิออกความเห็นเมื่อได้ดูรูปถ่ายของแม่เธอ
      
          ชิซึกะยิ้มอย่างอารมณ์ดีแล้วเธอก็ทำท่านึกอะไรขึ้นมาได้“จริงสิ!แม่จำได้ว่าแม่มีชุดของจิเซลที่เคยใส่ตอนสมัยสาวๆเก็บไว้อยู่นี่นา เดี๋ยวแม่เอามาให้ไอจิลองใส่ดูดีกว่านะจ๊ะ  ว่าแล้วเธอก็ไปหาชุดที่เธอพูดถึง
     
            ชุดจิเซลของชิซึกะเป็นชุดทูทู่แบบโรแมนติกยาวถึงครึ่งน่อง  ตัวเสื้อเป็นเสื้อคอระบายส่วนแขนเสื้อแบบตุ๊กตาตกแต่งด้วยริบบิ้นสีนำ้เงินเข้ม มีผ้ารัดใต้อกที่ทำจากผ้าสเปนเด็กซ์สีฟ้านำ้ทะเลตกแต่งด้วยริบบิ้นสีฟ้า กระโปรงเป็นผ้าเนื้อบางเบาสี่ชั้นชั้นในสุดเป็นสีฟ้าอ่อน ไอจิลองใส่ก็ปรากฎว่าใส่ได้พอดี
      
           “แหม ไม่ต้องแก้เลยนะเนี่ย ใส่ได้พอดีเลย”พอลองให้เกล้าผมและประดับด้วยดอกไม้สีขาวก็ทำให้ไอจิดูเป็นสาวน้อยที่ไร้เดียงสามากขึ้น ชิซึกะบอกว่าไอจิเหมือนตัวเองตอนสมัยสาวๆมาก
       
          “ไอจิน่ารักจัง”
      
           “ขอบใจจ๊ะเอมิ”ไอจิพูดขอบคุณเบาๆด้วยความเขินอาย
      
          “ไอจิ หนูว่าเราเอาวีดีโอเก่าๆที่คุณแม่เป็นจิเซลมาดูกันเถอะ”
       
         “อื้อ!ก็ดีเหมือนกันนะ”

     
        
             
     
     
         

           
         

          

              


              

             

              
              
     
              

        

     
             


             

              
     
               
     
    ??????????????????????????????????
                
         สวัสดีค่ะผู้อ่านที่รัก อ่านแล้วเป็นอย่างไรบ้าง เราลองแก้เนื้อเรื่องใหม่ให้ยาวขึ้นแล้วนะคะ
          ตอนงานปฐมนิเทศนี้ก็ตั้งใจว่าจะแบ่งเป็น 2 องก์ เหมือนละครบัลเล่ต์ค่ะ
          สำหรับใครที่เป็นผู้รู้ทางด้านบัลเล่ต์ ก็ให้คำแนะนำหรือชี้แจงมาได้นะคะ แบบว่าผู้เขียนก็ไม่ได้มีความรู้ทางด้านนี้ลึกซึ้งมาก(แต่ก็ยังอยากจะเขียน)
       สำหรับตอนหน้า ไอจิจะได้ขึ้นเวทีซะทีนะคะ ก็ขอฝากสาวน้อยบัลเล่ต์กับคุณพระเอกไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ  เจอกันตอนหน้าค่ะ
     
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×