คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : 01 :: Bodyguard ?
CHAPTER 1
“Bodyguard?”
การหางานทำในโซลภายในระยะเวลาแค่อาทิตย์เดียวหลังจากเตะฝุ่นมาแรมปีนั้นง่ายแสนง่ายเหมือนการแกะเปลือกลูกอมซักเม็ด . .
ซะที่ไหนกันล่ะครับ
ถ้าเปรียบการหางานของเขามันง่ายเหมือนการแกะเปลือกลูกอมละก็ ลูกอมเม็ดนั้นก็คงมีพนักงานโรงงานเผลอทำกาวตราช้างหยดใส่แน่ๆถึงแกะไม่ออกสักที
หลังจากตระเวนเดินหางานไปทั่วตามเดิม สิ่งได้ที่ได้ตอบรับกลับมาก็มีเพียงแค่ก้อนกลมๆขาวๆ(แห้ว) ก็พอรู้ว่าไอ้สายงานที่จบมามันใช่ว่าจะหางานง่ายๆ แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะยากเย็นจนถึงขนาดต้องมานั่งแดกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแทนข้าวจนจะเป็นโรคขาดสารอาหารตายอยู่อย่างทุกวันนี้
อยากรู้กันละสิว่ากะโหลกๆอย่างนี้จะไปเรียนอะไรได้ อย่าหาว่าโม้งู้นงี้เลยนะ เห็นอย่างนี้คิม จงอินคนนี้น่ะจบวิทยาศาสตร์การกีฬานะครับ ก็รู้ว่าไม่ใช่คณะที่ดีเด่อะไรมากมายแต่กว่าจะจบมาได้นี่ก็เลือดตาแทบกระเด็น ช่วยกันเรียนช่วยกันฉุดกับแก๊งเพื่อนมาก็หลายที แดก F ไปบ้างก็หลายตัว แต่โดยรวมแล้วก็ไม่ได้แย่อะไรขนาดนั้น
ช่างเถอะ เลิกพูดถึงอดีตอันแสนสุข #เรื่องมันเศร้าขอเหล้าเข้มๆ #อีกที
กลับมาถึงปัจจุบันอันขมขื่น ขณะนี้ก็ได้เป็นเวลาสี่ทุ่มของวันเสาร์แล้ว ใช่ครับวันเสาร์ วันต่อไปก็คือวันอาทิตย์ แล้ววันอาทิตย์คือวันอะไรรู้มั้ยเอ่ย? ก็คือวันที่หม่อมม๊ากะคุณป๊าเผลอๆจะรวมยัยเด็กอึนจีจะพากันยกขโยงจากปูซานมาจิกหัวคิม จงอินกลับไปน่ะสิ
แล้วให้ทายตอนนี้คิม จงอินผู้กำลังจะตกเป็นเหยื่อมัจจุราชคิตตี้กำลังทำอะไร?
เหอะ ไหนๆก็ทำอะไรไม่ได้แล้วกูก็ทุบกระปุกคุณหมีแหกเอาเงินก้อนสุดท้ายในชีวิตมานั่งกระดกเหล้าย้อมใจอยู่ในผับนี่ไงล่ะ ผับนี่ก็ไม่ใช่ว่าจะไฮโซหรูหราแบบที่ลูกผู้ดีเขาเข้ากันหรอก เงินที่พอเหลืออยู่ตอนนี้ก็เข้าได้แค่ผับก๊องๆที่เคยมานั่งก๊งกะเพื่อนแถวมหา’ลัยนั่นล่ะ มองไปรอบๆกายก็มีแต่พวกนักศึกษาเปรี้ยวตีนเปรี้ยวปากมาดวดเหล้าฟาดเบียร์กันเต็มไปหมด แสงสีกะเสียงเพลงจังหวะมันส์ๆตื๊ดๆในผับนี่มันปลุกใจให้อยากลุกขึ้นไปเต้นแก้เครียดจริงจริ๊ง
ในจังหวะที่กำลังจะลุกขึ้นไปแดนซ์ให้หัวโยกกระจาย เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาจนต้องแหกกระเป๋ากางเกงยีนส์ที่ไม่รู้จะรัดแน่นไปทำ(ห่า)อะไรเพื่อดึงโทรศัพท์ออกมา
เพิ่งพูดถึงคิตตี้ไปหลัดๆ คิตตี้ก็มา =_=
KIITY EUNJI
: จงอินโอปป้า! ปุอิ๊งๆ 22.05
:
22.05 อะไร
KIITY EUNJI
: โอปป้าทำไมตอบหมางเมินอึนจียิ่งนัก โกรธเว้ย! 22.06
22.06 โกรธนานๆล่ะ บาย
KIITY EUNJI
: เออ! จำไว้ พรุ่งนี้เจอกันอย่ามาง้อล่ะ! 22.06
พอ อย่าคุยกับคิตตี้ไปมากกว่านี้ก่อนที่ประสาทจะแดก - - ความจริงแล้วยัยจองอึนจีนี่ก็ไม่ใช่ประเภทน่ากลัวแบบร่านหรือแรดจับผู้ชายอะไรเทือกนั้นหรอกครับ แต่ยัยนี่ชอบทำตัวน่าขนลุกน่ากลัวแบบบอกไม่ถูก จงอินมีความรู้สึกว่าถ้าเผลอไปทำอะไรให้ยัยคิตตี้นี่โกรธเข้าคงได้โดนพลังแสงสีชมพูของยัยนี่ฟาดจนเลี่ยนกระอักเลือดตายแหง
ให้คุยธรรมดาก็พอได้ แต่ถ้าให้ถึงกับแต่งงานอยู่กินฉันท์ผัวเมีย ก็…. บ๊ายส์
รับแก้วเหล้ามาจากบริกรหน้าหักแต่ชงเหล้าเข้มข้นถึงใจเป็นบ้ามากระดกตามแก้วที่แล้วไปติดๆ อย่าคิดไปเองล่ะว่าเขาจะมานั่งจิบวิสกี้ หรือว๊อดก้า หรือไวน์หรูๆอะไรแบบที่ในฟิคเรื่องอื่นเขาแดกกัน เหอะ เหล้าแพงๆพวกนั้นน่ะเหรอ ไม่ได้แอ้มเงินจากกระเป๋าขาดๆกูร๊อก
“ดื่มเก่งน่าดูเลยนะคะ” เสียงเย้ายวนของผู้หญิงดังขึ้นข้างๆ โห เสื้อนักศึกษาซะด้วย สเป็กพี่เลย หน้าอกหน้าใจใหญ่ขั้นจอร์จจนเขาอยากจะถามไปเหลือเกินว่านั่นนมหรือลูกโป่งงานวัด แต่ก็เอาเถอะ หน้าก็สวยใช้ได้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเครื่องสำอางที่โบกมาหนาๆนั่นช่วยหรือเปล่า(หัวเราะ)
“นิดหน่อยครับ J” เล่นหูเล่นตาส่งไปให้ ซึ่งสาวเจ้าก็รับมุกอย่างดีด้วยการขยับตัวมาใกล้จนแทบจะเกยตัก หน้าอกใหญ่ๆนั่นบดเบียดมาจนอารมณ์เปลี่ยวมันลุกวูบวาบซู่ซ่าไปหมด ปากอวบอิ่มเยิ้มไปด้วยลิปกลอสสีแดงสดปัดผ่านไปมาแทบจะชิดกับปากของเขา “สนใจคน ‘กิน’ เป็นเพื่อนมั้ยคะ J”
แหม ขี้เล่นนะเราอ่ะ
ยังไม่ทันที่จะได้ตอบอะไรกลับไป ปากอวบอิ่มก็ทาบทับลงมา หืม ลิปกลอสเหนียวใช้ได้ -_- ไม่รอให้อีกฝ่ายรุกจูบอยู่ฝ่ายเดียวผู้มากประสบการณ์อย่างคิม จงอิน(หน้าตากะโปกงี้ฟันผู้หญิงมาเยอะนะครับ! ไม่อยากจะโม้ว่ะ) ก็จูบตอบไปอย่าให้เสีย! ระทวยกันไปข้างละวะ!!
ยังไม่ทนจะได้อ๊อดแอ่ดอิ๊อ๊ะอะไรไปตามสภาพ เสียงตึงตังโครมครามก็ดังขึ้นจนเขากะยัยโนตมนี่ตกใจผละออกจากกัน
โครม!
“จองมี!!”
ตามมาด้วยแรงฟาดอย่างแรงที่ศีรษะ
ถามว่าศีรษะใครเหรอ?
ตอบเลยว่าศีรษะกูนี่ละไอ้แอนิมอล!!! ห่า ฟาดมาได้
มือหนาค่อยๆปาดของเหลวสีเข้มที่หยดติ๋งๆออกมาจากแผลบนหัว เงยหน้าขึ้นมองเด็กหนุ่มเสื้อนักศึกษาประมาณ 3-4 คน ยืนกอดอกมองอย่างกวนตีนจนกูอยากจะกระตุกคอนเวิร์สสีแดงไซส์ 44 ขึ้นไปฟาดปากพวกมึงเหลือเกิน รู้จักคิม จงอินศิษย์บัวขาว ป.ประมุขน้อยไปซะแล้วไอ้เวร!
“จองมีนี่เธอตาต่ำถึงขนาดไปคั่วไอ้กะโปกนี่แล้วเรอะ” หันสายตาไปอีกนิดจะเจอยัยโนตมผมลอนทองที่เพิ่งแลกน้ำลายกับเขาอย่างดุเดือดเลือดพล่านเมื่อสักครู่ถูกกระชากแขนโดยไอ้หน้ากอริลล่าที่บังอาจดูถูกท่านจงอินว่าหน้ากะโปก แหม อย่าให้กูด่ามึงนะ ไอ้ ๆ ฟหกดเสว
“ส่วนมึง อับจนถึงขนาดมาแย่งเมียชาวบ้านชาวช่องเขาเหรอวะ” ไอ้หน้าหนอน(เปลี่ยนชื่อใหม่เมื่อกี้) ยืนกอดอกมองจงอินที่นั่งกระดิกตีนดิ๊กๆ พลางซับเลือดบนหัวไปด้วย ซี้ด เจ็บชิบหาย ถ้าไม่ได้เอาเลือดหัวมึงออกอย่าเรียกกูคิม จงอินเลย
แต่สงสัยว่านั่งด่ามันในใจนานไปหน่อยมันเลยขึ้น ..
“นี่กูถามมึงไม่ได้ยินเรอะ!”
เขาทำเพียงกระตุกยิ้มมุมปากพลางเงยหน้ามองด้วยสายตาที่คิดว่ากวนตีนที่สุดเท่าที่ในชีวิตเคยทำมา
“กลับไปถามตัวเองดีกว่ามั้ยไอ้น้องว่าจะทำยังไงไม่ให้เมียนอกใจอีกรอบJ”
เท่านั้นล่ะ เป็นเรื่องเลย
“กลับบ้านไปดูดนมแม่ไปไอ้หนู” ตบแก้มไปเบาๆพร้อมกระซิบบอกไอ้หน้าหนอนหุ่นกอริลล่าที่นอนหน้ายับอยู่หลังผับที่เพิ่งปะทะฝีปากกันไปเมื่อครู่ ปากหนากระตุกยิ้มใส่หน้ามันอย่างกวนส้น คอนเวิร์สสีแดงคู่ใจกระทืบลงไปบนอกไอ้ตัวต้นเหตุอีกรอบเนื่องจากอารมณ์หมั่นไส้ล้วนๆไม่มีอะไรผสม
“แหม สิบรุมหนึ่งพี่ยังเจอมาแล้วไอ้น้อง จะชนะพี่ด้วยพวกกะโปกๆแค่นี้อ่ะนะ บอกเลยว่า ยากกกส์ว่ะ” ทับถมไปอีกซักรอบสไตล์คิม จงอิน แต่อย่าไปเชื่อคำพูดที่โม้ไปเมื่อกี้มากนะครับ ถึงคิม จงอินจะเก่งขนาดไหน 20 ตีนมารุมก็ไม่มีทางรอดหรอก เพราะฉะนั้นถ้าไปเจอใครมาฝอยให้ฟังว่าไปตีกับชาวบ้านทั้งแก๊งแล้วชนะยังงู้นยังงี้ก็ชี้หน้าด่ามันได้เลยว่าไอ้ตอแหล!
อ้าว นี่กูต้องชี้หน้าด่าตัวเองเปล่าวะ?
ช่างมันๆ เอาเป็นว่าเมื่อกี้ไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น (หัวเราะ)
ตาคมกวาดตามองพื้นรอบๆ ร่างน่วมอ่วมอรทัยของเหล่าแก๊งเฟอร์บี้หนอนกอริลล่า (ตั้งชื่อแก๊งเสร็จสรรพเรียบร้อย) นอนเรียงรายระเนระนาดไปตามพื้น สภาพศพแต่ละคนดูไม่ค่อยจืด หัวร้างค่างแตกกันไปข้างล่ะ เผลออาจต้องใส่เฝือกไปซัก 2-3 เดือนเลยล่ะ อย่าถามว่าทำไมถึงรู้? อ้าวนี่จบอะไรมาย้อนขึ้นไปอ่านได้เลยๆ ถึงจะเรียนๆเล่นๆแดกเอฟมาบ้างความรู้ก็ยังเต็มหัวนะครัช
แน่นอนว่าผู้ชายแค้นฝังหุ่นอย่างจงอินก็ไม่ลืมที่จะฟาดหัวไอ้หน้าหนอนให้เลือดอาบเป็นเพื่อนตัวเอง หึ พูดแล้วก็แสบแผลซี้ดๆเลย
ส่วนน้องโนตมอะเหรอ เผ่นกระโปรงกะพรือตั้งแต่ยกพวกมาอัดกันหลังร้านแล้ว แหม น่าเสียดาย อารมณ์ยังค้างอยู่เลยเชียว
“จะกลับบ้านก็อย่าลืมแวะไปทำแผลที่โรง’บาลล่ะ แล้วอย่าให้กูเจออีกนะ จะจัดม่างตรงนั้นล่ะ เข้าใจ๊!?”
‘แปะๆๆ’
เสียงปรบมือดังขึ้นแผ่วเบาแต่ทว่าสามารถได้ยินชัดเจนเพราะความเงียบเป็นเป่าสากในตรอกแคบๆแห่งนี้ จงอินหันหลังไปเจอผู้ชายหุ่นค่อนข้าง เอ่อ.. เตี้ยนิดหน่อย สวมชุดสูทสีดำที่กูก็ไม่รู้หรอกว่ายี่ห้ออะไรแต่คงแพงกว่าเสื้อผ้าทั้งเนื้อทั้งตัวที่เขาใส่อยู่ตอนนี้แหงๆ รองเท้าหนังสีดำมันปลาบสะท้อนกับแสงไฟถนน ผมสีดำถูกเสยขึ้นไปด้วยเจลจนเห็นวงหน้าขาวๆนั่นชัดเจน ดวงตาถูกบดบังด้วยแว่นดำทั้งๆที่ตอนนี้เป็นเวลาห้าทุ่มกว่า ก็ไม่รู้ว่ามันตาบอดหรือแม่งบ้า
เรียกได้ว่าดำทั้งตัวยกเว้นสีผิวมันนี่ล่ะ ลองกูใส่มั่งสิคงได้ดำทั้งตัวของจริง(แซะตัวเองก็เป็น)
“มีอะไร” ถามหยั่งเชิงไปเมื่ออีกฝ่ายยังคงยืนนิ่งยิ้มมุมปากอย่างน่าเอาส้นตีนไปยัดเสียให้เข็ด
“เก่งนี่ ผมดูคุณจัดการคนเมื่อกี้ตั้งแต่ต้นจนจบเลย” สำเนียงเหน่อๆดังขึ้น ดูแล้วไอ้หัวดำนี่คงจะไม่ใช่คนเกาหลี
“แล้วไง”
“ท่าทางคุณดูน่ามองมาก ไม่ได้ต่อยสะเปะสะปะเหมือนคนกลุ่มนั้น” ดวงหน้าภายใต้กรอบแว่นดำพูดจบก่อนจะพยักพเยิดไปทางศพชาวแก๊งเฟอร์บี้ที่นอนเรียงรายเป็นตับ “คุณน่าสนใจมากครับ”
“เอ่อ มันค่อนข้างน่าขนลุกนะถ้าผู้ชายมาพูดทำนองว่าสนใจผู้ชายด้วยกันเนี่ย”
“ไม่ๆครับ คือผมเพิ่งมาเกาหลีใต้ได้ไม่นานเลยอาจพูดอะไรแปลกๆไปบ้าง คุณน่าหลงใหลมากครับ”
นี่ยิ่งแล้วใหญ่เลย ห่า
“เออ แล้วไง” กูจะมองข้ามไอ้น่าหลงใหลห่าเหวนั่นไปละกัน..
“คุณเรียนเทควันโดมาใช่มั้ยครับ”
“สายดำดั้ง 4” นี่ไม่อยากจะอวด กิจการบ้านเขาที่ปูซานน่ะคือโรงฝึกศิลปะป้องกันตัวนะเฟ้ย เพราะฉะนั้นคุณป๊าจึงจับเขาฝึกทุกอย่างตั้งแต่เทควันโดยันรำมวยไทย นี่บอกเลยว่าคิมจงอินคนนี้ใช้สันมือทุบไม้อัดหักก่อนล้างตูดเองเป็นด้วยซ้ำ
“น่าสนใจ น่าหลงใหลจริงๆครับ” มึงหยุดพูดถึงกูด้วยภาษาประหลาดๆแบบนั้นได้แล้ว!
“ผมอยากชวนคุณให้ไปทำงานด้วยกันครับ”
งาน
งาน
งาน *0*
“งานอะไร ได้โปรดบัญชามาครับ คิม จงอินคนนี้พร้อมจะบุกน้ำลุยไฟไปเพื่อท่านได้ทุกอย่าง!!” กูจะมีงานทำแล้ว! กูจะไม่ได้กลับปูซานไปแต่งงานกับยัยคิตตี้จองอึนจีแล้วใช่มั้ย ใช่มั้ย! ใช่มั้ยยยยยยยย!
“เอ่อ เมื่อกี้ที่คุณพูดแปลว่าอะไรนะครับ”
“…”
“…”
กูลืมไปว่ามึงมันต่างด้าว -_-
“เอาเป็นว่าจะให้ทำงานอะไร”
“งานง่ายๆครับ สบายๆ”
เดี๋ยวๆ ไอ้เจ๊กนี่ใส่สูทดำ รองเท้าหนังสีดำ แถมยังใส่แว่นตาดำทั้งๆที่นี่เป็นตอนกลางคืนอีกต่างหาก ท่าทางก็ถึงจะดูต๊องๆแต่ก็ดูลึกลับแปลกๆ แล้วไอ้งานง่ายๆสบายๆนั่นอีกอย่าบอกนะ!
“กูบอกไว้ก่อนเลยนะว่ากูจะไม่ไปเป็นเด็กส่งยาหรืออะไรที่ผิดกฎหมายทั้งนั้น” ถึงจะได้งานทำ แต่ถ้าแม่งผิดกฏหมายแบบนี้นอกจากจะโดนหม่อมม๊าตัดหางปล่อยวัดติดคุกหัวโตไม่พอ ก่อนจะเข้าซังเตคงได้โดนคุณป๊าจระเข้ฟาดหางซัดคางเหลืองจนอ่วมก่อนแน่นอน เขาไม่อยากจะแขวนชีวิตไว้กับเส้นทางมาเฟียหรอกนะ
“ไม่ครับๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อย่าเพิ่งคิดไปไกล งานที่ผมว่าคือการไปเป็นบอดี้การ์ดให้คุณหนูเฉยๆ” เสียงเหน่อๆพูดละล่ำละลักเมื่อจงอินทำท่าจะเดินหนี สายตาคมๆนั่นยังคงมองมาอย่างคลางแคลง
“บอดี้การ์ด ?”
“ใช่ครับ ผมแอบมองคุณตั้งแต่ข้างใน เห็นว่าคุณท่าทางหน่วยก้านดี แล้วยังได้มาเห็นตอนคุณสู้กับคนพวกนั้นอีก เลยตั้งใจว่าจะชวนให้ไปทำงานด้วยกันน่ะครับ”
บอดี้การ์ดเหรอ? เกิดมาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะได้ทำงานแบบนี้ ให้วิทยาศาสตร์บัณฑิต(ที่เรียนมาแบบกะหลั่วๆ)ไปเป็นบอดี้การ์ดเนี่ยนะ!? ไม่รู้ว่าเป็นอะไรยังไงแต่ก็ลองถามไอ้เจ๊กมันก่อนละกัน
“แล้วรายละเอียดมีอะไรบ้าง” มือเรียวของไอ้เจ๊กหัวดำส่งนามบัตรใบเล็กๆมาให้ ในนั้นมีที่อยู่และชื่อเขียนไว้ แต่คิมจงอินก็ได้แต่มองผ่านแบบลวกๆแล้วเงยหน้าคุยกับมันต่อ
“พรุ่งนี้สิบโมงเช้ามาตามที่อยู่นี่เลยครับ”
“อ่อ เออง่ายดี โอเค”
ก่อนที่จงอินจะเดินกลับเข้าไปในผับ เสียงแหบๆก็ดังขึ้นอีกรอบ “ไม่มีคำถามอะไรเพิ่มเติมใช่มั้ยครับ”
“มี ..”
“ตกลงตามึงบอดเปล่าวะ?”
60%
KRIS (Wu Yi Fan)
Tel. 08x-xxx-xxxx
Address : 1 XX Rd. , xxx , Seoul ,
South KOREA , 12300
จงอินก้มลงมองนามบัตรขนาดเล็กในมือพลางเงยหน้าขึ้นมองบ้านหลังใหญ่ ไม่สิต้องเรียกว่าคฤหาสน์หลังบะเฮิ่มที่อยู่ตรงหน้า นี่ไอ้เจ๊กมันให้เขามาเป็นบอดี้การ์ดให้ใครกันวะเนี่ย อีหรอบนี้คงได้เป็นคุณหนูลูกคนรวยที่อ่อนแอป่วยกระเสาะกระแสะแหงๆ ดูรูปในนามบัตรแล้วก็เห็นหน้าจีนๆที่ไม่ใช่ไอ้เจ๊กคนเมื่อวาน นี่คงจะเป็นนายจ้างของเขาสินะ
หลังจากเมื่อวานที่ยืนคุยกับไอ้เจ๊กหน้ามนที่เขาได้รับรู้ว่าตามันไม่ได้บอดหลังจากถามคำถามที่ติดค้างในใจตั้งแต่เห็นหน้า จงอินก็ดีใจขั้นสุดจนไม่มีอารมณ์จะแดกเหล้าแดกยาอีกต่อไป ร่างสูงวิ่งโร่ออกจากผับพร้อมขี่บิ๊กไบค์คู่ใจที่หม่อมม๊าซื้อให้เป็นของขวัญตอนเข้ามหา’ลัยกลับหอพักไปด้วยอารมณ์เบิกบาน
บ๊ายส์ จองอึนจี!
โอเค กลับมาที่ปัจจุบัน คิมจงอินผู้กำลังยืนทำหน้าโง่อยู่หน้าคฤหาสน์ตระกูลอู๋กำลังงงแดกว่ากูควรจะทำอะไรต่อไป =_= ไอ้เจ๊กก็แค่บอกให้มาตามที่อยู่นี่ เขาก็มาแล้ว แต่ไอ้ที่ว่าจะให้ทำยังไงต่อไปหลังจากมาถึงอะดิ นี่ล่ะปัญหาใหญ่
ไอ้เจ๊กอยู่ไหน!!!
เมื่อวานยืนคุยกับมันตั้งนานสองนานก็ไม่รู้จักถามชื่อแซ่เบอร์โทรมัน ดันไปถามคำถามควายๆอย่างตามันบอดรึเปล่า บ้าไปแล้ว นึกแล้วก็ขำ ดีนะที่ไอ้เจ๊กนั่นดูซื่อๆจึงตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มไมตรีจิตว่า “อ๋อ สายตาผมยังปกติดีอยู่ครับ” นี่ถ้าเขาไปถามคำถามพิเรนทร์นั่นกับคนอื่นคงได้โดนต่อยตาแตกมาแหงๆ
“คิม จงอินรึเปล่า!?” เสียงทุ้มเหน่อๆดังขึ้นทำให้จงอินต้องเงยหน้าขึ้นมองชายใส่สูทดำร่างยักษ์ที่ยืนอยู่ห่างกับเขาเพียงรั้วใหญ่ๆของบ้านตระกูลอู๋กั้น ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเคราที่ขึ้นรกครึ้มนั่นโหดและเถื่อนจนจงอินอยากจะยื่นเครื่องโกนหนวดไฟฟ้าไปให้พี่แกใช้สักอันสองอัน ตาตี่ๆแบบเจ๊กขนานแท้หรี่มองเขาอย่างเคลือบแคลง
โห นี่มันอพยพมาจากแผ่นดินใหญ่กันทั้งบ้านเลยเหรอวะเนี่ย
“อ่า.. ใช่ครับ ผมคิม จงอิน” เจอรุ่นพี่ต้องนอบน้อมไว้ก่อนสิครับ ไม่ใช่อะไรหรอก แค่ท่อนแขนใหญ่ๆนั่นซัดเข้าที่เบ้าตาก็คงทำให้หน้าสั่นไปหลายวันเลยล่ะ
“เข้ามา” เจ๊กร่างยักษ์ล้วงแผ่นกระดาษยับๆขึ้นมามองดูซักพักก่อนจะพูดเสียงโหดและเปิดประตูรั้วให้เข้าไป จงอินลากบิ๊กไบค์สีแดงคู่ใจไปจอดไว้ริ้มรั้วอย่างทะนุถนอมราวกับลูกในไส้ หลังจากสั่งเสียล่ำลากับลูกรักเสร็จก็เดินตามเจ๊กหน้าโหดที่ยืนมองราวกับจะกินหัวเขาเสียให้ได้ แหม ไม่มีรถแบบกูอะเด้ๆ
ภายในรั้วบ้านช่างโอ่อ่าฟู่ฟ่าจนไม่อยากจะคิดว่าต้องทำงานไปอีกกี่สิบชาติถึงจะได้คฤหาสน์หลังใหญ่แบบนี้มาอยู่ในครอบครอง รอบบริเวณบ้านเต็มไปด้วยชายใส่สูทดำหน้าตากระเดียดไปทางจีนกันเกือบทั้งหมดเดินว่อนไปทั่ว บ้างก็หยุดเดินแล้วมองมาที่จงอินบ้าง บ้างก็คุยกับใครในวิทยุ ว.1 เรียก ว.2 ฮัลโหลวววว
ส่วนคิมจงอินหน้ามนคนหล่ออะเหรอ? ตอนนี้ก็เดินเกร็งแดกตามหลังไอ้ยักษ์เจ๊กที่เดินปึงปังจนแผ่นดินจะสะเทือนอยู่นี่ไงล่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่ามันไปโมโหโกรธาใครมาหรือแม่งเพราะตัวมันใหญ่เอง ดูท่าแล้วก็น่าจะเป็นอย่างหลังละมั้ง(หัวเราะ)
หลังจากตื่นตาตื่นใจสวนหน้าบ้านที่ใหญ่ราวกับสนามกอล์ฟเหมือนเด็กบ้านนอกเข้ากรุง เสียงทุ้มต่ำของเจ๊กร่างยักษ์ก็ดังขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว
“คิม จงอิน”
“อะ เอ่อ ว่าไง”
“…”
“…”
กริบ
ราวกับในละครที่พระเอกกับนางเอกอยู่ในฉากโรแมนติก บอดี้การ์ดหน้าจีนตัวร้ายกับนายตกอับหน้าหล่อ ทั้งคู่สบตากันอย่างหวานซึ้งก่อนจะประกบปากและรักกันไปชั่วนิรันด์ แต่โทษเถอะ! อย่าเพิ่งฟิน นี่ไม่ใช่ละคร ไอ้เหตุการณ์สบตาปิ๊งๆมองกันอย่างหวานซึ้งน่ะไม่มีทางเกิดขั้นแน่ๆ และอีกอย่างคือ จงอินไม่มีวันเอาไอ้ยักษ์เจ๊กนี่มาทำผอสระอัวแน่นอน
สรุปประเด็นง่ายๆก็คือไอ้เจ๊กนี่หันมามองเขาผ่านตาตี่ๆเป็นเม็ดก๊วยจี้ของมันแล้วยืนใบ้แดกนั่นล่ะ (แล้วจะอธิบายยืดยาวเพื่อ?)
.
.
“ขอโทษด้วยนะครับ” เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นเมื่อจู่ๆไอ้เจ๊กร่างยักษ์ก็โค้งหัวจนแทบจะติดพื้นแล้วพุ่งเข้าล็อกแขนชายหนุ่มทางด้านหลังไว้แน่นจนแทบจะขยับตัวไม่ได้
“เฮ้ย!!! จะทำอะไร!? ปล่อย!” จงอินที่ถูกร่างใหญ่ยกจนตัวลอยถีบขาไปมาอย่างตกใจ แต่วงแขนแกร่งๆเหมือนหมีควายก็ออกแรงรัดจนช่วงตัวด้านบนแทบจะขยับไม่ได้
“เฮ้ย! ไอ้เจ๊กมึงทำไรเนี่ย กูคิมจงอินตัวจริงโว้ย!!!” ตะโกนอีกอย่างดังเมื่อกลุ่มชายใส่สูทดำที่เมื่อตอนแรกยังเดินวนเวียนเป็นวิญญาณเร่ร่อนรอบบ้านตอนนี้กลับวิ่งหน้าตั้งมาล้อมรอบเขาที่ดิ้นกระแด่วๆเป็นกิ้งก่าลนไฟในอ้อมแขนไอ้ยักษ์ข้างหลัง (แหม โรแมนติกเนอะ)
“กูคิม จงอินตัวจริง ไม่เชื่อไปถามไอ้เจ๊กตัวเตี้ยๆได้เลยโว้ยย”
‘พลั่ก’
‘อั่ก’
ไอ้เชี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยย!
เจ๊กหน้าหัก No.1 ต่อยมาที่ท้องอย่างแรงจนตัวงอ แต่ท่อนแขนใหญ่จากไอ้ยักษ์ข้างหลังก็ยังเหนียวแน่นจนร่างหนาๆของจงอินได้แต่กระตุกไปมาด้วยความเจ็บและ(โคตร)จุก
‘พลั่ก’ ตามมาด้วยหมัดที่สองบนแก้มซ้าย
‘พลั่ก’ สามที่แก้มขวา
‘พลั่ก’ สี่ที่เบ้าตา
‘พลั่ก’ ห้าเสยที่คาง
พอ!!!
กูไม่ทนแล้วโว้ยยยย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ขายาวที่วันนี้อุตส่าห์ใส่กางเกงสแล็กสีดำตัวเก่งซึ่งบัดนี้ได้เปื้อนรอยตีนนับไปถ้วนไปเป็นที่เรียบร้อยยกขึ้นถีบอกไอ้คนที่เสยคางเขาเมื่อครู่อย่างแรงจนมันกระเด็นออกไป แรงรัดที่เหมือนจะแน่นขึ้นหลังจากที่เห็นชายหนุ่มผิวแทนในอ้อมแขนเริ่มจะออกฤทธิ์ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา ในเมื่อคิมจงอินคนนี้คิดจะพยศ ก็อย่าได้คิดว่าไอ้แขนใหญ่ๆนี่มันจะทำอะไรได้!
มึงไม่ปล่อยกูใช่มั้ย! ได้!
ศอกหนาแทงไปข้างหลังอย่างแรงจนแรงรัดเวรๆของไอ้เจ๊กยักษ์นี่เริ่มคลายออกแต่ก็ยังไม่หลุดเสียทีเดียว ขายาวเตะผ่าหมากไอ้เจ๊กหน้าหักตรงหน้าที่กำลังจะเข้ามาสกรัมตีนใส่เขาอย่างแรง ก่อนจะถองศอกไอ้ยักษ์ข้างหลังอีกรอบแล้วใช้กะโหลกหนาๆของตัวเองให้เป็นประโยชน์เสยคางมันแบบเต็มเหนี่ยว
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก” ตามมาด้วยฟันคมๆที่กัดลงไปบนมือที่หนังหนาเหมือนจระเข้จนจมเขี้ยว โทษนะ กูไม่ได้เป็นหมา แต่สถานการณ์มันบังคับครับพี่น้อง
“หลุดซะทีนะมึง นี่นึกว่าจะกอดกูจนชั่วฟ้าดินสลาย ถุ้ย” ถ่มเลือดจากมือไอ้เจ๊กยักษ์ที่ส่งกลิ่นคาวอบอวลไปทั่วปากลงบนพื้นปูน และอาศัยจังหวะที่มันยังงมอยู่กับแผลสดขนาดใหญ่บนมือถีบไปที่หน้าท้องแข็งอย่างแรงจนกระเด็น
เจ๊กใส่ชุดสูทดำทั้งหลายก็ยืนล้อมเป็นวงกลมราวกับจะยืนเชียร์ลูกพี่พวกมันสู้กับไอ้หนุ่มบ้าดีเดือดแบบจงอิน แหมอย่าคิดว่ากูจำไม่ได้นะว่ารอยมือรอยตีนบนตัวนี่ใครทำไว้ รอก่อนนะพวกมึง ซัดไอ้ยักษ์นี่เสร็จเมื่อไรพวกมึงไม่รอดแน่ พูดเลย!
เจ๊กร่างยักษ์ลุกขึ้นมาอย่างโซซัดโซเซ มือใหญ่ข้างที่ไม่ได้ถูกกัดกุมท้องไว้ ส่วนอีกข้างก็ปล่อยไว้ข้างลำตัวเพราะหยดเลือดที่ไหลออกมาเป็นสายน้ำ โหะ ฟันกูคมใช้ได้นะเนี่ย สายตาที่ดูเหมือนติดจะอาฆาตนิดหน่อยมองตรงมา หลังจากนั้นทั้งตัวก็พุ่งมาอย่างแรง แต่แน่นอนว่าผู้ชายอย่างคิมจงอินจะไม่โง่ซ้ำสอง (แน่นอนว่าถ้าโดนล๊อกแขนอีกรอบก็ไล่กูไปแดกหญ้าเถอะครับ) ช่วงลำตัวที่แม้จะใหญ่ไม่เท่าแต่ก็ทำให้ว่องไวกว่าหลบร่างสูงใหญ่ได้อย่างสบายๆ และเตะซ้ำไปที่ชายโครงอีกรอบ
‘กร๊อบ’
เสียงกระดูกลั่นอย่างแรงทำให้จงอินเบ้หน้าอย่างเสียวไส้แทน หวังว่าจะไม่หักนะมึง เห็นตัวหนาๆไม่นึกว่ากระดูกจะเปราะง่ายแบบนี้
เมื่อเห็นไอ้ยักษ์มันล้มลงไปกองอย่างหมดสภาพง่ายๆจงอินก็เตรียมตัวจะวิ่งกลับไปที่รั้วบ้าน แม่งไม่องไม่เอามันแล้วงานห่าไรเนี่ย มาถึงวันแรกแม่งก็เล่นกูซะอ่วมอรทัยเลย นี่หมายความว่าไอ้เตี้ยนั่นมันหลอกเขามาใช่มั้ยเนี่ย!?
แต่ดูเหมือนว่าไอ้ยักษ์ข้างหลังมันจะยังไม่สิ้นฤทธิ์ง่ายๆ
‘พลั่ก’
หน้าคมของชายหนุ่มหันไปอีกด้านจนคอแทบเคล็ดหลังจากโดนหมัดหนักของเจ๊กร่างยักษ์ที่ต่อยมาเต็มรัก ตามมาด้วยแรงเตะที่สะโพกข้างซ้ายอย่างแรงจนตัวแทบทรุด จงอินเงยหน้าขึ้นมองร่างใหญ่ของอีกฝ่ายที่ยืนดูเชิงเขาหลังจากโดนมันซัดจนแทบจะพูดไม่ออก
ได้ มึงจะเล่นใช่มั้ย
ร่างหนาค่อยๆประคองตัวเองขึ้นแล้วยืนจ้องหน้ากับเจ๊กยักษ์ มือหนากุมสะโพกซ้ายไว้อย่างเจ็บจี๊ดๆ พลางบีบนวดไปด้วย ถ้าสะโพกกูหักมึงเตรียมตัวตายเลยไอ้เจ๊ก!
ในจังหวะที่กำลังเตรียมตัวเหนี่ยวหน้ามันให้ยุบกันไปข้าง เสียงตบมือแปะๆก็ดังขึ้นแผ่วเบาอีกครั้ง ราวกับฉากที่ถูกรีเพลย์ จงอินหันหน้าไปเห็นชายหนุ่มตัวสูงชาวจีนท่าทางน่าเกรงขามเดินปรบมือขนาบข้างด้วยชายใส่สูทดำอีก 2 คน
เห้ย! ไอ้เตี้ยข้างๆนั่นอย่าบอกนะว่าเป็นไอ้เจ๊กในตรอกข้างผับเมื่อวานอ่ะ!
ยังไม่ทันหายงงเสียงทุ้มของชายร่างสูงชาวจีนที่จงอินเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าคือคนในรูปนามบัตรที่ได้มาก็ดังขึ้น
“เก่งมาก”
“…”
“เหมือนอย่างที่นายบอกจริงๆด้วย” โครงหน้าได้รูปหันไปพยักเพยิดใส่เจ๊กเตี้ยข้างตัว ซึ่งเจ้าตัวก็ผงกหัวจนแทบจะติดพื้นได้อย่างน่าหมั่นไส้
“ใช่มั้ยครับ ผมบอกแล้ว”
เดี๋ยวๆ มึงพูดไรกันช่วยบอกคนนอกที่กำลังงงเป็นไก่ตาระเบิด(แตกมันน้อยไป)อย่างกูหน่อยได้มั้ย?
เจ๊กเตี้ยหันหน้ามาพร้อมรอยยิ้มกว้างสว่างสไว พร้อมพูดประโยคที่ทำให้จงอินอ้าปากค้างไปถึงโลกหน้า
“ขอต้อนรับสู่การเป็นบอดี้การ์ดของตระกูลอู๋ครับคุณจงอิน :)”
TBC
และเด็กหัวรุ้งก็ยังไม่โผล่555555555555555 จงอินได้งานสมใจแล้ว ฉากต่อสู้เขียนง่อยมาก แต่ก็อยากเขียน ความจริงมีรายงานที่ต้องทำแต่ก็ดื้อมานั่งพิมพ์ฟิคค่ะ อิอิ เดี๋ยวต้องไปปั่นต่อล้า55 คอมเม้นท์ติชมได้นะคะ ผิดพลาดอย่างไรขออภัยมา ณ ที่นี้ -/\- ใครชอบติดแฮชแท็ก #ficbodyguard ในทวิตเตอร์โลด
ปล.ตอนหน้าเรามาเจอเด็กหัวรุ้งกันดีกว่า!
seenam234
ความคิดเห็น