คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ราเม็งชามโตกับเสียงหัวเราะไม่มีวันลืม
บทที่ 3 ราเม็งชามโตกับเสียงหัวเราะที่ไม่มีวันลืม
อ๋าย.ย.ย.ย.ย!!! เช้าอีกวันแล้ว ไม่อยากตื่นเล๊ย
อ่ะ..แย่แล้ว กี่โมงแล้วเนี่ย 8โมง 5นาที อ๊าก...ก.ก.ก!!! วันนี้ตื่นสาย ไม่จริง ๆ ๆ ๆ ๆๆ!!!
แปรงฟัน ล้างหน้า อาบน้ำ กินข้าว ทุกอย่างเสร็จอย่างรวดเร็วภายในเวลา 20 นาที วันนี้ฉันเร่งน้องเต็มที่แม้ว่าน้องจะไม่ใช่คนที่ตื่นสายก็ตาม
“แม่คะ หนูไปแล้วนะ”
ฉันยัดขนมปังปิ้งแผ่นหนึ่งใส่ปากอย่างมูมมาม ก่อนจะสะพายกระเป๋าที่หนักอึ้งเพราะตำราเรียน แถมต้องหิ้วปีกน้องสาวอีกคนไปส่งที่โรงเรียนด้วย
ฉันปั่นจักรยานด้วยสปีดอันรวดเร็วไวกว่าอินเตอร์เน็ตที่โรงเรียนเสียอีก พอถึงโรงเรียนของน้องสาวฉันก็รีบผลักน้องฉันลงทันที ดูมันทำหน้า!! นี่ถ้าฉันไม่ตื่นสาย ฉันคงไม่ต้องใจร้ายกับเธออย่างนี้หรอก ขอโทษนะยัยเรย์ เธอเป็นน้องสาวที่แสนดีของพี่เสมอแหละ ขอโทษจริง ๆ ๆ
อ่ะ..อีก 5นาที แย่แล้ว เดี๋ยวเขาไม่ให้เข้าโรงเรียน
ฉันปั่น ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ และก็ปั่น อย่างไม่ลืมหูลืมตา ทุกคนที่ฉันขี่จักรยานผ่านไปผ่านมาคงจะพูดว่า “ยัยนี่จะรีบไปตายที่ไหน” กันแน่ ๆ เลย แต่ฉันไม่มีเวลาสนใจหรอก เพราะตอนนี้อะไร ๆ ก็ไม่สำคัญเท่าเวลาหรอก
อ๊าย.....อีก 2 นาที ไม่นะ โรงเรียนจ๋า อย่าพึ่งปิดประตู ให้ฉันได้เข้าเรียนเถอะ อย่าพึ่งปิดประตูไล่ฉันอย่างกะหมูกะหมาเลยนะ อ๊าก...กก.ก.!!!
นั่นไง โรงเรียน!!
อ่ะกี่โมงแล้วเนี่ย ไม่จริง อ๊าก...ก.ก.ก.ก!!!รีบสุดฤทธิ์ เมื่อคืนไม่หน้าแหกตาดูรายการโปรดเลย ทั้ง ๆ ที่รู้ว่านาฬิกาปลุกเสีย
3............................
ประตูจ๋า...
2..........................
อย่าพึ่ง...
1..........................
ปิด......
0.....
ปิดแล้ว หมดกัน ไม่ทันแล้ววันนี้ หมดกันชีวิตนี้ ครั้งแรกนะเนี่ยที่มีคนปิดประตูใส่หน้ากันด้าน ๆ แบบนี้ อ๊าก....!!! โมโหเฟ้ย
“พี่ค๊า ให้หนูเข้าไปเถอะ มาสายแค่ไม่กี่วินาทีเอง”
ฉันออดอ้อนรุ่นพี่สารวัตรนักเรียนเต็มที่ แต่รุ่นพี่ไม่ยอม พร้อมทำหน้าตาหยิ่งผยองใส่ฉันเต็มที่
“เธอใช่ไหมที่ชูจิคุงบอกรัก เธอนี่ดูไม่จืดเลยนะ ไม่รู้ชูจิคุงเขาชอบยัยยักษ์อย่างเธอได้ไง เชอะ!! สวยก็ไม่สวย ตัวก็ยังใหญ่อย่างกะผู้ชาย”
“อ้าว ๆ!! นี่สารวัตรนักเรียนเขาพูดกันอย่างนี้หรอ”
“ทำไม สารวัตรนักเรียนมีสิทธิ์ที่จะด่าคนก็ได้นะยะ”
ฮึ่ม!! โกรธ
“แอบชอบชูจิล่ะสิ แต่ขอโทษนะ เ-ข-าช-อ-บฉ๊าน - - - 55555++++++”
ดูท่าทางสารวัตรนักเรียนคนนั้นจะโกรธที่ฉันกล้าต่อล้อต่อถียง แต่ขอโทษจะตบฉันหรอ ไม่มีทางหรอก ตราบใดที่ประตูโรงเรียนนี่ไม่กั้นขวางระหว่างฉันกับยัยสารวัตรนั่นน่ะ
“แก ยัยยักษ์ ยัยไม่สวย ยัย..(ตู๊ด)..ยัย...(ติ๊ด)...ยัย..xxxx”
โหยมันด่าฉันเป็นชุดเลย นี่ถ้าฉันไม่ถือว่าตัวเองเป็ยกุลสตรีที่น่ารักนะ ฉันด่าแหลกไปแล้ว
“เป็นถึงสารวัตรนักเรียน เขาทำกันอย่างนี้รึไง ด่าคนอื่นเขาไปเรื่อย อย่างนี้สมควรได้รับตำแหน่งนี้แล้วหรอ”ผูชายคนไหนกันนะมาช่วยชีวิตฉันเอาไว้ อ่ะ..ดูหน้ายัยนั่นสิ ทำหน้าอย่างกะจะร้องไห้เชียว ส-ม-น้ำ-ห-น้-า จริง ๆ ๆ55555++++
“กรี๊ด!!ไม่นะชูจิคุงอย่าเข้าใจผิด ฉัน...ฉันไม่ได้”
ฉันหันขวับไปที่ผู้ชายคนนั้นเมื่อฉันรู้ว่าเป็นใคร ไม่จริงอ่ะ เขาคือเทพบุตรมาโปรดหรอนั่น ว๊าว วันนี้เขาดูเท่ห์อีกวัน แต่ฉันสิ แม้แต่แปรงฟันก็ยังไม่สะอาดเลย
“ถ้าเธอถูกคนอื่นด่าต่อหน้าฉอด ๆ เธอจะรู้สึกยังไง ชอบใจงั้นหรอ มาให้ฉันด่าต่อหน้าเอาไหม”
ยิ่งเขาพูดมันก็ยิ่งดังขึ้น ทั้งนักเรียนที่อยู่ในรั้วโรงเรียนต่างก็พากันเริ่มมามุงดูอย่างให้ความสนใจ รวมถึงคนที่เดินผ่านไปมาหน้าโรงเรียนด้วย ตอนนี้เรากำลังเกิดสงครามข้ามรั้วของโรงเรียนชื่อดังเชียวนะเนี่ย
“ฉัน...ฉันแค่- - -ฉัน ...”
“หยุดพูดไปเลย คนอย่างเธอต้องโดนด่าต่อหน้าที่สาธารณชนบ้างมันจะได้สาสม”
“ฉันแค่...แต่ยัยนี่มัน”ยัยสารวัตรนั่นพยายามหาข้อแก้ตัวให้กับตัวเอง แต่คงพูดไม่ออก
ฮือ-ฮา-ซุบ-ซิบ-นิน-ทา
คนมองมาที่ตรงนี้ใหญ่เลย ตายล่ะ อายชะมัด แต่ยัยสารวัตรนักเรียนนั่นสิน่าอายกว่า
“ก็ยัยนี่มัน...มัน...”
“เธอว่าใครยัยนี่ แต่ขอบอกให้เธอรู้ไว้ด้วยว่า ผู้หญิงคนนี้ แฟนของฉัน”
“กรี๊ด..!!!!! อะไรน่ะ ไม่จริง”
เสียงกรี๊ดดังลั่นมาจากทั้งในและนอกโรงเรียน อะไรกันเนี่ย เสียงกรี๊ดเหล่าเนี่ยดังอื้ออึงทั่วไปหมด แล้วมันเกิดอะไรขึ้น ใครแฟนใคร???? ห๋า......
รุ่นพี่ชูจิดึงไหล่ฉันเข้ามากอดอย่างรวดเร็ว จักรยานที่ฉันจับอยู่ล้มคว่ำลงทันที ความรู้สึกตอนนี้รู้แต่ว่ามือมันสั่นแล้วก็เกร็งไปหมดเลย
“กรี๊ด!!!!รุ่นพี่ชูจิทำอย่างนี้ได้ไง”
“กรี๊ด!!!!!!!!!!”
เสียงกรี๊ดพวกนั้นยังดังลั่นไม่หยุด ฉันแค่มาโรงเรียนสายนะ ไม่ได้มากลายเป็นข่าวดังไปทั่วโรงเรียนอย่างนี้ โธ่เอ๊ย วันดวงซวยของฉันจริง ๆ
อ่ะ...!!ยัยสารวัตรนักเรียนนั่นเป็นลมล้มพับไปแล้วทำไงดี
“อย่าไปสนใจคนที่ร้ายใส่เธอสิ”
“แต่ - - -“
“ไม่มีแต่ทั้งนั้น ไปกันเถอะ”
“ไปไหนอ่ะ แล้วจักรยานฉันล่ะ”
“ช่างมันเถอะน่า”
รุ่นพี่โอบฉันเดินออกไปจากหน้าประตูโรงเรียนท่ามกลางผู้คนที่จดจ้องมาที่ฉันอย่าง.....เอ่อ......จะบรรยายไงดีว่าเป็นสายตาที่ค่อนข้างไม่ดีแน่ ๆ
เสียงกรี๊ดยังดังไม่หยุดไม่หย่อน แม้ว่าจะเดินห่างจากโรงเรียนมาไกลพอสมควร ฉันยังอึ้งกับเรื่องเหตุการณ์นี้ทั้งหมด และอีกอย่าง ฉันแทบทำอะไรไม่ถูกที่รุ่นพี่ชูจิโอบไหล่ฉันอย่างนี้ตลอดเวลา
“เราจะไปเที่ยวไหนกันดีล่ะ”
ห๋า...ไปเที่ยวหรอ?
“แต่ถ้าแม่รู้ว่า....”
“หยุดพูดเรื่องแม่ได้แล้ว ไหน ๆ วันนี้เราก็มาโรงเรียนไม่ทัน แถมกลับไปโดนแม่ด่าอีก จะกลับไปทำไม ใช่ไหม”
เออ..จริงเนอะ
“ถือซะว่าฉันขอเดทกับเธอ วันนี้ฉันเลี้ยงเอง”
“อ่ะ...เอ่อ...ค่ะ”
ฉันพยักหน้าไปเพราะไม่รู้จะทำตัวอย่างไร รุ่นพี่เลิกโอบไหล่หันมาจับมือฉันแทน ก่อนจะจูงมือฉันข้ามถนนไป ท่ามกลางสายตาที่มองมาว่าทำไมชุดนักเรียนถึงได้มาเดินเล่นอยู่ในเมืองได้ ว๊าย...ฉันหน้าแดงไปหมดเลย
“วันนี้กินอะไรดีล่ะ”ชูจิทำหน้านึก ว๊าว...เขาทำหน้าแบบไหนก็ดูน่ารักไปหมด “ไปกินราเม็งชามโตดีกว่า ฉันรู้จักร้านอร่อย ๆ อยู่ร้านนึง ไปกันเถอะ”
รุ่นพี่พูดก่อนจะลากคอฉันเข้าร้านราเม็งที่เขาว่าไปซึ่งอยู่ห่างไม่ไกลจากที่คุยกันไม่มากนัก
“เจ้าของร้าน ผมเอาราเม็งไซส์พิเศษ 2 ที่”เขาสั่งกับเจ้าของร้าน ก่อนจะหันมายิ้มให้ฉัน ฉันได้แต่ยิ้มเก้อ ๆ เขิน ๆ อย่างทำตัวไม่ถูก
“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ เหมือนเธอไม่ใช่ตัวของตัวเองเลย”
ฉันรู้ว่าฉันไม่ใช่ตัวของตัวเอง ฉันอึดอัดที่เป็นอย่างนี้จัง มันอึดอัดมาก ๆ เลย และฉันก็ไม่อยากให้เป็นอย่างนี้เลย
“ใช่.........ฉันเกร็งมาก ๆ”
“เกร็งหรอ นวดให้มั๊ย”
“หึ ๆ ๆไม่เอาอ่ะ”
แล้วชามราเม็งก็ถูกเสิร์ฟตรงหน้าฉัน กลิ่นหอม ๆ โชยเข้าโชยออกกระตุ้นต่อมน้ำลายซะเหลือเกิน จะบอกอะไรให้ ฉันน่ะนักกินตัวยงเลย กินแหลกกินลาน กินไม่บันยะบันยัง กินตะบี้ตะบันที่คุณเห็นแล้วต้องสยอง เหอะๆๆๆๆ
“อ้าว มัวมองอะไรล่ะ กินซะสิ เดี๋ยวเสียรสชาติหมดหรอก”
“ฉัน...จะกินแล้วนะ”
“อ้าว ๆ กินก็กินสิ ทำไมต้องมาบอกฉันด้วยล่ะ”
“ไม่เกรงใจแล้วนะ”
ซวบๆๆๆๆๆแซบๆๆๆๆๆซวบแซบๆๆๆๆๆๆๆๆ ซ๊วบ.บ.บ.บ.บ.บ!!!!!
ตายล่ะ ฉันเผลอสวาปามชามราเม็งต่อหน้าเขาไปพริบตา เขามองตาฉันปริบ ๆ เป็นเชิงอึ้ง ฉันได้แต่ยิ้มเก้อ ๆ ให้เขา แหะ ๆ ๆฉันทำเกินมารยาทไปรึเปล่าเนี่ย
แต่แล้ว.......เขาก็หัวเราะดังลั่นร้าน จนเจ้าของร้านกับคนในร้านหันมามองเป็นสายตาเดียวกัน
ซวบๆๆๆๆๆแซบๆๆๆๆๆซวบแซบๆๆๆๆๆๆๆๆ ซ๊วบ.บ.บ.บ.บ.บ!!!!!
เขาเอาแบบฉันบ้าง เขากินมูมมามยิ่งกว่าฉันอีก ไม่เหลือมาดคนหล่อปนดูดีเอาซะเลย แต่เขากลับทำให้ฉันรู้สึกดีกับเขาบ้างแล้ว
“อา....ไม่อิ่มอ่ะ เจ้าของร้านเอาอีกชามนึง เออ....แล้วเธอล่ะอิ่มรึยัง”
ฉันยิ้ม อยากบอกเขาจริงเลยว่าฉันไม่อิ่มเลยแม้แต่น้อย ทำราวกับว่ามันไม่ตกมาถึงท้องเลยสักกะนิดเดียว อิๆๆๆๆแต่ฉันจะพูดได้ไงเล่า ฉันเป็นผู้หญิงนะ
“หน้าอย่างนี่ บ่งบอกว่าไม่อิ่มแน่ ๆ เจ้าของร้าน เอาอีกชาม”
“ตะ...แต่ฉัน”
“เอาเถอะน่า กินให้มันพุงแตกไส้ปลิ้นกันไปข้างเลย ฉันจะบอกความลับอะไรให้นะ ฉันน่ะนักกินระดับชาติ แข่งมาแล้วหลายรายการ”
อ่ะ....พูดเหมือนเจ้าเหมียวแมวตัวนั้นเลย บังเอิญจัง
“มีอะไรหรอ ทำหน้าตกใจอย่างกะเห็นผี”
“แค่คำพูดของรุ่นพี่มันเหมือนใครบางคนเท่านั้น”
“หรอ......คงบังเอิญมากกว่ามั้ง”
“ใช่ คงบังเอิญ แต่ก็ไม่มีอะไรมากนี่ อ่ะ...มาอีกชามแล้ว มาเรามาแข่งกันเอาไหมว่าใครกินไวและหมดเกลี้ยงที่สุด คนนั้นชนะ และคนชนะต้อง.....ต้อง..........”
“ต้องเลี้ยงไอติม”
“โหย...ยังจะกินไอติมต่ออีกหรอ เอาก็เอาวะ ไอติมก็ไอติม”
ฉันรับข้อตกลงอย่างสมยอมด้วย ไอติมถ้วยโตต้องเป็นของฉัน อิๆๆๆๆๆ
“เอาล่ะนะ ฉันจะเริ่มนับ 1-3”
“1................................ 2...................................... 2 นิด............................2หน่อย................ส๊าม!!!!!”
ซวบๆๆๆๆๆแซบๆๆๆๆๆซวบแซบๆๆๆๆๆๆๆๆ ซ๊วบ.บ.บ.บ.บ.บ!!!!!
ซวบๆๆๆๆๆแซบๆๆๆๆๆซวบแซบๆๆๆๆๆๆๆๆ ซ๊วบ.บ.บ.บ.บ.บ!!!!!
ซวบๆๆๆๆๆแซบๆๆๆๆๆซวบแซบๆๆๆๆๆๆๆๆ ซ๊วบ.บ.บ.บ.บ.บ!!!!!
ซวบๆๆๆๆๆแซบๆๆๆๆๆซวบแซบๆๆๆๆๆๆๆๆ ซ๊วบ.บ.บ.บ.บ.บ!!!!!
เอิ๊ก.......!!!!!
ฉันกับเขาเรออกมาพร้อมกันอย่างลืมตัว ต่างก็มองหน้ากันอย่างนึกขำ สักพักร้านนั้นก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะที่ไม่ใช่เฉพาะฉันกับเขา แต่เป็นคนทั้งร้านที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วย ไม่ได้มีแค่ 2ชาม แต่ชามที่ 3...4....5...6 และต่อ ๆมาก็ตามมาติด ๆ ไม่มีแล้วไอติมถูกยกเลิกในวันนี้ แต่จะถูกรวบยอดไปในวันหน้า เจ้าของร้านราเม็งเขาก็แสนจะใจดีคิดราคาแค่ครึ่งเดียวและตอนนี้ฉันกับเขาก็กลายเป็นลูกค้าพิเศษของร้านไปแล้วด้วย
เฮ้อ......วันนี้เป็นวันที่จะไม่ลืมเสียงหัวเราะที่ได้เปล่งออกมาพร้อมตัวตนที่แท้จริงเลย
“เราไปเที่ยวไหนต่อดีล่ะ”
“โอย....ไม่ไหวแล้ว จุกเต็มที่เลย”
“เธอนี่ไม่ไหวเลย กินยัด ๆๆๆๆอย่างนั้นมันก็จุกน่ะสิ ว่าไปแล้วเธอนี่ตะกละไม่ใช่ย่อยเลยนะ”
“เหอะ ๆ รู้แล้วน่าว่าตะกละ แต่ก็คงสู้คนบางคนไม่ได้หรอก”
ฉันเริ่มแซวเขากลับบ้าง ดูสิ ใครจะปล่อยให้เขาเอาแต่ต่อว่าฉันอยู่ฝ่ายเดียวได้ล่ะ ฉันไม่ยอมหรอก
“ตกลงจะไปไหนกันดีล่ะ” เขาทำท่าคิดก่อนจะพาฉันเดินไปรอบ ๆ เมือง ทั้ง ๆ ที่ฉันยังจุกซะขนาดนี้ แต่เขาไม่มีทีท่าว่าจะเป็นอย่างฉันเลยแม้แต่น้อย
“อ๊า...ดูหนังกันไหม”
เออ...เอาก็เอา แม้มันจะเป็นมุขเก่ที่ผู้ชายใช้จีบสาวก็ตาม
เขารีบดึงมือฉันและวิ่งไปที่โรงหนังซึ่งอยู่ที่ถนนอีกสายหนึ่ง แต่ก็ไม่ไกลมากนัก แต่ที่แน่ ๆ มันทำให้ฉันจุกกว่าเดิมอีก โอย...เดินไม่ได้รึไง ทำไมต้องวิ่งด้วย แว๊ก...ตายแล้ว พุงฉันปลิ้น!!! พุงฉันปลิ้นออกมาแล้ว ไม่ได้การล่ะต้องแขม่วท้องเดียวนี้ เดี๋ยวไม่สวย อุ๊บ!!!
“เป็นอะไร ดูทำหน้าเข้าสิ อยากเข้าห้องน้ำหรอ”
จะให้ฉันบอกเขาได้ไงว่าฉันพยายามแขม่วพุงอยู่ โอย...ทรมานที่สุดที่ต้องพยายามทำตัวให้สวย หุ่นดี อยู่ตลอดเวลา
“ฉันถามเนี่ย...ไม่ได้ยินหรอ” เขาเริ่มดุฉัน แต่สีหน้าเขาดูเป็นห่วงฉันอยู่เหมือนกัน
“มะ...ไม่ได้” ทนไว้ทนไว้นานะ เดี๋ยวเขาเผลอเราค่อยปล่อยมันออกมา
“เออ...ตามใจก็แล้วกัน”เขาดึงมือฉันและเดินไปยังจุดหมายต่อ อ่ะ เขาหันหลังแล้ว!!! อา....ปล่อยพุงออกมาเนี่ย สบายสุดยอดเลย
“นี่...อยากกินน้ำไหม” อ๊าย...เขาหันมาอีกแล้ว เร็วชะมัด โชคดีนะแขม่วทัน ไม่อย่างนั้นมีหวังโดนหัวเราะเยาะแน่ ๆ เลย
“มะ..ไม่กินคะ..ค่ะ”ฉันพยายามฝืนที่จะพูดทั้ง ๆ ที่รู้ว่าตอนนี้พุงกำลังจะหลุดแล้ว
“ก็ดี...แต่ถ้าหิวก็บอกละกัน” เขาพูดก่อนจะหันหลังกลับไปและจูงมือฉันข้ามถนนเพื่อไปโรงหนังที่อยู่อีกฟากถนน และฉันก็ใช้จังหวะนี่ปลดปล่อยพุงฉันให้คืนสู้อิสรภาพ อา....
“เออ..แล้วเราจะดูหนังเรื่องอะไรกันดีล่ะ” เขาหันกลับมาอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ฉัน...ฮือ ๆ ไม่นะ ฉันแขม่วพุงไม่ทันแล้ว “เป็นอะไร กลัวฉันแซวเรื่องพุงรึไง ไม่ต้องห่วงน่า ฉันก็เป็น ฉันเห็นเธอแขม่วตั้งแต่ออกมาจากร้านราเม็งแล้วก็อยากรู้ว่าเมื่อไหร่เธอจะเผลอลืมแขม่วพุง เห็นแล้วฉันอึดอัดชะมัด เลิกทำอย่างนั้นเถอะ ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ นี่ ดูพุงฉันสิ” เขาดึงมือฉันมาจับที่ท้องของเขา โอ้โห เห็นหุ่นดี ๆ อย่างนี้เถอะ อย่างกะคนท้องใกล้คลอดเชียว
“แล้วจะคลอดเมื่อไหร่ล่ะเนี่ย”ฉันแซวเขา
“ตราบใดที่แม่ของเด็กคนนี้รับผิดชอบ ฉันก็จะคลอดทันที”เขาแกล้งลูบท้องแล้วทำหน้าเศร้าเหมือนจะร้องไห้
“แล้วใครเป็นแม่ของเด็กล่ะ ไม่น่าเลยนะ น่าสงสารจัง”ฉันเล่นไปกับเขาด้วย แต่พี่ชูจิกลับส่งสายตาที่ดูจริงจังมาให้ฉัน
“ก็เธอไง!!”
อึ้งเลย ฉันอายหน้าแดงชะมัด แต่เขากลับหัวเราะดังลั่นทำราวกับว่าฉันเป็นตัวตลกแหนะ
“จี้โดนจุดล่ะสิ ดูหน้าเธอสิ แดงเป็นมะเขือเทศเลย 555+”
“มันน่าขำนักรึไงห๊ะ”ฉันแกล้งโกรธ
“ไม่น่าขำหรอกน่ารักดี”
เอาอีกแล้วครับท่าน ฉันรู้สึกเขินเป็นอีกเท่าตัว นั่นยิ่งทำให้เขาขำฉันเป็นยกใหญ่
“555555++++”
“เลิกขำได้รึยังมิทราบ”
“โอเค ฮ่า ๆ โอเคๆ แล้วจะดูหนังเรื่องไหนดีล่ะ ฮ่าๆๆๆ”
สุดท้ายเขาก็ยังไม่หยุดขำสักที จนหน้าฉันกลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว หมอนี่เป็นโรคเส้นตื้นรึไงนะ หมดมาดหน้าตาดี ๆ หมดเลย อยากรู้จริง ว่าคนหล่อ ๆ เขาเป็นแบบนี้กันหมดเลยรึไง
ฉันกวาดสายตาดูโปสเตอร์หนังรายสัปดาห์ของวันนี้ อึ๋ย...หนังรัก ๆแมนติคหมดเลย ไม่มีหนังเรื่องไหนที่น่าดูเลยสักนิด
“ว๊าว....รักนี้แด่เธอ มนต์รักเสียงไวโอลิน เจ้าแมวสื่อรัก จดหมายรัก วิวาห์แห่งรัก รัก ๆ ๆๆๆๆน่าดูทั้งนั้นเลย” ฉันหันไปมองเจ้าของเสียงนั้นด้วยใบหน้าที่คาดหวังว่าจะไม่ใช่เสียงของรุ่นพี่ชูจิ แต่ผิดคาด เป็นเขาจริง ๆ อะไรเนี่ย!!! เขาชอบดูหนังเรื่องแบบนี้รึไงกัน
“ดูเรื่องอะไรดีล่ะ อืม.......รักนี้แด่เธอเอาไหม”
“ไม่ ..”เขาเป็นผู้ชายแบบไหนกันที่ชอบดูหนังประเภทเนี้ยน่ะ
“งั้นมนต์รักเสียงไวโอลิน”
“แค่ชื่อก็ทุเรศ” คำ ๆ นี้เขาน่าจะเป็นคนพูดไหงฉันเป็นคนพูดล่ะ
“แล้ว...จดหมายรักล่ะ เรื่องนี้พระเอกน่ารักนะ”
“พระเอกน่ารักหรอ ถามจริงเถอะเป็นตุ๊ดรึไงถึงมาชอบพระเอกน่ะ”
เขามองหน้าฉันก่อนจะยิ้ม ๆ ให้ “ฉันรู้หรอกน่าว่าเธอไม่ชอบหนังพวกนี้ วู้ แกล้งแค่นี้ทำเป็นโกรธ แต่ว่าไปดูหนังเรื่องนั้นกันไหม!!~”เขาชี้ไปที่โปสเตอร์อีกอันหนึ่งที่หลบมุมอยู่ทำให้ไม่โดดเด่นเอาซะเลย ว๊าว !!! น่าดูชะมัด
“ดู ๆ จะดูหนังเรื่องนี้”
“ฉันว่าแล้ว คอหนังแบบเดียวกันเลย น่าดูเอาการเลยนะเรื่องนี้ ป่ะไปซื้อตั๋วกัน”
n --- --- - - - - - - - --- --- --- --- --
ฉันกับเขาเดินออกมาจากโรงหนังด้วยใบหน้าที่...........บ่งบอกว่าเสียดายเงินสุดยอดเลย ไหงหนังถึงได้สร้างออกมาห่วยแตกขนาดนี้นะ รู้ไหมฉันหลับตั้งแต่พระเอกยิงกระหน่ำแบบที่ว่าไม่เกรงกลัวกฎหมายเลยสักนิด
ตอนแรกฉันหวังว่าหนังบู๊ดแอคชั่นเรื่องนี้จะน่าดูอย่างที่ชื่อเรื่องพรรณนาเอาไว้ซะดิบดี แต่รู้ไหมชื่อเรื่องไม่ได้เข้ากับเนื้อหาของเรื่องซะเลย แถมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรื่องต้องการจะสื่อถึงอะไร รู้ไหมตอนจบ ๆ ยังไง พระเอกสะดุดก้อนหินก้อนหนึ่งล้มหัวกระแทกพื้นตายระหว่างวิ่งหนีผู้ร้ายที่เป็นศัตรูตัวฉกาจ โหย.......ดูแล้วเสียความรู้สึกชะมัดเลย ไม่รู้ว่าเขาให้ทำมาเป็นหนังได้ยังไง
“ครั้งหน้าจะไม่ดูอีกแล้วหนังบู๊”พี่ชูจิบ่นพึมพำอยู่คนเดียว “ถึงว่าล่ะคนเข้าดูถึงมีแค่5คน เพราะอย่างนี้นี่เอง”
“ต้องเอาไปบอกคนอื่นให้รู้กัน หนังเรื่องนี้จะได้เจ๊งไปเลย”
ความคิดเห็น