ตอนที่ 2 : Chapter 02 : Be loved
“เมื่อคืนแกหายไปไหนมา!!”ฉันสะดุ้งโหยงทันทีที่เสียงห้าวของเพื่อนสนิทโพล่งขึ้น หลังจากที่ออกมาจากห้องของเซฮุน ฉันก็ตรงมาที่โรงเรียนเลย โชคดีที่ในล๊อกเกอร์มีชุดพละไว้สำรอง แล้วก็เอาแต่มาหมกตัวอยู่ในห้องชมรมนี่แหละเพราะถึงจะเข้าเรียนคงเรียนไม่รู้เรื่องอยู่ดีเนื่องจากในสมองมันรวนไปหมด
“อะ เออ ฉันกลับมาก่อนอะ”ฉันตอบพร้อมกับยิ้มแห้งๆให้แทยอน
“กลับก่อน กลับสภาพนั้นอะนะ”ใบหน้าเด็กประถมนิ่วด้วยความไม่สบอารมณ์
“สะ สะ...สภาพไหน”
“ก็สภาพเมาเละเทะไง แกจำไม่ได้เหรอว่าเมื่อคืนแกเจอยัยนาอึนลูกพี่ลูกน้องแก แล้วยัยนั่นก็ท้าให้แกดื่มเตกีล่าเพียวๆไปตั้งห้าหกชอต เพราะถ้าแกไม่ยอม นาอึนจะเอาเรื่องที่แกแอบหนีเที่ยวไปฟ้องคุณป้าอะ”
“...”
“แกรู้ป่ะ สภาพแกดูไม่ได้เลย ฉันน่ะนะวิ่งไปหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าให้ พอกลับมาที่โต๊ะก็ไม่เจอแกแล้ว โทรหาก็ได้ยินแต่เสียงอื้อๆ อ่าๆ สัญญาณขาดๆหายๆ ดีเท่าไหร่แล้วที่ไม่ถูกลากไปทำมิดีมิร้าย แกนี่น๊า …..”หลังจากนั้นฉันก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย ความจริงสติฉันหลุดไปตั้งแต่เสียงอื้อๆอ่าๆแล้วแหละ ตะตอนนั้นฉันคงกำลัง ...ซิง ซิงลูกแม่ ฉันอยากจะดึงทึ้งผมให้ขาดติดมือให้รู้แล้วรู้รอดเผื่อมันจะเอาเชื้อโง่ออกจากสมองซะ
ฉันจำตอนเสียซิงไม่ได้ จำไม่ได้แม้แต่ท่าเดียว…………… T^T
“เอ่อ แล้วแกเห็นข่าวซูจองเมื่อคืนยัง”
ข่าว? ข่าวอะไรอะ.....
ฉันปาหนังสือในมือลอยไปปะทะกับแผ่นหลังคนที่เดินนำหน้าด้วยความไม่สบอารมณ์ เซฮุนหมุนปลายเท้ากลับมาช้าๆก่อนจะโค้งเชิงขอโทษขอโพยแต่แค่นี้มันไม่ทำให้ฉันโมโหได้น้อยลงหรอกนะ ถึงจะมาส่งงานทันทว่าเสียงบ่นต่างๆนาๆก็ลอยมากระทบโซนประสาทจนชวนเวียนหัวอีกรอบ ทั้งๆที่เรื่องเมื่อคืนก็ทำเอาฉันหัวหมุนหลายตลบอยู่แล้ว
“ขอโทษ ผมขอโทษนะครับคุณซูจอง”มันดูเหมือนจะจริงใจหากน้ำเสียงนั้นไม่แฝงการล้อเลียนไว้ด้วย
“ฉันเครียดอยู่นายก็รู้”ฉันเดินหนีไปกระแทกสะโพกนั่งอยู่ตรงเก้าอี้หินอ่อนใต้ต้นไม้
“ก็สมควรเครียด ข่าวดังขนาดนั้น”เซฮุนเดินมานั่งฝั่งตรงข้ามพลางท้าวคางไว้กับฝ่ามือ เนตรคมคายนั้นก็จับจ้องอยู่ที่หน้าฉัน สาบานถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นคงละลายกลายเป็นไอศกรีมกลางแสงแดดไปแล้ว แต่นี่มันฉันไง...จองซูจอง เสน่ห์ของหมอนี่ทำอะไรฉันไม่ได้หรอก
“แต่ฉันแอบสะใจ หมอนั่นคงจะเลิกราวีฉันไปอีกนาน”
“ฮึ คนอย่างจงอินน่ะเหรอ”เซฮุนกลั้วขำในลำคอเหมือนกำลังขบขันอะไรสักอย่างซึ่งฉันคิดว่ามันคงหนีไม่พ้นนินทาฉันในใจ
‘ทายาทคนเล็กตระกูลจองฝากรอยรักให้จงอินกลางฟลอร์’
ฉันค่อยๆเลื่อนสไลด์หน้าจอไปยังลิ้งค์ภาพก็เห็นว่าซูจองกำลัง...โก่งคออาเจียนใส่ตัวของจงอินเรียกง่ายๆว่าข่าวที่กำลังดังครึกโครมในขนาดนี้คือข่าวที่ซูจองอ้วกแตกใส่จงอินกลางฟลอร์เต้นรำนั่นเอง ภาพพจน์นางพญาแทบจะไม่หลงเหลืออยู่เลย ข่าวตามเพจต่างนำมาแชร์อย่างสนุกสนาน บางกลุ่มที่แอนตี้ความหยิ่งจองหองของน้องสาวฉันและหลงเสน่ห์ความยียวนของจงอินต่างคอมเมนต์ต่อว่าต่างๆนาๆ อ่านแล้วไม่จรรโลงใจอย่างแรงเลย
“อะ ขอบใจ”ฉันยื่นไอโฟนรุ่นล่าสุดคืนแทยอนพร้อมกับหน้าบึ้งๆเนื่องจากไม่รู้ว่าลืมของตนเองไว้ที่ไหน บวกกับการอ่านคอมเมนต์บ้าๆนั่นอีก
“แกเป็นห่วงซูจองใช่มั้ยละ”ฉันพยักหน้าแทนคำตอบ“ไม่ต้องห่วงหรอกน๊า เมื่อเช้าน้องสาวแกยังเดินเชิดคอตั้งไม่เห็นจะมีอะไรผิดไปจากวันอื่นเลย”ถึงแทยอนจะพูดอย่างนั้น แต่ยังไงน้องสาวฉัน ยัยนั่นน่ะถึงจะเข้มแข็งขนาดไหน แต่คนเราก็ต้องมีมุมอ่อนไหวบ้างสิ
“รุ่นพี่คะ”จู่ๆประตูห้องก็เปิดเข้ามาพร้อมกับร่างเล็กของไอรีนรุ่นน้องในชมรม
“มีอะไรอะ”แทยอนถามด้วยความสงสัย
“ครูยองมินให้มาเรียกรุ่นพี่ซูยอนไปพบค่ะ”ครูยองมิน รองผอ.ฝ่ายวิชาการ…
ฉันได้แต่ก้มหน้าก้มตาฟังรองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการคุณกับพี่ทงเฮ ถือว่าคิดถูกทุกครั้งที่โรงเรียนให้กรอกชื่อและเบอร์ผู้ปกครองฉันเขียนชื่อพี่ชายของฉันไป เพราะถ้าเป็นแม่สายตาจะฟาดฟันกว่านี้มาก ตะหงิดใจอยู่แล้วเชียวถูกเรียกมาฝ่ายวิชาการแบบนี้มันคงเป็นเรื่องไม่ดีแน่ พอก้าวขาเข้ามาเท่านั้นแหละ เห็นผู้ปกครองนั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้เลย
“ยังไงผมจะดูแลน้องสาวให้มากกว่านี้นะครับ”พี่ทงเฮลุกขึ้นก่อนจะโค้งให้ครูยองมินแล้วลากฉันออกมาด้านนอกพร้อมๆกัน ทันทีที่ก้าวออกมาสายตาคมก็ตวัดมองฉันอย่างกรุ่นโกรธแล้วพี่ก็เดินหนีไปเลย
“พี่ทงเฮ!! พี่...เดี๋ยวก่อนซี่”ฉันรีบวิ่งไปกอดแขนพี่ชายไว้ เขาจึงยอมหยุดแล้วปรายตามองมาอย่างระอา
“ตกทุกเทอม”น้ำเสียงเหนื่อยล้าเอ่ยห้วนๆ
“ก็มันไม่เข้าใจนี่ค่ะ”
“ไม่เข้าใจหรือไม่ตั้งใจกันแน่”พอเจอประโยคคำถามสวนกลับก็ทำให้คำพูดทั้งหมดกลืนหายไป ฉันทำได้แค่ก้มหน้าลงอย่างจำนนต่อหลักฐานคือคะแนนบนกระดาษในมือพี่ทงเฮ เสียงถอนหายใจดังเฮือกๆจากร่างสูงก่อนที่ฝ่ามือหนาจะวางทาบลงบนศีรษะพร้อมส่งแรงโยกเบาๆ “เอาเถอะ เทอมหน้าเอาใหม่ หาครูติวเก่งๆสักคนมาสอนแล้วกัน”
ฉันช้อนตามองพี่ชายที่น้ำเสียงอ่อนลงมาก ก่อนจะกระโดดกอดคอเขาด้วยความตื้นตัน“ขอบคุณนะคะ T^T”
“ปล่อยนะ ยัยเด็กคนนี้ไม่อายคนอื่นหรือไง”พี่ทงเฮดันหน้าผากฉันให้ถอยห่าง ก่อนจะมองไปรอบๆตัว ก็พบสายนักเรียนที่เดินไปมาจับจ้องอย่างอยากรู้อยากเห็น
พรึ่บ!! จู่ๆกระดาษในมือของพี่ทงเฮก็ถูกใครบางคนดึงออกไป ซูจองไล่สายตาอ่านมันก่อนจะช้อนมองฉันแววเรียบนิ่ง ทว่าสายตาฉันกลับเหลือบเห็นร่างสูงที่เดินมายืนข้างๆน้องสาว
ซูยอนวิ่งไปหลบอยู่ข้างหลังพี่ทงเฮอย่างกับเห็นฉันเป็นยักษ์เป็นมาร ฉันยื่นกระดาษแจ้งผลคะแนนของจองซูยอนคืนให้พี่คนโต ก่อนจะกอดอกถลึงตาใส่พี่สาวที่ไม่เอาไหนสักอย่าง
“เมื่อไหร่เธอจะตั้งใจเรียนสักทีซูยอน!!”ฉันโพล่งออกไปอย่างเหลืออด นี่ฉันต้องทนใช้นามสกุลเดียวกับคนมีแต่ขี้เลื้อยในสมองเหรอ
“...”
“ที่เลกเชอร์ให้เคยอ่านบ้างหรือเปล่า”
“อะ อ่านสิ”ยัยนั่นยังหลบอยู่ข้างหลังพี่ทงเฮแล้วกำเสื้อเขาไว้จนฉันคิดว่ามันจะขาดติดมือมา
“อ่าน อ่านแล้วทำไมถึงตกอีก จะเข้ามหาลัยแล้วนะ หัดมีความรับผิดชอบหน่อยสิ”
“เทอมหน้านะซูจอง จะทำคะแนนให้เยอะๆเลย”
“ฉันไม่ต้องการคะแนนเยอะๆ แค่ผ่านก็บุญจะแย่”
“งั้นเธอติวให้ฉันสิ”
“ฉันไม่มีเวลา”ฉันรีบปฏิเสธเพราะไม่มีเวลาจริงๆเนื่องจากรับปากจะติวให้นาอึนไปแล้วตามคำขอของน้าชองอาน้องสาวของแม่ ฉับพลันความคิดก็ผุดขึ้นก่อนจะปรายตามองคนตัวสูงข้างๆที่ยืนเงียบมานาน “ช่วงนี้ว่างใช่มั้ย”เซฮุนพยักหน้า
“มะไม่นะซูจอง ฉันจะหาครูติวเอง มะ...ไม่ๆ”ซูยอนยอมโผล่หน้าออกจากหลังพี่ดงเฮก่อนจะยกมือโบกไปมาเป็นพัลวัน
“งั้น...ช่วยหน่อยแล้วกัน”ฉันกระตุกยิ้มอย่างมีชัยก่อนที่เซฮุนจะไหวไหล่เชิงไม่มีปัญหา ส่วนพี่ทงเฮก็พยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วย ก็แหงละถ้าให้ซูยอนหาครูติวเตอร์เองมีหวังยัดเงินให้แล้วโดดเรียนอย่างทุกครั้งน่ะสิ
“ไม่นะ ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยย”ฉันฉวยริลัคคุมะที่นอนอยู่บนเตียงมากอดแนบอกพร้อมกับครวญครางอย่างเจ็บปวด พยายามหลายต่อหลายครั้งให้ซูจองล้มเลิกความคิดนั้นทว่ายัยนั่นกลับทำเป็นหูทวนลมไม่รับฟังอะไรเลย แม้กระทั่งเสียงโหยหวนปานจะขาดใจที่ดังไม่หยุดนี่
“ซูยอนหุบปาก ฉันจะนอน!!”คนข้างห้องตะโกนข้ามฝาผนังมา จนฉันต้องรีบหุบปากฉับทันที
“ฮือ...T^T”เพราะกลัวว่าจะถูกตวาดอีกเลยจำต้องซุกหน้าลงกับหมอนแล้วปล่อยโฮอย่างอนาจใจ ฉันไม่อยากเรียนกับเซฮุน ไม่อยากเห็นเขา ไม่อยากได้ยินเสียง ไม่อยากข้องเกี่ยว แต่ทำไมอะไรดูจะไม่เป็นใจสักอย่างเลย ทำไมฉันไม่เกิดมาอัจฉริยะเหมือนน้องสาว ทำไมเกิดมาโง่ละ นี่ฉันเกิดมาทำไมวะ
What The F*ck?
ฉันควรจะไปตรวจร่างกายหรือเปล่า บางทีฉันอาจจะยังไม่ได้มีอะไรกับเซฮุนก็ได้ แต่ถ้ามีแล้วละ ฉันจะยอมรับความจริงได้มั้ย ปัญหาโลกแตกสมองระเบิดชัดๆ วันนี้วันหยุดซูจองต้องออกไปติวหนังสือให้นาอึน ยัยเด็กจอมแสบหูอริฉันตั้งแต่เด็กจนโต ยัยนั่นน่ะยึดซูจองเป็นไอดอล แล้วยึดฉันเป็นศัตรู ทั้งๆที่ฉันเองก็ไม่เคยไปหาเรื่องก่อนด้วยซ้ำ
“สิก้ามาทำอะไรตรงนี้น่ะ”ฉันหันไปตามเสียงก็เห็นพี่ทงเฮเดินเข้ามาพร้อมกับผูกไทไปด้วย
“ก็นั่งเฉยๆ”ตอบออกไปด้วยท่าทีหน่ายๆเพราะตั้งแต่เผลอตื่นตอนฟ้าสร่างมันก็นอนไม่หลับแล้วมาหมกตัวอยู่ในห้องนั่งเล่นนี่แหละ “พี่จะไปทำงานเหรอคะ วันนี้วันหยุดนิ”
“พี่จะเข้าไปตรวจงานให้เสร็จน่ะ เฮ้อ เหนื่อยชะมัดเลย”พี่ชายคนโตข่มตาลงช้าๆก่อนจะเดินมาทิ้งตัวนั่งพิงแผ่นหนังไปกับโซฟาใกล้ๆกับที่ฉันเอกเขนกอยู่ พี่ทงเฮถึงจะไม่ใช่ลูกชายแท้ๆของคุณแม่แต่เขาก็ทุ่มใจทุ่มกายทำงานเพื่อครอบครัวเรา ฉับพลันความรู้สึกระอายใจก็ก่อตัวขึ้น ทั้งที่ฉันเป็นลูกคนโตแท้ๆของตระกูลแต่กลับสร้างแต่เรื่อง ในขณะที่ซูจองเป็นเพียงน้องคนเล็กทว่ากลับต้องหอบงานของบริษัทมาทำเพื่อแบ่งเบาภาระของทุกคน
“ไม่ต้องทำหน้าแบบนี้เลยนะ”คนข้างๆเอื้อมมือมายีผมฉันอย่างที่ชอบทำ
“ขอโทษนะคะ ที่ช่วยอะไรไม่ได้เลย”ฉันเอ่ยเสียงอ่อน
“อยากช่วยมั้ยละ”ร่างสมส่วนลุกขึ้นพร้อมส่งยิ้มบางๆมาให้
“คะ?”พี่ทงเฮชี้นิ้วไปยังเนกไทที่ยังผูกไม่เรียบร้อยพร้อมเลิกคิ้วส่งมาให้ เท่านั้นฉันก็รู้ในทันทีลุกไปยืนเผชิญหน้ากับเขาแล้วลงมือผูกให้มันเป็นระเบียบ กลิ่นหอมอ่อนๆลอยมาเตะจมูกจนฉันต้องเคลื่อนหน้าเข้าไปใกล้แผงอกกว้างพลางทำสูดกลิ่นฟุดฟิด “พี่เปลี่ยนน้ำหอมระ...”ประโยคคำถามที่เหลือถูกกลืนหายไปเมื่อฉันเงยหน้าขึ้นแล้วบังเอิญที่พี่ทงเฮก้มหน้ามองอยู่ประจวบเหมาะให้ปลายจมูกของเราสัมผัสกันอย่างเลี่ยงไม่ได้
“พี่เปลี่ยนมาได้สักพักแล้ว”เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยในขณะที่ใบหน้าของเรายังไม่เคลื่อนห่างจากกัน สายตาที่ทอดมองมาทำให้ฉันเริ่มทำตัวไม่ถูกขยับออกก็กลัว อยู่อย่างนี้ก็ดูจะไม่ดีเท่าไหร่
“คุณหนูคะ ครูติวเตอร์…เอ่อ...”จังหวะที่เสียงเมดดังขึ้นเป็นโอกาสให้เราสองคนผละห่างจากกันราวกับถูกไฟฟ้าช๊อต พอเบือนไปยังประตูก็เห็นเมดกับ...
“ซะ เซฮุน”
“วันนี้ทำถูกหลายข้อนะ กลับไปเธอก็อ่านที่ฉันไฮไลต์ไว้ด้วยละ”ฉันบอกนาอึนพร้อมๆกับเก็บของใส่กระเป๋า ฉันนัดญาติห่างๆออกมาติวในคาเฟ่ที่ชอบมาบ่อยๆนาอึนหัวไวทำให้ไม่เหนื่อยมากอย่างที่คิด
“แล้วเธอจะไปไหนต่อเหรอนี่ยังไม่เที่ยงเลยนะ”นาอึนยกชามาจิบอย่างวางมาดเชิดคอถามฉัน
“กลับ”ฉันก็ตอบสั้นเพราะขี้เกียจพูดความยาวสาวความยืด
“ไปช้อปปิ้งกันต่อมั้ยละ”
“ไม่ละ”
“ไปเถอะน๊าคริสตัล”นาอึนยังไม่ลดความพยายาม บางทียัยนี่ก็ทำให้ฉันเฉยๆนะ ต่อบ่อยครั้งเลยแหละที่ทำให้ฉันรำคาญกับนิสัยจอมตื้อของเจ้าหล่อน
“ไม่ไป เธอไม่เข้าใจที่ฉันพูดเหรอ”ในที่สุดฉันจำต้องใช้ไม้ตาย ขู่คนตรงหน้าด้วยสายตาจิกกัดจนนาอึนยอมลามือ
“โอเคๆ ไม่ไปก็ไม่ไป ว่าแต่เทอมนี้ซูยอนสอบตกอีกแล้วเหรอ”ฉันกลอกตาเท่าจำนวนความเยื่อหน่ายเมื่อเจอกับคำถามแบบนี้
“ซูยอนอายุมากกว่าเธอ”ฉันกดเสียงต่ำอย่างไม่สบอารมณ์
“แต่ยัยนั่นโง่”นาอึนยังลอยหน้าลอยตาเถียง
“แล้วเธอละ ฉลาดมากนักเหรอ”
“เอะ! นี่เธอจะมาเหวี่ยงใส่ฉันทำไม ก็ฉันพูดความจริง!”นาอึนผุดลุกจากเก้าอี้แล้วคว้ากระเป๋าเดินจ้ำอ้าวออกจากร้านไป ฉันข่มตาลงเพื่อระงับความโกรธเนิ่นนานกว่าที่เส้นเลือดบริเวณขมับจะคลายตัวลง... ซูยอน คือชื่อที่ฉันเรียกได้คนเดียว คนอื่นอย่าสะเออะ…
ฉันวางแก้วน้ำลงตรงหน้าคุณครูจำเป็นก่อนจะหย่อนสะโพกนั่งลงตรงข้ามกับเขาโดยมีโต๊ะกั้นเราไว้ เซฮุนจ้องหน้าฉันนิ่ง เราสบตากัน สุดท้ายคือฉันเองที่ทนต่อความกดดันไม่ไหวจึงเบือนหน้าไปมองสวนดอกไม้ของคุณแม่ ให้ตายเถอะ บรรยากาศดีๆในสวนตอนนี้ไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลายลงสักนิด
“เริ่มเรียนเถอะ”เซฮุนยื่นชีทมาให้ “แสดงวิธีทำแล้วฉันจะตรวจ”
“แต่นายยังไม่สอนฉันจะทำได้ยังไงเล่า”ฉันเบ้ปากเพราะโจทย์ไม่ใช่ง่ายๆเลย
“โจทย์พวกนี้เป็นแนวขอสอบเก่า ทำซะฉันให้เวลาสิบนาที”เสียงห้าวว่าก่อนที่เขาจะฟุบลงไปกับโต๊ะ
“สิบห้า”ฉันเอ่ยเสียงอ่อนทว่ากลับไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับเลย
สิบนาทีผ่านไปชีทโจทย์เลขก็ถูกดึงไปกับมือ เซฮุนเพ่งมองสลับกับหน้าฉันไปมาสองสามครั้ง สุดท้ายก็พ่นลมหายใจออกมาแรงๆแล้วลากเก้าอี้มาข้างๆฉันแทน ฉันรีบกระเถิบหนีแต่ไปได้ไม่ไกลมือหนาก็รั้งแขนไว้ “เธอจะกระเถิบไปทำไม นั่งใกล้ๆฉันขี้เกียจพูดเสียงดัง”
“ตะแต่...”
“เงียบแล้วฟัง ฉันจะอธิบายแค่รอบเดียว ถ้าไม่เข้าใจให้ถาม ห้ามพูดแทรกเด็ดขาด”เซฮุนละจากชีทก่อนจะเบนมาสบตาฉันนิ่งๆ“เข้าใจมั้ย”
“อะ...อืม”ฉันพยักหน้าหงึกหงักแทนคำตอบทั้งหมดทั้งมวล วิชาแรกที่เซฮุนสอนคือคณิตศาสตร์ ฉันเกลียดวิชานี้มาก... เกลียด ทว่าพอคนข้างๆสอนฉันกลับเข้าใจมันได้ง่ายดาย อาจจะเป็นเพราะเคล็ดลับการคิดเลขที่จำง่ายบวกกับน้ำเสียงที่ลื่นหูกระมัง พอทำด้วยตัวมันไม่ทำไม่ได้ พอฟังเขาอธิบายก็ถึงกับบางอ้อทันที
“เข้าใจแล้วใช่มั้ย”เซฮุนวางดินสอลงบนชีท ฉันก็พยักหน้าขึ้นลง คนข้างๆหยิบชีทอีกแผ่นขึ้นมาแล้ววางลงตรงหน้า “งั้นทำใหม่สิบนาทีเท่าเดิม”
ฉันไล่สายตามองโจทย์เหล่านั้นแล้วลงมือทำ เซฮุนบอกว่าตัวนี้ต้องแทนค่าด้วยตัวนี้ อืม แล้วยังไงต่อนะ“ซะ...”คำถามที่กำลังสงสัยถูกกลืนหายไปเมื่อเบนมาอีกทีคุณครูติวเตอร์ก็หลับตาพริ้มหันหน้ามาทางฉันซีกแก้มข้างซ้ายแนบลงกับโต๊ะ เวลาที่เซฮุนหลับเหมือนเด็กเลยแฮะ เอะ ถ้าฉันมองเขาแบบนี้มันจะเหมือนในซีรี่ย์ป่ะ ที่พระเอกแกล้งหลับ แล้วพูดออกมาว่า… ‘จะแอบมองฉันอีกนานมั้ย’
หากทว่าเซฮุนไม่ใช่พระเอกนิยาย เขาหลับจริงๆ ถ้าสังเกตจะเห็นความอิดโรยผ่านขอบตาที่ดำคลำ และริมฝีปากสีซีด นั่นทำให้ฉันนึกถึงคำพูดของซูจอง
‘เซฮุนเป็นนักเรียนทุน หมอนั่นน่ะไม่แบมือขอเงินพ่อแม่แม้แต่แดงเดียว แถมยังทำงานพาร์ทไทม์หามรุ่งหามค่ำอีกด้วย’
“นายคงจะเหนื่อยมากสินะ”ฉันรำพึงขึ้นท่ามกลางความเงียบที่มีเพียงเสียงสายลมเอื้อยๆเท่านั้น ก่อนจะกลับมาให้ความสนใจกับชีทโจทย์เลข ขนาดเซฮุนยังทำได้เลย ฉันก็ต้องทำได้สิ...คิดได้เช่นนั้นก็ไม่รอช้าที่จะหาคำตอบด้วยตัวเองไม่รบกวนคนที่กำลังพักผ่อนข้างๆ
ซูยอนคนโง่…ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าเปลือกสีอ่อนที่แต้มรอยคลำเปิดขึ้นเชื่องช้าเผยให้เห็นเลนส์สีน้ำตาลเข้มที่ขยายกว้าง ภายในเนตรคู่คมนั้นมีเงาสะท้านความมุ่งมั่นของนักเรียนหน้าตาน่ารักอยู่ ริมฝีปากบางของเซฮุนกระตุกยิ้มน้อยๆก่อนจะหลับพักผ่อนตามเดิม เวลาตั้งใจยัยนี่ก็น่ารักใช่เล่นเลยแหะ…
หลังจากฟาดฟันกับนาอึนแล้วจบที่การระงับอารมณ์ได้ฉันก็มาเดินทอดน่องในสวนสาธารณะแทนที่จะกลับบ้าน แค่อยากหามุมเงียบอยู่คนเดียวเท่านั้นเอง
ฉันหย่อนสะโพกลงบนม้านั่งริมทะเสสาปก่อนจะถอนหายใจออกมาแรงๆ นานๆทีเลยนะกว่าจะได้มีโอกาสไปไหนมาไหนคนเดียวแบบนี้ เพราะทุกครั้งฉันจะมีคนขับรถพาไปทุกที่ แต่วันนี้นาอึนมารับแล้วยัยนั่นก็กลับไปแล้ว สบโอกาสให้ฉันทำตามอำเภอใจบ้าง
“บังเอิญจัง”ทว่าความสุขที่วาดไว้ก็พังทลายลงไม่เป็นท่าเมื่อเรือพายลำเล็กมาจอดเทียบอยู่ตรงหน้าโดยมีคนบังคับคือ...คิมจงอิน
ฉันผุดลุกขึ้นแล้วเดินออกจากตรงนั้นทว่าไอ้บ้านี่ยังวิ่งมาดักทางอยู่อีก “จะรีบไปไหนอะ เราอุตส่าห์บังเอิญเจอกันนะ พรหมลิขิตชัดๆ”จงอินยิ้มทะเล้น
“อยากกินอ้วกอีกรึไง ถอยไปนะ!”
“เธอเนี่ยน๊า ทำไมต้องทำหน้านิ่วคิ้วขมวดตลอดเวลาเลย”
“นั่นมันเรื่องของฉัน”
“ฉันชอบที่เธอยิ้ม”
“แต่ฉันเกลียดนาย เกลียดทุกอย่างที่เป็นนาย!”ฉันตะเบ็งเสียงอย่างเหลืออด เมื่อไหร่จะเลิกยุ่มย่ามกับชีวิตฉันเสียที จงอินเองก็หุบยิ้มฉับพร้อมกับเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง
“ฉันอยากเป็นเพื่อนกับเธอนะซูจองอ่า”เขาเอ่ยเสียงอ่อน พร้อมๆกับก้มหน้าก้มตา
“เซฮุนคนเดียวก็เกินพอแล้ว”ฉันกดเสียงต่ำอย่างที่ชอบทำเป็นประจำไม่มีท่ามีว่าจะอ่อนลงให้อีกคนเลย
“เธอพูดแบบนี้ระวังแทมินมันจะมาได้ยินนะ”จงอินทำหน้างอแงราวกับเด็กเล็กซึ่งฉันเกลียดเด็ก!
“เซฮุนเป็นเพื่อนฉัน...อะ นี่ปล่อยนะ!”จู่ๆจงอินก็ฉวยข้อมือฉันแล้วฉุดให้เดินตามเขา แม้ปากจะร้องให้ปล่อยทว่าเขากลับไม่มีท่าทีว่าจะคลายมือออกเลยแม้น้อย “นายจะพาฉันไปไหน”
เดินมาได้ไม่ไกลเขาก็พาฉันมาหยุดในสนามเด็กเล่น “นายพาฉันมาที่นี่ทำไม”ฉันถามพร้อมกับสะบัดข้อมือจนหลุดจากการเกาะกุมในที่สุด
“พามาคลายเครียดไง”
“ฉันไม่...”ฉับพลันที่หมุนตัวหนีอีกคนก็ไวกว่ายกฉันพาดบ่าแล้วเดินดุ่มๆมายังชิงช้าก่อนจะวางฉันให้นั่งลงกับเครื่องเล่นที่แกว่งไปมา“ย๊า!!”นี่เป็นไม่กี่ครั้งหรอกนะที่ฉันหัวเสียแล้วแสดงออกชัดเจนแบบนี้
“เอาน๊า นั่งเฉยๆเถอะ”จงอินกดไหล่ฉันไม่ให้ลุกหนีก่อนที่ตัวเองจะเดินอ้อมมาด้านหลังแล้วลงมือไกว่ชิงช้าให้แกร่งไปตามแรงช้าๆ “ลองหลับตาดูสิ”
ไม่รู้ว่าเพราะลมเอื้อยๆที่ปะทะเข้ากับใบหน้าทำให้ใจฉันสงบลงหรือเปล่าส่งผลให้ยอมปิดเปลือกตาลงตามคำบอกของคนด้านหลัง ทุกจังหวะการเคลื่อนไปข้างหน้าแล้วย้อนกลับไปข้างหลัง เสมือนว่าตัวฉันลอยละล่องอยู่ในชั้นบรรยากาศแสนสบาย บอกตามตรงตั้งแต่เกิดมา นี่คือครั้งแรกเลยนะที่ได้มานั่งชิงช้าแบบนี้น่ะ
“เฮ้อ!!”ฉันทิ้งลงไปนอนแผ่อยู่บนผืนหญ้าสีเขียวขจีแสนกว้างขวางก่อนจะหายใจแรงๆเพระาความเหน็ดเหนื่อย หลังจากเล่นชิงช้า จงอิน หมอนั่นน่ะก็ชวนฉันเล่นสไลด์เดอร์ ม้าหมุน บลาๆของเล่นที่มีอยู่ในนั้นฉันได้สัมผัสมาหมดทุกอย่างภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงด้วยซ้ำ
“สนุกใช่มั้ยละ”จงอินเปลี่ยนท่านอนตะแคงหันมามองฉัน
“ก็ดี”ฉันไม่ใช่คนซับซ้อนอย่างที่ใครๆคิด ถ้ามันดี ฉันก็จะพูดแบบนั้น
“เธอยิ้ม”จงอินยิ้มกว้าง จนฉันต้องรีบปรับสีหน้ากลับตามเดิม
“...”
“ว๊า...ไม่น่าทักเลย อยากเห็นเธอยิ้มนานๆ”
“ฉันจะกลับแล้ว”ว่าจบก็ลุกขึ้นปัดเศษหญ้าออกจากตัว
“ไม่ไปหาอะไรกินก่อนละ”
“ไม่ แค่นี้ก็เกินพอแล้ว”
“เธอนี่แปลกนะ ไม่มักมากเอาเสียเลย หัดเป็นคนโลภบ้างเถอะ แล้วเธอจะได้รู้ว่าโลกนี้ไม่มีคำว่าพอดีหรอก”
“นายหมายความว่ายังไง?”
“ซูจอง”จงอินตีหน้าเครียดก่อนจะยื่นนิ้วชี้มาจิ้มแก้มฉันสองสามครั้ง “อยากมีเพื่อนเพิ่มอีกคนมั้ย”
“คุณหนูค่ะ คุณแทยอนโทรมาค่ะ”ฉันละสายตาจากโจทย์เลยแสนยากก่อนจะรับโทรศัพท์บ้านจากมือของเมด เพราะไอโฟนของฉันไม่รู้ไปอยู่ที่ไหนน่ะสิ “แทงกูอ่า มีอะไร”ฉันป่องปากคุยเงียบๆจะได้ไม่รบกวนเซฮุนที่ยังหลับอยู่
(หาไอโฟนเจอยัง จะติดต่อแต่ละครั้งนี่ลำบากนะ)
“ยังเลย แกมีอะไร”
(จะชวนไปคลับอีกอะ ไปเป็นเพื่อนหน่อยสิ)
“ไม่ ไม่ไปแล้ว”ฉันกลัวจะเกิดเหตุผิดพลาดอีก
(อ่า งั้นเหรอ โอเคงั้นฉันไปคนเดียวก็ได้)แทยอนเอ่ยเสียงผิดหวัง แต่เดี๋ยวนะ ถ้าไปคนเดียวแล้วเกิดเหตุการณ์เหมือนที่เป็นกับฉันละ…
“กี่โมง”หลังจากตกลงนัดเวลาเรียบร้อยฉันก็วางเครื่องมือสื่อสารลงบนโต๊ะ ทว่าพอหันมามองครูที่คิดว่าหลับ ก็พบว่าเขากอดอกจับจ้องฉันอยู่ “นายตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่อะ”
“เธอจะไปคลับ”เขาไม่ตอบแต่กลับเลิกคิ้วเชิงถามใส่ฉัน
“ชะ...ใช่”ฉันบอกก่อนจะเสมองไปทางอื่นราวกับว่าเซฮุนคือผู้ปกครองอีกคน
“ไปด้วยสิ”คนข้างๆว่าทำเอาฉันรีบหันขวับไปสบตาคมคายนั่นด้วยความไม่เข้าใจ “ฉันจะปล่อยให้เธอไปเมาเละเทะอย่างเมื่อคืนไม่ได้หรอกนะ”
เซฮุนพูดจบก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบบางอย่างที่คุ้นตามาวางตรงหน้าฉัน
ไอโฟนรุ่นล่าสุดสีขาว... ของฉัน
“ฉันจำได้...ทุกท่า”
กว่าจะสลัดจงอินออกไปได้ก็ทำเอาเหนื่อยแทบแย่ ความเงียบที่ปกคลุมไปทั่วบ้านทั้งๆที่มันเป็นวันหยุดส่งผลให้ฉันมองไปรอบๆพร้อมก้าวขาเข้ามาด้านในอย่างรวดเร็ว
ทว่าพอจะอ้าปากเรียกหาเมดร่างใครบางคนก็วิ่งผ่านหน้าฉันอย่างกับขีปนาวุธก็ไม่ปาน แล้วบ้านนี้ วิ่งแบบนี้มีอยู่คนเดียว
“ย๊า!! ซูยอนวิ่งในบ้านอีกแล้วนะ เธออยากตายรึไง!!”ฉันตะโกนไล่หลังคนสมองขี้เลื้อยไป แล้วถ้าพลาดตกลงบันไดขึ้นมามันเดือดร้อนคนเก็บศพนะ เสียงลงฝีเท้าจากอีกด้านส่งผลให้ฉันต้องละสายตาจากแผ่นหลังซูยอน เซฮุนล้วงกระเป๋ากางเกงเดินเนิบนาบตรงมายังฉัน “ยัยนั่นเป็นอะไร”
“ปวดฉี่มั้ง”คนตรงหน้าตอบส่งๆพลางยักไหล่
“แล้ววันนี้เป็นยังไงบ้าง ไหวมั้ย”ซูยอนเป็นคนหัวแข็งจะตาย แข็งถึงขนาดความรู้แทรกซึมเข้าไปลำบากอะ
“ก็พอได้นะ”ทว่าเซฮุนกลับเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบนิ่งอย่างที่ชอบทำ ที่ฉันเลือกเขาอาจจะเป็นเพราะความใจเย็นนี่แหละ ถึงจะดูเป็นคนห่ามๆ ก็เถอะ
“ฝากด้วยแล้วกัน ไม่ไหวก็บอก”ฉันบอกเซฮุนด้วยความเกรงใจ ถึงจะจ้างมันมา แต่ถ้าหมอนี่ไปสอนคนอื่นยังไงก็ได้เงินมากกว่ามาสอนคนสมองกลวงอย่างซูยอน
“อืม”ฉันเบี่ยงหัวออกด้วยความรวดเร็วเมื่อมือหนาเอื้อมมายีผมสีดำขลับของฉัน
“ย๊า!”เซฮุนหัวเราะหึๆในลำคอจนฉันอดเฮ้วอย่างหัวเสียไม่ได้ หมอนี่น่ะเหมือนหุ่นยนต์ก็จริง แต่เป็นหุ่นยนต์ที่น่ากระโดดตบหัวมากที่สุดในสามโลก คุยเล่นกันสักพักเขาก็ขอตัวกลับฉันเองก็เหนื่อยเกินจะรั้งให้ทานข้าวเย็นด้วยเลยปล่อยหมอนั่นไป ทว่าพอได้กลับมาอยู่คนเดียวเสียงบ้าๆนั่นก็ลอยขึ้นมาในหัวไม่หยุด
‘ซูจอง...อยากมีเพื่อนเพิ่มอีกคนมั้ย’
ปัง!!!
ฉันปิดประตูลงกลอนด้วยความแน่นหนาก่อนจะกระโดดไปนอนซุกหน้าบนเตียงผืนกว้างอย่างไร้หนทาง เซฮุนรู้ เขารู้!! ฉันจะทำยังไงดี หลังจากที่คว้าไอโฟนบนโต๊ะแล้วเซฮุนพูดจบฉันก็วิ่งหนีขึ้นมาบนนี้ ไม่สนเสียงบ่นของซูจองซักนิด ตอนนั้นมันลืมความกลัว แค่อยากจะหนีไปให้ไกล หนีให้พ้นหน้าเขาเท่านั้นเอง
ติ๊ง...เสียงเตือนจากไอโฟนที่ยังถืออยู่ในมือดังขึ้น ด้วยสัณชาตญาตคนติดสมาร์ทโฟนอย่างฉันเลยรีบสไลด์อ่านอย่างรวดเร็ว
OOSEHUN … ‘2 ทุ่ม ฉันจะมารับ...ห้ามแต่งตัวโป๊’
อึก...ฉันลอบกลืนน้ำลายดังอึกเมื่ออ่านตัวหนังสือไม่กี่พยางค์ สาบานเถอะว่าเขาอายุน้อยกว่าฉัน ตั้งแต่รู้จักกันมาเราคุยกันไม่ถึงประโยคด้วยซ้ำ ไม่สิเราแทบจะไม่รู้จักกันเลย ซูจองต่างหากที่รู้จักเซฮุน
ฉันกลอกตาเท่าจำนวนความเซ็งที่ปะทุเต็มอกก่อนจะลงไปนอนแผ่ตามเดิม ฉันควรจะยอมรับความจริงใช่มั้ย
“นี่ฉันมีผัวแล้วเหรอ”เสียงรำพึงขึ้นท่ามกลางความเงียบไร้คนตอบกลับเพราะมันคือคำถามซึ่งไร้คนตอบ และมันเป็นคำตอบที่ฉันรู้ดีอยู่แก่ใจ...
20.00 น.
ฉันออกมายืนรอเซฮุนนอกรั้วบ้านเพราะเขาบอกให้ฉันมารอที่นี่ แต่เคยย้อนถามตัวเองหลายหนตั้งแต่อาบน้ำ แต่งตัว เดินลงบันได จนกระทั่งมายืนเป็นหมาเฝ้าบ้านอยู่ตรงนี้ ทำไมฉันต้องรอ? ทำไมฉันต้องเชื่อฟังเซฮุนด้วย นั่นสิ...ฉันมายืนตรงนี้ทำไม
“ฉันไปดีกว่า”ว่าแล้วก็จะเดินไปหาแท็กซี่ขึ้นเองเสียเลย ทว่าพอจะก้าวขาก็รับรู้ถึงแรงดึงรั้งจากด้านหลัง ก็พบว่าเซฮุนกำลังยึดสายกระเป๋าสะพายข้างใบเล็กของฉันไว้
“จะไปไหน”ฉันเม้มปากแน่นเมื่อคนตัวโตเลิกคิ้วเชิงถาม เป็นอีกครั้งที่รู้สึกราวกับตัวเองเป็นเด็ก เด็กที่มีเซฮุนเป็นผู้ปกครอง
ทันทีที่ถูกลากขึ้นมานั่งบนแท็กซี่ฉันก็พาตัวเองมาสิงอยู่กับประตูอีกฝั่งและดูเหมือนเซฮุนเองก็ไม่ได้สนใจด้วย ภายในช่องสีเหลี่ยมแคบๆนี่จึงตกอยู่ในสภาวะอึดอัด จนฉันทนไม่ไหวล้วงเอาหูฟังมาใส่พร้อมเปิดปรับวอลวุ่มให้ดังจนไม่รับรู้ถึงสรรพสิ่งรอบข้าง แต่...หูฟังอีกข้างกลับถูกมือคนข้างๆดึงออกอย่างไร้มารยาท ฉันตวัดมองเซฮุนตาขวาง
“ฉันจะฟังเพลง”
“เธอเปิดดัง”เซฮุนตอบด้วยใบหน้าหงิกหงอ
“ถ้ามันหนวกหูมากก็ปิดหูไปสิ”ฉันจิ๊ปาก เซฮุนคงหงุดหงิดเนื่องจากเพลงของฉันไปรบกวนเขา
“ฉันกลัวหูเธอจะแตกต่างหาก”เสียงห้าวเอ่ยขึ้นพร้อมกับที่เขาเอื้อมมือมาแย่งไอโฟนของฉันไปปรับระดับเสียงลง แล้วใส่หูฟังอีกข้างให้ฉันตามเดิม “เธอควรจะรู้บ้างนะ ว่าฟังเพลงดังๆหูจะตึงเร็ว ยัยซาซึม”นิ้วเรียวยาวดีดลงกลางหน้าผากจนเสียงดังเปาะ ก่อนที่เซฮุนจะเอนร่างไปพิงประตูอีกฝั่งและเป็นไปตามคาดเมื่อเขาหลับอย่างที่ชอบทำบ่อยๆ
“แฟนน่ารักนะอิหนู”จู่ๆเสียงของโชเฟอร์ก็ดังขึ้น
“คะ”ฉันอ้าปากพะงาบๆด้วยความมึนเบลอ
“ก็แฟนหนูไง น่ารักจริงๆ”
“ไม่ค่ะ ไม่ใช่”ฉันโบกมือปฏิเสธ พรึ่บ! ทว่าพอจะอ้าปากบอกอีก ก็รู้สึกหนักอึ้งที่บ่าข้างซ้ายจนต้องหันขวับไปมองอย่างรวดเร็ว เซฮุนยังหลับพริ้มแต่แค่เปลี่ยนจากพิงกระจกมาพิงไหล่ฉันแทนเท่านั้นเอง…
“แน่ะ...ดูสิ สวีทเชียว ลุงไม่กวนแล้วเชิญตามสบาย”พอจะตอกกลับไปบ้าง แต่ก็ต้องหุบปากฉับเพราะไม่อยากรบกวนคนข้างๆ ก็ได้แต่นั่งตัวแข็งทื่อแปลงร่างกลายเป็นหมอนให้ครูติวเตอร์หนุนอยู่อย่างนี้ ส่วนเรื่องที่เข้าใจผิดคงต้องปล่อยไปเลยตามเลย ถึงยังไงคงไม่ได้เจอลุงอีกแล้วแหละ
กว่าจะเข้ามาภายในคลับหรูๆนี้ได้เลือดตาแทบกระเด็น การ์ดหน้าประตูเข้มงวดจะตายชัก แต่ฉันไม่รู้หรอกว่าเซฮุนไปพูดยังไงให้เราสองคนเข้ามาข้างในง่ายดายอย่างกับหน้ามือเป็นหลังมือ คนข้างในเยอะมาก ฉันโดนชนเกือบจะล้ม ถ้าไม่ได้คนที่เดินนำอยู่ข้างหน้ากุมมือไว้
“เดินให้ระวังหน่อยดิ”แน่นอนเขาไม่ได้ว่าฉันหรอก แต่กลับตะหวัดตาขวางๆใส่ผู้หญิงสวยเซ็กซี่คนที่เดินมาชนฉันต่างหาก ไอ้บ้า นั่นมันผู้หญิงอกโต หุ่นสะบึ้มเลยนะ ทำไมไปทำหน้าเย็นชาใส่แบบนั้นเล่า “ส่วนเธอมานี่เลย”เซฮุนพูดในขณะที่ดันตัวฉันขึ้นมาเดินนำเขา ก่อนจะกอดฉันไว้จากด้านหลัง แผ่นหลังที่แนบอิงกับอกกว้างทำเอาฉันไปไหนไม่เป็นได้แต่ยืนนิ่งไม่ขยับ“เดินไปสิ”เสียงนุ่มทุ้มกระชิบลงข้างหู จนรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นๆที่เป่ารดมาบนแก้มซ้าย มันจะมากเกินไปแล้วนะ
ใกล้เกินไปแล้ว...
เมื่อผ่านพ้นฝูงผีเสื้อราตรีมากมายไปได้ ก็เจอแทยอนลุกขึ้นโบกมือให้จากโต๊ะประจำ ก่อนที่รอยยิ้มดีใจจะเปลี่ยนเป็นความแปลกใจแทน นึกขึ้นได้ว่าคนตัวสูงกอดฉันจากด้านหลังก็รีบแกะมือที่เกาะอยู่บนไหล่สองข้างออก แววตาแทยอนตั้งคำถามไว้มากมาย ทว่าเซฮุนอยู่ตรงนี้ละมั้งเลยเอาแต่เงียบ“คือเซฮุนอยากมาเที่ยวด้วยอะ”ไม่รอให้เพื่อนสนิทจินตนาการไปมากกว่านี้จึงรีบอธิบาย
“อ้อออออ”แทยอนลากเสียงยาวพยักหน้าเหมือนคนเข้าใจแจ่มแจ้ง แต่ให้ตายเถอะ ฉันรู้นะว่าพอลับหลังเซฮุนยัยเตี้ยนี่ต้องหาโอกาสซักไซร้ฉันไม่เลิกแน่ๆ เพราะฉันกับคนข้างๆไม่ได้สนิทกันมากพอจะไปไหนมาไหนด้วยกันได้นะ
“โย้!เซฮุนแกมาทำอะไรน่ะ”จู่ๆคนไม่ได้รับเชิญก็โผล่เข้ามา คนแรกที่ฉันหันไปมองคงหนีไม่พ้นแทยอน ก็เพราะเจ้าของเสียงคือบยอนแบคฮยอน ต้นเหตุทั้งหมดทั้งมวนที่ทำให้เพื่อนสนิทของฉันมานั่งอยู่ในคลับสลัวแบบนี้เกือบทุกคืนไง
“ผมมากับเพื่อน”เซฮุนชนกำปั้นกับเจ้าของตาเรียวรีในขณะที่ตอบไปด้วย แบคฮยอนกวาดสายตาไปยังแทยอนจนมาหยุดที่ฉัน
“อ้าวเด็กห้องปีปะนิ”
“ชะ...ใช่ๆ ฉันซูยอนนะ ส่วนนี่เพื่อนสนิทฉันเองแทยอน”รีบดันหลังเพื่อนให้เข้ามาสนทนาในวง ทว่าแทยอนกลับเอาแต่ก้มหน้างุดอยู่นั่น
“ยินดีที่ได้รู้จักนะ ฉันแบคฮยอนห้องเอ ตามบายๆ”คุยกับฉันจบก็หันไปตบไหล่เซฮุน ที่ถึงแม้จะเป็นน้อง(ที่สอบเทียบจนได้ขึ้นมาอยู่ชั้นเดียวกันได้) แต่กลับตัวสูงกว่าอีกคนมากโข “มาก็ดีละ ช่วยไปเสริมวงให้หน่อยดิ”
“ไม่อะผมมานั่งเล่นเฉยๆ”เซฮุนส่ายหน้าแล้วเดินไปนั่งบนโต๊ะที่แทยอนจองไว้ก่อนหน้านี้ อีกคนก็เดินตามไปอย่างไม่ลดละ
“ขึ้นไปช่วยหน่อยน๊า วันนั้นแกขึ้นอะ สาวๆมาเกาะขอบเวทีตรึมเลยนะเว้ย”
“ผมไม่ขึ้นผู้หญิงก็เยอะอยู่แล้วป่ะ พี่ตามสบายเถอะ”
“แต่แกขึ้นผู้หญิงโหยหวนกว่าทุกครั้งไง แบบจะชักตายอะ”แบคฮยอนทำตาเหลือกประกอบไปด้วย ตามประสาคนตลกโปฮา เซฮุนถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะช้อนตาขึ้นมาสบกับฉันที่ยืนอยู่ข้างๆแทยอน
“ขึ้นได้มั้ย”ฉันมองไปรอบตัวก่อนจะเลิกคิ้วเชิงถามใส่เซฮุนที่นั่งอยู่บนโซฟากำมะหยี่สีเลือด
“ถามฉันเหรอ”
“อืม ขึ้นไปแป็บเดียว เดี๋ยวลงมานั่งเป็นเพื่อน”สีหน้าจริงจังบวกกับสายตาเข้มคายส่งผลให้คนสติไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวอย่างฉันมึนงงไปชั่วขณะ
“ก็ขึ้นไปสิ”พูดจบร่างสูงก็ยืนขึ้นก่อนจะดันให้ตัวฉันมานั่งแทนที่เขา
พรึ่บ! เสื้อแจ็คเก็ตหนังสีดำถูกถอดออกมาคลุมบนตักฉัน ตอนนี้ท่อนบนของเซฮุนจึงเหลือเพลงเสื้อยืดธรรมดาสีขาว ที่พอไปอยู่บนตัวเขาแล้วกลับดูดีและมีราคาค่างวดเพิ่มขึ้น ส่วนท่อนล่างก็เป็นกางเกงยีนส์สีซีดขาดๆมีสไตล์ ดูแล้วดิบเถื่อนจนต้องร้องขอชีวิต ฮะ! ไม่ดิ ฉันต้องไม่คิดแบบนั้น
“ฝากหน่อยนะ”แทยอนก็อึ้งไปเพราะจู่ๆเซฮุนก็หันไปแตะไหล่ลาดเล็กแล้วฝากฝังให้ดูแลฉัน ทำอะไรของเขาน่ะ ทำอย่างกับเป็นแฟนกันอย่างนั้นแหละ
แฟนเหรอ จะบ้ารึไง ไม่ใช่แฟนนะ!!! เป็นผัวเมียกันแล้วต่างหากละ T_____T
พ้นหลังเด็กหนุ่มทั้งสองไปก็เหลือแค่ฉันกับ...แทยอน
“เล่ามาให้หมดเลยนะ!”
สุดท้ายฉันก็ต้องเปิดปากเล่าเรื่องทั้งหมดให้เพื่อนสนิทฟัง แต่ฉันเล่าแค่ว่าเซฮุนพาไปส่งที่บ้าน แล้วก็เริ่มคุยกันมากขึ้น แค่นั้นแหละ เพราะถ้าขืนลงรายละเอียดมากกว่านี้มีหวัง ลูกล้อยันโคตรเหง้านะจริง แทยอนก็เหมือนจะไม่เชื่อหรอก ฉันถึงต้องมาขังตัวเองอยู่ในห้องน้ำแบบนี้ไง
ปัง!
เสียงปิดประตูดังลั่นไปทั่วจนฉันสะดุ้งโหยง ยกมือทาบอกด้วยความตกใจก่อนจะลุกขึ้นจากชักโครกเพื่อจะออกไปเผชิญหน้ากับแทยอนจอมซักไซร้
“จะดีเหรอคะ”กึก ฉันจำต้องชะงักมือในทันทีเมื่อเสียงที่เล็ดลอดเข้ามาเป็นสัญญาณเตือนว่าฉันไม่ควรขยับตัวไปไหน
“ถอดกางเกงในออก”โอ้ว คาริสม่าสุดติ่งไปเลย นี่ฉันกำลังอยู่ในสถานการณ์อะไรเนี่ย ฉันยังไม่เคยผ่านเรื่องแบบนี้มาก่อนเลยนะ อะ คิดแล้วก็ต้องสะบัดหัวไปมา ไม่นิ ความจริงคือฉันเคยผ่านมาแล้วต่างหาก เพียงแต่จำไม่ได้เท่านั้นเอง กรี๊ด ทำไมหน้าเหนอร้อนผ่าวไปหมด ไม่เขินสิ ฉันจำอะไรไม่ได้เลยนะ ว่าแต่เสียงผู้ชายคุ้นหูจัง เหมือนเคยได้ยินที่ไหน
“อื้อ...อ่า เบาๆสิคะ”เสียงชวนสยิวเริ่มดังขึ้น จนฉันต้องยกมือปิดปากแล้วกลับไปนั่งบนชักโครกตามเดิม
เสียงสวบสาบดังขึ้นเหมือนว่าตอนนี้พวกเขากำลังจูบกันในขณะที่ถอดเสื้อผ้าไปด้วย ผู้ชายดันผู้หญิงให้ขึ้นไปนั่งบนอ้างล้างมือ เขารีบร้อนรูดซิปกางเกงลงด้วยมือข้างเดียวก่อนจะ...
ครืด~ ฉันสะดุ้งหลุดออกจากจินตนาการเมื่อไอโฟนที่ซุกอยู่ในกระเป๋าสะพายข้างใบเล็ก ส่งแรงสั่นจนต้องรีบล้วงออกมากดดูข้อความที่ส่งมา
SH : อยู่ไหนน่ะ บอกให้นั่งกับเพื่อนไง
SY : มาเข้าห้องน้ำ
SH : เพื่อนบอกว่าไปนานแล้ว เป็นอะไร ท้องเสียเหรอ?
SY : ไม่ๆ
SH : งั้นก็รีบออกมาสิ จะกลับกันแล้ว
SY : ออกไม่ได้อะ
SH : ทำไม ไหนบอกไม่มีอะไรไง โกหกเหรอ?
SY : ไม่ได้โกหก มันไม่มีอะไรจริงๆแต่ออกไปไม่ได้
เซฮุนอ่านข้อความฉันแล้ว แต่หมอนั่นก็ไม่ตอบ นี่งอนหรือเปล่าเนี่ย ก็คนมันออกไม่ได้นี่นา แล้วทำไมฉันต้องมาแคร์ความรู้สึกของผู้ชายคนนั้นด้วยเล่า
ครืด~
SH : ออกมา รออยู่หน้าห้องน้ำแล้ว
ฮะ! อยู่หน้าห้องน้ำงั้นเหรอ ที่หายไปเพราะกำลังเดินมาที่นี่สินะ แต่เดี๋ยวก่อน ถึงเซฮุนจะอยู่ข้างหน้า แต่ฉันก็ออกไปไม่ได้อยู่ดีป่ะ ในเมื่อตรงอ้างล้างมือเขากำลังอื้ออ้ากันอยู่
SY : ก็บอกแล้วไงว่าออกไม่ได้
SH : เออ รู้แล้ว
SY : ได้ยินเสียงหรอ เสียงแบบนั้นน่ะ
SH : อืม แล้วนี่อยู่ห้องไหน
SY : ห้องในสุดเลย ร้อนมากอะ
SH : เขาถึงไหนกันแล้ว จะเสร็จยัง
เซฮุน! ไอ้บ้า ใครให้มาถามโต้งๆแบบนี้กันฮะ แล้วฉันจะไปเสนอหน้ารู้ได้ยังไง ในเมื่อฉันไม่เคยรู้เลยว่าการเสร็จที่แท้จริงต้องส่งเสียงสุขสมขนาดไหนอะ อยากเปิดประตูแล้ววิ่งออกจากห้องน้ำไปกระโดดเตะยอดหน้ามากเลย
SY : ฉันจะไปรู้ได้ยังไง ใครใช้ให้มาถามแบบนี้ฮะ!
SH : อ้าว ก็นึกว่ารู้ เดี๋ยววันหลังจะสอนนะ
เดี๋ยววันหลังจะสอนนะ
เดี๋ยววันหลังจะสอนนะ
เดี๋ยววันหลังจะสอนนะ
เดี๋ยววันหลังจะสอนนะ
เดี๋ยววันหลังจะสอนนะ
นี่ฉันต้องกรีดร้องในใจอีกสักกี่ครั้งถึงจะสาสมกับความหื่นกามของอีกคนที่ส่งมา มันจะไม่มีวันหลังอีก เข้าใจมั้ยยะ ไม่มีแล้วโว้ยยยยยยยยยยย
กรี๊ดดดดดดด
SH : ได้ยินเสียงกรี๊ดอะ เสร็จแล้วมั้ง
ฉันไม่ตอบนายหรอก ส่งมาให้ตายก็ไม่ตอบ! แต่รอนานมาก ร่วมห้าทีได้เซฮุนยังไม่แม้แต่จะเปิดอ่านข้อความฉันเลย ในที่สุด...
SY : ออกไปได้หรือยัง
รอหลายนาทีเซฮุนก็ไม่ยอมตอบ เสียงตรงอ้างล้างหน้าก็เงียบไปแล้วด้วย เหมือนว่าฉันได้ยินเสียงลงฝีเท้าออกไปจากห้องน้ำแล้วนะ
SY : เซฮุน นี่จะออกไปได้ยัง
รอแล้วรอเล่าอีกคนก็ไม้มีวี่แว่วว่าจะตอบกลับมา ทำเพียงเปิดอ่านก็เท่านั้น
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เฮือก!ตั้งแต่ก้าวขาเข้ามาในคลับนี่ฉันตกใจไม่รู้กี่ครั้งแล้วไม่ได้นับเลย แต่ใครมาเคาะประตูละ เพราะไม่แน่ใจว่าเป็นใครถึงเลือกที่จะเงียบดีกว่า ขืนเป็นคนอื่นอย่างเช่นคู่รักร้อนแรงก่อนหน้านี้ฉันก็แย่น่ะสิ
“นิ ออกมาได้แล้ว”ถึงกับต้องเป่าลมออกจากริมฝีปากด้วยความโล่งใจเมื่อเสียงคุ้นเคยดังขึ้น ฉันรีบกระโจนลงจากฝาชักโครกแล้วเปิดประตูออกด้วยความรวดเร็ว เซฮุนยืนกอดอกมองมาที่ฉัน เสื้อแจ็คเกตหนังที่ถอดคลุมขาฉัน ก่อนหน้าจะมาเข้าห้องน้ำฝากแทยอนไว้ ตอนนี้พาดอยู่บนไหล่กว้างเป็นที่เรียบร้อย เขาไม่ยิ้ม ไม่ฮือไม่อือกับอะไรทั้งนั้น จนฉันทำตัวไม่ถูก อีกอย่างก่อนหน้านี้ตรงอ้างล้างมือเกิดอะไรขึ้น เราสองคนก็รู้ดี
“เอ่อคือว่า รีบออกไปข้างนอกเถอะ”ฉันพยายามหลีกเลี่ยงบรรยากาศแปลกๆนี้ โยการเดินนำออกจากห้องน้ำ ทว่าขาก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นแสงวาววับบางอย่างกระทบเข้ามาที่ตา ก้มมองก็เห็นว่าเป็นต่างหูเพชรอันไม่ใหญ่มาก ดีไซน์ดิบๆแบบนี้น่าจะป็นของผู้ชายเสียด้วย หรือว่าจะเป็นของผู้ชายคนเมื่อกี้...
“มองตาวาวเชียว แบรนด์นี้แพงนะ เอาไปขายได้หลายตังค์”เซฮุนเดินมาอยู่ข้างๆเมื่อไหร่ไม่รู้ รู้แต่เงยหน้ามาอีกทีเจอหน้าหล่อๆมาสล่อนอยู่เฉียดแก้มแค่นิดเดียวตกใจแทบแย่
“พูดปกติก็ได้ ไม่เห็นต้องยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆเลย”ผละหน้าออกห่างจากคนตัวสูงแล้วเดินไปตั้งหลักเสียไกล
“กลัวไม่ได้ยิน”ไหวไหล่แล้วทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ คิดว่าเท่มากหนักเหรอ? เออ ยอมรับว่าโคตรเท่เลย ทำไมต้องเป็นคนที่ไร้ข้อบกพร่องได้ขนาดนี้กัน
“ฉันไม่ได้หูตึง!”ว่าแล้วก็หมุนปลายเท้าเดินออกจากห้องน้ำที่กลายเป็นเวทีร้อนรักไปเมื่อตะกี้ ทว่าพอก้าวขาออกมาก็ต้องผงะเมื่อเห็นแขกในคลับทั้งผู้หญิงและชายยืนออกันอยู่ด้านหน้า หันไปข้างหลังเซฮุนก็มายืนซ้อนอยู่ใกล้กัน เขาทำหน้าเลิ่กลักเหมือนว่ากำลังตกใจกับผู้คนมากมาย อย่าว่าแต่เซฮุนเลย ฉันก็ด้วยโว๊ย
โฮ้ววววววว ฮริ้ววววววววววววววววววววววววววววว
เสียงโฮ้ร้องเหมือนกำลังเชียร์บอลดังขึ้นจนฉันสะดุ้ง ทว่าภาพทุกอย่างกัลป์มืดลงเมื่อแจ็คเก็ตหนังตัวเดิมถูกคลุมมาที่หัว ก่อนที่ร่างจะถูกอุ้มขึ้นในท่าเจ้าสาว โดยที่ฉันเองไม่ทันได้ตั้งตัวด้วยซ้ำ
นี่มันเรื่องอะไรกัน...
ฉันตะกุยเสื้อออกจากหัวหลังจากถูกยัดเข้ามาข้างในรถแท็กซี่ด้วยคนตัวสูงข้างๆ พอปิดประตูรถเซฮุนก็บอกจุดหมายปลายทางโซเฟอร์ก่อนจะหันมาสบตาฉันด้วยความเครียดคลึง จริงๆหน้าหมอนี่ก็เครียดอยู่ตลอดนั่นแหละ เหมือนซูจองไง รายนั้นชอบทำหน้าหงิกประจำ
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ ทำไม...”คำถามถูกกลืนหายไปเมื่อจู่ๆใบหน้าคมคายก็โน้มลงมาฉวยจุ๊บริมฝีปากฉันดังจ๊วบ แขนแกร่งของเขารวบร่างฉันเข้าไปกอด ใบหน้าที่แนบลงบนตำแหน่งหัวใจรับรู้ได้ถึงแรงเต้นเร้าที่รุนแรงได้ดี เซฮุนใจเต้นแรงจนเหมือนว่ามันจะกระเด็นออกมาด้านนอกเลย
“ไม่มีอะไรหรอก”
“มีสิ”
“ไม่มีครับ”ฟอด จมูกโด่งสันกดหอมลงกลางกลุ่มผมที่ยาวสลวยของฉัน คือจริงๆไม่ได้สระมาสองวันแล้วอะ ไม่เหม็นหรือไง
“แล้วกอดทำไม”ฉันไม่ได้ดิ้นขัดขืนจะให้เขาปล่อยเหมือนในซีรี่ย์หรอก จริงๆอยู่แบบนี้ก็อุ่นดี
“อยากกอด”เซฮุนลูบหัวฉันราวกับกำลังจะกล่อมให้กลับ ฝ่ามือที่หยาบกระด้าง ทำไมถึงรู้สึกมันมันอ่อนโยนเหลือเกินตอนที่ได้สัมผัสมัน
“กอดในฐานะอะไรละ”ฉันตัดสินใจเงยหน้าขึ้น เป็นจังหวะที่อีกคนก้มหน้าลงมาพอดิบพอดี เลนส์สีเข้มของเซฮุนดึงดูดให้ฉันละสายตาไปไหนไม่ได้ ทั้งๆที่ในใจอยากจะผละตัวหนีไปเดี๋ยวนี้
“เป็นแฟนกันนะ”
ตึก ตึก ตึก
ลมหายใจเหมือนมันจะหยุดลงในขณะนี้ ฉับพลันที่เสียงนุ่มทุ้มดังเข้ามาภายในโซนประสาท สมองอื้ออึ้งทำอะไรไม่ถูก จึงทำได้แค่กะพริบตาปริบๆสบกับอีกฝ่ายอย่างไม่รู้จะวางตัวเช่นไร สายตาที่มองมามันจริงจังจนฉันไม่คิดว่าเขากำลังล้อเล่นกับความรู้สึกของฉัน
ถ้าเปรียบเทียบเซฮุน เขาเหมือนทุ่งหญ้าในฤดูใบไม้ผลิ ฉันสามารถวิ่งเล่นท่ามกลางลานกว้างนั้นได้โดนไม่รู้สึกร้อน เพราะมันจะถูกแทนที่ด้วยความอบอุ่นเสมอ เคยคิดตลอดว่าผู้ชายเย็นชาคนนี้ไม่มีทางเข้ามาแทรกซึมในความรู้สึกได้ แต่วันนี้ฉันต้องคิดใหม่หรือเปล่า
“ชอบฉันเหรอ”
“มาก”
“มากแค่ไหน”
“คบก่อนจะบอก”
“อยากรู้อะ”
“ก็คบดิ รู้เลย”
“งั้นคบนะ งื้อ~”พอว่าจบมือหนาก็เลื่อนมาหยิกแก้มฉันจนแทบย้วย เซฮุนอมยิ้มจนตาตี่ๆของเขาปิดลง ก่อนจะจูบลงกลางขมับดังฟอดใหญ่ หลังจากละออกก็กดหัวฉันกลับไปซุกกับอกเขาตามเดิม
ตึก ตึก ตึก
“หัวใจเต้นแรงจัง”
“อยู่ใกล้เธอ มันเต้นแบบนี้ตลอด”
ฉันค่อยๆเลื่อนมือขึ้นมากุมอกซ้ายของตัวเองช้าเพราะอยากแน่ใจอะไรบางอย่าง หัวใจฉันไม่ได้เต้นแรงเหมือนของเซฮุนเลยสักนิด มันเต้นในจังหวะปกติเวลาที่คนเราตื่นเต้นเท่านั้น ไม่โครมครามเช่นอีกคน
อีกมือที่ว่างก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ กุมต่างหูเพชรที่เจอในห้องน้ำไว้แน่น...
TBC
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ตัวอย่างผู้ชายในฝัน ชัดๆ
ชอบอ่าาาาาาาา อ่านแล้วแบบ อิจฉาสิกก้า 555555
ตุ๋มหูใครค่ะ รีบมาเฉลย รอค่ะ
แล้วต่างหูนั้นของใครอ่ะ
แล้วต่างหูสิเป็นของใคร สงสัยใคร่รู้ รออัพต่อคะ