ตอนที่ 13 : ตอนที่ สิบสาม l KJ
“แกคิดจะปิดเรื่องนี้ได้นานแค่ไหนกัน”แทมินถามคนที่นั่งหมุนปากกาอยู่บนเก้าอี้ประจำตำแหน่ง
คิงแห่งธันเดอร์ไม่ตอบ ทว่ายืดตัวขึ้นเดินไปยังตู้ปลา เนตรคมกริบมองมันว่ายน้ำอย่างผ่อนคลาย ในใจก็นึกอิจฉา เป็นปลาก็ดีไม่มีเรื่องให้คิดมาก
“แล้วถ้าเจสสิก้ารู้ละ”คนที่กำลังโรยอาหารเม็ดลงในตู้ปลาถึงกับชะงัก นั่นสิ ถ้าเจสสิก้ารู้ เธอจะคิดยังไงนะ คนตำแหน่งสูงพ่นลมหายใจออกมา วางกล่องอาหารเม็ดลงตามเดิม ราวกับว่าเรื่องที่กังวลส่งผลให้เขาไม่มีเรี่ยวแรงจะทำอะไร
“ไม่มีประโยชน์ ฉันสัญญาณกับรุ่มพี่แล้ว ว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร จนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม”
“ฉันรู้ๆ แต่คำสั่งของคิงคนก่อน มันสำคัญกว่าเจสสิก้าหรอวะ”ปริ๊นซ์หน้าหล่อของโรงเรียนทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ก่อนจะเดินออกไป ส่วนเจ้าของใบหน้าเคร่งเครียดก็ทิ้งตัวลงบนโซฟาสีทึบอย่างอ่อนแรง ทำไมจะไม่อยากบอกละ แต่แค่ยังไม่ถึงเวลาเท่านั้น
“แสบ”พี่ใหญ่ลงมือเขย่าตัวน้องสาวที่หลับปุ๋ย นี่มันเก้าโมงแล้ว คนตัวเล็กของเขายังไม่ได้ทานข้าวเช้าเลย
“งือ จานอนนนน”เสียงครางงุงงิ้งทำเอาพี่ใหญ่อดยิ้มอย่างเอ็นดูไม่ได้ ก็เป็นซะอย่างงี้ พวกเขาสามคนจะไม่หวงได้ไงกัน
“แสบ...ไปทานข้าวก่อนแล้วค่อยมานอนต่อ ไปเร็ว”เลย์ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่มีวี่แววที่เจสสิก้าจะลุกง่ายๆ เลยจัดการอุ้มน้องสาวพาดบ่า ก่อนจะพาเดินลงไปยังชั้นล่าง ส่วนไคก็เลื่อนเก้าอี้ให้พี่ใหญ่วางน้องสาวลง เปลือกตายัยตัวแสบยังปิดอยู่ ดีโอสวมผ้ากันเปื้อนก้าวออกมาจากครัว จานแซนด์วิชถูกวางลงตรงหน้าพร้อมกับน้ำส้มที่คั้นกับมือ หัวทุยน้องสาวฝาแฝดเอนซบลงกับไหล่พี่ใหญ่ ในขณะที่ยังไม่สามารถลืมตาขึ้นมามองสรรพสิ่งรอบตัวได้
“แสบทานอะไรรองท้องก่อนแล้วค่อยไปนอนต่อ”ไคพยายามเปิดเปลือกตาน้องสาวขึ้น
เพลีย!!! ดีโอตบลงที่หลังมือของน้องชาย ที่เอาแต่จะถ่างตาน้องสาว“เบาๆสิ น้องจะเจ็บ”ก่อนจะบ่นออกมา
“เราไม่หิว เราง่วงนอนมากเลย”ยัยตัวแสบยกหัวออกจากไหล่กว้างของพี่ชาย ปรือตามองแซนวิชและน้ำส้มตรงหน้า มันน่าทานมาก ทว่านี่มันเก้าโมง ยังเช้าเกินกว่าจะมาทานอะไรตอนนี้
“ไม่ได้!!!”สามสิงห์โพล่งขึ้นพร้อมกัน ได้แต่ยืนกดดันน้องสาว จนเจสสิก้ายอมลืมตาเต็มตาก่อนจะก้มคาบแซนด์วิชในจานให้มาอยู่ในปาก โดนไม่คิดจะใช้มือหยิบสักนิด คว้าแก้วน้ำส้มคั้นเดินดุ่มๆขึ้นห้องนอนไป พี่ชายทั้งสามมองตามร่างบางจนสิ้นสุดการมองเห็น พร้อมทั้งส่ายหน้าด้วยความเอ็นดูระคนเอือมระอาเบาๆ
“ฉันว่าแสบเปลี่ยนไปว่ะ”เลย์กอดคอน้องชายตายังคงจับจ้องร่างที่เดินโงนเงนขึ้นห้องนอนตัวเอง
“อะไรทำให้นายคิดแบบนั้น”ดีโอเลิกคิ้วเชิงถามด้วยความสงสัย
“ก็แบบ ฉันว่าแสบสวยขึ้นว่ะ แบบมีแรงดึงดูดอะ”
“แล้ว?”จงอินที่ถูกกอดคออยู่อีกข้างถาม
“นี่ไม่เข้าใจที่ฉันกำลังจะพูดหรอ?”
“เข้าใจ แต่ทำอะไรไม่ได้”แฝดคนรองไหวไหล่แล้วยกแขนพี่ชายคนโตออกจากบ่า
“พวกเราสามคนจะเป็นไม้กันหมาให้แสบได้อีกนานแค่ไหนกัน ยังไงแสบก็ต้องรักใครสักคน”แฝดคนน้องแสดงความเห็น เพราะต่อให้หึงหวงน้องมากแค่ไหน ทว่าพวกเขารู้ดี ว่าคนเรายังไงเสียก็ต้องมีคนรัก
“แต่ถึงยังไง ผู้ชายคนนั้นต้องดีพอป่ะ ไม่ใช่พวกมัน”เลย์เอ่ยอย่างหัวเสีย เมื่อนึกถึงบรรดาพวกที่อยู่บนบัลลังก์และมีตำแหน่ง
“ผู้ชายหน้าไหนก็ตามเถอะ ข้ามศพฉันไปก่อน”ไคว่าเสียงจริงจัง
“ฉันด้วย”พี่อีกสองคนก็เอ่ยตามอย่างไม่อิดออด ใครกล้าลองดี คงต้องลองวัดกันสักตั้ง เขาไม่ยอมเอาคนกะโหลกกะลามาเป็นเขยหรอก
เจสสิก้าถูกปลุกจากสายตรงของยุนอา ให้มารวมตัวกันที่บ้านของทิฟฟานี่ เพราะหลังจากที่พี่ชายของเจ้าของตายิ้มบินกลับมาจากอเมริกา แล้วเห็นสภาพของน้องสาวก็เก็บอารมณ์กรุ่นโกรธไว้ไม่ได้ เมื่อมาถึงก็ถูกพี่ดงเฮ สวดกันเสียชุดใหญ่ พวกเธอพอจะเข้าใจแล้ว ว่าทำไมทิฟฟานี่ถึงได้เป็นคนเรียบร้อยอย่างกับผ้าพับไว้ ก็เล่นมีพี่ชายดุแบบนี้
“แล้วสามสิงห์ละ”หลังจากห้าสาวถูกสั่งสอนจากพี่ชายคนโตของบ้านจนหูชา ก็มานั่งเล่นกันที่คาเฟ่ของห้างสรรพสินค้า ที่ไม่ไกลจากหมู่บ้านมากเท่าไหร่
“ฉันไล่ให้กลับไปตั้งแต่มาส่งหน้าประตูบ้านแล้ว ขืนเข้ามาเจอพี่ชายเธอ มีโดนโบกกบาลแยกเรียงตัว”เจสสิก้าเงยหน้าขึ้นจากชีสเค้กตอบทิฟฟานี่
คนถามก็ได้แต่ยิ้มแหยะให้อย่างเกรงใจกลายๆเพราะพี่ดงเฮ ว่าสี่สาวร่วมโต๊ะไว้มากจริงๆ“ขอโทษทีแล้วกันนะ พวกเธอไม่โกรธพี่ชายฉันใช่มั้ย”
“ไม่หรอก”ยูริโบกมือปรกๆ“พี่ชายเธอทำถูกแล้ว แต่ด่าผิดคนไปหน่อยเท่านั้นเอง...โอ๊ะ”ร้องเสียงหลงขึ้นมาเมื่อรู้สึกเจ็บจี๊ดบริเวณสีข้าง ทันทีที่หันไปก็พบว่าซอฮยอนถลึงตาโตๆส่งมาให้อย่างคาดโทษ
“ไม่เป็นไรหรอกน๊า พวกเราเคยโดนมาเยอะกว่านี้อีก”คนแก้มป่องไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระ พลางนึกถึงตอนที่ถูกบรรดาสางสิงห์ดุ หลังจากพาเจสสิก้าไปทำเรื่องซนๆตอนเด็กๆ
หลังจากทานขนมจนอิ่ม ห้าสาวก็แยกย้ายกันกลับ ทีแรกเจสสิก้ายืนกรานจะนั่งแท็กซี่ไปเอง ทว่าก็ต้องถูกเบรกโดนยุนอาเจ้าเก่า เอนเจิลคนล่าสุดกลอกตาอย่างเบื่อหน่าย เมื่อความเป็นส่วนตัวที่เคยมีถูกเพื่อนสนิทยึดครองไปจนแทบไม่เหลือ แต่ก็ดีกว่าพวกสามสิงห์ก็แล้วกัน รายนั้นเธอแทบจะไม่ต้องกระดิกตัวทำอะไรเลย
“ยุนอา ฉันขอเข้าห้องน้ำหน่อย เดี๋ยวมา”ก่อนจะก้าวออกจากประตูก็รั้งแขนของคนข้างตัวไว้ ไม่รอคำทักท้วงก็รีบวิ่งจู๊ดกลับเข้าไปภายในห้องสรรพสินค้าตามเดิม ทิ้งให้อีกคนทำหน้าเหวออยู่ตรงนั้น
คริสกลับมาที่บ้านเพื่อมาเอาของสำคัญ ความจริงบ้านหลังนี้เขาไม่อยากมาเหยียบเลยสักนิด ถ้าไม่จำเป็นจริงๆปกติหากไม่อยู่ที่คอนโด ก็เป็นบ้านคุณย่าเสียมากกว่า ทว่าเพราะของสำคัญ เขาต้องใช้สำหรับวันสำคัญ
ไม่มีสิ่งนั้นหลายอย่างที่เตรียมไว้คงไม่สมบูรณ์แบบ ขายาวราวถูกสร้างมาอย่างตั้งใจก้าวขึ้นบันไดตรงไปที่ห้องนอนของตัวเอง เมื่อเปิดประตูเข้ามาก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ เมื่อเห็นสิ่งที่ตั้งใจจะมาเอายังวางอยู่ที่เดิม ไม่รอช้าที่ตรงไปยังหัวเตียง มือหนาหยิบกรอบรูปที่เขาไม่เคยจะเปลี่ยนตำแหน่งไปไหนขึ้นมา เพ่งมองอย่างคิดถึง ริมฝีปากหนาได้แต่ยิ้มขืนให้กับคนที่ยิ้มกว้างอยู่ในรูป
“แม่ครับ ผมขอโทษนะครับ ที่ทำตามสัญญาไม่ได้”นิ้วเรียวลูบไล้ไปตามกรอบภาพของคนเป็นแม่เอ่ยขอโทษอย่างหดหู่ใจ ก่อนแม่เขาจะจากไป ชายหนุ่มเคยให้สัญญากับไว้ว่าจะใช้ชีวิตให้มีความสุข แต่แล้วอะไรละ คือความสุข ในเมื่อความสุขของเขาจากเขาไปอย่างไม่มีวันกลับแล้ว
คริสสูดลมหายใจเข้าลึกๆอย่างอดกลั้น ถ้าเขาต้องอ่อนแอต้องไม่ใช่ที่นี่ คนที่นี่ไม่สมควรได้เห็นความอ่อนแอของเขา ชายหนุ่มกลับมาปั้นหน้าเรียบเฉยตามเดิม หมุนปลายเท้าก้าวยาวๆไปยังทางออก ทว่าเปิดประตูออกมาก็ต้องพ่นลมหายใจออกมาแรงๆอย่างรังเกียจคนตรงหน้า
“หลีก”ลูกเลี้ยงเอ่ยเสียงเข้ม ขยะแขยงผู้หญิงตรงหน้าเต็มทน ใบหน้าสะสวยส่ายเชื่องช้า ก่อนจะยกนิ้วชี้จุ๊ปากหยักของตัวเอง
“เธอยังโกรธฉันเรื่องคืนนั้นอยู่หรอ”ยูราเอียงคอมองชายหนุ่มที่เธอถูกใจตั้งแต่แรกเห็น ยกแขนเรียวทั้งสองข้างโอบรอบคอแกร่งไว้ คริสสะบัดตัวออกด้วยความเร็ว มือหนาผลักไหล่ของหญิงสาวถอยร่นไปไกล
“สกปรก หน้าด้าน!!!!”พูดจบก็รีบก้าวยาวๆลงบันได ไม่สนใจเสียงกรีดร้องจากด้านหลัง กระชากรถราคาหลายสิบล้านไปอย่างโกรธเกรี้ยว มือหนาก็กำพวงมาลัยแน่น หากวันนี้ไม่ใช่วันสำคัญ เขาจะบีบคอผู้หญิงเลวๆคนนั้นให้แหลกคามือ
“แม่ครับ ผมจะทำยังไงดี จะทำยังไงดีครับ”ชายหนุ่มพึมพำออกมา ไม่ได้สังเกตความผิดปกติของเบาะหลังของตัวเองว่ามีบางสิ่งซุกซ่อนอยู่
รถหรูมาหยุดในลานจอดรถในห้างสรรพสินค้า ร่างเล็กที่ซุกตัวในรถรีบเผยตัวออกมา คริสผงะไปที่เห็นร่างเด็กชายผ่านกระจกมองหลัง ก่อนจะเอี่ยวตัวมองเด็กชายตัวน้อย เฮ้วน้องชายคนละแม่เสียงดัง
“แกสะเออะขึ้นรถฉันมาตั้งแต่ตอนไหนฮะ โธ่เว้ย หนีแม่ยังต้องมาเจอลูกอีก”ชายหนุ่มสบถอย่างหัวเสีย ตบพวงมาลัยจนหนูน้อยสะดุ้ง
ขายาวก้าวลงจากรถเข้าไปในห้างสรรพสินค้า เพื่อจะไปซื้อดอกไม้ และของที่จะใช้ไหว้วิญญานของผู้ให้กำเนิด ใช่แล้ววันนี่เป็นวันครบรอบ 6 ปีการจากไปของแม่เขา คนตัวโตไม่สนใจเด็กน้อยอายุแค่ 7 ขวบที่กำลังวิ่งตามสักนิด ก็ช่างมันสิ มันไม่ใช่น้องชายเขาสักหน่อย
เมื่อซื้อของเรียบร้อยร่างสูงก็มองไปรอบตัวๆก็ไม่เห็นร่างเด็กชายแล้ว คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนจะไหวไหล่ ไอ้ตัวปัญหา ไสหัวไปได้ก็ดี เพราะมันกับแม่มันทำให้แม่เขาต้องตรอมใจตาย ทำให้เขาไม่เหลือใครเลยแม้กระทั่งพ่อที่ให้กำเนิด
เจสสิก้าก็ใช้ขายาวๆของตัวเอง เออ ขามันยาวในความคิดของเธอเองตรงไปที่ห้องน้ำทันที ทำธุระเรียบร้อยก็รีบออกมา แต่เสียงหนึ่งก็เรียกคนตัวเล็กไว้
“แม่ ฮึก แม่ครับ”เสียงเด็กที่ไหนมาร้องแถวนี้ เท้าเล็กค่อยๆเดินไปตามเสียง ชะเง้อคอมองสิ่งที่อยู่ข้างถังขยะ ก็เห็นว่าเป็นเด็กนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่
“หนู”หญิงสาวย่อตัวลง เอื้อมมือไปแตะไหล่เล็กที่ลู่เข้าหากัน เด็กขี้แยเงยหน้ามองมาสบตาในสภาพน้ำตานองหน้า มันลูกชายของลุงอึนโจกับคุณยูรา ก็เท่ากับว่าเป็นน้องชายนายคิงคองด้วย ว่าแต่มาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง
“ฮึก พี่สาวครับ ฮือๆผมหลงทางกับพี่ชายครับ”หนูน้อยร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสาร เจสสิก้ามีสีหน้าลำบากใจอย่างเก็บไว้ไม่มิด เอาไงดีเพื่อนของเธอก็รออยู่ แต่จะให้ทิ้งเด็กชายไปก็คงไม่ได้
“ไม่ต้องร้องนะ ว่าแต่นายคริสไปไหนซะละ”เธอมองไปรอบๆก็ไม่เห็นเงาของคิงแห่งไพลอสเลย เด็กน้อยส่ายหัวแทนคำตอบ
“ไม่รู้ครับ ฮึก ผมจำได้แค่ว่าพี่ชายจอดรถไว้ที่ไหน ฮึก”Angel พยักหน้าน้อยๆก็ยังดีที่รู้ว่ารถจอดที่ไหน พาไปส่งที่รถก็คงจะใช้เวลาไม่มากหรอก
ร่างสูงก้มลงเก็บของที่เบาะหลังปิดประตูลง เดินอ้อมมาฝั่งคนขับแต่ก่อนที่ก้าวขึ้นรถเสียงที่คุ้นเคยก็เรียกเขาไว้
“นายคิงคอง!!!!”หูฝาดรึเปล่า อะไรจะบังเอิญขนาดนั้นยัยทาสจะมาอนู่ที่นี่ได้ยังไง ชายหนุ่มสะบัดหน้าไล่ภาพคนตัวเล็กออกจากหัว
“บ้าน่า ยัยนั่นจะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“นายคิงคองงงงงงงงงงงงงงงง!!!!”มือที่กำลังจะเปิดประตูรถต้องชะงัก รีบหันหลังไปตามเสียง ก็เห็นร่างคุ้นเคยยืนจับมือไอ้เด็กที่เขาเกลียดอยู่
เจสสิก้าหน้าตูมก้าวเข้าไปหาร่างสูง ก่อนจะส่งน้องชายที่ตาแดงก่ำเพราะผ่านการร้องไห้ให้คนตรงหน้า
“น้องชายนาย”
“มันไม่ใช่น้องฉัน”ไม่เสียเวลาคิดสักนิด ก็มันไม่ใช่น้องเขาจริงๆ เคนคอตกอย่างน่าสงสาร รู้ว่าพี่ชายเกลียดเขากับแม่มากแค่ไหน แต่สำหรับเคนแล้ว พี่คริสคือคนที่เขาเคารพรัก รับรู้เรื่องที่แม่ตัวเองทำกับพี่ชาย แต่เขาเป็นแค่เด็กพูดมาก็คงไม่ได้ เพราะแม่ก็สำคัญกับเขาเหมือนกัน
“ไม่ใช่น้องนายแล้วจะให้เป็นเป็นน้องคิงคองที่ไหนฮะ”เจสสิก้าเท้าสะเอวเถียงกลับ อย่างไม่ยอมแพ้ เกลียดแม่แต่ทำไมต้องมาลงที่น้องชายด้วย เด็กจะไปรู้อะไรด้วย ไร้เหตุผลจริงๆ
“บอกว่าไม่ใช่ๆก็ไม่ใช่ไง หมดธุระแล้วก็ไปให้พ้น ยัยทาส!!!”คริสตะคอกคนตัวเล็ก เรื่องส่วนตัวของเขาที่ไม่มีใครเคยรู้ แต่คนตรงหน้ากลับรู้ลึกซึ้ง รู้แม้กระทั่งเขาคิดอะไรอยู่ ยัยแม่มด ร่างสูงก้าวขึ้นรถ แต่คนตัวเล็กไม่ยอมแพ้รีบเปิดประตูอีกฝั่งขึ้นไปนั่งก่อนจะอุ้มเคนนั่งตัก เจ้าของรถหรูถึงกับทำหน้าตึง
“ใครอนุญาตให้เธอขึ้นมาไม่ทราบ”
“ฉันนี่ไง ฉันอนุญาต”
“เธอคิดจะกวนประสาทฉันหรอ ฮะ”คริสเบี่ยงตัวเพื่อจะได้มองหน้าคนอวดเก่งให้ชัด
“ฉันจะเลิกยุ่งกับนาย ถ้านายพาน้องชายนายกลับบ้านด้วย”เจสสิก้ากอดเคนที่นั่งคอตกอย่างปลอบใจ หลังมือก็รับรู้ถึงน้ำใสหยดแล้วหยดเล่าที่ตกลงมากระทบ
“จะให้บอกสักกี่ครั้งฮะ ว่ามัน-ไม่-ใช่-น้อง-ฉัน!!!!”คนปากร้ายเน้นคำชัดเจน หวังให้คนตัวเล็กล้มเลิกความตั้งใจ ยัดเยียดคำว่าน้องชายของไอ้ตัวปัญหาให้เขา
“เออ!!! ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ แต่ไหนๆก็พามาแล้ว จะพากลับไปส่งหน่อยไม่ได้รึไง”สีหน้าเหนื่อยอ่อนของชายหนุ่ม ทำให้เจสสิก้าเลิกกวนประสาทเขา
“ฉันไม่ว่าง มีธุระต้องไปทำ”เมื่อเห็นว่าเธอพูดปกติด้วย เลยพ่นลมหายใจก่อนจะตอบเจสสิก้าไ
“งั้น บอกที่อยู่มาฉันจะไปส่งเอง”คนตัวเล็กสบตากับคิงของเธอ
“ไปกับใคร?”ร่างสูงเอนตัวแนบแผ่นหลังกับเบาะหนังราคาแพง เริ่มผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง
“ไปกับเคนไง”เจสสิก้าลูบผมเด็กชายกดศีรษะเล็กให้ซบลงกับไหล่ คริสขบฟันไปบนริมฝีปากล่างจนห้อเลือด คิดได้ยังไงตัวเองเป็น Angel แล้วจะเที่ยวเพ่นพ่านไปทั่วอีก ถ้าปล่อยให้ไปส่งเคนแค่คนเดียว แล้วเกิดเป็นอะไรขึ้นมาคงไม่ดีแน่ แต่ว่าเขาก็ต้องไปไหว้แม่ก่อน คงไม่มีทางเลือกแล้วสินะ
“ฉันจะไปธุระก่อน แล้วจะไปส่งเธอกับไอ้เด็กนี่แล้วกัน”Angel พยักหน้าหงึกหงัก ก้มมองคนในอ้อมกอดก็เห็นว่าเด็กชายหลับไปแล้ว หลับง่ายจังแหะ รู้สึกเหมือนลืมอะไรบางอย่าง แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก
ซอฮยอนและยูริรีบออกมาจากบ้านทันทีหลังจากได้รับโทรศัพท์จากยุนอาว่าเจสสิก้าหายตัวไป สามสาวมารวมตัวกันกลางลานห้างสรรพสินค้า ดีที่เธอกับยูริไปได้ยังไม่ไกล ส่วนทิฟฟานี่ไม่ได้บอกหรอก เพราะกลัวจะเป็นห่วง เลยให้กลับบ้านไปพักผ่อนแบบนั่นน่ะดีแล้ว
“ทำไงดีวะ ถ้าสามสิงห์รู้มีแต่ตายกับตาย”ยุนอากุมขมับ ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แค่หนีออกมาเที่ยวคดีก็ใหญ่มากแล้ว แต่นี่ทำเจสสิก้าหายไปทั้งคน
“ใจเย็นๆ สิก้ามันคงเดินเล่นแถวนี้แหละ”ซอฮยอนพูดปลอบใจเพื่อนทั้งทีก็ไม่มั่นใจเหมือนกันเป็นห่วงแค่ไหนแต่ก็ต้องควบคุมสติ
“เอาไงต่อดีละทีนี้” ยูริกอดอก เข้าสู่อีกโหมดที่ไม่ค่อยมีใครได้เห็น
คริสลงจากรถได้สักพักแล้วทิ้งให้เธอกับน้องชายรอเขาในรถ เจสสิก้ามองนาฬิก้าข้อมือก็เห็นว่าครึ่งชั่วโมงแล้วที่เขาเข้าไปในสุสานที่เงียบสงบนั่น ความรู้สึกเป็นห่วงมันตื้นขึ้นมา ตัดสินใจอุ้มเคนที่หลับอยู่ลงจากตักค่อยๆเคลื่อนตัวลงจากรถ วางร่างเด็กชายลงบนเบาะรถอย่างเบามือ ก้าวเข้าไปภายในสุสานอย่างระแวดระวัง
คริสวางช่อดอกไม้ที่แม่ชอบลงหน้าป้ายชื่อ กรอบรูปที่เตรียมมาก็วงลงเคียงคู่กัน บริเวณหลุมฝังศพ ดอกลาเวนเดอร์ส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปในอากาศ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเวลาที่สูดดมกลิ่นมัน เขาจะสบายใจ แต่ทุกวันนี้กลิ่นของมันทำให้เขาหดหู่จนอยากจะร้องไห้โฮออกมาให้รู้แล้รู้รอด
มือหนากำเข้าหากันแน่น ภาพต่างๆพรั่งงพรูเข้ามาไม่หยุด ความทรมานที่ได้รับมันมากมายเกินกว่าที่หัวใจของเด็กหนุ่มอายุสิปแปดปีจะรับไหว น้ำตาลูกผู้ชายค่อยๆไหลออกมา ชายหนุ่มไม่สนใจที่จะเช็ดมันออกเพราะตอนนี้ภายในสุสานมีแค่เขาคนเดียว เขาก็อยู่คนเดียวมาตลอดอยู่แล้ว
ทว่าอยู่ๆกลับรู้สึกถึงสัมผัสอบอุ่นที่มือซ้าย ก้มมองมือตัวเองก็เห็นว่าถูกกุมด้วยมือเล็กของบางคน คริสเงยหน้าสบตาคนที่มายืนอยู่ข้างกายเขาตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ สายตาของเจสสิก้าไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรออกมา ไม่ได้สงสาร ไม่ได้สมเพช ทว่ามันดูอบอุ่น อบอุ่นซะจนความหนาวยะเยือกในหัวใจของชายหนุ่มละลายลงช้าๆ
“เธอ...”ก่อนที่คริสจะได้พูดอะไร เจสสิก้าก็ยกมืออีกข้างปิดปากเขาไว้
“แม่นายสวยมากเลย”สายตาหวานจับจ้องไปยังภาพของหญิงสาวที่ส่งยิ้มอบอุ่นจากภาพถ่าย ก่อนจะเงยหน้าสบตากับคนตัวสูง มองลึกเข้าไปในลูกแก้วสีดำสนิทของเขา“นายคงรักแม่มาก นายคงอยากกอดแม่”
คริสเม้มปากเป็นเส้นตรง ใบหน้าแดงก่ำขึ้นมาอีก ไม่มีคำพูดปลอบใจ แต่ทำไมเหมือนว่าเขากำลังถูกโอบล้อมด้วยปุยเมฆสีขาว หมอกควันสีเทาที่ปกคลุมในตอนแรกกลับค่อยๆจางหายไป สุดท้ายคนที่เข้มแข็งมาตลอดก็ยังกลั้นน้ำตาไว้อยู่
“...”
“กอดของฉันอาจจะไม่อุ่นเท่าที่แม่นายกอด”คนตัวเล็กปล่อยมือหนาเดินอ้อมไปด้านหลังของร่างสูง ทำในสิ่งที่เขาไม่คาดคิด“แต่ฉันทำให้ได้เท่านี้จริงๆ”คริสกุมมือที่ประสานกันอยู่ที่หน้าท้องของเขาส่งแรงบีบเบาๆ เพียงแค่เจสสิก้าโอบกอดเขาจากด้านหลัง และพูดกับเขาไม่กี่ประโยคก็ทำให้กำแพงที่เขาสร้างขึ้นพังทลายลงอย่างง่ายดาย ครั้งที่สองแล้วสินะที่เขาร้องไห้ออกมาโดนที่เจสสิก้ารับรู้
“เจสสิก้า...ฉันเกลียดเธอ”
“เรื่องนั้นฉันรู้อยู่แล้ว”คนตัวเล็กที่แนบใบหน้ากับแผ่นหลังกว้างตอบกลับอย่างไม่จริงจังนัก
“ฉันเกลียดเธอจริงๆนะ”คริสยังเอ่ยในขณะที่เสียงสั่นเครือ
“...”
“แต่...ช่วยกอดให้แน่นกว่าเดิมหน่อยได้มั้ย?”
“...”ไร้เสียงตอบรับ มีเพียงแรงกอดรัดที่เพิ่มขึ้นจากวงแขนเล็กเท่านั้น หญิงสาวระบายยิ้มบางเบา นึกเอ็นดูคนตัวสูง ความเย่อหยิ่งจองหอง มันก็แค่หน้ากากที่ใช้เพื่อปิดบังความอ่อนแอสินะ ความจริงแล้วผู้ชายคนนี้อ่อนแอมากแค่ไหนคงไม่มีใครรับรู้
เคนตื่นขึ้นก็ไม่พบใครเลยเดินเข้ามา บังเอิญที่ได้เห็นภาพที่พี่ชายกับพี่สาวกำลังกอดกันกลม เลยหลบอยู่ข้างหลุมศพ ความอยากรู้อยากเห็นมันมีมากกว่า พร้อมล้วงไอโฟนในกระเป๋ากางเกงออกมาบันทึกภาพน่ารักๆนั่นไว้ และไม่พลาดที่จะเก็บภาพรอยยิ้มของพี่ชายต่างแม่ของตัวเองไว้ด้วย รอยยิ้มที่เขาไม่เคยเห็นเลยตั้งแต่พบกับพี่ชาย แต่วันนี้เขาได้เห็นมันแล้ว ตั้งแต่ที่เขากับแม่ก้าวเข้ามาในชีวิต
สามสาวยืนคอตกเรียงกัน สายตาสามคู่ของชายหนุ่มจ้องเขม็งจนพวกเธอหายใจแทบจะไม่ออกอยู่แล้ว หลังจากตามหาเจสสิก้าเท่าไหร่ก็ไม่พบ จึงลงมติกันว่าสามสิงห์ต้องรู้ เพื่อจะได้ช่วยกันอีกแรง
“เฮ้อ”เลย์เป็นคนแรกที่ทำลายความเงียบ โดยการถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ นั่นไม่ได้ทำให้สามสาวรู้สึกดีขึ้นแม้แต่น้อย
“ขอโทษนะเว้ย ขอโทษจริงๆ เพราะฉันคนเดียว สิก้ามันถึงหายไป”ยุนอาทนความอึดอัดไม่ไหวโพล่งขึ้นอย่างเหลืออด
“ห้ามร้องนะยุนอา ถ้าแกร้องอีกสองคนได้ร้องตามแน่”ไครู้ทันรีบชี้หน้าห้ามไว้ ก่อนที่อีกคนจะได้ปล่อยโฮออกมา
ยูริ ซอฮยอน ได้แต่เบือนหน้าหนีไปทางอื่น น้ำใสไหลออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ภายในใจก็เฝ้ากระวนกระวายถึงเจสสิก้า เลย์โยกหัวทั้งคู่อย่างปลอบโยน ทั้งๆที่ภายในใจก็กระวนกระวายไม่แพ้กัน
Rrrr Rrrr เสียงเรียกเข้าดังขึ้นขัดจังหวะการปลอบโยน ดีโอไม่สนใจว่าใครโทรมารีบกดรับโดยไม่ได้มองหน้าจอ
(ดโยเจอตัวน้องสาวแกแล้ว)เสียงปลายสายบอกทำเอาคนเป็นพี่ชายหัวใจพองโตขึ้น
“อยู่ไหนมินซอก กับใคร?”ถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน เรียกความสนใจของคนที่อยู่ในห้องนั่งเล่นได้เป็นอย่างดี
(อยู่ไหนไม่รู้...รู้แต่อยู่กับไอ้คิง ฉันโทรไปหามันเมื่อกี้ มันก็บอกว่าแสบอยู่กับมัน แล้วก็วางสายไปเลย)
“ขอบใจมาก ฉันจะโทรคุยกับมันเอง”ดีโอรีบวางสายก่อนจะโทรหาอีกคนที่ต้องสะสาง ทว่าโทรเท่าไหร่ ก็ไม่มีท่าทีว่าจะรับสายเขาเลย “โธ่เว้ย ไอ้เวรคิงคอง”พี่ชายขี้หวงสบถอย่างเหลืออด ทำเอาคนในห้องสะดุ้งตามๆกัน ยิ่งนึกยิ่งหมั้นไส้อดไม่ได้ที่จะเรียกเพื่อนตัวเองว่าคิงคองตามน้องสาว
“เจอแสบแล้วหรอดโย”เลย์ถามขึ้นทันทีที่ดีโอวางสาย
“อืม ตอนนี้แสบปลอดภัย”แม้จะไม่ได้พูดกับคริส แต่ถ้าน้องสาวเขาอยู่กับมันเขามั่นใจว่าแสบจะปลอดภัย ก็คนอย่างคิงแห่งไพลอส คงไม่ปล่อยให้คนที่ตัวเองรักเป็นอะไรหรอก ห่วงก็แต่น้องสาวตัวเองนี่แหละ ถ้าไปเผลอใจให้เพื่อนเขาเข้า คนอื่นคงลำบากหน้าดู รวมทั้งเขาด้วย
“แกรู้ได้ไงว่าแสบปลอดภัย”เลย์กอดคอยุนอาเดินมาอยู่ข้างน้องชายคนรอง
“รู้ก็แล้วกัน...เลิกขี้แยกันได้แล้ว”สบตาพี่ชาย ก่อนจะไล่สายตามองสามสาวที่ทำจมูกฟุดฟิดอยู่
“เชื่อได้แค่ไหนวะ”แฝดคนโตขมวดคิ้วยุ่ง ทำไมตั้งแต่จับน้องสาวย้ายมาเรียนด้วยอะไรๆก็ดูวุนวายไปหมดแบบนี้
“เชื่อเถอะ แสบปลอดภัย”แต่คนที่ไม่ปลอดภัย ก็คือพวกเรากับไอ้หนุ่มๆที่เหลือต่างหาก ถ้าผู้ชายที่น้องสาวฝาแฝดของเขาชอบคือคริสจริงๆ คนที่เหลือมันจะทำหน้ายังไงนะ
เจ้าของเนตรคมกริบกอดอกมองเจสสิก้าป้อนไอศกรีมให้กับน้องชายต่างแม่ของตัวเองเงียบๆ ทว่าเลนส์สีเข้มกลับวูบไหวตามการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายเสมอ ยิ่งเห็นก็ยิ่งหมั้นไส้ รู้สึกอิจฉาเคนขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“มือก็มีทำไมไม่ให้มันกินเอง”
“ก็ฉันอยากป้อนเคนนิ ทำไมอยากให้ฉันป้อนบ้างหรอได้...อ้าปากสิ”เธอละสายตาจากใบหน้าคนอายุน้อยกว่ามาสบตากับคนนั่งตรงข้าม ตักไอศกรีมจ่อไปที่ริมฝีปากหนาของเขา
“ใครเขาอยากให้เธอป้อนกัน”
“อ้ามมมมมม”คนตัวเล็กไม่สนใจยังคงจ่อช้อนที่มีไอศกรีมค้างไว้ที่เดิม
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่กิน”
“อ้ามมมมมม”
“งั่ม”ทนรบเร้าไม่ได้เลยตัดสินใจทานมันซะจะได้จบๆเรื่อง แพ้อีกแล้ว ทำไมต้องยอมให้ยัยตัวแสบนี่ตลอดเลย ทั้งที่ไม่ใช่คนที่จะลงให้ใครหน้าไหนง่ายๆ
“ดีมาก เวลาพี่พูดง่ายๆแบบนี้ น่ารักที่สุดเลย”คนชมยิ้มกว้างชอบใจ ทำเอาคนถูกชมหน้าแดงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“พูดมากรีบๆทานไปเลย”คริสพูดแก้เขิน
“รู้แล้วน๊า อะแต่ว่าไหนๆก็ไหนๆแล้ว ถ่ายรูปพี่กับเคนคู่กันหน่อยดีกว่า”เจสสิก้าพูดพลางแบมือไปข้างหน้าเพราะไอโฟนของเธอแบตหมด
“อะไร”
“ยืมโทรศัพท์หน่อยสิ”ชายหนุ่มล้วงไอโฟนจากกระป๋าเสื้อส่งให้คนขออย่างง่ายดาย นี่ก็อีกเรื่องเขาไม่เคยให้ใครมาแตะของส่วนตัว แต่กลับไม่อยากขัดใจคนตัวเล็กเลยยอมส่งให้ง่ายๆ
“เคนไปนั่งฝั่งนู่นเร็ว”เธอสะกิดบอกเด็กน้อยที่นั่งข้างเธอไปนั่งฝั่งเดียวกับพี่ชาย
“ไม่ต้องมานะ”คริสร้องห้าม ก่อนจะบอกคนตัวเล็ก“ไม่ถ่าย ถ้าเธออยากถ่ายก็ถ่ายกับมันสองคน”
“งะ แค่นี้ก็ไม่ได้”เจสสิก้าหน้าจ้อยลง แน่นอนมารยาดีๆนี่เอง คนที่คิดว่าจะใจแข็งถึงกับต้องอ่อนยวบ
“ก็ได้ แต่เธอต้องถ่ายด้วยนะ”คนตัวเล็กยิ้มกว้างออกมา แตกต่างจากเมื่อครู่อย่างสิ้นเชิง
“น่ารัก”ชมร่างสูงจบ ก็ไม่รอช้าที่จะลุกขึ้นดันเด็กชายให้เดินนำไปนั่งข้างพี่ชาย เจสสิก้าจัดท่าให้เคนนั่งตรงกลางส่วนเธอกับคริสนั่งขนาบไว้ทั้งสองข้าง ส่งไอโฟนคืนให้คริสเพราะถ้าให้เธอถ่ายเอง เห็นจะไม่ได้คริสแขนยาว น่าจะเป็นไม้เซลก้าเคลื่อนที่ได้ดี เขารับมันมาก่อนจะยื่นแขนออกหันหน้าจอเข้าหาตัว แต่ก่อนที่จะถ่ายเสียงเล็กก็เรียกไว้
“เดี๋ยวๆ ถ่ายรูปนะทำไมพี่ทำหน้าซังกะตายแบบนั้นเล่า ยิ้มหน่อยสิ”คนตัวเล็กยิ้มกว้างปากแทบจะฉีกให้คริสดูเป็นตัวอย่าง แค่ยอมถ่ายด้วยก็ดีเท่าไหร่แล้ว แต่สุดท้ายก็ทนการรบเร้าของหญิงสาวไม่ไหว ยอมฉีกยิ้มอย่างเก้ๆกังๆออกมา
เมื่อทานไอศกรีมทั้งสามคนก็มาเดินเล่นรับลมเย็นๆริมแม่น้ำฮัน ภาพหญิงสาวเดินจูงมือกับเด็กชายโดยมีชายหนุ่มหล่อราวเทพบุตรเดินตามเรียกให้ สายตาแทบจะทุกคู่มองตามอย่างชื่นชมในความเหมาะสม เหมือนกับพ่อ แม่ ลูกไม่มีผิด
“มาเดินด้วยกันสิ มานี่เร็ว”เจสสิก้าจัดการลากคริสให้มายืนข้างๆเคน ก่อนจะจับให้มือของพี่น้องกุมกันไว้
“ไม่!”คริสแกะมือออก แต่มือเล็กของเจสสิก้ายังจับไว้แน่น
“ถ้านายปล่อยมือเคน เราได้เห็นดีกันแน่”หญิงสาวเอ่ยเสียงแข็ง ค่อยๆปล่อยมือออกจากมือของพี่น้อง คริสได้แต่หายใจฟึดฟัดแต่ทำอะไรมากไม่ได้ จึงยอมกุมมือน้องชายให้เดินไปพร้อมๆกับเจสสิก้า
โครงหน้าน่ารักก้มมองเคนที่มองมือที่กุมกับพี่ชายอย่างสุขใจ ก่อนจะเงยหน้ามองร่างสูงที่ทำหน้าบูดบึ้ง เผยรอยยิ้มอย่างอารมณ์ดี พี่ช่วยนายได้แค่นี้แหละเด็กน้อย แต่อีกไม่นานพี่ชายนายก็คงจะเห็นความน่ารักของนายเหมือนที่พี่เห็น
เคนมองมือสองข้างของตัวเองที่ถูกกุมจากพี่ชายและพี่สาวสลับไปมา วันนี้เป็นวันที่เด็กชายมีความสุขที่สุดในโลกเลย
รถหรู เคลื่อนตัวเข้ามาในอาณาเขตบ้านหลังใหญ่ ที่ควรจะเรียกว่าคฤหาสน์มากกว่า ก่อนจะจอดสนิทลงหน้าบันไดเข้าตัวบ้าน เคนกระโดดลงจากรถ ตามลงมาด้วยเจสสิก้า
“เป็นเด็กดีนะเคน แล้วพี่จะพาไปเที่ยวอีก”ลูบผมเคนสงสารระคนเอ็นดู
“เคนหายไปไหนมา”ยูราวิ่งลงบันไดมากระชากแขนลูกชายออกจากเจสสิก้า เธอร้อนใจแทบแย่กลัวลูกจะเป็นอะไร
“เคน ไปเที่ยวกับพี่ชายกับพี่สิก้ามาครับแม่”ลูกชายเงยหน้าตอบแม่ ยูราเงยไล่สายตามองเจสสิก้าตั้งแต่หัวจรดเท้าเพราะรู้สึกคุ้นหน้า เมื่อเห็นยูรามองเจสสิก้า คริสเลยตัดสินใจเปิดประตูลงจากรถมายืนข้างคนตัวเล็ก
“คราวหลังก็หัดดูแลลูกตัวเองหน่อยละ อย่าเที่ยวแต่วิ่งตามผู้ชายจนลืมลูกตัวเอง”คริสตำหนิแม่เลี้ยงยังสาว ก่อนจะหันไปบอกคนข้างตัว “ไปเถอะ”เปิดประตูดันตัวเจสสิก้าเข้าไปในรถ แล้ววิ่งไปฝั่งคนขับ รถหรูเคลื่อนออกไปนานแล้ว แต่ยูรายังยืนกำมือแน่น สายตาเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา อยากจะบีบคอ ยัยเด็กคนนั้นให้แหลกคามือ เธอไม่ได้ก็อย่าหวังว่าใครจะได้
ทันทีที่รถราคาแพงจอดสนิทลงหน้าบ้านคนที่นั่งอยู่ข้างตัว เจสสิก้าเปิดประตูเตรียมจะลงจากรถ แต่มือหนาลับรั้งแขนเล็กไว้ คนถูกรั้งหันมาเอียงคอมองร่างสูงอย่างสงสัย คิงหน้าหล่อค่อยๆถอดแหวนโลหะสลักอักษรว่าKINGที่นิ้วก้อยตัวเองสวมไปที่นิ้วชี้ข้างขวาของตุ๊กตาหน้ารถ
“ห้ามถอดมันออกเด็ดขาด ถ้าเธอสวมมันไว้ ใครหน้าไหนก็ทำอะไรเธอไม่ได้”เจสสิก้าพยักหน้าหงึกหงักก้าวลงจากรถอย่างมึนๆ ไม่อยากจะถามหรือโต้เถียง วันนี้เธอเหนื่อยมากแล้ว ไว้ค่อยไปถามที่โรงเรียนแล้วกัน
เซฮุนกอดอกมองคนที่คุยกันในรถอย่างข่มอารมณ์จากห้องนอนตัวเอง เพราะกระจกรถหรูของคริสโปร่งใส มองมาจากมุมไหนก็เห็น รู้สึกหวงเพื่อนสนิทจับใจ ทำไมต้องเกิดมาเป็นเพื่อนกัน อยากจะกระโจนลงจากห้องนอนไปกระชากไอ้บ้านั่นให้ออกห่างจากเจสสิก้า แต่คำว่าเพื่อนดันค้ำคออยู่ เลยทำอะไรไม่ได้ นอกจากมองแบบนี้ต่อไป
คนตัวเล็กค่อยๆย่องเข้ามาในบ้านอย่างเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ก็เธอเล่นหายไป หลายชั่วโมงไม่ใช่แค่พวกพี่ๆหรอกที่จะโกรธเพื่อนของเธอก็เป็นอีกปัญหาที่เธอต้องเคลียร์
“สิก้า/แสบ”ก่อนจะเดินผ่านห้องนั่งเล่นเสียงเรียกก็ดังขึ้น เจสสิก้ากลืนน้ำลายอึกใหญ่แล้วค่อยๆหันหน้าไปทางต้นเสียง สีหน้าของพี่ๆและเพื่อนกอดอกมองเธอเหมือนอยากจะหักคอแล้วจิ้มน้ำพริก ทำเอายัยตัวแสบต้องยิ้มแหยะอย่างจำนน
“อันยองทุกคน แหะๆอยู่กันครบเลยเนอะ”โบกมือทักทายยิ้มแห้งๆส่งในทุกคน เหงือเม็ดใหญ่ผุดขึ้นมา แต่ยังไม่กล้ายกมือขึ้นซับ
“มานี่เลย”ยุนอาเดินไปดึงให้เจสสิก้าเข้ามาในห้องนั่งเล่น เพราะถ้าช้ากว่านี้สักวินาทีเดียว ยัยนี่คงเพ่นขึ้นห้องตัวเองแน่ ดันไหล่นักโทษให้นั่งลงบนโซฟาก่อนที่คนอื่นๆจะเอาล้อมเจสสิก้าไว้
“แสบหายไปไหนมา”เลย์เปิดฉากการไต่สวน
“ไป...เออ...ไป”นัก โทษเงยหน้าซอฮยอนอย่างขอความช่วยเหลือ แต่กลับถูกยัยนั่นแลบลิ้นส่งมาให้แทน พอไล่ไปที่ยูริก็เห็นว่ายัยนั้นส่ายหน้าแทนคำตอบ ส่วนยุนอาก็ทำท่าปาดคอ
“ไปกับฉันเอง”ทั้งหมดหันไปมองคนมาใหม่ที่เดินเข้ามา ใบหน้าหล่อเหลายังเรียบเฉยไม่แสดงอาการใดๆออกมา
“นายยังไม่กลับอีกหรอ”เจสสิก้าลุกขึ้นเดินไปหาร่างสูงที่เธอเพิ่งแยกกับเขาเมื่อไม่กี่นาทีมานี้
“เธอลืมนี่ไว้บนรถฉัน”คริสยื่นกระเป๋าสะพายใบเล็กคืนให้ควีนของเขา
“ขอบคุณคะ ลืมไปเลย”แต่ก่อนที่เจสสิก้าจะเอือมมือไปรับถุงกระดาษจากคริส ไคก็ดึงถุงนั่นให้มาอยูในมือซะก่อน คิงนิ่งงันแค่ชั่วพริบตาก่อนจะขอตัวกลับ เพราะหนื่อยมาทั้งวันแล้ว
เจสสิก้าอาศัยจังหวะที่ทุกคนกำลังอึ้งกับการญาติดีของเธอกับคริส ค่อยๆย่องออกจากห้องรับแขก เมื่อได้โอกาสก็โกยแน่บขึ้นชั้นสอง มีเพียงเสียงตะโกนของไคที่ดังไล่หลังอย่างคาดโทษ
ดีโอได้แต่ยืนเงียบ หูไม่ฝาดถ้าอย่างนั้น ตาก็คงไม่ได้ฝาดสินะ แหวนโลหะที่อยู่บนนิ้วน้องสาวเขามีแค่สามวงบนโลก แหวนที่มีเฉพาะคิงเท่านั้น เมื่อกี้ที่นิ้วของเพื่อนเขาก็ไม่มีแหวนแล้ว ไม่ผิดแน่ แหวนของคิงแห่งไพลอสตอนนี้อยู่บนนิ้วของยัยตัวแสบ เตือนแล้วเชียวว่าให้ระวังใจตัวเอง ถ้าจะไม่ได้ช่วยอะไรสินะ
ปิดประตูลงเจสสิก้าก็เป่าลงออกมาอย่างโล่งอก นึกว่าจะไม่รอดซะแล้ว แต่พอหันหน้าเข้าห้องก็ถึงกับสะดุ้ง ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมา เดินไปนอนแผ่บนเตียง
“เข้ามาตั้งแต่ตอนไหนเนี้ย ตกใจหมด”ถามเพื่อนที่ยืนกอดอกมองไปนอกหน้าต่าง
“สักพักแล้วแหละ”เซฮุนเดินมานอนข้างเพื่อนสนิทบนเตียง ตามองเพดานอย่างเลื่อนลอย“แก...ไปไหนมา?”ข่มใจถามไปทั้งที่รู้ดีอยู่แก่ใจ
“แกไม่ต้องสนใจหรอก”ตอบทั้งที่ตายังปิดอยู่ เหนื่อยจัง วันนี้ศึกหลายด้านจริงๆ เซฮุนหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน ห้ามไม่ให้คิดเรื่องแก ฉันทำแบบนั้นได้ด้วยหรอเจสสิก้า
“อืม”เจสสิก้าลืมตาขึ้นรู้สึกถึงความผิดปกติ น้ำเสียงของเพื่อนสนิทของเธอทำไม่ถึงแปลกไปกว่าทุกวัน รีบหันไปมองเสี้ยวหน้าของคนข้างตัว
“ทำไมวันนี้แปลกๆ แกไม่สบายหรอ?”ถามพลางอังหน้าผากเนียน รู้สึกเป็นห่วงคนข้างตัวขึ้นมา เวลาเซฮุนไม่สบายหายยากจะตายไป
“แกเป็นห่วงฉันด้วยหรอ”สายตาเลือนลอยจับจ้องไปเพดาน คำห้ามราวกับว่าชวนทะเลาะ ทว่ามาเห็นหน้าหงอยๆแล้วก็ด่าไม่ลง
“ทำไมถามแมวๆแบบนี้วะ”เจสสิก้าลุกนั่งจ้องหน้าเพื่อนอย่างเอาเรื่อง พักนี้เซฮุนเงียบเกินไป แถมยังชอบหายหน้าไปบ่อยๆ
“ฉันแค่อยากรู้ ว่าถ้าฉันเป็นอะไรไปแกจะห่วงฉันรึเปล่า ฉันกลัวแกจะลืม”เบือนสายตาจากเพดานมาสบตากับคนที่มองเขาอยู่แล้ว คนถูกตั้งคำถามถอนหายใจ ก่อนจะยกศีรษะของเพื่อนสนิทมาหนุนที่ตักเธอ ลูบผมซอยสั้นของเขาแผ่วเบา
“แกนั่นแหละที่ชอบลืม ฉันห่วงแกยังไงก็ยังห่วงอย่างนั้น”
“สิก้า”เซฮุนเอ่ยขึ้น ปลายนิ้วเรียวก็แตะไปตามสันจมูกโด่งๆของคนที่ให้เขานอนหนุนตักอย่างอ้อยอิง“อะไรที่เป็นเรื่องของแกฉันไม่ต้องพยายามคิดด้วยซ้ำมันจำได้เอง เพราะฉะนั้นแกอย่ากลัวว่าฉันจะลืมแกเลยนะ หรือถ้ามีวันนั้นจริงๆ ให้แกรู้ไว้เลยว่าผู้ชายคนนั้นไม่ใช่โอเซฮุน”จับมือที่ลูบผมเขาอยู่มาแนบแก้มตัวเอง ความรู้สึกเย็นเฉียบจากโลหะทำให้นักรบยกมือเล็กขึ้นมาเพ็งเพื่อตรวจสอบความผิดปกติ แหวนที่คุ้นเคยปรากฏสู่สายตาเซฮุนตีหน้าเครียดก่อนจะเม้มปากแน่นจนเกิดเป้นเส้นตรง
“แกไปเอาแหวนนี่มาจากไหน?”
“คิงให้มาน่ะ เห็นบอกว่าถ้าสวมไว้จะไม่มีใครกล้ามาทำอะไร”ตอบไปไม่ได้สังเกตสีหน้าเพื่อนสนิทเลยสักนิด
“งั้นเหรอ?”เขายิ้มขืน ยัยนี่ไม่รู้ตัวเลยรึไง แหวนประจำตัวคิงไม่ใช่ว่าจะให้ใครได้ง่ายๆ ถ้าคนๆนั้นไม่สำคัญจริงๆ เซฮุนลุกขึ้นนั่ง เจสสิก้ามองแผ่นหลังเพื่อนที่ดูแล้วดูอีกก็เหมือนคนสิ้นหวัง ขมวดคิ้วเรียวเข้าหากัน“ฉันกลับก่อนน”พูดแค่นั้น คนตัวสูงก็เดินไปที่หน้าต่างแต่ก่อนที่ไปก็ทิ้งประโยคที่ทำเอาคนฟังใจเต้นแรง“แล้วที่บอกว่าไม่ให้สนใจน่ะ ฉันทำไม่ได้หรอกนะ ฉันละสายตาจากแกไม่ได้จริงๆ”
สนามบินอินชอน ประเทศเกาหลี
และแล้วก็ถึงวันออกเดินทางไปประเทศไทย สนามบินอินชอนที่คร่าคร่ำไปด้วยนักเดินทางอยู่แล้ว วันนี้ก็แออัดขึ้นเป็นกองเมื่อนักเรียนหลายร้อยคน ทั้งมาจากไพลอส ธันเดอร์ และเซนเจอร์มารวมตัวกัน ต้องยอมรับว่างานที่จัดปีนี้เป็นปีที่มีคนร่วมทริปมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา เพราะปีก่อนหน้าก็มีไม่ถึงห้าสิบคนด้วยซ้ำ อ
ย่างว่านักเรียนไม่ชอบขี้หน้ากันจะให้ไปสานสัมพันธ์ไกลถึงต่างประเทศคงจะมีคนไปหรอก ตรงข้ามกับตอนนี้โดยสิ้นเชิง เที่ยวบินเกือบจะไม่เพียงพอถ้าพ่อของคิงแห่งไพลอสไม่ใช่เจ้าของสายการบิน
มุนนากอดเด็กสาวข้างบ้านที่รักเหมือนลูกไว้แน่น แฮวอนยิ้มขำมองภรรยาตัวเองสลับกับลูกชายที่ยืนกอดอกอยู่ข้างเขา
“แม่กอดสิก้าเบาๆหน่อยสิ”เซฮุนท้วงแม่ตัวเอง กอดแน่นแบบนี้ถ้ายัยตัวเล็กนี่ขาดอากาศหายใจจะทำยังไง
“แหม ก็แม่รักของแม่ เนอะลูกเนอะ”มุนนาคลายอ้อมกอดจากเจสสิก้า เอ่ยตอบลูกชายยิ้มๆ
“ไม่เป็นไรหรอกคะคุณอา สิก้าชอบเวลาที่คุณอากอดค่ะ”มุนนายิ้มกว้างขึ้นไปอีก ดูสิจะไม่ให้รักให้หลงได้ยังไงกัน เล่นมาอ้อนขนาดนี้ เร็วเท่าความคิดก็ดึงเด็กสาวเข้ามาหอมแก้มฟอดใหญ่อย่างเอ็นดู เซฮุนส่ายหน้าหน่ายๆ
“อะ ใกล้จะถึงเวลาแล้วนิ เดินทางปลอดภัยนะลูก”นางสวมกอดเจสสิก้าอีกครั้ง ก่อนจะเดินไปกอดลูกชาย“ดูแลกันนะลูก”ไม่ลืมที่จะบอกสามสิงห์ที่ยืนเป็นทัพหลังน้องสาวอย่างคุมกันแววเอ็นดู สามหนุ่มก้มหัวให้ผู้อาวุโสกว่า
พวกคิงและปริ๊นซ์ นักรบ ประธานนักเรียนคนอื่นๆล่วงหน้าไปก่อนตั้งแต่เมื่อวานแล้ว คงมีแต่เซฮุนที่ไปช้ากว่าคนอื่น
เมื่อเข้ามาในเกทก็เจอกับซอฮยอน ยูริ ยุนอาและทิฟฟานี่ยืนรออยู่ อีกครึ่งชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาขึ้นเครื่องเลยคุยกันเรื่อยเปื่อยฆ่าเวลา ระหว่างที่คุยกันอยู่สายตาเจสสิก้าก็เหลือบไปเห็นร่างคุ้นตา
“แบคฮยอน”เจ้าของชื่อถึงกับสะดุ้งเฮือก เมื่อเจสสิก้าเรียก ค่อยๆเงยหน้าขึ้นถึงกับผงะไปเมื่อตอนนี้ใบหน้าเนียนอยู่ใกล้เขามาก
“มะ มีอะไรเหรอ?” แบคฮยอนก้าวถอยหลัง ลูบท้ายทอยแก้เขิน
“แผลบนมือนายเป็นไงบ้าง อะแล้วหน้านายไปโดนอะไรมาน่ะ ทำไมช้ำแบบนี้”ตาเบิกกว้างเมื่อเห็นรอยฟกช้ำบนหน้าขาวใสของชายหนุ่ม
“มะไม่มีอะไรหรอก ทำไมต้องชอบมาสงสัยกับฉันมากมายด้วยเนี้ย”แบคฮยอนทำปากยื่นรีบเดินหนีคนที่ซักไซ้เขาไม่หยุด เจสสิก้าหันไปมองแทยอนที่ส่ายหน้าส่งมาให้เธอแทนคำตอบ เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าน้องชายไปมีเรื่องกับใครมา ถามเท่าไหร่ก็ไม่ตอบ ใครๆก็ชอบมองว่าแบคฮยอนเป็นหมาน้อยน่ารัก แต่สำหรับพี่สาวอย่างแทยอนมองน้องชายเหมือนเสือเสียมากกว่า เสือซุ้มซะด้วย
สนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศไทย
วัยรุ่นนับร้อย ตกเป็นจุดสนใจของนักเดินทางภายในสนามบินสุวรรณภูมิ เซฮุนสะพายแค่กระเป๋าใบใหญ่ใบเดียวรวมๆของใช้ก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย แล้วอีกอย่างต้องช่วยถือของให้คนตัวเล็กที่เดินอยู่ข้างหน้าด้วยคงเอาอะไรมามากไม่ได้
สามสิงห์ที่เตรียมตัวมาเป็นไม่กันหมาเต็มแก่มองเซฮุนที่เดินเข้าไปช่วยถือของให้น้องสาว เตรียมจะไปแย่งมาถือเอง แต่พลันสายตาก็เหลือบเห็นร่างเพรียวของสาวๆยกกระเป๋าใบใหญ่อย่างเก้ๆกังๆ ก่อนจะล้มเลิกความคิดก่อนหน้า ไปแย่งกระเป๋าใบใหญ่จากพวกเธอแทน ซอฮยอนนิ่งงันเมื่อสบตาเข้ากับคนที่มาแย่งกระเป๋าจากมือเธอไป
“มองอะไร เดินไปสิ”คนหน้าตายเดินนำหญิงสาวไป ซอฮยอนได้สติจึงเดินตามไปอย่างมึนงง ยูริร้องว๊ากใส่ไคที่เดินโท่งๆในมืออีกของของเขาก็คือกระเป๋าเดินทางของเธอ ทิฟฟานี่เองก็ชะงักอย่างไม่ได้ตั้งตัวเพราะเลย์เร็วมาก เขาไม่ถามพวกเธอสักคำว่าต้องการความช่วยเหลือหรือเปล่า
ยุนอาเท้าสะเอวมองภาพตรงหน้าอย่างปลงตก คงจะเหลือคู่เธอกระมัง ที่ไร้คู่ชูชื่น ให้มันได้อย่างนี้สิพับผ่า
ออกมาจากเกทก็เห็นรถบัสจอดรออยู่ ก่อนมาถึงทุกคนต่างรู้แล้วว่าตัวเองต้องนั่งรถคันไหน ซิ่วหมินและเทายืนรออยู่แล้วแต่กลับไม่เห็นเงาของพวกที่เหลือเลย
เมื่อขึ้นมาบนรถบัส หัวหน้าประจำรถก็แจกรายละเอียดส่งให้ทุกคน เปิดแค่หน้าแรกทุกคนต่างทำหน้ายี้ออกมา เพราะนักเรียนจากทั้งสามโรงเรียนต้องคละห้องนอนกัน ไม่มีสิทธิ์แยกหรือเปลี่ยนห้องเด็ดขาด มาตรการการกระชับความสัมพันธ์ปีนี้เข้มงวดขึ้นมากจริงๆ
เจสสิก้านั่งคู่กับยุนอา เพราะยูริ ทิฟฟานี่ แล้วก็ซอฮยอนมีรายชื่ออยู่ที่รถอีกคัน ส่วนรูมเมทยังไม่รู้แต่ไปถึงห้องคงจะรู้ว่าเป็นใคร ตอนนี้รู้แต่ว่า มาจากเซนเจอร์หนึ่ง ธันเดอร์หนึ่งเท่านั้นเอง
เมื่อมาถึงโรงแรมย่านสีลมเรียบร้อยทุกคนก็มาออกันอยู่หน้าร๊อบบี้โรงแรมเพื่อนรอคีย์การ์ด ทุกคนก็ได้รับคีย์การ์ดประจำห้องของตัวเองจากมินซอกกับเทาเรียบร้อย ยกเว้นเจสสิก้า
“มินซอก คีย์การ์ดเราละ”ยัยตัวแสบไปสะกิดที่หลังของคนที่กำลังเช็ครายชื่อนักเรียนอยู่
“ของแสบอยู่กับไอ้คิงน่ะ เดี๋ยวเดินตรงไปแล้วเลี้ยวขวาเลยนะ ห้องท้ายสุดประตูบานใหญ่ๆเลย มีห้องเดียวแหละ ไอ้คริสมันอยู่ในห้องจัดเลี้ยงคืนนี้ ขอตัวนะเรายุ่ง”ประธานนักเรียนเดินจากไป หัวเขาเตรียมจะระเบิดเต็มที เพราะคนร่วมงาน Machine ปีนี้มีมากจริงๆ เจสสิก้าพยักหน้าหงึกหงัก มองหาเพื่อนๆกับพี่ชาย แต่เพราะว่าคนเยอะ มองเท่าไหร่เลยไม่เจอสักที เหลือก็แต่เธอกับยุนอาที่นั่งรถคันเดียวกัน
“แกได้คีย์การ์ดแล้วใช่มั้ย”ยุนอาพยักหน้าแทนคำตอบพร้อมชูคีย์การ์ดให้ เพื่อนดู “งั้นแกขึ้นไปพักก่อนเลย ฉันไปเอาคีย์การ์ดก่อนไปนะ”ไม่รอให้อีกคนถามเจสสิก้าก็รีบวิ่งไปทางที่ประธานนักเรียนบอก ไม่นานก็ถึงห้องจัดเลี้ยง ไม่รอช้าที่จะผลักประตูเข้าไป เมื่อเข้ามาก็เห็นพนักงานวิ่งวุ่นตกแต่งสถานที่ แต่เพราะร่างสูง และหน้าตาที่โดดเด่นทำให้เจสสิก้ามองเห็นเขาอย่างง่ายดาย เดินตรงไปหาคิงที่ยืนคุยงานอยู่กับลู่ฮานกลางโถงกว้าง
“นาย”คริสเงยหน้าขึ้นจากแพลนงานคืนนี้ ก็เลิกคิ้วให้คนตัวเล็ก ลู่ฮานถึงกับชะงักไปเมื่อได้ยินเสียงคนตัวเล็ก
“มาเอาคีย์การ์ด?”คริสถามทั้งๆที่รู้อยู่แล้ว เจสสิก้าพยักหน้าก่อนจะยื่นมือไปข้างหน้า
“รอแปบ เดี๋ยวขึ้นไปส่ง”
“ไปสนิทกันตั้งแต่ตอนไหนเนี้ย”อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม
“ไม่ได้สนิท/ไม่ได้สนิท”ทั้งสองตอบพร้อมกัน เธอกับนายคริสนี้ไม่ได้สนิทกันสักหน่อย
“โอเค ไม่สนิทก็ไม่สนิท งั้นแกเคลียร์งานก่อนก็ได้ ฉันจะไปส่งแสบเอง”คนหน้าหวานรีบเสนอตัว ยั่งเชิงเพื่อนสนิทว่าจะมีปฏิกิริยายังไง คริสชั่งใจก่อนจะยื่นคีย์การ์ดของเจสสิก้าให้ลู่ฮาน อยากท้วงว่าจะไปส่งเอง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะท้วงในฐานะอะไร“ไปแสบ เราไปส่ง”คนหน้าหวานจับมือเจสสิก้าให้เดินไปพร้อมๆเขา อีกคนได้แต่มองตามแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ ยอมปล่อยเขาไปง่ายๆสุดท้ายก็ต้องมาทุกข์ใจซะเอง แบบนี้ไม่สมกับเป็นนายเลยนะ
ลู่ฮานจูงมือเจสสิก้ามาถึงหน้าห้องของเธอ ที่อยู่ชั้น 21 ของโรงแรม ชั้น 20 ถึง 25 ถูกจองไว้ทั้งหมดเพื่อให้นักเรียนที่มาร่วมกิจกรรมงาน Machine ได้รับความสะดวกและเพื่อง่ายต่อการดูแล เสียบคีย์การ์ดให้เบลยกกระเป๋าเข้าไปวางในห้อง ก่อนจะยื่นทริปเล็กๆแต่ไม่น้อยให้
“อยู่คนเดียวได้รึเปล่า เราต้องไปช่วยคริสต่อ อีกสักพักรูมเมทแสบคงขึ้นมาแล้วแหละ”
“ไปเถอะ เราอยู่ได้ ไปสิ”เจสสิก้าดันหลังคนหน้าหวานออกจากห้องได้สำเร็จ แต่ลู่ฮานยังไม่เดินไปไหน เพราะยังเป็นห่วงควีนตัวเล็กไม่อยากให้อยู่คนเดียว แต่เขาก็มีงานต้องทำ ครั้นจะลากให้ไปทำงานด้วย ก็กลัวจะเหนื่อย เพราะเดินทางมาหลายชั่วโมงแล้ว
“อะแฮ่ม”เสียงกะแอมห้าวของบางคนดังขึ้น หันไปก็เห็นว่าเป็นเซฮุนเพื่อนสนิทของเธอเอง“รีบๆไปเลย ยิ่งเร็วยิ่งดี เพื่อนฉันแฉันดูแลเองได้”เซฮุนผลักอกลู่ฮานออก มายืนแทรกกลางระหว่างเพื่อนสนิทกับหนุ่มน่าหวาน ลู่ฮานแสยะยิ้มเย้ยหยัน ยังกล้าพูดคำว่าเพื่อนได้อย่างเต็มปากเต็มคำได้อีกเหรอทั้งที่ตัวเองคิดไม่ซื่อแท้ๆ
“ฮึ งั้นก็ดูแล‘เพื่อน’ไว้ ให้ดีละ”ลู่ฮานตบไหล่เซฮุน เน้นคำว่าเพื่อนเสียงดัง เตือนความจำให้นักรบหน้าหล่อว่าอยู่ในฐานะอะไร
“ฮุนแกอยู่ชั้นนี้เหรอ?”เจสสิก้าสะกิดไหล่เพื่อนที่ยืนหันหลังให้เธออยู่หลังจากลู่ฮานออกไปแล้ว เซฮุนหันมาเผชิญหน้ากับเธอทันที
“เสน่ห์แรงจังนะ”กระแทกเสียงใส่คนตัวเล็กเดินผ่านเข้าห้องพักเจสสิก้าไป ผีเข้าอีกแล้วรึไง ถามอย่างตอบอย่าง
“เฮ้ย เข้ามาได้ไง ออกไปนะเซฮุน”เจสสิก้าฉุดแขนคนตัวเก้งก้างให้ลุกจากเตียง เพราะห้องนี้ไม่ใช่ของเธอคนเดียวแต่ยังเป็นของอีกสองคนที่ยังไม่มา
“ขอนั่งพักก่อนไม่ได้รึไงวะ เหนื่อยจะแย่”คนหัวดื้อนอนแผ่บนเตียงขืนตัวไว้ไม่ยอมลุกเพราะอยากกวนประสาทเจสสิก้า
“ไอ้บ้าลุกสิ ลุกๆๆๆๆ เฮ้ย!”เพราะแรงอันน้อยนิดทำให้ร่างบางเสียหลักจากแรงดึงของคนที่นอนอยู่ จนไปนอนทับตัวเขาไว้ ใบหน้าเธอซุกอยุ่กับคอขาวของเพื่อนสนิท กินน้ำหอมอ่อนๆสำหรับผู้ชายลอยเตะจมูก สมองเจสสิก้ามึนงงขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ไม่กล้าขยับตัว หรือเงยหน้ามองคนใต้ร่างด้วยซ้ำ ใจก็พาลเต้นโครมครามอย่างไม่น่าให้อภัย
เซฮุนก็ถึงกับผงะไป ร่างแนบกันขนาดที่ลมยังแทรกผ่านไม่ได้ แล้วหุ่นของคนบนตัวเขาเล็กซะที่ไหนเขาก็เป็น ผู้ชาย จะบอกว่าไม่รู้สึกอะไรคงเป็นไปไม่ได้ ยิ่งเป็นคนที่รักด้วยแล้วยิ่งไม่อยากปล่อยให้เจสสิก้าลุกไปจากตัวด้วยซ้ำ
ใช้ปลายจมูกสูดกลิ่นหอมของผมคนตัวเล็กเข้าเต็มปอด แขนยกมาโอบเอวคอดไว้หลวมๆ เห็นว่าเจสสิก้าไม่ขยับหรือพูดอะไรเขาก็เลยปล่อยเลยตามเลย หัวใจก็ใจเต้นแรงไม่ต่างจากเพื่อนสนิทสักนิด
ตุ๊บ!!! เสียงของหล่นลงพื้นเรียกสติของทั้งสอง เจสสิก้ารีบดันตัวขึ้นมายืนตรง มองคนมาใหม่อย่างลำบากใจ เพราะสภาพเซฮุนกับเธอก่อนหน้านี้มันชวนคิดสุดๆเลย
“เออโทษทีนะที่มาขัดจังหวะ ฉันว่าฉันคงเข้ามาผิดห้องน่ะ” คนมาใหม่ก้มหยิบกระเป๋าเป้ที่ทำหล่นขึ้นมาสะพาย เตรียมจะเดินออกจากห้อง
“เดี๋ยวสิ เธอไม่ได้เข้าผิดห้องหรอก เออ...หมอนี่จะออกไปแล้ว”เจสสิก้ารีบร้องห้ามผู้หญิงที่ดูจะสูงกว่าเธอมาก ก่อนที่เธอจะเดินหนี คนตัวเล็กจะหันไปไล่เซฮุนทางอ้อม ร่างสมส่วนที่นั่งอยู่บนเตียงผุดลุกขึ้น จัดเสื้อยืดที่ยับหย่นให้เข้ารูปก่อนจะเดินออกไปหน้าตาเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทิ้งให้เจสสิก้าเผชิญหน้ากับเพื่อนใหม่ที่ไม่สนิทสองคน ภายให้ห้องตกอยู่ในความเงียบ จนยัยตัวแสบทนไม่ไหวเป็นคนทำลายความเงียบนั้นเอง
“เธอชื่ออะไรเหรอ? ฉันเจสสิก้านะ เรียกสิก้าเฉยๆก็ได้ อยู่ม.5 มาจากไพลอส”
“ชื่อเยรินค่ะ อยู่ม.4 มาจากธันเดอร์ พี่คือ Angelใช่มั้ยคะ?”เยรินถามอย่างกล้าๆกลัวๆ
“อา ใช้แล้ว แต่เธอไม่ต้องสนใจเรื่อง Angel หรอกนะ”เจสสิก้ายิ้มแหยๆ เพราะยังอายกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้
“ขอโทษนะคะที่เข้ามาขัดจังหวะ พี่กับรุ่นพี่เซฮุน”เอ่ยเสร็จก้มหัวขอโทษ สีหน้าหมองเศร้า เจสสิก้ายกมือห้ามอย่างรวดเร็ว ก็ไม่แปลกที่เยรินจะรู้จักเซฮุนก็เพื่อนเธอเป็นถึงนักรบแห่งธันเดอร์
“มันไม่ใช่อย่างนั้นหรอกเยรนิ เซฮุนกับพี่เป็นแค่เพื่อนกัน”รุ่นน้องทำหน้าสงสัยหนักกว่าเดิม เจสสิก้าจึงต้องอธิบายต่อ“เมื่อกี้เราแค่เล่นกันตามประสาน่ะ ไม่มีอะไรจริงๆ”รุ่นน้องที่ตัวสูงกว่าเจสสิก้ามาก เงยหน้าขึ้นทันที ดวงตาก็สุกใสขึ้นมาเป็นกอง
“จริงเหรอค่ะ พี่พูดจริงๆนะคะ”คนอายุน้อยกว่ารวบมือรุ่นพี่มากุมไว้เผยยิ้มกว้าง จนเจสสิก้าต้องขมวดคิ้วเป็นปมกับอาการดีใจแบบโอเว่อร์ของเธอ
“จ้ะ”เธอตอบคนที่ดีใจจนออกนอกหน้า แต่แล้วเยรินก็พูดคำนึงออกมาทำเอาเจสสิก้านิ่งค้างไป
“ดีเลยคะ เยรินจะได้สบายใจ ถ้ารุ่นพี่ไม่ใช่แฟนรุ่นพี่เซฮุน เยรินก็ยังมีโอกาส รุ่นพี่ค่ะ ช่วยทำให้รุ่นพี่เซฮุนรับรักเยรินด้วยนะคะ...นะค้า”
◊
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

จะได้แสบสะใจแล้วว
รู้สึกเรื่องนี้อิเน่มักไม่ค่อยมีความสำคัญ-..-
อิอิ
ปากบอกเกลียดๆๆๆๆๆ แต่ขอให้เค้ากอดนี่คือระ??
แหม่...