ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [GOT7fiction] adorable baby { Markbam } / -ลงชื่อรับเงินคืน-

    ลำดับตอนที่ #8 : markbam baby - 7 -100%-

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 11.03K
      96
      1 พ.ค. 57

    GOT 7 Fiction

    Adorable baby  Mark x Bambam

    By bpuppyy_

    Markbam

    Baby  7

     

     

     

                    แบมแบมมีเรียนพิเศษทุกวันเสาร์ตอนเช้า

                    มาร์คที่รับหน้าที่เป็นผู้ปกครองของเด็กชายกันต์พิมุกต์จำเป็นต้องตื่นให้เช้ากว่า หากแบมมีเรียนในเวลาเก้าโมง นั่นหมายความว่าไม่เกิน 7.30 ของวันนั้นเขาจะต้องเตรียมตัวพร้อมแล้วเรียบร้อย ซึ่งไม่ใช่ปัญหา มาร์คไม่ได้เป็นคนนอนตื่นสายหรือไม่อยากตื่นเช้าอยู่แล้ว

     

                    ถึงวันนี้จะเช้ามากเกินกว่าปกติไปมาก... ก็ตาม

     

    “มึงรีบ ๆ คุย โทรมาเพื่อเงียบใส่กูเหรอ กินยาผิดป้ะแจ๊คสัน”

                    ต้นเหตุที่ทำให้มาร์ค ต้วนตื่นเร็วกว่าปกติเกือบหนึ่งชั่วโมงนั่นคือเพื่อนผู้สร้าง(ปัญหา) แจ๊คสัน หวังสายตรงมาจากประเทศฮ่องกงและดูเหมือนว่าจะยังจับต้นชนปลายไม่ได้ว่าต้องการพูดอะไร

                    มึงนั่นแหละ กินยาผิดเหรอวะ ได้ข่าวช่วงนี้พูดมาก แจ๊คสันย้อน

    “อะไรของมึง กูเหมือนเดิม ไอ้แจบอมหรือไอ้เซฮุนไปโม้กับมึงไว้ล่ะ”

                หน่ะ แถวบ้านกูแบบนี้เรียกร้อนตัว ทำไมต้องว่าเพื่อนล่ะครับพี่มาร์ค เออ กูนึกออกละว่าจะพูดอะไร คือวันนี้มึงช่วยเข้าไปทำธุระที่มหาลัยกูให้หน่อย ว่างป้ะวะ ช่วงเช้าหรือบ่ายก็ได้ นะครับพี่มาร์ค ถือว่าน้องแจ๊คขอร้อง

     

                    แจ๊คสัน หวังก็ร้องขอให้เขาช่วยประจำอยู่แล้วจริงไหม... แค่ไปมหาลัย ง่ายกว่าเลี้ยงแบมเป็นไหน ๆ อยู่แล้ว

     

    “มึงขอร้องกูประจำ” มาร์คตอบกลับ แล้วก็ได้รับเสียงตะแง้ว ๆ จากผู้ชายนามสกุลหวังว่านี่คือเรื่องสำคัญคอขาดบาดตาย หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากมาร์ค แจ๊คสันก็คงต้องอยู่ในสภาพนักศึกษาเถื่อนตลอดไป

                    นะครับพี่มาร์ค พาน้องแบมไปด้วยนะ มึงอย่าได้ปล่อยแบมทิ้งไว้คนเดียวเป็นอันขาด แต่กูจะไม่ตำหนิติเตียนอะไรมึงหรอกเรื่องน้อง ไอ้โอมันฟ้องกูตลอดแหละว่ามึงใส่ใจแบมดี

                    ถ้าใส่ใจดีแล้วทำไมแจ๊คสัน หวังมันถึงได้ใช้คำว่าฟ้องล่ะ

     

                    โอเซฮุนใช้การสื่อสารประเภทไหนคุยกับมนุษย์ฮ่องกงอย่างไอ้หวัง มาร์คควรจะไว้ใจในประสิทธิภาพการพูดคุยระหว่างคนสติหลุดทั้งสอง... ใช่หรือว่าไม่

                    ช่างเถอะ

     

    “แค่แวะเข้าไปยื่นเอกสารที่คณะมึงใช่ไหม”

                    ใช่ค่ะพี่มาร์คของน้องหวัง น่ารักที่สุดในโลกเลยนะคะพี่มาร์คเนี่ย

                    ขนลุกทุกครั้ง... ที่แจ๊คสัน หวังเล่นกับเขาแบบนี้

    “ได้โปรดเลิกดัดเสียง มีอะไรอีกไหม”

                    จะว่ามีก็มี จะว่าไม่ก็ไม่ คุณชายหวังแกล้งกวน

    “แค่นี้นะ”

                    เฮ้ย ๆ เดี๋ยว ๆ ไอ้มาร์ค! โห รีบตลอดเลยนะมึง มีเว้ย มีข่าวดีจะบอก นี่กูฝากน้องแบมไว้กับมึงเดือนครึ่งแล้วใช่ป่ะ คำถามจากแจ๊คสันไม่ต้องการคำตอบ ยังไม่ทันที่มาร์คจะอือออกลับ คนปลายสายก็รีบต่อความทันที ตามกำหนดคืออีกหกสัปดาห์ข้างหน้ากูจะกลับ แต่ให้มึงทายนะ กูจะอยู่ต่อหรือจะไปรับน้องมาจากคอนโดของมึงในเร็ววัน!’

     

                    แจ๊คสัน หวัง... จะมารับน้องของมันกลับไป...

     

    “นั่นก็เรื่องของมึง”

                    ถึงแม้ในใจของมาร์คกำลังคิดว่าเวลา... มันผ่านพ้นไปเร็วมากจริง ๆ

                    แบมแบมเพิ่งจะมาอยู่ด้วยกันกับเขา... แค่ไม่นานเท่านั้นเอง

                    อั่นแหน่ะ ติดใจน้องกูแล้วอ่ะดิไอ้มาร์ค กูบอกแล้ว น้องกูอ่ะน่ารัก ดูแลดี ๆ นะเว้ย แหม ไอ้เซกับไอ้เจบีรายงานกูตลอดเวลา เฮ้เพื่อน นี่ไม่ได้ขู่นะ... น้ำเสียงร่าเริงของแจ๊คสันยังคงดังมาตามสาย ส่วนผู้ชายที่กำลังถูกเพื่อนล้อเลียนว่ากลายเป็นคนติดน้องก็ได้แต่กระแอมแก้เก้อแล้วก็ไม่ยอมพูดอะไรออกมา

     

    โอเซฮุนกับอิมแจบอมเป็นพวกรู้มาก... มากจนเกินไป

     

    กูหวงคนนี้มากนะโว้ยบอกไว้ก่อน อยากมาเป็นน้องเขยนี่มันต้อง...

    “แค่นี้นะ”

     

                    แล้วบทสนทนาที่มีเพียงแค่แจ๊คสัน หวังที่พูดเป็นบ้าเป็นหลัง(?)อยู่ฝ่ายเดียวก็ถูกตัดจบลงแค่นั้น มันก็จริงอยู่ที่มาร์ครู้ตัวว่าเขาเริ่มจะพูดมากขึ้นในพักหลัง แต่ใช่ว่าจะอยากโต้ตอบกับทุกคนหรือทุกเวลาซะที่ไหน แล้วมันก็จริงอีกที่ว่าเขามักจะยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัวถ้าหากว่าได้พูดถึงเด็กผู้ชายที่อยู่ร่วมคอนโดเดียวกัน...

     

                    เหมือนที่เขากำลังรู้สึกว่ามุมปากกำลังยกยิ้มอยู่ในเวลานี้...

                   

    *

     

    “พี่มาร์คคคคคคคคคคคค”

                    เช้าวันเสาร์ของกันต์พิมุกต์เริ่มต้นขึ้นด้วยเสียงเคาะประตูจากพี่ชายร่วมห้องสองสามครั้ง เด็กชายแก้มกลมที่นอนคู้ตัวอยู่ภายใต้ผ้าห่มเริ่มเคลื่อนไหว ก่อนจะค่อย ๆ เปิดตาที่หนักอึ้งขึ้น นอนมึนไปอีกพักหนึ่งแล้วถึงได้สะบัดผ้าห่มอาบน้ำแต่งตัวจนกระทั่งออกมาตะโกนเรียกหาพี่ชาย...

     

                    พี่มาร์ค... อาจจะเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในคำติดปากของแบมแบมตอนนี้ไปแล้วก็ได้...ล่ะมั้ง

     

    “ว่าไง” มาร์ควางหนังสือพิมพ์ในมือลงกับโต๊ะ มองนาฬิกาข้อมือแล้วยิ้มบาง ๆ เมื่อเห็นว่าแบมแบมไม่อิดออดกับการออกไปเรียนพิเศษในอาทิตย์นี้

                    จำได้ดีว่าตอนเริ่มเรียนครั้งแรก... มาร์คต้องแลกกับการยอมให้แบมบี้ (แมวของพี่แทคยอน) มานอนเกลือกกลิ้งแล้วก็วิ่งไล่จับกับแบมแบมทั้งวันทั้งคืน

                    ใช่เรื่องที่ไหนกัน...

    “แบมจะบอกว่าเตรียมตัวเสร็จแล้ว~” แบมแบมว่า หนุ่มน้อยม.ปลายในเสื้อฮู้ดสีสันสดใสและกางเกงขาสั้นยิ่งทำให้ดูเด็กไปมากกว่าเดิม แน่นอน ผ้าก๊อซที่ยังคงถูกติดเอาไว้ที่หัวเข่าก็ยังคงมีอยู่เหมือนเคย ส่วนข้อศอกของเด็กน้อยมีเพียงแค่รอยตกสะเก็ดอยู่เท่านั้น

     

                    อนุสรณ์ความซุ่มซ่ามของเด็กชายกันต์พิมุกต์

                    แล้วถ้าถามว่าใครทำแผลให้ คำตอบมีอยู่ว่าเด็กชายกันต์พิมุกต์ตะโกนเรียก พี่มาร์ค ให้เข้าไปช่วยทำแผลปิดผ้าตามหลักอนามัยให้...

                    แต่ตอนนั้นแบมแต่งตัวเรียบร้อยแล้วนะ! ที่พี่มาร์คยังต้องออกมานั่งอ่านหนังสือพิมพ์รอ เป็นเพราะว่าแบมอยากเปลี่ยนเสื้อกับกางเกงใหม่ต่างหาก...

                    (หรือที่จริงแบมควรจะบอกว่าตอนแรกแค่ใส่เสื้อกับกางเกงบอลไว้ลวก ๆ ดีนะ เอ้อ ที่จริงแล้วมันไม่ใช่เรื่องสำคัญใช่ไหมครับ อย่าสนใจแบมแบมเลย...)

     

    “ยังเจ็บแผลอยู่ไหม” มาร์คถาม ดวงตาของผู้ปกครองจำเป็นจ้องอยู่ที่ข้อศอก รวมทั้งลดลงมามองที่หัวเข่าของเด็กแก้มกลม “เรียบร้อยดีใช่หรือเปล่า” 

    “เรียบร้อยแล้วครับผม ไปกันเลยไหม ถึงแบมจะไม่อยากเรียนเท่าไหร่ แต่ไปนั่งหลับหูหลับตาเรียนให้จบสามชั่วโมงไว ๆ ก็ได้เนาะพี่มาร์ค แบมเป็นเด็กดีใช่ม้า”

                    มาร์คส่ายหน้า ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินตรงเข้ามาหาเด็กน้อยที่ยักคิ้วหลิ่วตาอย่างได้ใจ พักหลังเด็กคนนี้ชักจะทำตัวน่าตีไปกันใหญ่ เรื่องพูดเก่งไม่เท่าไหร่ แต่เป็นนิสัยเอาแต่ใจที่แอบซ่อนเอาไว้... ในความน่ารัก

     

                    มาร์คยอมรับว่าทำให้เขา... ยิ่งรู้สึกว่าเด็กคนนี้น่าเอ็นดู

     

    “เด็กดีที่ไหนบอกว่าจะไปหลับในห้องเรียน”

    “เด็กดีที่ชื่อแบมแบม!” กันต์พิมุกต์ตอบกลับ ซ้ำยังยิ้มกว้างจนตากลมหยีลงเป็นเสี้ยวอย่างน่ารัก คนมองอดไม่ได้ที่จะแกล้งเคาะหน้าผากของเด็กม.ปลายในข้อหาขี้เล่นเกินพิกัดไปเสียหนึ่งที

     

                ง่ะ พี่มาร์คแกล้งแบม!

     

    “เจ็บน้า”

    “ตีนิดเดียว ไม่เจ็บจริง ๆ หรอกใช่ไหม”

    “เจ็บจริงต่างหาก บู้ว” คนเด็กกว่ายู่หน้า มือเล็กยกขึ้นลูบหน้าผากป้อย ๆ เป็นการยืนยันว่าการประทุษร้ายเมื่อสักครู่ทำให้รู้สึกเจ็บมากแค่ไหน...

     

                    แต่ถ้าหากย้อนเวลากลับไปได้สักสิบวินาทีก่อนหน้านี้... แบมจะไม่แกล้งบอกว่าเจ็บเลยสักนิดเดียว

     

    “เดี๋ยวรักษาให้...”

     

                    มาร์ค ต้วนไม่แน่ใจว่าตัวเองกำลังคิดอะไร รู้อีกทีเขาก็กำลังปลอบอีกฝ่ายด้วยการเป่าปากเบา ๆ ไปบนหน้าผากที่เจ้าตัวฟ้องว่าเจ็บจากการถูกเขาแกล้งเข้าให้... รู้สึกผิดเล็ก ๆ ที่แกล้งเขกเด็กคนนี้ด้วยความหมั่นเขี้ยว แต่กลับทำให้เจ้าตัวบ่นออกมา

                    เป็นคนทำให้แบมต้องเจ็บตัว... ก็ต้องรับผิดชอบ... มาร์คทำถูกต้องแล้วใช่ไหม

    “หายเจ็บแล้วนะ...”

                    ปลายนิ้วที่ไล้แผ่วเบาอยู่บนหน้าผาก... อาจจะทำให้แบมเจ็บเพราะหัวใจเต้นแรงเกินไป... มากกว่าเจ็บเพราะถูกพี่มาร์คแกล้งเคาะหัวนะ...

                   

                    เหมือนหัวใจเต้นจนจะหลุดออกมาข้างนอกได้อยู่แล้ว...

     

    “ห... หายแล้วครับ...”

     

                    ถ้าจะให้บอกตรง ๆ ไปยิ่งกว่านั้น... แบมบอกแล้วว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้ แบมจะไม่แกล้งบอกว่าเจ็บสักนิด ใครจะไปคิดว่าพี่มาร์คจะเล่นแบบนี้...

     

                ไม่ไหว... พี่มาร์คกำลังให้แบมกลายเป็นเด็กที่ชอบคิดไปเองจริง ๆ แล้วน้า

     

                    เพราะการที่พี่มาร์คเป่าลมลงบนหน้าผาก... พร้อมกับใช้มือลูบลงเบา ๆ ตรงที่แบมจับอยู่ก่อนหน้า การที่กันต์พิมุกต์ถูกรักษาแบบนี้...

                    แบมคิดว่าจะทำให้แบมกลายเป็นโรคหัวใจ

                หรือบางทีแบมอาจจะกำลังเป็นไข้เข้าแล้วล่ะ ทำไมรู้สึกว่าความร้อนทั้งหมดในร่างกายมันขึ้นมารวมกันอยู่ที่หน้ากันนะ

     

                    วันนี้แบมขอลาป่วย ไม่ไปเรียนพิเศษแล้วได้ไหม...

     

    “แบม จะแปดโมงครึ่งแล้วนะ แกล้งยืนเหม่อไม่ได้ยินเสียงพี่ จะได้ไปเรียนช้า ๆ ใช่ไหม”

    “เปล่านะ พี่มาร์คอย่าใส่ร้ายยยย”

     

                    เพราะพี่มาร์คต่างหากที่ทำให้แบมต้องยืนคิดไปเรื่อยเปื่อยแบบนี้!

                    จะฟ้องพี่แจ๊คสันกับพี่ชาย แบมแบมไม่ยอมมมมม!

     

    *

     

    -50%-

     

    *

     

                    เหตุผลที่มาร์คยังคงนั่งรอแบมอยู่ด้านล่างของอาคารเรียนกวดวิชา... เป็นเพราะว่าช่วงบ่ายของวันเขาจะพาแบมแบมไปมหาลัยของตัวปัญหาด้วยกัน

     

                    ตัวปัญหาที่มีชื่อสกุลว่าแจ๊คสัน หวัง

     

                    มาร์ค ต้วนยังคงดึงดูดความสนใจของใครต่อใครได้อยู่เสมอ ถึงแม้จะสวมใส่เพียงแค่เสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงเดฟยีนธรรมดา แต่เมื่อสิ่งเหล่านั้นมารวมกันอยู่บนตัวของมาร์ค ปฏิเสธไม่ได้เลย... ว่าดูดี ไม่ว่าจะเป็นท่าทางยามชายหนุ่มเพ่งสมาธิอยู่กับหนังสือ หรือยามขยับตัวและหยิบเครื่องดื่มขึ้นจิบ มาร์คกำลังถูกสายนับสิบจับจ้องอย่างโจ่งแจ้ง ยังไม่นับอีกหลายคนที่แอบก้ม ๆ เงย ๆ แล้วมองมายังคุณชายสกุลต้วนที่นั่งโดดเด่นอยู่ท่ามกลางบรรดานักเรียนม.ปลาย

     

                    สถาบันกวดวิชา... แน่นอนว่าไม่ต่างกับศูนย์กลางของนักเรียนม.ปลาย

                    ใช่ว่ามาร์คจะไม่รู้ตัว... เขารู้ตัวตลอดเวลาเมื่อมีคนมองมาที่เขา แต่ทุกครั้งก็ทำได้แค่นั่งนิ่ง ๆ แบบนี้ต่อไป จะให้สบตาแล้วแจกยิ้มให้ทุกคนมันก็ไม่เข้าท่าจริงไหม

     

                    หลังจากปล่อยตัวเองให้เข้าสู่โลกของวรรณกรรมตะวันตกโดยไม่คิดสนใจใคร สุดท้ายสมาธิทั้งหมดของมาร์ค ต้วนก็ถูกทำลายด้วยเสียงของเครื่องมือสื่อสารที่ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋า แต่มาร์ครู้ดีว่านั่นไม่ใช่เสียงโทรศัพท์ของเขา เพลงการ์ตูนญี่ปุ่นที่ไม่คุ้นหูแบบนี้...

     

    “ฮัลโหล”

                    ไอ้มาร์คเหรอวะ... ทำไมมึงรับโทรศัพท์น้องแบมล่ะ! น้องแบมของพี่หวังหายไปไหน มึงทำอะไรน้องมึงบอกมานะ!’

     

                    แจ๊คสัน หวัง... เป็นมนุษย์ที่ไม่เคยคิดจะฟังแล้วยังชอบคิดไปเอง

     

    “อะไรของมึง แบมเรียนพิเศษอยู่ กูเลยเก็บโทรศัพท์น้องเอาไว้ให้” มาร์คอธิบาย พอได้ยินอีกฝ่ายยังหาเรื่องเถียงกลับมา เสียงทุ้มต่ำก็เลยจำเป็นที่จะต้องพูดต่อไป “หรือจะให้น้องมึงนั่งเล่นโทรศัพท์แทนที่จะรับความรู้ไปเต็ม ๆ ล่ะ กูจะได้เดินเอามือถือไปให้แบมตอนนี้เลย อยากคุยกับน้องมากขนาดนั้นไหม...”

                    หวังก็แค่พูดเล่นนิดเดียวอ้ะ ทำไมพี่มาร์คต้องจริงจังดุหวังแบบนี้.... ชายหนุ่มชาวฮ่องกงแกล้งตัดพ้อ ทีเมื่อก่อนพี่มาร์คไม่เห็นจะเคยพูดว่าหวังยาว ๆ แบบนี้เลยนะ พี่มาร์คชอบเงียบใส่ แต่วันนี้ล่ะทำมาดุ หวังเสียใจนะคะ

     

                    บางครั้ง... นอกจากเป็นคนขี้ตื้อและพกสติมาไม่ครบถ้วนสักเท่าไหร่ แจ๊ค สันหวังยังเป็นคนที่ชอบทำตัวให้เขารู้สึกว่าอยากด่าเพราะความหมั่นไส้... มากเลยจริง ๆ

     

    “มึงโทรหาน้องทำไม กูจะได้บอกน้องให้ ไม่ต้องไร้สาระ”

                กูคิดถึงแบมเลยอยากคุยเฉย ๆ ลืมไป เมื่อเช้ามึงก็เพิ่งบอกกูนี่หว่าว่าต้องไปส่งแบม

    “นอกจากบ้า... มึงยังความจำสั้นด้วยสินะ”

                    ไอ่ห... เอ้ย ไอ้มาร์ค กูล้อเล่นโว้ย พอดีเมื่อกี้พี่ชายแบมโทรมาหากู บอกว่าจะไปหาแบมในสองสามวันนี้อะ แต่ยังไม่แน่นอนว่าจะเป็นวันไหน ฝากบอกน้องด้วย กูก็มัวแต่รีบจะโทรหา เลยลืมไปว่าน้องเรียนอยู่

    “อืม แค่นี้ใช่ไหม งั้นกูวางแล้วนะ”

                ไอ้ซั๊ซ มึงนี่ก็ขยันวางหูใส่กูจังเลยล่ะ ไม่คิดอยากจะคุยกับกูบ้างไง๊ ถามกูบ้างสิครับ หวังสบายดีไหม หวังจะกลับเมื่อไหร่ หวังคิดถึงน้องแบมไหม...

     

                    ไม่มีคำถามใด ๆ จากปากของมาร์ค ต้วนให้แจ๊คสัน หวังได้ชื่นใจ...

                    เพราะสายตรงจากฮ่องกงถูกตัดไปตั้งแต่ประโยคที่แจ๊คสันเริ่มจะเข้าเรื่องคิดถึงน้องชายอย่างแบมแบม...

                    อย่าถามเหตุผลของมาร์ค เพราะเขาก็ไม่สามารถตอบได้เหมือนกันว่าจะรีบตัดสายของเพื่อนทำไม

     

    ครืด...

     

                    ชีวิตของมาร์คคงจะยังหาความสงบสุขไม่ได้ในสองชั่วโมงนี้ เพราะหลังจากที่วางสายจากแจ๊คสันไปได้ไม่ถึงห้านาที วัตถุไฮเทคโนโลยีของชายหนุ่มก็เรียกร้องความสนใจด้วยเสียงสั่นครืดอีกครั้ง

                    มั่นใจได้ว่ารอบนี้... เป็นสายเข้าจากโทรศัพท์ของเขาเอง

    “มีอะไรไอ้เซฮุน”

                เพื่อนรักเขาทักกันแบบนี้เหรอวะ ใช่สิ๊ กูมันไม่ใช่น้องม.ปลายใส ๆ นี่ จะให้มาพูดเพราะด้วยมันก็คง...

                    สายโทรศัพท์จากโอเซฮุน... ถูกกดทิ้งด้วยฝีมือของมาร์ค ต้วนผู้ประหยัดถ้อยคำ(?)ไปแล้ว  แต่เครื่องมือสื่อสารที่กำลังจะถูกโยนกลับเข้ากระเป๋าก็เกิดแรงสั่นสะเทือนและแสงสว่างวาบขึ้นมาอีกรอบ...

     

                    แต่เปลี่ยนชื่อผู้ติดต่อเข้ามา ซึ่งมาร์ครู้ดีว่ามันไม่ได้ช่วยอะไร

                    อิมแจบอมมันก็อยู่กับโอเซฮุนนั่นแหละ เชื่อไหมล่ะ

     

    “ถ้ามึงไม่พูดธุระ กูจะวาง...” มาร์ครับดังทางเพื่อนทันทีที่เขารับสาย พักหลังมาเขามักจะถูกเพื่อนทั้งสองคนพูดถึงเรื่องแบมแบมจนแทบจะกลายเป็นว่าเคยชิน แต่เล่นมากไปก็ไม่เข้าท่าจริงไหม

     

                    ถึงเขาจะไม่ปฏิเสธ... ว่าเขาเอ็นดูเด็กแก้มป่องๆ เพราะกินจุเกินไป เอ็นดูแล้วก็ชอบ... ในแบบที่ตัวเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน

                   

                    นี่ไงกูกำลังจะพูด ไอ้เชี่ย ไอ้โอแม่งไร้สาระ กระแนะกระแหนมึงจังเนาะ แจบอมรีบโบ้ยให้เพื่อนรัก แต่เมื่อยังได้รับคำตอบเป็นความเงียบจากมาร์ค นักศึกษาภาคโยธานามว่าแจบอมก็รีบพูดเรื่องงานต่อทันที ไฟล์งานอาจารย์ยุนที่ต้องส่งวันพุธหน้าอ่ะ ส่วนที่มึงรับผิดชอบ ช่วยเอามาให้พวกกูที

    “เดี๋ยวกูฟอเวิร์ดไปให้ มึงเอาไปปริ้นท์กันเองได้ใช่ป่ะ”

                    ปัญหาระดับชาติมีสองอย่าง

    “ว่า?”

                    หนึ่ง... กูอยู่บ้านไอ้เชี่ยเซและแถวนี้แม่งบ้านนอกมาก ไม่มีที่ปริ้นท์ ให้กูพูดตรง ๆ อย่างหยาบคายเลยนะไอ้มาร์ค บ้านแม่งไม่มีเหี้ยอะไรเลยไอ้สาดดดดดด

    “อีกเรื่องล่ะ”

                    เมื่อสิบนาทีก่อนหน้าที่กูจะโทรหามึง อาจารย์เพิ่งจะเมล์มาบอกไว้ว่า... งานเลื่อนมาส่งวันจันทร์นี้ ขอสบถอย่างหยาบคายอีกที ไอ้สัส ไม่มีเวลาแล้วว้อยยยยยยย

     

                    สรุปง่าย ๆ ... คืออิมแจบอมและโอเซฮุนกำลังบอกให้เขาไปหาที่บ้านของมันใช่ไหม

     

    “ต้องไปถึงกี่โมง กูต้องแวะไปทำธุระให้ไอ้หวังก่อน พวกมึงแม่ง...”

    เชี้ยหวังกวนมึงอีกละเหรอวะ ฮ่า ๆ แต่พวกกูอ่ะ กี่โมงก็ได้แต่ขอให้เป็นภายในวันนี้นะครับพี่ต้วน งานด่วนจริง ๆ กูรู้ว่ามึงทำเรียบร้อยแล้ว แต่พวกกูเนี้ย ต่อให้มึงมาถึงบ้านไอ้โอสี่ทุ่มวันนี้ พวกกูก็ยังไม่เสร็จหรอก เพราะงั้นมึงไม่ต้องรีบ แต่มึงต้องมานะ มาช่วยกูที

    ยังไม่ทันทีมาร์ค ต้วนจะได้ตอบอะไรกลับไป เสียงแหบห้าวของเพื่อนที่มีนามสกุลว่าโอ และชื่อว่าเซฮุนก็ดังแทรกสอดขึ้นมาด้วยความจงใจ...

    ให้น้องแบมคนน่ารักมานั่งให้กำลังใจพวกกูด้วยนะ ไอ้มาร์คคคคคคคคค

     

    “เอากำลังใจจากกูไปก่อนแล้วกันนะ บอกเพื่อนมึงด้วยแจบอม รีบทำ ถ้ากูไปแล้วยังไม่เกินครึ่ง กูจะบอกอาจารย์ยุนว่าพวกมึงคนนึงเอาแต่ไปนั่งเฝ้าร้านขนมหวาน ส่วนอีกคนก็เอาแต่บริหารงานร้านอบายมุข”

                    แล้วการติดต่อระหว่างเพื่อนรักทั้งสาม... ก็จบลงด้วยฝีมือของมาร์ค ต้วนอีกครั้ง...

     

                    มาร์คจะรู้ไหมว่าเพื่อนรักที่อยู่ปลายสายอย่างอิมแจบอมและโอเซฮุนกำลังมองตากันปริบ ๆ ราวกับสงสัยเสียเต็มประดา...

     

                    ทำไม... วันนี้ไอ้มาร์คมันพูดเยอะจังวะ

     

    *

     

    “แบมแบม”

                    เสียงเรียกของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่แบมไม่คุ้นหน้าเท่าไหร่รั้งเด็กหนุ่มเอาไว้ กันต์พิมุกต์ที่เพิ่งจะจบช่วงยากลำบากอย่างการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ได้แต่หันไปทำหน้าตามึนงงใส่เธอด้วยความสงสัย...

     

                    ใครง่ะ

     

    “เรียกผมใช่ไหมครับ”

    “ถ้านายชื่อแบมแบม เราก็เรียกคนไม่ผิดหรอก...”

    “แล้ว...” ควรจะถามยังไงดีล่ะ แบมแบมได้แต่ยืนคิดอยู่อย่างนั้น เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าคำถามประเภทไหนที่จะเป็นการรักษาน้ำใจคนที่ไม่รู้จักกันแล้วเข้ามาทักแบบนี้...

                    ถ้าถามว่า มีธุระอะไรเหรอครับ จะดูน่าเกลียดไปไหม

                    หรือถ้าแบมถามไปว่า เรารู้จักกันใช่ไหมหว่า... แบบนั้นจะยิ่งน่าเกลียดเกินไปใช่หรือเปล่า...

     

                    เอาไงดี...

     

    “เรา... ไม่สิ ที่จริงแทนตัวเองว่าพี่น่าจะเหมาะกว่า พี่เรียนอยู่ม.ปลายปีสามที่สาธิตม.Y พูดง่าย ๆ ก็รุ่นพี่ของแบมแบมนั่นแหละค่ะ...”

    “อ๋อ... เข้าใจแล้วครับผม ถ้าอย่างนั้น... รุ่นพี่มีอะไรให้ผมช่วยหรือว่าอยากให้ผมทำอะไรหรือเปล่าครับ” ที่สุดแล้วแบมแบมก็สามารถหาทางออกให้กับตัวเองได้ เขาไม่ต้องเป็นฝ่ายถาม เพราะคน ๆ นี้อธิบายเสร็จสรรพแล้วว่าเป็นรุ่นพี่ที่มาจากโรงเรียนเดียวกัน

     

                    แบมไม่ค่อยคุ้นหน้า... แต่ดูไปดูมาอาจจะคุ้น ๆ ก็ได้ล่ะมั้ง

                    ขอนึกดูอีกที...

     

    “พี่แค่จะถามว่าน้องแบม... ตอนนี้อยู่คอนโดเดียวกับรุ่นพี่ต้วนใช่ไหมคะ...”

    “อ่า... ใช่ครับผม แบมเพิ่งย้ายมาเกาหลี ตอนนี้พี่แบมก็ไม่ว่าง เลยจำเป็นนิดหน่อยที่ต้องรบกวน...”

    “น้องแบมก็รู้นี่คะว่าเป็นการรบกวน... ถ้าอย่างนั้นทำไมน้องแบมยังกล้า... ทนอยู่เป็นภาระของรุ่นพี่ล่ะคะ... “

     

                ภาระ...

                    แต่พี่มาร์คไม่เคยพูดว่าแบมเป็นภาระเลยนะ...

                    ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ... มันไม่ได้หมายความว่าพี่มาร์คไม่คิดใช่ไหม... ทำไมแบมถึงได้ลืมเรื่องนี้ไปสนิทใจเลยนะ เอาแต่เรียกร้องให้พี่มาร์คตามใจ อยู่กับพี่มาร์คจนกลายเป็นความเคยชินไปแล้ว...

     

    “คือ...”

    “รุ่นพี่ต้วนคงไม่กล้าพูดกับน้องตรง ๆ แบบที่พี่กำลังพูดอยู่ตอนนี้ แต่ที่จริงน้องแบมก็ควรจะพิจารณาได้เองนะคะ... ว่ามันจริงหรือว่าไม่จริง”

     

                    แบมเป็นภาระของพี่มาร์ค... ใช่หรือเปล่าครับ

     

    *

     

                    มินิคูเปอร์ของมาร์คไม่เคยตกอยู่ในความเงียบสงบจนเข้าขั้นเรียกได้ว่าสงัดเช่นนี้

                    มีเพียงเสียงของเครื่องปรับอากาศที่ยังคงทำงานตามปกติ แม้แต่เสียงของวิทยุที่มักจะถูกเปิดโดยแบมเสมอก็ยังไม่ได้รับความสนใจ

     

                    ผิดสังเกตตั้งแต่เดินลงมาจากห้องเรียน... ทำไมมาร์คจะไม่รู้ว่าแบมแบมกำลังคิดเรื่องอะไรอยู่ตลอดเวลา

     

    “แบม” เสียงเรียกครั้งแรกของมาร์คดูเหมือนจะไม่ได้ผล เด็กน้อยที่ยังคงตกอยู่ในภวังค์ความคิดยังคงเหม่อลอยไปนอกหน้าต่างรถ จนผู้ปกครองจำเป็นต้องเรียกซ้ำอีกครั้ง...

    “แบมแบม”

    “ค... ครับ...”

    “เป็นอะไร” มาร์คถาม น้ำเสียงทอดอ่อนลงด้วยความเป็นห่วง เพราะเขาไม่เคยเห็นแบมนั่งเงียบคิดมากขนาดนี้ ต่อให้มีเรื่องอึดอัดใจมากแค่ไหน แบมแบมที่มาร์คคุ้นเคยก็มักจะพูดเจื้อยแจ้วแล้วก็เต็มไปด้วยความสดใสอยู่เสมอ

     

                    แบมที่เอาแต่นั่งเหม่อลอย... กำลังทำให้เขากังวล

     

    “เปล่าครับ”

    “หัดเป็นเด็กขี้โกหกแบบนี้ ไม่ดีเลยนะแบมแบม”

                    มาร์คกดเสียงดุคนแก้มกลมอย่างไม่จริงจัง ทว่าผลที่ได้รับกลับเป็นใบหน้าเคร่งเครียดของกันต์พิมุกต์ด้วยเพราะคิดมาก รวมไปถึงดวงตากลม ๆ ที่มักจะเป็นประกายอยู่เสมอเริ่มมีน้ำสีใสเอ่อขึ้นมาจนน่ากลัวว่าจะร่วงหล่นในอีกไม่กี่อึดใจ  

     

                    แบมไม่อยากเป็นเด็กไม่ดี... แบมอยากเป็นเด็กดีที่พี่มาร์คจะไม่รู้สึกว่าเป็นภาระ!

     

    “แบม... คนเราอยู่ด้วยกัน มีอะไรก็ต้องบอกกันเข้าใจไหม พี่ไม่อยากให้น้องชายของไอ้แจ๊คสันต้องคิดมาก... เพราะว่ามีพี่เป็นต้นเหตุหรอกนะ”

     

                    หรือเพราะแบมเป็นน้องชายของพี่แจ๊คสัน... มันเลยเป็นเหตุผลที่ทำให้พี่มาร์คจำเป็นต้องยอมทำตามใจทุกอย่าง

     

    “ช่างเถอะครับพี่มาร์ค แบมไม่ได้คิดมาก...”

    “ถ้าโกหกพี่จะไม่พาไปเที่ยวนะ”

                   

                    ดูเหมือนว่าเด็กชายแบมแบมตัวน้อยจะลืมเรื่องเคร่งเครียดก่อนหน้าไปแล้ว...

                    กันต์พิมุกต์ผู้พ่ายแพ้คำว่าไปเที่ยวอย่างสมบูรณ์

     

    “พี่มาร์คจะพาแบมไปเที่ยวไหนนนนนนนนนน” แบมแบมรีบหันหน้าหาสารถีประจำตัวด้วยความดีใจ มือทั้งสองข้างเกาะอยู่ที่แขนของคนขับรถ เขย่าเบา ๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ดวงตาที่ยังคงมีน้ำใสคลออยู่จดจ้องไปยังพี่ชายจำเป็นด้วยความหวัง...

     

                    แบมไม่ได้ตาฝาดนะ... แต่อยากให้รุ่นพี่คนนั้นมาเห็นจังเลยเหอะว่าพี่มาร์คไม่ได้ทำท่าทางเบื่อแบมเลยสักนิดอ้ะ พี่มาร์คแอบยิ้มด้วยนะ แบมไม่ได้ขี้โม้ด้วย!

                    แบมไม่ได้เป็นภาระ... ไม่อยากเป็นภาระจริง ๆ นะ...

                    แต่แบมอยากไปเที่ยว...

     

    “ให้เวลาจนพี่ขับรถถึงมหาลัยS แบมตัดสินใจเอาแล้วกันว่าจะเล่าให้พี่ฟัง... หรือจะยอมไม่ไปเที่ยวด้วยกัน...”

    “พี่มาร์คจอดรถปุ๊บแบมจะเล่าทุกอย่างให้ฟังทันทีเลย!

     

                    กันต์พิมุกต์ไม่ได้อยากเที่ยวมากขนาดนั้นนะ...

                แหะ ๆ

     

                    มินิคูเปอร์ของมาร์ค ต้วนที่กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งเพราะเสียงของแบมแบม ตอนนี้จอดนิ่งสนิทอยู่ที่ลานกว้างหน้าคณะวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัย S เอกสารสำคัญในซองสีน้ำตาลที่วางอยู่บนเบาะด้านหลังถูกส่งจากมาร์คไปยังเด็กชายแก้มกลมที่ยังนั่งจ้อไม่ได้เว้นวรรค...

    “ลงไปทำธุระให้พี่ชายแบมก่อน แล้วเดี๋ยวต้องไปบ้านเซฮุน...”

    “แบมแบมออนทัวร์จริง ๆ นะครับผม...”

                   

                    ดูเหมือนว่าเด็กแก้มกลมเกือบจะแกล้งทำเป็นลืมไปแล้วว่าสัญญาอะไรไว้ เดาไม่ผิดว่าแบมแบมจะต้องเปิดประตูรถแล้วรีบจ้ำเข้าไปในตึกของคณะ

                    แน่นอน... มาร์ครู้ทัน และตอนนี้แบมแบมก็ถูกพี่ชายจำเป็นยืนขวางเอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว...

    “กันต์พิมุกต์ลืมอะไรไปหรือเปล่าครับ”

    “แหะ ๆ” เด็กชายแก้มกลมหัวเราะแห้ง ๆ แสดงให้รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะหลีกเลี่ยงการพูดถึงเรื่องที่ทำให้เกิดบรรยากาศชวนอึดอัดขึ้นอย่างน่ารำคาญใจ

     

                    ยอมรับ... ก่อนหน้านี้ที่แบมเอาแต่พูดจนเขาปวดหัว... ทำให้เขารู้สึกรำคาญ...

                    แต่เขาก็ยอมรับอีกนั่นแหละ... ว่ามันน่าหงุดหงิดมากกว่าเวลาที่แบมไม่ยอมพูดอะไรออกมา...แม้แต่คำเดียว

     

    “มีรุ่นพี่...”

                    มาร์คเลิกคิ้ว พยักหน้าให้เด็กชายที่เกริ่นขึ้นมาแล้วหยุดไปซะดื้อ ๆ พูดต่อไป

                    กันต์พิมุกต์จะทำยังไงดีล่ะ... กันต์พิมุกต์กลัวว่าถ้าเกิดพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาอีกครั้งต่อหน้าพี่มาร์ค แล้วสมมติว่าร้องไห้ออกมาจะทำยังไงดี

     

                    แบมแบมไม่อยากเป็นเด็กขี้แง! แต่ว่า...

     

    “อยู่ ๆ ก็เข้ามาถามแบม... ว่าไม่เกรงใจรุ่นพี่ต้วนบ้างเหรอ... ที่มาทำตัวเป็นภาระแบบนี้...”

     

                    แบมกำลังจะกลับไปรู้สึกผิดอีกแล้วนะ...

                    แบมกำลังคิดว่าตัวเอง... เป็นแค่ภาระที่ทำให้พี่มาร์คต้องลำบากไปด้วย...

                    ทำไม... รู้สึกเหมือนว่าขอบตาแล้วก็ปลายจมูกมันร้อน ๆ ขึ้นมาแบบนี้นะ...

     

    “แล้วแบมคิดว่าไง”

    “แบมก็เลยเอามาคิด... ว่าจริง ๆ แล้วแบมก็คงเป็นภาระ...” เด็กชายยังคงพูดต่อไป พร้อม ๆ กับที่พยายามฝืนยิ้มให้กับผู้ปกครองจำเป็นที่ยังคงมีสีหน้านิ่งเฉย...

                   

                    เหมือนครั้งแรกที่เจอไม่ผิดเลย

                    ทำไมแบมจะจำไม่ได้...

     

    “ถ้าพี่พูดตรง ๆ ว่าพี่คิดแบบนั้นล่ะ”

     

                    พี่มาร์ค... ก็กำลังทำลายความหวังอีกใจหนึ่งของแบม... ที่คิดว่าจะไม่เป็นภาระไงครับ

                    ใจหนึ่งที่แบมคิดเข้าข้างตัวเองว่าอย่างน้อย... พี่มาร์คก็คงมองเห็นเขาเป็นเหมือนน้องชาย

     

                    หนักหนายิ่งกว่าการเคยได้ยินว่าตัวเองเป็นคนอื่น... ก็คงจะหนีไม่พ้นคำว่าภาระของชีวิต

     

    “งั้น... แบมขอโทษนะครับ...”

    “ยังพูดไม่จบ ... แค่จะบอกว่าพี่คิด... แต่นั่นมันเรื่องเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน ไม่ใช่วันนี้ ไม่ใช่ตอนนี้...”

     

                    เชื่อไหม... แค่เพียงเสี้ยววินาทีที่ได้ยินประโยคเพียงประโยคเดียว... จะทำให้ความรู้สึกและทุก ๆ อย่างเปลี่ยนแปลงไปได้มากขนาดนี้...

     

                    เหมือนที่แบมแบมรู้ตัวดีว่ากำลังยิ้ม... ยิ้มทั้ง ๆ ที่น้ำตาจะไหลลงมาเพราะความเสียใจเมื่อไม่กี่นาทีก่อนอยู่แล้ว

     

    “แบมไม่ได้เป็นภาระของพี่มาร์คจริง ๆ ใช่ไหมครับ ถึงแบมจะพูดมาก แล้วก็ยังซุ่มซ่าม แถมยังไม่ได้ตอบแทนอะไรพี่มาร์คเลยสักอย่าง อ่า... แบมกินจุด้วยนะ พี่มาร์คยังต้องเลี้ยงเกือบตลอดเวลา... ที่พูดมาทั้งหมด... พี่มาร์คบอกแบมอีกทีได้ไหมครับว่าไม่ได้เป็นภาระจริง ๆ นะ!

     

                    เพราะถ้าได้คำยืนยันเพียงคำเดียวจากคนสำคัญ...

                    ต่อให้มีอีกพันคนมาหาว่าแบมเป็นภาระของพี่มาร์ค... แบมก็ไม่เชื่อหรอกครับ!

     

    “อืม ไม่ได้เป็นภาระ...”

                   

                    เด็กชายกันต์พิมุกต์ยิ้มกว้าง ดวงตากลมหยีลงจนมาร์คอดไม่ได้ที่จะแอบยิ้มตาม แล้วแบมแบมก็ต้องทำคิ้วขมวดด้วยความสงสัยทันทีที่ได้ยินคำว่า แต่... จากผู้ปกครองจำเป็นตามหลังมา...

     

                    พร้อม ๆ กับที่แก้มทั้งสองข้างของแบมถูกแกล้งดึงออกด้วยความหมั่นเขี้ยว...

                    จากฝีมือของผู้ชายที่คนทั้งมหาลัยให้คำนิยามไว้ว่า... คนเย็นชา

     

    “แต่ว่าแบมเป็นเด็กอ้วน”

    “ม่ายน้า แบมม่ายอ้วนนนนนนน”

     

                    คนเย็นชา... ถ้าหากว่าได้เจอกับบางสิ่งบางอย่างที่ละลายความรู้สึกลงมาได้...

                    ไม่ยากเลยที่จะหลอมละลายและกลายเป็นแสงอุ่น ๆ ให้กับใครบางคน...

     

                    เรื่องบางอย่าง... ไม่ต้องมีเหตุผล... ไม่ต้องใช้เวลา...

     

    TBC

     

    พี่มาร์คทำไมเป็นคนพูดมากไปแล้วล่ะคะ ถถถถถถ ถ้าน้องเป็นพี่เจบีกับพี่โอเซ น้องก็คงต้องงงค่ะ พี่แจ๊คเองก็เช่นกัน งานมึนงงต้องมา *งานหลงเด็กก็มา*

                    ครบหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว เย้! มาเร็วไวเพราะได้กำลังใจดี๊ดี ทั้งในคอมเม้นท์และแท๊กฟิค เรายินดีและดีใจมากเลยนะคะที่หลายคนชอบมากขนาดนี้~~ อยากมาอยู่กับพี่มาร์คกันใหญ่เล้ย 55555 คอนโดพี่มาร์คเต็มแล้วน้า เอาไว้ให้น้องแบมวิ่งเล่นกับแบมบี้เนาะ ฮา~

                    ขอบคุณทุกคนเช่นเคยค่ะ ทั้งคอมเมนท์ ยอดวิว ยอดเฟบ ทุก ๆ อย่างเลยนะคะ รวมถึงแท๊ก #ฟิคเด็กพี่มาร์ค ที่เราแอบตามอ่านแล้วยิ้มตามอยู่เสมอ ขอบคุณทุกคนที่ชอบค่ะ ดีใจTT

                    เจอกันตอนต่อไปนะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×