ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [GOT7fiction] adorable baby { Markbam } / -ลงชื่อรับเงินคืน-

    ลำดับตอนที่ #5 : markbam baby - 4

    • อัปเดตล่าสุด 25 เม.ย. 57


    GOT 7 Fiction

    Adorable baby  Mark x Bambam

    By bpuppyy_

    Markbam

    Baby  4

     

     

                    เช้าวันเสาร์ของเด็กชายกันต์พิมุกต์เริ่มต้นขึ้นด้วยเสียงเคาะประตูห้องสองสามครั้ง...

                    วิธีการปลุกของพี่มาร์ค การเดินมาเคาะห้องในทุก ๆ เช้าสุดสัปดาห์หรือวันหยุดคือการปลุกในแบบมาร์ค ต้วน เมื่อครั้งแรกที่แบมสะดุ้งตื่นเพราะเสียงก๊อก ๆ จากผู้ปกครองร่วมห้อง จำได้ว่างงอยู่นานสองนาน จนสุดท้ายเดินออกไปด้านนอก ถึงได้รู้ว่านั่นคือการเรียกให้ตื่นนอนในแบบฉบับของพี่ชายหน้าเดียว

     

                    ไม่อยากจะบ่นเลยนะ... ถ้าแบมขี้เซามากกว่านี้ มาเคาะประตูแค่สามที แบมจะรู้สึกตัวแล้วลุกขึ้นจากเตียงนอนไหม!

     

    “เดี๋ยวแบมลุกน้า ขอเวลานอนเล่นแป๊บนึง” เสียงของเด็กน้อยตะโกนงัวเงียออกไปด้านนอก ไม่แน่ใจเท่าไหร่หรอกว่าพี่มาร์คที่คงจะนั่งอ่านหนังสืออยู่จะได้ยินไหม แต่ถ้าหากไม่มีการเคลื่อนไหวหรือเรียกซ้ำ แบมเดาได้อยู่หรอกว่าไม่มีปัญหาอะไร...

                   

                    จำได้ว่าเมื่อคืนพี่มาร์คบอกเอาไว้... วันนี้จะพาไปสมัครเรียนพิเศษกับดูเส้นทางการไปโรงเรียน... เอาง่าย ๆ ว่าพี่มาร์คต้องพาแบมไปเที่ยวนั่นล่ะ ตามคำสั่งสายตรงจากฮ่องกงของพี่แจ๊คสัน อ่า... ถ้างั้นแบมก็ควรจะลุกไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้วสินะ

     

                    บอกแล้วว่าแบมเป็นเด็กดี~

     

    *

     

    “ถ้าช้ากว่านี้อีกนาทีเดียว พี่จะเปลี่ยนใจไม่พาไปอยู่แล้วนะ”

                    ทันทีที่แบมแบมในก้าวออกมาจากห้อง เสียงทุ้มของพี่มาร์คที่นั่งอ่านหนังสืออยู่บนโซฟาก็ดังขึ้นเป็นเชิงตำหนิ กันต์พิมุกต์ได้แต่หัวเราะแห้ง ๆ ออกมา ได้แต่คิดในใจว่าไม่น่าเอาแต่พูด แป๊บนึง แป๊บนึง กับตัวเองบ่อยเกินไป มันถึงได้ลากยาวจนกลายเป็นว่าช้ากว่าที่คิดไว้เป็นสิบนาที

     

                    ตั้งใจจะลุกจากเตียงประมาณสามรอบได้ แต่สุดท้ายแบมก็สู้แรงโน้มถ่วงของโลกไม่ไหว...

                    อย่าบอกพี่มาร์คนะว่าแบมถูกเตียงดึงดูดเอาไว้อยู่ตั้งนานสองนาน

     

    “พี่มาร์ค นมสดในตู้เย็นหมดยังอ่ะครับ แบมหิวง่ะ แต่จะให้ทำอะไรกินก่อนออกไปข้างนอกก็คงไม่ทัน...”

    “เหลืออยู่กล่องนึง ถ้าหิวก็ดื่มรองท้องไปก่อน เดี๋ยวจะพาไปกินข้าวอยู่แล้ว” มาร์คพูด เด็กชายกันต์พิมุกต์พยักหน้าหงึกหงัก เดินตรงเข้าไปหาตู้เย็นในห้องครัว หยิบเอานมกล่องสุดท้ายมาปักหลอดแล้วดูดอึก ๆ พร้อมกับเดินมายืนตรงหน้าพี่ชายร่วมห้องในเวลาเดียวกัน

                   

                    ก่อนที่มือของเด็กชายแบมแบมจะสะกิดพี่มาร์คเป็นสัญญาณบอกว่าพร้อมเดินทาง...

     

    “วันนี้ไม่เอารถไปนะ ขึ้นบัสแล้วก็ไปซับเวย์ รู้ทางเอาไว้ เวลาพี่มีธุระจะได้ไปโรงเรียนเองได้”

    “โอเคเลยครับผม”

     

                    แบมแบมมาอยู่ที่ประเทศเกาหลีใต้กว่าหนึ่งเดือนแล้ว หนึ่งเดือนที่รบกวนพี่ชายนามสกุลต้วนผู้มีนิสัยพูดจาห้วน ๆ เป็นเอกลักษณ์ แต่ถามว่าแบมรู้สึกแย่หรือไม่ชอบใจไหม มันก็ไม่ได้สร้างความลำบากใจให้เขามากนัก (ถึงบางครั้งจะแอบน่ากลัว) นับตั้งแต่วันแรกที่เจอพี่มาร์ค ที่จริงแล้วแบมคิดว่าจนถึงวันนี้ อีกฝ่ายเริ่มที่จะพูดคุยมากขึ้น อย่างน้อยหนึ่งประโยคก็ไม่ได้ประกอบด้วยประธาน กรรม กริยา หรือว่าบางครั้งก็มีแค่เพียงวลีสั้น ๆ อีกต่อไป

     

                    กันต์พิมุกต์ได้รับรู้แล้วว่ามาร์ค ต้วนสามารถพูดประโยคยาว ๆ และชวนเขาคุยได้...

                    กันต์พิมุกต์ยังคงจำภาพที่พี่ชายคนนี้โมโหจนแทบจะต่อยหน้าของรุ่นพี่ซอกจิน... ได้ขึ้นใจ

     

                    พี่มาร์คไม่ใช่คนไม่มีความรู้สึกหรอก... แค่เลือกที่จะไม่เปิดความรู้สึกด้านไหน ๆ ให้ใครได้รับรู้สักเท่าไหร่ เป็นคนที่ชอบเก็บทุกอย่างไว้กับตัวเองมากกว่าที่จะให้คนอื่นมายุ่ง แบมคิดว่าพี่มาร์คเป็นคนอย่างนั้น...

                    แบมพูดเหมือนรู้จักพี่มาร์คดีเลยใช่ไหมล่ะ แต่เปล่าหรอก มันเป็นแค่การคาดเดาของแบมเท่านั้นล่ะ ที่จริงแล้วแบมเดาไม่ถูกหรอกว่าพี่มาร์คเป็นยังไงกันแน่ เพราะสุดท้ายแล้วแบมก็ได้เห็นแค่ด้านเงียบ ๆ นิ่ง ๆ แต่ก็แอบใจดีของพี่มาร์คอย่างเดียวอยู่ดี (ขอเจอแค่ด้านนี้ก็ได้ แบบโมโหร้ายขอไม่เจออีกแล้ว กลัว)

     

                    ย้อนกลับไปคิดถึงวันนั้นที่คณะของพี่มาร์ค... แบมยังคิดกลัวและน้อยใจ...

                    แต่ไม่เคยพูดออกมา ไม่เคยทำตัวเหมือนคิดมากเลยด้วยซ้ำ

                    มันไม่จำเป็นนี่นา แบมมาอยู่กับพี่มาร์คแค่สามเดือนเท่านั้นเอง แล้วไอ้อารมณ์ที่ว่าน้อยใจมันก็เป็นแค่ความคิดชั่ววูบที่ผ่านมาแล้วผ่านไป ใครจะอยากเป็นคนอื่นของพี่ชายที่กำลังอยู่ด้วยกันจริงไหม

     

                    แบมไม่ได้อยากเป็นคนอื่นสำหรับพี่มาร์ค...

    *

     

    “พี่มาร์ค! แบมอยากกินไอศกรีมมมมมม อยากกิน ๆ ร้านนั้นอ่ะ ไปกินกันนะ!

                    มือเล็ก ๆ ของเด็กชายกันต์พิมุกต์คว้าแขนของพี่ชายหน้านิ่งให้เดินไปทางร้านไอศกรีมโดยไม่รอความคิดเห็น ถึงมาร์คจะแสดงความเย็นชาแฝงความใจดีออกมาให้เห็นอย่างเดียว แต่ตรงกันข้าม แบมแบมผู้น่ารักกลับแสดงออกถึงนิสัยหลายอย่างที่มาร์คคิดแล้วได้แต่ส่ายหน้าไปมา

                   

                    ไอ้แจ๊คสันรู้ไหมนะ ว่าน้องมันเป็นเด็กที่แอบเอาแต่ใจตัวเอง

                    ถึงเด็กคนนี้จะพยายามทำตัวเชื่อฟังเขาทุกอย่าง แต่สุดท้ายแล้วเมื่ออยากได้หรืออยากทำอะไรแล้วเขาไม่เห็นด้วย แบมก็ยังดื้อแพ่งที่จะทำจนได้ ถึงจะเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ตาม ยอมรับว่าตอนแรกหงุดหงิดอยู่บ้าง แต่สุดท้ายมาร์คก็คิดว่าแบมไม่เคยสร้างปัญหาให้เขาหนักใจ

     

                    เรื่องเดียวที่ทำให้มาร์คคิดมากเกี่ยวกับตัวของแบม... คือเรื่องคิมซอกจิน

     

    “ถ้าถามแล้วไม่รอฟังพี่ตอบ ทีหลังไม่ต้องถามหรอกแบม” มาร์คแกล้งว่า พักหลังเขาสามารถพูดเล่นกับแบมได้มากขึ้นกว่าเดิม คงเป็นเพราะเคยชินแล้วกับการที่มีเสียงแจ้ว ๆ ของเด็กชายจากประเทศไทยดังอยู่ข้างเดียวไม่ห่าง

     

                    ตารางชีวิตของมาร์ค ไม่ว่าจะเช้า กลางวัน หรือว่าเย็นย่ำค่ำคืน... มักจะมีแบมแบมอยู่ด้วยเสมอ

                    จากที่เคยคิดว่ารำคาญ... กลายเป็นว่าเคยชิน

     

    “โหย ก็แบมกลัวได้คำตอบเป็นการปฏิเสธไง เลยถามไว้ก่อนไปงั้นแหละ พี่มาร์คไม่ชอบกินของหวาน แต่ที่จริงควรจะลองกินบ้างนะ ไม่ใช่เอาแต่กินกาแฟ ไม่ดีกับสุขภาพเล้ย” แบมแบมเถียง

    “แล้วของหวานดีกับสุขภาพเหรอ” มาร์คถามกลับ

                    เด็กชายแก้มป่องพองลมทั้งสองข้างแก้ม

    “ของหวานทำให้อารมณ์ดี ถ้าอารมณ์ดีเมื่อไหร่ แบมคิดว่าสุขภาพกายและสุขภาพจิตใจของคนเราจะต้องดีตามไปด้วยแน่นอน!

                    คำตอบของเด็กน้อยทำให้คนอายุมากกว่าส่ายหน้า แล้วก็สวนกลับมาด้วยคำพูดที่แบมแบมอยากจะยกสองมือขึ้นปิดหูแล้วตะโกนร้องโวยวายว่ามันไม่จริง

    “อ้วน”

     

    ม่าย! แบมไม่อ้วนนะ!!!

     

    “แบบนี้เรียกว่าเป็นเด็กอุดมสมบูรณ์ต่างหากเล่าพี่มาร์ค!

                    เชื่อไหม... เด็กชายกันต์พิมุกต์ไม่ได้ตาฝาดที่เห็นว่ามนุษย์ยิ้มยากอย่างมาร์ค ต้วนที่ส่ายหน้าไปมากำลังยกยิ้มมุมปากเพราะคำพูดของเขา...

                    แค่เสียงหัวเราะแผ่วเบาของพี่มาร์คที่แบมได้ยินไม่ชัดนัก... ทำไมถึงได้รู้สึกดีมากขนาดนี้กันนะ

     

    *

     

    “จากที่นี่ แบมนั่งต่อไปอีกสองสถานี... ห้ามนั่งเลยนะกันต์พิมุกต์ แล้วยังไงต่อหว่า อ่า... แต่ต้องเดินไปอีกหน่อย แค่นั้นก็ถึงโรงเรียนแล้ว อ้อ ก่อนหน้านั้นแบมต้องไปนั่งรถจากหน้าคอนโดด้วยใช่ไหมพี่มาร์ค”

                    หลังจากได้กินไอศกรีมร้านดังสมใจอยาก (ตามด้วยข้าวเช้าที่พี่มาร์คบังคับให้แบมกิน... ทั้งที่ท้องของแบมเต็มไปด้วยไอศกรีมเย็น ๆ ไปแล้ว อิ่มเกินไป!)  เวลานี้เด็กชายกันต์พิมุกต์ได้เข้าสู่หลักสูตรการเดินทางไปโรงเรียนสาธิตมหาลัย Y โดยมีผู้จัดการหลักสูตรวิไอพีระดับเดือนมหาลัยอย่างคุณชายสกุลต้วน  

     

                    พี่มาร์คผู้มีความสามารถในการสอนสั่งด้วยวิธีชี้ไปทางนั้น ชี้ไปทางนี้ แล้วให้เด็กชายแบมแบมวิ่งดุ๊ก ๆ ไปดูตามคำสั่ง เดินตามต้อย ๆ แล้วก็ทวนทุกอย่างด้วยตัวเอง   

                    นี่ไม่ได้ฟ้องเลยนะ แบมนั่งวนกลับมากลับมาจนมึนหัวแล้วนะครับเนี่ย จำได้แล้วอ้ะ แม่นด้วย! แต่พี่มาร์คไม่ยอมพาออกจากใต้ซับเวย์นี่สักที คนก็เยอะ แบมอยากไปเที่ยวต่อแล้ว อีกอย่างนะ พี่มาร์คไม่รู้ตัวหรือยังไงว่ากำลังทำให้การจราจร(?)ในซับเวย์ติดขัดเพราะสาว ๆ เอาแต่หยุดมองตัวเองน่ะ

     

                    โอ๊ย อยากจะเดินไปบอกพี่สาวทั้งหลายเหลือเกินว่ากรี๊ดพี่มาร์คไปก็เท่านั้น เชื่อสิครับ พี่มาร์คไม่มีทางเซอร์วิสด้วยการหันไปยิ้มหรือสบตาใครหรอก แบมยังเคยลองสะกิดให้หันไปมองพี่สาวคนสวย ๆ เลย

                    ผลตอบรับ... เท่ากับศูนย์

     

    “ที่ต้องย้ำหลาย ๆ ครั้ง เพราะพี่นายกำชับมาว่าดูแลดี ๆ”

    “พี่? พี่แจ๊คอ่ะนะครับ” แบมแบมถาม ขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเล็ก ๆ ว่าพี่มาร์คจะรู้จักพี่ชายของแบมได้ยังไง แต่หลังจากนั้นก็นึกขึ้นมาได้ว่าพี่แจ๊คสันก็เป็นเหมือนพี่ชายของแบมอีกคน

                    ถ้าจะลืมแจ๊คสัน หวังผู้สร้างเรื่องขนาดนี้...

    “อืม แจ๊คสันมันบอกว่า... น้องมันชอบหลงทาง ให้เตือนดี ๆ”

    “เปล่าซะหน่อยเหอะพี่มาร์ค แบมไม่ได้หลงทางบ่อย แต่ว่านะ ในกรุงเทพ พี่มาร์ครู้จักกรุงเทพใช่ไหม นั่นแหละครับ รถประจำทางในกรุงเทพมีหลายสายมากเกินไป แบมไม่ค่อยได้ขึ้นบ่อย ๆ เลยงง ขึ้นทุกครั้ง... แบมก็เลยหลงทุกครั้ง แต่แบมไม่ได้ชอบหลงทางนะ!

     

                    เป็นคำแก้ตัวที่มาร์คฟังแล้วอยากจะถามกลับไป...

                    หลงทุกครั้งแต่บอกว่าไม่ได้เป็นคนหลงทางบ่อย ๆ นี่แบมต้องการจะสื่ออะไรให้เขาฟังกันนะ

                   

    “โอเค ไม่หลงก็ไม่หลง”

    “เยี่ยมเลย พี่มาร์คเป็นพี่ที่น่ารักมากที่สุดในโลกเลย~ ออกจากซับเวย์ละนะพี่มาร์ค แบมเดินไปก่อนนะ พี่มาร์คห้ามแกล้งทิ้งแบมไว้แล้วเดินไปคนละทางนะครับ แบมว่า... แบมต้องหลงแน่ ๆ เลยอะ...”

     

                    แล้วเมื่อกี้ยังบอกอยู่เลยว่าไม่ชอบหลงทาง...

                    เด็กหนอเด็กน้อย

     

    *

     

                    เรื่องสำคัญอีกอย่างสำหรับเด็กม.ปลายคือการเข้าเรียนในสถาบันกวดวิชา

                    เท่าที่มาร์ครู้จากปากของแบมแบม ดูเหมือนว่าเด็กคนนี้จะไม่ค่อยชอบวิชาคณิตศาสตร์สักเท่าไหร่ แต่ในเมื่อการเรียนแผนวิทยาศาสตร์หลีกเลี่ยงไม่ได้ ในฐานะผู้ปกครอง(จำเป็น)ของแบม มาร์คก็ต้องรับผิดชอบในการหาสถาบันที่ไว้ใจได้ในการฝากฝังแบมแบมผู้ไม่ชอบเรียนเลขเอาไว้...

     

                    แจ๊คสัน หวังกำชับมา(อีกแล้ว) ว่าถ้าน้องไม่ถนัดวิชาไหน ยังไงมาร์คก็ต้องพาไปเสริมสร้างประสบการณ์จนน้องสามารถเรียนผ่านไปด้วยดีให้ได้

                    ความรับผิดชอบในตัวแบมแบมที่ควรจะเป็นของไอ้หวัง... ยังไงซะในตอนนี้มันก็เป็นความรับผิดชอบของเขาอยู่ดี อยากจะทิ้งภาระไม่ต้องไปสนใจอะไรมาก แต่มาร์คก็ทำไม่ได้

                    ไหน ๆ ก็เลี้ยงมาจนครบเดือนนึงแล้วนี่ เลี้ยงต่อไปอีกแค่สองเดือน จะเป็นอะไรไป...

     

                    เพราะที่จริงแล้วการมีคนอยู่ด้วยตลอดเวลา... ก็ไม่น่าเบื่อดีเหมือนกัน

     

    “พี่มาร์ค! แบมไม่อยากเรียนเลขอ่ะ แบมอยากเลี้ยงแมว”

                    อีกครั้งที่มาร์คไม่สามารถหาใจความที่สัมพันธ์ในประโยคเดียวกันของแบมแบมได้ มันไม่ใช่แค่ครั้งแรก เมื่อหลายวันก่อนหน้านี้ มาร์คพาเด็กน้อยไปดูหนัง หลังจากภาพยนตร์จบลง เขาก็ตกอยู่ในความมึนงงไปพักใหญ่เมื่อแบมแบมพูดกับเขาว่า พี่มาร์ค กัปตันอเมริกาไม่ค่อยสนุก แบมคงมีความสุขกว่านี้ถ้าหากได้ไปเตะบอล  ก็แล้วชวนเขามาดูหนังตั้งแต่แรกทำไมกันล่ะ มาร์คไม่ได้อยากดูกัปตันอะไรนี่เลยสักนิด แบมต่างหากที่รบเร้าอยากจะเข้าไปดูฮีโร่ในดวงใจให้ได้

     

                    มันเป็นประโยคที่ดูเหมือนจะสอดคล้อง... แต่ยังไงมาร์คก็คิดว่ามันเป็นคนละเรื่องเดียวกันอยู่ดี

                    เด็กคนนี้นี่นะ...

     

    “ถ้าแบมไม่เรียน พี่ก็จะไม่อนุญาตให้เอาแมวหรืออะไรเข้ามาในห้อง”

    “พี่มาร์คแค่อนุญาตเองอ่ะ ไม่ได้ให้เข้ามาเลี้ยงจริง ๆ สักหน่อย แบบนี้ถ้าแบบยอมสมัครหนึ่งคอร์ส พี่มาร์คต้องอนุญาตให้เลี้ยงแมวหนึ่งตัวนะ เดี๋ยวแบมยอมสมัครสองคอร์สเลย”

                    จะได้เลี้ยงสองตัว เด็กชายกันต์พิมุกต์คิดล่วงหน้า ทั้งที่ยังไม่มีคำตอบจากมาร์ค ต้วนว่าเขาจะตกลงเลยสักคำ

    “ไม่ แบม อย่าดื้อ”

    “บู้ว”

                    สุดท้ายแล้วก็จำเป็นต้องยอมทำตามคนโตกว่าอย่างเสียไม่ได้ แบมแบมนั่งทิ้งตัวลงนั่งกรอกใบสมัคร พี่สาวในเค้าเตอร์แทบจะไม่ให้ความสนใจกับเด็กน้อยผู้เป็นคนเรียนเลยสักนิด นอกจากยื่นใบให้กรอกรายละเอียด ก่อนที่จะพยายามส่งสายตาให้กับผู้ปกครองจำเป็นของแบมที่ยืนท้าวเก้าอี้มองน้องสมัครเรียนอยู่อย่างนั้น...

    “เสร็จแล้วครับ! พี่มาร์ค แบมยังไม่ได้กดเงินที่มี๊ส่งมาให้เลยอ่ะ แหะ ๆ คือว่า...”

    “รบกวนด้วยนะครับ”

                    บัตรสีเงินถูกส่งไปยังพี่สาวที่กำลังยิ้มหวานให้รับไป (ด้วยความเต็มใจโคตร ๆ แบมบอกได้เลย) เรื่องค่าใช้จ่ายทุกอย่างที่เกี่ยวกับแบม มาร์คไม่ได้ซีเรียส  ไม่เคยคิดมากด้วยว่าต้องเสียมากแค่ไหน ส่วนหนึ่งเพราะแจ๊คสัน หวังรับปากเอาไว้ว่าจะกลับมาเคลียร์ให้ แต่อีกส่วนเป็นเพราะมาร์คไม่เคยมีปัญหาเรื่องการใช้เงินอยู่แล้ว

                    มาร์คไม่ได้เป็นคนใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายหรือทิ้งขว้าง... แต่เรื่องของแบมแบมก็มีเหตุผลมากพอตัวที่มาร์คจะยอมใช้จ่ายให้โดยไม่ต้องคิดอะไรให้มากความ

     “ขอบคุณมากนะครับผมป๊ะป๋ามาร์ค เดี๋ยวน้องแบมจะทำอาหารอร่อย ๆ ให้ป๊ะป๋าทานเป็นการตอบแทนน้า~

    “อืม รออยู่เนี่ย รีบ ๆ ทำซะที”

     

                    มาร์ค ต้วนไม่เคยลืมหรอกนะว่าเด็กคนนี้จะทำอาหารไทยให้เขาลองชิม...

                   

    “โหย คิดว่าลืมไปแล้วซะอีก อาทิตย์หน้า สัญญาเลยว่าจะต้องได้ทำให้พี่มาร์คแน่ ๆ กันต์พิมุกต์ไม่ผิดคำพูดนะครับผม!

     

    *

     

                    แบมแบมคิดว่าเขาจะไม่ต้องเจอกับสภาวะกดดันอันเนื่องมาจากความหงุดหงิดของพี่มาร์คอีกแล้ว... อย่างน้อยก็ไม่ควรจะเป็นวันนี้ ทั้งวันที่ผ่านมาเป็นไปได้ด้วยดีมากถึงมากที่สุดแล้วนะ ทำไมมันถึงต้องมาสะดุดตอนมื้อสุดท้ายของวันกันด้วยเล่า!

     

                    อะไรดลใจให้พวกเขาเลือกมากินข้าวเย็นร้านเดียวกับ... คิมซอกจิน

                   

    “พี่มาร์ค... แบม ... แบมว่าเราเปลี่ยนร้านไหม แบมไม่อยากกินอาหารญี่ปุ่นเท่าไหร่แล้วล่ะ เราไปกินปิ้งย่างกันเนาะ” กันต์พิมุกต์กระตุกชายเสื้อเชิ้ตของผู้ปกครองเบา ๆ

                    ไม่ได้ผล... พี่มาร์คเดินตรงเข้าไปนั่งอยู่ในมุมหนึ่งของร้าน ถึงจะมีท่าทางหงุดหงิดแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจรุ่นพี่ซอกจินที่อยู่กับกลุ่มเพื่อนในอีกด้าน...

     

                    แบมอยากจะไหว้ขอบคุณรุ่นพี่สักสองสามรอบ ขอบคุณที่ทำแค่มองมาแล้วหันหน้าหนีไปไม่มายุ่งกับแบมหรือว่าไม่เข้ามากวนใจพี่มาร์ค... ให้เรื่องมันบานปลายใหญ่โต

                    พี่เซฮุนกับพี่แจบอมไม่อยู่ แบมสู้แรงสองคนนี้ไม่ไหวแน่ ๆ เหอะถ้าเกิดอยากจะต่อยกันขึ้นมา...

                   

    “สั่งอาหารสิ แบม”

                    เสียงของมาร์คทำเอาเด็กน้อยสะดุ้งตกใจ ก่อนที่แบมจะพยักหน้ารัว ๆ แล้วเริ่มสั่งอาหารโดยไม่ได้คิดถึงเรื่องอื่นอีก ในเมื่อคิมซอกจินไม่ได้มายุ่งกับพวกเขา แล้วจะเอาเรื่องของรุ่นพี่คนนั้นมาคิดทำไมให้ปวดหัว

     

                    แบมแบมตัวน้อยหลุดเข้าไปในโลกของอาหารญี่ปุ่น... โดยไม่ได้รู้เลยว่ารุ่นพี่ที่เป็นตัวปัญหากำลังส่งสายตาท้าทายมาร์ค ต้วนบ้าง ยักคิ้วให้กับรุ่นน้องอย่างยียวนบ้าง แต่ซอกจินก็ทำแค่นั้น ไม่มีการลุกไปทักทาย ไม่มีการหาเรื่องให้มากความ

     

                    มาร์คไม่เคยคิดวางใจคนอย่างคิมซอกจิน ในเมื่อมันก็ไม่ได้เข้าหาซึ่ง ๆ หน้า คงดีกว่าถ้าเขาเองไม่เข้าไปหาเรื่อง ไม่ได้อยากจะเอาตัวเข้าไปคลุกคลีกับคนอย่างมันอยู่แล้ว

                    อย่าเข้ามายุ่ง... เขากับมันไม่ควรจะต้องข้องเกี่ยวกันอีก และแบมก็ไม่ควรจะต้องรู้จักกับคนอย่างซอกจิน ไม่เลยแม้แต่นิดเดียว  

     

    “พี่มาร์คกินแบบที่แบมสั่งไปได้ใช่ไหม แบมสั่งอันนี้ อันนี้ แล้วก็อันนี้ไปนะ” แบมแบมจิ้มไปยังรูปภาพของอาหารในเมนูตรงหน้า มาร์คแค่รับฟัง พยักหน้าตามบ้าง สุดท้ายก็นั่งฟังเสียงแจ้ว ๆ ของเด็กม.ปลายชวนคุยไม่หยุดหย่อนเหมือนอย่างเคย

     

                    ไม่เหนื่อยกับการพูดบ้างหรือยังไงกัน

     

    “โอ๊ะ พี่มาร์ค ๆ พรุ่งนี้พี่มาร์คว่างไหม ไปเที่ยวสวนสนุกกัน แบมอยากไป นะนะนะ”

    “พรุ่งนี้ต้องไปมหาลัย”

    “ว้า ถ้างั้นแบมไปกับพวกอิลฮุนได้ไหม มินฮยอกด้วยอ่ะ ถ้าแบมชวนแล้วไปได้ พี่มาร์คอนุญาตให้แบมไปใช่หรือเปล่าครับ?”

    “อืม ลองชวนเพื่อนดูแล้วกัน ถ้าจะไป พี่จะไปส่ง”

                    เด็กชายกันต์พิมุกต์ยิ้มกว้าง หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นต่อสายหาเพื่อนร่วมห้องด้วยความตื่นเต้น มาร์คยิ้มอย่างเอ็นดูเมื่อเห็นท่าทางเด็ก ๆ ของแบมแบมที่แสดงออกมาชัดเจน

                    มาร์ค ต้วนไม่เคยรู้ตัวเลยว่ารอยยิ้มผุดขึ้นบ่อยกว่าเดิมมากแค่ไหน...

     

                    ยิ้ม... แบบที่ไม่เคยได้ยิ้มมานาน

                    ยิ้ม... เพราะความสดใสของเด็กตรงหน้าที่ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์แบบไหน... ก็ยังร่าเริงอยู่เสมอ

     

    “โอเค! พรุ่งนี้เจอกันล้อตเต้เวิลด์เที่ยงตรงนะ อย่าลืมชวนมินฮยอกด้วยล่ะ อ่าฮะ~ เจอกันน้า” แล้วเด็กชายกันต์พิมุกต์ก็วางสายลงพร้อมกับยิ้มจนตาหยีให้กับผู้ปกครองหน้านิ่ง มาร์คพยักหน้า เป็นเชิงรับรู้แล้วว่าเขาจะต้องไปส่งน้องชายคนนี้ที่ล้อตเต้เวิลด์ก่อนเวลาเที่ยงตรง

     

                    อารมณ์ของคนทั้งคู่อยู่ในระดับปกติ แบมยังคงชวนมาร์คคุยไปเรื่อยเปื่อย ส่วนคนเย็นชาทว่าใจดียังคงตอบรับเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไป จนกระทั่งโต๊ะของคิมซอกจินเคลื่อนไหว ชายหนุ่มผู้สร้างความเดือดดาลให้กับมาร์ค ต้วนได้อยู่เสมอลุกขึ้น มองตรงมายังคนทั้งสอง กระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนที่จะยกมือขึ้นโบกไหวให้กับน้องชายและรุ่นน้องที่น่ารักเป็นเชิงทักทาย

     

                    ซอกจินไม่ได้เดินเข้ามา...

                    แบมแบมถอนหายใจอย่างโล่งอก แน่นอน กันต์พิมุกต์ไม่ได้ทักทายตอบกลับไป

                    ส่วนมาร์ค ต้วนทำเพียงแค่สบถอย่างหยาบคายออกมา แล้วหันหน้าหนีไปอีกทาง

     

                    คิมซอกจินเดินออกจากร้านไปแล้ว...

     

    “พี่มาร์ค... คือถ้าแบมถาม... ถามเรื่องของพี่มาร์คกับรุ่นพี่ซอกจิน... เอ่อ พี่มาร์คจะตอบแบมหรือว่า...”

    “ช่างเถอะ ไม่ได้มีอะไรสำคัญหรอก แบมไม่ต้องใส่ใจ”

                    ในเมื่อได้รับคำตอบเช่นนั้น กันต์พิมุกต์คิดว่าสิ่งที่เขาควรทำก็คือหยุดคิดเรื่องของรุ่นพี่คนนั้นกับพี่มาร์คไปซะ ถึงจะอยากรู้มากแค่ไหน แต่ยังไงมันก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของแบมอยู่ดี หลังจากวันนั้นที่มีเรื่อง ทั้งรุ่นพี่เซฮุน รุ่นพี่แจบอม รวมถึงตัวพี่มาร์คเองไม่เคยรื้อฟื้นหรือพูดถึงมันอีก คงเป็นเรื่องที่ไม่ควรจะสนใจ... เท่าไหร่ล่ะมั้ง

                   

                    ได้แต่หวังว่าหลังจากนี้จะไม่ต้องยุ่งวุ่นวายกับคิมซอกจินอีก

     

    “แบม อยู่เกาหลีมาเดือนนึงแล้ว เป็นยังไงบ้าง”

     

                    คำถาม... ที่อยู่ ๆ พี่มาร์คก็ถามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย...

                    คำถาม... ที่แบมไม่เคยคิดว่าจะได้รับการใส่ใจจากพี่ชายอย่างมาร์ค ต้วนเลย...

                   

    “ดีครับ ดีมาก ๆ เลยด้วย ขอบคุณพี่มาร์คมากเลยนะครับที่ดูแลแบม... ทั้งที่ไม่ใช่ความรับผิดชอบของพี่เลยแท้ ๆ...”

    “อืม ถ้าดีก็โอเค”

    “ครับผม...”

     

                    แบมแบมยิ้มกว้าง อาหารญี่ปุ่นตรงหน้าดูจะมีรสชาติดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ บรรยากาศที่เคยตกอยู่ในสภาวะไม่ค่อยดีนักค่อย ๆ กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง แบมแบมยังคงชวนพี่ชายร่วมห้องพูดคุยอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ก่อนที่จะเงียบกันไปพักใหญ่เพราะมีเสียงโทรศัพท์ของมาร์คแทรกเข้ามา...

     

                    ได้ยินพี่มาร์คเรียกว่าพี่เฟย... ก็คงเป็นอาจารย์เฟยของน้องแบมไม่ผิดแน่...

                    อาจารย์ที่ปรึกษาที่เป็นลูกผู้พี่ของพี่มาร์ค...

     

    “แบมยังเด็ก ดื่มไม่ได้ พี่เฟย พี่เป็นครูประเภทไหนกันแน่”

                    แบมไม่รู้ว่าบทสนทนาระหว่างพี่มาร์คกับอาจารย์คนสวยเป็นอย่างไร แต่เขาได้ยินคำว่าดื่มออกมาจากปากของพี่มาร์คหลายรอบมาก แถมยังมีชื่อเขาอยู่ด้วยอีกต่างหาก...

     

                    เอ้อ แบมดื่มไม่ได้จริง ๆ นั่นแหละน้า... ถึงจะแอบมี๊ดื่มอยู่บ่อย ๆ ก็เถอะ...

                    เปล่านะ แบมไม่ใช่เด็กไม่ดี เพียงแต่ว่าพี่ชายของแบมบอกให้ฝึกเอาไว้... เท่านั้นเอง

     

    “ผมพาแบมไปปาร์ตี้ได้ แต่แบมดื่มไม่ได้ แค่นี้แหละ”

     

    ปาร์ตี้?

                    ป...ปาร์ตี้อะไร?

     

    “คืนนี้ครูเฟยของแบมจะมีปาร์ตี้ที่บ้าน เตรียมตัวด้วยล่ะ พี่จะพาแบมไปด้วย”

     

                    เตรียมตัวในระยะเวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมงก่อนมีปาร์ตี้เนี่ยนะ?!

                    เสื้อยืดกางเกงยีนแล้วกันนะครับ กันต์พิมุกต์!

     

     

    TBC…

     

    Bpupppyy_ TALK: ส่วนตัว... ชอบเขียนเวลาที่พี่มาร์คเรียกน้องแบมว่าแบม... กับชอบตอนแบมแทนตัวเองว่าแบมจังเลย ฮื่อ /ส่วนตัวมาก 555555

                    ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์และทุกคนที่ติดตามนะคะ ตอนที่ 4 พร้อมกับผู้ติดตามทั้ง 101 คน (ณ เวลาก่อนลง) รวมทั้งนักอ่านท่านอื่น ๆ ที่ไม่ได้กดเฟบเอาไว้แต่ติดตามอ่านและผ่านไปผ่านมาทางนี้ ขอบคุณทุกคนที่ชอบฟิคเรื่องนี้นะคะ

                    หวังว่าจะอยู่ด้วยกันนาน ๆ น้า ติชมกันมาได้เสมอนะคะ ถึงแม้จะแอบเขินอาย(?)ตอนอ่านคอมเม้นท์บ้าง แต่ก็ชอบอ่านคอมเม้นท์ทุกคนเสมอนะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×