ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [GOT7fiction] adorable baby { Markbam } / -ลงชื่อรับเงินคืน-

    ลำดับตอนที่ #3 : markbam baby - 2

    • อัปเดตล่าสุด 23 เม.ย. 57


    GOT 7 Fiction

    Adorable baby  Mark x Bambam

    By bpuppyy_

    Markbam

    Baby 2

     

     

     

                น้องกูเป็นยังไงบ้างวะไอ้มาร์ค มึงดูแลน้องดีป้ะเนี่ย นี่กูยังไม่ได้โทรหาแบมเลย น้องสบายดีใช่ไหม ไม่มีใครรังแกน้องใช่ป้ะ มึง...

                    มาร์ค ต้วนไม่ได้ตั้งใจฟังแจ๊คสัน หวังพ่นคำพูดผ่านโทรศัพท์ทางไกลมากนัก ไม่อยากจะบ่นด้วย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่แจ๊คสันตัวก่อเรื่องโทรมาหาเขาตั้งแต่รับแบมมาอยู่ด้วยกัน

     

                    อยากจะด่าให้มันรู้สำนึกบ้างที่ทิ้งภาระไว้ให้เขา แต่ด่าไปมันก็เท่านั้น คนอย่างแจ๊คสันจะแคร์อะไร

                   

    “น้องสบายดี” มาร์คตอบกลับไปห้วน ๆ ชายหนุ่มเจ้าของความหล่อเหลาระดับเดือนมหาลัยกำลังเดินออกจากตึกของคณะ เสียงทักทายจากคนรู้จักดังขึ้นตลอดทาง แต่แจ๊คสันที่อยู่ปลายสายนับได้รวมทั้งสิ้นศูนย์ครั้งที่ต้วนเพื่อนรักตอบกลับไป

     

                    ต้องจดจำเอาไว้นะครับถ้าได้เจอคุณชายมาร์ค การที่มันพยักหน้าตอบรับ นั่นถือเป็นการทักทายมาร์ค ต้วนที่ประสบความสำเร็จสำหรับทุกคนแล้ว

     

                    สบายดีก็ดีไป พี่กูบอกว่าน้องจำทางไม่ค่อยเก่ง แถมยังชอบหลงทางอีกต่างหาก ถ้าเป็นไปได้ช่วงแรก ๆ มึงต้องรับส่งประคบประหงมอย่างดีนะ อย่าให้ได้ริ้วรอย...

    “เออ กูรู้แล้ว” เสียงทุ้มรับคำอย่างขอไปที อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วด้วยความสงสัยว่าแจ๊คสัน หวังจะเป็นห่วงเป็นใยอะไรกับน้องชายไม่แท้ขนาดนั้น

                    เดี๋ยว ๆ ไอ้ต้วนอย่าเพิ่งวาง ตอนนี้คงใกล้เวลาเลิกเรียนของน้องแล้วใช่ป้ะ มึงกำลังไปรับน้องแบมใช่ไหม รีบไปนะเว้ย! เอ้ย ๆ คืนนี้ให้น้องโทรหากูด้วยนะ แล้วก็จัดการด้วยถ้ามีใครมาแกล้งน้อง ยิ่งอยู่กับคนดังอย่างมึงอ้ะ!’

                    เมื่อครั้งแรกเริ่มอยากฝากน้องแบมแบมเอาไว้กับเพื่อนรัก คุณชายหวังนึกวาดภาพวางแผนเอาไว้อย่างดีว่าน้องชายสุดที่รักจะได้รับการปกครองจากเจ้าชายน้ำแข็งอย่างดีเยี่ยมไร้ที่ติ และคงไม่ต้องกลัวว่าจะมีมดแมงริ้นไรมาไต่ตอม แต่ตอนนี้เพิ่งมาคิดได้ว่ามาร์ค ต้วนไม่อันตราย...

     

                    แต่บรรดาหญิงสาว (และหนุ่มน้อย) ที่คลั่งไคล้หลงใหลในตัวประติมากรรมน้ำแข็งต่างหาก... โคตรอันตราย

     

    “ใครจะทำน้องมึง แค่นี้นะ”

                    เฮ้ย อย่าเพิ่ง ไอ้ต้วน เดี๋ยว ห...

                    คุณชายผู้ไม่เคยสนใจใครตัดสายเพื่อนรักอย่างไม่คิดถึงมิตรภาพ และด้วยนิสัยของผู้ชายที่ถือคติตื้อเท่านั้นจึงจะครองโลกอย่างแจ๊คสัน หวัง มาร์ครู้อยู่แล้วว่าโทรศัพท์ของเขาจะต้องดังอย่างต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อยสามสาย

     

                    เพราะฉะนั้นเจ้าเครื่องมือสื่อสารจึงถูกทิ้งให้อยู่เดียวดายในกระเป๋าของคุณชายต้วนเสียอย่างนั้น... แน่นอน ไม่ได้รับความสนใจอีกเลย

     

    *

     

    “แบม! วันนี้รุ่นพี่ต้วนจะมารับนายอีกใช่หรือเปล่า”

                    อิลฮุน เพื่อนคนแรกในโรงเรียนนี้ของแบมถามขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น กันต์พิมุกต์พยักหน้า ก่อนที่จะนึกขึ้นได้ว่าเขาจะต้องโทรหาผู้ปกครองจำเป็นเมื่อถึงเวลาเลิกเรียน

    “ดีนะที่อิลฮุนเตือนขึ้นมา ไม่งั้นฉันคงลืมโทรหาพี่มาร์ค! เด็กหนุ่มตาโตรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ไล่หาเบอร์ที่บันทึกเอาไว้อยู่ในรายชื่อคนโปรด ใช้เวลาไม่นานนักกับการได้ยินเสียงสัญญาณรอคอยให้ตอบรับ แล้วเด็กน้อยแก้มกลมก็ต้องขมวดคิ้วจนหัวคิ้วแทบจะชนกันเมื่อไม่มีการตอบรับจากพี่ชาย

     

                    ปกติพี่มาร์คไม่เคยไม่รับโทรศัพท์ ถึงจะรับแล้วตอบแบมว่า อืม รู้แล้ว แค่นั้นก็เถอะ

     

    “ทำไมอ่ะ... รุ่นพี่ไม่รับเหรอ”

                    มินฮยอกถาม เด็กหนุ่มหน้าตาหล่อหมดจดท้าวคางมองเพื่อนใหม่ที่ดูจะกังวลใจ ตั้งแต่เปิดเทอมจนกระทั่งวันนี้นับเป็นการสิ้นสุดวันที่ 3 แบมแบมเพื่อนใหม่จากต่างประเทศจะต้องมีผู้ปกครองคนดังอย่างรุ่นพี่ต้วนมากรับเสมอ

     

                    รุ่นพี่ที่ถูกพูดถึงมากที่สุด... ตั้งแต่เรียนโรงเรียนนี้จนเข้ามหาลัย...

                    ถ้าจะไม่หาว่าเขาพูดเว่อร์มากไปนัก คงต้องใช้คำว่า... มาร์ค ต้วนผู้โด่งดังติดอันดับในตำนาน

     

    “อื้อ พี่มาร์คไม่รับ สงสัยติดเรียนไม่ก็ยังทำงานอยู่มั้ง ไม่เป็นไร ๆ อิลฮุนกับมินฮยอกกลับก่อนเลยก็ได้น้า เดี๋ยวแบมไปนั่งรอพี่มาร์คที่แถว ๆ สนามบาส ว่าจะไปแอบสำรวจชมรมด้วยเป็นไง”

    เด็กชายกันต์พิมุกต์สรุปเรียบร้อยเสร็จสรรพ ยิ้มจนตากลม ๆ หยีลงให้กับเพื่อนใหม่ทั้งสองคน ส่วนเพื่อนชาวเกาหลีก็ได้แต่หันมองหน้ากัน แล้วสุดท้ายก็ต้องยอมให้เพื่อนแก้มกลมทำตามใจ อันที่จริงมินฮยอกก็อยากจะไปนั่งรอด้วยอยู่หรอก แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่าเขาต้องไปสมัครเรียนพิเศษเพิ่มในวันนี้ แล้วอิลฮุนก็ติดปัญหาในเรื่องเดียวกัน...

     

    ก็เลยจำเป็นต้องปล่อยให้หนุ่มน้อยชาวต่างชาติเดินเตาะแตะ(?)ไปนั่งรอผู้ปกครองมารับที่สนามบาสอย่างที่เจ้าตัวต้องการ

     

    แบมแบมยังคงวุ่นอยู่กับการจ้องมองและเช็คโทรศัพท์มือถือตลอดเวลา ทุกช่องทางที่สามารถติดต่อพี่ชายหน้านิ่งอย่างมาร์คได้ถูกขุดขึ้นมาใช้ ทั้งไลน์ ว้อทแอพ(ที่แบมไม่ได้เข้าไปเล่นนานแล้ว) คาทอล์คสตอรี่ หรือถ้าแบมมีบีบีพินเอาไว้ติดต่อกับพี่มาร์ค คงไม่รอช้าที่จะหยิบคิดมากดเช่นเดียวกัน

    นี่มันเลยเวลานัดตามปกติมาตั้งเกือบชั่วโมงแล้วนะ ถึงแบมจะไม่ได้โทรหา หรือจะติดต่อกันไม่ได้ ยังไงพี่มาร์คก็ควรจะมารับเขาถูกเวลาไม่ใช่หรือยังไงกัน...

     

                    กันต์พิมุกต์ยังขึ้นรถประจำทางไม่เป็นนะพี่มาร์ค!

     

    “ถ้าไม่เงยหน้าขึ้นมามอง อีกไม่เกินสองวินาที นายจะต้องชนพี่แน่ ๆ เลยนะ หนูน้อย

                หนูน้อยชะงักความเคลื่อนไหว สองเท้าที่เดินจ้ำไปข้างหน้าโดยมีสนามบาสเป็นเป้าหมายหยุดนิ่งกับที่ ในหัวสมองกำลังมีความคิดวิ่งวนเวียนหลายอย่าง ก่อนที่จะนึกขึ้นได้ว่าควรจะมองหน้าคนที่เอ่ยทักเขาขึ้นมาเป็นอันดับแรก

     

                    เสียงว่าไม่คุ้นเท่าไหร่... พอเงยหน้าขึ้นมามองเท่านั้นแหละ... แบมบอกได้คำเดียวเลยว่า...

                    ไม่คุ้นหน้ายิ่งกว่าไม่คุ้นเสียงซะอีก

     

    “เอ่อ... คือ...”

    “ฮ่า ๆ ไม่เห็นต้องทำหน้างงขนาดนั้น พี่ไม่ได้จะแกล้งสักหน่อย ที่ทักน่ะ เพราะนายกำลังจะเดินเข้ามาชนพี่แล้วจริง ๆ นะ” รุ่นพี่ปริศนาหัวเราะกับท่าทางเหวอ ๆ ของเด็กน้อยด้วยความเอ็นดู

                    แบมแบมมองรุ่นพี่ตัวสูงกว่าด้วยสีหน้าที่ยังคงความสงสัยไม่เปลี่ยนแปลง ข้อแรก แบมกำลังสงสัยมากว่ารุ่นพี่คนนี้เป็นใครมาจากไหน ข้อสอง แบมสงสัยมากกว่าว่าทำไมรุ่นพี่ถึงไม่ทำแค่เดินหลีกไปอีกทาง

     

                    จริง ๆ ไม่ต้องทักแบมก็ได้ใช่ไหมล่ะ เดินเลี่ยงไป แค่นี้แบมก็ไม่ชนใครแล้ว!

     

    “เปล่าครับ แบมไม่ได้กลัวโดนแกล้งสักหน่อย แต่แค่สงสัยว่าทำไมรุ่นพี่ถึงไม่เดินหนีแบมไปเลย แค่นี้เราก็ไม่ชนกันแล้วใช่ไหมล่ะครับ” เด็กชายโต้ตอบกลับไปอย่างที่ใจคิด แบมแบมแอบขมวดคิ้วน้อย ๆ เมื่อชายหนุ่มปริศนาก็หัวเราะออกมาอย่างถูกใจอีกครั้ง

     

                    ทำไมกันเล่า แบมก็แค่ถามไปตรง ๆ มันผิดตรงไหนกัน

     

    “โอเค สรุปว่าพี่ไม่น่าทักนายเลยว่างั้น... แต่ทำใจยากหน่อย เห็นเด็กน้อยเอาแต่เดินเล่นโทรศัพท์แล้วมันอดไม่ไหวที่จะต้องเตือน”

                    สรุปคือจะเรียกให้แบมมารับฟังคำบ่น... โหย แบมไม่ใช่เด็กไม่ได้สักหน่อยนะ กันต์พิมุกต์ได้แต่นึกเถียงอยู่ในใจ ยังคงคิดอยู่ตลอดเวลาว่ารุ่นพี่ยิ้มง่ายคนนี้เป็นคนแปลกประหลาด

     

                    เอานิสัยยิ้มไปทั่วของพี่ชายคนนี้ถ่ายเทไปให้พี่มาร์คบ้างได้ไหม ถ้าหากทำได้แบมคงดีใจที่จะได้เห็นรูมเมทยิ้มให้บ้างเวลาเจอหน้ากัน

     

    “เป็นเด็กเอาแต่ใจน่าดูนะเรา แค่ทำเหมือนจะบ่น ดูทำหน้าเข้าสิ...” รุ่นพี่ปริศนายังคงหยอกล้อคนเด็กกว่าอย่างนึกชอบใจ

     

                    นาน ๆ ทีที่จะได้เจอเรื่องน่าสนใจแบบนี้ ไม่ผิดหรอกใช่ไหมที่คิมซอกจินจะอยากรู้จักรุ่นน้องที่อยู่โรงเรียนในเครือข่ายของมหาลัยดูบ้าง...

     

    “แบมเปล่าเหอะ! ที่จริงไม่ใช่เด็กติดมือถือนะครับ แต่ว่าแบมกำลังรอให้พี่มารับอยู่ต่างหาก แล้วก็ติดต่อกันไม่ได้ เลยจำเป็นต้องใช้มือถือไป เดินไปด้วยน่ะครับ ห้ามว่าแบมนะ!

                    กันต์พิมุกต์ยืนกรานกับพี่ชายที่เพิ่งเคยพบหน้าอย่างหนักแน่น เมื่อถูกย้อนกลับมาว่าเป็นเด็กน้อยที่ติดจะเอาแต่ใจ แน่นอนว่าเด็กชายกันพิมุกต์ก็ยังยืนยันด้วยความมั่นใจว่าเขาแค่ไม่ชอบถูกมองว่าเป็นเด็กไม่ดีเท่านั้น

                   

                    ยิ่งกับคนเพิ่งได้รู้จัก ไม่ควรจะเริ่มต้นด้วยการถูกดุจริงไหมล่ะ

                    ถึงพี่มาร์คจะดุตั้งแต่นาทีแรกที่แบมเริ่มพูดมากตอนนั่งรถกลับมาจากสนามบินเลยก็ตาม... ความประทับใจแรกช่างน่าจดจำจริง ๆ

     

    “โอเค เชื่อแล้ว เชื่อทุกอย่างที่เราพูดนั่นล่ะ... แบม?

    “แบมแบมต่างหากครับ! แต่เรียกแบมก็ได้” แก้ชื่อเล่นที่ถูกต้องกลับไปให้รุ่นพี่ ก่อนที่จะแก้ไขใหม่อีกครั้งว่าให้เรียกเพียงพยางค์เดียวอย่างที่คนอื่น ๆ มักทำก็ไม่มีปัญหา...

                   

                    แล้วรุ่นพี่ที่ยืนคุยกับแบมมาตั้งนานสองนานนี่... ชื่ออะไรนะ...

     

    “รุ่นพี่...”

    “แบม”

                    ยังไม่ทันที่แบมแบมจะได้ถามชื่อของรุ่นพี่อย่างที่ตั้งใจ เสียงทุ้มของคนที่รอคอยให้มารับอยู่นานสองนานก็ดึงความสนใจของกันต์พิมุกต์ไปทั้งหมด เด็กชายหันกลับไปทางต้นเสียง ยิ้มกว้างทันทีเมื่อได้เห็นว่าผู้ปกครองจำเป็นกำลังเดินเข้ามาหาเขา

                   

                    นานมาก! แต่ไม่เป็นไรหรอก แบมอภัยให้ได้ เพราะพี่มาร์คทั้งเรียนหนัก ทั้งงานเยอะมาก ถึงจะน่าหงุดหงิดที่ไม่ยอมรับโทรศัพท์ แต่ถ้ายังมารับแบมอยูก็ไม่มีปัญหา สบายมาก!

     

    “พี่มาร์ค! แบมคิดว่าวันนี้ต้องถูกทิ้งให้กลับเองละเนี่ย ทำไมมาช้า แถมแบมโทรไปยังไม่มีใครรับอีกต่างหาก” เด็กชายตากลมวิ่งมาหามาร์คด้วยความว่องไว ยิ้มกว้างให้กับเจ้าของใบหน้าเรียบเฉย แน่นอน... มาร์คยังคงรักษาสีหน้าเอาไว้ได้ในระดับเดิม

     

                    เฉยชา... ระดับเดิม

                    หรือ... ถ้าแบมไม่ได้ตาฝาด อาจจะมากกว่าที่เคยเป็น...

     

    “ว่าแล้ว... ทำไมเด็กคนนี้ถึงได้น่าสนใจ ฉันนี่ยังตาถึงเหมือนเดิมเลยนะว่าไหม น้องชาย

                    รุ่นพี่ปริศนาที่แบมแบมทิ้งเอาไว้เบื้องหลัง(?)เดินเข้ามาทางคนทั้งสอง กันต์พิมุกต์หันกลับไปมองก็ต้องพบว่าคน ๆ นั้นเดินเข้ามาและหยุดยิ้มให้กับพี่มาร์ค...

     

                    ยิ้มด้วยสีหน้าและท่าทางที่เอาเด็กอนุบาลมาดูยังรู้เลย... ว่าจงใจกวนอารมณ์

                    หรือจะให้พูดตรงกว่านั้นก็คงต้องบอกว่ากวนตีน นี่แบมไม่ได้ด่ารุ่นพี่นะ

     

    “ไปรอที่รถ”

                    มาร์คส่งกุญแจให้กับเด็กน้อยที่อยู่ในความดูแล พอถูกอีกฝ่ายถาม ชายหนุ่มก็ทำเพียงแค่ย้ำคำตอบเดิมว่าให้ไปนั่งรอเขาที่รถเท่านั้น

                    สิ่งที่เด็กชายกันต์พิมุกต์ทำได้จึงเป็นการเดินห่อไหล่กลับไปที่มินิคูเปอร์คุณชายต้วน... ตามคำสั่งอย่างเสียไม่ได้

                    แต่ก่อนเดินออกไป ก็ยังมิวายเป็นเด็กดีมีมารยาทยอดเยี่ยม ค้อมหัวกล่าวลารุ่นพี่ปริศนา (ที่บัดนี้แบมก็ยังคงไม่รู้ชื่อ) ด้วยความสุภาพ...

                   

                    สร้างรอยยิ้มบนใบหน้าของคนที่มาร์ค ต้วนนึกชังได้อีกครั้ง...

                    คิมซอกจิน...        

     

    “สบายดีใช่ไหมน้องชาย ช่วงปิดเทอมคงมีเวลา...”

    “ขอโทษที แต่ผมไม่คิดว่ามันเกี่ยวกับพี่”

    “อ้อ... แต่ก็ยังดีที่นายคิดจะอยู่ทักทาย... คนกันเองอย่างเรา ๆ จะทำตัว...”

    “อย่ายุ่งกับเด็กคนนั้น”

     

                    อย่ายุ่ง... อย่าทำให้เขาเกลียดไปมากกว่านี้

                    คนที่มาร์คเคยเคารพ... แต่กลับทำลายความรู้สึกพวกนั้นไปทั้งหมด... เพราะนิสัยเลว ๆ ที่ไม่เคยเปลี่ยนไป ทั้งที่มาร์คไว้ใจและนับถือเป็นเหมือนพี่ชาย

     

    “ที่จริงตอนแรกแค่คิดว่าน่าสนใจ... ถ้าไม่ได้เจอกันก็คงจะไม่ได้สานต่ออะไรอีก...” จินเว้นวรรค มุมปากกระตุกยิ้มอย่างนึกสนุกเมื่อได้เห็นใบหน้าเคร่งขรึมของคนที่เขาเรียกว่าน้องชาย “แต่พอนายมาย้ำเข้ามาก ๆ แบบนี้... ช่วยไม่ได้ซะแล้วสิที่น้องแบมจะน่าสนใจ... แล้วก็น่าสนุกมากกว่าเดิม”

     

                    ถ้าจะถามถึงใครสักคนที่ทำให้มนุษย์น้ำแข็งอย่างมาร์ค ต้วนโกรธจัดจนแทบจะพุ่งเข้าไปอัดคนตรงหน้า...  คงต้องบอกว่าคิมซอกจินยังคงรักษาสถิติคนแรกและคนเดียวที่ทำได้...

     

                    ทำได้ดีมากซะด้วยสิ

     

    “กูจะไม่ปล่อยให้ใครต้องเสียใจเพราะมึงอีก ซอกจิน”

    “ดูแลน้องเอาไว้ให้ดีแล้วกัน”

     

    *

     

                    ถึงจะเคยชินกับความเงียบของพี่มาร์คเพราะอยู่ด้วยกันมาหลายวัน แต่นาทีนี้เด็กชายกันต์พิมุกต์ไม่สามารถทำให้ตัวเองหาเรื่องคุยไปเรื่อยได้เหมือนกับทุกวันที่ผ่านมา

                    ตั้งแต่ผู้ปกครองของแบมแบมเดินกลับมาที่รถ ไม่มีแม้แต่คำพูดเดียวออกจากปาก ทำแค่สตาร์ทเครื่องและกระชากตัวรถออกจากบริเวณโรงเรียนอย่างรวดเร็วอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน อารมณ์ที่ดูรุนแรงกว่าปกติเป็นเหตุผลชั้นดีที่แบมตัดสินใจจะไม่ชวนพี่ชายผู้เป็นมนุษย์น้ำแข็งเข้าสู่บทสนทนาใด ๆ ทั้งสิ้น

     

                กลัวง่ะ

     

    “แจ๊คสันไม่เคยสอนนายเหรอ ว่าอย่าไว้ใจคนง่าย ๆ”

                    สุดท้ายความเงียบงันชวนอึดอัดบนมินิคูเปอร์ก็ถูกทำลายลงด้วยเสียงของมาร์ค ไม่รู้ว่าคนอายุมากกว่าสังเกตหรือไม่ แต่แบมแบมแอบสะดุ้งตกใจเมื่อถูกเรียกให้ออกมาจากภวังค์...

     

                    คงเป็น... ครั้งที่ห้าหรือหกล่ะมั้งที่พี่มาร์คเป็นคนเริ่มคุยกับแบมก่อน...

     

    “แบมก็ไม่ได้ไว้ใจใครสักหน่อย...”

    “แล้วคุยกับมันทำไมตั้งนาน รู้จักมันเหรอ” มาร์คถามด้วยน้ำเสียงไม่บ่งอารมณ์ใด ๆ ถึงจะยังดู(แอบ)หงุดหงิดและไม่พอใจอยู่บ้าง แต่ชายหนุ่มก็ยังทุ่มเททั้งสมาธิและใช้สายตามองไปบนท้องถนน ถามคำถามโดยไม่คิดจะสนใจว่าแบมแบมกำลังทำหน้าเหรอหราอย่างไร

                   

                    ไม่เข้าใจคำถามของพี่มาร์คเท่าไหร่ พยายามส่งสายตาและตีความจากสีหน้า ก็ไม่ได้ช่วยอะไรแบมสักนิดเดียวเลยอ่ะ!

                    ความสามารถในการพูดของแบมแบมมีมากแค่ไหน ความสามารถในการควบคุมสีหน้าและน้ำเสียงของมาร์คก็คงจะมีอยู่ในระดับเดียวกัน

     

    “มันที่พี่มาร์คพูดถึงนี่คือรุ่นพี่คนนั้นอ่ะนะ” ในที่สุดก็ดูเหมือนว่าแบมแบมจะสามารถเข้าใจความคิดของมาร์คได้ จังหวะเดียวกันกับที่มาร์คกระชากรถให้เคลื่อนตัวไปข้างหน้าอีกครั้ง ดูเหมือนว่าจะทำให้แบมรู้ว่าเขาควรจะต้องพูดอะไรต่อไป “ก็รุ่นพี่แค่เตือนแบม มัวแต่เล่นมือถือเดินไม่มองทาง เลยเกือบจะชนกันน่ะครับ...”

    “อืม ถ้าเจอมัน อย่าไปยุ่งอีก”

                    แบมแบมพยักหน้ารับ พร้อมกับส่งเสียงให้คำมั่นกับผู้ปกครองหน้านิ่งอย่างดีว่าจะทำตามคำสั่งด้วยความเคร่งครัด อย่างที่พอจะรู้กันอยู่ ที่จริงแล้วแบมไม่ใช่เด็กเชื่อฟังคำสั่งใครนัก ตรง ๆ ก็คือเป็นเด็กเอาแต่ใจไม่น้อย ทว่าเด็กชายกันต์พิมุกต์รู้ดีว่าอะไรควรทำ... หรือว่าไม่ควรทำ

     

                    ในเมื่อมารบกวนพี่มาร์คขนาดนี้ แล้วถ้าแบมยังทำตัวเป็นเด็กไม่ดีอีก คงได้ไปอยู่แบบหัวเดียวกระเทียมลีบแน่ ๆ เลยใช่ไหมล่ะ เพราะฉะนั้นแบมต้องเป็นเด็กดีของพี่มาร์ค เชื่อฟังที่พี่มาร์คบอกทู้กอย่าง

     

                    ง่ายนิดเดียว พี่มาร์คไม่แกล้งแบมบ่อยเหมือนพี่แจ๊คสันด้วย!

                    (หรือแบมควรจะต้องพูดว่าพี่มาร์คไม่ค่อยมายุ่งกับแบมเลย... มันน่าจะถูกมากกว่า)

     

                    เดี๋ยวก่อนนะ... แต่แบมยังมีเรื่องสงสัยนี่นาว่าพี่มาร์คหายไปไหนเมื่อตอนเย็น...

     

    “พี่มาร์ค แล้วทำไมถึงไม่รับโทรศัพท์แบมเมื่อเย็นล่ะครับ แถมยังมาที่โรงเรียนช้ากว่าปกติอีกต่างหาก” เด็กหนุ่มเอ่ยปากถาม ความรู้สึกกล้า ๆ กลัว ๆ หายไปหมดแล้วเมื่อเห็นว่าพี่มาร์คเริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติ (นิ่งเงียบแบบปกติไม่มีหงุดหงิดเจือปน)

    “รำคาญแจ๊คสัน”

    “ห๊ะ?”

    “พี่ชายนายโทรมาหลายครั้งเกินไป รำคาญ เลยโยนมือถือไว้ในกระเป๋า ไม่ได้สนใจ”

     

                    คำอธิบายยาว ๆ (?)ของมาร์คทำให้คนเด็กกว่าร้องอ๋อ ก่อนที่ทักท้วงอีกคำถามที่ยังค้างคา

     

    “ถ้างั้นทำไมมาถึงช้า... ทั้ง ๆ ที่ปกติพี่มาร์คต้องมารับตรงเวลา... ล่ะครับ”

    “ไม่คิดว่าพี่จะมีธุระบ้างหรือยังไง...”

    “อ่า... นั่นสิเนาะ”

     

                    พี่มาร์คจะเอาเวลามาดูแลแบมคนเดียวทั้งหมด... ได้ยังไงกัน

     

    *

     

                    คอนโดของมาร์ค ต้วนกำลังจะกลายเป็นสวนสนุกให้เด็กชายกันต์พิมุกต์วิ่งเล่นกับลูกแมว ฟังดูไม่น่าเป็นไปได้ใช่ไหม เมื่อวานนี้เขายังอยู่อย่างสงบสุขโดยไร้เสียงตึงตังได้อยู่เลย...

                    ลูกแมว... ไม่น่าจะมาอยู่ในคอนโดแบบนี้ได้จริงไหม

                   

    “แบม ถ้ายังไม่หยุดวิ่งไล่แมว พี่จะเอาไปคืนพี่แทคยอน ตอนนี้เลย”

     

                    ลูกแมว... อยู่ในคอนโดได้เสมอถ้าหากว่ามีเจ้าของชื่ออ๊คแทคยอน

     

    “อย่าเพิ่งคืนนนนนนนนน แบมขอเล่นกับแบมบี้แป๊บนึง” เสียงประท้วงจากเด็กชายแบมแบมที่กำลังเล่นกับลูกแมวแบมบี้ (มาร์คยังคงไม่เข้าใจว่าพี่ชายข้างห้องคิดยังไงกับการตั้งชื่อนี้) พวกเรากลับมาถึงคอนโดตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงที่แล้ว บังเอิญกับที่รุ่นพี่ร่วมคณะของมาร์คอย่างอ๊คแทคยอนอุ้มลูกแมวออกมาจากคอนโด...

                    แล้วเจ้าเด็กตาโตก็รีบวิ่งเข้าไปออดอ้อนให้พี่แทคยอนยอมปล่อยลูกแมวตัวน้อย... ให้มาวิ่งวุ่นให้แบมแบมเอาแต่วิ่งไล่จับแบมบี้อยู่อย่างนี้

     

                    ปวดหัว

     

    “พี่มาร์คคคคคคคคค อยากเลี้ยงแมวววววววว”

    “หยุดความคิดซะ”

    “บู้ว”

                    เด็กหนุ่มผู้กำลังโอบอุ้มแมวตัวน้อยด้วยความทะนุถนอมยู่หน้า แต่แบมแบมก็ยังคิดได้ว่าเขาไม่ควรจะพูดอะไรไปให้มากกว่านี้ (ถึงที่จริงจะอยากอ้อนขอก็ตาม) ยิ่งพี่มาร์คกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ แบมก็ยิ่งรู้ว่าเขาควรจะทำเพียงแค่วิ่งเล่นกับเจ้าแมวเหมียวแบมบี้ตัวนี้ต่อไป

     

                    มัวแต่เล่นสนุกจนลืมตัวไปว่า... นี่ไม่ใช่บ้านที่มีคุณหม่ามี๊และพี่ชายที่คอยโอ๋และเอาใจตลอดเวลา...

                    ที่นี่... มีแต่ผู้ปกครองแสนเย็นชาที่ชื่อว่ามาร์ค ต้วน... เท่านั้น

     

    “แบม วางแมวลง ไปอาบน้ำ”

    “ขออีกห้านาทีนะพี่มาร์ค เดี๋ยวแบมไปอาบน้ำจริง ๆ”

    “ถ้าต่อรองจะไม่มีการพาตัวอะไรเข้ามาในห้องนี้อีก”

                    คำประกาศิตของมาร์ค ต้วนทำให้เด็กชายกันต์พิมุกต์จำต้องวางลูกแมวขนปุยลงบนตระกร้าสีหวาน ลูบขนของแบมบี้เบา ๆ อีกสองสามครั้ง ก่อนที่จะหันหลังเพื่อไปอาบน้ำและทำการบ้านอย่างที่ถูกกำชับเอาไว้...

     

                    แต่ก็เป็นเสียงของพี่ชายนามสกุลต้วนที่กำหนดภารกิจต่อไปของแบมแบมให้เรียบร้อย

     

    “รีบออกมาจะได้คุยกับไอ้แจ๊คสันซะ มันบอกให้แบมโทรหาตอนที่คุยกับพี่เมื่อเย็น...”

     

    *

     

                    สมาธิการอ่านหนังสือของมาร์คคงจะไม่สามารถกลับมาได้อีกแล้ว

                    เชื่อสนิทใจในวันนี้ว่าพี่น้องคนละท้องมารดาอย่างแจ๊คสัน หวังและแบมแบมสนิทกันมากพอตัว ตั้งแต่เห็นท่าทางตื่นเต้นของรูมเมทตัวน้อย มาร์คคิดว่าแบมแบมคงใช้เวลาในการอาบน้ำสระผมแค่ไม่ถึงสิบห้านาทีเท่านั้น แล้วก็วิ่งดุ๊ก ๆ เข้ามานั่งข้าง ๆ เขาในห้องนั่งเล่น รอคอยให้ติดต่อพี่ชายหวัง จนกระทั่งต้องคอยนั่งฟังบทสนทนาที่ไม่รู้จักจบสิ้นระหว่างเด็กม.ปลายกับพี่ชายสายตรงจากฮ่องกง               

                   

    “พี่แจ๊ค! ที่โรงเรียนนี้เจ๋งมาก เพื่อนก็น่ารักกันทุกคนเลยอ่ะ ยิ่งเห็นว่าแบมเพิ่งมาจากไทยนะ ทุกคนเข้ามาถามกันใหญ่ว่าเป็นยังไงบ้าง แล้วก็คอยดูแลแบมตลอดเลย โหย รู้งี้มาเรียนนี่นานละ”

     

                    แจ๊คสัน หวังคงไม่เคยบอกให้น้องชายระมัดระวังเรื่องการคบคนจริง ๆ สินะ ถึงได้ไว้ใจคนอื่นได้ง่าย ๆ แล้วก็คิดว่าทุกอย่างจะสวยงามเหมือนวันแรกเริ่มตลอดไป...

                    ยิ่งอยู่ด้วย... ก็ยิ่งเห็นว่าเด็กคนนี้ไร้เดียงสามากแค่ไหน

     

    “หือ... พี่มาร์คอ่ะนะ” แบมแบมเหลือบมองพี่ชายร่วมห้องนิดหน่อย ก่อนที่จะรีบหลบตาเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายละสายตาจากหนังสือในมือมามองเขาเช่นกัน “พี่มาร์คดูแลแบมดีดิ จริง ๆ ไม่ได้โกหกเหอะ”

     

                    แจ๊คสัน หวังต้องการจะได้รับคำตอบประเภทไหนกัน

     

    “เอออออ รู้แล้วน่า แบมก็ดูแลตัวเองดีเหมือนกัน พี่แจ๊คอ่ะรีบกลับมาได้ละ เกรงใจพี่มาร์ค ต้องมาดูแลแบมทั้งที่ไม่จำเป็นเลยด้วยซ้ำเนี่ย”

                   

                    มาร์คจำได้ว่าแบมแบมบ่นแจ๊คสันเรื่องนี้เป็นครั้งที่สิบ ชายหนุ่มส่ายหน้า หันไปมองเด็กชายแก้มตุ่ยที่นั่งขดตัวกลมป๊อกคุยโทรศัพท์อยู่บนโซฟาตรงข้าม ก่อนที่จะลุกเข้าไปภายในห้องนอน ทิ้งให้กันต์พิมุกต์พูดเป็นต่อยหอยกับพี่ชายที่อยู่แดนห่างไกล

     

    “คืองี้พี่แจ๊ค...”

     

                    ฟึ่บ...

                    ผ้าผืนขาวสะอาดถูกโยนลงบนศีรษะของแบมแบมอย่างจงใจ มือของเด็กน้อยรีบดึงผ้าที่ปิดทั้งผมและใบหน้าเอาไว้ ก่อนที่จะจ้องมองไปยังคนที่ยืนอยู่ด้านหลังโซฟา ต้นเหตุของผ้าที่บินมาอยู่ที่ผมเปียกชื้นของเขา...

     

    “เช็ดผมให้แห้งซะ ก่อนที่จะต้องเป็นหวัดเพราะเอาแต่ห่วงคุย”

     

                    พี่มาร์คน่ะ... เป็นคนเย็นชาแล้วก็นิ่งเฉยอย่างร้ายกาจ... 

                    แต่ในความเย็นชา แบมรู้ดีว่าไม่ได้เป็นคนใจร้ายเลยสักนิดนะ ที่จริง... คงต้องเรียกว่าใจดีมาก ๆ เลยด้วยซ้ำ

     

    “ขอบคุณนะครับ”

     

                    ถึงแม้พี่มาร์คจะหันหลังเข้าห้อง แล้วปิดประตูใส่โดยไม่ฟังคำขอบคุณของแบมเลยก็เถอะ!

     

    *

     

    TBC…

     

    Bpuppyy_ says :

                    ขออนุญาตยืมตัวพี่ซอกจินแห่งบังทันมาเป็นนักแสดงด้วยนะคะ ฮ่า มาดีมาร้ายคงเดาได้ (เอ...หรือไม่ได้) แต่ที่แน่ ๆ คือพี่มาร์คไม่ดีด้วยค่ะ นับว่าเป็นอีกหนึ่งในตัวเร่ง(?) ฮ่า ๆ พี่มาร์คผู้ประหยัดคำพูด... แต่จริง ๆ ก็ถือว่าพูดมากแล้วเนาะ เราแอบอ่านคอมเมนท์ทุกคนอยู่น้า

                    ดีใจแล้วก็ประทับใจกับคอมเม้นท์และคนอ่านทุกคนมากค่ะ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามแล้วก็ชอบพี่มาร์คน้องแบมในเรื่องนี้กันน้า หวังว่าจะอยู่ด้วยกันไปเรื่อย ๆ นะคะ

    เรื่องแท๊กทวิต เราคงไม่อะไรกับตรงนั้นมากแล้ว ฮา เอาเป็นว่าเราสื่อสารกันผ่านคอมเม้นท์ หรือหากไม่สะดวกก็คงต้องใช้ใจสื่อถึงใจ (ทำไมน้ำเน่า 555) แต่เรา... อยากจะเข็นฟิคพี่มาร์คน้องแบมให้จบลงจริง ๆ นะคะ ยิ่งทุกคนชอบสิ่งที่เราเขียน (เหมือนอย่างที่เราชอบพี่มาร์ค *เดี๋ยว ๆ*) นั่นจะเป็นกำลังใจให้น้องแบมละลายน้ำแข็งต่อไปนะ! เพราะพี่มาร์คคงจะไม่ได้ละลายง่าย ๆ แน่ ๆ เลย 5555

     

    พูดพล่ามเยอะอีกลั้น เอาเป็นว่าเจอกันตอนหน้านะคะ

    ขอบคุณคนอ่านที่น่ารักทุกคนนะคะ ขอบคุณค่ะ  ><

     

    ***แก้ไขเรื่องโทรศัพท์น้องแบม ฮื่อ รู้สึกผิดมาก เหมือนปล่อยไก่ไปตัวเบ้งมาก พิมพ์เรื่องโทรศัพท์แบบลืมเนื้อเรื่องก่อนหน้าไปสนิทใจ แก้ไขประโยคนั้นแล้วนะคะ ฮา น้องแบมมีโทรศัพท์ค่ะ TT  ยิ่งกว่าคำว่าอาย ถถถถถถถ ขอบคุณคุณ minto ด้วยนะคะที่ทักท้วง ไม่อย่างนั้นเราคงปล่อยผ่าน ถือว่ามองข้ามเรื่องใหญ่ ฮื่อ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ***

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×