คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : markbam baby - 1
GOT 7 Fiction
Adorable baby Mark x Bambam
By bpuppyy_
Markbam
baby 1
สี่ทุ่มของคืนวันอาทิตย์ ไม่ว่าคิดไปทางไหน มาร์ค ต้วนคนนี้ก็ควรจะได้นอนเล่นหรือนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่คอนโด มากกว่าจะต้องมายืนรอรับน้องชายของแจ๊คสัน หวังอย่างที่เขากำลังทำอยู่
“ช้า มันใช่เรื่องที่จะต้องมานั่งรอใครก็ไม่รู้แบบนี้ไหมวะ”
ถึงจะไม่ใช่คนชอบพูดมากนัก แต่เขาก็อดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องบ่นออกมา ไฟล์ทที่แจ๊คสันบอกเอาไว้แลนดิ้งตั้งแต่เวลาสามทุ่มครึ่ง แต่นี่ปาเข้าไปสี่ทุ่มกว่าจวนจะเข้าห้าทุ่ม ยังไม่เห็นแม้แต่วี่แววของเด็กคนที่ว่า ที่จริงเขาก็จำหน้าไม่ได้ ลาง ๆ แค่ว่าเป็นเด็กแก้มกลม ๆ ตาใส ๆ
เพราะไอ้หวังเพื่อนของเขารู้ว่าถ้าปล่อยให้มาตัวเปล่าเขาคงไม่มีทางหาน้องแบมแบมคนนี้เจอได้ มาร์คเลยต้องจำใจถือแผ่นป้ายสีหวานแหววที่เขียนด้วยลายมือของแจ๊คสัน หวังเอาไว้ว่า ‘welcome to Korea BAMBAM!’
จะไม่ว่าอะไรเลยถ้าหากมันไม่ใช่ภาระหน้าที่ของเขาที่จะต้องถือมันไว้...
ถามว่าเขาปฏิเสธหรือไม่ ตอบได้เลยว่าเขาแทบจะโยนป้ายนี่ทิ้งไปตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็น แต่เคยบอกไปแล้วใช่ไหมว่าแจ๊คสันเป็นพวกขี้ตื้อจนน่ารำคาญมาก พอโดนรบเร้าหนักเข้า เลยกลายเป็นว่าต้องรับมาถือแต่โดยดี
ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ตัว สายตาของใครต่อใครที่มองมาพร้อมกับหัวเราะคิกคัก บางคนถึงขั้นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแอบถ่ายรูปเอาไว้ด้วยซ้ำ แต่มาร์คชินไปซะแล้วกับสถานการณ์แบบนี้ จะให้เขามีปฏิกิริยายังไงล่ะ ก็ทำได้แค่ยืนเฉย ๆ ไม่ใช่หรือยังไงกัน จะให้หันไปยิ้มให้กับทุกคนมันก็ไม่ใช่เรื่องจริงไหม...
“เอ่อ.. ข... ขอโทษนะครับ”
สำเนียงเกาหลีแปร่งหูไม่คุ้นเคยดังขึ้นดึงความสนใจของมาร์ค คงเป็นเพราะเขาเอาแต่ยืนหลับตาไม่สนใจโลกรอบข้าง เลยไม่ได้สังเกตการมาถึงของใคร โชคดีที่ป้ายของแจ๊คสันยังคงมีประโยชน์อยู่ได้ หรือต้องบอกว่าโชคดีที่มาร์คมีความอดทนมากพอที่จะถือมันเอาไว้ในมือจนกระทั่งเด็กคนนี้เดินเข้ามา...
เด็กที่แก้มกลม ๆ แล้วก็มีดวงตาสดใส...
“พี่ใช่... พี่มาร์คที่เป็นเพื่อนของพี่แจ๊คสันหรือเปล่าครับ”
“อืม... ใช่”
“ฝากตัวด้วยนะครับ! ผมชื่อแบมแบม กันต์พิมุกต์ ภูวกุล กำลังจะขึ้นม.4 เอ้ย ไม่ใช่สิ มัธยมปลายปี 1 มาจากประเทศไทย ยินดีที่ได้รู้จักครับ แล้วก็... รบกวนพี่มาร์คด้วยนะครับ!”
เคยบอกไหมว่ามาร์คไม่ใช่คนชอบสุงสิงกับใครเท่าไหร่...
ถึงจะได้ยินเสียงของเด็กตรงหน้าแนะนำตัวเองอย่างฉะฉาน ทั้งชื่อเล่น ชื่อจริงที่ยาวมากและไม่คุ้นหูเขาเอาซะเลย แล้วไหนจะคำฝากเนื้อฝากตัวอย่างเป็นทางการ ก็ไม่ได้ทำให้มาร์ค ต้วนมีปฏิกิริยาเท่าไหร่นัก การที่แบมแบมได้รับคำตอบกลับไปด้วยการพยักหน้า นั่นก็ถือว่าประสบความสำเร็จในการพบกันครั้งแรกแล้วล่ะ
คงเป็นโชคดีที่เด็กชายแบมแบมเป็นคนคุยเก่ง ยิ้มง่าย ไหนจะยังไม่หวาดกลัวกับความนิ่งเงียบจนเกินไปของเจ้าชายน้ำแข็งที่ควบตำแหน่งสารถีให้เด็กม.ปลายในค่ำคืนนี้ เด็กหนุ่มตัวน้อยพูดเก่งและสดใสชนิดที่ว่าสามารถทำให้คนเงียบงันอย่างมาร์ค ต้วนตอบคำถามได้ ถึงแม้จะเป็นแค่การถามคำตอบคำก็ตาม...
ตั้งแต่สนามบินอินชอนจนกระทั่งเข้าสู่กรุงโซล ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเด็กตาโตที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขาจะหาสารพัดเรื่องขึ้นมาคุย สารพัดสิ่งขึ้นมาถามได้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยบ้างซะเลย
“พี่มาร์คไม่ใช่คนเกาหลีใช่ไหมครับ” แบมแบมยังคงไม่หยุดส่งคำถาม ถึงแม้เจ้าของแก้มกลมจะยังเกาะกระจกรถมองไปนอกหน้าต่างอยู่ก็ตามที
“อืม...”
“แล้วทำไมถึงได้เรียนต่อที่นี่ล่ะครับ แถมยังดูพูดเกาหลีเก่งอีกต่างหาก ไหนจะยังชำนาญทาง ทำนู่นทำนี่ได้เหมือนกับเป็นคนเกาหลีเลย” เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กชายแบมแบมยังคงถามต่อไป ส่วนเจ้าชายน้ำแข็งก็ได้แต่งึมงำตอบไปบ้าง หรือถ้าคำถามเข้าท่าก็เรียบเรียงประโยคตอบบ้าง
ยกตัวอย่างเช่นคำถามเรื่องการเรียนที่เกาหลีของเขา...
“เรียนเพราะครอบครัวทำงานอยู่ที่นี่ อยู่มาตั้งแต่เด็ก เลยทำได้ทุกอย่าง” สารถีรูปหล่ออธิบายอย่างใจเย็น
ยอมรับตามตรงว่าแรก ๆ ที่เด็กคนนี้ขึ้นมาแล้วเอาแต่พูดแจ้ว ๆ ไม่หยุดหย่อนเกือบจะทำเอาเขาประสาทเสีย แต่พอพูดปรามให้อีกฝ่ายหยุดพูดมาก กลับเป็นมาร์คที่รู้สึกผิดเพราะเห็นดวงตาแสนสดใสของอีกฝ่ายดูหมองลงในทันที
สุดท้ายก็เลยต้องเป็นฝ่ายเริ่มชวนคุยใหม่ เริ่มต้น... ด้วยประโยคสั้น ๆ และปล่อยให้แบมแบมเป็นฝ่ายหาเรื่องชวนคุยเขาขึ้นมาเอง
“ว้าว งั้นพี่มาร์คเป็นคนประเทศอะไรครับ แบมอยากเก่งเกาหลีแบบพี่มาร์คจังเลยน้า”
“รู้ได้ยังไงว่าฉัน... เอ่อ ว่าพี่เก่ง”
ไม่ชิน... มาร์คเป็นลูกคนเดียว ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่ค่อยจะได้แทนตัวเองว่าพี่กับใครนัก จริงอยู่ที่ว่ามีคนเรียกเขาว่าพี่อยู่เสมอ แต่เขาก็ไม่เคยจะไปสนใจสักเท่าไหร่
แต่กับเด็กคนนี้ จะให้ไม่สนใจก็ไม่ได้ หรือจะให้เขาแทนตัวว่าฉัน... มันก็คงจะดูห่างเหินเกินไปหน่อยสำหรับคนที่ต้องอยู่ด้วยกันหลายเดือนใช่ไหมล่ะ
“ไม่รู้สิครับ เห็นท่าทางก็เดาออกแล้วมั้ง ผมนะ ถึงจะชอบพูดมาก แต่ก็ยังพูดช้า แถมกว่าจะพูดได้ยังต้องคิดอยู่พักใหญ่”
ขนาดพูดช้าแล้วนะ... ยังพูดได้ตลอดเวลาไม่หยุดไม่หย่อนแบบนี้ มาร์คคิด นึกขำในใจกับท่าทางหงอย ๆ ของเด็กชายที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ดูจากอาการแล้วคงอยากพัฒนาด้านภาษาของตัวเองอยู่ไม่น้อย ถ้าให้เทียบกับชาวเกาหลีหรือนักเรียนต่างชาติที่อยู่มานาน มันก็ใช่ที่ว่าแบมยังพูดเชื่องช้าและผิดความหมายอยู่บ้าง หนำซ้ำบางทีคิดไม่ออกก็กลายเป็นว่ารัวภาษาอังกฤษใส่เขามาเสียอย่างนั้น แต่ก็ยังนับว่าก้าวไกลว่าใครหลายคนที่มาร์คเคยเจอมา
อยากจะชมไปอยู่หรอกว่าที่จริงแล้วเด็กคนนี้พูดเก่งมาก แต่มันก็ไม่ใช่วิสัยของมาร์คที่จะพูดอะไรแบบนั้น
“พี่แจ๊คสันนี่ก็ไม่ไหวเลย ไม่ว่างก็ไม่ยอมบอกตั้งแต่แรก แบมจะได้หาหอเอาไว้ ไม่ต้องรบกวนพี่มาร์ค...”
“อยากลองไปหาหออยู่เองดูไหมล่ะ”
ประโยคคำถามสั้น ๆ จากพี่ชายหน้านิ่งทำเอาแบมแบมหยุดชะงัก ขบกัดริมฝีปาก ครุ่นคิดอย่างหนักอยู่กับตัวเองว่าเขาควรจะไปหาหอพักอย่างที่ว่าจริง ๆ หรือไม่...
เกรงใจมาก แต่ก็... ไม่อยากออกไปอยู่คนเดียว
“คือ...”
“เรื่องพวกนั้นเอาไว้ค่อยคิด”
“ครับ... ยังไงวันนี้แบมก็ต้องรบกวนพี่มาร์คอยู่แล้ว แหะ ๆ ไว้จะชดเชยด้วยการทำอาหารไทยอร่อย ๆ ให้พี่ลองชิมเลยนะ รับรองว่าติดใจจนอยากจะไปเที่ยวเมืองไทยแน่นอนเลยครับ!”
*
มาร์คแทบไม่เคยได้ทานอาหารเช้าตั้งแต่เขาออกมาอยู่ที่คอนโดคนเดียว
คงเป็นครั้งแรกในรอบสามสี่เดือนที่บนโต๊ะอาหารไม่ได้มีเพียงแค่แจกันดอกไม้ โต๊ะเล็ก ๆ ในห้องครัวที่ควรจะว่างเปล่ามีทั้งขนมปังและชามข้าวต้มวางเอาไว้ ชายหนุ่มเดินเข้าไปในครัว หัวคิ้วขมวดเข้าหากัน ติดจะงุนงงสงสัยว่าทำไมเช้านี้ถึงได้มีอาหารวางรอเขาอยู่เช่นนี้
ก่อนที่จะนึกขึ้นได้ว่าเด็กผู้ชายที่เขารับมาอยู่ด้วย... ทำอาหารเป็น
“ไปไหนซะแล้ว” มาร์คพึมพำหาเจ้าของอาหารเช้า เริ่มจะชินขึ้นมาบ้างกับการมีชีวิตอยู่ร่วมกับคนอื่นอย่างไม่ได้ตั้งใจ ยอมรับว่าแบมแบมเป็นเด็กดีอย่างที่แจ๊คสันเคยบอกไว้ เด็กคนนั้นเชื่อฟังที่เขาบอก ตากลม ๆ ใส ๆ มักจะจ้องมองเขาอย่างตั้งใจเมื่ออธิบายหรือบอกข้อตกลงการอยู่ร่วมกันระหว่างเรา
สองวันแล้วที่มาร์ค ต้วนต้องกลายเป็นผู้ปกครองของแบมแบมด้วยความจำเป็น
แล้วที่ในตอนแรกเขาลืมคิดไปว่าคงเป็นฝีมือของรูมเมทรุ่นน้อง เป็นเพราะสองวันที่ผ่านมา เขามักจะพาแบมแบมไปทานอาหารข้างนอก พาไปเที่ยวรอบ ๆ กรุงโซลอย่างที่แจ๊คสันสั่งเสีย(?)เอาไว้ รวมทั้งพาไปเตรียมตัวซื้อเสื้อผ้าและอุปกรณ์การเรียนที่เจ้าตัวอย่างขาดเหลือหลาย ๆ อย่าง อีกเรื่องที่เขาเห็นได้ชัด แบมแบมสามารถพัฒนาสกิลการพูดภาษาเกาหลีได้อย่างรวดเร็ว เจ้าเด็กตาโตชี้ชวนให้เขาดูนู่นนี่สารพัด ไหนจะทำท่าทางตื่นเต้นเหมือนเด็กเล็ก ๆ ที่เพิ่งจะได้ออกมาเที่ยวอย่างไรก็อย่างนั้น
น่ารำคาญอยู่บ้าง... แต่บางทีก็น่ารักดี มาร์คไม่ได้ออกไปเที่ยวเล่นหรือดูแลใครแบบนี้มานานแล้ว
เหมือนเป็นพี่เลี้ยงเด็กหรือเป็นพ่อคนไปแล้วจริง ๆ
ก่อนที่จะเริ่มลงมือกับมื้อเช้า มาร์คเหลือบไปเห็นกระดาษแผ่นเล็ก ๆ สีสดใสที่ถูกทับอยู่ใต้แก้วกาแฟ เลิกคิ้วด้วยความสงสัย ดึงโน้ตใบจ้อยออกมา แล้วก็ได้หายข้องใจเมื่อเห็นว่าเป็นลายมือภาษาเกาหลีอ่านง่ายของเด็กม.ปลาย
‘วันนี้เปิดเทอมวันแรก แบมขอนั่งรถไปเองนะครับ! แล้วเจอกันตอนเย็นน้า
แบมแบม’
“รู้สายรถประจำทางเหรอ... เด็กคนนี้”
เปิดเทอมวันแรกของแบมแบมมันก็คือการเปิดภาคการศึกษาวันแรกของมาร์คเช่นกัน ตอนแรกแจ๊คสัน หวังไม่ได้บอกเขาว่าน้องชายชาวไทยสอบเข้าได้โรงเรียนไหน เพิ่งมารู้จากเจ้าตัวว่าโรงเรียนมัธยมปลายที่เรียนต่อ คือโรงเรียนสาธิตของมหาวิทยาลัยที่มาร์คเรียนอยู่
เขาเองก็ไม่ได้บอกแบมแบม... ว่าให้ไปพร้อมกัน
“ช่างเถอะ คงหาทางไปเองได้...”
มาร์คไม่คิดไปมากกว่านั้น ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนั่ง จัดการอาหารมื้อเช้าที่ตั้งอยู่ตรงหน้าไปพร้อม ๆ กับทบทวนบทเรียนที่จะต้องเริ่มต้นใหม่ในวันนี้
ถ้าเด็กคนนั้นหาวิธีไปไม่ได้... ก็คงจะติดต่อมาเอง
*
แบมแบมควรจะคิดได้เร็วกว่านี้ว่าพี่มาร์คยังไม่เคยสอนนั่งรถประจำทาง
“เอาไงดีง่ะ... ต้องไปทางไหนต่อ ฮือ แผนที่ไม่ช่วยอะไร ซับเวย์ต้องงงมาก นี่คงได้หลงทางไปถึงโรงเรียนช้าตั้งแต่วันแรกแบบไม่ต้องสงสัย”
เด็กชายกันต์พิมุกต์กระพริบตาปริบ ๆ และเบ้ปากด้วยความอึดอัดใจ อยากจะเข้าไปถามหลายคนที่ยืนรออยู่ป้ายรถเดียวกันก็ไม่กล้า ถึงจะเห็นคนใส่เครื่องแบบเหมือนกันขึ้นรถไปแต่ใจหนึ่งแบมแบมก็ยังกลัวจะไปคนละทางอยู่ดี
เกิดสุ่มสี่สุ่มห้าขึ้นแล้วแบมไปโผล่ที่ไหนไม่รู้จะทำยังไง แบมไม่ได้เป็นคนเก่งเรื่องทิศทางและการเดินทางเลยสักนิดนะครับ ฮือ คิดแล้วเศร้า ไม่น่าอยากหาประสบการณ์อยากไปโรงเรียนด้วยตัวเองเลย
แล้วถ้าจะให้โทรไปหาพี่มาร์ค...
ไม่เอาอ่ะ เกรงใจจะแย่ แค่นี้แบมก็รบกวนมากเกินไปแล้วนะ
“ทำยังไงดี แบมแย่แน่ แบมทำไมไม่รอบคอบแบบนี้นะ โอย” บ่นซ้ำ ๆ กับตัวเอง มือเล็กยกขึ้นเคาะหัวเป็นการทำโทษที่ประมาทไม่เข้าท่า เด็กชายตาโตถอนหายใจ ถึงจะเป็นสถานการณ์ที่ไม่ดีเท่าไหร่นัก แต่แบมแบมก็ยังนึกชื่นชมตัวเองไม่น้อยที่ออกจากคอนโดเร็วกว่าปกติถึงครึ่งชั่วโมง
ยังพอมีเวลาแก้ไข กันต์พิมุกต์จะต้องไปถึงโรงเรียนโดยไม่สายให้ได้!
“หลงทางเหรอ”
“เฮ้ย! พี่มาร์ค!?”
แบมแบมผู้ที่ยืนสิ้นหวังกับตัวเองอยู่ไม่ได้สนใจมองรอบกาย เด็กหนุ่มแก้มกลมสะดุ้งตกใจเมื่อได้ยินเสียงใครสักคนดังอยู่ใกล้ ๆ แถมยังต้องตกใจเพิ่มขึ้นไปอีกสองเท่าเมื่อได้คำตอบว่าเขาคนนั้นคือใคร
พี่ชายร่วมห้อง... ผู้ครองตำแหน่งผู้ปกครองจำเป็นของแบมแบมตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
มาร์ค ต้วนอยู่ในชุดนักศึกษา เสื้อเชิ้ตขาวถูกพับขึ้นมาครึ่งข้อศอก กางเกงยีนฟอกสีเข้ากันดีกับหัวเข็มขัดแบรนด์ดัง ใบหน้ายังคงความเรียบเฉยไร้อารมณ์ไว้ได้อยู่เหมือนเดิม
เด็กชายแบมแบมได้แต่หัวเราะแห้ง ๆ เป็นคำตอบกลับไป จะพูดว่าหลงทางคงไม่ถูกเท่าไหร่นัก ต้องบอกว่ายังไม่ได้เริ่มออกเดินทางเลยน่าจะเข้าท่ามากกว่า
แต่เชื่อสิ... ถ้าเริ่มเดินทางเมื่อไหร่ แบมก็คงหลงทางอย่างที่พี่มาร์คถามไว้นั่นแหละ
“ยังไม่รู้จักทาง ทำไมไม่รอก่อน” มาร์คถามห้วน ๆ แต่ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็ยังใจดีดึงกระเป๋าเป้ที่แบมสะพายพาดไหล่ไว้ข้างหนึ่งไปถือให้ แล้วก็ไม่รอฟังคำตอบว่าเด็กชายจะแก้ตัวอย่างไร นักศึกษามหา’ลัยเดินก้าวไว ๆ ไปยังรถมินิคูเปอร์ที่จอดอยู่ไม่ไกลจากป้ายรถทันที
ทิ้งให้น้องชายแก้มกลมได้แต่ยืนกระพริบตา ก่อนจะรีบวิ่งดุ๊ก ๆ ตามหลังผู้ปกครองจำเป็นด้วยความรวดเร็ว
บรรยากาศบนรถยังคงไม่ต่างจากวันก่อน ๆ มากนัก มีเพียงเสียงแจ้ว ๆ ของแบมแบมที่ยังคงชวนเจ้าชายน้ำแข็งคุยอย่างไม่รู้เบื่อ ถึงแม้จะได้รับคำตอบกลับมาบ้าง หรือเป็นความเงียบงันบ้าง แต่กันต์พิมุกต์ เด็กชายอิมพอร์ตจากประเทศไทยก็ยังคงความสามารถในการพูดเอาไว้ได้อย่างน่าชื่นชม
มาร์ค ต้วนได้แต่แอบคิดในใจ ถ้าบอกว่าแจ๊คสันเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของแบม เขาคงเชื่อได้ไม่ยาก นิสัยคล้ายกันแทบจะทุกอย่าง เพียงแต่แบมไม่ได้เอาลักษณะท่าทางกวนตีน และความขี้ตื้อขั้นน่ารำคาญมาใช้เท่านั้นเอง หรือถ้าให้พูดใหม่อีกที คงต้องใช้ความว่าแจ๊คสันมีเอกลักษณ์คือความกวนตีนเป็นอาวุธคู่กาย ส่วนเด็กผู้ชายคนนี้ได้เปรียบมากกว่าตรงที่มีรอยยิ้มและความสดใส... ที่ทำให้มาร์คยอมนั่งฟังเสียงไปได้เรื่อย ๆ อย่างไม่รู้สึกรำคาญเท่าไหร่นัก
แต่... ก็ใช่ว่าจะไม่รำคาญ
“พี่มาร์ค แบมเรียนที่สาธิตมหา’ลัย Y แบมลืมถามพี่มาร์คไปเลยว่าพี่มาร์คเรียนที่ไหน แหะ ๆ แล้วนี่เราไปทางเดียวกันหรือเปล่าครับ พี่แจ๊คสันก็ไม่ได้บอก แต่พี่แจ๊คสันเรียนที่มหา’ลัย S นี่นา...” แบมแบมถาม เด็กชายขมวดคิ้วด้วยความสงสัย มาร์คได้ยินว่าอีกฝ่ายงึมงำอะไรสักอย่าง แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ
“เรียนที่เดียวกับเรานั่นแหละ ‘โทษทีที่ไม่ได้บอกก่อน” มาร์คตอบ
“อ้าว แบบนี้ก็ดีเลยสิครับ!”
“คงงั้น แต่คงดีกว่า... ถ้าห้านาทีก่อนที่จะถึงโรงเรียน ช่วยนั่งเงียบ ๆ ให้พี่ทีนะ ปวดหัว”
แบมแบมได้แต่หัวเราะแห้ง ๆ ก่อนจะพยักหน้าเร็ว ๆ เป็นการให้คำสัญญากับผู้ปกครองจำเป็น แล้วก็ทำสำเร็จลงได้ด้วยดี ห้านาทีไม่ขาดไม่เกินอย่างที่ว่า มินิคูเปอร์ของคุณชายต้วนจอดเทียบลงหน้าประตูโรงเรียน เด็กชายกันต์พิมุกต์มีท่าทีตื่นเต้นอย่างปิดไม่มิด แววตาเป็นประกายจนคุณชายตระกูลต้วนยังต้องแอบยิ้มขำออกมา
เด็กหนอ... เด็กจริง ๆ เลย
“รีบลงไปสิ ต้องให้พี่ไปส่งด้วยไหม” มาร์คถาม เขาเพียงแค่พูดเล่นเท่านั้นได้ประโยคหลัง (ถึงแบมแบมจะจับน้ำเสียงว่าล้อเล่นไม่ได้เลยก็ตาม) แต่นั่นก็ดูเหมือนจะไปสะกิดให้นักเรียนใหม่นึกขึ้นได้ว่าเขาลืมเรื่องสำคัญบางอย่าง...
แบมต้องให้ผู้ปกครองพาเข้าไปรายงานตัวกับอาจารย์ที่ปรึกษาในวันแรก!
ลืมไปสนิทใจ แบมแบมลืมบอกทั้งพี่หวังทั้งพี่มาร์คเลยอ่ะ...
ทำยังไงดี...
“เอ่อ ... คือ... คือพี่มาร์คมีเรียนตอนเช้ากี่โมงเหรอครับ”
“ทำไม”
“คือ... แบม... แบมลืมไปว่าวันแรกที่แบมมาเรียน... เอ่อ ต้องให้ผู้ปกครองเข้าไปด้วยกันก่อน แหะ ๆ แบมขอโทษน้า ลืมบอกพี่หวังเอาไว้ด้วย แถมวันที่มาถึงเกาหลีก็มัวแต่เที่ยวเล่น เลยลืมไปสนิทเลย...”
ประโยคยาว ๆ พร้อมกับรอยยิ้มเหาะแหะจนตาหยีของเด็กในความดูแลทำเอามาร์คส่ายหน้า ชายหนุ่มถอนหายใจเบา ๆ ก่อนที่เขาจะปลดเกียร์รถและเริ่มขับเคลื่อนออกไปอีกครั้ง
ในเมื่อต้องพาเด็กไปเข้าโรงเรียน เขาก็ต้องไปหาที่จอดจริงไหม ให้จอดทิ้งเอาไว้หน้าประตูโรงเรียนคงไม่ได้อยู่แล้วล่ะ...
ถ้ามาร์คอยากจะคืนหรือส่งต่อน้องชายของไอ้หวังให้ใครสักคนไปดูแล เขาจะผิดไหมนะ
มันใช่เรื่องที่ของต้องวุ่นวายที่ไหนกัน
ออกจะเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นไม่น้อยสำหรับเด็กฝั่งสาธิตโรงเรียนมัธยมแห่งมหาวิทยาลัย Y
แน่นอนว่ามาร์ค ต้วนเป็นคนดังของมหา’ลัย หากพูดถึงชื่อคงไม่มีใครไม่รู้จัก แล้วก็เป็นเรื่องปกติที่ว่าสาวน้อย (หรือหนุ่มน้อย) ของฝั่งมัธยมแห่งมหา’ลัยดังย่อมต้องรู้จักรุ่นพี่รูปงามตามไปด้วย
รุ่นพี่ที่เดินเข้ามาพร้อมกับเด็กใหม่
“เธอ... นั่นรุ่นพี่ต้วนนี่นา ทำไมวันนี้ถึงได้มาอยู่ฝั่งมัธยมกันนะ...”
แบมแบมคิดว่าเขาได้ยินไม่ผิดว่าพี่มาร์คกำลังถูกซุบซิบและพูดถึงตลอดเวลา นักเรียนหญิงสองคนนี้ไม่ใช่กลุ่มแรก ถ้าหากจะย้อนกลับไป ต้องบอกว่าตั้งแต่พี่ชายคนนี้ก้าวลงจากรถเลยมากกว่า คิดไว้อยู่หรอกว่าพี่มาร์คต้องเป็นคนดัง แต่มาเจอจัง ๆ กับตัวแบบนี้ก็เล่นเอางงไปเหมือนกัน
ดูเหมือนว่าจะดัง... แล้วก็มีคนชอบมากกว่าที่คิดไว้
น่าแปลกใจมากกว่า... พี่มาร์คไม่แม้แต่จะสนใจใคร... รอยยิ้มหรือคำพูดทักทายก็ไม่มีหลุดมาให้ได้ยินเลยสักคำ
จะว่าไป... ตั้งแต่แบมแบมมาถึงที่นี่ ก็ยังไม่เคยได้เห็นพี่มาร์คยิ้มเลยสักครั้งนะ...
ทำไมถึงไม่ยิ้มกันน้า~~
“กันต์พิมุกต์!”
“ค... ครับ! ขอโทษครับอาจารย์”
เพราะมัวแต่คิดเรื่องของรูมเมทรุ่นพี่มากเกินไป หากไม่มีเสียงเรียกชื่อจริงด้วยสำเนียงไม่คุ้นหู แบมแบมคงไม่ได้รู้ตัวเลยว่าเดินเข้ามาถึงห้องพักของอาจารย์ที่ปรึกษาเป็นที่เรียบร้อย แถมยังนั่งลงตรงข้ามอาจารย์แล้วอีกต่างหาก แน่นอน ข้าง ๆ กันก็เป็นพี่มาร์คที่ยังคงรักษาระดับความนิ่งได้อย่างดีเหมือนเดิม
อีกนิดนะ... ถ้าไม่ติดว่าพี่มาร์คเลี้ยงแบมอยู่ แบมจะแอบนินทาแล้วนะว่าพี่มาร์คขี้เก๊กมากเลย
“เพิ่งย้ายเข้ามาเรียนใหม่ ที่ต้องให้ผู้ปกครองมาด้วยก็เป็นเพราะเธอมาจากต่างประเทศ อาจจะมีเรื่องให้ปรับตัวหลายอย่าง นอกจากครูที่เป็นคนดูแล คงต้องบอกให้พี่ชายช่วยแนะนำน้องด้วย... คงทำได้ใช่ไหมจ๊ะ มิสเตอร์ต้วน”
อาจารย์สาวถามมาร์ค ต้วนด้วยความสนิทสนม ส่วนคนถูกถามก็แค่พยักหน้าและยิ้มตอบกลับไปตามมารยาท มีการพูดคุยอีกนิดหน่อยระหว่างผู้ปกครองจำเป็นและที่ปรึกษา แต่ทว่าคำพูดคำจาก็ดูไม่ค่อยเหมือนคนเพิ่งเจอกันครั้งแรกสักเท่าไหร่ แบมแบมได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ ทำไมอาจารย์กับพี่มาร์คถึงได้ดูสนิทสนมกันจังเลยนะ...
“ไม่ต้องทำหน้าตาอยากรู้ขนาดนั้น เราน่ะ แบมแบมใช่ไหม” อาจารย์ที่ปรึกษาถาม เด็กชายแบมแบมพยักหน้าอย่างแข็งขัน “อืม... อาจารย์เป็นลูกพี่ลูกน้องกับมาร์ค เลยค่อนข้างจะสนิทกัน แต่... ถึงสนิทเจ้านี่ก็ยังเงียบใส่แบบนี้ ทนหน่อยแล้วกันนะ มีผู้ปกครองจำเป็นอย่างเจ้านี่น่ะ”
ลูกพี่... ลูกน้องเหรอ...
อ้าว... ทำไมโลกกลมขนาดนี้นะ
“ล... แล้วทำไมตอนแรกถึงได้ดูไม่ตกใจเลยล่ะครับ อีกอย่าง... แบมอาจจะทำให้พี่มาร์คลำบากถ้าหากต้องดูแลขนาดนั้น” แบมแบมถามด้วยความกังวล แอบเหลือบมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของมาร์ค ทั้งเกรงใจและนึกกลัวว่าอีกฝ่ายจะต้องยุ่งยากกับเรื่องของเขามากเกินไป
ไอ้พี่แจ๊คสัน! อย่าให้กลับมานะ แบมจะบ่นให้หูชาเลย รับปากแต่ดันต้องเดือดร้อนคนอื่นไปด้วยเนี่ย!
“เรามัวแต่เหม่อเลยไม่ได้ยินล่ะสิ ช่างเถอะ เอาเป็นว่าไม่ต้องคิดมาก แบบนี้สิดี อีกอย่าง... แจ๊คสันก็เป็นเหมือนน้องของอาจารย์ อ้อ เรียกอาจารย์เฟยนะ ลืมแนะนำตัวไปเลย”
อาจารย์สาวยิ้มกว้าง ท่าทางเป็นมิตรและใจดีทำเอาเด็กหนุ่มผู้มาจากแดนไกลถอนหายใจอย่างโล่งอก
อย่างน้อยก็ไม่ต้องเจอคนอย่างพี่มาร์คในร่างของผู้หญิงล่ะนะ
“เอาล่ะ นั่งคุยกันมานานแล้ว ใกล้ถึงเวลาโฮมรูมเต็มที ให้อีกไม่เกินห้านาที ตามครูไปห้องเรียนด้วยล่ะแบม”
“ครับ!”
แบมแบมรับคำ ตั้งใจที่จะเดินตามอาจารย์ที่ปรึกษาไปยังห้องเรียน แต่ก็ถูกเสียงทุ้มของพี่ชายร่วมห้องรั้งให้เขาหยุดการกระทำเอาไว้เสียก่อน...
ครั้งแรกที่มาร์ค ต้วนพูดกับแบมแบมด้วยประโยคยาว ๆ
เท่าที่แบมจำได้ตั้งแต่เจอกันนั่นแหละนะ
“นายยังไม่รู้ทางกลับบ้าน เย็นนี้เลิกเรียนเมื่อไหร่ก็โทรบอกพี่แล้วกัน เดี๋ยวจะมารับ...” มาร์คพูด แต่ยังไม่ทันที่แบมแบมจะได้แทรกคำถาม ชายหนุ่มก็เริ่มพูดต่อไปซะก่อน “เดี๋ยวจะพาไปสอนขึ้นรถประจำทาง แต่ช่วงที่พี่ยังไม่ว่าง ก็นั่งรถมาโรงเรียนกับพี่ทุกเช้าไปก่อนก็แล้วกัน”
โอเค... เป็นอันว่าแบมแบมประหยัดค่ารถไปได้อีกหลายวันสินะครับ
แบมเชื่อฟังพี่มาร์คอยู่แล้ว...
“ขอบคุณนะครับพี่มาร์ค ~~”
*****
TBC >>> baby 2
bpuppyy_ says : ให้ทายว่าพี่มาร์คหวั่นไหวหรือม่ายยยยยยย ฮา
น้องแบมแบมมาแล้ว ชอบน้องแบมเวอร์ชั่นนี้กันไหมคะ>< น้องจะเป็นความน่ารักและสดใส ใครอยู่ด้วยก็เป็นต้องหลงรักแน่ ๆ เลยน้อ ~ พี่มาร์คก็ยังคงคอนเซ็ปต์เจ้าชายน้ำแข็ง เมื่อไหร่น้ำแข็งจะละลายต้องรอดูกันน้า
ขอบอกเลยว่าปลื้มใจกับคอมเม้นท์ที่ได้รับในตอนแรกมาก รวมถึงยอดเฟบ หรือทุกอย่างที่เป็นการตอบรับของฟิค มีคุณค่ากับเรามาก ๆ เลยนะคะ ดีใจที่ทุกคนชอบ ดีใจที่ทุกคนติดตาม แล้วก็หวังว่าจะอยู่กับพี่มาร์คน้องแบมในเรื่องนี้ไปนาน ๆ เลยน้า ถ้าทุกคนอยากอ่าน เราจะพยายามรีบมาต่ออย่างไวว่องเล้ย ฮา~
ปล. สำหรับแท๊กในทวิต เรายังไม่แน่ใจว่าอันไหนใช้ได้ TT เผื่อหลาย ๆ คนอ่านแต่สกรีมไม่ถนัดนะคะ ตอนนี้อาจจะเป็น #ficbaby หรือ #อดรบ (อันมาจากชื่อเรื่อง adorable baby) ประมาณสองอันนี้ เราจะแอบลองเข้าไปส่อง ๆ ดูน้า ทดลองแท๊กกันได้ ถ้าไม่ได้เราก็สื่อสารกันผ่านทางคอมเม้นหรือทวิตกันเนาะ ชอบหรือไม่ติชมกันได้เลยนะคร้าชช
***EDIT ชื่อน้องแบมอีกครั้ง กันต์พิมุกต์นะคะ ขอบคุณคุณคนอ่านที่น่ารักมากเล้ย ♥♥
เจอกันตอนหน้าค่ะ ♥
@bpuppyy_
ความคิดเห็น