คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : . . .b e l i e v e . . . CHAPTER : 13
CHAPTER : 13
“ตอบตามความจริงมานะ”
คนชิคพูดเหมือนรู้ทันว่าคนร่างสูงจะตอบไม่ตรงคำถามและไม่ยอมพูดความจริงออกมาเพราะยูคยอมไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใครเลยแล้วเก็บเรื่องนี้เอาไว้คนเดียว
“เอาจริงๆเลยนะครับผมเองก็ไม่อยากปิดบังอะไรอีกต่อไปนะครับ เรื่องนั้นก็คือ.....
ในวันที่ท่านประธานจัดงานกระชับมิตรเป็นวันที่ทำให้ใครหลายๆคนเกิดเรื่องวุ่นวาย วันที่ใครหลายคนคุยกันน้อยลง วันที่เพื่อนของผมจากไปแล้ว วันที่ผมไม่เหลือใครที่ใกล้ชิดอีก วันนั้นที่เก้าอี้ยาวสีขาวหลังสวนสนุกที่เราไปแบมแบมลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำแล้วบอกให้ผมนั่งรออยู่ตรงนั้นคนเดียว
แบมแบมหายไปนานมากๆจนผมเริ่มกลัวว่าเขาจะลืมว่าผมรอเขาอยู่ สุดท้ายพี่แจ๊คสันก็เดินมาหาผมแล้วบอกว่าแบมแบมกลับไปพร้อมมาร์คฮยองแล้ว ทุกคนก็รู้ว่าเมื่อก่อนเราสนิทกันมาก หลังจากนั้นผมก็คิดว่าเขาเป็นคนทรยศที่ห่างจากผมไป แล้วยังไม่เคยขอโทษในความผิดที่เขาทำเอาไว้ ผมทำถูกแล้วใช่ไหมครับ”
สิ้นสียงของคนที่กำลังเล่าแล้วมองหน้าร่างเล็กด้วยสายตาที่แข็งกร้าวท่ามกลางความเงียบของเกาะและเมมเบอร์ที่นั่งอยู่ล้อมรอบบ เช่นเดียวกันกับที่มีใครบางคนที่คิดอะไรบางอย่างได้แล้วรีบถามไปทันที
“แจ๊คสันฮยอง ไปหายูคยอมหรอ แต่ทำไม...” ยองแจรีบเอามือปิดปากตัวเองเหมือนพูดสิ่งที่ต้องการจะเก็บเอาไว้ออกไป แต่เสียงที่ต่อจากนั้นของแจ๊คเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าเขาพลาดแล้ว
”ทำไมล่ะ วันนี้ยังไงนายก็ต้องพูดมันออกมา เพราะว่าเรากำลังเล่นเกมส์บอกความจริงกันอยู่แล้วนี่ก็ถึงตาของนายแล้วด้วย”
“ใช่นายต้องเล่ามันออกมาด้วยความจริง” เสียงของจูเนียร์คนที่รู้ความลับทั้งหมดของทั้งสองพูดย้ำ
“ก็ได้ ผมพลาดเอง...
วันนั้นแจ๊คสันฮยองบอกผมว่าจะไปซื้อไอศกรีมแล้วให้ผมนั่งรอเหมือนยูคยอม เขาหายไปนานมากๆจนผมคิดว่าเขาคงลืมและทิ้งผมไปแล้ว ผมก็เดินตามทางไปเรื่อยๆจนจะถึงรถแต่สิ่งที่ผมเห็นคือแจ๊คสันฮยองกำลังคุยอะไรสักอย่างกับแบมแบมในขณะที่มาร์คฮยองกำลังดึงมือแบมไปขึ้นรถ ผมก็เลยทำเป็นไม่สนใจแล้วเดินไปขึ้นรถตามปกติ”
เสียงเย็นชาของยองแจจบลงเสียงของออมม่าก็แทรกขึ้นทันที
“นายอิจฉาแบมหรอ”
“ป่าวนะ ผมไม่เคยอิจฉานะ ผมแค่น้อยใจเฉยๆน่ะ อีกอย่างผมก็ไม่ได้คิดอะไรกับแจ๊คสันฮยองอยู่แล้ว”
“นายแน่ใจหรอ ที่พูดคำนั้นออกมา” เสียงของจูเนียร์ดังขึ้นอีกครั้งในขณะที่แจ๊คสันได้แต่นั่งก้มหน้า ยองแจไม่ตอบกลับในสิ่งที่จูเนียร์ถาม
“แล้ววันนั้นพี่แจ๊คสันคุยอะไรกับพี่แบมล่ะคะ” เด็กน้อยเริ่มแสดงตัวตน
“คงไม่มีใครอยากจะรู้หรอก มันไร้สาระจะตาย เล่าไปก็คงไม่มีใครเข้าใจหรอก ข้ามเรื่องนี้ไปเถอะนะ” แจ๊คสันพูดเสียงตลก...แต่มันดูไม่ตลกเอาเสียเลยกับความอินของทุกคนในบรรยากาศที่เกือบจะลายเป็นเลิฟซีนถ้าตอนนี้พวกเขาดีกันแล้ว
“อยากรู้กันจริงๆหรอ” เสียงของทุกคนเงียบและรอฟังบวกกับสีหน้าที่ดูกดดันของทุกคนแจ๊คสันจึงเล่ามันบอกมา
“ตอนนั้น...
ผมเดินไปซื้อไปศกรีมจริงๆ แต่มันหมดแล้วไง ผมเลยเดินกลับมา แล้วก็เจอแบมแบมที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำพอดี ผมก็ทักทายแบบปกติ แล้วมาร์คฮยองก็เดินมาพร้อมกับจูงมือแบมแบมไปเฉยเลย.. แล้วก็บอกว่าตอนนี้หมดเวลาสนุกแล้ว เรียกรวมกันแล้ว คือ..ตอนนั้นผมเป็นห่วงยองแจมากจริงๆนะ.. เพราะผมทิ้งเขาเอาไว้คนเดียว พอมาร์คฮยองดึงมือแบมแบมไป ผมก็ได้ยินนะว่าแบมบอกว่าเขาก็ทิ้งยูคไว้เหมือนกัน...แล้วยังบอกให้ผมไปตามยูคยอมด้วย
จริงๆผมก็เห็นนะ ว่าแบมจะไปตามยูค แต่ว่ามาร์คฮยองไม่ให้ไปเพราะว่ามันเริ่มมืดแล้ว แล้วเขาก็ลากแบมแบมไปที่รถเลย..
คือ ..ผมงงมากอ่ะว่าจะไปหาใครก่อน... แต่ที่เดินไปหายูคก่อนนี่ไม่ใช่ว่าแจไม่สำคัญนะ เขาสำคัญมากด้วยซ้ำ แต่คือ..ยูคยอมเด็กกว่า.. เมื่อเทียบกับยองแจคนที่เป็นน้องแต่ไม่เหมือนน้อง เพราะ ปกติเจ้านั่นก็พึ่งพาตัวเองได้อยู่แล้ว ผมเลยรีบวิ่งไปหายูคยอม แล้วก็เห็นเขานั่งก้มหน้าเหมือนเครียดอ่ะ? ไม่รู้จะเครียดอะไรนักหนา ก็เลยบอกให้กลับไปด้วยกัน แต่เขาก็ไม่ไป แล้วบอกว่ารอแบมกลับมา ผมเลยบอกเขาว่าแบมแบมกลับไปกับมาร์คแล้ว แล้วยูคก็ร้องไห้ คือ..นี่ผมงงมากนะ? คือร้องเรื่องอะไรล้าว? ก็บอกว่ากลับไปแล้วไงง... ก็ไม่รู้ว่าเครียดเรื่องอะไร? ก็เลยไม่รู้จะปลอบยังไง พอปลอบก็เอาแต่ร้องๆๆ แจ็คล่ะเพลียย -.-
แล้วสองคนนั้นก็ไม่ค่อยคุยกันเลย..แถมยังเหวี่ยงใส่กันไม่เลิก ผมไม่รู้จริงๆนะว่ามันจะมีสาเหตุมาจากเรื่องนี้อ่ะ แล้วตอนที่ผมไปส่งยูคยอมที่รถ ก็เจอยองแจอยู่ที่นั่นแล้ว ผมก็เลยไม่ได้เอะใจอะไร แต่ถ้าวันนั้นยองแจยังมาไม่ถึงผมก็จะรีบวิ่งกลับไปหาเขาแล้ว แต่..นี่คือกลับมาแล้วไง? แล้วผมกับยองแจก็ห่างกันมากขึ้น.. ก็ยังงงๆอยู่ ว่าเป็นอะไร? แต่ก็ยังคุยกันแบบปกติ”
“ตอนนี้พวกนายก็ควรจะเข้าใจกันได้แล้วนะ ทั้งยูคยอมกับแบมแบม แล้วก็แจ๊คสันกับยองแจ” เสียงของคนชิคที่นั่งฟังอยู่นานจนรู้เรื่องราวทั้งหมดเอ่ยขึ้น
“ทำไมผมต้องดีกับคนแบบนี้ด้วยล่ะครับ” เสียงของร่างสูงดังขึ้นเมื่อไม่เคยชินกับการต้องขอโทษหรือการเริ่มคุยก่อน นี่นายยังไม่เข้าใจอีกหรอ ว่าแบมไม่ได้ตั้งใจแล้วยังบอกให้แจ๊คสันไปรับนาย แบมไม่ทิ้งนายเอาไว้คนเดียวหรอกน่า” คนชิคพูดอีกครั้งเมื่อร่างสูงยังดูเหมือนจะไม่เข้าใจ
“นายจะไม่เชื่อยังไงก็ช่าง แต่ก็รู้เอาไว้ด้วยว่าฉันไม่เคยคิดจะทิ้งนาย”
“แบมนายกำลังงโกหกอยู่นะ” เสียงของร่างสูงตัดขึ้น
“นั่นก็แล้วแต่ว่านายจะคิดยังไง แต่สิ่งที่ฉันพูดมันคือความจริง สมมตินะ..ถ้าฉันเป็นกล่องๆนึงที่นายได้รับมา นายได้แต่มองมันอยู่แบบนั้น ไม่คิดที่จะเปิดมันออกมาบ้างหรอว่าข้างในนั้นมันมีอะไรกันแน่ แทนที่นายจะคิดไปเองว่าในนั้นจะมีอะไรหน่ะ ใช่...นายอาจจะเดามันถูกแต่นายก็คงไม่รู้หรอกว่าจริงๆแล้วมันจะมีอะไรที่แตกต่างไปจากสิ่งที่นายคิดเอาไว้บ้างเพราะนายไม่เคยแกะมันออกมา ก็เหมือนกับเราทั้งคู่นั่นแหละที่ได้แต่มองกันไปมองกันมา คิดกับไปเองคนละแบบโดยที่ไม่เคยถามหรือตอบกันเลย เราเลยไม่เคยรู้ความจริงนั้นมาตลอด ตอนนี้ก็ 7 เดือนแล้วไม่ใช่หรอ จนถึงตอนนี้นายยังจะอยากที่จะรู้อะไรเกี่ยวกับกล่องไปนั้นอยู่อีกหรือเปล่า เรื่องนี้มันถูกเปิดเผยแล้วก็จริงแต่ว่านายก็ยังไม่ได้เปิดกล่องนั้นออกมา ยังไม่เคยรู้อะไรที่อยู่ในใจของฉันจริงๆเลย นายอยากจะรู้มันอยู่ไหม” แบมแบมพูดด้วยเสียงที่จริงจัง
“ก็ได้ฉันจะให้โอกาสนายอีกครั้งแต่บอกเลยว่านี่มันจะเป็นครั้งสุดท้าย” เสียงของยูคยอมพูดแบบนิ่งๆ
“เย่ๆๆๆ นายหายโกรธฉันแล้ว ขอบคุณฮยองทุกคนเลยนะครับ” พูดจบแบมแบมก็กอดยูคยอมที่นั่งข้างๆด้วยความดีใจท่ามกลางความตกตะลึงของเมมเบอร์อีก 5 คน และเด็กน้อยที่ได้แต่นั่งฟินอีก 1 คน
“นี่มันสิ่งที่วีต้องการนี่นา”
“อะไรกันวี พี่ยังไม่ได้ให้อภัยแบมไปทั้งหมดซะหน่อยนะ มันต้องใช้เวลา ใครจะไปหายโกรธเร็วขนาดนั้น” ร่างสูงพูดพร้อมกับผลักร่างเล็กออก
“อ้าว เป็นงั้นไป ไม่เป็นไร ตอนนี้น้องมี่ของแบมแบมฮยองหายโกรธก็โอเคแล้วล่ะ” เสียงน่ารักปรากฏพร้อมกับรอยยิ้มที่หน้าของแบมแบม
“อย่าเรียกแบบนี้สิ มันดูตลกๆนะ”
“ทำไมอ่ะ บางทีนายก็เรียกฉันว่าฮยองอยู่แล้ววนี่นา” เสียงสงสัยขอร่างเล็กเริ่มขึ้นอีกครั้ง
“มันก็บางครั้งน่ะ แต่นายบอกเองไม่ใช่หรอว่าให้เรียกว่าแบมแบมอย่างเดียวห้ามเรียกว่าฮยอง แต่บางทีฉันก็แค่หลุดปากไปน่ะ”
“ไม่เอา ไม่เรียก” เสียงของยูคดูเป็นเด็กงอแงอีกครั้ง
“ต้องเรียก ข้อตกลงนั้นยกเลิกไปซะ”
“ไม่...” คนร่างสูงยังพูดไม่ทันจบเสียงของคนแมนก็ขัดทันที
“เลิกทะเลาะกันได้แล้ว ตอนนี้ก็ดีกันแล้วนี่ เราเล่นเกมส์กันอยู่นะ คนต่อไปจูเนียร์เริ่มได้” เสียงของมาร์คดูขัดใจกับอะไรบางอย่าง
“ความลับของฉันน่ะหรอ จริงๆก็ยากจะบอกเรื่องนี้มานานแล้วล่ะ แต่ก็ไม่กล้าบอกซักที” เสียงใสใสดูเขินอาย
“ไม่ต้องเขินหรอก ยิ้มเขินทีตีนกาบังหน้านายหมดแล้ว” เสียงคนชิคพูดขัดใจเสมอ
“เรื่องที่จะเล่าน่ะ มันเป็นเรื่องที่ฉันไม่เคยบอกใครมาก่อน ที่ฉันเรียกเจบีว่าฮยองตลอดทั้งๆที่เกิดปีเดียวกัน เพราะว่าฉันรู้สึกเหมือนเจบีฮยองมีความคิดที่เป็นผู้ใหญ่ คิดลึกกว่าหลายๆคนที่อายุเท่าๆกันแล้วก็..” จูเนียร์ยังพูดไม่ทันจบเสียงแห่งความจับผิดของยูคยอมก็แทรกขึ้น
“คิดลึกนี่หมายถึงอะไร แบบชอบคิดเรื่อง 19+ บ่อยๆใช่ไหมครับ” เสียงหัวเราะดังขึ้นทันที
“ทำไมนายชอบพูดเรื่องแบบนี้เนี่ย อ่านหนังสือแบบนั้นบ่อยสินะ” คนชิตพูดพร้อมกับส่ายหน้า
“จะบ้าหรอฮยอง อ่านอะไรกัน ไม่เค้ยไม่เคย ฉันออกจะเป็นคนใสใส”
“ไสยศาสตร์ชัดๆ” เสียงกวนๆของแจ๊คสันเริ่มออกมาอีกครั้ง
“อย่าแซะสิ ต่อๆยังเล่าไม่จบ ฉันหมายถึงแบบคิดแบบผู้ใหญ่อ่า ถึงแม้ว่าฮยองจะอยากให้ฉันเรียกว่าเจบีธรรมดา แต่บางทีก็เผลอหลุดปากไป แต่ฉันรู้สึกอยากจะเรียกแบบนั้นจริงๆนะ ถึงแม้ว่าบางทีก็ดูลึกลับ เงียบจนน่ากลัว ชอบเหวี่ยงวีนบ่อยๆ แต่ฉันก็ชอบนะ”
“ชอบหรอ นายชอบฉัน?” เสียงทวนคำพูดที่ดูยากเกินจะตอบให้ตรงก็มาพร้อมกับคนตรงๆอย่างเจบี
“เอิ่มม ฮยองจะหลงตัวเองเกินไปแล้ว”
“บอกแล้วไงอย่าเรียกว่าฮยอง” เสียงย้ำเตือนของเจบีพูดอีกครั้ง
“จะให้เรียกว่านูน่าหรือไงเล่า เจบีนูน่า อืม เข้ากว่าเจบีฮยองตั้งเยอะ”
“เจบีนูน่า!” เสียงของทุกคนในวงเรียกขึ้นพร้อมกัน
“คุยอะไรกันอยู่ เสียงดังมากเลยรู้ไหม” เสียงของชานซองจากบ่ายสองที่เดินมานั่งอยู่ข้างหลังเจบีดังขึ้นจนทุกคนเริ่มกลัว
“อะ..อ่า...เอ่อ.ชานซองฮยองมาทำอะไรครับ”เสียงแห่งความกล้าหาญของเจบีคนชิค
“ไม่มีอะไรหรอก เล่นอะไรกันอยู่หรอเล่นด้วยสิ พอดีฮยองหนีอูยองฮยองมาน่ะ”
“เราเล่นเล่าความจริงกันอยู่ครับ ฮยองมาพอดีก็สารภาพบาปได้เลยครับ” เมื่อแจ๊คสันผู้กล้าหาญพูดจบก็รีบวิ่งไปคว้าตัวชานซองที่กำลังจะหนีไปด้วยความเร็วแสงแล้วจับมานั่งอยู่ระหว่างตัวเองกับจูเนียร์เพื่อกันการหนีไป
“อ้าว ถึงตาฮยองแล้ว เริ่มเลย มีอะไรจะสารภาพกับพวกเราหรือเปล่าครับ” เสียงมีลับลมคมในของแจ๊คสันทำให้ชานซองจอมพลังแอบหวั่นใจอยู่ไม่น้อย
“คือว่า....ฮยองขอโทษแล้วกันนะ”
"เรื่องอะไรหรอฮยอง ผมไม่เห็นรู้เรื่องเลยอ่า” ในขณะที่แจ๊คสันกำลังแอ๊บใสอยู่นั้นก็เกาะแขนชานซองไว้แน่นราวกับจับนักโทษมาขังไว้
“คือวันนั้นน่ะ ที่ต้องนอนดึกกัน เพราะฮยองแอบปีนขึ้นไปหมุนเวลานิดหน่อยน่ะ ขอโทษจริงๆนะที่ทำให้นอนดึก” เสียงของจอมพลังดูหวิวๆราวกับรู้ภัยอันตรายที่จะมาถึง
“นึกว่าใครที่แท้ก็ฮยองนี่เอง อย่างงี้ต้องโดนทำโทษซะแล้ว” เสียงของลีดเดอร์พูดขึ้นลอยๆ
“เอ๊ะฟืนก็มีแล้ว ทุกอย่างก็ครบแล้วแต่รู้สึกเหมือนทุกคนจะเมื่อยๆกันนะ”เสียงพูดลอยๆนั้นทำให้ชานซองไม่อยากจะคิดถึงอนาคตอันใกล้หากเขาไม่ทำจึงตัดสินใจนวดไหล่ให้ทุกๆคน
“ตาฮยองแล้วนี่ เริ่มเลยนะเอาเรื่องอะไรดี” เสียงคนชิคที่ดูแบ๊วถาม
“โถ่ฮยองไม่เห็นจะต้องอะไรมากมาย งั้นแบมถามเองนะ ตอบตามความจริงด้วย”
“อ่า”
“ทำไมฮยองแก่” คำถามของแบมแบมไม่ได้ทำให้คนชิคหวั่นสักเท่าไหร่เพราะมันเป็นเรื่องปกติที่แบมแบมชอบว่าเจบีแก่ทั้งสีผม แล้วเสียงที่ดูแก่ของเขา แต่เจบีก็ไม่เคยโกรธเลยแม้แต่ครั้งเดียว
...แต่คนที่ได้รับผลกระทบนั้นคือคนที่กำลังนวดไหล่ให้กับแบมแบมในตอนนี้
“แก่หรอ ช่างเถอะ ยังไงชานซองฮยองก็แก่กว่าฮยองอยู่แล้วล่ะ”
“โอ้ยยย ฮยองนวดเบาเบาหน่อยสิ เจ็บไปทั้งตัวแล้วเนี่ย” เสียงโอดโอยของแบมแบมดูท่าทางเจ็บปวด
“ฮยองป็นไอดอลสัตว์ป่าเชียวนะ”
“ไอดอลชราสิไม่ว่า หึ หึ” ชานซองยิ่งบีบแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็มีใครบางคนมาช่วยชีวิตเอาไว้ทัน
“อูยองฮยอง” ชื่อเรียกของคนที่ชานซองเพิ่งจะหนีมาดังขึ้น
“เดี๋ยวนี้ทำตัวให้เป็นประโยชน์แล้วหรอ นวดให้น้องด้วย.. แต่มันดูแรงไปนะ จะฆ่าคนหรือไง ต้องนวดแบบนี้สิ” อูยองมุ่งเป้าหมายแรกไปที่วีแล้วนวดไหล่ให้เบาเบา
“แหม แหม ฮยองเล็งผู้หญิงเลยนะจะไปฟ้อง...” ชานซองยังพูดไม่ทันจบอูยองก็กระโดดเอามือเข้าไปปิดปากทันที
“เงียบเอาไว้นะ เราไปกันเถอะชานซองน้องรัก” พูดจบอูยองก็ลากตัวออกไปทันที
“พี่เค้ายังรักกันดีใช่ไหมคะ”
“วีอย่าเปลี่ยนเรื่องตอนนี้ตาเธอแล้ว” เสียงยองแจดักทางทันที
“อ่า เล่าก็ได้... วันที่ทุกคนลากวีมาแต่งหน้าอ่ะ ที่วีดูหงุดหงิดตอนนั้นเพราะว่าวีไม่ได้แต่งอะไรมาได้ตั้ง 2 เดือนแบบไม่มีอะไรเลยอ่าแป้ง ครีมไม่แตะเลย พึ่งแต่โฟมล้างหน้า ไม่รู้หรอว่าผู้หญิงติดอะไรแบบนี้มากๆเลย เพราะว่าเวลาที่แต่งไปครั้งนึงแล้วมันดีกว่าเดิมก็อยากจะทำใหม่ไม่ใช่หรอคะ เหมือนที่พี่แบมติดเสริมส้นแล้วก็คอนแท็กเลนส์ในตอนนี้ไงคะ” วีพูดพร้อมพยักหน้าไปด้วยเพื่อให้เห็นภาพ
“แต่พี่เป็นผู้ชายนะ” เสียงรักและใบหน้าที่ดูสวยกว่าผู้หญิงดูไม่พอใจ
“แต่นายก็น่ารักเหมือนผู้หญิงไง ยังไงแบมก็สวยกว่าวี” เสียงเล่นๆของมาร์คทำให้วีอยากจะขนเครื่องสำอางทั้งโลกมาชโลมบนใบหน้าของเธอ
“พี่มาร์ค มันโหดร้ายเกินไปแล้วนะ” วีเริ่มทำหน้ามุ่ย
“อย่าพูดกับน้องแบบนั้นสิ ยังไงวีก็เป็นผู้หญิงนะ” เจบีพูดพร้อมกับเขย่าตัววีที่นั่งอยู่ใกล้ๆเหมือนจะขอโทษแทนคนแมน
“ขอโทษน้า อุ๊งกิ๊ง” คนแมนขอโทษด้วยเสียงน่ารักพร้อมกับทำเอ็กโย่ใส่แต่ดูจะไม่ได้ผล
“ไม่ๆ หนูงอนอยู่”
“ดีเหมือนกันเนอะงอนก็บอกตรงๆ ไม่เหมือนบางคนหรอก ชิ ชะ เชอะ” แจ๊คสันพูดพร้อมกับสะบัดหน้าม้าใส่ยองแจ
“มาเป็นชุดเลยนะ โกรธกันมาตั้งแต่ชาติปางไหนละนั่น” เสียงคนแมนพูดแซะและขอโทษวีไม่หยุด
“ทำยังไงจะหายงอนครับ” คำว่าครับดูพูดยากสำหรับมาร์คที่ต้องมาง้อเด็กที่ห่างกับตัวเองครึ่งรอบ
“เมื่อยขาจังเลย รู้สึกเมื่อยๆด้วย” เด็กน้อยผู้ใสซื่อพูดขึ้นมาลอยๆพร้อมกับยื่นขาออกมา คนแมนรู้ทันจึงจับหัววีวางนอนลงบนตักของเจบีแล้วนวดขาให้
“พอใจยังครับ เด็กน้อยผู้สวยงาม”
“วีฟินมากมั้ย” เสียงของจูเนียร์พูดเหมือนหวงอะไรบางอย่าง
“ตอบคำเดียวเลยค่ะ มากกกกก...” เหมือนวีจะนึกอะไรขึ้นได้บางอย่างจึงรีบลุกขึ้นทันที
“ถึงตามาจิมาร์ค ก็อตอินบีของพวกเราแล้ว” เสียงที่ดูตื่นเต้นของแบมแบมนำมาก่อนเสียงของใครๆเมื่อพูดถึงพี่ที่ช่วยปิดบังความลับในหลายๆเรื่อง
“เล่าเลยหรอ เล่าเลยแล้วกันนะ”
“เล่าพอดีสิ เล่าเลยเดี๋ยวไม่เข้าใจ” แจ๊คสันพูดอย่างจริงจัง
“นั่นฮยองเล่นมุกหรอ” เสียงน่ารักถามเพราะเสียงนั้นขัดกับสีหน้าจริงจัง
“ไม่ได้เล่นนะ นี่ฉันจริงจัง”
“ฉันว่านะ นายควรจะหลับไปเรียนเกาหลีใหม่พร้อมๆกับวีเลยนะ” เสียงจูเนียร์พูดเรื่องภาษาเกาหลีที่แจ๊คสันชอบพูดผิดและแปลในคำที่ดูแปลกๆเสมอ
“เรื่องนี้มันเกี่ยวกับเจบีน่ะ ฉันควรจะบอกตั้งนานแล้วแต่ไม่รู้จะพูดยังไง”
“เกี่ยวกับผมงั้นเหรอ” เจบีตกใจที่เรื่องนั้นมันเกี่ยวกับตัวของเขาเอง
“เรื่องมันก็หลายครั้งแล้วล่ะ ครั้งล่าสุดมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อเช้านี้เอง....
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
หลายครั้งแล้ว..? อะไรหลายครั้งง??
to be continue..
twitter : abp_nn
facebook : ABP'nn
hashtag : #ฟิคบีลีฟ
ไปละน้าาา
ปย๊งง ^^
ความคิดเห็น