ใคร......ฆ่า - ใคร......ฆ่า นิยาย ใคร......ฆ่า : Dek-D.com - Writer

    ใคร......ฆ่า

    รูปลักษณ์ ของคนเราบ่งบอกอะไรบ้าง พูดได้หรือไม่ว่าคนหน้าตาหน้าเกลียด พูดจาไม่น่าฟัง อาจ เป็นคนที่มีจิตใจเลวทราม และในทางกลับกัน คนหน้าตาดี จำเป็นหรือเปล่าที่จิตใจจะต้องดีด้วย ไหม

    ผู้เข้าชมรวม

    303

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    303

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    1
    หมวด :  หักมุม
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  3 พ.ย. 53 / 13:34 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      รูปลักษณ์ของคนเราบ่งบอกอะไรบ้าง พูดได้หรือไม่ว่าคนหน้าตาหน้าเกลียด พูดจาไม่น่าฟัง อาจ

       

      เป็นคนที่มีจิตใจเลวทราม และในทางกลับกัน  คนหน้าตาดี  จำเป็นหรือเปล่าที่จิตใจจะต้องดีด้วย

       

      ไหม

       

       

       

      ~ใครฆ่า~

       

       

       

      ข้อเท็จจริง:

       

      หนังสือพิมพ์เซาเทิร์นอีฟนิ่งเซรัลด์ มกราคม 1988

       

      ยี่สิบห้าปีนับจากอดีดถึงปัจจุบันสำหรับคดีสังหารโหด

       

       

       

      ที่ศาลอาญาวินเชสเตอร์เมื่อวานนี้ โอลีฟ มาร์ติน อายุ 23 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 22 ถนนเลเวน

       

      เมืองดอว์ลิงตัน ถูกศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิตในข้อหาฆาตกรรมมารดา และน้องสาวของตัวเอง

       

      อย่างโหดร้ายทารุณ โดยศาลเสนอโทษขั้นต่ำจำคุก 25 ปี ผู้พิพากษาซึ่งเรียกมาร์ตินว่า สัตว์ร้ายที่ไม่

       

      มีความเป็นมนุษย์แม้แต่น้อยกล่าวว่า เธอไม่มีข้อแก้ตัวใดๆทั้งสิ้นกับพฤติกรรมอันป่าเถื่อนต่อ

       

      หญิงผู้น่าสงสารทั้งสอง การที่ลูกฆ่าแม่เป็นอาชญากรรมที่ผิดวิสัยอย่างยิ่งอยู่  และจะต้องมีบทลง

       

      โทษอย่างอุกฉกรรจ์ ตามตัวบทกฏหมาย

       

      ส่วนพี่ฆ่าน้อง ก็เป็นคดีที่หนักไม่แพ้กัน  ผู้พิพากษาเสริมว่า การที่โอลีฟ มาร์ติน ฆ่าบุคคล

       

      ทั้งสอง อย่างทารุณ เป็นการกระทำที่โหดร้ายป่าเถื่อนซึ่งอภัยโทษให้ไม่ได้และจะต้องจารึกลงใน

       

      ประวัติศาสตร์คดีอาชญากรรมว่าเป็นพฤติกรรมที่ชั่วร้ายอย่างยิ่งยวดขณะที่ลูกขุนและผู้เข้าร่วมรับ

       

      ฟังคำตัดสินของศาล   โอลีฟ  มาร์ติน กลับมีสีหน้าเรียบเฉยไม่มีความสำนึกผิดใดๆ

       

      ______

       

       

       

      ปล.กฏหมายของอังกฤษไม่มีโทษประหาร นักโทษที่ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตจะมีการกำหนดโทษ

       

      ขั้นต่ำแล้วแต่กรณี โดยเฉลี่ยประมาณ 1520 ปี และถ้า 25 ปี ถือเป็นโทษอุกฉกรรจ์

       

      ______

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      ณ.อีกฟากฝั่งของเมืองเซาธ์แมป์ตัน  สถาบันนิติเวชฮินด์เลย์   เวลา 9.00 น.

       

      รอช ชื่อเต็มว่า รอซารินด์  ลีห์

       

       

       

      รอซเป็นเจ้าหน้าที่นิติเวชประจำแห่งนี้ วันนี้งานของเธอคือหาข้อสนับสนุนคำให้การรับ

       

      สารภาพของโอลีฟ  มาร์ติน ที่กำลังถูกตัดสิน ณ.อีกฟากฝั่งของเมือง ซึ่งเป็นคดีที่กำลังมีผู้จับตามอง

       

      เป็นอย่างมาก

       

       

       

      ให้ตายเถอะ ทำไมฉันต้องมาตรวจศพที่ถูกหั่นเละ ไม่มี ชิ้นดี นี้ด้วย ผู้ต้องหาก็ยอบรับผิด

       

      แล้ว จะต้องพิสูจน์อะไรให้ยุ่งยากเพราะความเบื่อหน่ายในงานที่ทำมาเกือบ 5 ปี

       

       

                      การชันสูตรผ่านไปโดยกินเวลา 7 ชั่วโมง รอซอัดเสียงผลชันสูตรของเธอตลอดเวลาที่ทำ

       

      การหยิบชิ้นส่วนร่างกายส่วนต่างที่ถูกหั่น มาสำรวจพิสูจน์  เมื่อทำการชันสูตรเสร็จ เธอจำเป็นจะ

       

      ต้องเขียนรายงานและเปรียบเทียบกับคำให้การของโอลีฟมาร์ติน เธอนั่งพักที่โต๊ะทำงานหลังเสร็จ

       

      จากการชันสูตร  เธออ่านคำให้การของโอลีฟ  มาร์ติน

       

       

       

      ______

       

       

       

      คำให้การของโอลีฟ  มาร์ติน

       

      วันที่ 9 เดือน 9 ปี 1987เวลา  21.30 น.

      ต่อหน้าจ่าฮอว์คสลีย์   จ่าไวแอตต์

       

      อี.พี.ครูว์ (ทนายความ)

       

       

       

      ฉันชื่อ โอลีฟมาร์ติน เกิดเมื่อวันที่ 8 กันยายน 1964  อยู่บ้านเลขที่ 22 ถนนเลเวน ดอว์ลิงตัน

       

      เซาแธมป์ตันฉันทำงานเป็นเสมียนประจำกรมสวัสดิการสุขภาพและสังคมบนถนนดอว์ลิงตันไฮ

       

      สตรีท เมื่อวานนี้ เป็นวันเกิดของฉัน ฉันอายุครบรอบยี่สิบสามปีบริบูรณ์  อาศัยอยู่กับแม่มาโดย

       

      ตลอด ฉันไม่เคยใกล้ชิดกับแม่หรือน้องสาวมาแต่ไหนแต่ไร ฉันหนักเกือบสองร้อยกิโลกรัม  แม่

       

      และน้องสาวชอบล้อฉันเรื่องนี้เสมอ ตั้งชื่อเล่นให้กันว่า แฟ็ตตี้ แฮตตี้  ฉันไม่ชอบเลยที่ถูกล้อเลียน

       

      เรื่องความอ้วน

       

       

       

      ปีนี้ไม่มีใครจัดงานวันเกิดให้ฉัน ทำให้รู้สึกน้อยใจมาก แม่ บอกว่าฉันไม่ใช่เด็กๆแล้ว ต้อง

       

      จัดงานเอง เมื่อวานนี้ฉันลางานหนึ่งวันเพื่อนั่งรถไฟเข้าไปเที่ยวลอนดอนทั้งวัน  แต่ไม่ได้เตรียมทำ

       

      อะไร  เมื่อวานซึ่งเป็นวันเกิด เพราะคิดว่าแม่อาจจะแอบจัดงานวันเกิดให้ในตอนค่ำ แบบเดียวกับที่

       

      ทำให้น้องสาว ในวันเกิดครบรอบยี่สิบเอ็ดปี  แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น  พวกเราได้แต่นั่งดูโทรทัศน์กันเงียบๆฉันเข้านอนด้วยความรู้สึกเสียใจมาก แม่ให้เสื้อกันหนาวสีชมพูอ่อนเป็นของขวัญวันเกิดใส่

       

      แล้วไม่สวย ฉันไม่ชอบเสื้อตัวนี้เลย  ส่วนน้องสาวให้รองเท้าแตะใหม่เอี่ยมซึ่งถูกใจมาก

       

       

       

      ฉันตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกประหม่าที่ต้องไปลอนดอนตามลำพัง  ฉันขอร้องให้  -

       

      แอมเบอร์ น้องสาวของฉันล่าป่วยเพื่อไปเป็นเพื่อนเข้าลอนดอนด้วยกัน แอมเบอร์ทำงานที่ร้าน กลิต

       

      ซี่ ซึ่งเป็นบูติกขายเสื้อผ้าในดอว์ลิงตันได้หนึ่งเดือน แม่โมโหมากเมื่อได้ยินเรื่องนี้และสั่งห้ามเธอลา

       

      งาน เราทะเลาะกันระหว่างอาหารเช้า

       

       

       

      แม่โทษฉันว่าชักจูงให้แอมเบอร์เสียคน  เรียกฉันว่ายายแฟ็ตตี้และหัวเราะเยาะที่ฉันขี้ขลาด

       

      ไม่กล้าไปลอนดอนตามลำพัง  แม่บอกว่า ฉันสร้างความผิดหวังให้แม่มาโดยตลอดตั้งแต่เกิด เสียง

       

      ตะโกนของแม่ทำให้ฉันปวดหัวตุบๆ ฉันยังน้อยใจไม่หายที่แม่ไม่ยอมทำอะไรให้ในวันเกิดของฉัน 

       

      และอิจฉาที่แม่จัดงานวันเกิดให้แอมเบอร์

       

       

       

      ฉันหยิบไม้นวดแป้งจากลิ้นชัก  ฟาดแม่เพื่อให้หยุดพูดแล้วก็ฟาดซ้ำเมื่อแม่กรีดร้อง ฉันอาจ

       

      จะหยุดฟาดตั้งแต่ตอนนั้นก็ได้ แต่แล้วแอมเบอร์ก็กรีดร้องขึ้นมาอีกคนเมื่อเห็นฉันทำอะไรกับแม่

       

      ฉันเลยต้องฟาดแกด้วย  ฉันเป็นคนไม่ชอบเสียงดังๆมาตังแต่ไหนแต่ไรแล้ว

       

       

       

      ฉันชงชามานั่งดื่มฆ่าเวลา  ตอนแรกคิดว่าทั้งคู่คงแค่สลบทั้งสองคนนอนอยู่บนพื้น  แต่เวลา

       

      ผ่านไปชั่วโมงหนึ่ง ฉันก็นึกสงสัยว่าแอมเบอร์กับแม่อาจจะตายแล้วก็ได้ เพราะทั้งคู่ดูตัวซีดมากและ

       

      ไม่ขยับเขยื้อน ฉันรู้ว่าถ้าเอากระจกไปจ่อที่ปากแล้วไม่มีรอยฝ้าก็แสดงว่าตายแล้ว ฉันหยิบกระจก

       

      จากกระเป๋าถือเอามาจ่อที่ปากของแม่และน้องอยู่นาน แต่ไม่มีรอยฝ้าเลยแม้แต่นิดเดียว

       

       

       

      ฉันตกใจมาก!ไม่รู้จะเอาศพไปซ่อนที่ไหน ตอนแรกนึกว่าจะลากขึ้นไปไว้ในห้องใต้หลังคา

       

      แต่พวกเขาตัวหนักมาก ลากขึ้นบันไดคงไม่ไหว ต่อจากนั้นฉันก็คิดว่าเอาศพไปทิ้งทะเลจะดีที่สุด

       

      เพราะห่างจากบ้านแค่สามกิโลเมตรเท่านั้น แต่ฉันขับรถไม่เป็น จึงคิดว่าถ้าหั่นศพให้เป็นชิ้นเล็กชิ้น

       

      น้อยก็จะเอาใส่กระเป๋าไปทิ้งได้ ฉันเคยหั่นไก่อยู่บ่อยๆก็เลยนึกว่าหั่นแม่กับแอมเบอร์คงไม่ยาก ฉัน

       

      ใช้ขวานที่เก็บไว้ในโรงรถและมีดแล่เนื้อจากลิ้นชักในครัว

       

       

       

      แต่หั่นศพไม่เหมือนหั่นไก่  พอถึงบ่ายสองโมงฉันก็หมดแรงขนาดเพิ่งเฉือนหัว ขา และ

       

      แขนได้แค่สามข้างเท่นั้น เพราะเลือดออกเยอะเหลือเกิน  ทำให้มือลื่นอยู่เรื่อย หั่นไม่ค่อยถนัด ฉันรู้

       

      ว่าอีกไม่นานเพื่อนบ้านอาจจะรู้เข้า  ก็เลยคิดว่าโทรศัพท์แจ้งตำรวจดีกว่า และยอมรับสารภาพว่าทำ

       

      อะไรลงไปพอตัดสินใจได้ฉันก็รู้สึกสบายขึ้น

       

       

       

      ฉันไม่ได้คิดจะหนีออกจากบ้านและแสร้งทำเป็นว่าคนอื่นเป็นคนทำ ไม่รู้ว่าทำไม ฉัน

       

      หมกหมุ่นแต่เรื่องซ่อนศพ คิดอยู่เรื่องเดียวเท่านั้น ตอนหั่นศพไม่สนุกเลย ฉันต้องถอดเสื้อผ้าของแม่

       

      และน้องออกเพื่อดูว่าข้อต่ออยู่ที่ไหนบ้าง  ฉันเอาชิ้นส่วนศพมาวางเรียงกันใหม่เพื่อให้ดูดีขึ้น แต่ไม่

       

      รู้ตัวว่าว่างสลับชิ้นกัน  เพราะเลือดเยอะเหลือเกิน จนดูไม่ออกว่าศพใครเป็นศพใคร เป็นไปได้ว่าฉัน

       

      อาจจะวางหัวแม่ไว้กับศพของแอมเบอร์ ทั้งหมดนี้ฉันลงมือทำคนเดียว

       

       

       

      ฉันเสียใจในสิ่งที่ทำ  ฉันทำไปด้วยความลืมตัว และขอยืนยันว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่บันทึกไว้

       

      ในนี้เป็นความสัตย์จริง

      ลงชื่อ

       

      โอลีฟ     มาร์ติน

       

      ________

       

       

       

      หลังจากที่รอซอ่านเสร็จเธอถึงกับกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ เมื่อมาดูเทียบกับผลชันสูตรที่

       

      บอกว่า โอลีฟ ฆ่าแม่และน้องขณะที่มีชีวิตอยู่และมีร่องรอยของการใช้ขวานที่ทื่อและเต็มไปด้วย

       

      สนิมทำให้ต้องจามข้อต่อในหลายรอบกว่าจะหั่นชิ้นส่วนได้ แต่!มีจุดที่น่าสนใจอยู่หลายจุดที่ขัดแย้ง

       

      กันมากมาย รอซรีบหยิบมือถือของเธอขึ้นมาทันใด

       

       

       

      ฮัลโหล ค่ะ จ่าไวแอตต์หรือเปล่าค่ะ ฉันคิดว่าคุณเป็นคนทำคดีโอลีฟ มาร์ติน ถูกต้องหรือ

       

      เปล่าค่ะรอซพูดขณะเดียวกันได้มีเจ้าหน้าที่เข้ามาเคลื่อนย้ายศพออกไป

       

       

       

      เออ ...ครับ ใช่ครับจ่าไวแอตต์ตอบกลับมา ตอนนี้เขาอยู่ที่สถานีตำรวจ

       

       

       

      คือว่า ฉันเป็นเจ้าหน้าที่ของสถาบันนิติเวชฮินด์เลย์ เจ้าหน้าที่รอซค่ะ ฉันมีเรื่องที่คุณควร

       

      ทราบค่ะ ฉันคิดว่าผู้ต้องหาที่คุณจับไปน่าจะไม่ใช่คนฆ่าแม่และน้องสาวของตัวเอง  น่าจะมีมือที่

       

      สามค่ะหรือไม่ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าเธอคือผู้บริสุทธิ์ ด้วยผลการพิสูจน์ทางด้านนิติเวชต่างพบข้อ

       

      สงสัยหลายจุดค่ะที่บ่งชี้

       

       

       

      แต่ขอโทษนะครับ เรียกคุณว่าคุณรอซได้ใช่ไหมครับ

       

       

       

      ค่ะ

       

       

       

      คุณรอซครับ แต่ว่าผู้ต้องหาให้การรับสารภาพแล้วนะครับ

       

       

       

      ค่ะ ฉันรู้  ซึ่งฉันคิดว่าเธอน่าจะออกรับผิดแทนใครซักคนรอซพูดขณะมองศพที่ถูก

       

      เคลื่อนย้ายออกไปเหลือแต่เธอคนเดียว

       

       

       

      คุณบอกเหตุผลได้ไหมครับ  การจะทำคดีที่ศาลเพิ่งตัดสินไปแล้วเนี้ยนะครับ  คุณรู้ไหมว่า

       

      จะทำให้เป็นเรื่องยุ่งยากขนาดไหน จำเป็นจะต้องมีหลักฐานไปยืนยันหรือหักล้างข้อเท็จจริงก่อน

       

      หน้านี้ถึงจะสามารถไต่สวนใหม่ได้นะครับ

       

       

       

      ค่ะ เหตุผลที่ฉันพูดเรื่องนี้กับคุณมันค่อนข้างที่จะเออ..แบบว่ากระทบกระเทือนถึงคุณหรือ

       

      แม้แต่ผู้ที่ร่วมทำคดีนี้ทุกคนเลยนะค่ะ  คุณคิดว่าคุณต้องการจะทำไหมค่ะการพูดของรอซทำให้จ่า

       

      ไวแอตต์ต้องตรึกตรองถึงผลกระทบที่จะตามมาหากเป็นจริงดังที่เธอว่าเขาผู้เป็นผู้รับผิดชอบคดีนี้

       

      อาจต้องถูกปลดออก แน่นอนว่าไม่มีใครหรอกอยากจะเอาคอตัวเองไปขึ้นเคียง ถ้าหากเขาปล่อยเลย

       

      ตามเลยเขาก็จะต้องไม่มีอะไรต้องรับผิดชอบมากนัก ผู้ที่ต้องเสียมากที่สุดก็คือ หญิงอ้วน โอลีฟ มาร์

       

      ติน

       

       

       

      คุณต้องการอะไรคุณรอซจ่าไวแอตต์ถาม

       

       

       

      ค่ะ คุณนี้คิดอะไรได้ไวดีเหมือนกันนะค่ะ สิ่งที่ฉันต้องการคือสิ่งที่มันไม่ยากเลยที่จ่าจะหา

       

      มาให้ฉันได้ ฉันก็แค่ต้องการเพียงเงินเล็กน้อยเป็นค่าปิดปากสำหรับข้อมูลนี้ โดยที่ฉันจะทำลายมัน

       

      ทิ้งทั้งหมด และทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น สำหรับรอซการเจอหลักฐานที่สามารถจะพลิกคดีได้และส่งผล

       

      กระทบต่อผู้คนที่เกี่ยวข้องไม่เว้นแม้แต่คำตัดสินของศาล ย่อมทำให้เธอสารมารถที่จะกอบโกยผล

       

      ประโยชน์ได้อย่างมากมาย

       

       

       

      ผมเสนอให้คุณ 5 แสนดอล์ลาร์ คุณว่าไงย

       

       

       

      โธ่ๆๆๆ 5 แสนหรือค่ะ จ่าค่ะ  ฉันคิดว่ามีอะไรผิดไปหรือเปล่า กับคดีที่ดังขนาดนี้คุณคิดว่า

       

      5 แสนจะพอหรือค่ะ เพื่อไม่เสียเวลา 2 ล้านค่ะ จะรับไม่รับก็อยู่ที่คุณ  หากรับ คุณก็จะได้ไม่มีปัญหา

       

      ในภายหลัง  มันคุ้มหรือค่ะกับการที่จะเอาตัวเองไปแลกกับหญิงร่างอ้วนตุ๊ต๊ะน่าเกลียด แสนโงอย่าง

       

      ยายโอลีฟนั่นรอซพยายามที่จะหว่านล้อมจ่าไวแอตต์

       

       

       

      อืม..... ก็ได้ผมรับปากคุณบอกเลขบัญชีคุณมา พรุ่งนี้ผมจะโอนเงินเข้าบัญชีคุณ และอีก

       

      อย่างนะครับคุณรอซ  ผมจะมั่นใจได้ไงยว่าคุณจะทำลายหลักฐานและปิดปากเงียบ

       

       

       

      สำหรับคำถามนะค่ะจ่า ถ้าคุณไม่มั่นใจฉัน ทันทีที่คุณโอนเงินฉันจะส่งหลักฐานไปให้คุณ

       

      ทุกอย่างเลยค่ะ...รอซพูดจบก็ตัดสายโทรศัพท์ทันที

       

       

       

      นังนี้มันร้ายชะมัด ปล่อยไว้ไม่ได้แล้วซิ ต้องรีบกำจัด  หึๆๆ  คนตาย.. จะทำอะไรได้นอก

       

      จากรอวันเน่าเฟ๊ะในสุสานซัวๆจ่าไวแอตต์พูดพึมพำคนเดียว

       

       

       

       

       

      หลังจากนั้นจ่าไวแอตต์ก็สืบค้นข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับผู้หญิงที่ชื่อรอซ ซึ่งหาได้ไม่ยากเลยเพียงแค่

       

      เรียกดูข้อมูลออนไลน์ที่ขึ้นตรงสู่สถานีตำรวจทุกแห่ง เพียงไม่นานจ่าไวแอตต์ก็ได้ข้อมูลทุกอย่างที่

       

      ต้องการ

       

      ____

       

       

       

      วันเดียวกัน เวลา 20.00 น.  หน้าอพาร์ทเมนท์ของรอซ

       

                      รอซกำลังจะเดินเข้าประตูอพาร์ทเมนท์ ก็พอดีเห็นจ่าไวแอตต์  เธอจึงหยุดแล้วเดินไปหา

       

      แขกผู้มาเยือนโดยมิได้นัดหมาย

       

       

       

      อ๊ะ!จ่า  คุณมาทำอะไรที่นี้ค่ะเนี้ย

       

       

       

      คุณก็น่าจะรู้อยู่แล้ว  ผมแค่มาดูข้อมูลที่คุณกล่าวถึง เพื่อความแน่ใจจ่าไวแอตต์กล่าวกับ

       

      รอซ

       

       

       

      ได้ค่ะ  มันอยู่ในกระเป๋าฉัน  แต่ว่าเราต้องไปจากตรงนี้ก่อนแถวนี้มีแต่ผู้คนรอซพยายาม

       

      จะชวนจ่าไวแอตต์ไปที่อื่น

       

       

       

      ได้ คุณว่าไงย ผมว่างั้น ก็คุณเป็นคนคุมเกมส์นี่ครับจ่าไวแอตต์หันหลังเดินนำไป

       

       

       

      อ๊ะ!เดี๋ยวก่อนสิ ค่ะ จะรีบไปไหนค่ะรอซร้องเรียก

       

       

       

      อะไรของคุณอีกคุณรอซ

       

       

       

      ก็แหม คุณเป็นผู้ชาย ฉันเป็นผู้หญิง  ดังนั้นคุณยืนนิ่งๆก็แล้วกันรอซพูดพร้อมเดินเข้าไป

       

      คลำตามตัวจ่าไวแอตต์

       

       

       

      นี่คุณคิดจะทำอะไรกันแน่ นี้มันที่สาธารณะ นะคุณ

       

       

       

      ก็สิ่งนี้ไงยค่ะรอซพูดพร้อมชูปืนที่ค้นมาจากตัวจ่าได้ และค้นต่อจนไม่มีอะไรให้เธอ

       

      สงสัย

       

       

       

      โธ่ ผมไม่ทำร้ายคุณหรอกคุณรอซ

       

       

       

      ด้วยการเผชิญหน้าต่อโลกมา20กว่าปีมันทำให้ฉันไม่ไว้ใจใครค่ะ ขอโทษนะค่ะที่มันจะไม่

       

      อยู่กับคุณไปอย่างน้อยก็ซักครู่หนึ่งรอซพูดแล้วเดินนำไปยังสถานที่ที่ไม่มีคนพลุกพล่าน

       

      ---------

       

       

       

      ที่นี้แหละค่ะ ตรงนี้  อ๊ะนี้ค่ะรอซพูดพร้อมกับเปิดกระเป๋าหยิบหลักฐาน

       

       

       

      ตรงนี้เหรอครับคุณรอซ +!! มันคือที่ที่คุณจะตายยังไงยเล่าจ่าไวแอตต์พูดพร้อมกับเอามือ

       

      ปิดปากแล้วดันให้รอซล้มลงกับพื้นและล็อกมือทั้งสองข้างไว้ โดยที่มือทั้งสองข้างมีผ้าเช็ดหน้ารอง

       

      อยู่เพื่อกันไม่ให้นิ้วมือติดไปอยู่บนตัวรอซ อันเป็นหลักฐานที่จะมัดตัวเขา  รอซดิ้นทรมานเพียงเวลา

       

      ไม่นานก็แน่นิ่งไป....

       

       

       

                      จ่าไวแอตต์คลายมือออกเตรียมจะลุกยืนเมื่อรอซที่แกล้งทำเป็นตาย เอาเข่ากระทุ้งจุดสำคัญ

       

      ของจ่าไวแอตต์จนตัวงอล้มลงไปด้านข้างตัวเธอ  รอซรีบหยิบปืนที่ยึดมาได้ จ่อปากปืนไปยังจ่าไว

       

      แอตต์

       

       

       

      สั่งเสียโลกเดี๋ยวนี้เลยจ่า ,’คลิก’! ” รอซพูดพร้อมเหนี่ยวไกรปืน.แต่ว่า..!

       

       

       

      หึๆๆ นังโง่ฉันไม่โง่ใส่ลูกกระสุนมาหรอกเพราะคิดไว้แล้วว่ามันต้องเป็นอย่างนี้ถึงแม้จะ

       

      ผิดแผนไปหน่อยจ่าไวแอตต์พูดพร้อมลุกขึ้นยืน

       

       

       

      ฉันขอโทษอย่าฆ่าฉันเลย!!รอซพูดขอโทษ พอสบโอกาศเธอก็หยิบของจากในกระเป๋า

       

       

       

      โอ้ยยยยยจ่าไวแอตต์ร้องโหยหวนพร้อมเอามือปิดตา เมื่อรอซฉีดเสปรย์พริกไทยใส่หน้า

       

      จ่าไวแอตต์อย่างเต็มๆ รอซวิ่งหนีทันที เธอเรียกแท๊กซี่ไม่ใช่กลับบ้านหรือไปสถานีตำรวจแต่เธอไป

       

      ยังสถานีโทรทัศน์ เธอนำหลักฐานต่างๆให้แก่นักข่าว และเธอก็ขอให้พวกเขาคุ้มครองเธอด้วย โดย

       

      อ้างว่า เธอเพิ่งถูกตำรวจปองร้ายมา .......

       

       

       

      วันรุ่งขึ้น

       

       

       

                      ชื่อของรอซาลินด์ ลีห์ ปรากฏหราในหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ  พร้อมทั้งภาพและข้อมูลต่างๆ

       

      เกี่ยวกับคดีโอลีฟ  มาร์ติน ทั้งนี้ทั้งนั้น  รอซกล่าวอ้างว่าถูกตำรวจผู้เป็นคนดูแลคดีโอลีฟ  เข้าทำร้าย

       

      ซึ่งเธอคิดว่า เขาน่าจะมีส่วนพัวพันกับการฆ่าคนตระกูลมาร์ติน  เมื่อเธอนำรายการพิสูจน์ไปส่งให้

       

      เขาดู ในเวลาไม่นานหลังคำพูดของรอซได้ออกผ่านสื่อ จ่าไวแอตต์ก็ถูกจับ พร้อมกับผลพิสูจน์

       

      เนื้อเยื่อบางๆที่ติดมากับเล็บของรอซที่เมื่อนำมาพิสูจน์ตรงกับดีเอ็นเอเนื้อเยื่อที่ติดมากับศพตระกูล

       

      มาร์ติน  ทำให้จ่าไวแอตต์ต้องรับโทษในข้อหาฆาตรกรรมขณะเดียวกัน โอลีฟ มาร์ติน ถูกนำตัวไป

       

      ตรวจวิเคราะห์โดยแพทย์ผู้เชียวชาญด้านต่างๆ 5 คน เพื่อหาสาเหตุว่าเพราะเหตุใด เธอจึงรับ

       

      สารภาพผิดทั้งๆที่ไม่มีหลักฐานชิ้นใดเลยที่บ่งบอกว่าเธออยู่ในเหตุการณ์ไม่ว่าจะเป็นรูปถ่าย ที่บอก

       

      ว่าไม่มีร่องรอยของรอยเท้าใหญ่โตของเธอบนกองเลือด หรือตัวเธอที่ไม่มีแม้แต่เลือดจากศพ

       

      กระเด็นมาเล๊อะเปรอะเปลื้อนเสื้อผ้าเธอเลยซักนิดแต่ทำไมเธอถึงสารภาพผิดให้คดีมันจบเร็วขึ้น

       

      และคำตอบก็ปรากฏออกมาในอีกวันหนึ่ง

       

      _______

       

       

       

      วันที่สองหลังข่าวเผยแพร่คดีโอลีฟรอบสอง

       

       

       

                      ผลตรวจของหมอ 5 คน ที่เชี่ยวชาญหลายด้านพบว่า หญิงอันมีชื่อว่าโอลีฟ     มาร์ติน ที่แท้

       

      แล้วเธอเป็นคนหูหนวก และเธอใช้วิธีสื่อสารกับผู้คน โดยวิธีอ่านปาก เธอยังกล่าวอีกว่าเธอไม่ได้ฆ่า

       

      ใครเมื่อเธอรู้เรื่องว่าเธอจ่าไวแอตต์ใส่ร้าย เธอบอกว่า  จ่าไวแอตต์ได้ให้เธออ่านสำนวนในกระดาษ

       

      แผ่นหนึ่งซึ่งเป็นสำนวนที่จะช่วยให้เธอพ้นผิด แต่ตัวเธออาจจะต้องรออยู่ในคุกก่อนซักระยะหนึ่ง

       

      ซึ่งโอลีฟก็เชื่อ แพทย์ยังให้การยืนยันอีกว่าการอ่านปากของโอลีฟมีบางคำที่ผิดเพี้ยนไป เช่นคำว่า

       

      Dead เธอเข้าใจว่าเขาพูดว่าRead ซึ่งเป็นคนละความหมายกันทำให้เธอมีความบกพร่องทางด้านการ

       

      พูดและฟัง  ดังนั้นโอลีฟ จึงถูกศาลตัดสินพ้นข้อกล่าวหาในทุกรณี

       

      ____

       

      ณ.เรือนจำกลาง

       

       

       

      คุณ ไวแอตต์ มีคนมาเยี่ยมพัศดีร้องเรียกไวแอตต์ก่อนเดินจากไปแล้วเผยให้เห็นผู้มา

       

      เยี่ยม

       

       

       

      ไงยสบายดีไหมค่ะ  จ่า..หึๆๆรอซกล่าวทักทายด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย

       

       

       

      แกนังชัวร้าย  แกใส่ร้ายฉันไวแอตต์สบถ

       

       

       

      ก็แหม คุณเองนะที่เป็นคนทุบหัว นัง 2 แม่ลูกนั่น  แต่อ่ะนะแบบว่าเงินประกัน 20 ล้าน ฉัน

       

      ไม่ค่อยอยากแบ่งให้ใครหรอก  คุณก็รู้นิสัยฉันเป็นไงย นอนรอในคุกไปก่อนแค่ 25 ปีเอง  ถ้าฉันยัง

       

      ใช้ตังค์ไม่หมดจะเหลือไว้ให้คุณ  อ้อ! อีกอย่างนะคะที่รัก ฉันคิดถึงคุณเรียบร้อยแล้วหล่ะ เพราะฉัน

       

      กำลังจะไปพักร้อนที่ประเทศไทยซักหน่อย  บ๊าย บายนะจ๊ะที่รักรอซพูดจบ ส่งจูบ พร้อมโบกมือ

       

      บ๊ายบาย....

       

      ............

       

      บนเครื่องบิน

       

       

       

                      รอซพาโอลีฟมากับเธอด้วยเพื่อสร้างความภาพผู้พิทักษ์ความยุติธรรม ที่คนทั่วไปเรียกเธอ

       

      พร้อมกับแสดงภาพลักษณ์ของหญิงผู้มีเมตตา แล้วพาโอลีฟไปเที่ยวด้วยกันที่ประเทศไทย

       

       

       

                      ไงยโอลีฟ   สนุกไหม  สำหรับการแสดงรอซหันไปถามโอลีฟที่นั่งข้างๆ

       

       

       

                      ก็โอเค   แต่แหม นอนในคุกน่ะฉันรู้สึกไม่ค่อยชอบเท่าไรเลย  แต่ก็อ่ะนะได้เงินประกันมา

       

      แล้วไปใช้ให้คุ้มค่าดีกว่าจริงมั้ยค่ะแม่,แอมเบอร์โอลีฟพูดกับหญิงสาวที่นั่งข้างหน้าสองคน

       

       

       

                      ใช่จ๊ะลูกรัก  ไม่นึกว่าหนูรอซเพื่อนของลูกจะสามารถหาศพที่เหมือนแม่กับแอมเบอร์ได้

       

      เก่งจริงๆแม่ของโอลีฟกล่าวชมรอซ

       

       

       

                      ใช่ จริงด้วยเก่งมากเลยค่ะพี่รอซแอมเบอร์กล่าวอีกคน

       

       

       

                      ก็ไม่เท่าไรหรอกค่ะ  มันงานหนูอยู่แล้วรอซกล่าวกับคุณนายมาร์ติน พร้อมหัวเราะ

       

       

       

                      ว่าแต่ลูกเถอะโอลีฟ ลูกทำยังไงยหมอ 5 คน ถึงเชื่อว่าลูกหูหนวก และใสซื่อบริสุทธิ์  ซะ

       

      จนเชื่อสนิทใจขนาดนั้นคุณนายมาร์ตินหันมาถามโอลีฟด้วยสีหน้าสงสัย

       

       

       

                      อ้อ  ง่ายค่ะ ก็เพราะหมอเบ็คที่นั่งอยู่ด้านหลังนี้ไงยล่ะค่ะ  เขาป็นหนึ่งในหมอที่วินิจฉัยหนู

       

      ค่ะแม่  เป็นเพื่อนของรอซเขานะค่ะโอลีฟพูดพร้อมแนะนำหมอเบ็คที่นั่งอยู่ด้านหลัง  ทั้งหมดก็พา

       

      กันหัวเราะมีความสุข  อย่างสนุกสนาน

       

       

       

                      หนูขอตัวไปห้องน้ำหน่อยนะค่ะแม่โอลีฟกล่าวกับแม่และทุกคนก่อนจะลุกจากที่นั่ง 

       

      แล้วเดินออกมา  เมื่อเดินมาได้ไม่ไกล  โอลีฟก็ทำปากขมุบขมิบพูดว่า

       

       

       

                      หึหึ  ไปเที่ยวนี้ไม่มีวันที่ฉันจะให้พวกแกกลับมาหรอกโอลีฟพูดจบก็เดินเข้าห้องน้ำไป.....

       

       

       

      ___จบ___

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×