ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [TaoKacha AF8] ♀ TOM (or) BOY ♂

    ลำดับตอนที่ #9 : ♀ TOM (or) BOY ♂ - 08

    • อัปเดตล่าสุด 23 มี.ค. 55



    ♀ TOM (or) BOY ♂
    0
    8









    คงเป็นปกติธรรมดาที่ห้องเรียนขนาดความจุคนนับหลายร้อยคนกับพื้นที่สูงเป็นสโลปขั้นบันไดขึ้นไป ทำให้อาจารย์กับเหล่านักศึกษาในคลาสเรียนรวมทั้งคณะห่างเหินกันอยู่ไม่น้อย  โดยเฉพาะบริเวณตั้งแต่กึ่งกลางห้องไล่ขึ้นไปจนสุดขอบผนังด้านหลัง

    ณ ที่นั่งฝั่งซ้ายแถวกลางของห้อง โปเต้กำลังนั่งจดมือระวิงพลางกินแซนด์วิชเป็นอาหารมื้อสาย เฟรมที่นั่งถัดไปกำลังฟังเพลงจากหูซ้ายและหูขวาฟังเสียงอาจารย์  ต่อมาคือคชาที่จรดปากกาลงบนสมุดหวัดๆ เป็นระยะพลางคุยกับเพื่อนที่นั่งติดกันอย่างแพรวาไปด้วย

    “ก็บอกว่าไม่รู้ไม่ได้ทำไง”  เสียงใสเอ่ยตอบซ้ำสอง ตาคู่ใสหันมามองอีกฝ่ายบ้องแบ๊วราวกับจะยืนยันคำพูดของตน ก่อนจะกลับไปสนใจอาจารย์หญิงวัยใกล้เกษียณที่นั่งสอนอยู่ไกลๆ  มือยังจับปากกาลูกลื่นบันทึกโน้ตย่อลงในสมุดลายการ์ตูนตามสมควร

    หากแต่สาวเจ้าคนเดิมกลับยังไม่เลิกสงสัย ถึงจะเข้าวันที่สามแล้วที่เธอไม่ได้รับขนมที่หน้าห้องก็ตามที แต่ยังไงความรู้สึกของเธอก็ยังคงชัดเจน

    ยัยเพื่อนทอมตรงหน้านี่แหละที่เป็นคนทำ!

    “ชา... บอกมาดีกว่าว่าใครอยู่เบื้องหลัง”  และแน่นอน... แพรวาไม่คิดว่าทอมหน้าหวานข้างห้องคนนี้จะแอบชอบเธออยู่แน่ๆ  เพราะที่ผ่านมามันไม่เคยมีเค้าสักนิด  “ฉันรู้จักรึเปล่า?”  เธอไล่เลียงต่อ

    “เงียบน่าแพรวา ฟังอาจารย์ไม่ทัน”  เขาพูดออกไปทั้งๆ มือหยุดจดไปนานแล้ว แถมหูตอนนี้ก็สนใจแค่เสียงของเธอเท่านั้น

    “ฉันรู้จักรึเปล่า?”

    “ชู่วววว”  ใช้นิ้วชี้จรดริมฝีปากบางห้ามปรามในเชิงไม่ให้ส่งเสียงดัง  ทั้งๆ ที่จริงแค่อยากตัดบทเสียมากกว่า

    “ตอบมาดีๆ ชา อย่าทำไขสือ”  แพรวาขมวดคิ้วหน้าเคร่ง น้ำเสียงกดลงต่ำ คชาได้ยินดังนั้นก็หันมายิ้มกว้างจนตาหยีให้เธอแทนคำตอบ ทำทีสนใจอาจารย์อย่างเดิม

    “บอกมา”

    หันมาส่ายหน้าทั้งๆ ที่ยังยิ้มแป้น

    “อย่าลีลา บอกมาเดี๋ยวนี้”

    “ไม่บอก”

    “บอกมา”

    “ม่ายบอก”

    “งั้นสรุปยอมรับแล้วใช่ไหมว่าเป็นคนทำ?”

    ได้ยินคำถามดังนั้นตาเรียวก็เบิ่งเล็กน้อยในเชิงตกใจ... ให้ตาย! สรุปว่านี่เขาแพ้ทางแพรวาอีกแล้วสิ  “เปล่านะ”  พูดตอบเพียงเท่านั้นก็แกล้งหาวขึ้นมาในทันที

    “ง่วงชะมัด หมดคาบแล้วปลุกด้วยนะ”  เอ่ยเสียงอู้อี้ในลำคอ พยายามทำตัวเนียนต่อทั้งที่โคตรไม่เนียน  แพรวาได้แต่ยิ้มเย็นๆ มองเพื่อนทอมที่กำลังฟุบหลับลงไป

    ไม่มีอะไรที่เธอสงสัยแล้วไม่ได้คำตอบหรอกนะ!

     


     

                ทั้งๆ ที่ตอนแรกแค่จะแกล้งทำเป็นหลับ แต่ด้วยความน่าเบื่อหน่ายของเนื้อหาวิชาและเสียงโทนราบเรียบของอาจารย์ รวมถึงอากาศเย็นกำลังพอดีในห้องเรียนก็พาลเอาคนหลับง่ายอย่างเขาหลับเข้าจริงๆ  และยิ่งคลาสเรียนรวมความยาวสามชั่วโมงด้วยแล้วยิ่งทำเอาหายกังวลไม่ต้องกลัวเลยว่าจะหลับจนเลยเวลา

                แต่เพียงเข้าชั่วโมงที่สองของคาบเรียนเท่านั้น  คชาก็ค่อยๆ รู้สึกตัวตื่น  คงจะเป็นเพราะคลิปวิดีโอภาพยนตร์มีเสียงเรื่องแรกของโลกที่ถูกนำมาเปิดในคาบเรียนเรื่องประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวิชาสื่อสารมวลชนเบื้องต้นนี่ล่ะ

                ทว่าพอเขายกมือขึ้นขยี้ตา ก็พบว่าที่มือมีบางสิ่งแปลกประหลาดไป

                “เฮ่ย! ใครมาทาเล็บให้เนี่ย”  แม้จะอุทานกับตัวเองแต่ก็ดังไปถึงเพื่อนคนข้างๆ ...แพรวารีบหันมาทำหน้ายิ้มเยาะใส่ หนำซ้ำยังชูขวดยาทาเล็บนั้นอย่างไม่ยี่หระสักนิดเดียว

                “ใครใช้ให้กระดุกกระดิก เดี๋ยวตีเลย เลอะหมดแล้ว” เพราะเธอเพิ่งทาเสร็จสดๆ ร้อนๆ เมื่อตะกี๊ สีเลยยังไม่แห้งดี  “ให้ทาซ้ำให้ไหมล่ะ?”

    “ให้ก็บ้าแล้ววววว”  ใบหน้าหวานยับย่น  เบะปากเบิ่งตามองมันอย่างไม่คุ้นชิน  “รีบเอาน้ำยามาลบออกเลย  สีอะไรเนี่ย?”  เพราะไฟในห้องเรียนถูกดับลงเพื่อให้เห็นวีดีโอบนจอโปรเจคเตอร์ชัดขึ้น เลยมองดูไม่รู้ว่าเป็นสีอะไร

    “สีนี้ไงชา”  เธอว่าพลางหยิบเอาขวดยาทาเล็บที่ถูกเก็บไปแล้วขึ้นมา ประกอบกับจังหวะที่ไฟถูกเปิดขึ้นเพราะหนังฉายจบพอดี

    ตาคู่เรียวจึงมองเห็นมันได้อย่างชัดเจนเสียที 

    “ชมพู!

    “ช็อคกิ้งพิงค์ต่างหากจ้ะ”  แพรวาเสริม

    “เหมือนสีบานเย็นมากกว่านะ”  เฟรมที่พูดแทรกทำเอาทั้งคชาแทบจะไปดิ้นตายตรงนั้น... จะสีบานเย็นหรือสีช็อคชิพอะไรนั่น มันก็พาเอาเขาแทบจะช็อคตายคาห้องตรงนี้หมดนี่แหละ

    “แพรวา.. ขอเหอะ เอาน้ำยามาล้างออกเร็ว”  คชาหันไปถามสาวเจ้าด้วยสายตาอ้อนวอน ถึงมันจะแค่มือข้างเดียวที่ถูกทาด้วยสีนั้น แต่รู้ถึงไหนก็คงอายถึงนั่น

    ขนาดแม่เขายังไม่เคยทาเล็บเลยเหอะ! แล้วถึงแม่กะน้องตัวแสบจะไม่มาเห็น แต่เย็นนี้มีนัดกะไอ้ผีบ้านั่นด้วย ขืนเป็นแบบนี้ได้โดนมันล้อไปอีกหลายวันแน่ๆ

    เจอลูกอ้อนของเพื่อนทอมดังนั้น แพรวากลับยังนั่งใจเย็น  เธอวางยาทาเล็บขวดสีชมพูช็อคกิ้งพิงค์ขวดนั้นบนโต๊ะเล็คเชอร์ ก่อนจะเสนอทางเลือกให้อีกฝ่าย

    “ให้ทาอีกข้างด้วยไหมจะได้เหมือนกัน?”

    “เอาดิชา”  เฟรมชี้นำ ในขณะที่โปเต้เริ่มหันมาสนใจพลางยิ้มล้อเลียน

    บ้ากันไปใหญ่แล้วไอ้พวกนี้!

    “ไม่มีทาง! แพรวา เอายาล้างเล็บมาเร็ว”

    จะเอามาราดมือตรงนี้เลยคอยดู!

    “เอาออกมาสิแพรวา สงสารชาจะแย่”  และเช่นเคย คงต้องขอบคุณนางฟ้าคนสวยอย่างแอ้นที่คอยช่วยเขาไว้ในสถานการณ์แบบนี้อีกครั้ง  ถึงนางฟ้าจะเป็นดี้ก็เถอะ...

    “เราก็อยากช่วยอยู่นะแอ้น”  แพรวาหันไปเอ่ยกับเพื่อนซี้  “แต่ไม่มีน่ะสิ ไม่ได้เอามา”

    ว่า ไง นะ!

    “ไว้กลับไปที่หอก่อนนะชา... อีกแปปเดียวเอ๊งงงง เดี๋ยวก็เลิกเรียน”  สาบานได้ว่าปากแพรวาไม่ได้ยิ้ม แต่ตาของเธอน่ะ กำลังยิ้มอยู่ชัดๆ!

    คชาพอได้ยินก็แทบจะเขวี้ยงขวดยาทาเล็บทิ้งซะเดี๋ยวนั้น... เขาจ้องมองมันสลับกับเล็บมือสีสดของตนเองอย่างไม่ชอบใจ  ทว่าไม่ทันได้ออกแรงทำอะไร ข้อศอกก็ปัดมันร่วงหล่นบนพื้นเสียเอง

    - - เพล้ง ! - -

    แม้จะตื่นตกใจ แต่วูบหนึ่งในความคิด เขากลับรู้สึกดีที่เห็นมันแตกสลายคาตา  ทว่าในไม่กี่วินาทีต่อมา ความเครียดก็เริ่มเข้ามาแทน เมื่อน้ำยาสีชมพูสดจากขวดที่แตก กระจายตัวไปทั่วตัดกับสีเทาของพื้นเป็นอย่างดี แถมเสียงฮือฮาตกใจและกลิ่นสารเคมีที่โชยหึ่งก็ทำเอารู้ไปทั่วกัน

    “มีอะไรตรงนั้นน่ะนักศึกษา?”  อาจารย์วัยใกล้ชราซึ่งเห็นความผิดปกติบางอย่างถึงกับต้องถามออกไมค์

    ทุกคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก แต่ไม่มีใครตอบอะไร จนเธอต้องเดินมาดูด้วยตาของเธอเอง

                สุดท้าย ทั้งคู่ก็ถูกยึดบัตรนักศึกษาไปก่อน รอพบอาจารย์หลังเลิกเรียน


               

                ดูเหมือนอุบัติเหตุเมื่อครู่ใหญ่ที่ผ่านมาจะพาเอาคนทั้งคู่หงอยไปเสียสนิท คชากับแพรวาเพียงนั่งจดตามที่อาจารย์สอนไปตามประสาทั้งๆ ที่ใจก็ลุ้นอยู่ว่าคงไม่ถูกลงโทษอะไรร้ายแรง

                “วันนี้พอเท่านี้ค่ะนักศึกษา... คราวหน้าเราจะมาต่อกันที่เรื่องสื่อสิ่งพิมพ์”  เธอพูดพลางกดปิดสไลด์ประกอบการสอนที่ดำเนินมาถึงหน้าสุดท้าย ก่อนจะปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ลง

     “ยาทาเล็บสีชมพู มาพบอาจารย์ด้วย”  เธอมองผ่านกรอบแว่นสายตาทะลุขึ้นมาหาคนทั้งคู่ตรงกลางห้อง  และไม่วายเรียกชื่อนักศึกษาทั้งสองโดยอ่านจากบัตรที่ยืดเอาไป 

    นางสาวฉัตรธิดา นายนนทนันท์”


     

     

                ทั้งๆ ที่บทลงโทษของทั้งคู่ไม่มีอะไรมากมายนอกจากการทำความสะอาดพื้นที่ทำเลอะและจัดโต๊ะให้เรียบร้อย ทว่าบรรยากาศในตอนนั้นกลับเครียดขึงกว่าทีแรกเป็นทวีคูณ  แพรวาและแอ้นเอาแต่นิ่งไม่พูดไม่จา คชาเองก็ไม่รู้จะอธิบายเรื่องทั้งหมดนี้ยังไง หน้าที่สุดท้ายจึงตกมาอยู่ที่เฟรม โดยมีโปเต้ที่ยืนลุ้นเอาใจช่วยไปกับทุกคน

                “เราเป็นคนให้ไอ้ชาไปอยู่หอหญิงแก้ขัดเองแหละ”  จากที่เคยขี้เล่น สนุกสนาน ลามกไปวันๆ  เฟรมเพิ่งจะพูดอะไรจริงจังก็วันนี้

                เขาตบบ่าเพื่อนทอมจำเป็นสองสามที ก่อนจะพูดยืดอกสารภาพผิดพลางมองหน้าสองสาวอย่างแมนๆ  “แล้วก็เป็นคนเตี๊ยมกะเพื่อนให้หลอกกันว่ามันเป็นทอมด้วย อย่าโกรธไอ้ชากับคนอื่นนะ”

                “แค่นี้ชีวิตไอ้คชาก็ซวยเพราะเราจะแย่แล้ว อย่าโกรธมันเลยแอ้น แพรวา”  ตาคู่เดิมจากที่เคยมึนๆ ลอยๆ กลับแสดงความจริงจังจนน่าตกใจ

                “ถ้าจะโกรธใครสักคนก็โกรธเราเหอะ แต่ที่ทำไปเพราะเข้าตาจนจริงๆ”  ได้ยินแบบนี้แล้ว ใครจะไปโกรธลง

                ถึงจะเจ็บใจที่ถูกหลอกมาตั้งอาทิตย์กว่าก็เถอะ!

                แพรวามองหน้าเฟรมก็พลันถอนหายใจออกมาเสียงดัง เธอหันไปสบตากับแอ้น... ก็เหมือนรู้ทันความคิดซึ่งกันและกัน

                “แล้วเรื่องหอจะทำยังไง ชาคงมาอยู่หอหญิงตลอดไม่ได้หรอกนะ”  แพรวาถามต่อ  ไม่ใช่กลัวว่าคชาจะมาทำมิดีมิร้ายใคร แต่เพราะกลัวจะถูกเจ้าของหอจับได้จนกลายเป็นเรื่องใหญ่นี่สิ

                พอเห็นท่าทีของแพรวากับแอ้นที่ไม่ได้ถือโทษอะไรเฟรมก็ยิ้มกว้าง พูดตอบทันควัน  “ไม่ต้องห่วงเลยเรื่องนั้น ให้ไอ้คชามันย้ายออกตอนนี้เลยก็ได้”

                “เฮ่ย... แล้วจะให้ไปอยู่ไหนวะ?”  เป็นเจ้าตัวเองที่ถามหลังจากนิ่งเงียบมานาน

                “กำลังจะบอกแกพอดีเลย เมื่อวาน มีหอนึงเขาโทรกลับมาบอกว่ามีห้องว่างพอดี”  เฟรมตอบเพื่อนซี้อย่างภาคภูมิใจ

                “อาจจะช้าไปหน่อย... แต่คงไม่สายใช่ไหมวะที่จะพาแกออกจากหอหญิงตอนนี้อะ”  พูดพลางตบบ่าคชาสองสามที

                “ขอโทษจริงๆ ว่ะคชา ที่ผ่านมาเราก็เครียดอยู่เหมือนกัน”

     

     


     

    หนทางเดินกลับหอในบ่ายวันนี้บรรยากาศดูจะแปลกไปกว่าเดิมเล็กน้อย เมื่อแพรวาเองรู้แล้วว่าที่แท้เขาเป็นผู้ชาย  แถมคชาก็รู้สึกสบายใจที่หาหอพักใหม่ได้เสียที

    แม้จะมีความรู้สึกโหวงๆ บางอย่างในใจก็ตาม แต่มันคงเป็นเพราะการต้องสูญเสียความเคยชิน

    “ชา...เอ้ย..คชา เราทำเหมือนนายเป็นทอมได้ไหมอะ? มันติดไปแล้ว”  เธอพูดพลางหันมามองหน้าอีกฝ่ายยิ้มๆ  “ชาเหมือนทอมจริงๆ นะ น่ารักกว่าผู้หญิงอีกอะ”  ยิ่งเห็นเพื่อนข้างห้องคนนี้แก้มเป็นสีชมพูระเรื่อเพราะถูกชม เธอก็ยิ่งคิดว่ามันดูน่ารัก!

                “น่ารักตรงไหน ออกจะแมนเหอะ”  เขาพูดพลางยกมือที่ยังติดสีทาเล็บสีชมพูบางส่วนขมวดคิ้วพลางยกมือขึ้นเกาศีรษะจนยุ่ง เคยได้ยินคนพูดถึงตัวเองแบบนี้เหมือนกัน แต่มันจะดี?

                คำว่า น่ารัก เก็บไว้ใช้กับผู้หญิงจริงๆ เถอะแพรวา

                เห็นเพื่อนข้างห้องทำท่าทีดังนั้นเธอก็อยากให้ไปส่องกระจกดูหน้าตัวเองเหลือเกินว่าน่ารักขนาดไหน  แพรวาส่ายหน้าเบาๆ  “ตกลงไอ้ของพวกนั้นใครฝากมาวาง?”  ตัดเข้าประเด็นเดิมๆ ไม่ต่างจากสองสามวันที่ผ่านมา 

                “จะรู้ไปทำไม?”

                “เอ๊า... ก็ฉันเป็นคนได้ก็อยากรู้สิว่าใครให้ แต่ละอันน้ำเน่าชะมัด”

                “บอกไม่ได้อะ”  ไม่ใช่ไม่อยากบอกนะ ตัวเขาเองถูกจี้ถามอย่างนี้มันก็อึดอันเหมือนกัน แต่เพราะไอ้ตัวคนให้มันย้ำนักย้ำหนาว่าห้ามบอกเพราะอยากให้เธอรู้จากปากตัวเอง 

    “ทำไมล่ะ อยากให้คนนั้นเป็นใครหรอแพรวา?”

                “ก็...”

                “อย่าบอกนะว่า...”  คชาพูดพลางยิ้มแป้นตาหยี แกล้งเว้นวรรคให้อีกคนลุ้นเล่นๆ ก่อนจะพูดต่อแบบจงใจเอาฮา  “อยากให้เป็นเฟรม!?

                ฮากริบเลยล่ะคชาเอ๊ย!

                ไม่มีเสียงหัวเราะใดๆ หรือเสียงค้านโวยวายอย่างที่คิด  แพรวาหยุดยืนนิ่งตรงหน้าหอ ตาค้างอยู่อย่างนั้น มองดูก็รู้ว่าผิดปกตินิสัยแพรวาอย่างเห็นได้ชัด

                “เฮ้ย! บ้าน่า จริงหรอแพรวา?”  เขาถามเสียงใส ตาโตลุ้นตัวโก่งกับคำตอบอย่างเห็นได้ชัด

                “ก็เออน่ะสิ!”  ปล่อยให้อีกคนลุ้นไม่เพียงไม่กี่วินาที แพรวาก็กลับมาเป็นสาวขี้โวยวายเสียงดังคนเดิม  “แล้วตกลงใช่เฟรมรึเปล่า?”  เธอพูดถามอย่างมีความหวังทั้งๆ ที่ยังติดจะเขินเมื่อยอมรับออกมาตรงๆ

                คชาเห็นดังนั้นก็ส่งยิ้มแห้งให้  “ไม่ใช่อะ ไม่ใช่ไอ้เฟรม” 

                “ว่าแล้วเชียว”  แพรวาพูดเรียบๆ แต่ท่าทีหงุดหงิด  “งั้นก็ฝากไปบอกเขาด้วยว่าไม่ต้องแล้ว”

                “อ้าว... ไม่อยากรู้แล้วหรอว่าใคร?”  จริงๆ เขาเริ่มใจอ่อนกะจะใบ้ให้แพรวารู้แล้วเชียว

                “ฉันไม่ใช่ผู้หญิงใจง่ายนะชา”

                “จริงอะ? แล้วถ้าหน้าตาดี (มั้ง) พูดจาเพราะ (ตอนพูดครับ) ทันสมัย (โทรศัพท์ดูบอลได้) มีความรู้ด้วย (เรียนมหาลัยแล้ว) แถมยังรวยอีก (ก็เป็นลูกเจ้าของหอ)”  ร่ายบรรยายสรรพคุณอีกคนออกมายืดยาว สาบานได้เลยว่าไม่ได้อยากชม แต่ทำเพราะเป็นหน้าที่จริงๆ!

                “หล่อรวยแค่ไหน ถ้าไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ว่ะคชา ฝากไปบอกเขาด้วยละกันว่าแพรวามีคนที่ชอบอยู่แล้ว เลิกทำอะไรบ้าๆ สักที

    โห... ถ้าจะพูดขนาดนี้ ได้ยินแล้วเจ็บแทน
    แผนนายมันไม่เวิร์คจริงๆ ด้วยเต๋า

                “อือ... เดี๋ยวเราบอกให้”  คชาพูดปิดท้าย ก่อนจะโบกมือบ๊ายบายแพรวาที่เดินเลยไปยังห้องของตัวเอง

              - - ปัง! - -

                ได้ยินเสียงปิดประตูห้องเบอร์ 21 แล้วเขาก็พลันถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ คำพูดของแพรวาเมื่อกี๊ได้ยินแล้วมันน่าเศร้าใจจริงๆ

                แล้วแบบนี้เขาจะเอาไปบอกไอ้เผือกเต๋านั่นว่าไงดี?

                เขาหยุดความคิดนั้นลงชั่วครู่  มือหยิบกุญแจห้องจากกระเป๋าออกมาไข และทันทีที่เปิดเข้าไป ก็เจอวัตถุชิ้นหนึ่งตั้งตระหง่านตรงหน้าพอดี

                มันก็แค่ของที่เคยบ่นว่าอยากได้ แต่ไม่คิดว่าจะมีคนเอามาให้จริงๆ

    กาต้มน้ำชาค่ะ...จากเต๋าครับ

                ขมวดคิ้วอ่านข้อความที่ติดอยู่ด้านบนในใจ ตาคู่เรียวมองมันแน่นิ่ง ก่อนจะเหลือบไปเห็นโน้ตอีกอัน

                ไม่ได้บุกรุก แต่วางไว้หน้าห้องเดี๋ยวหาย ใช้ให้ดีๆ ล่ะ ยกมาหนัก




    หนักหรอ? นี่ถ้าเขายกไปคืนเจ้าตัวมันก็คงหนักเหมือนกันใช่ไหม?

    เต๋า... นายเอามาช้าไป เราคงไม่ได้อยู่ใช้มันที่หอนายแล้วล่ะ

               

     




    TBC

    ขอโทษที่หายไปนาน อย่าเพิ่งเลิกอ่านกันนะตะเอง  T^T
    ตอนนี้จืดชืดไปหน่อย ถ้าไม่ถูกใจก็ซอรี่อีกเช่นเคย (บอกแล้วว่าอย่าคาดหวัง)

    สุขสันต์วันเต๋าคชาจ้า อิอิ
    #2303TaoKachaDay

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×