คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Like the Sunshine :: 02
Like the Sunshine
02
ท้องฟ้าใสกับเมฆขาว แสงแดดเจิดจ้าสาดส่องเข้าหาทานตะวันดอกน้อยที่ชูคอเป็นองศาเดียว หากเป็นภาพถ่ายคงบอกได้ว่าช่างดูงดงาม แต่หากถามคนที่อยู่ในรูปนั้นคงได้แต่ส่ายหัวไปมา
คชาหรือในชื่อใหม่นามว่า ‘เป็ด’ นั่งยองๆ ลงที่พื้น กางเกงเปื้อนรอยดินแห้งเป็นจุดๆ แขนทั้งสองถอนดึงวัชพืชต้นน้อยออกไปทีละต้น มือเรียวกำตรงโคนก่อนจะดึงขึ้นแรงๆ ให้หลุดออกจากดินแห้งแข็ง
“โอ๊ย ขาดอีกกกกก” บ่นพลางขมวดคิ้วเซ็ง ก่อนจะโยนมันลงใส่ถังที่เก็บได้แถวนั้น ถอนได้ต้นนึงก็ปากก็ขมุบขมิบบ่นพึมพำไปตลอดทาง ทำแบบนั้นเรื่อยพักใหญ่ก่อนจะลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายอีกที
บ้าแล้ววววว ไร่บ้าบออะไรจะใหญ่ขนาดนี้!!!!!
พื้นที่สีเหลืองส้มของดอกทานตะวันที่บานชูช่อยังคงยาวไกลสุดลูกหูลูกตา คชาไม่ได้ไปไหนไกลเกินกว่าที่เดิมที่เริ่มถอนนัก ปากเรียวเบะออกอย่างไม่สบอารมณ์ ก้มมองซากวัชพืชที่ถูกถอนรากถอนโคนภายในถัง
ร้อนแสนจะร้อน เหงื่อไหลเป็นสายน้ำ กางเกงเปื้อนดิน เมื่อยหลัง มือก็เจ็บ ไม่ต้องนึกถึงผิวกายที่แสบแดงไปทั่ว ใบหน้าหวานย่นมองมันอย่างไม่ชอบใจ ยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อ เผลอเงยหน้ามองท้องฟ้าใสก็ต้องหลุบตาต่ำด้วยแสงอาทิตย์ร้อนระอุมันแสบตาเกินไปอีก
“โว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”
เสียงใสตะโกนลงกับพื้นดินแห้งแข็งในบริเวณที่เหยียบย่ำ เหนื่อยล้าเต็มทีทั้งๆ ที่เวลาเพิ่งผ่านไปไม่นาน ทำไมเขาต้องมาทำอะไรบ้าๆ แบบนี้ด้วย
เขาเกลียดดินแห้งๆ
เขาเกลียดดวงตะวัน
และเขาเกลียดมัน...ไอ้ลุงเต๋าเจ้าของไร่!!!
- - -
รถแทรกเตอร์สีแดงสดคันใหม่ถูกขับเข้ามาในไร่เพียงตะวันหลังจากชำระเงินกับเซลล์ขายรถเสร็จสรรพ เศรษฐพงศ์ในฐานะเจ้าของไร่ขับมันด้วยความคล่องแคล่วทะมัดมะแมง สองปีกว่าที่มาทำงานในไร่แห่งนี้ทำให้เขารู้จักมันเป็นอย่างดี
ต้นทานตะวันที่เพิ่งผลิดอกในระยะเกือบสี่สัปดาห์กำลังชูคอเข้าหาแสงอาทิตย์ในยามบ่าย เป็นเหมือนกันทุกต้นภายในพื้นที่ห้าสิบไร่นี้ มันเป็นภาพที่เห็นจนชินตา และคงจะเป็นอย่างนี้เรื่อยไปตราบที่เขายังทำงานอยู่ที่นี่
เว้นเสียแต่อย่างเดียว...เด็กหนุ่มร่างเล็กในเสื้อยืดสีเข้มที่มองดูเป็นแกะดำท่ามกลางหมู่มวลดอกไม้สีเหลือง
ไอ้เด็ก ‘เป็ด’ คนนั้น กำลังก้มหน้าก้มตาถอนวัชพืชอย่างที่เขาสั่งจริงๆ
เศรษฐพงศ์ดับเครื่อง ไม่ได้แอบลอบมองเด็กคนนั้นแต่อย่างใด เพราะจากตรงนั้น รถไถคันสีแดงกับตัวเขาย่อมเห็นได้ชัดเจน ทว่าเด็กเป็ดนั่นไม่ได้สนใจจะหันมาจึงไม่ได้สังเกตเห็นเขาต่างหาก
ร่างเล็กที่นั่งยองๆ กับพื้นกำลังใช้มือดึงวัชพืชที่โคนต้นอย่างยากลำบาก ปากบ่นกับตัวเองไปเรื่อยก่อนจะใช้สองมือร่วมกันดึงออกมาอีกทีแรงๆ เหมือนรำคาญมันเต็มทน...
นายใหญ่ของไร่มองภาพตรงหน้าอย่างชั่งใจ ทั้งหมดคือการทดสอบ...ไอ้เด็กนี่น่าสงสารจริงอย่างป้านุ่มว่าด้วยเพราะเรื่องที่เล่ามาดูน่าเศร้า แต่ใครจะไปเชื่อมันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าทั้งหมดเป็นเรื่องจริง เป็นใครมาจากไหนก็ไม่มีหลักฐาน แล้วทำไมเขาต้องรับมันเข้าทำงานด้วย
และถ้านี่คือการทดสอบ... บอกได้เลยว่าไอ้เป็ดนี่คงได้คะแนนติดลบ ใครหน้าไหนเขาออกแรงดึงวัชพืชแรงขนาดนั้น ดูท่าทางรากจะยังคาอยู่ในดินด้วยสิ ของอย่างนี้แค่เอาน้ำพรมดินให้ชุ่มก่อนก็คงจะถอนออกแล้ว
แต่ถ้าวัดคะแนนความบ้าระห่ำอาจจะได้เต็ม ดูมันทำหน้าทำตาบู้บี้เหลือทนเหมือนกับเข็นครกขึ้นเขาก็ไม่ปาน แววคู่นั้นดูไม่ชอบใจนักแต่ก็ยังฝืนทำ
“โธ่เว้ยยยยย!” เสียงสบถลอยมาตามลมจากปากเด็กนั่น ร่างเล็กผุดลุกจากนั่งเป็นยืน ยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อจนเป็นรอยดินไปทั่วใบหน้าทั้งที่ปากบ่นพึมพำกับตนเอง
เศรษฐพงศ์ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมอง...บ่ายสามโมงยี่สิบสามนาที เท่ากับไอ้เด็กนี่ทำงานมาทั้งหมดสองชั่วโมงกว่าๆ แล้ว
เงยหน้ามองอีกที ร่างเล็กเปื้อนดินมอมแมมยังยืนนิ่งค้างที่เดิมเหมือนกำลังพัก เศรษฐพงศ์ขมวดคิ้วชั่งใจมองว่าอีกฝ่ายจะล้มเลิกง่ายๆ รึเปล่า แต่ทันใดนั้นร่างเล็กตรงหน้าก็กลับเซถลาล้มทั้งยืน
แล้วไอ้คนที่มองอยู่จะทำอะไรได้ นอกจากวิ่งไปรับตัวเด็กที่เป็นลมต่อหน้าต่อตา
“ชิท! เป็นอะไรไปวะ ตื่นๆๆ!!!!!!”
- - -
กลิ่นหอมเย็นจากยาดมสมุนไพรไทยค่อยๆ เข้ามาในโสตประสาทของเด็กหนุ่ม คชาในนาม ‘เป็ด’ ที่ถูกจับให้เอนหลังนอนบนม้านั่งหวายกำลังสูดดมมันอย่างช้าๆ ทั้งที่ตายังแสร้งหลับอยู่
หลังจากหน้ามืดที่ไร่ รู้ตัวอีกทีเขาก็ถูกใครสักคนอุ้มขึ้นรถก่อนจะเข้ามาในบ้านหลังเดิม เสียงชราของป้านุ่มเอ่ยขึ้นอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
“ป้าบอกแล้วว่าอย่าทรมานเด็กมัน ดูซิคะ เจ้าเป็ดน้อยหน้าซีดเชียว”
“ไม่ตายหรอกป้านุ่ม ก็เห็นหายใจได้”
“คุณเต๋า!”
ดูจากท่าทางแล้ว...ไอ้ลุงหน้าหนวดนี่เองที่พาเขาเข้ามาที่นี่ แต่พูดจาแบบนี้ มันแช่งเขาให้ตายรึไงวะ!!!
“ผมสิต้องบ่น พามันเข้ามาจากในไร่ ตัวก็ไม่เบา” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นต่อ คนฟังจับน้ำเสียงได้ว่าอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล นึกอยากจะลุกขึ้นเถียงใจจะขาดหากแต่ต้องแอ๊บทำเป็นลมไว้ก่อน “ทำงานก็ไม่ได้เรื่อง ถอนวัชพืชได้ยังไม่ถึงค่อนถังด้วยซ้ำ”
“คุณเต๋าก็ไปใช้เจ้าเป็ดมัน...วัชพืชพวกนั้นปกติก็ไม่เห็นถอนซะเมื่อไหร่ หนักเข้าเจอยาก็ตายเรียบแล้ว”
ได้ยินป้านุ่มเอ่ยดังนั้นเจ้าเป็ดที่ว่าก็หูผึ่งทันใด... สรุปที่ลงแรงไปทั้งหมด กูโดนหลอกใช้ !!!!
“ดูซิเจ้าเป็ดน้อยตัวก็เล็กแค่นี้ นี่ก็บ่ายคล้อยแล้วไม่รู้กินข้าวรึยัง”
“จะอะไรนักหนา ป้าเป็นห่วงมันมากนักก็หาข้าวปลาให้มันกินเองละกัน”
“ค่ะ ก็หน้าที่ป้าอยู่แล้ว” เสียงชรานั้นไม่มีแววเสียดสีใดๆ “งั้นคุณเต๋าก็มาช่วยพัดให้เจ้าเป็ดหน่อยสิคะ อีกเดี๋ยวคงฟื้นแล้ว ป้าจะได้ไปเตรียมอาหาร”
ได้ยินคำว่าดังนั้น แววตาของชายหนุ่มมีประกายแข็งต้านทานอย่างไม่ชอบใจนัก หากเพราะเห็นแก่คนเก่าแก่อย่างป้านุ่ม เศรษฐพงศ์จึงเดินเข้าไปรับช่วงต่อ ยาดมขวดโลหะสีเงินจ่อเข้าที่ปลายจมูกรั้น มืออีกข้างก็พัดให้ลวกๆ ตาคมจ้องใบหน้าเปื้อนดินของเด็กหนุ่มที่นอนนิ่งด้วยสีหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์
เพราะการมาของอีกคน...ทำให้คชานอนนิ่งเกร็งยิ่งกว่าเดิมทั้งยังไม่กล้าฟื้นขึ้นมาในตอนนี้ และแม้ยังแค้นไอ้คุณลุงเต๋าไม่เบา หากแต่พอลมโชยเข้าใบหน้าทีก็รู้สึกเย็นสบาย
จะแกล้งหลับไปเลยดีไหม???
ในขณะที่ใจกำลังคิดว่าจะเอายังไง หูก็ได้ยินเสียงฝีเท้าบางอย่างค่อยๆ ก้าวเข้ามา ตามด้วยสัมผัสชื้นๆ ที่ปลายเท้า
สงสัยเข้าจนต้องแอบหรี่ตามอง ก็พลันเห็นสัตว์สี่ขากำลังเลียนิ้วเท้าเขาอยู่แผล็บๆ ...มันเป็นสุนัขพันธุ์ฝรั่งตัวใหญ่เบ้อเริ่ม ขนสีขาวปลอดฟูฟ่องงดงาม
ไม่ผิดแน่...ต้องเป็นติ๊ดชึ่ง!!!!!!!!!
ตาคู่เรียวจากที่หรี่มองกลายเป็นเบิกโพลง เขาไม่รู้แน่หรอกว่ามันใช่เจ้าหมาน้อยในวันวานที่ตามหาอยู่ไหม หากแต่ใจสรุปล่วงหน้าแล้วว่าต้องเป็นมัน
“เอ้า ฟื้นแล้วนี่” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นทันทีที่เห็นอีกคนลืมตาตื่นขึ้นมา “หรือว่าเมื่อกี๊แกล้งเป็นลม”
“เปล่าซะหน่อย” เผลอตอบค้านเสียงแข็ง ก่อนจะค่อยๆ ลดอ่อนลง “ผม...ผมเป็นลมจริงๆ เรื่องแบบนี้ใครเขาจะแกล้งกัน นี่ก็ยังมึนหัวอยู่เลย” ยกมือจับศีรษะพลางประสานมองอีกฝ่ายตาละห้อย เล่นละครทำอ้อนวอนสุดชีวิต
“แต่ที่นี่ไม่ต้องการคนป่วย”
“ผมหายแล้ว”
“ไหนเมื่อกี๊ว่ามึนหัว”
“ก็ยังมึน...” เถียงไม่ทันจนคชาต้องทำเสียงซึมเข้าใส่อีกครั้ง “แต่แค่นั่งพักอีกสักพักก็คงหายแล้ว ขอพักอีกแปปนะ” ริมฝีปากเบะออกน้อยๆ ทำเสียงอ่อยเหมือนตอนอ้อนขอเงินแม่ไม่มีผิดเพี้ยน “นะครับคุณลุง... เอ้ย! คุณเต๋า”
สรรพนามที่ใช้แทนตัวทำเอาคงฟังหันมามองด้วยสีหน้าไม่บ่งชัด ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ไม้โดยวางยาดมกับพัดทิ้งเอาไว้
“อีกห้านาที ถ้ายังไม่หาย ฉันจะส่งไปโรงพยาบาล”
แปลตามตรงเหมือนจะใจดีพาไปรักษา แต่แปลตามจริงไอ้ลุงนี่จะเตะเขาออกไปจากไร่ชัดๆ!
รู้ดังนั้นคชาก็แทบผงะ มือหยิบยาดมส้มโอมืออันเดิมมาสูดเข้าปอดอีกครั้งราวกับมันเป็นของวิเศษ หากแต่ตากลมเสมองหมาฝรั่งตัวใหญ่ที่เดินเข้าไปเซ้าซี้กับเจ้าของของมัน
“โตโต้! หนีมาอยู่นี่เอง” เสียงบุคคลผู้มาใหม่ทำให้คนทั้งคู่รวมทั้งสัตว์สี่เท้าหันไปมองหญิงวัยสาวเหลือน้อยที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่ป้านุ่มคนเดิม หากเป็นป้าอีกคนในชุดผ้าถุงลายไทยซ้ำยังทัดดอกไม้เฉาๆ ไว้ที่ข้างหู
“ป้าสวย... รีบเช็ดแล้วก็แปรงขนให้เจ้าโตโต้มันล่ะ ดูท่ายังไม่แห้งดีเลย” เสียงทุ้มเอ่ยราบเรียบเหมือนทุกครั้งไป แต่แฝงด้วยความน่าเกรงขามในที
“ค่ะคุณเต๋า” ป้าสวยคนนั้นว่าเสร็จก็หันมามองเด็กหนุ่มแปลกหน้าบนม้านั่งหวาย “นี่ใช่ไหมเจ้าเป็ดน้อยที่ป้านุ่มพูดถึง”
“สวัสดีครับ” เด็กหนุ่มยิ้มทักทายป้าสวยคนนั้น แม้เธอจะเป็นหญิงวัยใกล้ฝั่งหากริมฝีปากยกยิ้มกว้างทั้งแววตาก็สดใสเหมือนสาววัยรุ่น “งั้นเดี๋ยว...ผมช่วยป้าแปรงขนเจ้าหมานี่ให้นะครับ” เหมือนเสียงนั้นจะเอ่ยกับสาวใหญ่ ทว่าใบหน้ากลับช้อนมองไปหานายของไร่เหมือนขอคำอนุมัติ
ตาแป๋วๆ ถูกเข้าแลกกับคำขอนั้น ทว่าไม่มีแววตาที่อ่อนลงของนายใหญ่ มีเพียงเสียงถอนหายใจหน่วงๆ กับคำพูดที่เอ่ยต่อมา
“ป้าก็สอนมันด้วยละกัน”
สิ้นเสียงนั้นเด็กหนุ่มก็ยิ้มกว้างพลางกระวีกระวาดลุกขึ้นไปหาคุณป้าที่กำลังจับสุนัขตัวใหญ่เอาไว้เพื่อแปรงขนให้มัน
“ไม่ต้องห่วงครับลุง” คชาหันมายิ้มสดใสกับนายของไร่อย่างอารมณ์ดี หากแต่สายตาเย็นยะเยือกคู่นั้นจึงทำให้เด็กหนุ่มรู้ตัว
“อุ้ย! คุณเต๋า… แหะๆๆ”
กว่าวันนั้นจะหมดลง คชาก็จำไม่ได้ว่ายกมือขึ้นปิดปากไปกี่คราเมื่อหลุดเรียกนายใหญ่ของไร่ว่าลุง... คงไม่ผิดหรอกนะในเมื่อหนวดครื้มบนใบหน้าชวนให้คิดไปแบบนั้น แม้ป้าสวยจะแอบกระซิบว่าคุณเต๋าเพิ่งอายุ 28 ปีก็ตาม
นับตามจริงแล้ว คุณเต๋าอายุมากกว่าคชา 7 ปี แต่หากนับตามที่หลอกไว้ คุณเต๋าอายุมากกว่าเจ้าเป็ดตั้งสิบปี!
หลังจากทานอาหารเย็นและช่วยงานป้านุ่มป้าสวยที่เรือนใหญ่จนเสร็จสิ้น ตกเย็นร่างเล็กพร้อมด้วยสะพายเป้ใบเดิมก็เดินตามป้าสวยออกมาตามคำสั่งของคุณเต๋า เพื่อไปยังบ้านพักคนงานซึ่งเป็นที่ซุกหัวนอนในคืนนี้
ระยะทางไกลพอตัว คำนวณแล้วคงประมาณจากมาบุญครองไปเซ็นทรัลเวิลด์ หากแต่ไร่ทานตะวันในยามเย็นที่มีแสงแดดทอประกายก็ทำเอาเดินได้เพลินดี
“นอนห้องนี้นะเป็ด ห้องน้ำใช้รวมกันทางนั้น” ป้าสวยว่าแล้วก็ชี้ไปยังห้องน้ำที่อยู่แยกออกไป “ช่วงนี้ที่นี่มันอาจจะเงียบสักหน่อยเพราะที่ไร่ไม่ค่อยมีงานหลายคนเลยกลับบ้านกัน”
สิ้นคำอธิบายดังนั้น เป็ดคชาก็ร่ำลาป้าสวยก่อนที่ตนจะเดินเข้าไปในห้องพักริมสุดที่ป้าให้กุญแจไว้ เปิดประตูเข้าไปก็พบกับห้องเล็กรูหนูที่ไม่มีอะไรนอกจากเตียงเล็กๆ กับโปสเตอร์คาราบาวที่ข้างฝา หากที่สุดแล้วมันไม่แย่เท่าการที่มีฝุ่นหนาคลุ้งตลบอบอวล
ไม่ใช่ไม่ทำก็ได้... หากคราวนี้มันคือ ‘ต้องทำ’
ไม่เหมือนเวลาอยู่บ้านที่ผัดผ่อนไปเรื่อยยามแม่บอกให้ช่วยเช็ดฝุ่นหรือถูห้อง เพราะหนนี้ไม่มีใครทำแทน แถมผู้ช่วยประจำตัวอย่างเค้นท์น้องชายก็ไม่อยู่ช่วยอีก
เวลาเกือบสองชั่วโมงหมดไปกับการปัดกวาดเช็ดฝุ่นให้เรียบร้อย ไม่รู้โชคดีหรือร้ายที่ห้องทั้งเล็กและแคบจึงไม่ใช้เวลานานไปกว่านั้น ร่างเล็กนั่งลงบนเตียงแข็งๆ ปกติแค่เดินห้างสามสี่ชั่วโมงก็ล้าจะแย่ พอมาผจญภัยในไร่แบบนี้เลยเหนื่อยเอาเรื่องเหมือนกัน ทั้งที่ปกติเข้านอนหลังตีสองเกือบทุกวัน แต่วันนี้เพียงสามทุ่มก็อยากนอนเอาแรง
ความเหนื่อยล้าทำให้เด็กหนุ่มรีบหยิบผ้าผ่อนเครื่องใช้ออกไปเพื่ออาบน้ำ ง่วงแค่ไหนก็ตามแต่เนื้อตัวสกปรกมอมแมมแบบนี้คงนอนไม่สบายแน่ๆ หากแต่พอก้าวออกมาหน้าประตูขาก็อยากจะก้าวกลับไปในห้องทันที
มืดเป็นบ้า! เงียบเป็นบ้า! นี่ไร่ทานตะวันหรือป่าช้าวะเนี่ย!!!!!
เพราะห้องทั้งหมดเป็นกำแพงทึบไม่มีหน้าต่างจากด้านหน้าจึงทำให้ไม่เห็นคนงานคนอื่นที่พักผ่อนอยู่ด้านใน มีเพียงแสงไฟจากหลอนนีออนเหลืองๆ เก่าๆ บนกำแพง
ขารีบจ้ำอ้าวเดินไปยังที่ห้องน้ำคนงานที่กั้นไว้ สภาพช่างไม่ต่างอะไรจากห้องน้ำค่ายลูกเสือตอนมัธยม จะต่างก็ตรงตอนนั้นมีเพื่อนหลายสิบคนอาบน้ำด้วยกันสนุกสนาน แต่ตอนนี้อยู่คนเดียวไม่มีใคร
ความกังวลเรื่องไม่มีน้ำอุ่นให้ใช้ถูกเปลี่ยนไปเป็นเรื่องบรรยากาศแสนวังเวง คชาเปลื้องผ้าเสร็จก็จัดแจงวางผ้าผ่อนไว้มุมห้องน้ำ ยกขันใบเขรอะในนั้นตักน้ำแสนเย็นเยียบมาวางบนขอบอ่าง แล้วจึงวักน้ำค่อยๆ ลูบไล้ผิวกายให้เริ่มชิน
หนาว...เย็นแทบสั่นแต่ที่กลัวกว่านั้นคือบรรยากาศรอบนอก สถานที่แปลกที่ต้องมาอ้างแรมแบบนี้ทำเขานึกกลัวสิ่งเหนือธรรมชาติที่คุณก็รู้ว่าคืออะไร บ้านพักคนงานแม้มีคนอยู่หลายคนแต่ก็เหมือนไม่มี
ป้าสวยบอกว่าที่นี่ทุกคนนอนกันเร็ว...แต่ตอนนี้เพิ่งสามทุ่มกว่าเอง!!! คชาเบ้หน้าด้วยอารมณ์ไม่สู้ดี ก่อนจะภาวนาขึ้นในใจ
โอมปวดฉี่ ขอให้ทุกคนออกมาฉี่!!!!!
ทันทีที่นึก เสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นด้านนอกกลับทำเอาใจเต้นระส่ำ คชาแทบจะนำสวดมนต์ขึ้นต่อในตอนนั้นเพราะนึกกลัวต่อไปไม่รู้ว่าข้างนอกนั่นผีหรือคน ครั้นจะส่งเสียงทักก็ไม่กล้า ซ้ำยังจินตนาการไปไกลกลัวเปิดประตูออกไปจะไม่เห็นแม้แต่เงา
ขันใบเก่าถูกตักน้ำขึ้นใส่ตัวอย่างลวกๆ ตอนนี้ความหนาวเอาชนะความกลัว... แต่กระนั้นน้ำเย็นที่สาดซัดร่างเล็กเข้าเต็มเปาก็ทำเอาตัวสั่นสะท้าน
ไม่เพียงมีแต่เสียงสาดน้ำทำธุระของเขาเท่านั้นเพราะมันแทรกด้วยเสียงน้ำไหลจากที่ไม่ใกล้ไม่ไกล คชาได้ยินก็ยิ่งนึกกลัวตามไป กำลังจะคว้าครีมอาบน้ำของตนก็ดันเจอสิ่งแปลกปลอมเสียก่อน
เจ้าสัตว์เลื้อยคลานสี่ขาตัวจ้อยหน้าตาน่าชังเกาะอยู่บนขวดครีมอาบน้ำของเขา! ซ้ำมันยังร้องเสียง “จุ๊ๆ” ราวกับจะบอกให้คชาสงบสติอารมณ์
“อ๊ากกกกกกกก!!!” แต่ตอนนี้ใครจะเย็นไหว นี่ไม่ใช่การร้องข่ม เพราะตัวคนเปล่งเสียงนั้นแทบจะร้องไห้
จิ้งจก...เขาเกลียดและกลัวมันยิ่งกว่าอะไร!!!
“ออกไป อย่าเข้ามานะว้อย!!!” อย่าหาว่าเขาบ้าเลย แต่คนมันกลัว...ตอนนี้คชาเลยไม่ได้ทำอะไรนอกจากยืนจ้องหน้ามันอยู่ที่เดิม สองมือยกขึ้นตั้งการ์ดใช้ความรู้เทควันโดที่เคยเรียนแบบครึ่งๆ กลางๆ ตอนประถม
“ออกไปสิ ยังมาจ้องหน้าอยู่ได้....ถ้าไม่ออกนะ! ถ้าไม่ออกนะ!” เสียงเดิมพูดขู่กับสัตว์ตัวเดิม แม้ใบหน้าจะขมวดเคร่งขรึมและเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ตาคู่เรียวมองหาทางหนีที่ไล่ แต่เหลือบไปบนฝาเพดานก็พบว่าเจ้าจิ้งจกมันพาพรรคพวกมาอีกสาม
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!! พวกแก ออกไปให้หมดนะว้อย!!!!!!!!!!”
เสียงดังลั่นห้องน้ำยามวิกาลจึงทำให้คนสงสัยและเคาะประตู
- - ปัง! ปัง! - -
“ใจเย็นนะคร้าบ มีอะไรค่อยพูดค่อยจา อย่าใช้กำลังกัน” เสียงเหน่อๆ จากภายนอกทำเอาคชาเริ่มใจชื้นมาอีกนิดหน่อยว่าอย่างน้อยก็ยังมีคนอื่นอยู่
แต่เดี๋ยวนะ ว่าแต่นี่มันคนแน่หรอ ไม่ใช่อย่างอื่นนะ!
“นั่นใครอะ?” คนตัวเล็กพูดถาม
“บักเฟรมคร้าบ” เสียงนั้นตอบกลับมา สำเนียงติดอีสาน “มีอะไรให้ช่วยบ่?”
แม้เสียงจากภายนอกจะฟังดูเป็นมิตรแค่ไหน ทว่าคนภายในกลับไม่วางใจนัก คชาลังเลเพียงครู่ก่อนจะตัดสินใจตะโกนตอบในที่สุด “ร้องเพลงชาติไทยให้ฟังก่อน”
“ห๊ะ! ร้องเพลงชาติไทย?”
“เออสิ... เฮ้ย!!! อย่าเข้ามานะว้อย” ร่างเล็กเบิกตาโพลงเมื่อเห็นเจ้าจิ้งจกน้อยบนฝ้าด้านบนค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาใกล้ตนเพิ่มอีกคืบ มือรีบคว้าผ้าเช็ดตัวที่กองอยู่มาพันท่อนล่าง ท่ามกลางเสียงร้องเพลงชาติไทยที่ดังก้องไปทั่วห้องน้ำของบักเฟรม
“ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย เป็นประชารัฐ ไผทของไทยทุกส่วน...”
ไม่ทันรอให้สัตว์ตัวน้อยเคลื่อนเข้าใกล้ไปกว่านี้ คชาก็เปิดประตูออกไปพรวดทันใดเพื่อพบกับประชากรไทยที่ยืนร้องเพลงชาติอยู่หน้าห้องน้ำ
“อยู่ดำรงคงไว้ได้ทั้งมวล... อ้าว ตกลงในห้องน้ำมีอะไรบ๊?”
บักเฟรมที่ว่า...เป็นเด็กหนุ่มวัยไล่เลี่ยผิวสองสีตัวผอมแห้งแต่สูงพอกัน ตาปรือๆ คู่นั้นดูแจ่มใสบริสุทธิ์เหมือนเด็กชาวบ้านทั่วไป
“มี... ไปไล่มันให้หน่อย”
“หืม...” บักเฟรมทำท่านึก “แต่นี่ไร่ทานตะวันนะคร้าบ ไม่ได้ปลูกมัน ถ้าจะเอามันต้องไปไร่โน้นนนน มีมันสำปะหลังเยอะเลยเด๊อ”
นี่มันเล่นมุกรึอึนจริงวะ!!!
ขำไม่ออกกับสถานการณ์คับขันแบบนี้ มือบางยกขึ้นเกาหัวแกรกๆ ก่อนจะพูดตอบ “ไล่ว้อย ไม่ใช่ไร่...” แม้ไอ้บักเฟรมนี่ไม่รู้จะพึ่งพาได้ไหม แต่มันคือที่พึ่งสุดท้ายของเขาในยามนี้ “ช่วยไปไล่จิ้งจกในห้องน้ำให้ทีเหอะ”
“อ้อ... ก็พูดให้ชัดซี่” เสียงเหน่อๆ ของเด็กหนุ่มหน้าแป้นทำเอาคชาแทบจะบ้า
กูพูดชัดแล้ว...เอ็งคนเดียวแหละที่เหน่อ!
ตามองดูเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่สบอารมณ์ หากแต่ก็เปิดทางให้อีกคนเดินเข้าห้องน้ำไป “เรื่องแค่นี้...หวานหมู” เฟรมว่าแล้วก็ก้าวขาเข้าไปในห้องน้ำ ทว่าเมื่อมองดูอีกที เจ้าจิ้งจกพวกนั้นกลับหายไป
“อ้าว อะไรเนี่ย ไม่เห็นมี ขี้ตัวะแท้ๆ น้อ”
คชาก้าวเข้ามาตามหลังอีกคน มองขึ้นเพดานทั้งยังสำรวจห้องน้ำเท่าที่ตาจะกวาดได้ก็ไม่พบพวกมันเช่นเดียวกัน
หายไปไหนกัน? ให้ตายเหอะ...อย่าบอกนะว่าเจ้าพวกนั้นคือจิ้งจกผี!!!!!
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ช่วยด้วย!!! ผีหลอก!!!!!!!!”
แล้วจะได้นอนไหมคืนนี้???
TBC
กลัวคนไม่เก็ท ทุกคนเข้าใจปะคะว่าจริงๆ มันไม่ใช่จิ้งจกผี แต่มันวิ่งหนีไปแล้ว พอดีคชาอึนๆ อยู่กลัวๆ อยู่เลยเพ้อไปนั่น 5555 /
มันตลกมั่งมะ สนุกหรือพอให้ยิ้มบ้างปะ หรือก็เฉยๆ 55555 /ต้องการอะไรจากสังคมคะคนแต่ง เอาเป็นว่าคิดยังไงก็บอกกล่าวกันได้ คือเรายังมือใหม่สำหรับเรื่องนี้น่ะ ยังกล้าๆ กลัวๆ อยู่ แถมไม่ได้แต่งซะนานเลย
ถ้าชอบก็เม้นบอกหน่อยเน่อ จะได้มีแรงเขียนตอนต่อไป
พื้นที่โฆษณา >> ใครสนใจรวมเล่ม TOM or BOY กับ MySassyBoy ยังโอนเงินและสั่งซื้อได้อยู่นะคะ เดิมปิดโอนวันนี้แต่ยังโอนได้เรื่อยๆ เพราะยังไม่ได้ส่งโรงพิมพ์ เนื่องด้วยยังปรู๊ฟไม่เสร็จ แหะๆ (แต่ตอนพิเศษแต่งเสร็จแล้วน้า)
http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=777894&chapter=32
ปิดท้ายด้วยเจ้าโตโต้ ณ ไร่เพียงตะวัน (สุนัขพันธุ์ซามอยด์ค่า)
ความคิดเห็น