คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #25 : TOM (or) BOY - 23
TOM (or) BOY
23
เขาว่ากันว่า... คนมาทะเล ถ้าไม่อินเลิฟก็อกหัก
แล้วกับเขาล่ะ เป็นอย่างไหน?
ท้องฟ้ากับทะเลสีดำอยู่เบื้องหน้า หาดทรายสีนวลในยามกลางวันแลดูมืดมนและน่ากลัวในยามกลางคืน แม้แต่ท้องฟ้าก็เมฆทืบไม่เห็นดาวเลยสักดวง
ปาร์ตี้ริมหาดของหมู่เพื่อนกำลังสนุกสนานกันได้ที่ สามวันแล้วที่มาที่นี่ แต่ความห่างไกลกลับยิ่งทำให้คิดถึง
ระยะทางไม่ทำให้ลืม แต่ยิ่งทำให้รู้ว่าสำคัญ
เต๋าถอนหายใจหน่วงๆ ออกมา ท่ามกลางความครึกครื้นของกลุ่มเพื่อนเบื้องหลัง เขาทิ้งห่างออกมานั่งที่เก้าอี้ชายหาดฟังเสียงคลื่นและลมทะเล ด้านข้างมีกระป๋องเบียร์วางอยู่สองสามกระป๋อง จิตใจลอยไปไกลถึงเมืองกรุง... สามวันแล้วที่ไร้การติดต่อซึ่งกันแล้วกัน ถ้าเป็นปกติเขาคงทนไม่ได้ แต่ในตอนนี้เขายังอยู่ในช่วงถามใจ
ไม่ได้ถามใจตัวเอง แต่ถามใจใครคนนั้น...
‘รัก’ กับ ‘ผูกพัน’ แม้จะใกล้กัน แต่เต๋าต้องการเพียงความรัก
“แหม่... ไอ้เต๋า จากแฟนมาทะเลแค่นี้มานั่งเป็นพระเอกมิวสิคอยู่ได้” เบนเอ่ยพลางนั่งลงใกล้ๆ เพื่อนสนิทหลังจากยืนมองอยู่สักพัก
“ใครวะแฟน?” เต๋าถามกลับเสียงนิ่ง ฟังดูไม่ยินดียินร้าย “เขายังไม่ได้เป็นแฟนกูว่ะ” ว่าแล้วก็ยกเบียร์จิบขึ้นอีกอึกใหญ่
“เห้ย... ดราม่าอะไรวะ ไหนว่าคบหาดูใจกันอยู่ไง?”
“กูดูใจเขาแล้วเขาดูใจกูบ้างรึเปล่าวะ?” เสียงทุ้มเอ่ยตัดพ้อ “ทั้งๆ ที่กูห่วงเขาสารพัด คิดถึงเขาอยู่ทุกวัน แล้วเขาเคยคิดแบบนั้นกับกูบ้างไหม?”
“ใจเย็นเพื่อน ใจเย็น” เบนพยายามปลอบ
“หรือจริงๆ เขาไม่ได้คิดอะไรกับกูวะ เขามาอยู่กรุงเทพคนเดียวเลยอาจจะแค่เหงาก็ได้ กูก็เป็นแค่เพื่อนธรรมดาคนนึง”
“ไม่เอาน่า...” เบนตบบ่าอีกคนอย่างปลอบใจ ...เต๋าเป็นเพื่อนเขามาหลายปี นานๆ ทีจะเห็นเจ้าตัวดราม่ากับเรื่องอะไรโดยเฉพาะความรัก “อย่าคิดมากดิวะเพื่อน อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้”
“เออ...กูก็ไม่ได้อะไรหรอก แค่ถอยออกมาหน่อย เผื่ออะไรๆ มันจะชัดเจน” เต๋าทอดสายตาไปยังทะเลกว้าง
เต๋าถอนหายใจยาวๆ ออกมาอีกครั้ง นั่งหลับตาปล่อยใจตัวเองให้เป็นอิสระล่องลอย... ความชัดเจนที่ว่าน่ะ กับตัวเขาเข้าใจแล้วว่าตนเองรู้สึกยังไง แต่กับคชาล่ะ
สถานะที่ยังคลุมเครือ การกระทำที่ไม่ชัดเจน
เต๋ายังนั่งซึมทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องเล็กๆ เรื่องนั้น เรื่องเล็กที่จุดประเด็นเรื่องอื่นขึ้นมา... ที่เขาเป็นห่วงคชามันผิดตรงไหน? นึกอยากจะรู้จริงๆ ว่าอีกฝ่ายสัมผัสมันได้บ้างรึเปล่า?
หรือจริงๆ แล้วเต๋าเข้าใจผิดมาตลอดว่าตัวเองเป็นคนสำคัญ
แค่ให้บอกว่าเป็นอะไรกัน... เต๋าก็เป็นได้แค่เพื่อนคนนึงเท่านั้นเอง
- - -
สิ่งหนึ่งที่คชาไม่เข้าใจ คือการที่เด็กคณะนิเทศศาสตร์ต้องลงเรียนวิชาธรรมชาติวิทยา
คชานั่งขมวดคิ้วอ่านหนังสือเรียนเล่มสีเขียว มือซ้ายป้ายปากกาไฮไลท์ลงไปในส่วนสำคัญ วิชานี้ไม่ใช่วิชาบังคับ แต่ก็เป็นวิชาเลือกที่เด็กคณะนิเทศปี 1 ส่วนใหญ่ลงเรียนตามๆ กันมาทุกปีจนอาจารย์เปิดเซคชั่นให้ เนื่องด้วยเพราะต้องเรียนวิชาหมวดวิทยาศาสตร์อย่างน้อย 1 วิชาอยู่แล้ว
เนื้อหาของมันที่ละม้ายคล้ายวิทย์โอเน็ตไม่รู้จะทำให้เขาดีใจรึเสียใจดี ตอนสอบเข้าคะแนนวิทยาศาสตร์เขาอยู่ในเกณฑ์กลางๆ แต่พอสอบเสร็จทุกอย่างก็เหมือนกลายเป็นศูนย์ คืนครูคืนตำราไปหมดแล้ว โชคดีก็ตรงที่ได้ยินว่าข้อสอบมันเป็นช้อยส์นี่แหละ เพราะงั้นถ้าอ่านผ่านตาไปบ้างก็น่าจะพอทำได้
แขนเรียวยืดบิดขี้เกียจ ปากก็หาววอด สองทุ่มกว่าแล้วและเมื่อครู่นี้เขาก็เพิ่งกินข้าวกล่องเสร็จไป ไม่รู้เพราะหนังท้องตึงหนังตาเลยหย่อน หรือเป็นเพราะโรคง่วงนอนเพราะเห็นหนังสือเรียนกันแน่
หากแต่เสียงเคาะประตูสองสามครั้งก็ทำเอาเขาขมวดคิ้วเบาๆ ขาลุกขึ้นจากโต๊ะญี่ปุ่นบนพื้นเดินไปหาต้นเสียง... แวบแรกในสมอง เขาคิดถึงเต๋า แต่ก็ถูกต้านขึ้นมาเสียเองเพราะตอนนี้เต๋าคงสนุกกับเพื่อนๆ อยู่ที่ทะเล
สงสัยจะเป็นเฟรม...
“ไงคชา” แต่ไม่ใช่เฟรมอย่างที่คิดไว้หรอก
“มีอะไรหรอปอ?” เขาถามนักศึกษาแพทย์ตรงหน้าที่ส่งยิ้มกว้างมาให้
“เราซื้อขนมมาฝากน่ะ” เอ่ยพลางยกถุงพลาสติกในมือขึ้นมา ตาปรายเข้าไปในห้อง “เข้าไปข้างในได้ไหม?”
คำขอของเพื่อนใหม่ข้างห้องดูน่าเห็นใจขึ้นมาเมื่อเจ้าตัวส่งสายตาอ้อนๆ มาให้ คชานึกไม่ออกว่าในอนาคตคนตรงหน้าจะเป็นหมอแบบไหน แต่บอกตรงๆ ว่าเขาคงไม่กล้าให้รักษาเพราะไม่มีความน่าเกรงขามอย่างนั้นอยู่เลยสักนิดเดียว คนตัวเล็กเปิดประตูออกกว้างให้คนมาใหม่เข้ามา ถ้าไม่นับตัวเขาเอง ปอเป็นคนที่สามที่ได้เข้ามาเหยียบห้องนี้
ปอนั่งลงตรงโต๊ะญี่ปุ่นกลางห้องโดยไม่ต้องถาม มือแกะกล่องโฟมออกมา สาคูกับข้าวเกรียบปากหม้อส่งกลิ่นโชยน่ากินไปทั่วห้อง
“กินเลยคชา” หนุ่มผิวสองสีว่า มือก็จิ้มสาคูเข้าปากแถมด้วยผักกาดหอมที่ฉีกใส่ตาม
“ขอบใจนะ แต่ทีหลังไม่ต้องซื้อมาฝากก็ได้หรอก” เสียงใสเอ่ยกับเพื่อนใหม่
“เฮ้ย แค่นี้เองไม่เป็นไร เราเพื่อนบ้านกัน... ทีวันแรกคชายังเอาน้ำเต้าหู้มาให้เราเลย” ปอเอ่ยยิ้มๆ “มันเยอะ กินคนเดียวไม่หมดหรอก แถมยังเหงาด้วย”
ถ้อยคำซื่อๆ จากปากอีกคนทำเอาคชาชะงัก... ‘เหงา’ ไอ้คำคำนี้มันแทงใจชอบกลเมื่อได้ยิน
“ว่าแต่นายทำไมถึงเพิ่งย้ายมาหอนี้ล่ะ?” คชาเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“อ๋อ... ตอนแรกเราอยู่บ้านญาติ แต่มันไกลจากมหาลัย แล้วเราก็ไม่ค่อยสนิทกับญาติสักเท่าไหร่ด้วย” ปอเล่า “เราเพิ่งย้ายมาจากอุตรดิตถ์น่ะ เพิ่งมาอยู่คนเดียวมันเลยเหงาๆ ...แล้วคชาล่ะ หน้าตี๋ๆ ตัวขาวๆ แบบนี้คงเป็นเด็กเมืองกรุงแน่ๆ เลย”
“เฮ้ย! จะบ้าหรอ เราเป็นเด็กโคราช เพิ่งเข้ากรุงตอนเข้ามหาลัยเหมือนกันนี่แหละ”
“หรอ... งั้นคชาก็ไม่รังเกียจใช่ไหมที่มีเพื่อนเป็นเด็กบ้านนอกแบบเราอะ”
“รังเกียจทำไม ก็บ้านนอกเหมือนกัน” เสียงใสพูดจบ ทั้งสองก็หัวเราะออกมาเบาๆ บรรยากาศในห้องจากเพื่อนข้างห้องที่ไม่คุ้นเคยดูอบอุ่นขึ้นมาอย่างน่าประหลาด คชานั่งกินข้าวเกรียบปากหม้อในกล่องโฟมอย่างเอร็ดอร่อย บทสนทนาเล็กๆ น้อยๆ ผุดขึ้นมาระหว่างเพื่อนใหม่ทั้งสอง
“ว่าแต่นี่อะไรอะ หนังสือเรียนคชาหรอ?” ปอพูดพลางพลิกหนังสือบนโต๊ะดู
“อืมใช่ พรุ่งนี้สอบ ยังอ่านไม่จบเลย” คชาเอ่ยด้วยท่าทีกังวลเล็กๆ ไปตามประสา ถึงอันที่จริงจะไม่เครียดเท่าไหร่แต่ก็ยังอ่านไม่จบ
“อ้าวหรอ.. งั้นเรามาขัดจังหวะคชาอ่านหนังสือรึเปล่าเนี่ย?”
“เฮ้ย ไม่... เราเบื่อๆ อยู่พอดี” คชารีบปฏิเสธเมื่อเห็นท่าทีเป็นหมาหงอยของอีกคน
“หรอ?” ปอขมวดคิ้วอย่างไม่สบายใจ “เดี๋ยวเราติวให้เอาไหม ดูแล้วไม่น่ายากเท่าไหร่นะ” ว่าพลางพลิกดูเนื้อหาภายในเล่ม
“แหงล่ะ จะยากได้ไง นายมันนักเรียนแพทย์นี่”
ถึงจะไม่อยากรบกวนเพื่อนข้างห้อง แต่สีหน้าที่ดูไม่สบายใจเท่าไรนักของปอก็ทำให้คชาตอบตกลง และหลังจากนั้นหลายนาทีต่อมา คชาก็คิดว่าตัวเองคิดถูกแล้ว ปอพูดได้เข้าใจดีสมกับที่เป็นนักศักษาแพทย์ มาดขี้เล่นเป็นเด็กๆ นั่นหายไปเมื่อปอเอ่ยอธิบายด้วยท่าทีสุขุม
ตอนนี้ เขาเริ่มเชื่อแล้วล่ะ... ว่าอนาคตปอจะเป็นหมอได้จริงๆ
จนกระทั่งเนื้อหามาถึงบทสุดท้าย เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์เพลงการ์ตูนก็ดังขึ้น... คชาหูผึ่งที่ได้ยิน หลังจากเต๋าไปทะเลเขาก็กลับมาใช้ริงโทนมีเสียงหลังจากเปิดโหมดสั่นอยู่นาน
คนตัวเล็กลุกขึ้นไปหาเครื่องมือสื่อสารที่วางทิ้งไว้ตรงหัวเตียง ไม่อยากคาดหวังว่าใครโทรมาเพราะกลัวความผิดหวัง หากแต่รายชื่อที่ปรากฏขึ้นมากลับทำหัวใจเต้นรัว
‘@love’
- - -
สองชั่วโมงแล้วนับแต่ปาร์ตี้ริมหาดเริ่มต้นขึ้น กลุ่มเพื่อนเด็กบริหารอินเตอร์รวมทั้งหมด 8 คน จากตอนแรกที่ทุกคนยังดูปกติดี ในตอนนี้หลายๆ คนเริ่มจะไปซะแล้ว
คงโชคดีที่ทริปนี้มีหญิงสาวมาด้วยสามคน แต่ละคนยังมีสภาพปกติดีด้วยเพราะเดียร์กับแอนไม่ดื่ม ส่วนปลาเพียงแค่จิบเบาๆ และอีกหนึ่งหนุ่มที่ยังไหวก็คือน้ำแข็ง ส่วนสี่หนุ่มที่เหลือ เบนกับตั้มเมาพับไปแล้ว หยีดูสภาพอ้อแอ้ ส่วนเต๋าดูจะเมาหนักกว่าใคร
ณ เวลาสี่ทุ่มครึ่ง เหล้าเบียร์และอาหารถูกเก็บไปเรียบร้อย เหลือทิ้งไว้เพียงศพแต่ละคนที่ต้องถูกทยอยเก็บตามมา
หนุ่มผิวขาวจัดในตอนนี้หน้าขึ้นสีแดงจัดเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ หลังจากที่เต๋าไปนั่งเงียบๆ คนเดียวอยู่พักใหญ่ก็ถูกเพื่อนลากมาร่วมวงเพราะเห็นท่าทีซึมแปลกๆ ตลอดทริป
“ชาอยู่ไหน... เต๋าคิดถึงชา...” ยิ่งเมายิ่งเปิดเผยความในใจ... หนุ่มผิวขาวจัดเอ่ยออกมาด้วยเสียงยานคาง ตอนนี้ที่ริมหาดเหลือเพียงเต๋ากับหยีที่เมาพับ ส่วนคนอื่นๆ กำลังถูกขนไปเก็บที่ห้องนอน
“อยู่ในใจมึงไงเต๋า ฮ่าๆๆๆ” หยีพูดตอบให้
“เออ ถูก” เต๋าว่า “แล้วกูอยู่ในใจเขาบ้างไหมวะ?”
“คิดมากน่า... อย่างมึงถึงอกหักก็หาใหม่ได้ง่ายๆ ล่ะว้า” หยีตอบเพื่อน
“ไม่เอา คนนี้กูรักของกู” เสียงทุ้มเอ่ยเพ้อๆ
เกินสมองจะควบคุมเมื่อในยามนี้ส่วนที่ใช้คิดมีเพียงหัวใจ มือขาวซีดหยิบเครื่องมือสื่อสารที่วางไว้ทิ้งบนโต๊ะมานาน ใช้เวลาเลื่อนหาชื่ออยู่นานกว่าจะเจอ ชื่อที่ถูกบันทึกไว้เหมือนกันกับอีกเครื่อง
‘@love’
‘@love’
หลายวินาทีแล้วที่คชายืนจ้องชื่อนั้นในโทรศัพท์ราวกับจะดูให้แน่ใจ จนเมื่อตั้งสติได้ คนตัวเล็กก็หันไปมองอีกคนในห้องเชิงขอเวลา นิ้วมือค่อยๆ เลื่อนไปกดรับสาย หัวใจเต้นรัวด้วยความตื่นเต้นที่จะได้ยินเสียงคนที่คิดถึงแต่ไม่กล้าติดต่อไปตลอดหลายวันที่ผ่านมา
“ชา...” กี่วันแล้วที่ไม่ได้ยินเสียงนี้... คชานิ่งค้างเหมือนถูกสะกด แม้ฟังดูก็รู้ว่าน้ำเสียงไม่ปกติ
“เต๋า” คชาเรียกชื่ออีกฝ่ายเหมือนจะช่วยเตือนสติ “เมาอยู่หรอ?”
“ถ้าเมาก็เมารักชานั่นแหละ คิดถึงงงงง” คนฟังกำโทรศัพท์แน่น ได้ยินดังนั้นแล้วหัวใจก็เหมือนมีน้ำหล่อเลี้ยงให้ชุ่มชื้น ถึงมันจะส่งกลิ่นเหล้ามาแต่ไกลก็ตาม
“คิดถึงชา อยากกอดชา”
“อ..อืม”
“อยากจูบคชา จูบแรงๆ สักร้อยที” คนตัวเล็กได้ยินดังนั้นก็รู้สึกหน้าร้อนวูบขึ้นมาทันที มือข้างหนึ่งยกขึ้นจับปลายผมเล่นเบาๆ
“อยากกลืนอยากกินไปทั้งตัว” คำพูดที่ชวนติดเรทมากขึ้นทุกทีทำเอาคนตัวเล็กที่ขยับนั่งลงกับปลายเตียง ไม่พูดตอบอะไรแต่หน้าแดงแจ๋ไปกับคำพูดเหล่านั้น... เขาว่าคนเมามักจะเผยความรู้สึกส่วนลึกออกมานี่ จริงไหม...
“ชา...ให้เต๋าจูบชานะ” เสียงเดิมยังเอ่ยต่อไป แม้จะฟังดูอ้อแอ้ตามประสาคนเมาแต่ก็ทำเอาคนฟังถึงกับหลับตาปี๋โดยไม่รู้ตัว... ประสาทหูที่ยังทำงานได้ยินเสียงจูบวาบหวามลอดออกมาจากลำโพงโทรศัพท์ ขนแขนพากันลุกซู่ขึ้นมาซะอย่างนั้น
“เต๋า... ทำอะไร!? ทะลึ่ง” ไม่ใช่เสียงของคชา หากแต่มาจากปลายสาย... เสียงผู้หญิงที่ดังแทรกเข้ามาทำเอาคนฟังถึงกับลืมตาราวกับตื่นจากฝัน “ถอดเสื้อกับเข็มขัดทำไม... เฮ้ยเต๋า!”
เสียงผู้หญิงเสียงนั้นคชาไม่รู้หรอกว่าคือใคร แต่เท่านั้นสมองก็พลันนึกไปไกลเสียแล้ว
“ฮัลโหลๆ” คชาพยายามเอ่ยกับปลายสาย ทว่ามันก็ถูกวางไปเสียก่อน ทิ้งไว้เพียงปริศนาที่ยากจะเข้าใจ
เต๋าเมาปลิ้น... โทรมา...ส่งจูบให้...
ถอดเสื้อ...ถอดเข็มขัด...แล้วก็มีผู้หญิงเข้ามา
คนตัวเล็กนั่งกุมขมับอยู่บนเตียง คิ้วขมวดจนแทบจะชนกัน ยิ่งปะติดปะต่อเรื่องราว ภาพในหัวยิ่งลอยขึ้นมา
อย่าบอกนะว่า... เต๋าเมา...แล้วก็...ทำอะไรผู้หญิงคนนั้นเพราะคิดว่าเป็นเขา
โอ๊ย...ไม่... คิดอะไรอกุศล...เต๋าไม่ทำอะไรอย่างนั้นหรอก...
ใช่ไหม?
คชารู้ดี... ปกติเต๋าเป็นสุภาพบุรุษมากแค่ไหน แต่ในยามที่เมาไม่ได้สติแบบนี้... เมาถึงขนาดที่ว่าโทรมาแล้วพูดอะไรแบบนั้นด้วย
อุตส่าห์จะดีใจกับคำบอกคิดถึงแล้วเชียว... ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วยนะ
- - -
เฟรมกลับขอนแก่นทันทีหลังสอบกลางภาคเสร็จ...
จริงๆ ยังไม่เสร็จซะทีเดียวแต่นี่เป็นวิชาสุดท้ายของสัปดาห์ เนื่องด้วยวันศุกร์ไม่มีสอบ และจะสอบอีกทีก็ถัดไปอีกอาทิตย์นึง
คชาโบกมือให้กับเพื่อนซี้ที่รีบกลับไปที่หอเพื่อเก็บกระเป๋าเตรียมออกเดินทาง เห็นสีหน้าลัลล้าของเฟรมแล้วก็ดีใจแทน แต่ลึกๆ ตัวเองก็อดคิดถึงบ้านไม่ได้ แม้คชาจะโทรคุยกับครอบครัวบ่อยๆ แต่มันแทนกันไม่ได้หรอก
คนตัวเล็กนั่งนิ่งๆ อยู่ที่ม้าหินด้านล่างของอาคาร รอแพรวากับแอ้นที่ยังทำข้อสอบไม่เสร็จ เตรียมไปฉลองกันเล็กๆ เย็นวันนี้
“ไงคชา...” เสียงผู้หญิงที่เอ่ยขึ้นทำเอาใบหน้าหวานต้องเงยหน้ามอง
“สวัสดี...แฟง” คชาทักกลับไปอย่างไม่เข้าใจนัก ปกติแฟงกับเขาถึงอยู่คณะเดียวกันแต่ไม่ค่อยได้คุยด้วยหรอก นอกเสียจากวันนั้นที่แฟงมาถาม... เรื่อง...
“หมู่นี้ไม่ค่อยเห็นเต๋าเลยนะ” เธอพูดนิ่งๆ ส่งยิ้มบางที่ไม่ส่อแววถึงความเป็นมิตรสักเท่าไหร่ หลังจากวันนั้นที่คชาแอบกันท่าแฟงว่าเต๋ามีคนที่ชอบอยู่แล้ว แฟงคงรู้ในเวลาต่อมาว่านั่นคือคชา และเธอก็มีท่าทีเปลี่ยนไป
“เต๋าไปเที่ยวต่างจังหวัดน่ะ” คชาตอบกลับเรียบๆ
“นี่คชา... ถามจริงๆ เลยนะ นายกับเต๋าเป็นอะไรกัน?”
“ก็... เป็น...” คชาอ้ำอึ้งในคำตอบ มันเป็นเรื่องที่แม้เขาเองก็ยากจะอธิบาย
“ถ้าไม่ได้เป็นอะไร ก็ปล่อยเต๋าไปได้ไหม?” แววตาคู่สวยมองตรงมาอย่างตั้งมั่น “ไม่คิดบ้างหรอ ที่นายทำอยู่มันตัดโอกาสที่เต๋าจะได้เจอกับคนดีๆ”
สิ้นประโยคนั้นคชาก็นิ่งไป... ไม่ทันได้ตอบอะไรหรือไม่ทันได้ฟังอะไรแฟงพูดมากกว่านั้น แพรวากับแอ้นก็เดินเข้ามาเสียก่อน แฟงหันไปมองเพื่อนร่วมรุ่นทั้งสองที่เดินเข้ามาใหม่ก่อนจะลุกเดินออกไป
คชาเพียงส่ายหน้าตอบแพรวาที่เอ่ยถามว่ามีอะไร แม้ในใจยังคงค้างคา
“อย่าไปฟังอะไรยัยนั่นมากน่ะคชา ให้ตายเหอะ...ฉันล่ะไม่ชอบหน้ายัยแฟงนั่นจริงๆ ต่อหน้าล่ะชอบทำตัวแอ๊บใสๆ เอาเข้าจริงล่ะแรดจะตาย ได้ยินว่าเพิ่งหักอกพี่โอ๊ตด้วยแหละ” แพรวาเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์...พี่โอ๊ตที่ว่าเป็นพี่ปีสอง พี่รหัสของแอ้น
“แพรวาก็...พูดเกินไป” แอ้นปราม
“เกินไปอะไร... ชา..นี่เราพูดจริงๆ นะ”
“อืม เราไม่ได้สนใจที่เขาพูดนักหรอก” คชาตอบออกไป และบทสนทนาทั้งหมดก็จบลงเท่านั้นเมื่อเจมส์กับโปเต้กลับมาจากโรงอาหารพอดี
เย็นวันนั้น หลังจากที่ไปดูหนังราคาพิเศษด้วยบัตรนักศึกษาเสร็จ คชาก็เสนอเมนูมื้อเย็นเป็นอาหารอีสานบ้านเกิด โลเคชั่นจากห้างสรรพสินค้าดังเลยถูกเปลี่ยนเป็นร้านลาบในย่านชุมชนหลังมหาวิทยาลัยที่เปิดตั้งแต่เย็นจนถึงดึกๆ
ไม่ต่างจากทุกครั้งที่คชาสั่งส้มตำมากินตอนพักเที่ยงที่โรงอาหาร... ทุกครั้งที่คิดถึงบ้าน เมนูเหล่านี้ดูจะช่วยได้ไม่มากก็น้อย
“เอ้า...ชน!” ไม่ต้องมีแอลกอฮอล์ เมื่อสิ่งที่ถูกยกชนเป็นเพียงกระติ๊บข้าวเหนียวอันเล็กๆ คชานั่งจกข้าวเหนียวเคล้าไก่ย่างส้มตำ ตัดซดน้ำต้มแซ่บชามใหญ่ที่วางอยู่ด้านหน้า งานนี้แทบไม่มีแม้แต่ช้อนกลางสักคัน ดูทุกคนจะเป็นกันเองเหลือเกิน
การฉลองสอบเกือบเสร็จลากยาวตั้งแต่ทุ่มเศษมาถึงสามทุ่ม กระเพราะอาหารรูดปิดไปนานแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงคาราโอเกะในร้านที่ยังทำงานรองรับความบ้าระห่ำของนักศึกษาปีหนึ่งที่มาระบายความเครียด
“โห...ให้ตายเหอะ ไอ้เฟรมน่าจะมาด้วยว่ะ จะได้มาร้องด้วยกัน” เจมส์บ่นเมื่อถึงคิวเพลงของตนที่เลือกไว้... เพลงที่เจมส์ชอบหยิบมาร้องเล่นบ่อยๆ โดยมีเฟรมเป็นลูกคู่
...เด็กมีปัญหา...
คนตัวเล็กนั่งหัวเราะมองเพื่อนร่างยักษ์ที่แอ๊บแบ๊วร้องเพลงของดูโอสาวอย่างโฟร์มด ทุกคนดูจะชอบอกชอบใจกับหนุ่มหน้าหมีที่ทำท่าตลกเฮฮาจึงเลือกเพลงถัดมาให้กับเจมส์อีกเพลง… เพลงใหม่ของนักร้องสาวกลุ่มเดิม
...จีบได้แฟนไม่รัก...
คชานั่งหัวเราะปรบมือตามๆ กันไป คราวนี้เจมส์เวียนให้คนอื่นมาเป็นลูกคู่ตัวเองบ้าง เพราะเจมส์บอกว่าอยากร้องแต่ท่อนของโฟร์
ไมค์อีกตัวที่ถูกสลับเวียนกันไปมาพาทำเอาคชานั่งขำกับเพื่อนๆ ก่อนที่ไมค์ตัวนั้นจะมาหยุดอยู่ที่คชา คนตัวเล็กรับมันมาก็ถูกเจมส์ฉุดขึ้นไปยืนด้วย
“เจ้าของฉันอยู่ไหน... ไม่เห็นว่าจะสำคัญ... โสดหรือว่าไม่โสด ไม่ต่างกัน” สาบานได้ว่าคชาเพิ่งจะฟังเพลงนี้อย่างจริงจังเป็นครั้งแรก แต่ไอ้เนื้อเพลงนี้นี่มันแทงใจดำเข้าอย่างจังเลย
คนตัวเล็กดำน้ำไปแค่นั้นก็รีบส่งไมค์ให้เพื่อนต่อแล้วมานั่งอยู่กับโปเต้ตามเดิม
คชายังไม่มีเจ้าของ... เขาเป็นโสดมาตั้งแต่เลิกกับแฟนคนแรกตอนอยู่ม.5 แล้ว และการจะมีรักครั้งใหม่ โดยเฉพาะกับผู้ชายด้วยกัน มันเลยทำเอาสมองสับสนวุ่นวายไปหมด
เพราะเขาไม่รู้... ทำตัวไม่ถูก... สุดท้ายมันเลยลงเอยแบบนี้ใช่ไหม?
คชานั่งมองโทรศัพท์ของตนอีกคงเพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่สามารถเชื่อมเราเข้าหากันได้
‘อยากให้ถึงวันศุกร์เร็วๆ’ ข้อความที่พิมพ์เมื่อสองวันก่อนแต่ไม่ได้ส่ง ในตอนนี้กลับมาปรากฏที่หน้าจออีกครั้ง
เขาเปลี่ยนโปรโมชั่นใหม่แล้ว และคราวนี้ก็กำลังทำใจกล้ากดส่งมันไปหาอีกคน... ทีแรกว่าจะรอเต๋ากลับมา แต่ตอนนี้คชาแค่อยากสร้างความมั่นใจบางอย่างให้ตนเอง
เต๋า... กลับมาเร็วๆ นะ ไม่อยาก..จูบกัน..ผ่านมือถืออีกแล้ว
มัน ‘เหงา’ สิ้นดี
TBC
ตกใจไหม มาลงเร็วเกินคาด 5555 ใครที่ว่าพี่เต๋าไว้ในตอนที่แล้ว นี่พอจะแก้ตัวให้ได้ไหมอะ
เอาน่า...คนรักกันมันต้องมีไม่เข้าใจกันบ้าง เขาเพิ่งรู้จักกันเองนะ
แถมแต่ละคนก็มาจากคนละทิศคนละทาง ต้องเรียนรู้กันอีกเยอะ (แต่พี่เต๋าแอบหื่นว่ะ >,<)
ฟีดแบคปอมาหลายทิศทางมาก แต่ปอน่ารักออกนะ เป็นเด็กใสๆ อิอิ
ตอนนี้มีเพจในเฟซบุคละน้า พอใช้แอคเค้าเฟซจริงไปโพสฟิคแล้วเพื่อนมาเห็นอะ เขินเพื่อน (โธ่)
ตามไปกดไลค์กันได้นะคะ http://www.facebook.com/Rainbobow มีอะไรจะไปอัพเดทในนั้นด้วย
มีอะไรก็คอมเม้นติชมกันได้นะ ชอบอ่านคอมเม้นมากจริงๆ หลายๆครั้งได้พลอตมาจากคอมเม้นนี่แหละ
เจอกันใหม่หลังเราสอบเสร็จ ขอบคุณคนอ่านทุกคนจ้ะ
ความคิดเห็น