คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : ♀ TOM (or) BOY ♂ - 18 [edited]
♀ TOM (or) BOY ♂
18
วันนี้เป็นวันศุกร์
เพียงวันธรรมดาทว่าพิเศษกว่าทุกครั้ง เนื่องจากโต๊ะอาหารสี่เหลี่ยมขนาดกลางพรั่งพร้อมไปด้วยสมาชิกทั้งสี่ของครอบครัวตัวต.
เพราะปกติครูภาษาไทยอย่างแม่เต่ามักต้องอยู่เวรที่โรงเรียนในวันศุกร์ตอนเย็น ต๋อ..ลูกสาวคนเล็กก็ไปเรียนพิเศษวาดรูป เต๋อ..ลูกชายคนกลางมีซ้อมบาสเกตบอล ส่วนพนักงานบริษัทอย่างพ่อต๋อยก็มักจะรถติดกว่าจะกลับมาถึงบ้านก็มักเลยเวลาอาหารไปแล้ว เหลือก็แต่ลูกชายคนโตอย่างเต๋าที่ถึงบ้านเร็วเพราะบ้านอยู่ใกล้มหาลัย หากแต่ก็หาอะไรใกล้ๆ กินเองเกือบทุกวัน
แขกของบ้านอย่างคชา พอได้ยินอย่างนั้นเข้าก็ส่งรอยยิ้มแห้งๆ ให้กับคนอื่นๆ บนโต๊ะอาหาร ปกติครอบครัวเพียงพอไม่ค่อยได้กินข้าวเย็นพร้อมหน้ากันในวันธรรมดา แต่ไหงวันที่เขาวิ่งฝ่าสายฝนมาง้อใครบางคน มันถึงได้เป็นวันที่สมาชิกอยู่กันพร้อมหน้าแบบนี้ล่ะ
“อยู่มหาลัยเต๋ามันโดดเรียนไปเที่ยวไหนบ้างรึเปล่า?” น้ำเสียงอบอุ่นของพ่อต๋อยเอ่ยถามเรียบๆ
คชานิ่งคิดก่อนจะส่ายหน้าเป็นคำตอบ “ไม่รู้สิครับ คือเรา..อยู่คนละคณะกัน”
จะว่าไป...แล้วเขารู้อะไรเกี่ยวกับเต๋าบ้างนะ?
“คชาเรียนนิเทศน่ะพ่อ” ลูกชายตอบแทนให้
“แล้วไปรู้จักกันได้ยังไงล่ะ?” แม่เต่าถามขึ้นบ้าง แปลกใจไม่น้อยที่ทั้งสองคนเพิ่งรู้จักกันในมหาวิทยาลัยแต่สนิทสนมกันขนาดมาที่บ้าน...เพราะมีแค่เพื่อนเต๋าอีกไม่กี่คนเท่านั้นที่เคยมาที่นี่
“รู้จักเพราะ...เตะบอลด้วยกันน่ะครับ” คชาแย้มยิ้มหวานด้วยความภูมิใจในการแถอย่างแนบเนียนของตัวเอง “ชอบฟุตบอลเหมือนกันด้วย”
“อ๋อ อย่างนี้เอง ว่าแต่คชาบ้านอยู่ไหนล่ะ?”
“มาจากโคราชครับ”
“หรอจ๊ะ แล้วตอนนี้พักอยู่ไหน?”
“อยู่บ้านเพื่อนอีกคนน่ะครับ แก้ขัดไปก่อน แต่เดี๋ยวกำลังจะย้ายเข้าหอแล้วครับ”
“อยู่หอทำไมพี่ชา มาอยู่นี่สิ” น้องสาวแก้มยุ้ยตาโตพูดทั้งๆ ที่ยังเคี้ยวไม่หมดดี “จะได้อยู่กับพี่เต๋าไง... กับต๋อด้วย” รอยยิ้มสดใสผุดขึ้น หากแต่คนถูกพาดพิงอย่างคชากลับรู้สึกว่ามันดูเจ้าเล่ห์ยังไงพิกล “เนอะพี่เต๋อ” หันไปขอความเห็นจากพี่ชายคนกลางพลางกระซิบกระซาบในสิ่งที่คชารู้สึกเสียวสันหลังชอบกล
“อย่าดีกว่าครับน้องต๋อ เกรงใจจะแย่” และเพียงแว้บเดียวเท่านั้น คชาก็เห็นแววตาวิบวับจากน้องเต๋อในเชิงล้อๆ คล้ายคลึงกัน
“เกรงใจอะไร บ้านเราชิลๆ อยู่แล้วพี่... พี่เต๋าอะว่าไง?” น้องชายว่าพลางหันไปสะกิดพี่ชายที่นั่งเงียบอยู่ เห็นดังนั้น คชาจึงส่งสายตาขู่ๆ กลับไปถึงอีกคน
อย่าได้ตอบเห็นด้วยเชียว!
“มาอยู่ด้วยกันไหมชา?”
พอกันทั้งพี่ทั้งน้องเลยวุ้ย!
ก่นด่าอีกคนในใจหากทว่าใบหน้ากลับร้อนเอาดื้อๆ เมื่อเห็นแววตาของคนพี่ไม่มีวี่แววขี้เล่นอยู่เลยสักนิด ใบหน้านั้นมองมาอย่างจริงจังจนเขาลอบถอนหายใจ คชาเบือนหน้าหนีหากแต่ก็ไปสบตากับพ่อต๋อยแม่เต่าเข้า
“มาอยู่บ้านเราไหมคชา เพื่อนเต๋าก็เหมือนลูกแม่อีกคนนั่นแหละ”
ได้ยินคำพูดจากคุณแม่แสนใจดีกับการพยักหน้าคล้อยตามของคุณพ่อเข้าแล้ว คชาก็หวนนึกถึงครอบครัวของตัวเองที่โคราชไม่น้อย ไม่ได้โทรไปหาสองวันแล้ว ไม่รู้ตอนนี้แม่กับน้องๆ จะเป็นไงบ้าง
“ขอบคุณครับ...พ่อ...แม่” เพิ่งจะเรียกทั้งคู่ว่าพ่อแม่ได้อย่างเต็มปากก็หนนี้ ทั้งสองทั้งใจดีแล้วก็อบอุ่นจริงๆ
“แต่อย่าดีกว่า ผมมากรุงเทพฯ คนเดียวก็อยากลองใช้ชีวิต อยากทำอะไรเองดูบ้าง” อยากจะพิสูจน์ตัวเองว่าโตแล้ว อยู่คนเดียวได้
“งั้นก็ตามใจลูก... แต่คืนนี้ค้างที่นี่ก่อนดีไหม ฝนตกอีกแล้ว คงไม่หยุดง่ายๆ แน่”
คชายิ้มหวานให้กับคุณแม่คนที่สอง ก่อนจะพยักหน้ารับคำชวนของหญิงวัยกลางคน “รบกวนด้วยนะครับ”
หลังมื้ออาหารแสนเรียบง่าย สมาชิกในบ้างต่างก็เริ่มแยกย้ายเข้าไปทำกิจกรรมส่วนตัวของตนเอง น้องเต๋อขึ้นไปอาบน้ำ แม่เต่าขึ้นไปทำแผนการสอนบนห้อง ส่วนพ่อต๋อยกำลังนั่งดูทีวีอยู่ในห้องรับแขกด้านล่างกับลูกสาวที่นั่งขีดเขียนอะไรอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
“ไหนดูซิ วาดรูปอะไรเนี่ย?” พี่ชายชะโงกหน้าก้มลงไปดูสมุดวาดเขียนเล่มใหญ่ของน้องสาว “นี่มัน... ชา มาดูสิ”
ร่างเล็กก้าวเข้าไปหาสองพี่น้องตามเสียงเรียก ก่อนจะก้มมองลงในสมุดวาดเขียนที่เด็กสาวกางออกให้ดู
“เอ่อ...” รูปคนสองคนที่กอดกันอยู่ทำเอาเขายืนนิ่งสนิท ถึงลายเส้นจะเป็นแบบการ์ตูนทว่ามองปราดเดียวก็รู้ในทันทีว่าใครเป็นใคร
ไอ้คนที่ทำหน้าเขินผมหน้าม้าเห็ดนั่นเขาแน่ๆ ส่วนอีกคนที่ตัวสูงกว่าหน่อยแถมยิ้มเจ้าเล่ห์ก็หนีไม่พ้นไอ้คนที่ยืนยิ้มแฉ่งอยู่นี่แหละ
“วาดรูปสวยหนิน้องสาว” เต๋าพูดพลางยื่นมือไปขยี้ผมของเด็กสาวจนยุ่งเหยิง
“ชอบไหมพี่ชา?”
“อ่า...” ถ้าตอบไม่ชอบคงไม่ดีแน่และยิ่งสายตาพ่อต๋อยที่หันมามองอีก นี่ไม่กลัวพ่อต๋อยมาเห็นแล้วสงสัยรึไงว่าน้องต๋อวาดรูปอะไร “ช..ชอบครับ”
“งั้นเดี๋ยวต๋อวาดเสร็จจะเอาให้นะ” เธอยิ้มหวานพลางมองพี่ชายทั้งสองอย่างอารมณ์ดี
“รอแปปนึงนะคุณพี่สะใภ้”
“น้องต๋อ!!!”
โชคดีที่พ่อต๋อยเดินออกไปรับโทรศัพท์พอดีและคงจะไม่ได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วของลูกสาวคนเล็ก แต่แค่นั้นก็พาเอาพี่สะใภ้ของน้องต๋อยืนหน้าแดงทำอะไรไม่ถูกจนกระทั่งฝ่ายพี่ชายต้องพูดขึ้น
“ขึ้นห้องไปอาบน้ำกันเถอะชา”
รอยยิ้มกรุ้มกริ่มที่ประดับบนใบหน้าทำเอาคชาอยากจะยื่นมือไปตีปากอีกคนสักสองสามที
แต่ทำไม่ได้! ก็ตอนนี้ข้อมือถูกอีกคนลากให้เดินขึ้นห้องไปแล้วสิ
คชาขึ้นมาบนห้องก็จัดการอาบน้ำให้เรียบร้อยเนื่องจากก่อนหน้าเขาเพียงแค่เปลี่ยนเสื้อผ้าเพราะไม่ได้กะไว้ก่อนว่าจะต้องค้างคืน คนตัวเล็กในชุดเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงขาสั้นของอีกฝ่ายเดินออกมาจากห้องน้ำพลางเช็ดผมที่เปียกชื้น ไม่ทันได้ทำอะไร โทรศัพท์มือถือก็ส่งเสียงเรียกดังขึ้น คชากดรับมันทันทีเมื่อเห็นว่าปลายสายที่โทรมาคือใคร
“เป็นไงมั่งวะไอ้เต้” น้ำเสียงสดชื่นถูกส่งไปยังคนในสายเพราะกำลังคิดว่าจะโทรไปหาพวกมันอยู่พอดี คชาหย่อนก้นลงบนปลายเตียงนอน มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ อีกข้างก็เช็ดผมไปพลาง
“เฮ้ย ไปกินไม่ชวนกูเลยว่ะ”
“เออ คราวหน้าเรียกกูด้วย ถ้าไปไม่ชวนอีกกูโกรธ”
“อือ”
“ไอ้นี่... ไม่มีอะไรว้อย!”
“ทำไมวะ?”
“ไอ้..บ้า...”
แม้จะเป็นเวลาไม่กี่นาทีที่คชาจดจ่อกับคนในปลายสาย หากแต่ก็สร้างความหงุดหงิดให้กับอีกคนไม่น้อย
เต๋านั่งมองร่างเล็กที่พูดคุยกับโทรศัพท์กับอีกคนอย่างสนิทสนม ทั้งๆ ก่อนหน้ายังอุตส่าห์วิ่งตามมาง้อเขาอยู่เลย แต่พอเขาหายโกรธแล้วความสำคัญก็คงจะลดลงตามไปด้วยสินะ
‘ปัง!’ เสียงปิดประตูระเบียงดังขึ้นอย่างจงใจเมื่อเจ้าของห้องอดรนทนไม่ไหวเดินออกไปที่ระเบียงแทน เต๋าสูดกลิ่นฝนปล่อยให้อากาศเย็นสบายกระทบผิว ปล่อยความคิดให้ล่องลอยอยู่ไม่นาน เสียงเอี๊ยดอ๊าดของประตูบานเดิมก็ดังขึ้นพร้อมกับใครบางคนที่ยื่นหน้าออกมาทั้งๆ ที่ยังกำโทรศัพท์อยู่ในมือ
“จะนอนรึยังเต๋า?” คนตัวเล็กโผล่หน้าออกมาถามเสียงซื่อ
“ยัง”
“อยู่ข้างนอกไม่หนาวหรอ?” คชาเดินออกมายืนที่ระเบียงบ้าง “ฝนตกอีกแล้ว” พูดพลางยกแขนกอดอกไว้เพราะอากาศที่เย็นชื้น
“หึ... ฝนตกก็เลยอดออกไปสิ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นท่ามกลางเสียงฝนโปรยปราย... อยากออกไปขนาดนั้นทำไมจะไม่ได้ยิน
“อ้าว...เต๋าจะไปไหนหรอ?”
“ใครกันแน่ที่จะไป...” แน่นอนว่าคำถามนี้ไม่ต้องการคำตอบ “ร่มแขวนอยู่ข้างล่าง ตรงหน้าบ้าน” ร่างสูงพูดจบก็เดินเข้าห้องไปอย่างคนไร้อารมณ์ ปล่อยให้อีกคนยืนงงอยู่พักหนึ่งก่อนจะรีบเดินตามเข้าไปบ้างเมื่อพอเดาความคิดอีกฝ่ายได้
คชามองคนตัวใหญ่ขี้ใจน้อยที่นั่งลงนิ่งๆ บนเตียงนอนก็ลอบยิ้มขำ มาแอบฟังเขาคุยโทรศัพท์กับไอ้เต้ไอ้เฟรมล่ะสิ เขาก็แค่บ่นอยากไปกรึ๊บเหล้ากับพวกมันบ้างแค่นั้นเอง
อุตส่าห์มาเรียนไกลหูไกลตาแม่แล้ว ก็อยากออกไปกินเหล้าสังสรรค์กันให้พอสนุกสนานเท่านั้นแหละ อีกอย่างวันนี้เพื่อนคนอื่นก็ไปกันพร้อมหน้า เพิ่งเริ่มสนิทกันมันก็อยากจะออกไปเฮฮาด้วยน่ะสิ
“เต๋า...จะนอนแล้วหรอ?” แต่พอเห็นอีกวางมาดขรึมใส่แบบนี้ ไอ้ความอยากจะออกไปหาเพื่อนก็สลายไปกับละอองฝน ร่างเล็กนั่งลงข้างๆ อีกคนพลางเอ่ยเบาๆ “จะให้เรา..นอนตรงไหนล่ะ?”
พูดเองก็เขินเองแปลกๆ ยอมรับก็ได้ว่าแอบคิดลึกกับประโยคที่เป็นฝ่ายเอ่ยออกมาเอง คชายกมือขึ้นเกาศีรษะน้อยๆ ช้อนสายตามองอีกคนอย่างรอคอยคำตอบ
เลิกงอนได้แล้วไอ้บ้าเอ๊ย ลงทุนง้อขนาดนี้แล้วนะ!
“นี่... จะให้นอนไหน?” คำถามเดิมถูกถามซ้ำเมื่ออีกคนไม่ยอมตอบ ริมฝีปากบางค่อยๆ แย้มรอยยิ้มสดใสเพื่อให้อีกคนค่อยๆ คลายอาการหน้าตึงลงบ้าง
“ข้างล่าง”
“ห๊ะ”
“บอกว่านอนข้างล่าง ไม่ได้หรือไง?”
ใจร้ายว่ะ! คชาทำปากยื่นใส่อีกฝ่ายเมื่อได้ยินคำตอบที่ไม่ตรงใจหากแต่ก็พยักหน้าตกลงโดยดี อุตส่าห์หวังว่าจะได้ยินคำตอบประมาณว่าเต๋านอนขวาคชานอนซ้าย แต่ไหงดันเนรเทศเขาลงมานอนข้างล่างแบบนี้เล่า
แต่เอาก็เอาวะ... ตอนที่เต๋าเคยไปค้างห้องเขา เขาก็เคยแกล้งให้มันนอนพื้นเหมือนกัน อย่างน้อยพื้นปาร์เก้ก็ไม่ได้เย็นเหมือนพื้นกระเบื้องในห้องนั้นน่ะนะ ร่างเล็กคว้าหมอนหนุนลงมาพร้อมด้วยหมอนข้างอีกใบ ก่อนจะนอนแผ่ลงบนพื้นมันทั้งอย่างนั้นแหละ
พยายามไม่น้อยใจ นึกเข้าไว้ว่า มันก็เหมือนในละครที่พระเอกต้องเสียสละเตียงให้นางเอกยังไงล่ะ
เท่ชะมัดเลยเรา…
“นอนละนะเต๋า”
รอยยิ้มหวานๆ ถูกส่งให้คนที่เพิ่งเดินไปปิดไฟกลับมา หากแต่คชากลับต้องตื่นตกใจ เมื่อถูกอีกฝ่ายช้อนตัวขึ้นมาไว้บนเตียง
“อ..อะไร?” น้ำเสียงตะกุกตะกักเมื่อเห็นว่าอีกคนอยู่ใกล้ชิดเพียงแค่นี้... แค่คืบเดียวเท่านั้น ไม่อยากเลยที่เต๋าจะก้มหน้าลงมาช่วงชิงอากาศจากเขาไปได้
ใบหน้าขาวคมยังคงมองเห็นลางๆ ด้วยแสงจากโคมไฟสีนวล เต๋าก้มหน้าลงมาชิดซะจนคชาเริ่มหายใจติดขัด อะไรสักอย่างบอกเขาว่าจูบครั้งที่สองของวันกำลังจะสูญไปในไม่ช้า... เปลือกตาบางค่อยๆ หลับลงมาแผ่วเบา
แต่ก็เปล่า...
“ฉันบอกให้นายนอนข้างล่าง” เสียงทุ้มเอ่ยคำประกาศิตอีกครั้ง และนั่นทำเอาอีกคนขมวดคิ้วผูกโบว์อย่างไม่เข้าใจ
“อื้อ... ก็ให้เราลงไปนอนข้างล่างดิ” ไม่รู้จะอุ้มขึ้นมาบนเตียงทำไม เอาแขนมากั้นไว้แบบนี้ แถมหน้ายังชิดซะจนจะหายใจรดต้นคออีก มันสยิวกิ้วนะรู้ไหม!
“ก็กำลังจะทำอยู่นี่ไง”
พูดจบร่างสูงก็อันตรธานมาอยู่บนตัวอีกคนภายในชั่วอึดใจเดียว อ้อมแขนแกร่งยันฟูกนุ่มไว้ก่อนจะก้มลงตวัดปลายจมูกสูดกลิ่นหอมจากเรือนกาย ครีมอาบน้ำกลิ่นเดิมในวันนี้กลับหอมละมุนกว่าทุกวัน
“แบบนี้ต่างหาก นอนข้างล่างน่ะ”
แววตาเรียบเฉยฉายแววความเจ้าเล่ห์ภายในพริบตา
เสียงหัวใจที่เต้นแรงในตอนนี้มันช่างพาให้กลัวเหลือเกินว่าอีกฝ่ายจะได้ยิน ไฟสีส้มนวลจากโคมไฟข้างเตียงส่องให้เห็นแววตาแน่วแน่จนเขารู้สึกได้ แผ่นหลังของคชาเริ่มชื้นเหงื่อ อุณหภูมิในตัวจากที่ร้อนรุมๆ เพราะสภาพอากาศยิ่งจะเพิ่มสูงขึ้นไปกว่าเดิม เขาเริ่มต้นทำอะไรไม่ถูก จะพูดห้ามหรือจะผลักไสอีกฝ่ายออกไปก็ดูเหมือนจะไม่เป็นผลเลยสักอย่างเดียว
และสัญชาติญาณของเขาก็ไม่ผิดจริงๆ... มือบางถูกจับตรึงเอาไว้แน่นไม่ให้เขยื้อนกายหนีไปไหนก่อนริมฝีปากหยักจะโน้มลงมอบจูบหอมหวานแก่เขาอีกครั้ง ไล่ต้อนสัมผัสอย่างหยอกล้อแต่ก็อ่อนโยนลึกซึ้งในคราวเดียวกัน
มือหนาค่อยๆ เกลี่ยเอาเส้นผมบางที่ปรกใบหน้านั้นอยู่มาทัดหูเอาไว้ เต๋าอยากจะเห็นให้ชัดๆ กับตาว่าอีกฝ่ายทำหน้าอย่างไร มองเขาแบบไหน เมื่อตกอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาแบบนี้
ริมฝีปากหนายกยิ้มทันทีเมื่อเห็นสีหน้าเขินอายอย่างไม่ปิดบังของคนข้างล่าง ทว่านั่นกลับยิ่งเป็นมากกว่าคำเชิญชวนให้เต๋าลงมือทำสิ่งที่ต้องการต่อไป
“ชอบไหมชา?” เสียงกระซิบแผ่วเบาที่ข้างหูทั้งชวนจั๊กจี้และวาบหวิวอยู่ในอก กะจะให้เขาระเบิดออกมาเลยรึไงนะ “ตอบมาสิ... ชอบ หรือ ชอบ”
ตัวเลือกของคำตอบเรียกว่าไม่มีทางเลือกจะดีกว่า ริมฝีปากหนาคลอเคลียบริเวณใกล้ๆ ใบหู ก่อนฝังจมูกโด่งลงบนแก้มนุ่มนิ่มฟอดใหญ่ มือหนาสัมผัสผิวหน้าเนียนนุ่มของอีกฝ่ายอย่างทะนุถนอม
และตอนนั้นคำพูดของเพื่อนซี้เมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้าก็ดังแว่วเข้ามาในหัวยิ่งพาให้สติกระเจิดกระเจิง
‘งั้นแสดงว่าคืนนี้แกก็ค้างบ้านเต๋าอะดิ’
‘อือ’
‘เสร็จแน่น้องทอมคชา’
‘ไอ้นี่... ไม่มีอะไรว้อย!’
‘ห้ามเปิดประตูออกไปนอกห้องเด็ดขาดเลยนะเว่ยคชา’
‘ทำไมวะ?’
‘เอ๊า... เขาถือเคล็ดกัน คืนแรกที่เข้าหอเขาห้ามเจ้าบ่าวเจ้าสาวออกมาก่อนฟ้าสว่าง’
‘ไอ้..บ้า...’
น่าอายชะมัด... ใครจะคิดว่าคำพูดน่าอายที่ไอ้โปเต้มันแกล้งล้อเลียนจะเริ่มส่อเค้าลางเป็นจริงขึ้นเรื่อยๆ คชาหลับตาลงอีกครั้งราวกับจะหนีความจริงในตอนนี้
ไม่ได้อยากจะยอมนะ แต่มัน...
ทว่าเพียงครู่เดียวเท่านั้น ตาคู่ใสก็ค่อยๆ ลืมขึ้นเมื่อเห็นว่าการกระทำของอีกคนชะงักไป ใบหน้าที่กำลังขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิดของอีกฝ่ายสร้างความสงสัยให้กับเขาอยู่ไม่น้อย
“ตัวร้อนนี่ เป็นไข้หรอ?” ฝ่ามือหนาวางพิสูจน์ลงบนหน้าผาก ก่อนจะก้มลงแตะหน้าผากลงตามไปวัดอุณหภูมิอีกครั้ง “ไม่สบายทำไมไม่บอก” เต๋าพูดต่อเมื่อรู้สึกได้ทันทีว่าอีกคนตัวร้อนรุมๆ
ไม่ทันรอคำตอบ อีกคนก็รีบลุกเดินออกจากห้องไป ก่อนจะกลับมาด้วยยากับน้ำดื่มในแก้วใบใส เจ้าของห้องลงมือป้อนน้ำป้อนยาให้อีกคนเสร็จสรรพ ก่อนจะปิดไฟมืดสนิทอีกครั้งแล้วมานั่งข้างๆ กันบนเตียง
“ทีหลังไม่สบายต้องบอกนะรู้ไหม?” น้ำเสียงที่พูดออกจะดุนิดหน่อยแต่แฝงความห่วงใยเอาไว้เต็มเปี่ยม
“อือ” คชาขานรับเบาๆ ...ก็เขาไม่อยากเป็นภาระกับอีกฝ่ายนี่นา อีกอย่าง ตอนนั้นใครจะมีอารมณ์พูดล่ะ โดนขึ้นคร่อมซะขนาดนั้นคงจะมีสติคิดหรอกนะว่าตัวเองกำลังตัวร้อนอยู่
“นอนเถอะ... พักผ่อนเยอะๆ จะได้หาย”
ถ้อยคำแสดงความห่วงใยทำเอาอีกฝ่ายอิ่มเอมใจ คชาลอบอมยิ้มในความมืดนั้นก่อนจะล้มตัวลงหนุนหมอน ตอนนี้เขาง่วงและเหนื่อยล้ามากแล้ว และความสุขที่ล้นปรี่ก็เป็นเครื่องการันตีว่าคืนนี้เขาจะต้องฝันดีแน่ๆ คชาหลับตาลงไม่นานก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากอ้อมแขนหนาที่โอบกอดเขาไว้ราวกับเขาเป็นหมอนข้างใบโปรด
“เดี๋ยวก็ติดไข้หรอก” คนป่วยประท้วงน้ำเสียงอ้อยอิ่งจนคนฟังอยากจะถามกลับไปเหลือเกินว่า ที่พูดนี่อยากให้เขาปล่อยหรืออยากให้เขาทำอะไรกันแน่
“ติดก็ดีสิ จะได้แบ่งๆ กันป่วย” ไม่พูดเปล่าแต่มือปลาหมึกทำหน้าที่กอดอีกคนไว้แน่นหนากว่าเดิม “คิดถึงนะชา...คิดถึงมากเลยนะรู้ไหม ห้ามหนีไปไหนอีกล่ะ”
“อื้อ”
“หมอนข้างใบเดิมนี่นา” ไม่ต้องคิดให้ยาก ก็คืนวันที่เต๋าเคยไปนอนค้างห้องเบอร์ 23 แล้วเกิดศึกแย่งหมอนข้างนั่นแหละ ใบหน้าหล่อลอบยิ้มเมื่อนึกถึงความบังเอิญที่อีกคนหอมแก้มเขาในคืนวันนั้น ปลายจมูกโด่งทิ้งลงบนแก้มเนียนอย่างตั้งใจ “ทั้งหอมทั้งนุ่ม... เหมือนเดิมเลย”
ไม่มีคำตอบใดๆ ตามมา มีเพียงฝ่ามือที่ทุบหลังอีกคนเป็นการประท้วงเบาๆ หากแต่ก็ยอมให้เต๋ากอดเขาไว้แต่โดยดี
สองร่างบนที่นอนกอดก่ายกันอย่างแน่นหนาราวกับเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน เสียงฝนตกพรำค่อยๆ จางหายจนเงียบสงบลง
ฝนหยุดแล้ว... ท้องฟ้าแม้มืดมิดแต่ก็สว่างไปด้วยแสงจันทร์นวลกระจ่าง
ท้องฟ้าก็เหมือนชีวิต มีช่วงเวลาที่ฝนตก แดดออก หรือพายุเข้า คนเราก็มีทั้งช่วงเวลาดีๆ และเลวร้าย
ทว่าท้องฟ้าไม่ใช่ของใคร แต่ชีวิตเป็นของเรา
และเขาก็เลือกแล้ว... ที่จะทำให้ช่วงเวลานี้มีแต่ความสุข
“ฝันดีนะคชา”
“ฝันดีนะเต๋า”
เก็บสิ่งดีๆ เอาไว้ แล้วโยนความเศร้าทิ้งไป
ขอบคุณนะ... ขอบคุณที่ให้โอกาสเราอีกครั้ง
TBC
แอบมาดิทเพิ่มบทน้องเต๋อไปหน่อย แหะๆ ตอนแรกไม่รู้อะว่าพี่เต๋ามีน้องชายด้วย
คำคมตอนท้าย เห็นในสเตตัสเพื่อนเลยยืมมา ซึ่งเพื่อนก็เอามาจากไหนอีกต่อนึงนี่แหละ
ตอน 18 นี้แต่งตอนฟังเพลงร่มสีเทาไปด้วย พอจะได้บรรยากาศของเพลงนั้นมาบ้างไหม >w<
ส่วนเรื่องหมอนข้างที่เต๋าพูด น่าจะอยู่ตอน 6 และ 7 (ลืมไปแล้วล่ะสิ 55)
มีคนสงสัยเรื่องคณะเต๋าในเรื่องไหม ในเรื่องเต๋าเรียนบริหารอินเตอร์ (BBA) แต่ที่ตอนแข่งกีฬาพูดว่าบัญชี คือเรายึดตามมหาลัยเราที่มีคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ซึ่งมีสาขาบริหารอยู่ในนั้น (แต่มหาลัยส่วนใหญ่เขาจะแยกกันเป็นคณะบริหาร คณะบัญชี ไปเลย)
ตอนนี้พอมีพล็อตฟิคเรื่องใหม่ละ แต่ยังไม่รู้แน่ชัดว่าอนาคตจะมีเวลามาแต่งไหม รู้แค่อยากแต่ง ไว้เรื่องนี้จบก่อนนะ เจอกันแน่ (แต่คงไม่อัพถี่นัก)
ตอน 19 จะพยายามมาต่อก่อนเราเปิดเทอมนะจ๊ะ (เราเปิดวันอังคารนี้แล้วอ้ะ)
ความคิดเห็น