ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [TaoKacha AF8] ♀ TOM (or) BOY ♂

    ลำดับตอนที่ #19 : ♀ TOM (or) BOY ♂ - 17

    • อัปเดตล่าสุด 12 พ.ค. 55


    TOM (or) BOY

    17

     

     

     


    หยดน้ำใสค่อยๆ รินไหลออกจากดวงตาทีละน้อย และดูไม่มีทีท่าจะหยุดลงง่ายๆ ในยามนี้  ช่างไม่เข้ากันกับหุ่นแบบผู้ชายอกสามศอกเลยสักนิดเดียว

    “ไอ้เจมส์ มึงจะร้องทำไม นี่พวกเราชนะนะเว่ย”

    “ฮือ ก็กูไม่เคยแข่งชนะเลยนี่หว่า”

    “อ้าว ไหนบอกแชมป์เก่า”

    “กูโม้ไปงั้นแหละ!

                ภาพชายร่างสูงใหญ่ถือผ้าขนหนูลายหมีพูห์เช็ดน้ำตาไปด้วยดูออกจะน่าขำอยู่นิดๆ หากแต่ภาพเหล่าเพื่อนๆ ที่รุมปลอบใจปนกวนส้นเล็กๆ ก็คงเรียกรอยยิ้มจากผู้พบเห็นได้ไม่น้อย

                “เลิกร้องได้แล้วไอ้หมี เดี๋ยวพรุ่งนี้ซื้อน้ำผึ้งให้”

                “เดี๋ยวกูซื้อส้มสายน้ำผึ้งให้”

                “งั้นกูซื้อน้ำส้มสายชูให้”

                “ไม่เกี่ยวกันว้อยยยยย!

                หนุ่มร่างเล็กยืนมองภาพเพื่อนๆ แสนสุขสันต์ของเขาก็อดยิ้มออกมาด้วยไม่ได้ ดีใจกับทุกคนที่ได้รับชัยชนะจากการแข่งขันเมื่อครู่นี้ ทว่าในใจยังกลับรู้สึกจุกๆ อยู่ดี  มือเรียวดึงเสื้อเบอร์ที่สวมทับอยู่ออกเมื่อมีคนเรียกเก็บคืน... เพียงเท่านั้นหมายเลข 3 กับชื่อใครบางคนบนเสื้อก็สะกิดแผลเดิมขึ้นมาในใจ

                “เฮ้ย! ไอ้ชา อย่าชักช้า เดี๋ยวจะไปกินเนื้อย่างต่อกัน  รีบไปเปลี่ยนชุดเร็ว”

                “เออ รอเดี๋ยว”  เขาขานรับส่งๆ ไป ก่อนจะถอนหายใจเหนื่อยๆ ออกมา

                มันจะจบลงแบบนี้จริงๆ ใช่ไหม?

              แล้วในที่สุด เราก็กลาย...เป็นคนไม่รู้จักกัน

     


    - - -



     

    หนุ่มผิวขาวจัดเดินอยู่เดียวดายภายใต้ท้องฟ้าอันมืดมน บรรยากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝนไม่ต่างอะไรนักกับสภาพจิตใจ  สองเท้าเดินก้าวฉับๆ แม้ใจจะหมดเรี่ยวแรงเสียเต็มประดา  หากแต่เพียงเดินไปได้แค่ครึ่งทาง สายฝนก็เริ่มเทกระหน่ำลงมาอย่างไม่เห็นใจคนบนพื้นดิน

                รอยยิ้มเศร้าผุดขึ้นที่ริมฝีปาก ขาไม่คิดแม้แต่จะก้าวหลบหนีเลยแม้แต่น้อย ปล่อยให้มันชำระล้างคราบเหงื่อไคลออกไปจนหมดสิ้น  ปล่อยให้สายฝนอำพรางน้ำตาที่ไหลรินลงมาผสมปนเปกันต่อไป

                เพราะหลังจากวันนี้ เขาจะไม่เสียใจ... เขาบอกกับตัวเอง

     

                เสียงฝนดังซู่ซ่าไม่หยุดจนกระทั่งเดินมาถึงตรอกทางเข้าบ้าน ตึกแถวหอพักสีชมพูช่างดูน่าหดหู่เหลือเกินในความคิด มันไร้ชีวิตชีวาแห้งแล้งไม่เหมือนเก่า น่าตลกนะ มันก็แค่ตึก แต่พอขาดใครบางคนไป มันกลับทำเอารู้สึกเงียบเหงาวังเวงได้ขนาดนี้

                หยดน้ำใสจากดวงตาคู่คมหยุดไหลลงมาแล้ว หากแต่แววตายังโศกเศร้าไม่เปลี่ยน เต๋ายกยิ้มมุมปากราวกับจะเยาะเย้ยตัวเอง

                จะเสียใจให้ได้อะไรขึ้นมา? ในเมื่อไม่มีชาค่ะคนเดิมอีกแล้ว ไม่มีชาค่ะที่เคยช่วยเขาจีบแพรวา ไม่มีชาค่ะที่เขาชอบแกล้ง ไม่มีชาค่ะที่ไปกินข้าวด้วยกัน

                หรืออันที่จริง... มันไม่มีชาค่ะแต่แรกแล้วต่างหาก

    ร่างสูงค่อยๆ หันหลังให้กับมัน  ก้าวขามายังหน้าบ้านของตัวเอง มืออันเปียกชื้นคว้ากุญแจจากในกระเป๋า ก่อนจะใช้มันเปิดประตูเข้าไป  ใบหน้าขาวซีดหันมามองตึกแถวสีชมพูอีกครั้ง

    และเขาตั้งใจ ว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้าย

    อะไรที่ทำแล้วเหนื่อย ก็คงต้องหยุด แล้วพอสักที...

                เขาละสายตาออกจากตึกแถวเบื้องหน้าอันเงียบเหงา ก้มหน้าล็อคประตูบ้านให้เหมือนเดิม

                ลาก่อนชาค่ะ... ลาก่อนคชา...

                แล้ววันข้างหน้า... เราคงเป็นแค่คนเคยรู้จักกัน

     

                เปรี้ยง!’

    เสียงฟ้าผ่าที่ดังขึ้นทำเอาเต๋าเงยหน้ามองออกไปภายนอก ไม่รู้ว่าทำไม เขาถึงรู้สึกราวกับท้องฟ้าจะส่งสัญญาณอะไรกับเขาบางอย่าง  เต๋าก้มลงถอดรองเท้าอันเปียกชื้นวางผึ่งไว้บนชั้น

    เปรี้ยง!’  ครั้งที่สองตามมาไม่ห่างกัน เขาเงยหน้ามองออกไปด้านนอกอีกครั้ง เพียงวูบเดียวเท่านั้น หัวใจเจ้ากรรมก็กระตุกวาบทันที

     

                “เต๋า! 

                น่าตลก... ที่เขากลับได้เห็นหน้าคนที่ตัดใจว่าจะไม่ไปยุ่งด้วยอีกครั้ง  คชายืนอยู่ตรงหน้านี้ เรียกชื่อเขาด้วยความรู้สึกที่ยากจะเข้าใจ

                นึกจะมาก็มา นึกจะไปก็ไป... เห็นเขาเป็นอะไรนะคชา?

    “ขอเข้าไปหน่อยสิ”  กับคนที่ไม่ได้อยากจะใจอ่อนด้วยอีกแล้ว แต่พอเห็นว่าอีกฝ่ายตัวเปียกโชกแค่ไหน ทั้งเสื้อผ้าและเส้นผมที่ลู่ไปกับร่างกาย มันก็พาให้มือเปิดประตูออกให้เอง

     

    เป็นหนที่สองแล้วที่คชาได้เข้ามาเหยียบบ้านหลังนี้ นับตั้งแต่อาทิตย์ก่อนที่มาดูฟุตบอลด้วยกันกับอีกคนกลางดึก  ทว่าช่วงเวลาเพียงอาทิตย์เดียว ก็ทำให้อะไรๆ เปลี่ยนไป

    “เต๋า... เรามีเรื่องจะคุยกับนาย”

    แม้เขาจะไม่ได้ยืดอกยกไหล่พูดอย่างผ่าเผย แต่ก็ไม่ได้หลบแววตาคู่คมของอีกฝ่ายเลย หัวใจดวงน้อยเต้นดังโครมคราม...มันทั้งตื่นเต้น ทั้งกังวล หากแต่ก็หวั่นไหว

    ราวกับทั้งคู่กำลังเล่นเกมจ้องตา คนหนึ่งกำลังรอคอยข้อความที่อีกฝ่ายต้องการจะบอก ส่วนอีกคนกำลังพยายามรวบรวมความกล้าในการพูดความรู้สึกของตัวเองออกมา คชาที่ยืนตัวลีบอยู่เบื้องหน้าค่อยๆ อ้าปากออก

    “เต๋า...ไปทำอะไรมาถึงได้เปียกขนาดนี้  รีบไปอาบน้ำอาบท่าเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเร็ว  พาเพื่อนขึ้นไปเปลี่ยนชุดด้วยเลย”

    ทว่าเสียงของหญิงวัยกลางคนที่เดินเข้ามาพอดีก็ทำเอาบทสนทนาที่ยังไม่ได้เริ่มต้นค้างกลางอากาศแบบนั้น  เต๋าหันไปหาเธอก่อนจะตอบรับกลับไป  “ครับแม่”

     

    ระยะทางสี่ชั้นที่ต้องเดินขึ้นไปเต็มไปด้วยมวลความอึดอัด คชาจดจ้องแผ่นหลังอีกคนที่ก้าวขึ้นไปไวๆ พลางรู้สึกท้อใจอยู่ไม่น้อย

    ตั้งแต่เขามาที่นี่... เต๋ายังไม่ได้เปิดปากพูดกับเขาสักคำเดียว แถมใบหน้าเฉยชานั้นก็ทำเอาเขาตีความไปในทางร้ายๆ ได้อีกมากมาย  ถ้าไม่มีสายฝน ถ้าเขาไม่ได้ตัวเปียก เต๋าก็คงไม่ใยดีเขาเลยสักนิดเดียว

                ความเงียบงันยังคงอยู่แม้กระทั่งทั้งสองคนขึ้นมาถึงบนห้อง เต๋าเปิดตู้เสื้อผ้าไม้สีเข้มออกก่อนจะหยิบจับอะไรอยู่ตรงนั้น  ส่วนคชายังยืนนิ่งๆ อยู่แถวหน้าประตู ไม่กล้าจะกระดิกตัวทำอะไรสักอย่างเดียว

                “นี่”  สบตากันเข้าก็ตอนที่เต๋าหันมามองพอดี  คชาสะดุ้งโหยง ยืนนิ่งแข็งเมื่ออีกคนเข้ามาใกล้พร้อมกับยื่นผ้าขนหนูและเสื้อผ้า  “เอาไปเปลี่ยน”

                ถ้าเป็นปกติ เขาคงตอบปฏิเสธเสื้อผ้าพวกนั้นไปแล้ว หากแต่ตอนนี้ เขาได้แต่กลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอไป ก้มหน้าแล้วตอบแค่  “ขอบใจ”  เพียงเท่านั้น  ใจจริงอยากให้เต๋าเป็นฝ่ายเปลี่ยนก่อนเหมือนกัน แต่ด้วยความไม่กล้าสู้หน้าก็เลยต้องตามน้ำไป  หากแต่หัวใจกลับเต้นรัวเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ใจร้ายเกินไปนักกับตัวเอง

               

                หลังจากคชาเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อผ้าของอีกฝ่ายเสร็จ เจ้าของห้องก็ผลัดเข้าไปเปลี่ยนบ้าง เขาได้ยินเสียงซู่ซ่าที่ดังออกมาจากห้องน้ำ เต๋าคงจะอาบน้ำเลย

                คชาใช้ผ้าขนหนูเช็ดเส้นผมที่ยังเปียกชื้น ก่อนจะเดินมายังบริเวณริมหน้าต่าง แหวกม่านออกเล็กน้อยก่อนจะปิดมันลงอย่างเก่า ขาก้าวไปหยุดยืนที่หน้าประตูสีขาวที่จะออกไปยังนอกระเบียง ยืนลังเลไม่นานก็เปิดมันออกไป

                มือเรียวจัดการบิดเสื้อผ้าของตัวเองที่เปียกชุ่มให้น้ำบางส่วนออกไป สะบัดมันอีกทีสองทีก่อนจะวางพาดมันไว้ตรงราวระเบียง

                ร่างเล็กท้าวแขนที่ระเบียงมองออกไปด้านนอก สายฝนหยุดลงแล้วหากแต่อากาศยังเย็นชื้นอยู่ เนื้อตัวที่เริ่มร้อนรุมๆ ทำเอาคชารู้สึกว่าโดนฟ้าฝนเล่นงานเข้าอีกแล้ว

                มือบางตีหน้าผากอุ่นแปะๆ  รู้สึกว่ามันบ้าดี ที่อยู่ๆ ก็ตัดสินใจวิ่งมาที่นี่... วิ่งมา แม้จะไม่รู้ว่าอีกคนอยู่รึเปล่า แค่เพียงคิดว่า ยังไงวันนี้ก็ต้องได้คุยกัน

                เพราะเขาไม่อยากเป็นแค่...คนเคยรู้จักกัน...กับเต๋าเลย

                นึกถึงจุดประสงค์ที่มาในวันนี้ หัวใจก็เริ่มเต้นถี่แรง เขาไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายจะโกรธเขาแค่ไหน ท่าทีเฉยชาที่ได้รับมันทำเอาใจแป้ว หากแต่ลึกๆ ในใจเขามีความหวังว่าเต๋าจะยังเหมือนเดิม

    ใจนึกไปถึงอีกคนในห้องน้ำ ร่างกายกลับหลังหัน ก่อนจะพบว่า คนคนนั้นมายืนอยู่ข้างหลังเขาอยู่แล้ว

                ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?

                “ทำอะไร?”

                “เอ่อ... เอาเสื้อมาบิดให้แห้ง”

                “เข้าไปได้แล้ว”

                “อ..อืม”

                คชาหยิบเสื้อและกางเกงที่ผึ่งลมไว้บนราวก่อนจะเดินตามอีกคนเข้าไปต้อยๆ  สมองพยายามนึกคำพูดอย่างที่ตั้งใจในวันนี้

                จะเริ่มจากอะไรก่อนดี?

                “มีอะไร?”  หากแต่เป็นเต๋าที่เปิดบทสนทนาก่อน  “พูดมาสิ”  เสียงเดิมเร่งเร้าคนที่ยังยืนแน่นิ่งเหมือนทำตัวไม่ถูก  ก็ยังไม่ทันเตรียมคำพูดในหัวเลย อยู่ๆ ก็ถามขึ้นมา

                “เรา...”  คชาอ้ำอึ้ง ก้มหน้ามองเท้าตัวเอง ก่อนจะฮึดสูดหายใจเข้าลึก แล้วค่อยๆ ช้อนมองอีกคนที่รอฟัง  เต๋าจ้องมองใบหน้าอีกคนแน่นิ่งไม่วางตา

    “เรา...เราเอาเสื้อมาคืน”  คนตัวเล็กพูดพลางยกเสื้อสีดำในมือขึ้น  “แต่เดี๋ยวเราไปซักมาให้ก่อนดีกว่า”  ส่งยิ้มแหยๆ ให้อีกฝ่าย หากแต่เต๋ากลับไม่แม้แต่จะแย้มยิ้มด้วยเลย

    มือขาวจัดแย่งเอาเสื้อสีดำตัวเก่าของตนมาไว้ในมือ ก่อนจะเหวี่ยงมันลงไปที่ตะกร้าผ้าอย่างไม่ใส่ใจนัก  “ถ้าจะมาแค่นี้ก็กลับไปได้แล้ว”  ใบหน้าหล่อเหลานั้นยังคงไปด้วยความเรียบตึงที่ทำเอาอีกคนนึกหวั่นในอก

    “ยังสิ... ยังไม่หมด”  คชารีบยื้อยุดเอาไว้ก่อนจะถูกไล่จริงๆ  “เราขอโทษ...ที่เคยโกหกนาย”  เสียงใสเอ่ยต่อพลางทำหน้าย่นอย่างขอความเห็นใจ 

    “ไม่ได้ตั้งใจจะหลอกนะ... เอ่อ...เอาจริงๆ ก็ตั้งใจ แต่ที่โกหกก็เพราะจำเป็นนะ มันหาหออยู่ไม่ได้แล้วอ้ะ จริงๆ ต้องโทษเฟรมด้วย เพราะเฟรมมันหาหอนี้มาให้ ใจจริงเราก็ไม่ได้อยากทำแบบนี้เลย”

    “แล้วไง?”

    คำตอบกลับสั้นๆ หลังจากคำพูดอธิบายเสียยืดยาวทำเอาคนตัวเล็กเสียเซลฟ์ไปเลย  “แล้วเต๋า...เต๋าจะยกโทษให้เราได้ไหม?”

    “อืม ยกโทษให้ แค่นี้ใช่ไหมที่จะพูด?”

    ยกโทษหรอ? ไม่จริงเลยสักนิดกับสีหน้าเรียบเฉยที่เต๋าทำใส่ ถ้ายกโทษให้แล้วทำไมถึงยังทำหน้าแบบนั้น หรือคำว่ายกโทษกับหายโกรธมันไม่เกี่ยวกัน

    “เต๋า ขอโทษจริงๆ นะ เรากลับมาคุยกันเหมือนเดิมได้ไหม? อย่าทำหน้าแบบนี้ใส่เราดิ”  คนตัวเล็กเริ่มพูดเสียงอู้อี้ด้วยอารมณ์น้อยใจ เขาเริ่มทำอะไรไม่ถูกแล้ว นึกโทษตัวเองที่คำโกหกมันกลายมาเป็นดาบทิ่มแทงตัวเอง

    สำหรับตอนนี้ แค่...คนรู้จัก...เต๋าจะให้เขาได้รึเปล่า เขายังไม่รู้เลย

    “เรื่องวันนี้ก็ด้วย เราไม่ได้ตั้งใจจะทำให้นายชู้ตไม่ลงนะ ไม่ได้ตั้งใจจะไปกันด้วย แต่เพื่อนสั่งมา”  คชาพยายามอธิบายเพราะกลัวจะถูกเข้าใจผิด  “เพื่อนบอกให้ไปกันจริงๆ นะ ไม่ได้ตั้งใจจะแกล้งนายเลย”

    “แล้วที่มาที่นี่...ใครสั่งมาอีก?”

    “เปล่านะ เรามาของเราเอง”  คชารีบปฏิเสธทันควัน  “จะหาว่าเราเห็นแก่ตัวก็ได้ แต่เราไม่อยากเสียเต๋าไป”

    ไม่อยากเสียเต๋าไป... ใครกันแน่ที่ทิ้งใครก่อนนะ? เขาเก็บคำถามนี้ไว้ในใจ ไม่ได้พูดมันออกมา ด้วยเพราะสีหน้าลูกหมาหงอยๆ ของคชาที่ทำเอาเขาเศร้าแทน เขาถอนหายใจออกมาอย่างปลงๆ เมื่อเห็นภาพนั้น  ก่อนจะเป็นฝ่ายพูดบ้าง

    “แล้วทำไมอยู่ๆ ถึงหายไป?”  เสียงทุ้มที่พูดขึ้นทำเอาอีกคนเริ่มใจชื้นขึ้นมาอีกนิด อย่างน้อยเต๋าก็ไม่ถึงกับเฉยเมยไม่สนใจเขาแล้ว

    “ก็จะให้เราสู้หน้าเต๋าได้ยังไง หลอกไว้ตั้งขนาดนั้น อีกอย่าง...”  คชานิ่งไปพลางคิดว่าจะพูดหรือไม่พูดดี

    “อีกอย่างอะไร?”

    “ไม่มีอะไร”

    “อีกอย่างอะไร?”

    “ก็เต๋า...เต๋าชอบเรา”

    ประโยคสั้นๆ ที่อีกฝ่ายพูดมันทำเอาคนฟังถึงกับนิ่งไป  เขาชอบคชา ใช่ เขาชอบคชา... แต่ใครจะคิดว่ามันจะเหตุผลที่อีกฝ่ายจากเขาไปแบบนี้

    โดนต่อยหน้าสักทียังจะดีกว่าต้องมาได้ยิน

    “เราไม่ได้หมายความแบบนั้นนะเต๋า... เดี๋ยวสิ อย่าเดินหนี”  คนตัวเล็กรีบไปกั้นหน้าอีกคนเอาไว้ ยืนขวางประตูเอาไว้อย่างนั้นแหละ “ฟังก่อนสิ ยังพูดไม่จบเลย”

    “เต๋า... เต๋ารังเกียจไหม ที่ตัวเอง...ชอบผู้ชาย?”

    ไม่มีคำตอบจากริมฝีปากหยักคู่นั้น มีเพียงแววตาที่ยากจะคาดเดาส่งมาให้ คนตัวเล็กยังคงทำใจดีสู้เสือ ประสานตามองแม้จะรู้สึกกลัวจับใจ

    กลัว... ว่าอีกฝ่ายจะไม่ต้องการเขาแล้วจริงๆ

    “ถ้าเต๋ารังเกียจ ก็คงไม่แปลกหรอก ตอนแรกเราก็มึนๆ กับตัวเองเหมือนกัน”  กว่าเขาจะคิดได้ ก็เกือบจะสายไปเสียแล้ว

    “แต่ถ้าไม่... ขอโอกาสให้เราอีกทีได้รึเปล่า?”

    ตาคู่ใสช้อนมองใบหน้าอีกคนอย่างอ้อนวอน มือบางจับมืออีกฝ่ายเอาไว้แม้จะรู้สึกเคอะเขินอยู่ก็ตาม

    “อย่างน้อย เรากลับมาเป็นเพื่อ..น.....”

    ข้อความท้ายประโยคถูกกลืนกินด้วยริมฝีปากของอีกคนจนหมดสิ้น มือบางที่จับมืออีกคนไว้เริ่มคลายออกเพราะความตกใจ หากแต่เต๋าก็เป็นฝ่ายกระชับมันไว้แทน แผ่นหลังบางถูกดันจนชิดกับบานประตู

    มือหนาข้างที่เหลือยกขึ้นสัมผัสใบหน้าให้เอียงรับสัมผัสหอมหวานจากเขาอย่างถนัดถนี่ ลิ้นยาวค่อยๆ สอดเข้าไปทีละนิด หยอกล้อกับอีกคนที่เริ่มละเลียดรับรสชาตินั้นเข้าไปชิมเสียบ้าง  แม้จะดูเงอะๆ งะๆ ไม่ถูกต้องสักอย่าง  แต่เต๋ากลับไม่เคยมีจูบครั้งไหนทำให้รู้สึกดีเท่าครั้งนี้เลย

    เพราะมันคือจูบที่มอบจากหัวใจ...เพื่อสื่อไปถึงหัวใจอีกดวง

    ตาคู่เรียวจากที่เคยหลับปี๋กลับค่อยๆ คลายความหวาดเกร็ง ก่อนจะเริ่มลืมตาขึ้นมามองสภาพความเป็นจริง

    ถึงจะเขิน ที่ต้องเสียจูบให้คนคนเดิมอีกครั้ง แต่ไม่ใช่ไม่เต็มใจเสียหน่อย คชาเต็มใจ หากมันจะทำให้อะไรๆ จะกำลังแปรเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดี แม้ยังไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะต้องเผชิญกับอะไรบ้างก็ตาม

               

                แผ่นหลังที่เริ่มเสียการทรงตัวก็ทำให้คนตัวเล็กกอดอีกคนเข้าไว้ด้วยความตกใจ... เขาพิงประตูอยู่ไม่ใช่หรอ? แล้วตอนนี้มันหายไปไหน?

                จูบอันยาวนานชะงักลงกลางคันเมื่อทั้งคู่รู้สึกได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง และเพียงไม่นานก็พบกับความจริง

                “แม่ให้มาตามไปกินข้าว”  เจ้าน้องสาวแก้มยุ้ยตัวแสบนี่เองที่โผล่เข้ามาไม่ให้สุ้มให้เสียงกันแบบนี้  แถมแววตาสนุกสนานของเจ้าตัวก็ทำให้เต๋ารู้ว่าน้องคนนี้คงจะเห็นอะไรดีๆ เมื่อครู่หมดแล้ว  รอยยิ้มล้อเลียนช่างดูทะเล้นแก่แดดเหลือเกินในสายตาพี่ชาย หากแต่กับคนมาใหม่กลับรู้สึกอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนดี

                “ทำธุระเสร็จแล้วก็รีบลงมานะพี่เต๋า”  เธอเอ่ยอย่างมีเลศนัย ก่อนจะเปลี่ยนโฟกัสไปที่หนุ่มรุ่นพี่ที่ยืนส่งยิ้มเจื่อนๆ มาให้  พี่สะใภ้ด้วย รีบลงมานะ เดี๋ยวกับข้าวเย็นหมด”

    เด็กสาวพูดจบก็หันหลังเดินออกไปอย่างอารมณ์ดี ปล่อยให้พี่ชายกับพี่สะใภ้ (ที่แม่เรียกว่าเพื่อนพี่เต๋า) ได้อยู่กันต่อตามลำพัง

    ไว้วันหลังแอบเอากล้องมาติดไว้ดีไหมนะ?

     







    TBC

    มีน้องต๋อออกมาด้วย >w<
    ตอนที่แล้วปล่อยดราม่าไว้ เลยไม่กล้าดอง 555 ตอนนี้โบกมือลามาม่าแล้วนะ บ๊ายบาย
    นี่คืนดีกันง่ายไปมะ? ไม่ได้ทรมานคชาเลยอะ ทำไมเต๋าเป็นคนดีจังวะ 5555
    ตอนนี้แต่งเสร็จแล้วรีบลง อาจมีการอิดิทอีกนิดหน่อยภายหลังนะจ๊ะ

    สปอย (ไหม?) >>> ตอนต่อไป... มานั่งดูครอบครัวเพียงพอกับลูกสะใภ้เขากินข้าวกัน อิอิ

    ขอบคุณทุกคนอีกครั้งที่ติดตามกันมาอย่างยาวนานนะจ๊ะ <3 เผลอแว้บเดียวตอน 17 แล้ว
    ป.ล. ช่วยกันภาวนาให้คนแต่งสมองปลอดโปร่ง คิดงานแจ่มๆ ออกหน่อยสิ กำลังจะส่งประกวด (แต่ยังแทบไม่ได้เริ่ม -_-)


    เกือบลืม ขอเวิ่นหน่อย คือรูปเต๋าคชาในชุดนศ.ทำให้เราคิดถึงฟิคเรื่องนี้โคตรๆ อะ อร๊ากกกกกกกกกกกกกกกก (แทบคลั่ง)  ถ้าใครคนไหนว่างๆ พอใช้ Photoshop เป็นวานทำโปสเตอร์ฟิคให้ทีได้ไหมจ๊ะ นะนะ มันจะได้ดูเข้ากะเรื่องหน่อยอะ 55555 - รูปปัจจุบันคือการแถอยู่
    ใครสนใจทำให้ ติดต่อหลังไมค์มาหาที่ @rainbobow /  bobowk@gmail.com นะจ๊ะ ขอบคุณมากจ้า หรือจะทักทายกันเฉยๆ ก็ได้ ฮ่าๆๆ





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×